ผู้เขียน หัวข้อ: ล้วงสูตรรักฉบับกูรูเลิฟ "นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์"  (อ่าน 1270 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ล้วงสูตรรักฉบับกูรูเลิฟ "นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์"
-http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9550000095464-



 ถ้าเอ่ยถึงเลิฟติวเตอร์ที่สามารถตอบทุกปัญหาคาใจเรื่องรัก และเซ็กซ์ได้อย่างรู้ลึก และนำไปใช้ได้จริงนั้น คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ สูตินรีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านฮอร์โมนต่อมไร้ท่อและการเจริญพันธุ์ที่กลายมาเป็นกูรูนักออกแบบชีวิตรักให้แก่ใครหลาย ๆ คน ทั้งที่ติดตามชมในรายการชูรักชูรส รวมไปถึงผู้อ่านที่ติดตามคอลัมน์ของคุณหมอในสื่อสิ่งพิมพ์ประเภทต่าง ๆ
       
       แต่กว่าจะตกผลึกออกมาเป็นฮาวทูดี ๆ ให้แก่ผู้ชมคนดูได้นั้น คงจะปฏิเสธพื้นฐานชีวิตรักที่แข็งแรงระหว่างเขากับภรรยา (พญ.สุภาณี ศุกระฤกษ์ อายุรแพทย์และแพทย์ผิวหนัง) ไปไม่ได้ เพราะถึงแม้จะครองรักกันมายาวนานถึง 30 ปีแล้ว แต่ความรักของทั้งคู่กลับยังใหม่และมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ
       
       "ผมกับภรรยา เรามีความแตกต่างกันบางเรื่อง อย่างตระกูลผมร่ำรวยพอควร ส่วนภรรยาฐานะปานกลาง ผมนับถือพุทธ ภรรยานับถืออิสลาม แต่สิ่งที่เราไปด้วยกันได้ก็คือ ความพยายามทำความเข้าใจ ยอมรับ และปรับตัวเข้าหากัน รวมทั้งเป็นเพื่อนคู่คิด และกำลังใจที่ดีให้แก่กัน ไม่มีใครดูถูกใคร เรามีแต่จะเกื้อหนุนกันและกัน" นพ.พันธ์ศักดิ์เล่า
       
       เมื่ออยู่ด้วยกันโดยอาศัยความรัก และความเข้าใจเป็นพื้นฐานแล้ว ไม่แปลกที่ชีวิตคู่จะไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกันรุนแรงเลยสักครั้ง
       
       "เวลาผมมีความคิดไม่ลงรอยกับภรรยา เราก็มีเถียงกันบ้าง แต่ไม่เคยทะเลาะ หรือตะคอกเสียงใส่กันเลย แต่สิ่งที่เราทั้งคู่เถียงกัน เราจะคุยและหาข้อตกลงร่วมกันเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตคู่ของเราสองคน ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ให้ลูกเป็นกรรมการช่วยตัดสิน ถ้าลูกเห็นว่าใครถูก ก็ตามนั้น มันต้องมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยอมถอยออกมา ไม่เช่นนั้น อยู่ด้วยกันยากครับ"
       
       ดังนั้น คนสองคนมาจากโลกคนละใบ ไม่มีใครคิดเหมือนกันไปเสียทุกอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่จะนำพาชีวิตคู่ไปกันได้ยืด คือการเรียนรู้โลกของกันและกัน และยอมรับในสิ่งที่เป็น นี่คือสิ่งที่คุณหมอท่านนี้ใช้เป็นหลักคิดในการครองคู่มาโดยตลอด
       
       "คนเราจะอยู่กันยืนยาว หลักสำคัญอยู่ที่การนับถือซึ่งกันและกัน ไม่มีใครใหญ่กว่าใคร ไม่มีใครถูกใครผิด มีแต่ความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน บางช่วงอาจต้องให้สามีเป็นช้างเท้าหน้า ขณะที่บางช่วง ภรรยาอาจเป็นช้างเท้าหน้า ส่วนสามีก็เป็นฝ่ายสนับสนุน ซึ่งมันสลับบทบาทกันได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด คนที่จะอยู่กันยาว และเกิดปัญหาน้อยที่สุด คือคู่ที่เห็นความดีของกันและกัน"
       
       สอดรับกับคำตรัสของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกที่นพ.พันธ์ศักดิ์หยิบยกมาฝากไว้เป็นแง่คิดชีวิตคู่ว่า
       
       "สามีภริยาที่อยู่กันจนแก่เฒ่านั้นมิใช่ว่าจะไม่แลเห็นความแก่เฒ่าของกันและกัน แต่ทั้งๆ ที่เห็นแต่ก็เหมือนไม่เห็น เพราะมีสิ่งอื่นที่เห็นเด่นชัดกว่า มีความสำคัญเหนือกว่า สิ่งนั้นคือความดีที่มีต่อกัน ส่วนสามีภริยาที่แยกกันตั้งแต่ยังไม่แก่ไม่เฒ่า มิใช่ว่าจะนึกล่วงหน้าไปถึงความแก่เฒ่า ไม่สวยไม่งามของแต่ละฝ่าย ที่จริงก็ยังเห็นความสวยงามความหนุ่มสาวของกันและกันอยู่ แต่ทั้งๆ ที่เห็นก็เหมือนไม่เห็น เพราะมีสิ่งอื่นที่เด่นชัดกว่า สำคัญกว่า นั่นคือการไม่เห็นความดีของกันและกัน"

   
       5 หัวใจพาชีวิตคู่อยู่ยืนยาว
       
       ทั้งนี้ นพ.พันธ์ศักดิ์ ได้ให้หลักคิดสู่การมีชีวิตรักที่ยืนยาวไว้อย่างน่าสนใจว่า ชีวิตคู่ต้องการความเข้าใจกัน นับถือกัน ไว้ใจกัน ช่วยเหลือกัน และให้อภัยกัน ถ้ายึดตามหลักดังกล่าวนี้แล้ว กูรูความรักและความสัมพันธ์ท่านนี้ฟันธงจากประสบการณ์ตรงเลยว่า ชีวิตคู่จะไม่มีวันแยกจากกันอย่างแน่นอน เริ่มจาก
       
       เข้าใจกัน
       
       ผู้ชายควรเข้าใจผู้หญิงในแบบที่ผู้หญิงเป็น และผู้หญิงควรเข้าใจผู้ชายในแบบที่ผู้ชายเป็น หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเรียกร้องให้อีกฝ่ายปรับตัวมากเกินไป ในขณะที่ตัวเองไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อคนที่รักเลย แผนการรักที่จะดำเนินร่วมกันต่อไปย่อมมีโอกาสที่จะถูกพับเก็บใส่กรุได้ง่าย ดังนั้น ความรักที่คิดถึงอีกฝ่ายมากกว่าตัวเราเอง หรือยอมรับในสิ่งที่คนอื่นเป็น คือความสวยงาม และคุณค่าของความรัก
       
       ไว้ใจกัน
       
       การไว้วางใจกันเป็นอีกหนึ่งแก่นแท้ของความรัก บางคนหึงแบบไม่มีสาเหตุ ระแวงแบบไม่ฟังเหตุผล และชอบคิดไปเองแบบไร้แก่นสาร เมื่อเป็นเช่นนี้อาจทำให้อยู่ด้วยความไม่สบายใจกันได้ ทางที่ดี ถ้ารักกัน ก่อนอื่นเราต้องไว้ใจกัน ปล่อยให้เขาหรือเธอได้มีเวลาส่วนตัวบ้าง เพราะบางคนอยากมีเวลาอยู่กับตัวเอง อยู่กับเพื่อน หรือครอบครัว ซึ่งการเถียงกันบ่อย ๆ จะยิ่งไปลดระดับความสัมพันธ์ และความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อกันจนยากที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้
       
       นับถือกัน
       
       การยกย่องนับถือกัน เป็นอีกหนึ่งหลักการในการสร้างพลังรักอย่างยั่งยืน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่นับถือ หรือให้เกียรติทั้งถ้อยคำ และพฤติกรรมกันแล้ว ชีวิตรักก็ยากที่ไปด้วยกันได้ดี
       
       ช่วยเหลือกัน
       
       การช่วยเหลือกันเป็นการแบ่งรับแบ่งสู้ และแสดงน้ำใจที่ช่วยให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกดี และไม่โดดเดี่ยว ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการนำพาชีวิตรักไปสู่การมีสุขอย่างยั่งยืน
       
       "ผมกับภรรยา เราช่วยเหลือซึ่งกันและกันดีมาตลอด แต่ก่อน เราไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกัน เสาร์และอาทิตย์ต่างคนก็ต่างทำงานด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งตอนนั้น เรามีลูกกันแล้ว แต่ผมกับภรรยาเราจะช่วยกันเลี้ยงลูก ไม่เอาเปรียบกันและกัน อย่างวันเสาร์ผมตรวจคนไข้ ภรรยาผมก็จะเลี้ยงลูก ส่วนวันอาทิตย์ผมเลี้ยงลูก ภรรยาก็จะไปตรวจคนไข้" นพ.พันธ์ศักดิ์เผย
       
       ให้อภัยกัน
       
       คนทุกคนคือปุถุชนธรรมดา ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ สามารถทำผิดพลาดกันได้ ดังนั้นการไม่ยกโทษให้อีกฝ่ายก็เหมือนเป็นการไม่ยกโทษให้ตัวเราเอง ซึ่งเรื่องนี้ เป็นสิ่งสำคัญของการอยู่ด้วยกันของคนสองคน ดังนั้น ความรักไม่ใช่การลงโทษ แต่เหตุผลเดียวของการให้อภัยคือ "ถ้าเรายังรักกันอยู่"
       
       "ถ้าคุณรักเขา คุณให้อภัยเขาได้แน่นอน แต่ถ้าคุณบอกว่า ฉันไม่มีวันให้อภัยเขาแน่ นั่นแสดงว่าคุณรักตัวเอง คุณไม่ได้รักเขาเลย เพราะคนที่รักกัน และอยู่ด้วยกันได้นาน ต้องเกิดความเมตตา อยากให้คนที่รักเป็นสุข ต้องมีความกรุณา อยากให้คนที่รักพ้นทุกข์ ต้องมีมุทิตา ยินดีเมื่อคนที่รักมีความสุข และจะต้องเกิดความอุเบกขา เมื่อคุณให้สิ่งที่ดี ๆ แก่คนรักแล้วคนรักไม่เอา คุณต้องไม่งอน หรือโกรธ เมื่อมีสิ่งเหล่านี้เป็นหลักแล้ว เชื่อเถอะครับว่า ชีวิตคู่จะอยู่กันยาว" นพ.พันธ์ศักดิ์สะกิตใจทุกคู่ชีวิต

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)