ริมระเบียงรับลมโชย > คุยสบาย นานาสาระ
ลูกเตะอัตตา
aun63:
:44:เมื่อวันจวนคลอดมาถึง ถ้าคุณแม่มีอาการปวดท้อง หรือน้ำเดินเมื่อรัยให้รีบมาโรงพยาบาลได้เลย คุณหมอว่ามาอย่างนั้น อืมมเธอนี้ก็ครบกำหนดแล้วปวดท้องยัง เป็นยังงัยบ้างมีอาการรัยป่าว ยังงัยดี อืมพรุ่งนี้ไปหาหมอกัน .... เสียงของหมอบอกว่า..เด็กแข็งแรงดีครับอืมมหรือจะผ่า เด็กตัวใหญ่นะ ถ้าผ่าก็นอนคืนนี้พร่งนี้ผ่าเลย ภรรยาผมใจเด็ดมากผ่าเลย ให้ตายเถอะเพื่อน ความกล้ามันเกิดขึ้นมาได้สักพักเดียว ความกลัวก็ตามมาแระ ฉันกลัวนั้นคือสิ่งที่เธอบอกผม ไม่ต้องกลัวไม่เห็นมีรัยเลยจะกลัวทำมัย ( ก็เราไม่ได้ผ่าเองหนิก็พูดได้ดิ 555+) เพื่อนเห็นอะรัยมั้ยนั้นคือความกลัวของเราเหมือนกันแต่เราโยนภาระให้คนอื่น เคยปะ (มันใช้ได้กับทุกๆเรื่องนะ)
aun63:
:24: :47: :45:เสียงแรกของการรอคอย เป็นเสียงที่สัมผัสถึงความรู้สึกรักที่บริสุทธิอย่างจับใจ น้ำตา ความดีใจ ความทราบซึ่งใจมันเกิดขึ้น สิ่งที่สะท้อนกลับมาคือความเข้าใจในรักที่พ่อและแม่มีให้แก่เรา พ่อครับแม่ครับ ขอบคุณนะครับ ผมเข้าใจแล้วว่าพ่อกับแม่รักผมมากขนาดไหน เอาหละเรื่องราวต่างๆกำลังจะดำเนินขึ้น พลังแห่งชีวิตที่เปลี่ยนวิถีคิด และปฎิบัติได้อย่างเข้าใจมันกำลังเกิดขึ้นแล้วเพื่อนๆ
(〃ˆ ∇ ˆ〃):
เกิดซะที ลุ้นหน้าห้องคลอดจนตัวโก่ง 555+
aun63:
:12:1-2 ปีแรก ผมเหมือนจงอางที่หวงไข่555+ ใครแตะลูกผมไม่ได้ ทำรัยที่ผิดหลักการดูแล โน้นนี่นั้น ผมจะพูด เชิงบ่นเล็กๆ เพื่อนเชื่อมั้ยจนแม่ยายผม นอนไม่หลับแค่ลูกผมโดนยุงกัดกลัวว่าผมจะตำหนิ ภรรยาผมเริ่มพูด ว่าอั๋นเธอจะอะรัยกันมากมายเธอเลี้ยงได้มั้ย ถ้าได้ลองมาเลี้ยงดู เพื่อนเอยความกล้ามันมาเร็วจิงๆ ผมลองเลี้ยงเอง โอ้วพ่อเจ้า เข้าใจแระว่าเป็นงัยเลี้ยงเด็กไม่ใช่ตุ๊กตา นั้นคือจุดเริ่มที่ผมเริ่มเข้าใจคนรอบข้างที่เค้าดูแลลูกของผม ความเข้าใจทำให้ผมไม่มากมายในการดูแลด้วยประสบการณ์ของแม่ยาย การที่ผมไม่มากมายมันทำให้ผมดูและเรียนรู้ด้วยความเข้าใจอย่างใกล้ชิด การทะเลาะกันเรื่องการดูแลลูกมันเป็นเรื่องปกติที่ทุกๆคนต้องเจอ สิ่งหนึ่งที่ได้คือทุกคนทำด้วยความรัก ต่อนะ สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นนั้นคือสิ่งที่ลูกสัมผัสและสื่อมายังเราผู้ที่เรียกตนเองว่าพ่อ นี่คือสิ่งที่ผมมองข้ามมา ต้นข้าวคือลูกสาวที่น่ารัก เธอเกิดมาพร้อมกับภาวะที่บริสุทธิ และความรักของคนในครอบครัว ทุกคนรักและอยากให้ต้นข้าวเป็นคนดีในสิ่งที่คิดและคาดหวัง รวมถึงตัวพ่ออย่างผมด้วย
aun63:
เมื่อลูกได้3ปีลูกต้องเข้าเรียน ก็จะมีการสอบถามกันในหมู่เพื่อนที่มีลูกรุ่นๆกันว่าจะให้ไปเรียนไหน สังคมยังงัย เรียนดีเรียนเด่น ภาวะนั้นมีนะ ที่ต้องการและปราถนาในสิ่งนั้นเพื่อลูกหรือเพื่อหน้าตาของตัวเองแล้วคิดว่าลูกจะได้ไม่น้อยหน้าใครหรือเราไม่น้อยหน้าใครกันแน่ ถามเองตอบเอง555+ เพื่อนๆผมได้คำตอบด้วยภาวะนั้นมันทำเพื่อตัวเองนี้หว่า มันยึดในความคิดคนอื่น บ้าจิงๆทำมัยผมถึงใช้ชีวิตอยู่กับความคิดคนอื่น จิงๆลูกผมไม่ได้ต้องการไปแข่งกับใครทำมัยผมต้องไปบังคับลูกผมให้ลงแข่งความเก่ง นั้นคือหนึงที่ผมหลงทางผมกำลังสร้างสังคมที่แข่งขันตามๆกันไปเองนั้นคือความจิงที่ผมกำลังจะดำเนินและปลูกต้นข้าวให้เป็นแบบนั้น นั้นคือตัวตนที่แท้จิงของผม วันนี้ปัจุบันนี้และนาทีนี้ผมได้รู้แล้วว่า ต้นข้าวเกิดมาเพื่อตัวเค้าและคนอื่นเพื่อที่จะเจริญเติบโตไปกับความเข้าใจทั้งกายและจิตตน เค้าทำให้พ่ออย่างผม เข้าถึงภาวะความเป็นพ่อที่แท้จิง ผมเคยไม่รู้ถึงความรู้สึกของลูก ผมละเลยความต้องการที่ลูกปราถนา
ด้วยความบริสุทธิ ว่าเค้าร้องไห้ ว่าเค้างอแงเพราะอะรัย มีแต่เสียงดุที่ต้นข้าวได้รับและไม้เรียวก้านยมจากแม่ของเธอ ผมปฎิเสธไม่ได้ว่าไม่พอใจในสิ่งที่ภรรยาทำกับลูกสาว
แต่เมื่อถึงช่วงจังหวะที่ผมเข้าใจ นั้นคือสิ่งที่เค้าได้เรียนรู้ของกันและกันละหว่างแม่และลูก ผมเริ่มเข้าใจในสัมผัสจากจิตของลูกมากขึ้น เวลา ต้นข้าวอยู่กับผมเธอจะมีความ
สุข ทำในสิ่งที่อยากทำ อยากร้องไห้ แยกอ้อน อยากได้โน้น อยากไปนี่ อยากนอนดึกอยากดูการตูน จนที่บ้านเบื่อผม ว่าเวลาผมอยู่กับต้นข้าวแล้วต้นข้าวจะงี้เง่าไม่เอาใครเวลาอยู่กะยายกะแม่จะเป็นเด็กดีเชื่อฟังว่าง่ายน่ารัก เพื่อนๆคิดว่าผมทำผิดมั้ย ช่วยตอบหน่อยสิว่าสิ่งที่พ่ออย่างผมทำมันเรียกว่าตามใจใช่หรือไม่ วันหนึงเหตุการนั้นก็เกิดขึ้น
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version