ประชาสัมพันธ์ > การเตือนภัยสังคมและกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ
รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง
sithiphong:
เมื่อลูกค้าโทรแจ้ง สคบ. ร้องเรียนข้าวถ้วยละ 100 นี่คือผลลัพธ์...
-http://hilight.kapook.com/view/114285-
ข้าวเปล่าถ้วยละ 100
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1970341 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ลูกค้าร้านอาหารญี่ปุ่นที่เคยตั้งกระทู้โวยขายข้าวเปล่าถ้วยละ 100 บาท ล่าสุดโทรแจ้ง สคบ. แล้ว มาดูว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างไรต่อ
สืบเนื่องจากเมื่อปลายปี 2557 คุณสมาชิกหมายเลข 1970341 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้ตั้งกระทู้โวยร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ที่คิดราคาข้าวเปล่าถ้วยละ 100 บาท โดยไม่แสดงราคาไว้ในเมนูอาหาร ซึ่งเมื่อเรียกผู้จัดการร้านมาสอบถามก็ได้รับคำตอบว่า ข้าวเปล่านั้นเป็นข้าวเหนียวญี่ปุ่นเกรดพรีเมียม นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เจ้าของกระทู้ก็ต้องจำใจจ่ายเงินไป แต่ภายที่หลังกระทู้ดังกล่าวถูกแชร์ว่อน ก็ทำให้ร้านอาหารดังกล่าวออกมาขอโทษที่ไม่ได้แสดงราคาไว้ในเมนูอาหาร พร้อมระบุว่าจะเร่งดำเนินการติดราคาข้าวเปล่าลงในเมนู เพื่อให้ลูกค้าทราบก่อนสั่ง ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น (อ่านข่าว ร้านอาหารญี่ปุ่น ยอมรับผิด กรณีขายข้าวเปล่าถ้วยละ 100)
เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น วันนี้ (16 มกราคม 2558) คุณสมาชิกหมายเลข 1970341 ได้ตั้งกระทู้อีกครั้ง ชื่อ "เมื่อคนทานข้าวถ้วยละร้อยโทรแจ้ง สคบ. ผลที่ได้คือ..." เพื่อรายงานความคืบหน้า หลังจากชาวเน็ตแนะนำให้ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ด้วย เนื่องจากเห็นว่าข้าวเปล่าถ้วยละ 100 บาทนั้นแพงเกินไป ซึ่งเจ้าของกระทู้ก็ได้โทรศัพท์ร้องเรียนไปยังสายด่วน สคบ. 1166 เพื่อให้เกิดประโยชน์ของผู้บริโภครายอื่น ๆ ตามบทสนทนาข้างล่างนี้
"ก่อนโทรผมก็เตรียมหลักฐานไว้หมดครับ ทั้งโหลดฟอร์มร้องเรียน ใบเสร็จ รูปถ่าย ข่าวจากสื่อต่าง ๆ ครบครับ เมื่อมีเจ้าหน้าที่รับสายปุ๊บ
เจ้าหน้าที่ : สวัสดีครับ ร้องเรียนเรื่องอะไรครับ
ผม : ไปทานอาหารแล้วร้านไม่ติดราคาครับ
เจ้าหน้าที่ : ติดต่อ 1569 กรมการค้าภายในเลยครับ
เรื่องแรกคือ ถ้าจะร้องเรียนเกี่ยวกับราคาสินค้าไม่เป็นธรรมทุกกรณี ต้องแจ้งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ครับ กด 1569
เจ้าหน้าที่ : สวัสดีครับ ร้องเรียนเรื่องอะไรครับ (ประโยคเดียวกัน)
ผม : ร้านอาหารไม่ติดราคาครับ
เจ้าหน้าที่ : ร้านชื่ออะไร อยู่ที่ไหน แล้วเหตุการณ์เป็นยังไงครับ
ผม : ร้านxxx อยู่ที่ xxx ครับ (เหตุการณ์ตามกระทู้เก่า) ผมเตรียมหลักฐานให้แล้วครับต้องใช้อะไรบ้าง
เจ้าหน้าที่ : ไม่ต้องครับ ขอชื่อผู้ร้องเรียนและเบอร์ติดต่อพอครับ
ผม : แค่นี้เหรอครับ?? (อารมณ์เหมือนโฆษณาสินเชื่อ สมัครง่ายอนุมัติไว)
เจ้าหน้าที่ : ทางเราไปตรวจสอบเสร็จแล้วจะแจ้งผลให้ทราบภายใน 7 วันครับ
ผมคิดในใจครับว่าถ้าราชการนี่คงต้องเผื่อใจไว้เลยว่า 7 วันอัพแหง ๆ แถมไม่รู้ด้วยว่าจะติดต่อมาหรือเปล่า เพราะช่องทางการติดตามผลก็ไม่มี วันที่โทรเป็นวันจันทร์ครับ
ถัดมาอีก 2 วัน มีเจ้าหน้าที่จากกรมการค้าภายในโทรมาครับ ตอนแรกผมติดสายอยู่เลยไม่ได้รับ (เพราะเห็นเป็นเบอร์แปลก) แต่พี่แกโทรกระหน่ำมากครับ เหมือนเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก (4 misscall) ผมเลยรีบโทรกลับครับ เมื่อรับสาย
เจ้าหน้าที่ : คุณxxx นะครับ ตอนนี้ทางผมเข้าไปตรวจสอบร้าน xxx มาแล้ว พบว่าไม่มีการติดราคาจริง เลยประสานงานให้ผู้มีอำนาจปรับไปดำเนินการเรียบร้อยแล้วครับ
โอ้โหหหหห สุดยอดเลยครับ !! ทีมกรมการค้าภายในทำงานเร็วมาก ๆ ตรวจปั๊บ ปรับ โทรแจ้งผลทันที
เจ้าหน้าที่ : ยอดเงินที่ปรับจำนวน 5,000 บาทครับ (ไม่ติดเมนูเดียว เลยปรับตามนี้) ทีนี้คุณ... มีสิทธิ์มาแสดงตัวเพื่อ "ขอรับสินบนนำจับ" 25% ครับ
นี่ละครับ !! ที่ผมอยากให้ผู้บริโภคทุกคนรับรู้ สรุปเป็นข้อ ๆ ตามนี้นะครับ
1. ผู้บริโภคสามารถร้องเรียนได้เลยโดยที่ไม่ต้องมีหลักฐาน ขอแค่ชี้เบาะแสให้เจ้าหน้าที่รู้ แล้วเค้าจะเข้าไปตรวจสอบเอง
2. ผู้แจ้งไม่ใช่แค่แจ้งเฉย ๆ แล้วจบกัน แต่มีสิทธิ์ได้รับสินบนนำจับด้วย 25% จากยอดปรับ (กรณีผมคือ 1,500 บาท)
3. ผู้แจ้งไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าทุกข์ครับ*** อันนี้ผมว่าสำคัญมาก เพราะแต่ก่อนเราจะเข้าใจว่าคนที่มีสิทธิ์ร้องเรียนต้องเป็นผู้เสียหายเท่านั้น เวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาคนทั่วไปก็จะคิดว่าถ้าผู้เสียหายไม่เอาเรื่องขึ้นมาก็จบ แต่ไม่ใช่เลยครับ แค่เราเป็นเพื่อน คนรู้จัก หรือแค่คนหนึ่งที่รู้เรื่องก็สามารถโทรแจ้งกรมการค้าภายในได้เลย นอกจากจะได้ลงโทษคนผิดแล้วยังได้เงินด้วยนะเอ้อ !
หลังจากนี้ก็ตามขั้นตอนครับ คือผมต้องเข้าไปกรอกฟอร์มเพื่อรับสินบนนำจับ แล้วรออนุมัติเงินภายใน 2 อาทิตย์ก็เป็นอันเรียบร้อย
อีกนิดครับ ในกระบวนการทำงานของกรมการค้าภายในจะมีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ทุกวันแบบสุ่มตรวจอยู่แล้ว แต่ถ้ามีคนชี้เบาะแสให้จะเป็นประโยชน์กับเค้ามาก ๆ เพราะสามารถพุ่งเป้าได้เลย เจ้าหน้าที่เลยอยากฝากให้ผู้บริโภคทุกคนช่วยกันนะครับ พบเห็นร้านค้าเอาเปรียบผู้บริโภครีบโทรแจ้งทันที 1569 สายด่วนกรมการค้าภายในครับ ขอบคุณครับ"
งานนี้ชาวเน็ตเข้ามาปรบมือชื่นชมการทำงานที่รวดเร็วของเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในกันมากมาย พร้อมกับขอให้ทุกคนช่วยกันแชร์ว่า หากพบปัญหาเช่นนี้สามารถโทรแจ้ง 1569 สายด่วนกรมการค้าภายในได้เลย นอกจากจะได้จัดการกับผู้ประกอบการที่เอาเปรียบผู้บริโภคแล้ว ยังมีสิทธิ์ได้รับสินบนนำจับอีกด้วย
sithiphong:
เตือน! ปชช.ระวังอันตรายจากเครื่องทำน้ำอุ่นไม่ได้มาตรฐาน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
-http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9580000009178-
กรมควบคุมโรค เตือนประชาชนเพิ่มความระวังในการอาบน้ำจากเครื่องทำน้ำอุ่นที่ใช้ที่ใช้พลังงานแก๊สหุงต้มไม่ได้มาตรฐาน แนะวิธีสังเกตระหว่างอาบน้ำ และปฏิบัติตนหากพบความผิดปกติ เผยหน้าหนาวทุกปีมีรายงานผู้เสียชีวิตจากเครื่องทำน้ำอุ่นไม่ได้มาตรฐานปีละ 1-2 คน
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าวพบผู้เสียชีวิตในห้องน้ำขณะอาบน้ำในจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเบื้องต้น คาดเสียชีวิตจากการสูดแก๊สพิษ เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ โพรเพน ว่า ขณะนี้หลายภูมิภาคของประเทศไทยโดยเฉพาะบริเวณภูเขาสูง ยอดดอยในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศหนาวเย็น ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นไปท่องเที่ยว และเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็น ทำให้ต้องอาบน้ำอุ่นจากเครื่องทำน้ำอุ่น แต่บางพื้นที่ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นแบบใช้แก๊สที่ไม่ได้มาตรฐาน ประกอบกับก๊าส LPG หรือก๊าสหุงต้ม และก๊าสโพรเพนในเครื่องทำน้ำอุ่นสันดาปไม่ดี ถ้าร่วมกับห้องน้ำไม่มีอากาศถ่ายเท ทําให้เกิดการสะสมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และคาร์บอนมอนอกไซด์ ในปริมาณมากจนทำให้เกิดอากาศหายใจ หมดสติ และเสียชีวิตได้อย่างเฉียบพลัน เนื่องจากขาดออกซิเจน จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคและภัยสุขภาพ สำนักระบาดวิทยากรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ในฤดูหนาวปี 2555-2556 พบผู้ป่วยหมดสติขณะอาบน้ำในห้องน้ำที่ใช้เครื่องทําน้ำอุ่นแบบใช้ระบบแก๊สในที่พักพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จํานวน 5 ราย เสียชีวิต 2 ราย และในฤดูหนาวปี 2557-2558 นี้ มีรายงานผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นพระสงฆ์จำวักที่วัดป่าแห่งนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ทั้ง 2 ราย ซึ่งจากการสอบสวนโรค พบว่า มีระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ อยู่ในระดับสูงมากที่เป็นระดับที่สามารถทําให้เสียชีวิตได้ทันที และคาดว่าน่าจะมีการป่วย และเสียชีวิตจากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นในที่พักพื้นที่อื่นๆ อีกหลายแห่ง แต่ไม่ได้มีการติดตามเฝ้าระวัง ดังนั้น จึงควรให้ความระมัดระวังการเดินทางไปพักผ่อนในที่พักที่มีการใช้เครื่องทําน้ำอุ่นแบบใช้แก๊ส รวมทั้งการใช้อุปกรณ์ทําความอบอุ่นที่ใช้แก๊ส หรือน้ํามันก๊าดเป็นเชื้อเพลิงดังกล่าว
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า ขอฝากเจ้าของโรงแรม รีสอร์ต ที่พัก บ้านเรือนที่พักอาศัย รวมทั้งศาสนสถานต่างๆ ที่มีการใช้เครื่องทําน้ำอุ่นแบบใช้ระบบแก๊สควรดำเนินการดังนี้ 1.มีการตรวจสอบคุณภาพ มาตรฐาน และการบํารุงรักษาเครื่องทําน้ำอุ่นที่ใช้ระบบแก๊ส 2.ตรวจสอบการรั่วและปริมาณการสะสมของก๊าซในสถานที่พักอยู่เสมอ 3.ห้องน้ำ หรือห้องพักควรมีพื้นที่กว้างเพียงพอและมีช่อง หรือพัดลมระบายอากาศที่เหมาะสมและได้มาตรฐาน และ 4.ติดป้ายเตือนและบอกถึงวิธีใช้งานของเครื่องทําน้ำอุ่นไว้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน ผู้ที่เข้าพักอาศัยควรปฏิบัติ ดังนี้ 1.สังเกตอาการที่อาจเกิดขึ้นจากการได้รับแก๊ส ระหว่างใช้ห้องน้ำ เช่น วิงเวียน หน้ามืด หายใจลําบาก เป็นต้น ควรรีบออกจากห้องน้ำ หรือให้การช่วยเหลือทันที 2.คนที่มีโรคประจําตัว เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคระบบทางเดินลมหายใจ ควรระมัดระวังมากขึ้นในการใช้ห้องน้ำที่มีเครื่องทําน้ําอุ่นแบบใช้ระบบแก๊ส เพราะหากได้รับก๊าซดังกล่าวจะทําให้เสียชีวิตได้ง่ายกว่ากลุ่มอื่นๆ และ 3.การอาบน้ำโดยเครื่องทำน้ำอุ่นที่ใช้แก๊สหุงต้ม ถ้าไม่มีเครื่องระบายอากาศ ควรเปิดประตูห้องน้ำทิ้งไว้ 15 นาที เพื่อให้อากาศถ่ายเท ก่อนที่คนอื่นจะอาบน้ำต่อ หากมีคนอาบน้ำนานผิดปกติให้รีบช่วยเหลือ เพราะอาจหมดสติในห้องน้ำ
สำหรับเจ้าหน้าที่อุทยาน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าของที่พัก และเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อการท่องเที่ยว ควรให้ความรู้แก่ประชาชนในการเข้าพักอาศัยในโรงแรม ที่พัก ที่มีการใช้เครื่องทําน้ำอุ่นแบบใช้ระบบแก๊สอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้เพียงพอ และจําเป็นต้องใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง เช่น บริเวณป่า ภูเขาสูง เป็นต้น ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
sithiphong:
ชาวเน็ตสุดทน แม่ค้าให้ชิมมะม่วง ก่อนโดนบังคับซื้อลูกละ 80 บาท ถือมีดถามจะเอาไม่เอา
-http://hilight.kapook.com/view/114759-
แม่ค้าให้ชิมมะม่วง ก่อนโดนบังคับซื้อลูกละ 80 บาท
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ทวิตเตอร์ @bytelife
ชาวเน็ตระบาย โดนแม่ค้าขู่ให้ซื้อมะม่วงลูกละ 80 บาท แถมบอกซื้อลูกเดียวไม่ได้ เพราะมะม่วงมันแพง ถือมีดในมือ ถามจะเอาไม่เอา สุดท้ายต้องควักกระเป๋าจ่าย
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ ยายยัดดอกไม้ เรียกร้องขู่กรรโชกเอาเงิน 40 บาทจากผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ ล่าสุด (25 มกราคม 2558) เรื่องราวของการขู่กรรโชกเอาเงินเพื่อให้ซื้อของก็ยังไม่หมด เมื่อชาวเน็ตคนหนึ่ง ได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า ถูกขู่ให้ซื้อมะม่วงลูกละ 80 บาท ที่สำคัญคือ ในมือพ่อค้าแม่ค้าถือมีดด้วย
ทั้งนี้ ทวิตเตอร์ของคุณ @bytelife ได้เผยว่า ตนเดินลงจากรถไฟใต้ดินสถานีเพชรบุรีกับเพื่อน ซึ่งมาเจอร้านขายมะม่วง กะปิ น้ำปลาหวาน เมื่อเข้าไปถามว่าขายอย่างไร พ่อค้าแม่ค้าที่เป็นสามีภรรยากัน ก็บอกว่ามีแค่มะม่วงเปรี้ยวกับมะม่วงมัน และไม่ยอมบอกราคา และฝ่ายภรรยาก็หั่นมะม่วงให้ชิม จากนั้น ทั้งสองคนก็บอกว่า มะม่วงลูกนี้ราคา 80 บาท ทำให้ตนไม่พอใจ และบอกว่าจะเอามะม่วงแค่ลูกเดียว แต่ฝ่ายสามีบอกไม่ขายลูกเดียว เพราะมะม่วงแพง และถือมีดอยู่ในมือ ส่วนฝ่ายภรรยาก็ถามว่า เอาไม่เอา จนสุดท้ายก็ต้องยอมจ่ายเงิน
"หลังจ่ายตังค์โกรธมาก แทบเขวี้ยงทิ้ง โง่ที่โดนหลอก และพูดได้คำเดียวว่า หากินได้เอี้ยมาก"
หลังจากนั้น ก็มีการรีทวีตข้อความนี้เป็นจำนวนมาก และพบว่ามีหลายคนเจอเหตุการณ์นี้มาเช่นเดียวกัน ขณะที่คนจำนวนหนึ่งก็เข้ามาเสนอความคิดเห็นว่า ที่สองสามีภรรยาถือมีดนั้น อาจจะเพราะปอกมะม่วงเสร็จก็ถือมีดเอาไว้ อาจจะไม่ต้องการทำร้ายใครก็เป็นได้
------------------------------------------------------
เตือนภัย เอเยนต์หลอกขายตั๋วเครื่องบินถูก ชิ่งหายพร้อมเงิน 14 ล้าน
-http://hilight.kapook.com/view/114757-
เตือนภัย เอเยนต์หลอกขายตั๋วเครื่องบินถูก ชิ่งหายพร้อมเงิน 14 ล้าน
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Geawgy Janjarupankul
เตือนภัย เอเยนต์เถื่อนหลอกขายตั๋วเครื่องบินราคาถูก ก่อนชิ่งหายพร้อมเงิน 14 ล้าน แจ้งตำรวจก็พึ่งไม่ได้
ในยุคที่ตั๋วเครื่องบินแข่งกันขายถูกอย่างทุกวันนี้ เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่กำลังคิดจะเดินทางไปต่างประเทศกำลังมองหาเอเยนต์ที่ขายตั๋วที่ถูกที่สุดเท่าที่เป็นไปได้อยู่แน่ ๆ แต่หากได้อ่านข่าวเตือนภัยที่เรานำมาฝากกันวันนี้ รับรองว่าจะต้องคิดแบบรอบคอบกันใหม่ เพราะบางครั้งของถูกก็ไม่ได้ดีเสมอไป และซ้ำร้ายไปกว่านั้น ของถูกอาจจะกลับกลายเป็นการหลอกลวงในตอนท้ายก็ได้
เรื่องราวเตือนภัยที่เรานำมาฝากกันวันนี้มาจากเจ้าของเฟซบุ๊กชื่อบัญชีว่า
Geawgy Janjarupankul เธอได้ใช้พื้นที่โซเชียลเน็ตเวิร์กของเธอเองบอกเล่าถึงเรื่องการโกงของเอเยนต์ตั๋วเครื่องบินจอมปลอม ที่เอาราคาตั๋วถูก ๆ มาหลอกล่อลูกค้า สุดท้ายชิ่งหนีหน้าไปพร้อมเงินรวมแล้วกว่า 14 ล้านบาท ตอนนี้คนร้ายก็ยังคงลอยนวล แม้ว่าเธอและลูกค้าที่ถูกหลอกกว่า 200 คนจะพากันไปแจ้งตำรวจแล้ว แต่ตำรวจก็ยังไม่ดำเนินการใด ๆ ให้เลย โดยคุณ Geawgy Janjarupankul ได้เล่าไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัวดังนี้
"ขอใช้พื้นที่นี้เล่าเรื่องราวกลโกงเป็นอุทธาหรณ์ของการโกงแบบนี้ มันไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก และกลัวว่าเรื่องราวเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับคนอื่น ๆ อีก และเพื่อไว้อาลัยให้ผู้รักษากฎหมายของพวกเราที่ได้ชื่อว่าเป็นที่พึ่งของประชาชนและรับเงินภาษีของพวกเราทุกๆเดือน
เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงได้ยินเรื่องการโกงตั๋วเครื่องบินกันพอสมควร เราเป็นหนึ่งในผู้โชคร้ายกลุ่มนั้น เริ่มมาจากเมื่อกลางปีที่ผ่านมา มีน้องที่รู้จักโพสต์ว่ารู้จักกับเอเยนต์ใหญ่ที่หาตั๋วการบินไทยได้ถูก ราคาดี แต่ไม่ได้ถูกเว่อร์จนไม่น่าเป็นไปได้ เราสนใจตั๋วยุโรปเลยติดต่อน้องเค้าไป ก็ได้ไลน์ของเอเยนต์ชื่อ อี้ด มีบริษัทชื่อ New Best Choice Travel ติดต่อซื้อตั๋วกันผ่านไลน์ พูดจาดี ถามตอบว่องไว แก้ไข ขอเปลี่ยนวันอะไรได้หมด จนได้ booking confirmation abacas มาเช็กผ่านอีเมลเรียบร้อย ก็โอนเงินให้ตั้งแต่กลางปี ทั้ง ๆ ที่จะบินธันวา โดยบอกว่าต้องรีบจ่ายเดี๋ยวราคาเปลี่ยน ด้วยความเชื่อใจน้องที่รู้จัก เพราะเค้าบอกว่าใช้มานานมาก ไม่เคยมีปัญหา และเราก็เห็นน้องเค้าบินเที่ยวตลอด ก็ยิ่งมั่นใจโอนเงินจ่ายไปให้เอเยนต์รายนี้ แต่อี้ดก็จะยังไม่ออกตั๋วจริง e-ticket ให้ อ้างว่าเป็นตั๋วถูกประเภทตั๋วกรุ๊ปทัวร์มาแบ่งขาย ต้องรอพรินท์พร้อมกรุ๊ป ให้รอใกล้ ๆ จะพรินท์ให้ น้องที่รู้จักก็เฟิร์มแบบนั้น เราก็สบายใจ รอบิน แต่ระหว่างนั้นก็ด้วยความหวังดี แนะนำเอเยนต์รายนี้ไปให้พี่ชาย เพื่อน และอีกหลาย ๆ คน มีทั้งติดต่อซื้อผ่านเรา และเอาไลน์ไปติดต่อซื้อเอง ทุกคนใช้ระบบเดียวกับเราคือ เห็น abacus และจ่ายเงินล่วงหน้าชาติเศษ ทั้งหมดก็เพราะการบอกต่อและไว้ใจเรา สรุปทริปที่แก๊งเราซื้อกับอี้ด มียุโรป เกาหลี นาโงย่า ฮอกไกโด รวมเป็นเงินราวๆ 160,000 บาท (อาจจะไม่ได้มากสำหรับคนอื่นแต่สำหรับเรามันโคตรจะมากเลย)
พอถึงเวลา ทริปยุโรปเราได้บิน โดยตั๋วจริงออกล่วงหน้าก่อนบินแค่ 3 วัน และตามแล้วตามอีก เราก็ไม่ค่อยสบายใจ แต่น้องที่รู้จักก็ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาแต่ตั๋วจะช้า ต้องตาม ๆ หน่อย เราก็ค่อยสบายใจขึ้น หลังกลับจากทริปยุโรป เราก็มาตามจิกตั๋วเกาหลีกับนาโงย่าปลายปีต่อ ตามแล้ว ตามอีก ตามเป็นอาทิตย์ ๆ อี้ดก็ตอบไลน์บ้าง ไม่ตอบบ้าง ผัดผ่อนวัน อ้างไปเรื่อย ๆ จนอีก 4 วัน เพื่อนจะต้องบินไปนาโงย่าแล้ว และอีกอาทิตย์ เราก็ต้องบินไปเกาหลีแล้ว
และแล้วเรื่องก็เกิดขึ้น หลังจากเราไลน์จิกไปวันเสาร์ อาทิตย์ อี้ดไม่ตอบไลน์แล้ว ไม่ Read เมื่อเช้าวันจันทร์ 22 ธันวาคม เราโทรหาน้องที่รู้จัก น้องบอกว่า แย่แล้ว อี้ดมันหนีไปแล้ววววววววววววว ปิดมือถือ ปิดร้าน หอบผ้าผ่อนหนีไป ทิ้งลูกชายไว้คนเดียว ยอดหนี้ตั๋วเครื่องบินเป็นล้าน ๆ มีผู้เสียหายบางคนตามไปดูถึงบ้าน เจอสภาพที่น่าตกใจอย่างมาก เอเยนต์ที่รับจองตั๋วเป็นล้าน ๆ บาท มีแค่โต๊ะทำงานตัวเดียว กับเศษกระดาษแปะตามโต๊ะ คอมฯ สักตัวยังไม่มี เวรกรรมแท้ ๆ รู้สึกตกใจ เสียใจ เสียขวัญ ทำไรไม่ถูก ไม่รู้จะบอกเพื่อน ๆ พี่ ๆ และทุกคนยังไงดี เกิดมาเพิ่งเคยถูกโกงงงง
จากนั้นผู้เสียหายทั้งหมดก็ตั้งกรุ๊ปไลน์มีสมาชิกเกือบ 200 คน เพื่อรวมตัวกันหารือ อัพเดทสถานการณ์ ช่วยเหลือกันเองเท่าที่จะทำได้ เชื่อไหมว่าผู้เสียหายทั้งหมดเกือบ 200 คน ยอดเงินที่อี้ดโกงไปกว่า 14 ล้าน ส่วนมากเป็นยอดจองช่วงสิ้นปีและสงกรานต์ ปี 58 โดยทุกคนมีใช้แพทเทิร์นการจองและติดต่ออี้ดผ่านไลน์หรือโทรเหมือนกันทั้งหมด เรื่องราวทั้งหมดเกิดจากการบอกต่อ ๆ กัน อาศัยความเชื่อใจ จองและโอนเงินก่อน ไว้ใจผู้บอกต่อ ไม่เคยมีใครเอะใจในพฤติกรรมต่าง ๆ (ที่จริง ๆ แล้วโคตรน่าสงสัย) สรุปโดนกันไปหลายสาย มีทั้งสายเอเจนซี สายดารา สายผู้สื่อข่าว สายบันเทิง บอกต่อ ๆ กันไปเป็นลูกโซ่มาก ๆ โดนมากโดนน้อยแตกต่างกันไป บางคนโดน 1.5 ล้าน บางคนสามแสน บางคนเป็นบริษัทเล็ก ๆ ที่จะพาพนักงานไป outing 20 คน ก็อดไปกันหมดทั้งบริษัทกว่า 7 แสน บางคนตั้งใจพาพ่อแม่ไปเที่ยวด้วยเงินเก็บของตัวเอง บางคนเก็บเงินตั้งใจพาลูกไปดิสนีย์แลนด์ ลูก ๆ ร้องไห้เสียใจกันใหญ่ บางคนเช้าวันนั้นไปยืนเงิบอยู่สุวรณภูมิทั้ง ๆ ที่ไม่มีตั๋วเลย บางคนต้องหาตั๋วใหม่กันวุ่นวายในราคาแพงลิบเพราะไม่อยากให้ทริปล่ม บางคนทำใจนอนกินมาม่าอยู่บ้านช่วงสิ้นปีเพราะทนซื้อตั๋วใหม่ไม่ไหว บอกได้เลยค่ะ ว่าหลากหลายรูปแบบมาก แต่ทุกคนมีอารมณ์เดียวกันคือ เศร้า !!!!!
หลังจากนั้นขั้นตอนแรกทุกคนก็ทยอยไปแจ้งความที่ สน. ไว้ก่อน จากนั้นก็ไปรวมตัวกันที่กองปราบพหลโยธิน ตรงข้ามเซ็นทรัลลาดพร้าว เพราะหวังว่าคดีที่ผู้เสียหายเยอะขนาดนี้ เป็นคดีฉ้อโกงประชาชน น่าจะพึ่งกองปราบได้ เรื่องคดีน่าจะจริงจังและเร็วขึ้น หลังจากผ่านขั้นตอนทำเอกสารที่แสนจะวุ่นวาย และสอบสวนเรื่องของแต่ละคนและทีละคนแล้ว เราก็ได้แต่รอ ๆ ๆ ๆ ๆ เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าต้องสอบสวนครบทุกคนแล้วถึงจะออกหมายจับได้ ทุกคนได้แต่เงิบบบบบ เพราะไม่รู้จะทำยังไง ประชาชนตาดำ ๆ
หลังจากนั้นมีผู้เสียหายบางคนรวมตัวกันไปแจ้งเรื่องที่ศูนย์ดำรงธรรมไว้ด้วย เผื่อทหารจะยื่นมือเข้ามาช่วยยยยยย พอผ่านพ้นปีใหม่ไป เรื่องก็ยังเงียบอยู่ พอถามไปที่กองปราบฯ แจ้งว่ากำลังส่งเรื่องไปที่ ปคบ. (กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค) เพราะผู้ใหญ่ฯ ทางกองปราบสั่งการมาแบบนั้น พอไปถามความคืบหน้าทาง ปคบ. ได้รับคำตอบว่า ยังไม่ได้รับเรื่องจากกองปราบ และถ้าได้รับเรื่อง ต้องมีหลักฐานการโฆษณาของเอเยนต์นี้ ถึงจะรับเรื่องได้ ซึ่งในความเป็นจริง ทุกคนรู้จักผ่านการบอกต่อและติดต่อผ่านไลน์หรือโทร อี้ดไม่เคยมีการโฆษณาใด ๆ กับพวกเราเลย หลักฐานเดียวที่พวกเรามีเหมือนกันคือ "หน้าจอไลน์" ซึ่งทาง ปคบ. ไม่ถือเป็นการโฆษณาและไม่รับเรื่อง สอบถามกลับไปที่กองปราบฯ ได้รับคำตอบว่าส่งเรื่องให้ ปคบ. แล้ว โดยหมวดที่ดูแลเรื่องยืนยันด้วยตนเอง งงค่ะ สรุปว่าเรื่องหายไปไหน จนถึงวันนี้ก็หนึ่งเดือนแล้วหลังจากเกิดเหตุ ผู้เสียหายหลายรายยังไม่ได้แจ้งความ ไม่รู้ต้องทำยังไง เพราะทางกองปราบบอกให้รอไปแจ้ง ปคบ. แต่ทาง ปคบ. ก็บอกยังไม่ได้รับเรื่อง
สุดท้ายทุกวันนี้ หมายจับออกแล้ว แต่ออกจากคดีที่สน.พัทลุง ที่มีผู้เสียหายคนหนึ่งไปแจ้งความไว้ แต่ตำรวจไม่ได้ออกตามล่าตัวอี้ดแต่อย่างใด แค่บอกว่าใครเจอตัวก็มาบอกตำรวจได้นะ แป่วววววว !!! หวังแค่ว่าจะช่วยๆ กันแชร์เรื่องราวนี้ออกไป และหากใครเจอตัวผู้หญิงหน้าตาแบบนี้ ชื่อ นางนิภาวรรณ โลหิตยา หรืออี้ด (หน้าตาสวยแบบในภาพที่แนบนี้เลย) ช่วยแจ้งกลับมาทีนะคะ
จนถึงวันนี้ บอกตรง ๆ เงินก็ไม่หวังจะได้คืนแล้ว ทำใจ คิดซะว่าทำบุญให้คนที่มีจิตใจพิกลพิการ แต่ที่เจ็บใจคือ คนชั่วอย่างอี้ด ลอยนวลหน้าตาเฉย ไม่ได้รับผลกรรมใด ๆ นี่จะบอกเลยว่านี่เป็นกระบวนการโกงแบบตั้งใจ และจากที่ดูประวัติ คิดว่านี่ไม่ใช่การโกงครั้งแรก เพราะเคยมีการเปิดบริษัท Best Choice Travel และปิดตัวลงไปก่อนหน้านี้ หายไปสัก 1-2 ปีแล้วกลับมาเปิดบริษัทอีกครั้ง ชื่อคล้าย ๆ กัน มันคือความตั้งใจกลับมาหาโกงกินเหมือนเดิม โดยคราวนี้ตั้งใจหาฐานลูกค้าให้กว้างมากที่สุด โดยใช้เวลาถึงเกือบ 2 ปี ก่อนจะเชิดเงินทั้งหมดหนีหายยยย (เดาว่าช่วงปลายปีน่าจะได้ยอดเยอะสุด เพราะรวมทริปปลายปีกับสงกรานต์ปีหน้าที่จองกันล่วงหน้าไว้) และกลโกงของอี้ดคือ เมื่อจองตั๋วให้ลูกค้า อี้ดจะจองตั๋วทันทีโดยไม่สนใจราคาตั๋วว่าจะถูกหรือแพง บางทีตั๋วที่อี้ดจองเป็นตั๋วโคดจะแพง แต่เพื่อให้ได้ abacus no. มาให้พวกเราดูและหลอกให้โอนเงินก่อนนาน ๆ พอถึงเวลาออกตั๋ว มันก็ค่อยพยายามหาตั๋วให้เราได้ ซึ่งจริงๆ อาจจะแพงกว่าเงินที่เราโอนไป ทั้งหมดก็เพื่อหลอกให้ตายใจ ว่าตั๋วมันถูก ให้บอกต่อเพื่อน ๆ มาซื้อกับมันเยอะ ๆ นี่มันวงจรอุบาทว์ชัด ๆ....
อยากจะถามว่าประเทศไทย เราอนุญาตให้คนโกงทำมาหากินแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? แล้วคนทำมาหากินสุจริตแบบพวกเรา เงินที่หามาได้จากการทำงานทุกบาททุกสตางค์ อยากจะเอาเงินที่ได้มาไปเที่ยวพักผ่อน มันไม่น่าสงสารหรอ ? หรือจำนวนเงินไม่เยอะพอเท่าคดีพัน ๆ ล้าน ? ยังงงว่าคดีอื่น ๆ เช่น แท็กซี่สุวรรณภูมิกับญี่ปุ่นยังดังกว่าเรื่องนี้ เรื่องผัวเมียฆ่ากัน ตำรวจยังตามจับตัวได้ไวมาก แอบน้อยใจว่า พวกเรามันคนชนชั้นกลางที่เสียภาษีไปวัน ๆ เพื่อให้ชนชั้นล่างมีเงินใช้จากมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ นานาของรัฐบาลที่พวกเราไม่เคยจะได้ใช้
และการบินไทยคะ นี่ไม่ใช่คดีโกงตั๋วเครื่องบินครั้งแรกในประเทศไทย มันเกิดขึ้นหลายครั้ง อยากให้คุณหาทางจัดการกับพวกเอเยนต์เถื่อนหน่อยเถอะคะ สุดท้ายนี้ ขอไว้อาลัยให้คนไทย จงอยู่อย่างมีสติ ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังตัว อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน คนชั่วมีอยู่รอบตัวเราไปหมด และตำรวจหรือผู้คุมกฎหมายก็ช่วยคุณไม่ได้ จงพึ่งพาตัวเอง บุญรักษาค่ะ
ฝากช่วย ๆ กันแชร์เรื่องราวนี้กันหน่อยนะคะ เพื่อช่วยกันตามตัวคนชั่วมารับโทษค่ะ ไม่งั้นมันต้องกลับมาโกงกินอีกแน่ ๆ"
3
sithiphong:
ให้ระวัง การหลอกลวง
----------------------------------------------------
ล้วงอาถรรพ์ เงินปากผี เรื่องจริงผ่านจอ
ล้วงอาถรรพ์ เงินปากผี เรื่องจริงผ่านจอ
-http://www.youtube.com/watch?v=H-fxvGnjxmo-
sithiphong:
ระทึก Power Bank ระเบิดไฟลุกพรึ่บ หวิดไฟไหม้ห้อง
-http://hilight.kapook.com/view/115488-
กระทู้เตือนภัยเรื่องใกล้ตัวชาวโซเชียลฯ ใช้ที่ชาร์จแบตสำรองชาร์จกับโทรศัพท์ไอโฟนเพียง 20 นาที กลับเกิดระเบิดไฟลุกควันคลุ้งห้อง โชคดีใช้น้ำดับทัน เตือนระวังอันตรายจากที่ชาร์จไม่ได้มาตรฐาน
เรียกได้ว่าปัจจุบันหลายคนมักจะใช้เวลาว่างในการเล่นโทรศัพท์ แท็บเล็ต เพื่อเข้าดูโซเชียลฯ ต่าง ๆ และทำให้แบตของโทรศัพท์หมดเร็ว จึงต้องมีการซื้อ Power Bank หรือที่ชาร์จแบตสำรองมาใช้ควบคู่กัน แต่ก็ต้องระวังเรื่องการใช้งานไว้บ้าง เพราะล่าสุด (6 กุมภาพันธ์ 2558) คุณ SnowGlobe สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้ตั้งกระทู้เตือนภัยเกี่ยวกับที่ชาร์จสำรองไหม้ขณะชาร์จ
โดยระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 00.30 น. ของวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ผ่านมา เจ้าของกระทู้ได้ซื้อที่ชาร์จแบตสำรองขนาด 8,000 mAh มาจากห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งได้ใช้งานมาได้เกือบ 3 เดือน ตอนที่เกิดเหตุได้ชาร์จที่ชาร์จแบตสำรองเข้ากับโทรศัพท์มือถือไอโฟน 5S โดยใช้สายชาร์จไอโฟนของแท้ และนอนหลับไป 15-20 นาที ก่อนที่น้องสาวจะปลุกขึ้นมาเพราะที่ชาร์จดังกล่าวระเบิดและไหม้ จึงรีบนำน้ำมาสาดทันที เนื่องจากบริเวณใกล้เคียงมีทั้งเอกสาร โน้ตบุ๊ก
พร้อมบอกว่าตอนที่ไปซื้อที่ชาร์จสำรองดังกล่าว ได้ระบุกับทางร้านไปว่าต้องการความปลอดภัย ไม่พังง่าย และไม่มาจากจีน ซึ่งทางร้านแนะนำยี่ห้อนี้มา และยังบอกด้วยว่ามีประกัน 2,000,000 บาท กรณีระเบิด จึงตัดสินใจซื้อมาในราคา 1,200 บาท และขอยืนยันว่า สายชาร์จทั้งหมดเป็นของจริงไม่มีของปลอมสักชิ้นเดียว หลังเกิดเหตุได้ขายโทรศัพท์ไอโฟนไปด้วยเนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
ทั้งนี้เจ้าของกระทู้ยังระบุด้วยว่า หลังติดต่อกับทางผู้ผลิตได้รับการแจ้งกลับมาว่าจะจ่ายเงินได้ตามที่เสียหาย ซึ่งเป็นหลักฐาน คือ 18,700 บาท และแจ้งด้วยว่าถ้าลงพันทิปตนอาจถูกฟ้องกลับก็เป็นได้ บริษัทฯ ที่มาทำการค้าขายในประเทศไทยได้แต่ขายสินค้า ส่วนความปลอดภัยกลับไม่มี
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ SnowGlobe สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version