ผู้เขียน หัวข้อ: มโนราห์ - ศิลปพื้นเมืองภาคใต้ (ฟังบทร้องมโนราห์)  (อ่าน 3639 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด



<a href="http://hostarea.de/out.php/i268932_manora.swf" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">http://hostarea.de/out.php/i268932_manora.swf</a>

มโนราห์ - ศิลปพื้นเมืองภาคใต้ (ฟังบทร้องมโนราห์)

โนรา หรือ มโนห์รา (เขียนเป็น มโนรา หรือ มโนราห์ ก็ได้) เป็นการละเล่นพื้นเมืองที่สืบ ทอดกันมานานและนิยมกันอย่างแพร่หลายใน ภาคใต้ เป็นการละเล่นที่มีทั้งการร้อง การรำ บางส่วนเล่นเป็นเรื่อง และบางโอกาสมีบางส่วน แสดงตามคติความเชื่อที่เป็นพิธีกรรม

โนรา เป็นศิลปะพื้นเมืองภาคใต้เรียกว่า โนรา แต่ คำว่า มโนราห์ หรือ มโนห์รา นั้น เป็นคำที่เกิด ขึ้นมาเมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยการนำเอา เรื่อง พระสุธน-มโนราห์ มาแสดงเป็นละครชาตรี จึงมีคำเรียกว่า มโนราห์ ส่วนกำเนิดของโนรานั้น สันนิษฐานกันว่าได้รับอิทธิพลจากการ ร่ายรำของอินเดียโบราณก่อนสมัยศรีวิชัย ที่มา จากพ่อค้าชาวอินเดีย สังเกตได้จากเครื่องดนตรีที่ เรียกว่า เบ็ญจสังคีตซึ่งประกอบโหม่ง ฉิ่ง ทับ กลอง ปี่ ใน ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีโนรา และท่ารำของโนรา อีกหลายท่าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับการร่ายรำของทางอินเดีย และเริ่มมีโนราเป็นกิจลักษณะขึ้นเมื่อ ประมาณปี พุทธศักราชที่ ๑๘๒๐ ซึ่งตรงกับสมัยสุโขทัยตอนต้น

ตำนานโนรา เชื่อกันว่าโนราเกิดขึ้นครั้งแรกที่ หัวเมืองพัทลุง ปัจจุบันคือ ตำบล บางแก้ว จังหวัด พัทลุง แล้ว แพร่ขยายไปยังหัวเมืองอื่นๆของภาคใต้ จน ไปถึงภาคกลาง และกลายเป็นละครชาตรี และจังหวะ ตะลุง ที่ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดนี้ โนรา เกิดขึ้นในราชสำนักของพัทลุงซึ่งมีตำนานเล่า กันมาว่า เจ้าเมืองพัทลุง มีชื่อว่าพระยาสายฟ้าฟาด มีลูกสาวที่ชื่อ ศรีมาลา ซึ่งมีความสามารถในการร่ายรำมาก ได้เกิดตั้งครรภ์โดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน เชื่อกันว่าเป็นท้องกับเทวดา

พระยาสายฟ้าฟาดเห็นดัง นั้นก็โกรธมาก สั่งให้นำนางศรีมาลาไป ลอยแพในทะเล ( คือ ทะเลสาปสงขลา) และ แพได้ไปติดที่เกาะใหญ่ นางศรีมาลาก็ ได้ให้กำเนิดลูกชาย โดยตั้งชื่อว่า เทพสิงหล ซึ่งมีนัยความว่า ลูกของเทวดา นางศรีมาลา ได้ฝึกให้เทพสิงหลฝึกร่ายรำ ซึ่งเทพสิงหล ก็สามารถร่ายรำได้สวยงามมาก และร่ายรำ มีชื่อเสียงมากที่เกาะใหญ่

จนรู้ไปถึง หูพระยาสายฟ้าฟาด ซึ่งพระยาสายฟ้า ฟาดก็ยังไม่รู้ว่าหลานตัวเอง ก็ได้ เชิญไปรำในราชสำนัก ฝ่ายนางศรีมาลานั้น ก็น้อยเนื้อต่ำใจเมื่อครั้งที่ถูกลอยแพ ก็บอกกับคนที่มาติดต่อว่า โนราคณะ นี้จะไปรำได้ แต่ต้องปูผ้าขาวตั้ง แต่ริมฝั่งที่ลงจากเรือจนไปถึงตำหนัก พระยาสายฟ้าฟาดก็ตอบตกลง

ดังนั้น เทพสิงหลจึงไปรำในราชสำนัก เทพสิงหลรำ ได้สวยงามมาก จนพระยาสายฟ้าฟาดก็ ตกตะลึงในความสวยงาม จึงถอดเครื่องทรงที่ทรงอยู่ให้กับเทพสิงหล แล้วบอกว่า "เครื่อง แต่งกายกษัตริย์ชุดนี้มอบให้เป็นเครื่องแต่งกาย ของโนรานับแต่นี้เป็นต้นไป" เทพสิงหลจึง บอกว่าแท้จริงแล้วเป็นหลานของพระยาสายฟ้าฟาด พระยาสายฟ้าฟาดจึงรับโนราไว้ ในราชสำนักและให้สิทธิแต่งกายเหมือนกษัตริย์ทุกประการ

พระพุทธรูป ที่ทรงเทริด(มงกฎ)มโนราห์
เทริดเป็นของสูงที่ควรแก่การประดับเศียรพระ


พระพุทธรูปสมัยอยุธยาตอนกลาง

พิธีบูชาครูของมโนราห์
ข้างหลังจะเป็นศาล ตั้งเครื่องบวงสรวงบูชาครู

กล่าวคำ....บูชาครู
ข้าว 9อย่าง ถือเป็นของไว้บูชาเทวดาที่ล่องลอยมาร่วมพิธี
ผ้าเพดานแทนสรวงสวรรค์
เป็นทางผ่านของครูหมอมโนราห์และเหล่าเทวดาเพื่อเข้ามาในโรงพิธี

บรรเลงเพลงโหมโรง

คอนสำหรับนั่ง ประหนึ่งมโนราห์คือสัตว์ปีกของสรวงสวรรค์

หน้าพรานสีแดง - การครอบหน้าพราน คือการแสดงตนเป็นลูกหลานมโนราห์
รวมถึงใช้เพื่อการแก้บน เพื่อให้เด็กๆหายจากอาการเจ็บป่วยด้วย

 


ท่ารำพระจันทร์ทรงกลด


มโนราห์ หรือ โนราห์ของชาวใต้ กำลังจะสูญหาย
แต่มีครูโนราห์หลายท่าน ที่ยังพยายามให้ลูกหลาน หรือบุคคลทั่วไปสืบทอด

noway2know -http://www.prachathon.org/forum/index.php?topic=6758.0


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 25, 2012, 12:23:17 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด




นางมโนราห์เป็นธิดาองค์เล็กของท้าวทุมราชผู้เป็นพระยากินนร
นางมีพระพี่นางอีกหกองค์ล้วนมีหน้าตาเหมือน ๆ  กัน  งดงามยิ่งกว่านางมนุษย์
รูปร่างหน้าตาของพวกเขาเหมือนมนุษย์แต่มีปีกและหางที่ถอดออกได้


เมื่อใส่ปีกใส่หางแล้วกินนรก็สามารถบินไปยังที่ต่าง ๆ ได้ นางมโนราห์และพี่น้องทั้งหกได้ไปเล่นน้ำที่สระน้ำอโนดาต เจอพรานบุญที่ต้องการจับตัวนางกินรีเพราะเห็นว่านางงดงามคู่ควรแก่พระสุธน โอรสแห่งเมือง ปัญจาลนคร  พรานบุญจึงไปยืมบ่วงนาคบาศจากท้าวชมพูจิต พญานาคราช ซึ่งได้ให้ยืมบ่วงนาคบาศ เพราะพรานบุญเคยช่วยชีวิตเอาไว้และเห็นว่าพระสุธนกับนางมโนราห์เป็นเนื้อคู่กัน พรานบุญได้จับนางมโนราห์ไปถวายแค่พระสุธน พระสุธนเห็นเข้าก็เกิดหลงรักนางและพานางกลับเมือง และได้อภิเษกกัน

ต่อมาปุโรหิตคนหนึ่งได้เกิดจิตอาฆาตแค้นแก่พระสุธนเพราะว่าพระสุธนไม่ให้ตำแหน่งแก่บุตรของตน เมื่อถึงคราวเกิดสงคราม พระสุธนออกไปรบ พระบิดาได้ทรงพระสุบิน ปุโรหิตได้ทำนายว่าจะเกิดภับพิบัติครั้งใหญ่  ให้นำนางมโนราห์ไปบูชายัญ ซึ่งท้าวอาทิตยวงศ์ได้ยินยอมตามนั้น นางมโนราห์รู้เข้าก็เกิดตกใจ จึงออกอุบาย ขอปีกกับหางของนางคืน เพื่อร่ายรำหน้ากองไฟก่อนจะตาย เมื่อนางได้ปีกกับหางแล้ว นางก็ร่ายรำได้สักพักก็บินหนีไป ไปเจอฤาษีก็ได้กล่าวกับฤาษีว่า หากพระสุธนตามมาให้บอกว่าไม่ต้องตามนางไป เพราะมีภยันอันตรายมากมาย และได้ฝากภูษาและธำมรงค์ให้พระสุธน เมื่อนางมโนราห์ได้กลับไปที่เมืองก็จะได้มีพิธีชำระล้างกลิ่นอายมนุษย์ ฝ่ายพระสุธนที่กลับจากสงครามได้ลงโทษปุโรหิต และติดตามหานางมโนราห์

เมื่อเจอพระฤาษี พระสุธนจะติดตามนางมโนราห์ต่อไป โดยมีพระฤาษีค่อยช่วยเหลือ เป็นเพราะเวรกรรมแต่ชาติที่แล้วนั่นคือ นางมโนราห์คือ พระนางเมรี และพระสุธนคือ พระรถเสน ทำให้พระสุธนได้รับความลำบากมาก เมื่อพระสุธนมาถึงสระน้ำอโนดาต ได้แอบเอาพระธำมรงค์ใส่ลงในคณโฑของนางกินรีนางหนึ่ง ซึ่งนางกินรีได้นำน้ำนั้นไปสรงให้นางมโนราห์ พระธำมรงค์ได้ตกลงมาที่แขนของนางพอดี ทำให้นางรู้ว่าพระสุธนมาหานาง นางจึงได้แจ้งแก่พระมารดา ซึ่งพระบิดาต้องการทราบว่าพระสุธนมีความรักจริงต่อนางมโนราห์หรือไม่ ได้รับพระสุธนมาที่เมืองและให้พระสุธนบอกว่านางไหนคือนางมโนราห์ ซึ่งนางมโนราห์และพี่ๆๆมีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกัน ร้อนถึงองค์อินทร์ ต้องแปลงกายมาเป็นแมลงวันทอง จับที่ผมของนางมโนราห์ ทำให้นางมโนราห์และพระสุธนได้เคียงคู่อย่างมีความสุข


อ้างอิงจาก :http://schoolnet.nectec.or.th/library/webcontest2003/100team/dlbs014/story.htm

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 13, 2013, 04:02:45 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด



นางในวรรณคดี : นางกินรี (มโนราห์)

"ชาตินี้น้องตามพี่  หากชาติหน้ามีขอให้พี่ตามน้อง"

เหตุไฉน? แผ่นดินล้านนา แหล่งกำเนิด “สุธนชาดก” แท้ ๆ กลับไม่มีนาฏศิลป์ประเภทใดถ่ายทอดเรื่องราวของนางกินรีหลงเหลืออยู่   แต่เรื่องราวของนางกินรีที่ผูกเรื่องขึ้นในแผ่นดินล้านนา กลับไปถูกถ่ายทอดเรื่องราว จนโด่งดังในดินแดนอุษาอาคเนย์

จากปัญญาสชาดกสู่พระสุธนคำฉันท์  วรรณกรรมพื้นบ้านเรื่องพระสุธน-มโนราห์  ปรากฏครั้งแรกในคัมภีร์บาลีปกรณ์เรื่อง “ปัญญาสชาดก” (อ่านปัน-ยาด-สะ-ชา- ดก)  ซึ่งไม่ปรากฏนามผู้ประพันธ์  รู้แต่ว่าเป็นพระภิกษุชาวล้านนา เขียนขึ้นในราวปี พ.ศ. ๒๐๐๐-๒๑๐๐
 
ปัญญาสชาดก แปลตรงตัวว่า “ชาดก ๕๐ เรื่อง เป็นงานเขียนในลักษณะประชุมนิทานเก่าแก่ที่เล่าสืบต่อกันมา หนึ่งในนั้นมี “สุธนชาดก” รวมอยู่ด้วย  นิทานปัญญาสชาดกมีเนื้อหาสนุก แฝงธรรมะอย่างแยบยล  ได้รับความนิยมสูง และแพร่ขยายไปยังดินแดนใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว เช่น สยาม ลาว สิบสองปันนา พม่า  โดยเฉพาะในพม่าเรียกนิทานเรื่องนี้ว่า ซิมเมปัญญาสะ (Zimme Pannasa)  “ซิมเม” หมายถึงเชียงใหม่     จึงเป็นอันยืนยันได้ว่านิทานเรื่องนี้เขียนขึ้นในเชียงใหม่อย่างแน่นอน

ในสมัยอยุธยา ได้นำเอาปัญญาสชาดกมารจนาเป็น “พระสุธนคำฉันท์  แต่สำนวนฉบับอยุธยาอ่านยาก  ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕)  พระยาอิศรานุภาพ (อ้น)  จึงประพันธ์ขึ้นใหม่อีกครั้ง

ชาตินี้น้องตามพี่  หากชาติหน้ามีขอให้พี่ตามน้อง 
มโนราห์ หรือ โนรา ที่คนปักษ์ใต้นิยมเรียกสั้น ๆ  ได้หยิบยกนิทานเรื่อง พระรถ-เมรี (พระสุธน-มโนราห์) มาเล่นโดยเคารพเนื้อหาดั้งเดิมผสมผสานรสสำเริงบันเทิงคดีเป็นเรื่องหลัก 
 
เรื่องราวของพระรถ – เมรี (พระสุธน-มโนราห์) เป็นเรื่องราวที่กล่าวถึงความรักระหว่าง “มนุษย์” กับ “อมนุษย์” (กินรี : ครึ่งคนครึ่งสัตว์หิมพานต์) อันเป็นภพที่เกิดมาใช้กรรมต่อเนื่องจากชาติปางก่อนที่ทั้งคู่เคยเป็น “พระรถ-เมรี”  ชาติก่อนนั้นก็รักกันปิ่มว่าจะขาดใจ  พระรถเป็นมนุษย์เช่นเคย และนางเมรีก็เป็นอมนุษย์อีกเหมือนเดิม  ซ้ำหนักกว่าชาติก่อนคือเป็นถึง “ยักษินี"

ความแตกต่างด้าน “ชาติพงศ์วงศา” คือฐานันดรกีดกั้นพรมแดนแห่งรัก  จุดเด่นของเรื่องนี้คือคำสาปแช่งของเมรี  ที่ต้องกรีดเลือดสังเวยรัก ขณะเร่ร้องติดตามหา “พระรถ” ผู้ทอดทิ้งนางและหลบหนี  ด้วยวลีอมตะว่า “ชาตินี้น้องตามพี่  หากชาติหน้ามีขอให้พี่ตามน้อง”

ภพชาติมีจริง พระรถจำต้องเกิดมาไถ่ “หนี้สิเนหา”  คืนให้แก่เมรี  ผู้ที่กลับชาติมาเกิดใหม่เป็นกินรี ชื่อ “มโนราห์”  ชาตินี้มีปีกมีหาง พร้อมจะบินหนีความรักเพื่อลบรอยแค้นได้ทุกขณะ

ชาดกปิดเรื่องด้วย “พรานบุญ” ผู้ใช้เวทย์มนต์ บ่วงบาศก์จับนางกินรีขณะบินลงมาเล่นน้ำที่สระอโนดาต  เมื่อจับได้แล้วนำนางไปถวายพระสุธนซึ่งขณะนั้นออกเสด็จประพาสป่า   ด้วยบุพเพสันนิวาส พระสุธนเกิดความเสน่หานางมโนราห์จนยากเกินถ่ายถอน  แต่แล้วความรักครั้งนี้ก็ถูกสกัดโดยปุโรหิต  ด้วยต้องการจะยกลูกสาวของตนให้เป็นชายาพระสุธนแทน  จึงคิดอุบายกำจัดนางกินรี  อ้างคำทำนายว่าอมนุษย์นางนี้เป็นกาลีบ้านกาลีเมือง ต้องจับ “บูชายัญ”  ทำให้นางมโนราห์ขอปีกขอหางคืน โดยแสร้งพิไรรำพันทำท่าคล้ายจะกระโดดเข้ากองไฟฆ่าตัวตาย  แต่แล้วเมื่อได้คืนมาพลันถลาบินหนีกลับสู่ป่าหิมพานต์

ด้วยอานุภาพแห่งความรักบวกแรงแห่งกรรม พระสุธนต้องระทมทุกข์ออกตามหานาง นานอยู่นานถึง ๗ ปี ๗ เดือน  ในที่สุดก็สมหวัง ลบล้างคำสาปแช่งแต่ภพชาติก่อนได้สำเร็จ


          ฝ่ายนาฏเมรีศรีสวัสดิ             บรรทมเหนือแท่นรัตน์ปัจถรณ์
          ดาวเดือนเลื่อนลับยุคันธร        จะใกล้แสงทินกรอโณทัย

          ฟื้นกายชายเนตรนฤมล          มิได้ยลพระยอดพิศมัย
          แสนโศกปริเทวนาใน             อรทัยทุ่มทอดสกลกาย

พระรถ เมรี เป็นนิทานบรรพชนลาว ล้านช้าง มีจดไว้ในต้นเรื่องตำนานพงศาวดารล้านช้าง  เมื่อลาวล้านช้างเคลื่อนย้ายจากบริเวณสองฝั่งโขง ลงลุ่มน้ำเจ้าพระยา ก็มีนิทานตำนานพระรถ เมรี ติดลงมาด้วย  แล้วใช้แต่งบทขับไม้ในพระราชพิธีสมโภชชั้นสูง ได้แก่ การสมโภชพระมหาเศวตฉัตร  สมโภชพระเจ้าลูกเธอขึ้นพระอู่และโสกันต์

พงศาวดารล้านช้าง ระบุว่างั่วอิน ลูกชายคนที่ห้าของขุนบรม แยกครัวลงมาครองเมืองอโยธยา สอดคล้องกับพระราชพงศาวดารอยุธยา ว่าเจ้านครอินทร์ เชื้อสายขุนหลวงพะงั่ว (พ่องั่ว) เป็นกษัตริย์รัฐสุพรรณภูมิ ยึดอำนาจเป็นกษัตริย์ครองกรุงศรีอยุธยา...

สุจิตต์  วงษ์เทศ  หน้า ๗๗  มติชนรายสัปดาห์
ฉบับประจำวันที่ ๑๑-๑๗ มกราคม ๒๕๕๖
โดย กิมเล้ง  -http://www.sookjai.com/index.php?topic=49700.0


ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด



"สามจอกสี่จอกกรอกเข้า  เมรีขี้เมาก็หลับใหล"

เพลงพื้นบ้านที่แต่งจากวรรณคดีเมรี
1
แม่จ๋า...ใยเมรีนี้ขี้เมา
ชอบดื่มแต่เหล้าเมาหลับใหล
หรือทำตัวชั่วช้า-ช่างกระไร
ผิดจารีตผิดวิสัยใช่สตรี

ลูกรักเอ๋ย...
จงฟังถ้อยเฉลยให้ถ้วนถี่
ก่อนพิพากษาใครว่าร้ายดี
ทุกวิถีล้วนมีเหตุที่มา

เริ่มต้นนางสิบสองต้องทนทุกข์
ราชันย์สั่งขังคุกด้วยโมหา
โลกมืดมนโดนนางยักษ์ควักนัยน์ตา
จึงคุมแค้นเรื่อยมากว่าสิบปี


ให้โอรส-รถเสนเป็นคนลวง
ล่อหลอกสรวงสุดามารศรี
พลันพระรถเสนเห็นเมรี
เสน่หานารีร่วมภิรมย์

ลืมสิ้นมารดาและหน้าที่
อภิเษกเมรีเป็นคู่สม
ลุ่มหลงสิเน่หาอารมณ์
เสพสมสนานสนุกทุกราตรี

จนวันหนึ่งพลันหน่ายในรสรัก
เพิ่งตระหนักถึงภาระและหน้าที่
พระรถจึงลวงล่อต่อเมรี
มอมเมรัยมเหสีจนเมามาย




แล้วหลอกถามความจริงเพื่อชิงช่วง
ทั้งมะม่วงและมะนาวที่เฝ้าหมาย
ด้วยความรักสวามีมิเสื่อมคลาย
จึงแย้มพราย-แม้มารดาจะลงทัณฑ์

เมื่อพระรถสมฤดีก็ตีจาก
ด้วยไม่อยากรับผิดชอบต่อจอมขวัญ
มนุษย์-ยักษ์ฤารักได้ไฉนกัน
ขอเจ้าแจ่มจันทร์จงแจ้งใจ

นางติดตามสุดแดนดินสิ้นขอบเขต
แสนอาดูรพูนเทวษจึ่งร่ำไห้
ยื้อยุดฉุดพระบาทเจียนขาดใจ
อัสสุชลท้นไหลดั่งสายธาร

นางพร่ำเพรียกเรียกหาสวามี
จนสิ้นสุรเสียงที่จะขับขาน
จุ่มโลหิตลิขิตรักอักขระจาร
ลงกลางลานผืนดินแล้วสิ้นใจ


2.
นางเมรีร่ำเมรัยเพราะใครกัน
เป็นความผิดของนางนั้นก็หาไม่
นางถูกปล้นความรักจากมือใคร
ทั้งหมดนี้หรือมิใช่คนใกล้ตัว

กลับกลายเป็นบทเพลงบรรเลงเล่า
มัวมึนเมาจนถูกทิ้ง-อีหญิงชั่ว
อีกทั้งไม่รักนวลสงวนตัว
ต้องเสียศรีหมองมัวจนตัวตาย

ลูกเอ๋ยในวรรณคดีมีความจริง
พึงพินิจสรรพสิ่งให้ชัดฉาย
โลกนี้มีรถเสนเจนอุบาย
อีกมากมายคอยทำลายเหล่าสตรี

สามจอกสี่จอกกรอกเข้า
ทุกทุกจอกเหล้าที่ล้นปรี่
ในเมรัยมีน้ำตานางเมรี
คือแง่มุมวรรณคดีที่คนลืม


ตีพิมพ์ครั้งแรกลง "เนชั่นสุดสัปดาห์" 2542
-http://www.oknation.net/blog/charoen.../12/01/entry-1

         
          เมื่อนางเมรีเห็นพระรถเสนลับพระเนตรไปแล้ว
          ก็ทรงกันแสงเสียพระทัยจนสิ้นชีพอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำนั้นเอง

          คลิ๊ก อ่าน.. นิทานในวรรณคดี พระรถ เมรี...
          - http://www.baanmaha.com/community/thread27313.html