สำรวจจุดเสี่ยงทั่วกรุงหลังลูกดาราดับ , กรมชลฯ ยัน กทม.-ปริมณฑล ปีนี้น้ำไม่ท่วม

[sithiphong]

สำรวจจุดเสี่ยงทั่วกรุงหลังลูกดาราดับ

'กทม.' สั่ง 'สำรวจถนน-ทางแยก-โค้งอันตราย' ทั่ว กทม. หลัง 'ลูกสาวโกวิทดับ' เล็งติดแถบยางเตือนบนผิวถนน จุดเสี่ยงอุบัติเหตุเพิ่ม และเตรียมติดตั้งอุปกรณ์ลดแรงปะทะ

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 55  นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีที่ลูกสาวของนายโกวิท วัฒนกุล นักแสดงชื่อดัง ประสบอุบัติเหตุขับรถเบนซ์ ชนขอบทางต่างระดับสะพานข้ามแยกรัชวิภา พุ่งตกลงมาพื้นข้างล่าง บริเวณทางแยกตัววาย มุ่งหน้าไปถนนวิภาวดีกับแยกประชานุกูล เป็นเหตุให้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 ส.ค. ว่า ได้สั่งการให้สำนักการโยธา และสำนักการจราจรและขนส่ง ร่วมกันปรับปรุงทางกายภาพ รอบบริเวณจุดเกิดเหตุ อาทิ การติดตั้ง Rubber Stripes หรือ แถบยางบนพื้นผิวถนน เพื่อช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ชะลอความเร็ว เนื่องจากใกล้ถึงโค้งอันตราย เพิ่มป้ายเตือนและป้ายแนะนำ การจำกัดความเร็ว และป้ายบอกทางเข้าโค้งรอบ บริเวณดังกล่าวให้ชัดเจน

นายธีระชน กล่าวว่า ขณะเดียวกันให้สำรวจความเสียหาย หรือความชำรุดของวัสดุอุปกรณ์ป้องกันอุบัติเหตุชนิดต่างๆ เช่น แบริเออร์หรือแนวกั้น สัญญาณไฟกะพริบเตือน บริเวณเขตทางโค้งหรือทางเบี่ยง หรือ บริเวณทางลงทางด่วน ซึ่งเมื่อลงจากทางด่วนมาแล้วจะเจอทางแยกทันที เช่น ทางลงทางด่วนถนนพระราม 6 เป็นต้น หากพบชำรุดเสียหาย หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ขับขี่ และผู้ใช้รถใช้ถนนให้เร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขทันที

          นายธีระชน กล่าวว่า สมัยนายพิจิตต รัตตกุล เป็นผู้ว่าฯ กทม. เคยมีการสำรวจเส้นทางและโค้งอันตราย พบว่า มีจำนวนทั้งสิ้น กว่า 70 จุดทั่วกทม. ส่วนใหญ่เป็นโค้งชื่อดังที่ประชาชนรู้จักกันดี อาทิ โค้ง 100 ศพ ถนนรัชดาภิเษก เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมา กทม. ได้ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น

          รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า กทม.ได้นำแถบยางบนพื้นผิวถนนมาติดตั้ง รวมทั้งนำแบริเออร์ ทั้งชนิดอ่อนและแข็งมาเสริมเป็นแนวป้องกัน นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ สำนักการโยธาและสำนักการจราจรและขนส่ง ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบอีกครั้ง บริเวณเส้นทางและโค้งอันตรายเพิ่มเติมด้วย เพื่อเสริมมาตรการป้องกันอย่างเต็มที่ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันในอนาคต

          ด้านนายสุธน อาณากุล ผู้อำนวยการสำนักงานวิศวกรรมจราจร สำนักการจราจรและขนส่ง กล่าวว่า บริเวณที่เกิดเหตุดังกล่าวได้มีราวกันชน ในลักษณะแท่นปูนวางไว้ตรงจุดตัววาย ซึ่งมีการติดตั้งไว้อยู่แล้ว เพื่อป้องกันอุบัติเหตุรถร่วงลงมาด้านล่าง แต่แท่นปูนมีขนาดเล็ก ซึ่งเป็นแนวเฉียงพอดี กับการรับแรงเหวี่ยงของรถขณะที่กำลังเข้าโค้ง เพื่อชะลอความเร็วรถไม่ให้เกิดการเสียหลัก

          ผอ.สำนักงานวิศวกรรมจราจร กล่าวว่า บริเวณโค้งดังกล่าวมีป้ายจำกัดความเร็วที่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น หากผู้ขับขี่ตามที่กฎหมายกำหนด ตัวรถจะไม่ล่วงลงไปด้านล่างอย่างแน่นอน ซึ่งสำนักการจราจรและขนส่ง จะติดตั้ง Crash cushion ซึ่งเป็นอุปกรณ์ลดแรงปะทะ ในเบื้องต้นจะนำขนาดยาว 2.5 ม. กว้าง 50 ซม. สูง 90 ซม. มาติดตั้งด้านหน้าของราวกันชน

          นายสุธน กล่าวว่า อุปกรณ์ดังกล่าวเป็นโลหะ จะทำหน้าที่ลดความแรงของรถที่จะชนได้ เมื่อชนไปแล้วอุปกรณ์จะยุบตัวลงไป ซึ่งขณะนี้ได้เร่งสำรวจราคาทำการจัดซื้อจัดจ้าง และเจ้าหน้าที่ได้ทำการสำรวจถนนและสะพานที่มีความเสี่ยงตามจุดต่างๆ อาทิ ทางยกระดับจตุรทิศ ทางยกระดับศรีอยุธยา พระราม 9 ถนนบรมราชชนนี ทางแยกรัชวิภา เป็นต้น เพื่อนำอุปกรณ์ไปติดตั้งทุกแยกในถนนต่างระดับทั้งหมด ซึ่งตั้งเป้าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จทั้งหมดในเดือน ก.ย.นี้

-http://www.komchadluek.net/detail/20120810/137345/%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A.html#source_video-

.

[sithiphong]

กรมชลฯ ยัน กทม.-ปริมณฑล ปีนี้น้ำไม่ท่วม
-http://thaiflood.kapook.com/view45463.html-

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
 
          กรมชลประทาน ยัน ปีนี้ กทม.-ปริมณฑล น้ำไม่ท่วม แม้เกิดพายุ 20 ลูกในแปซิฟิก เหตุเตรียมการมาดี และฝนน้อยกว่าปีที่แล้ว สั่งจับตาตั้งแต่กลางสิงหาคม พายุจะเริ่มเข้าไทย
 
          เมื่อวานนี้ (10 สิงหาคม) นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า จำนวนพายุ 20 ลูกที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิก ถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นประจำอยู่แล้ว คาดว่า 1-2 สัปดาห์นี้จะไม่มีผลต่อประเทศไทย อย่างไรก็ตามในช่วงกลางเดือนสิงหาคม ถึง ตุลาคม พายุจะเริ่มเข้าประเทศไทย แต่ไม่น่าจะเกิดภาวะน้ำท่วมแบบปีที่แล้ว เพราะเขื่อนขนาดใหญ่ 10 เขื่อนในภาคกลางสามารถรองรับน้ำได้ 1.4 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร

          รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวต่ออีกว่า อีกสิ่งหนึ่งก็คือ ปริมาณน้ำฝนปีนี้น้อยกว่าปีที่แล้วมาก ดังนั้น หากสถานการณ์ฝนเท่ากับปี 2553 น้ำก็ท่วมเฉพาะพื้นที่การเกษตร และพื้นที่ลุ่มต่ำเท่านั้น แต่น้ำจะไม่เข้าท่วมในชุมชนเมือง เช่น กรุงเทพมหานคร และชุมชนเศรษฐกิจย่านปริมณฑล รวมทั้งพื้นที่อุตสาหกรรมแน่นอน
 
          นายสุเทพ กล่าวต่อไปว่า ตนเชื่อว่าปีนี้ถ้าฝนตกตามปกติในเขื่อนจะมีน้ำร้อยละ 70 แต่ถ้าน้อยกว่าปกติ จะมีปริมาณน้ำร้อยละ 61 ดังนั้นการระบายน้ำในเขื่อนของเจ้าหน้าที่จึงต้องทำด้วยความระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม ถ้าเขื่อนขาดแคลนน้ำจริง ๆ ก็มีแผนสำรองไว้แล้วโดยดึงน้ำจากเขื่อนฝั่งตะวันตกมาเสริมแทน

 
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก -http://www.dailynews.co.th/-


http://www.dailynews.co.th/

http://thaiflood.kapook.com/view45463.html

.

[sithiphong]

เมื่อไหร่ รัฐบาลที่ปกครองประเทศไทย , ข้าราชการประเทศไทย  หรือ หน่วยงานต่างๆของประเทศไทย  จะล้อมคอกกันวัวหาย  ไม่ใช่วัวหาย(จนหมดคอก)แล้วถึงล้อมคอก

การให้ข่าวสารต่างๆ  ควรต้องมีความรับผิดชอบในการให้ข่าวสาร  ไม่ใช่โปรโมทพรรคตนเอง  กระทืบพรรคอื่นๆ

.