ผู้เขียน หัวข้อ: ตร.แกะรอย 4 วันปิดคดีฉกเพชร วงจรปิดมัด 'สาวแสบ' ก่อคดีเพียบ  (อ่าน 1083 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ตร.แกะรอย 4 วันปิดคดีฉกเพชร วงจรปิดมัด 'สาวแสบ' ก่อคดีเพียบ
-http://www.dailynews.co.th/article/965/202208-










จากสภาพสังคมและภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดภัยสังคมรอบด้าน ก่อเกิดมิจฉาชีพได้แฝงมาในหลากหลายสารพัดรูปแบบ ที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ดังเช่นเหตุการณ์สาวแสบก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์ในร้านเพชรกลางห้างดัง กวาดทรัพย์สินไปมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท โดยเหตุฉกเพชรกลางห้างดังย่านบางนา เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา นายพิริยะ เกษร อายุ 49 ปี เจ้าของบูธจำหน่ายเครื่องเพชร พี.ที.เอส. เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร้อยเวรสน.บางนา ว่าถูกคนร้ายเป็นหญิงรูปร่างท้วม ผิวขาว แต่งตัวภูมิฐาน อายุประมาณ 40 ปี ทำทีเข้ามาตีสนิทและขอซื้อเครื่องเพชร
 
ก่อนอาศัยจังหวะทีเผลอสลับสับเปลี่ยนเอาเพชรปลอมมาไว้ แล้วฉกเครื่องเพชรจริงไป ก่อนจะเดินออกจากร้านแบบง่ายดาย กว่าเจ้าของจะมารู้ว่าถูกสับเปลี่ยนเพชรจริงไป คนร้ายก็หนีไปไกลแล้ว คดีนี้เล่นทำเอาบรรดาคนทำมาหากินแบบสุจริตถึงกับเข่าอ่อน เมื่อมาถูกเล่ห์เหลี่ยมอันแพรวพราวของบรรดามิจฉาชีพ ยิ่งหลบหนีไปได้ก็คงคิดว่าเป็นเรื่องยากไม่น้อยที่จะติดตามคนร้าย?
 
เปิดแฟ้มคดีเก่าสัปดาห์นี้ ขอนำเรื่องราวการแกะรอยพิชิตคดีคนร้ายรายนี้มานำเสนอ เพราะหลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้รีบเข้าแจ้งความกับร้อยเวร สน.บางนา เพื่อให้ตำรวจเร่งติดตามหาตัวคนร้าย คดีโจรกรรมอุกอาจแบบนี้ เมื่อ “บิ๊กแจ๊ด” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ได้รับรายงานจึงสั่งการกำชับให้ทีมสืบสวนทั้งของ สน. บางนา และ บก.สส.น.5 ลงพื้นที่คลี่คลายคดี โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.สุพจน์ พรหมศิริ รองผบก.น. 5, เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ประกอบไปด้วย พ.ต.อ.บรรจง อมฤทธิ์ ผกก.สส.บก.น. 5 พ.ต.ต.คมกฤช เอกโพธิ์, พ.ต.ต.สุธิศักดิ์ พิริยะภิญโญ สว.กก.สส.บก.น.5 และ พ.ต.ท.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ สว.สส.สน.บางนา ลงพื้นที่หาข่าวเพื่อหาตัวมิจฉาชีพรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้ ชุดสืบสวนสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะเป็นมืออาชีพมีความรู้เรื่องเครื่องเพชรพอสมควร
 
พ.ต.อ.บรรจง นำชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบลงพื้นที่ติดตามหาข้อมูลคนร้ายอย่างละเอียด ไล่แกะรอยคนร้ายจากภาพวงจรปิดหลายจุดด้วยกันทั้งที่เกิดเหตุภายในห้างสรรพสินค้าและด้านนอก ไปจนถึงทั้งบริเวณลานจอดรถและป้ายรถเมล์ เพื่อตรวจหาคนร้ายตามรูปพรรณสัณฐานที่ทางผู้เสียหายแจ้งไว้ พร้อมกับนำแผนประทุษกรรมของคนร้ายมาทำการเปรียบเทียบว่ามีคดีที่เกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันหรือไม่!! ถือว่าโชคเข้าข้างทีมสืบสวน เมื่อไปพบเคยมีคดีเกิดขึ้นคล้ายคลึงกัน 2 ครั้งในท้องที่สน.พหลโยธินและสน.สุทธิสาร อีก
ทั้งเมื่อพลิกข้อมูลอาชญากรรมฉกเพชรก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 56 เพิ่งจะเกิดเหตุคดีคล้ายคลึงกันในท้องที่ สภ.เมืองจันทบุรี ครั้งนั้นผู้ต้องหาลักทรัพย์เพชร 1 เม็ดขนาด 4 กะรัต มูลค่า 5.9 ล้านบาท ในห้างทองแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี
 
แต่ตำรวจได้เบาะแสสำคัญ!! เพราะจับกุมเพื่อนชายของคนร้ายได้ ขณะพยายามขับรถปิกอัพ หลบหนีและถูกตำรวจสกัดจับกุมตัวได้ ให้การปฏิเสธก่อนจะใช้หลักทรัพย์ประกันตัวออกมาคนละ 1 แสนบาท
 
เมื่อได้ข้อมูลเบาะแสคดีฉกเพชรเก่า ๆมาตรวจสอบ พร้อมมีการประสานทั้งแฟ้มอาชญากรรมของทั้ง 3 ท้องที่ มาเปรียบเทียบกับภาพวงจรปิดที่จับภาพคนร้ายที่ก่อเหตุในพื้นที่ สน.บางนา นำมาเทียบเคียงกันทั้งหมดแล้วปรากฏว่าคนร้ายรูปพรรณสัณฐานใกล้เคียงกันมาก กระทั่งนำไปให้ผู้เสียหายดูก็พบว่าเป็นรายเดียวกัน เนื่องจากจดจำหน้าได้ชัดเจนถึงแม้จะสวมใส่แว่นอำพราง โดยคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุนั้น คือ นางจินดา จันทร์หม่อม
 
หลังจากได้ข้อมูลสำคัญที่เชื่อมโยงไปถึงคนร้าย พ.ต.อ.บรรจง จึงได้วางแผนกับชุดสืบสวน บก.น.5 และ สน.บางนา แบ่งกำลังออกตามแหล่งที่คาดว่าผู้ต้องหาจะหนีไปกบ ดาน ไม่ว่าจะเป็นบ้านเกิดของคนร้าย ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ รวมทั้งบ้านของอดีตสามีที่จังหวัดนครราชสีมา แต่ก็ไม่พบร่องรอยว่าคนร้ายจะย้อนกลับไปกบดานทั้ง 2 แห่ง ทีมสืบสวนจึงใช้เวลาในการลงพื้นที่หาข้อมูลอีกครั้งจนเบนประเด็นการสืบสวน โดยพุ่งประเด็นไปที่บ้านเพื่อนชายอีกคน มีอาชีพขับรถอยู่ละแวกขนส่งหมอชิต พยานแจ้งเบาะแสว่าเห็นทั้งสองคนกลับไปเที่ยวสงกรานต์ใน จ.ร้อยเอ็ด
 
การแกะรอยคนร้ายจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง วันที่ 15 เม.ย. พ.ต.ต.คมกฤช และ พ.ต.ต.สุธิศักดิ์ ได้นำกำลังเดินทางไปที่ จ.ร้อยเอ็ด เป็นไปตามคาดการณ์พบนางจินดา มาหลบอยู่ที่บ้านเพื่อนชาย ตรวจค้นพบของกลางทองรูปพรรณหลายรายการ แหวนทองคำฝังเพชร 4 วง ตุ้มหูเพชร 1 คู่ ตั๋วจำนำ 3 ใบ เมื่อจนมุมต่อหลักฐานจึงยอมรับสารภาพแต่โดยดี ใช้เวลาไล่ล่าตัวเพียง 4 วัน
 
ตามประวัติแฟ้มอาชญากรรมเก่า เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดพบเคยก่อเหตุมาแล้วนับไม่ถ้วนในพื้นที่นครบาล อาทิ สน.พหลโยธิน, สน.สุทธิสาร, สน.ห้วยขวาง, สน.ปทุมวัน, สน.บางชัน, กระทั่งมาถูกจับกุมดำเนินคดีในพื้นที่ สน.ปทุมวัน ติดคุก 2 ปี 6 เดือน เมื่อออกมาแล้วยังไม่เข็ดหลาบถือโอกาสลงมือก่อเหตุอีก เบื้องต้นสารภาพอ้างว่าทำไปเพราะรายได้จากการขายเสื้อผ้าย่านตลาดนัดจตุจักรไม่เพียงพอ อีกทั้งมีภาระต้องเลี้ยงดูหลานอีกหนึ่งคนทำให้ตัดสินใจดังกล่าว
 
พฤติกรรมจะไปซื้อหาเพชรปลอมมาเตรียมเอาไว้ก่อน แล้วจะพยายามแต่งตัวดูดี ทำทีเข้าไปขอดูเพชรหรือทองตามร้าน หรืองานแสดงสินค้าที่จัดขึ้นเพราะค่อนข้างจะมีคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ จากนั้นเมื่อได้ร้านเป้าหมายที่เจ้าของนั่งเคาน์เตอร์คนเดียวลำพัง ก็จะเข้าไปทำทีขอเลือกชมเพชร พยายามเลือกหลาย ๆ แบบเพื่อดูว่าชิ้นไหนสภาพใกล้เคียงกับเพชรปลอมที่เตรียมเอาไว้ เมื่อได้จังหวะช่วงที่มีลูกค้าเข้ามาในร้านก็จะใช้ความเร็วสับเปลี่ยนกับของจริงแล้วก็หลบหนีออกมา หลังจากได้เพชรมาแล้วก็จะนำไปฝากไปขายหรือจำนำในบ่อนการพนัน บางครั้งก็เสี่ยงไปโรงจำนำ
 
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นอุทาหรณ์สอนใจให้กับบรรดาผู้ประกอบการร้านทองหรือร้านอัญมณีให้ระมัดระวังไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพที่แฝงตัวมาในคราบของลูกค้า บ่อยครั้งที่ผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อก็เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจ เห็นว่าแต่งตัวภูมิฐานจึงหลงไว้ใจ ท้ายที่สุดการจับกุมครั้งนี้ถือว่าเป็นผลงานของตำรวจ กก.สส.บก.น.5 และฝ่ายสืบสวน สน. บางนา ที่วางแผนร่วมมือกันติดตามจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว เพียง 4 วัน มิเช่นนั้นอาจจะมีผู้เสียหาย ตกเป็นเหยื่ออีก!!.

สามารถติดตามรับชม สกู๊ปข่าว สันติ-ภาพลวงตาฯ สะท้อนความจริงปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ในช่วงข่าวค่ำ ทางสถานีโทรทัศน์เดลินิวส์ทีวี  เวลา 18.30 น. โดยรับชมผ่านทาง จานดาวเทียม ระบบ PSI (ช่อง 26),DYNASAT (ช่อง101) , INFOSAT, LEOTECH,THAISAT (ช่อง 20) หรือคลิกเข้าไปชมทางเว็บไซต์
www.dailynews.co.th

กิตติพงษ์ มณีฤทธิ์ ข้อมูล
ประพงษ์ แหลมแจง รายงาน
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)