แสงธรรมนำใจ > ศิษย์โง่ไปเรียนเซ็น

คำสอนของฮวงโป :บันทึกวาน-ลิง

<< < (2/5) > >>

ฐิตา:


   ๑๐.จิตถึงจิต
   ถาม   ท่านอาจารย์เอง ก็เป็นพระสงฆ์องค์หนึ่งอยู่ในสังฆะ ในบัดนี้ และเป็นที่เห็นชัดกันอยู่แล้วว่า ท่านอาจารย์กำลังง่วนอยู่กับการประกาศธรรมะ แล้วท่านอาจารย์ประกาศออกมาว่าไม่มีทั้งสังฆะ ไม่มีทั้งธรรมะ ได้อย่างไรกัน ?
   ตอบ   ถ้าพวกเธอสำคัญไปว่ามีธรรมะที่ต้องประกาศ เธอก็จะขอร้องอาตมาให้แสดงมัน แต่ถ้าเธอเรียกร้องหา “อาตมา” ชนิดที่เล็งถึงความมีอยู่อย่างพิเศษอีกชนิดหนึ่งแล้ว ! ธรรมะนั้นหาใช่ธรรมะที่เธอกำลังขอร้องไม่ มันคือ จิตหนึ่ง โน้น !

   เพราะเหตุนั้นเอง ท่านโพธิธรรม จึงกล่าวไว้ว่า ...
   แม้เราได้ถ่ายทอดให้แล้ว ซึ่งธรรมะแห่ง จิต
   ธรรมะก็จะเป็นธรรมะไปได้อย่างไรกัน ?

   เพราะว่า ไม่ใช่ทั้งธรรมะ ไม่ใช่ทั้ง จิต
   ที่สามารถมีอยู่อย่างมีความเป็นตัวเป็นตน
   เข้าใจข้อนี้เท่านั้น เธอจึงจะเข้าใจ
   ธรรมะ ซึ่งถ่ายทอดด้วย จิต ถึง จิต

   ความที่รู้อยู่ว่า ในสัจจธรรมนั้น ไม่มีอะไรเลยแม้สักอย่างเดียวที่ดำรงอยู่ ซึ่งอาจยึดถือเอาได้ เข้าถึงได้ บรรลุได้ ตรัสรู้ได้ หรือเสวยผลได้ ! นั่นแหละคือการนั่งอยู่ในโพธิมณฑล
   โพธิมณฑล คือภาวะซึ่งอยู่ในนั้น ไม่มีความคิดเกิดขึ้นเป็นรูปต่าง ๆ ในนั้นแหละที่พวกเธอจะได้ลืมตาต่อความว่างอันแท้จริงของสิ่งทั้งปวงที่ปรากฏ แก่มนุษย์ และเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า เป็นความว่างอย่างยิ่งยวด แห่งตถาคตครรภ์

   ไม่มีอะไรเลยสักสิ่งเดียวที่มีอยู่
   ดังนั้นฝุ่นสกปรกจะจับได้ที่ตรงไหน ?
   ถ้าท่านเข้าใจถึงหัวใจของความจริงเรื่องนี้
   ทำไมจะต้องพร่ำถึงความสุขชั้นเลิศด้วยเล่า ?

   ๑๑.โพธิ
   ถาม   “ถ้าไม่มีอะไรเลยสักสิ่งเดียว ที่มีอยู่” ดังนี้แล้ว เราจะเอ่ยถึงปรากฏการณ์ทั้งหลาย ในฐานะที่มิได้เป็นสิ่งที่มีอยู่ ได้อย่างไรหรือ ?
   ตอบ   คำว่า “มิได้มีอยู่” ก็เป็นคำพูดที่ผิดเช่นเดียวกับคำตรงข้ามที่ว่า “มีอยู่” โพธินั้น หมายถึงความไม่มีแห่ง “ความคิด” ว่ามีอยู่หรือมิได้มีอยู่

   ๑๒.จิตนั้นแหละคือพุทธะ
   ถาม   พุทธะ คืออะไร ?
   ตอบ   จิต ของเธอ คือพุทธะ พุทธะคือ จิต จิต กับพุทธะ เป็นสิ่งที่ไม่แยกจากกันได้ เพราะฉะนั้น จึงมีคำจารึกไว้ว่า “สิ่งซึ่งได้แก่ จิต นั่นแหละ คือ พุทธะ” ถ้ามันเป็นสิ่งอื่นนอกไปจาก จิต มันก็เป็นสิ่งอื่นนอกไปจาก พุทธะ โดยแน่นอน

ฐิตา:


   ๑๓.ความเป็นอันหนึ่งอันเีดียว
   ถาม   ถ้าจิตของเราเองก็เป็นพุทธะ ท่านโพธิธรรมเมื่อมาจากอินเดียท่านถ่ายทอดธรรมะของท่านไว้อย่างไร ?
   ตอบ   เมื่อท่านโพธิธรรมมาจากอินเดีย ท่านถ่ายทอดแต่ จิต-พุทธะ เท่านั้น ท่านเพียงแต่ชี้ความจริงในข้อที่ว่า จิตของพวกเราทุกคนเป็นอันเดียวกับพุทธะมาแล้ว แต่แรกเริ่มเดิมทีเดียว และไม่มีทางที่จะแยกกันได้แต่อย่างใดเลย นั่นแหละคือข้อที่ว่าทำไมเราจึงเรียกท่านว่า สังฆปริณายกของเรา

   ใครก็ตาม เข้าใจความจริงข้อนี้ได้ทันที เขาก็อยู่เหนือการนำของพระอรหันต์ทั้งหลาย และอยู่เหนือคำสอนอันถนัดปากและถนัดมือของพวกยานทั้งสาม ไม่ว่าจะเป็นยานใด ได้ทั้งหมดในทันทีอีกเหมือนกัน
   พวกเธอเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กับพุทธะ มาตลอดเวลา ดังนั้นอย่าเที่ยวลวงใคร ๆ ว่าเธอลุถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวนี้ได้ด้วยการปฏิบัตินานาชนิด

ฐิตา:


   ๑๔.บทบัญญัติของพระพุทธเจ้าทั้งปวง
   ถาม   ถ้าเป็นดังนั้นจริง ธรรมะอะไรกันเล่าที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ได้ทรงนำมาสอน ในเมื่อพระองค์เสด็จมาปรากฏต่อโลก ?

   ตอบ   เมื่อพุทธะทั้งหลาย มาปรากฏพระองค์ในโลกนี้ พระองค์ไม่ได้ทรงประกาศอะไรเลย นอกจาก จิตหนึ่ง นี้เท่านั้น ดังนั้นพระพุทธะโคตมะ จึงได้ถ่ายทอดธรรมให้แก่ พระมหากาศยปะอย่างเงียบกริบว่า จิตหนึ่ง ซึ่งเป็นเนื้อหาอันแท้จริงของสิ่งทุกสิ่งนั้น เป็นสิ่งที่แผ่กว้างควบคู่เป็นเนื้อเดียวกันไปกับ ความว่าง และบรรจุเต็มอยู่ทั่วในทุกสิ่งที่ปรากฏอยู่ในโลก นี้แหละคือสิ่งที่เรียกว่าบทบัญญัติของพระพระพุทธเจ้าทั้งปวง

   พวกเธอจงวิพากษ์วิจารณ์ดูตามที่เธอจะทำได้กันเถิด แล้วพวกเธอจะไม่สามารถแม้แต่หวังว่าจะเข้าถึงสัจจะอันนี้ได้โดยทางคำสอนได้ อย่างไรกัน ? หรือว่ามันจะเป็นสิ่งที่รู้โดยประจักษ์ได้โดยวิธีของนามธรรมหรือรูปธรรม ได้อย่างไรกัน ?
   เมื่อเป็นดังนี้ ความเข้าใจอย่างเต็มที่ จะมาสู่พวกเธอได้ก็แต่โดยทางหรือวิธีที่ลี้ลับไม่อาจอธิบายได้เท่านั้น

   วิธีที่จะเข้าถึงจิต จิตหนึ่ง นี้ให้ได้จริง ๆ นั้นเรียกว่า ปากทางแห่งความนิ่งเงียบเหนือกรรมทั้งปวง ถ้าพวกเธออยากจะเข้าใจก็จงรู้ไว้ว่าความรู้ประจักษ์ต่อสิ่ง ๆ นี้ โดยฉับพลันนั้น จะมีมาต่อเมื่อจิตถูกชำระล้างแล้วอย่างสิ้นเชิง จากใยยุ่งของมโนกรรมที่เป็นความคิดปรุงแต่ง และที่แบ่งแยกสิ่งทั้งปวงเป็นพวก ๆ คู่ ๆ ตามแบบคติทวินิยม เท่านั้น
   พวกที่แสวงหาสัจจธรรมนี้ โดยวิธีของการใช้สติปัญญาและการศึกษานั้น มีแต่จะถอยห่างออกไปจากมันทุกที ๆ เท่านั้นเอง

   จนกว่าเมื่อไร ความคิดของเธอหยุดแตกกิ่งแตกก้านทางโน้นทางนี้เสียทุก ๆ ทาง จนกว่าเมื่อไร พวกเธอจะสลัดความคิดในการแสวงหาอะไรบางอย่าง เสียได้ทุก ๆ ทาง และจนกว่าเมื่อไร จิตของพวกเธอจะหยุดการเคลื่อนไหวเสียได้ราวกะว่า มันเป็นท่อนไม้หรือก้อนหินเท่านั้น ที่พวกเธอจะเดินถูกทางไปสู่ ปากประตู ที่กล่าวนั้นได้

ฐิตา:


   ๑๕.ความคิดกับสิ่งต่างๆ
   ถาม   แม้ในขณะนี้แท้ ๆ ความคิดผิด ๆ นานาชนิด ก็กำลังไหลพล่านอยู่ในใจของพวกเรา แล้วท่านอาจารย์กล่าวได้อย่างไรกัน ว่าพวกเราจะไม่มีมันเล่า ?

   ตอบ   ความคิดผิดเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนจริง ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงผลิตผลที่พวกเธอคิดมันขึ้นมาเอง และพวกเธอรู้ว่า จิต คือพุทธะและว่า จิต นั้น โดยพื้นฐานแล้วเป็นสิ่งปราศจากความคิดผิด เมื่อใดความคิดต่าง ๆ เกิดขึ้น พวกเธอจะเห็นได้โดยประจักษ์ว่า ความคิดเหล่านั้นแหละ เป็นอะไร ๆ ทั้งหมดที่ทำให้ความคิดผิดเกิดขึ้น ถ้า พวกเธอห้ามกันความคิดปรุงแต่งเสียได้ทุกคราวและทำกระแสแห่งความคิดให้หยุด ไหลเสียได้ ก็ย่อมไม่มีความคิดผิดใด ๆ เหลืออยู่ที่พวกเธอได้เองโดยธรรมชาติ เพราะฉะนั้นจึงมีคำกล่าวไว้ว่า “เมื่อความคิดต่าง ๆ เกิดขึ้น สิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดก็ต้องเกิดขึ้น เมื่อความคิดต่าง ๆ ดับหายไป สิ่งต่าง ๆ ทั้งหมด ก็ต้องดับหายไป”

ฐิตา:


   ๑๖.ความตระหนัก
   
   ถาม   เมื่อความคิดผิด ๆ ทั้งหลายกำลังเกิดอยู่ในใจของพวกเรา ในขณะนั้น พุทธะไปอยู่เสียที่ไหน ?
   ตอบ   ในขณะนั้น พวกเธอกำลังตระหนักแน่ ต่อความคิดอันผิดเหล่านั้น ความตระหนักของพวกเธอนั่นเอง คือพุทธะยังไงล่ะ บางทีพวกเธออาจเข้าใจได้กระมังว่า ถ้าพวกเธอเพียงแต่เปลื้องกระแสแห่งความคิด ซึ่งล้วนแต่เป็นมายาทุกกระแส ออกไปเสียให้หมดเท่านั้น มันก็ไม่มีพุทธะพุทเธอะอะไรที่ไหนกัน

   ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นเล่า ? เพราะว่า เมื่อใดพวกเธอยอมให้พฤติแห่งจิตของเธอไปผลิตผลออกมาเป็นความคิดว่า พุทธะ เมื่อนั้นชื่อว่าเธอกำลังไปนำเอาความมีความเป็นฝ่ายรูปธรรมอย่างใดอย่าง หนึ่งซึ่งสามารถเอามาทำให้เป็นผู้ตรัสรู้ได้นั้นมาปั้นให้เป็นตัวเป็นตนขึ้น มาเอง

   โดยทำนองเดียวกัน ความคิดปรุงใด ๆ ของสัตว์ทั้งหลายที่กำลังกระหายต่อความหลุดพ้น ย่อมสร้างภาวะแห่งความเป็นเช่นนั้น ขึ้นเป็นเป้าหมายชนิดที่พวกเธอกำลังเล็งถึงกันอยู่ในบัดนี้ กรรมวิธีทางสติปัญญาและการเคลื่อนไหวของความคิดทั้งหมดทุกชนิด เป็นผลเกิดมาจากความคิดปรุงแต่งของพวกเธอเอง ซึ่งไปจับฉวยเอานั่นนี่มาคิดให้เป็นตัวเป็นตนขึ้นมา

   ถ้าพวกเธอเว้นขาดจากการคิดปรุงแต่งเสียอย่างสิ้นเชิง แล้วพุทธะจะมีที่ตั้งอยู่ที่ไหนกัน ? พวกเธอกำลังอยู่ในสภาพเข้าตาจนเหมือนโพธิสัตว์มัญชุศรี ผู้ซึ่งพอสักว่าได้ยอมตนให้เกิดความคิดว่ามีพระพุทธเจ้าในฐานะที่มีตัวตน อย่างรูปธรรม ก็กลายเป็นคนแคระและตกอยู่ในที่บีบอัดของภูเขาเหล็กสองลูกอยู่ทุกทิศทุกทาง

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version