ใต้แผ่นดิน"ซีอาน" กับความลับหุ่นดินเผา"จักรพรรดิฉินซี"
-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1357965718&grpid=01&catid=&subcatid=-
ใต้แผ่นดิน"ซีอาน" กับความลับหุ่นดินเผา"จักรพรรดิฉินซี"
คอลัมน์ บันทึกเดินทาง
โดย สุรเชต เพชรน้ำไหล
เคยเห็นแต่ในจอทีวี หรือบางช่วงบางตอนที่มีการดัดแปลงเรื่องราวมาเป็นบทภาพยนตร์ออกฉายผ่านจอเงิน สำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ของ "จักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้" ผู้สร้างสุสานขนาดมหึมา จนกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก มีผู้เดินทางไปเยี่ยมเยือนมากมายไม่เว้นแต่ละวัน
เช่นเดียวกับผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์
"เมืองซีอาน" อันมีจุดหมายปลายทางคือ "สุสานจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้" คือสถานที่ซึ่งคิดว่าจะต้องไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต
เพราะนอกจากความเก่าแก่ของสิ่งก่อสร้างนี้แล้ว ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ของชาวจีน แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี สถาปัตยกรรม หรือแม้แต่วัฒนธรรมต่างๆ ที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งจะช่วยไขข้อข้องใจ และอาจจะทำให้คนทั่วไปไม่ต้องรู้สึกแปลกใจอีกเลย หากวันหนึ่งประเทศจีนจะก้าวแซงหน้า "มหาอำนาจเก่า" ขึ้นเป็น "มหาอำนาจใหม่" กลายเป็นผู้นำโลกในที่สุด
ดูอย่างวันนี้ อาจกล่าวได้ว่า...
"ไม่มีอะไรใต้แผ่นฟ้าที่คนจีนทำไม่ได้"
เครื่องบินสีแดงมีลวดลายและตัวอักษรระบุสายการบินลำนั้น พาผมบินตรงสู่เมืองซีอานใช่ ผมกำลังพูดถึงสายการบิน "แอร์ เอเชีย" ที่วันนี้ได้เปิดเที่ยวบิน "กรุงเทพฯ-ซีอาน" เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยรอบปฐมฤกษ์ที่พานักท่องเที่ยวชาวไทยรวมถึงผม บินลัดฟ้าสู่เมืองซีอานนั้น เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ท่ามกลางอากาศเย็นเยือกของต้นฤดูหนาว แม้จะต้องกัดฟันกรอดๆ เที่ยวชมเมืองประวัติศาสตร์ ก็ยังรู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่า
มาถึงซีอาน ไม่ไปชมสุสานจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ คงจะเป็นการเสียเที่ยว
"อาจกล่าวได้ว่าคงมา "ไม่ถึง" ซีอาน"
อย่ากระนั้นเลย หลังจากท่องไปตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ชิมอาหารอร่อยในเขต "กำแพงเมือง" ซึ่งเป็น "ตัวเมือง" ซีอาน พอหอมปากหอมคอ วันต่อมาเราจึงมีโอกาสเดินทางไปเห็นกองทัพของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์จีนด้วยตาตัวเอง โดยเดินทางด้วยรถปรับอากาศ ซึ่งขณะนั้นใช้การเปิดฮีตเตอร์เพื่อช่วยให้นักเดินทางผู้มาจากเมืองร้อนอย่างเราได้อบอุ่น
ออกเดินทางแต่เช้ามืด เพื่อเลี่ยงปัญหารถติด และนักท่องเที่ยวชาวจีนที่อาจล้นทะลักในช่วงสาย
ประมาณชั่วโมงก็มาถึงจุดหมาย ซื้อบัตรเข้าชม นัดเวลา ตกลงจุดนัดพบเป็นที่เรียบร้อยก็ตัวใครตัวมัน เดินชมกันเอง เพราะภายในหลุมขุดค้นทั้ง 3 แห่งที่เปิดให้เข้าชมในขณะนี้ หากใครต้องการทราบข้อมูลอะไร ก็มีภาษาอังกฤษกำกับ หรือหากใครต้องการข้อมูลให้ลึกซึ้งชนิดที่สามารถทำตัวเป็นไกด์ได้ ก็มีหนังสือมากมายเกี่ยวกับเรื่องราวของสุสานแห่งนี้ให้ได้ซื้อหา หลายภาษา หลากเวอร์ชั่น
ผมไม่ค่อยได้อ่านข้อมูลที่มีกำกับ ไม่ได้ซื้อหนังสือติดมือมา เพราะไม่ได้คิดอยากเป็นไกด์ (ฮา)
สิ่งที่สนใจมากที่สุดในตอนนั้นคือการถ่ายรูป เพราะเพียงแค่เดินเข้าสู่หลุมขุดค้นแรก ก็รู้สึกอึ้งและทึ่งกับภาพที่เห็น หุ่นดินเผาในชุดนักรบมากมายยืนเรียงรายเผชิญหน้า เพิ่งรู้ซึ้งถึงรสชาติของความแตกต่างระหว่างการเห็นในรูป ในจอภาพยนตร์ กับการเห็นด้วยตาตัวเองนั้นแตกต่างกันมากๆ
นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมกดชัตเตอร์เก็บภาพมากมายจนไม่สนใจศึกษาเรื่องราว เพราะเชื่อมั่นว่า ข้อมูลเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ของ "จักรพรรดิฉินซี" และสุสานแห่งนี้ คงหาอ่าน หาศึกษาในภายหลังได้ไม่ยาก
"สุสานจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้" เป็นสถานที่ใช้เก็บพระบรมศพของจักรพรรดินาม "ฉินสื่อหวง" ซึ่งว่ากันว่าเป็นฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ของชาวจีน เพราะเป็นผู้ที่รวบรวมประเทศจีนให้เป็นหนึ่งเดียว อีกทั้งยังเป็นผู้ที่สร้างกำแพงเมืองจีน สำหรับป้องกันประเทศ ป้องการการรุกรานของพวกเร่ร่อนอพยพ และกลายมาเป็นอีกสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในปัจจุบัน"
ฉินสื่อหวง ขึ้นครองราชย์ในปี 247 ก่อนคริสตกาล จากนั้น ก็เริ่มสร้างสุสาน
เขาเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย คือเมื่อตายไปแล้วทหารหุ่นดินเผาเหล่านี้ จะติดตามไปรับใช้และอารักขาในปรโลก รวมถึงความเชื่อแบบชาวจีนโบราณซึ่งเชื่อว่ามนุษย์มีวิญญาณ "โป (Po)" มาพร้อมกับการเกิด และวิญญาณ "ฮั่น (Han)" เป็นวิญญาณที่สวรรค์ส่งมารวมกับวิญญาณแรก ซึ่งเมื่อตายวิญญาณโปจะอยู่ในร่าง ส่วนวิญญาณฮั่นจะกลับไปสวรรค์ แต่หากไม่ได้รับการฝังอย่างถูกต้อง สมเกียรติ ก็จะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน เหมือนผีไม่มีศาล
เพื่อให้ไม่เป็นวิญญาณเร่ร่อน และในฐานะ "ฮ่องเต้" ฉินสื่อหวง จึงต้องเตรียมการสำหรับสุสานของตัวเองอย่างยิ่งใหญ่
งานสร้างสุสาน รวมถึงกองทัพหุ่นดินเผาของจักรพรรดิฉินดำเนินการเรื่อยมา เล่ากันว่า หุ่นทุกตัวนั้นจะต้องมีการนำดินอย่างดีมาปั้น และจะต้องเหมือนจริง มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับผู้ปั้น ต้องทำออกมาอย่างดีที่สุด ใครทำไม่ได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ต้องโทษประหาร 7 ชั่วโคตร
"ไม่แปลกถ้าการณ์นี้จะเผยให้เห็นด้านโหดเหี้ยมของจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้"
"เพราะถ้าไม่เปี่ยมล้นด้วย "อำนาจ" ขนาดนี้ ก็คงจะไม่สามารถสร้างสุสานที่ใหญ่โตมโหฬาร กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ให้คนรุ่นหลังได้เห็น ได้ชมทุกวันนี้"
210 ก่อนคริสตกาล จักรพรรดิฉินสื่อหวง ยังสร้างสุสานสำหรับตนเองไม่เสร็จก็สิ้นพระชนม์ไปก่อน ต่อมา "ฉินเอ้อซื่อ" บุตรชายก็มารับช่วงต่อและสร้างจนแล้วเสร็จ รวมระยะเวลาในการก่อสร้างถึง 38 ปี (246-208 ก่อนปีคริสตกาล) หากแต่ว่าต่อมา เมื่อราชวงศ์ฉินเสื่อมอำนาจ ผู้ที่เกลียดชังจักรพรรดิฉินได้บุกรื้อ ทุบทำลายหุ่นดินเผาไปเป็นจำนวนมาก ทำให้สภาพที่เห็นในปัจจุบันคือบางตัวแขนขาด บางตัวหัวขาด ข้าวของบางชิ้นเสียหาย
แต่กระนั้น เท่าที่เหลือก็ยังคงความยิ่งใหญ่กว่าที่ใครจะจินตนาการได้
จากหลุมขุดค้นทั้ง 3 แห่ง จุดสุดท้ายซึ่งถือเป็น "ไฮไลต์" ที่ต้องไปชมให้ได้คือ "พิพิธภัณฑ์"
เพื่อนผู้ผ่านเข้าไปชมมาก่อนหน้านี้ ออกมาบอกด้วยความตื่นเต้นว่า สิ่งที่พลาดไม่ได้เลยคือ "รถม้าโบราณ" ในขบวนทหารของจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ ซึ่งอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก
ข้าวของในพิพิธภัณฑ์มีอยู่มากมาย ชนิดที่หากใช้เวลาเดินเที่ยวชม หรือแสวงหาความรู้จากสิ่งที่มีในนั้นคงต้องใช้เวลานานหลายวัน แต่ความรู้สึกของผมเหมือนจะไม่สนใจอะไรแล้ว มันคิดไปไกลถึงหุ่นดินเผารถม้าโบราณที่เพื่อนร่วมทางเล่าให้ฟัง ดังนั้น จึงพบตัวเองกึ่งเดินกึ่งวิ่ง ตรงไปที่ห้องจัดแสดง ก่อนจะพบกับนักท่องเที่ยวมากมายรุมล้อมถ่ายรูป สลับกับเสียงบรรยายของไกด์จีนที่ดังเซ็งแซ่
ด้วยความพยายามอย่างหนัก ผมเบียดแทรกตัวเองเข้าไปให้ใกล้ตู้จัดแสดงให้มากที่สุด
โดนคนจีนส่งสายตาแปลกๆ บางคนอาจจะต่อว่า หรือถึงขั้นด่าออกมา แต่ไม่เป็นไร เพราะผมไม่เข้าใจภาษาจีน (ฮา)
ในที่สุดผมก็ได้มายืนเผชิญหน้ากับ "รถม้าโบราณ"
มือสั่นขณะยกกล้องถ่ายภาพเตรียมลั่นชัตเตอร์
"เหมือนผมจะเห็นรถม้าขบวนนี้มีชีวิต"
กระบวนทัพในสุสาน
และหุ่นดินเผา"เหมือนจริง"
สิ่งหนึ่งที่เพิ่งรับรู้หลังจากได้ไปเยี่ยมชม "สุสานจักรรพรรดิฉินซีฮ่องเต้" คือกระบวนการสร้างสุสานและหุ่นดินเผา
จากวิดีโอแนะนำการเที่ยวชมและคำบอกเล่าของไกด์ ทำให้ทราบว่า หุ่นทหารดินเผาเหล่านี้ ถูกสร้างขึ้นโดยช่างปั้นซึ่งเป็นแรงงานชั้นต่ำที่ถูกเกณฑ์มา ปั้นแบบแยกส่วนก่อนจะนำไปประกอบกัน เมื่อเสร็จแล้วนำไปเผาไฟ ใช้สีที่ได้จากธรรมชาติหลากหลายสีมาระบายที่ตัวหุ่น รวมถึงชุดต่างๆ จนทำให้หุ่นดินเผานั้นเหมือนมีชีวิต
แต่ด้วยยังไม่ค้นพบเทคโนโลยีสำหรับการรักษา "สี" ทำให้เมื่อมีการขุดค้น นำหุ่นทุกตัวขึ้นมา ถูกอากาศ ความชื้น สีที่เคยปรากฏอยู่ตามตัวก็เริ่มเลือนหายไป กลายเป็นดินอย่างที่เห็นทุกวันนี้
"ทำให้วิธีการ "อนุรักษ์" ของนักโบราณคดีปัจจุบันคือ ยังคงเก็บไว้ให้บางส่วนอยู่ใต้ดินต่อไป รอเทคโนโลยีการเก็บรักษาที่จะมาถึงในอนาคต"
ในการขุดค้น "สุสานจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้" พบทหารดินเผาและม้าศึกกว่า 6,000 ตัว (คาดว่าถ้าเปิดหลุมแล้วจะมากกว่า 8,000 ตัว) ถูกฝังลึกลงไปประมาณ 5 เมตร มีแนวกำแพงดินพูนสูงราว 3 เมตร แยกจากกันเป็นช่วงๆ ค้ำยันด้วยท่อนซุง ปูไม้ทับก่อนจะฝังดินกลบอีกชั้นหนึ่ง
สำหรับการจัดตำแหน่งในสุสานนั้น เป็นไปตามกระบวนทัพตาม "ตำราพิชัยสงครามซุนวู" มีการเลือกชัยภูมิ จัดผังออกแบบค่ายเป็นรูปสี่เหลี่ยมล้อมรอบด้วยกำแพงดินพูนสูง และมีคูอยู่นอกกำแพงเมือง ถนนตัดอยู่ภายในเป็นทางเดินกองทหาร จากเหนือไปใต้ ตะวันออกไปตะวันตก มีด่านกันไฟเป็นระยะๆ ส่วนตรงกลางค่ายเป็นที่ตั้งกองบัญชาการ แวดล้อมด้วยเหล่าเสนาบดี ที่ปรึกษา หน่วยทหารที่เป็นหน่วยกล้าตายและองครักษ์ ทำหน้าที่คุ้มกัน "ฉินสื่อหวง"
"จักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้" ผู้ยิ่งใหญ่"
(มติชนรายวัน หน้า 13 วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2556 )