ผู้เขียน หัวข้อ: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง  (อ่าน 74893 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
4 สารพิษในบ้าน อย่ามองข้าม...อันตรายใกล้ตัว (สุดๆ)

-http://campus.sanook.com/1369789/4-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1...%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%86/-

ไม่เฉพาะอันตรายจากสารพิษ สารเคมี และสารปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม (นอกบ้าน) เท่านั้น แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ในบ้านอันแสนอบอุ่นของคุณนั่นแหละ ที่มีภัยเงียบจากสารเคมีนานาชนิดตกค้างอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ต่างๆ ในบ้าน ฝุ่นละออง ฯลฯ

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ เพราะองค์การอนามัยโลก ถึงขนาดได้ออกมาประเมินว่า ในประเทศด้อยพัฒนา มลพิษจากอากาศภายในอาคารและบ้านเรือนริมถนน เป็นต้นเหตุสำคัญของโรคทางเดินหายใจ โรคปอด และโรคมะเร็ง ที่ทำให้คนตายรวมกันไม่น้อยกว่าปีละ 2 ล้านคนเลยทีเดียว (เสียวฝุดๆ)

มีอะไรบ้างล่ะที่เสี่ยง!

1) ฟอร์มัลดีไฮด์ นอกจากสารพิษชนิดที่ดมแล้วได้กลิ่น อย่างสารปนเปื้อนคาร์บอนมอนนอกไซด์ที่ระเหยจากการเผาไหม้ของน้ำมันเชื้อเพลิง กลิ่นใหม่ๆ จากของใช้ในบ้านแล้ว ยังมี "กลิ่นฉุน" ที่แฝงตัวอยู่อย่างเงียบเชียบ นั่นก็คือเจ้าฟอร์มัลดีไฮด์ สารร้ายในบ้านนั่นเอง

เจ้าสารชนิดนี้ เป็นแก๊สไม่มีสี แต่มีกลิ่นฉุน เป็นสารประกอบของฟอร์มาลินที่ใช้ฉีดและดองศพ ถ้ามีสารนี้ เราจะสังเกตง่ายๆ ก็คือ เราจะรู้สึกแสบตา มึนหัว หายใจอึดอัด ภายในบ้านเราจะพบได้ในเฟอร์นิเจอร์ที่มีส่วนประกอบของไม้อัด สารต้านเชื้อราในกาวลาเท็กซ์ที่ใช้ประกอบเครื่องเรือน แล็กเกอร์เคลือบไม้ พรมปูพื้น สีทาบ้าน วอลล์เปเปอร์ ผ้าม่าน ผ้าปูที่นอน ผ้าหุ้มเบาะโซฝา และเสื้อผ้าประเภทยับยาก ฟอร์มัลดีไฮด์ ทังหมดนี้ ล้วนเป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งคนในบ้านเสี่ยงเมื่อสัมผัส

2) น้ำยาทำความสะอาด น้ำยาทำความสะอาดเครื่องครัวบางชนิดมีโซดาไฟ เป็นส่วนประกอบซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อนเนื้อเยื่อ เป็นพิษต่อร่างกาย ต่อมาคือสารเคมีที่ใช้ในการขจัดสิ่งอุดตันในท่อน้ำทิ้งมักเป็นสารอันตรายที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง รวมทั้งยังต้องหลีกเลี่ยงการสูดกลิ่นเหล่านี้ เพราะมีอันตรายรุนแรง นอกจากนี้ ยังมีน้ำยาทำความสะอาดพื้นบ้าน ที่ปัจจุบันนี้ บ้านไหนก็ต้องมี ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นคือสารกลุ่มอัลคิล ฟีนอล อีธอกไซเลต ที่มีรายงานความเป็นพิษแบบเฉียบพลันของสาร NPE หากทาน สูดดม หรือสัมผัสในปริมาณความเข้มข้นสูงจะทำให้เกิดการระคายเคืองเยื่อบุทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร ตา และผิวหนังอย่างรุนแรง

3) มันมากับความหอม ใครๆ ก็ชอบใช่มั้ยล่ะความหอม ด้วยเหตุนี้ ในบ้านจึงมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำให้สิ่งต่างๆ หอมดั่งเนรมิต แต่เจ้าความหอมที่ว่า มักมีอันตรายแฝงมาเสมอ เริ่มจากสบู่เหลวกลิ่นต่างๆ ใครจะรู้ว่าภายใต้ความหอมละมุนในช่วงอาบน้ำนั้นจะเต็มไปด้วยสารเคมีสังเคราะห์ที่ใช้ผสมลงไปจนกลายเป็น "สบู่เหลวเทียม" ซึ่งสามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวแพ้ง่าย จนถึงขั้นเสี่ยงต่อมะเร็งในระยะยาว ในบางประเทศเขาห้ามหรือประกาศเตือนกันแล้วล่ะ แต่ไม่รู้ในบ้านเรายังมีการใช้สาร SLS (Sodium Lauryl Sulfate) และPEG (polyethylene Glycol) กันหรือเปล่า

ต่อไปคือผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นในห้องน้ำ ที่เมื่อสูดกลิ่นเข้าไปแล้วอันตรายอย่างแน่นอน แต่ที่มากกว่านั้นก็คือหากสัมผัสสารเหล่านี้บ่อยครั้งจะทำให้เกิดอาการคันและระคายเคืองต่อผิวหนัง คลื่นไส้ อาเจียน รวมทั้งยังเป็นสารก่อมะเร็ง นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากน้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาซักแห้ง อโรมาเธอราปี ซึ่งบางคนอาจแพ้ ต้องรู้จักสังเกตและเลี่ยงใช้ผลิตภัณฑ์ที่แพ้ก่อนที่จะเกิดการสะสมพิษในระยะยาว

เพราะจริงๆ แล้วสารเคมีที่ให้กลิ่นหอมเหล่านั้น เคยมีการทดลองในสหรัฐฯ แล้วพบว่า ผลิตัณฑ์เหล่านี้ ปล่อยสารระเหยอินทรีย์ออกมามากกว่า 20 ชนิด และ 7 ชนิด จาก 20 ชนิดตามกฎหมายถือเป็นสารอันตรายหรือเป็นพิษ ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง กลิ่นระเหยของผลิตภัณฑ์เหล่านั้น ไม่ได้ทำให้อากาศในบ้านหอมขึ้น แต่จะไปกลบกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นอับอื่นๆ ที่เราไม่ชอบ การหลีกเลี่ยงด้วยการเปิดห้องให้อากาศถ่ายเทน่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่า

4) อันตรายจากเทคโนโลยี โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ ไมโครเวฟ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ นับเป็นเทคโนโลยีที่มีสารอันตรายปะปนอยู่ด้วยเสมอ ได้แก่ ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม ฯลฯ สารพิษนานาชนิดเหล่านี้ จะถูกปล่อยออกมาปะปนในอากษส โดยที่วัสดุสังเคราะห์และเครื่องใช้ไฟฟ้าจะปล่อยสารเคมีหรือไอระเหยที่เป็นพิษนับร้อยชนิดสู่อากาศ ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ตามมา เช่น โรคภูมิแพ้ หอบหืด ระคายเคือง ไซนัส อ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ ปวดต้นคอ ปวดศีรษะ เป็นต้น

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้จำแนกสารอันตรายที่อยู่ในผลิตภัณฑ์อิล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เอาไว้ เช่น ตะกั่ว เป็นส่วนระกอบในการบัดกรีแผ่นวงจรพิมพ์ หลอดภาพรังสีแคโทด (CRT) เป็นต้น ผลกระทบจะทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ระบบโลหิต โดยเฉพาะเด็กจะมีผลกระทบต่อพัฒนาการสมองเนื่องจากเด็กสามารถดูดซึมตะกั่วได้มากกว่าผู้ใหญ่ 5 เท่า

แคดเมียม มักพบในแผ่นวงจรพิมพ์ ตัวต้านทาน แบตเตอรี่แบบชาร์จได้ ซึ่งสารเหล่านี้จะสะสมในร่างกาย ส่งผลกระทบโดยตรงต่อไตและกระดูก ทำลายระบบประสาท ส่งผลต่อพัฒนาการและการมีบุตร ส่วน ปรอท มักพบในตัวตัดความร้อน สวิตซ์ และอุปกรณ์ให้แสงสว่างในจอภาพแบบแบน หากปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำจะสะสมต่อไปในห่วงโซ่อาหาร ส่งผลต่อสมอง ไต และอวัยวะต่างๆ และเป็นพิษต่อระบบประสาทส่วนกลาง

นอกจากนี้ ยังมีอันตรายจากสารพิษอื่นๆ ที่แฝงอยู่ในบ้าน จำเป็นที่เราต้องระมัดระวัง โดยหันมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติให้มากขึ้น เพราะภัยอันตรายจากสารพิษเหล่านี้ ไม่ได้เกิดเพียงชั่วข้ามคืน ที่สำคัญยังมองไม่เห็น การป้องกันก่อนเกิดจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด


ที่มา : บ้านปลอดพิษ ชีวิตปลอดภัย โดย ผศ.ดร.พูลสุข ปรัชญานุสรณ์ สำนักพิมพ์มติชน (หน้าพิเศษ Hospital Healthcare)

http://campus.sanook.com/1369789/4-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1...%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%86/
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
4 สารพิษในบ้าน อันตรายใกล้ตัว (สุดๆ)
-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1378179934&grpid=&catid=09&subcatid=0902-

ไม่เฉพาะอันตรายจากสารพิษ สารเคมี และสารปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม (นอกบ้าน) เท่านั้น แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ในบ้านอันแสนอบอุ่นของคุณนั่นแหละ ที่มีภัยเงียบจากสารเคมีนานาชนิดตกค้างอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ต่างๆ ในบ้าน ฝุ่นละออง ฯลฯ

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ เพราะองค์การอนามัยโลก ถึงขนาดได้ออกมาประเมินว่า ในประเทศด้อยพัฒนา มลพิษจากอากาศภายในอาคารและบ้านเรือนริมถนน เป็นต้นเหตุสำคัญของโรคทางเดินหายใจ โรคปอด และโรคมะเร็ง ที่ทำให้คนตายรวมกันไม่น้อยกว่าปีละ 2 ล้านคนเลยทีเดียว (เสียวฝุดๆ)

มีอะไรบ้างล่ะที่เสี่ยง!

 

มีอะไรบ้างล่ะที่เสี่ยง!

1) ฟอร์มัลดีไฮด์ นอกจากสารพิษชนิดที่ดมแล้วได้กลิ่น อย่างสารปนเปื้อนคาร์บอนมอนนอกไซด์ที่ระเหยจากการเผาไหม้ของน้ำมันเชื้อเพลิง กลิ่นใหม่ๆ จากของใช้ในบ้านแล้ว ยังมี "กลิ่นฉุน" ที่แฝงตัวอยู่อย่างเงียบเชียบ นั่นก็คือเจ้าฟอร์มัลดีไฮด์ สารร้ายในบ้านนั่นเอง

เจ้าสารชนิดนี้ เป็นแก๊สไม่มีสี แต่มีกลิ่นฉุน เป็นสารประกอบของฟอร์มาลินที่ใช้ฉีดและดองศพ ถ้ามีสารนี้ เราจะสังเกตง่ายๆ ก็คือ เราจะรู้สึกแสบตา มึนหัว หายใจอึดอัด ภายในบ้านเราจะพบได้ในเฟอร์นิเจอร์ที่มีส่วนประกอบของไม้อัด สารต้านเชื้อราในกาวลาเท็กซ์ที่ใช้ประกอบเครื่องเรือน แล็กเกอร์เคลือบไม้ พรมปูพื้น สีทาบ้าน วอลล์เปเปอร์ ผ้าม่าน ผ้าปูที่นอน ผ้าหุ้มเบาะโซฝา และเสื้อผ้าประเภทยับยาก ฟอร์มัลดีไฮด์ ทังหมดนี้ ล้วนเป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งคนในบ้านเสี่ยงเมื่อสัมผัส

2) น้ำยาทำความสะอาด น้ำยาทำความสะอาดเครื่องครัวบางชนิดมีโซดาไฟ เป็นส่วนประกอบซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อนเนื้อเยื่อ เป็นพิษต่อร่างกาย ต่อมาคือสารเคมีที่ใช้ในการขจัดสิ่งอุดตันในท่อน้ำทิ้งมักเป็นสารอันตรายที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง รวมทั้งยังต้องหลีกเลี่ยงการสูดกลิ่นเหล่านี้ เพราะมีอันตรายรุนแรง นอกจากนี้ ยังมีน้ำยาทำความสะอาดพื้นบ้าน ที่ปัจจุบันนี้ บ้านไหนก็ต้องมี ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นคือสารกลุ่มอัลคิล ฟีนอล อีธอกไซเลต ที่มีรายงานความเป็นพิษแบบเฉียบพลันของสาร NPE หากทาน สูดดม หรือสัมผัสในปริมาณความเข้มข้นสูงจะทำให้เกิดการระคายเคืองเยื่อบุทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร ตา และผิวหนังอย่างรุนแรง

3) มันมากับความหอม ใครๆ ก็ชอบใช่มั้ยล่ะความหอม ด้วยเหตุนี้ ในบ้านจึงมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำให้สิ่งต่างๆ หอมดั่งเนรมิต แต่เจ้าความหอมที่ว่า มักมีอันตรายแฝงมาเสมอ เริ่มจากสบู่เหลวกลิ่นต่างๆ ใครจะรู้ว่าภายใต้ความหอมละมุนในช่วงอาบน้ำนั้นจะเต็มไปด้วยสารเคมีสังเคราะห์ที่ใช้ผสมลงไปจนกลายเป็น "สบู่เหลวเทียม" ซึ่งสามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวแพ้ง่าย จนถึงขั้นเสี่ยงต่อมะเร็งในระยะยาว ในบางประเทศเขาห้ามหรือประกาศเตือนกันแล้วล่ะ แต่ไม่รู้ในบ้านเรายังมีการใช้สาร SLS (Sodium Lauryl Sulfate) และPEG (polyethylene Glycol) กันหรือเปล่า

ต่อไปคือผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นในห้องน้ำ ที่เมื่อสูดกลิ่นเข้าไปแล้วอันตรายอย่างแน่นอน แต่ที่มากกว่านั้นก็คือหากสัมผัสสารเหล่านี้บ่อยครั้งจะทำให้เกิดอาการคันและระคายเคืองต่อผิวหนัง คลื่นไส้ อาเจียน รวมทั้งยังเป็นสารก่อมะเร็ง นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากน้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาซักแห้ง อโรมาเธอราปี ซึ่งบางคนอาจแพ้ ต้องรู้จักสังเกตและเลี่ยงใช้ผลิตภัณฑ์ที่แพ้ก่อนที่จะเกิดการสะสมพิษในระยะยาว

เพราะจริงๆ แล้วสารเคมีที่ให้กลิ่นหอมเหล่านั้น เคยมีการทดลองในสหรัฐฯ แล้วพบว่า ผลิตัณฑ์เหล่านี้ ปล่อยสารระเหยอินทรีย์ออกมามากกว่า 20 ชนิด และ 7 ชนิด จาก 20 ชนิดตามกฎหมายถือเป็นสารอันตรายหรือเป็นพิษ ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง กลิ่นระเหยของผลิตภัณฑ์เหล่านั้น ไม่ได้ทำให้อากาศในบ้านหอมขึ้น แต่จะไปกลบกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นอับอื่นๆ ที่เราไม่ชอบ การหลีกเลี่ยงด้วยการเปิดห้องให้อากาศถ่ายเทน่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่า

4) อันตรายจากเทคโนโลยี โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ ไมโครเวฟ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ นับเป็นเทคโนโลยีที่มีสารอันตรายปะปนอยู่ด้วยเสมอ ได้แก่ ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม ฯลฯ สารพิษนานาชนิดเหล่านี้ จะถูกปล่อยออกมาปะปนในอากษส โดยที่วัสดุสังเคราะห์และเครื่องใช้ไฟฟ้าจะปล่อยสารเคมีหรือไอระเหยที่เป็นพิษนับร้อยชนิดสู่อากาศ ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ตามมา เช่น โรคภูมิแพ้ หอบหืด ระคายเคือง ไซนัส อ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ ปวดต้นคอ ปวดศีรษะ เป็นต้น

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้จำแนกสารอันตรายที่อยู่ในผลิตภัณฑ์อิล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เอาไว้ เช่น ตะกั่ว เป็นส่วนระกอบในการบัดกรีแผ่นวงจรพิมพ์ หลอดภาพรังสีแคโทด (CRT) เป็นต้น ผลกระทบจะทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ระบบโลหิต โดยเฉพาะเด็กจะมีผลกระทบต่อพัฒนาการสมองเนื่องจากเด็กสามารถดูดซึมตะกั่วได้มากกว่าผู้ใหญ่ 5 เท่า

แคดเมียม มักพบในแผ่นวงจรพิมพ์ ตัวต้านทาน แบตเตอรี่แบบชาร์จได้ ซึ่งสารเหล่านี้จะสะสมในร่างกาย ส่งผลกระทบโดยตรงต่อไตและกระดูก ทำลายระบบประสาท ส่งผลต่อพัฒนาการและการมีบุตร ส่วน ปรอท มักพบในตัวตัดความร้อน สวิตซ์ และอุปกรณ์ให้แสงสว่างในจอภาพแบบแบน หากปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำจะสะสมต่อไปในห่วงโซ่อาหาร ส่งผลต่อสมอง ไต และอวัยวะต่างๆ และเป็นพิษต่อระบบประสาทส่วนกลาง

นอกจากนี้ ยังมีอันตรายจากสารพิษอื่นๆ ที่แฝงอยู่ในบ้าน จำเป็นที่เราต้องระมัดระวัง โดยหันมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติให้มากขึ้น เพราะภัยอันตรายจากสารพิษเหล่านี้ ไม่ได้เกิดเพียงชั่วข้ามคืน ที่สำคัญยังมองไม่เห็น การป้องกันก่อนเกิดจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด



ที่มา : บ้านปลอดพิษ ชีวิตปลอดภัย โดย ผศ.ดร.พูลสุข ปรัชญานุสรณ์ สำนักพิมพ์มติชน (หน้าพิเศษ Hospital Healthcare)

 

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1378179934&grpid=&catid=09&subcatid=0902



คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ชาวเน็ตสวดยับ! หนุ่มกะบะ ต่อยลุงสิบล้อคว่ำ
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=--sdUb-WdTo-

ชาวเน็ตสวดยับ! หนุ่มกะบะ ต่อยลุงสิบล้อคว่ำ

ชาวเน็ตสวดยับ! หนุ่มกะบะ ต่อยลุงสิบล้อคว่ำ

ชาวเน็ตสวดยับ! หนุ่มกะบะ ต่อยลุงสิบล้อคว่ำ

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ยาย"ไขแสง เศรษฐีใจบุญ"ถูกลูกแสบโกงเงิน30ล้าน
วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2556 เวลา 16:58 น.
-http://www.dailynews.co.th/crime/234294-


เศรษฐีนีวัย 84 โร่แจ้งตำรวจ ร้องถูกลูกบุญธรรมที่เลี้ยงเอ็นดูตั้งแต่กระเตาะ หลอกให้เซ็นชื่อเบิกเงิน-ขโมยทรัพย์สิน มูลค่ากว่า 30 ล้าน หายจ้อย สะอื้นเผย ทำไมถึงเลี้ยงไม่เชื่อง

เมื่อวันที่ 19 ก.ย. นายสมบัติ  กำเนิดมี  อายุ 66 ปี  นำนางไขแสง  กำเนิดมี  อายุ 84 ปี  พี่สาว อยู่บ้านเลขที่ 387 หมู่ 2 ต.บางเขน  อ.เมือง จ.นนทบุรี  เข้าแจ้งความร.ต.ท.ฉัตรชัย ก้าวแก้ว  ร้อยเวร สภ.เมืองนนทบุรี  เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายวิศวกร  (สงวนนามสกุล)อายุ 48 ปี ลูกบุญธรรมที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด หลังหลอกลวงให้นางไขแสง เซ็นชื่อแล้วนำไปเบิกเงินธนาคาร ธกส. ของนางแสงไข รวมทั้งยังขโมยเอาทองและทรัพย์สินจำนวนมากในตู้เซฟมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท  พอทวงถามก็บ่ายเบี่ยง ก่อนจะหนีหายออกจากบ้านไป

โดยนางไขแสง  เล่าว่า เมื่อนานมาแล้ว ตนได้ขอลูกชายจากคนรับใช้ในสมัยนั้นมาเลี้ยงตั้งแต่ยังแบเบาะ เพราะไม่มีทายาทสืบสกุล ทำหน้าที่เสมือนแม่แท้ๆมาตลอด จากนั้นพอเริ่มโตเป็นหนุ่ม ได้มอบหน้าที่ให้ลูกชายบุญธรรมเป็นคนเก็บค่าเช่าห้องและค่าเช่าที่ เดือนละกว่า 2 แสนบาท ต่อมานายสมบัติ และเครือญาติได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนตามประสา ก่อนจะช่วยตรวจบัญชีรายรับรายจ่ายให้ จนพบว่าตั้งแต่ปี 51 ไม่เคยมีเงินเข้ามาในบัญชีเลย

ล่าสุดยังเอาใบอะไรสักอย่างมาให้ตนเซ็นชื่อด้วย อ้างว่า จะไปเบิกเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน  มาทราบอีกทีก็พบว่าลูกเนรคุณรายนี้เอาลายเซ็นตนไปเบิกเงิน และปลอมแปลงลายเซ็นไปหลายครั้ง เพื่อทำธุรกรรมเบิกเงินที่ธนาคารจนสูญเงินไปอีกหลายล้านบาท ขโมยทรัพย์สินในตู้เซฟที่เก็บหอมรอมริบไปอีกจำนวนมาก รวมทั้งสิ้นกว่า 30 ล้านบาท

“พอรู้อย่างนั้นแล้ว ยายแทบลมจับ ทั้งโมโห ทั้งเสียใจ ไมเขาไม่เห็นความรักที่ยายมอบให้ จากนั้นน้องชายได้รีบย้ายเงินส่วนที่เหลืออีก 19 ล้านบาท ไปไว้ที่ธนาคารอีกแห่งหนึ่ง แล้วบอกให้ผู้เช่าโอนเงินรายเดือนให้ยายโดยตรง ไม่อยากเชื่อว่าจะเลี้ยงไม่เชื่องอย่างนี้” นางไขแสง เผยด้วยน้ำเสียงสะอื้น

เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งไว้ ซึ่งจะเรียกตัว นายวิศวกร มาสอบปากคำว่ากระทำจริงหรือไม่ แต่ถ้ายังเงียบก็จะดำเนินการออกหมายเรียกและหมายจับต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นางไขแสง นั้น ถือเป็นเศรษฐีใหญ่ใจบุญ เป็นที่รู้จักกันดีของชาวจ.นนทบุรี โดยมีที่ดินในจังหวัดและต่างจังหวัดกว่าพันไร่ ก่อนหน้านี้เคยบริจาคที่ดินให้กับทางราชการจำนวนมากภายในซอยไขแสงใกล้ห้างพันทิพย์ สาขางามวงศ์วาน  เพื่อสร้างอนามัยชื่อ "อนามัยไขแสง" ไว้สำหรับ รักษาคนในชุมชนยามเจ็บป่วย จนเป็นที่ชื่นชมของคนในพื้นที่ และเป็นที่นับหน้าถือตาว่า เป็นคนใจบุญชอบสร้างกุศล.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
4 สารพิษในบ้าน อันตรายใกล้ตัว (สุดๆ)

-http://men.sanook.com/1363/4-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%86/-



ไม่เฉพาะอันตรายจากสารพิษ สารเคมี และสารปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม (นอกบ้าน) เท่านั้น แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ในบ้านอันแสนอบอุ่นของคุณนั่นแหละ ที่มีภัยเงียบจากสารเคมีนานาชนิดตกค้างอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ต่างๆ ในบ้าน ฝุ่นละออง ฯลฯ

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ เพราะองค์การอนามัยโลก ถึงขนาดได้ออกมาประเมินว่า ในประเทศด้อยพัฒนา มลพิษจากอากาศภายในอาคารและบ้านเรือนริมถนน เป็นต้นเหตุสำคัญของโรคทางเดินหายใจ โรคปอด และโรคมะเร็ง ที่ทำให้คนตายรวมกันไม่น้อยกว่าปีละ 2 ล้านคนเลยทีเดียว (เสียวฝุดๆ)

มีอะไรบ้างล่ะที่เสี่ยง

1) ฟอร์มัลดีไฮด์ นอกจากสารพิษชนิดที่ดมแล้วได้กลิ่น อย่างสารปนเปื้อนคาร์บอนมอนนอกไซด์ที่ระเหยจากการเผาไหม้ของน้ำมันเชื้อเพลิง กลิ่นใหม่ๆ จากของใช้ในบ้านแล้ว ยังมี "กลิ่นฉุน" ที่แฝงตัวอยู่อย่างเงียบเชียบ นั่นก็คือเจ้าฟอร์มัลดีไฮด์ สารร้ายในบ้านนั่นเอง

เจ้าสารชนิดนี้ เป็นแก๊สไม่มีสี แต่มีกลิ่นฉุน เป็นสารประกอบของฟอร์มาลินที่ใช้ฉีดและดองศพ ถ้ามีสารนี้ เราจะสังเกตง่ายๆ ก็คือ เราจะรู้สึกแสบตา มึนหัว หายใจอึดอัด ภายในบ้านเราจะพบได้ในเฟอร์นิเจอร์ที่มีส่วนประกอบของไม้อัด สารต้านเชื้อราในกาวลาเท็กซ์ที่ใช้ประกอบเครื่องเรือน แล็กเกอร์เคลือบไม้ พรมปูพื้น สีทาบ้าน วอลล์เปเปอร์ ผ้าม่าน ผ้าปูที่นอน ผ้าหุ้มเบาะโซฝา และเสื้อผ้าประเภทยับยาก ฟอร์มัลดีไฮด์ ทังหมดนี้ ล้วนเป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งคนในบ้านเสี่ยงเมื่อสัมผัส

2) น้ำยาทำความสะอาด น้ำยาทำความสะอาดเครื่องครัวบางชนิดมีโซดาไฟ เป็นส่วนประกอบซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อนเนื้อเยื่อ เป็นพิษต่อร่างกาย ต่อมาคือสารเคมีที่ใช้ในการขจัดสิ่งอุดตันในท่อน้ำทิ้งมักเป็นสารอันตรายที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง รวมทั้งยังต้องหลีกเลี่ยงการสูดกลิ่นเหล่านี้ เพราะมีอันตรายรุนแรง นอกจากนี้ ยังมีน้ำยาทำความสะอาดพื้นบ้าน ที่ปัจจุบันนี้ บ้านไหนก็ต้องมี ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นคือสารกลุ่มอัลคิล ฟีนอล อีธอกไซเลต ที่มีรายงานความเป็นพิษแบบเฉียบพลันของสาร NPE หากทาน สูดดม หรือสัมผัสในปริมาณความเข้มข้นสูงจะทำให้เกิดการระคายเคืองเยื่อบุทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร ตา และผิวหนังอย่างรุนแรง

3) มันมากับความหอม ใครๆ ก็ชอบใช่มั้ยล่ะความหอม ด้วยเหตุนี้ ในบ้านจึงมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำให้สิ่งต่างๆ หอมดั่งเนรมิต แต่เจ้าความหอมที่ว่า มักมีอันตรายแฝงมาเสมอ เริ่มจากสบู่เหลวกลิ่นต่างๆ ใครจะรู้ว่าภายใต้ความหอมละมุนในช่วงอาบน้ำนั้นจะเต็มไปด้วยสารเคมีสังเคราะห์ที่ใช้ผสมลงไปจนกลายเป็น "สบู่เหลวเทียม" ซึ่งสามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวแพ้ง่าย จนถึงขั้นเสี่ยงต่อมะเร็งในระยะยาว ในบางประเทศเขาห้ามหรือประกาศเตือนกันแล้วล่ะ แต่ไม่รู้ในบ้านเรายังมีการใช้สาร SLS (Sodium Lauryl Sulfate) และPEG (polyethylene Glycol) กันหรือเปล่า

ต่อไปคือผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นในห้องน้ำ ที่เมื่อสูดกลิ่นเข้าไปแล้วอันตรายอย่างแน่นอน แต่ที่มากกว่านั้นก็คือหากสัมผัสสารเหล่านี้บ่อยครั้งจะทำให้เกิดอาการคันและระคายเคืองต่อผิวหนัง คลื่นไส้ อาเจียน รวมทั้งยังเป็นสารก่อมะเร็ง นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากน้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาซักแห้ง อโรมาเธอราปี ซึ่งบางคนอาจแพ้ ต้องรู้จักสังเกตและเลี่ยงใช้ผลิตภัณฑ์ที่แพ้ก่อนที่จะเกิดการสะสมพิษในระยะยาว

เพราะจริงๆ แล้วสารเคมีที่ให้กลิ่นหอมเหล่านั้น เคยมีการทดลองในสหรัฐฯ แล้วพบว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ปล่อยสารระเหยอินทรีย์ออกมามากกว่า 20 ชนิด และ 7 ชนิด จาก 20 ชนิดตามกฎหมายถือเป็นสารอันตรายหรือเป็นพิษ ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง กลิ่นระเหยของผลิตภัณฑ์เหล่านั้น ไม่ได้ทำให้อากาศในบ้านหอมขึ้น แต่จะไปกลบกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นอับอื่นๆ ที่เราไม่ชอบ การหลีกเลี่ยงด้วยการเปิดห้องให้อากาศถ่ายเทน่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่า

4) อันตรายจากเทคโนโลยี โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ ไมโครเวฟ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ นับเป็นเทคโนโลยีที่มีสารอันตรายปะปนอยู่ด้วยเสมอ ได้แก่ ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม ฯลฯ สารพิษนานาชนิดเหล่านี้ จะถูกปล่อยออกมาปะปนในอากษส โดยที่วัสดุสังเคราะห์และเครื่องใช้ไฟฟ้าจะปล่อยสารเคมีหรือไอระเหยที่เป็นพิษนับร้อยชนิดสู่อากาศ ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ตามมา เช่น โรคภูมิแพ้ หอบหืด ระคายเคือง ไซนัส อ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ ปวดต้นคอ ปวดศีรษะ เป็นต้น

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้จำแนกสารอันตรายที่อยู่ในผลิตภัณฑ์อิล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เอาไว้ เช่น ตะกั่ว เป็นส่วนระกอบในการบัดกรีแผ่นวงจรพิมพ์ หลอดภาพรังสีแคโทด (CRT) เป็นต้น ผลกระทบจะทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ระบบโลหิต โดยเฉพาะเด็กจะมีผลกระทบต่อพัฒนาการสมองเนื่องจากเด็กสามารถดูดซึมตะกั่วได้มากกว่าผู้ใหญ่ 5 เท่า

แคดเมียม มักพบในแผ่นวงจรพิมพ์ ตัวต้านทาน แบตเตอรี่แบบชาร์จได้ ซึ่งสารเหล่านี้จะสะสมในร่างกาย ส่งผลกระทบโดยตรงต่อไตและกระดูก ทำลายระบบประสาท ส่งผลต่อพัฒนาการและการมีบุตร ส่วน ปรอท มักพบในตัวตัดความร้อน สวิตซ์ และอุปกรณ์ให้แสงสว่างในจอภาพแบบแบน หากปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำจะสะสมต่อไปในห่วงโซ่อาหาร ส่งผลต่อสมอง ไต และอวัยวะต่างๆ และเป็นพิษต่อระบบประสาทส่วนกลาง

นอกจากนี้ ยังมีอันตรายจากสารพิษอื่นๆ ที่แฝงอยู่ในบ้าน จำเป็นที่เราต้องระมัดระวัง โดยหันมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติให้มากขึ้น เพราะภัยอันตรายจากสารพิษเหล่านี้ ไม่ได้เกิดเพียงชั่วข้ามคืน ที่สำคัญยังมองไม่เห็น การป้องกันก่อนเกิดจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

 

ที่มา : บ้านปลอดพิษ ชีวิตปลอดภัย โดย ผศ.ดร.พูลสุข ปรัชญานุสรณ์ สำนักพิมพ์มติชน (หน้าพิเศษ Hospital Healthcare)
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ภัยใหม่”มือปืนรับจ้างในไซเบอร์”ใช้อีเมลหลอกเพื่อโจมตี
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    26 กันยายน 2556 22:00 น.
-http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9560000121733-

นักวิจัยด้านความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตค้นพบเทรนด์ใหม่ ทีม “มือปืนรับจ้างทางไซเบอร์” ที่เน้นโจมตีเป้าหมายเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานของบริษัทตะวันตก ด้วยกลยุทธ์ “โจมตีแล้วหายตัว” รายงานระบุมือปืนรับจ้างเหล่านี้มีฐานปฏิบัติการอยู่ในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ โดยเฉพาะจีน
       
       แคสเพอร์สกี้ แล็บส์ บริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ชื่อดัง เรียกขานกลุ่มมือปืนรับจ้างนี้ว่า “ไอซ์ฟ็อก” (icefox) ซึ่งเมื่อพิจารณาจากเป้าหมายในการโจมตีแล้วพบว่า มีความสนใจเป็นพิเศษในด้านการทหาร, การต่อเรือและปฏิบัติการทางทะเล, คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์, บริษัทวิจัย, ผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร, ผู้ให้บริการดาวเทียม, สื่อมวลชนและทีวี
       
       แคสเพอร์สกี้เสริมว่า ปฏิบัติการนี้เป็นกลุ่ม “ภัยคุกคามต่อเนื่องขั้นสูง” (เอพีที) ขนาดเล็กแต่ทรงพลัง เน้นเป้าหมายที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทตะวันตก
       
       ในการรายงานต่อที่ประชุมความปลอดภัยในอินเทอร์เน็ต “บิลลิงตัน ไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ซัมมิต” คอสติน ริว นักวิจัยของแคสเพอร์สกี้แจกแจงว่า ปฏิบัติการของไอซ์ฟ็อกเริ่มต้นขึ้นในปี 2011 และเติบโตขึ้นทั้งขนาดและขอบเขต โดยโจมตีเหยื่อทุกประเภทและทุกภาคส่วน ส่วนใหญ่แล้ว ผู้โจมตีจะแอบเข้ายึดที่มั่นในเครือข่ายของภาครัฐและเอกชนนานเป็นปีๆ เพื่อล้วงข้อมูลลับ
       
       ริวสำทับว่า กลยุทธ์ “การโจมตีและหายตัว” ของไอซ์ฟ็อกบ่งชี้แนวโน้มใหม่การโจรกรรมข้อมูลที่มีเป้าหมายชัดเจน และใช้เวลาเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ในการค้นหาสิ่งที่ต้องการ เมื่อได้แล้วจึงทำลายหลักฐานและหลบหนี
       
       ริวเสริมว่า แฮ็กเกอร์รับจ้างประเภทนี้กำลังเติบโตและพัฒนาเป็น “ทีมมือปืนรับจ้างทางไซเบอร์” สำหรับโลกยุคใหม่
       
       ทีมนักวิจัยจำกัดวงผู้โจมตีและสันนิษฐานว่า ผู้โจมตีบางรายอยู่ในอย่างน้อย 3 ประเทศ ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศแรก


คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
รวบ รปภ.บ้ากามปลอมเป็นช่างไฟข่มขืนสาว 2 รายคาห้องพัก (ชมคลิป)
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม    27 กันยายน 2556 18:51 น.
-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000122137-


ตำรวจแถลงข่าวจับกุมตัว นายเศกศักดิ์ หรือบอย ไทยรัตน์ อายุ 30 ปี รปภ.สุดแสบปลอมเป็นช่างไฟเข้าไปข่มขืนหญิงสาวในห้องพักบ้านเอื้ออาทร ถึง 2 ราย


นนทบุรี - เมืองนนท์แถลงข่าวจับกุมตัว รปภ.บ้ากามก่อเหตุข่มขืนหญิงสาว 2 ราย คาห้องพักบ้านเอื้ออาทร บางใหญ่ซิตี้ โดยไปสับสะพานไฟห้องพักจนดับ ก่อนทำปลอมเป็นช่างไฟเข้าไปขอตรวจไฟในห้องพัก ก่อนชักมีดขู่บังคับขยี้สวาทคาห้องพัก ผู้เสียหายไม่กล้าแจ้งความ

2013/09/27 รวบ รปภ.บ้ากามปลอมเป็นช่างไฟข่มขืนสาว 2 รายคาห้องพัก
2013/09/27 รวบ รปภ.บ้ากามปลอมเป็นช่างไฟข่มขืนสาว 2 รายคาห้องพัก

 เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (27 ก.ย.) ที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผวจ.นนทบุรี พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.ณัฐพล ศุกระศร รองผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.ดุสิต จุลเสน ผกก.สภ.บางใหญ่ พ.ต.ท.ปัญญา จีนเกิดทรัพย์ สว.สส.สภ.บางใหญ่ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บางใหญ่ ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายเศกศักดิ์ หรือ บอย ไทยรัตน์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108/22 หมู่บ้านเอื้ออาทรบางใหญ่ซิตี้ หมู่ 5 ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี โดยกล่าวหาว่า กระทำอนาจารบุคคลอายุเกินกว่า 15 ปี โดยกำลังประทุษร้าย หน่วงเหนี่ยวทำให้เสียเสรีภาพ ตามหมายศาล จ.นนทบุรี เลขที่ 431/2556 ลงวันที่ 27 ก.ย.2556 พร้อมของกลาง อาวุธมีดทำครัว ยาวประมาณ 1 ฟุต 1 อัน, เสื้อคลุมแขนยาวสีครีม 1 ตัว, ผ้าปิดปาก 1 ชิ้น, หมวกแก๊ป 1 ใบ และมีผู้เสียหาย 2 ราย คือ นางสาวจอย (นามสมมติ) อายุ 20 ปี พนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง, นางสาวนก (นามสมมติ) นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ทั้งคู่อาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านเอื้ออาทรบางใหญ่ซิตี้ หมู่ 5 ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
       
       สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 ก.ย.56 เวลา 11.00 น.นางสาวจอย ผู้เสียหายที่ 1 พักผ่อนอยู่ภายในห้องพักเพียงคนเดียว รู้สึกว่าไฟดับ จึงได้เดินไปดูมิเตอร์ไฟฟ้า พบว่ามีคนมาปิดสวิตช์ลง ผู้เสียหายจึงเดินไปเปิดสวิตช์ไฟขึ้นแล้วเดินกลับมาที่ห้อง สักพักคนร้ายได้มาเคาะห้อง อ้างว่าเป็นช่างไฟของการเคหะเอื้ออาทรจะมาตรวจซ่อมมิเตอร์ไฟ ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อ หลังจากนั้นคนร้ายได้ใช้อาวุธมีดจี้และบังคับข่มขืน ก่อนที่จะหลบหนีไป ต่อจากนั้นเมื่อวันที่ 26 ก.ย.56 เวลา 14.00 น.นางสาวนก ผู้เสียหายที่ 2 พักผ่อนอยู่ในห้องพักเพียงคนเดียว เกิดไฟฟ้าดับ แล้วคนร้ายได้มาเคาะห้อง อ้างตัวเป็นช่างไฟของการเคหะเอื้ออาทรเช่นเคย ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงให้คนร้ายเข้ามาเพื่อดูไฟฟ้าภายในห้อง ปรากฏว่าคนร้ายได้ใช้อาวุธมีดจี้บังคับพยายามข่มขืน ผู้เสียหายจึงร้องโวยวายส่งเสียงดัง คนร้ายจึงหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้สืบทราบว่าคนร้ายคือ นายเศกศักดิ์ หรือ บอย ไทยรัตน์ พักอยู่ในการเคหะเอื้ออาทรบางใหญ่ซิตี้ เช่นกัน มีอาชีพเป็นยามอยู่พื้นที่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี จึงได้ประสานพนักงานสอบสวนออกหมายจับและจับกุมตัวได้ดังกล่าว
       
       เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบประวัติพบว่าเคยถูกจับกุมในพื้นที่ สภ.เมืองเพชรบุรี เมื่อปี 2551 ข้อหากระทำอนาจารแก่ผู้อื่น โดยใช้กำลังประทุษร้าย หน่วงเหนี่ยวผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายรายนี้น่าจะก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง และผู้เสียหายไม่กล้ามาแจ้งความ หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบเพื่อขยายผลต่อไป


2013/09/27 รวบ รปภ.บ้ากามปลอมเป็นช่างไฟข่มขืนสาว 2 รายคาห้องพัก
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=5LjdVpPB7kU-

-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000122137-


คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
เด็กหญิง 4 ขวบ กระสุนปืนตกใส่ทะลุไหล่ เจ็บสาหัส

-http://news.sanook.com/1238205/%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87-4-%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%9A-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88-%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%AA/-




(28 ก.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเหตุจากโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ระบุว่า มีเด็กอายุ 4 ขวบ ถูกกระสุนปืนตกใส่ร่าง เข้ามารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พร้อมกับชุดสืบสวน

จากการสอบสวนเบื้องต้น พบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บคือ ด.ญ.ออย (นามสมมติ) อายุ 4 ปี เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 2 ได้รับบาดเจ็บถูกกระสุนปืนไม่ทราบขนาดที่ใต้หัวไหล่ขวาด้านหลัง กระสุนฝังในตุงที่ด้านหน้า แพทย์ต้องผ่าตัดช่วยชีวิต ทราบว่าเหตุ เกิดที่หน้าบ้านเลขที่ 31 หมู่ 9 ต.หนองปากโลง อ.เมืองนครปฐม จึงเดินทางไปตรวจสอบพบเพียงรอยเลือดที่หลงเหลือยู่

สอบถาม นางสุกัลยา ศรีวรานนท์ อายุ 53 ปี ย่าของเด็ก เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุหลานสาวเดินจูงสุนัขวิ่งเล่นอยู่ที่หน้าบ้าน ยังไม่เข้านอนเพราะรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์จึงนอนดึก ขณะนั้นบ้านที่อยู่ในระแวกใกล้ๆ กัน ได้จัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิด ทำให้เกิดเสียงดังคึกคัก ขณะที่ ด.ญ.ออย วิ่งเล่นอยู่นั้นจู่ ๆ ก็ร้องไห้วิ่งมาบอกว่าเจ็บปวดที่หัวไหล่ ตนรีบมาดูพบว่ามีเลือดไหลออกมาก จึงรีบช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล จึงมาทราบว่า หลานถูกกระสุนปืน ขณะนี้แพทย์ได้ผ่าตัดนำกระสุนออก อาการปลอดภัยแล้ว

เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นบ้านที่จัดงานเลี้ยงฉลอง แล้วแขกที่มาร่วมงานยิงปืนขึ้นฟ้าด้วยความคึกคะนอง ทำให้กระสุนมาตกใส่เด็กหญิงดังกล่าว

ล่าสุด ชุดสืบสวนได้เชิญตัวเจ้าของบ้านงานเลี้ยงมาสอบปากคำ ซึ่งเจ้าของบ้านให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ยิง และไม่เห็นว่าใครเป็นคนยิง ได้ยินแต่เสียงปืนดังเท่านั้น ขณะเกิดเหตุอยู่หลังบ้าน เมื่อสิ้นเสียงปืนจึงเดินออกมาดูปรากฏว่าแขกต่างแยกย้ายกันกลับ จึงไม่ทราบว่าใครยิง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการเชิญผู้ที่มาร่วมงานมาสอบปากคำเพิ่มเติม
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ผู้บริโภคสุดทน! ฉะผู้ผลิตหน้าด้าน รุมแฉสินค้าโกงคนกิน
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน    1 ตุลาคม 2556 21:10 น.
-http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000123619-










ข้าวผัดปูที่ชาวเน็ตนำมาแฉ ขอบคุณภาพประกอบจาก http://pantip.com/topic/31040374


แฉว่อนเน็ต แซนด์วิชยี่ห้อดัง โกงคนกิน ขอบคุณภาพประกอบจาก http://pantip.com/topic/31019576


ภาพที่ชาวเน็ตทำขึ้นเพื่อล้อเลียนการรับประทานแซนด์วิชยุคเอาเปรีัยบผู้บริโภค



ผู้บริโภคสุดจะทน! สินค้าในร้านสะดวกซื้อ โฆษณาหลอกลวง เอาเปรียบผู้บริโภคหน้าด้านๆ บางอย่างรูปสวย คุยโวเนื้อเน้นๆ สอดไส้น่ากิน แต่แกะกล่อง ฉีกถุงออกมา กลับไม่เป็นตามที่ชวนเชื่อ ล่าสุด ขนมปังแซนด์วิชยี่ห้อดัง ถูกแฉและแชร์ว่อนเน็ต เหตุโกงคนกิน เพราะไส้น้อยเวอร์ กลายเป็นที่หยิบยกมาพูดคุยกันอย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์ขณะนี้ ส่วนจะจริงหรือไม่ตามไปพิสูจน์กัน...
       
        ชาวเน็ตโวย สินค้าโกงคนกิน!
       
        ไม่ใช่เรื่องใหม่ และเพิ่งถูกหยิบยกมาพูดคุยในสังคมไทย สำหรับกรณีผู้บริโภคถูกเอาเปรียบจากร้านค้า หรือร้านสะดวกซื้อ แต่เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงในวงแคบ และนำมากระจายต่อในวงกว้างเมื่อโลกโซเชียลเข้ามามีอิทธิพลกับชีวิตคนเรามากขึ้น
       
        ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 กันยายน สมาชิกเว็บพันทิปในฐานะผู้บริโภคท่านหนึ่ง ใช้ชื่อว่า Frebber ได้ตั้งกระทู้ ถามจริงๆ เจ้าของโรงงานแซนวิชพวกนี้เค้ากล้าเอาแซนวิชของตัวเองให้ลูก ให้ผัว ให้เมีย ให้พ่อ ให้แม่พวกมันกินไหมครับ พร้อมกับโพสต์ภาพแซนด์วิชยี่ห้อดัง โดยเล่าถึงความน่าเกลียดของไส้แซนด์วิชยี่ห้อดังกล่าว เมื่อแกะออกมาแล้ว พบว่าไส้ข้างในมีอยู่น้อยนิด โดยผู้บริโภคที่นำเรื่องมาเปิดประเด็นได้เขียนข้อความไว้ว่า
       
        "มันเลวทรามไปไหมครับ คนนะครับไม่ใช่สัตว์ที่จะเอาอะไรมาขายให้กินก็กินของพวกนี้ ผมไม่กล้าซื้อให้หมาที่บ้านกินนะถ้าผมเปิดเจอ ผมก็จะเสียความรู้สึก ถ้าผมรู้ว่าแกะมาเจอแบบนี้ ผมก็อายหมาครับ ไม่กล้าโยนให้หมากิน อาหารที่ผมทำให้หมาประณีต บรรจง และตั้งใจทำมากกว่านี้ครับ อยากรู้จังครับ เจ้าของโรงงานแซนวิช กล้าเอาแซนด์วิชชั่วๆ แบบนี้ให้ผัว ให้เมีย ให้ลูก ให้พ่อแม่มันกินไหมครับ จิตใจมันทำด้วยอะไรครับแบบนี้บ้านผมเรียกว่า สารเลว ครับ"
       
        ทันทีที่ภาพดังกล่าวถูกนำมาเผยแพร่ในบอร์ดชื่อดัง ชาวเน็ตหลาย ๆ ท่านเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม พร้อมกับตำหนิถึงบริษัทที่รับผิดชอบว่าควรใส่ใจผู้บริโภคให้มากกว่านี้ และไม่ควรเอาเปรียบผู้บริโภคด้วยสินค้าแบบนี้ ขณะที่ชาวเน็ตบางคนต่างบอกเล่าประสบการณ์ที่เคยพบเจอในลักษณะเดียวกัน และได้โพสต์รูปสินค้า "โกงคนกิน" มาให้ดูกันด้วย
       
        นี่คือความเห็นส่วนหนึ่งของชาวเน็ตที่ทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ขออนุญาตหยิบยกมานำเสนอต่อ
       
        "เห็นแล้วเหนื่อยใจแทน ทุกวันนี้จะกินอะไรแบบไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจะมีหรือเปล่าเนี่ย ผู้บริโภคไม่เคยคาดหวังจะได้เปรียบผู้ผลิตเลยสักครั้ง มีแต่พวกมันนี้แหละจะคอยเอาเปรียบเราอยู่ทุกวี่ทุกวัน" imTHEE
       
        "เลอแปง = เหลือ (แต่) แป้ง" clayzizer
       
        "ผมพูดตรง ๆ คนไทยเราไม่ค่อยรักษาสิทธิผู้บริโภคกันเลยครับ เห็นแล้วก็ไม่สนใจกัน ปล่อยแล้วแต่เวรแต่กรรม พวกผู้ผลิตหน้าด้านมันก็เลยได้ใจ ทำคนหนึ่งได้ มันก็ทำต่อกันไปเรื่อยๆ เพราะคิดว่า ผู้บริโภคอย่างเราๆ มันโง่ ผมพูดตรงๆ แหวกออกมาดูแล้วไส้ใส่แค่นี้ ขอหยาบหน่อย มันยิ้ม จริงๆ ครับ" สมาชิกหมายเลข 756911
       
        "หน้าไม่อาย ทุกอย่างตอนออกสินค้าใหม่ๆ ดูจะใจถึงใส่เครื่องไส้มากมาย พอติดตลาด เริ่มลักไก่ลดไส้ ลดขนาด แอบขึ้นราคาสารพัดจะทำ เราเลิกกินไปหลายอย่างแล้ว ทุกวันนี้เข้าเซเว่น แต่ก็จะใช้เงินในเซเว่นอย่างคุ้มค่าที่สุด กลับไปรวยบ้านเกิดที่เมืองจีนน่าจะดี เมืองไทยสร้างความอุดมสมบูรณ์กับท่านจนล้นเหลือแล้วน่าจะแบ่งปันให้คนไทยได้อะไรที่เหมาะสม ใจเขาใจเรา" สมาชิกหมายเลข 706581
       
        "ประเด็นเป็นข่าวออกทีวี สื่อมาเอาข้อมูลจากพันทิปมากมายดรามา เจนนี่ เจมส์จิ ฯลฯ ไวกันจริงๆ แต่พอเรื่องสินค้าเอาเปรียบผู้บริโภคของแบรนด์ดังๆ ทั้งอาหารไม่ได้คุณภาพ นมบูด ชาเน่า หรือแม้แต่รถยนต์คุณภาพห่วย สื่อไม่กล้าแตะเลยจริงๆ แล้วผู้บริโภคจะพึ่งพาใครได้" LAPD21
       
        "ต้องร่วมใจกันแบน ไม่ซื้อสินค้าเขากันค่ะ ไม่มีคนซื้อ ให้มันบูดคาชั้นวางของไปเลย" ยัยบ๊องจัง
       
        ขณะที่บางราย ออกมาให้ความเห็นกลาง ๆ และไม่เห็นว่าจะถูกเอาเปรียบแต่อย่างใด
       
        "ผมเคยกินนะ กัดไปเจอไส้ทุกคำนะ หรือนี่คือของล็อตล่าสุดเพื่อลดต้นทุนกันนิ" สมาชิกหมายเลข 759692
       
        "กินทุกวันนะ ซื้อในเซเว่น ไม่เคยเจอแบบนี้ นะ ที่เจอ ก็ไส้เยอะดี" สมาชิกหมายเลข 1030092
       
        "เป็นไปได้ไหมคะ ว่าอาจจะเกิดการผิดพลาดในกระบวนการผลิต เพราะบางทีก็ได้เยอะจนน่าเหลือเชื่อ บางทีก็น้อยนิดตามภาพ" สมาชิกหมายเลข 714139
       
        อย่างไรก็ดี มีสมาชิกท่านหนึ่ง ใช้ชื่อว่า ยัยตัวร้ายกับนายมะพร้าว ได้แจ้งถึงปัญหาที่เกิดขึ้นไปยังบริษัทผู้ผลิต หลังจากซื้อแซนด์วิชยี่ห้อดังแล้วพบว่า ไส้ข้างในมีอยู่น้อยนิดจนน่าตกใจ และนี่คืออีเมลชี้แจงของทางบริษัทผู้ผลิตแซนวิชเจ้าปัญหา
       
        ทางบริษัทฯ ต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงที่ลูกค้าได้แจ้งปัญหาเข้ามาและขออภัยสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้แจ้งข้อมูลดังกล่าวให้กับจุดงานที่เกี่ยวข้องรับทราบปัญหาและตรวจสอบสาเหตุ ซึ่งเมื่อทราบผลแล้วจะแจ้งกลับลูกค้าทันที หากลูกค้ามีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่เบอร์ลูกค้าสัมพันธ์ 02-739-4432 ค่ะ หรือหากลูกค้าสะดวกให้เบอร์ติดต่อของลูกค้ากับทางบริษัท ฯ ก็จะยินดีเป็นอย่างยิ่ง
       
        ธัญพิชชา ถาวร
        หน่วยงานลูกค้าสัมพันธ์
        บริษัท ซีพีแรม จำกัด
       
        ไม่เพียงแต่แซนด์วิชเท่านั้น อาหารกล่องบางอย่างในร้านสะดวกซื้อ เช่น ข้าวผัดปู ขนมปังสอดไส้หลายยี่ห้อ ก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเอาเปรียบผู้บริโภคเช่นกัน โดยมีการโฆษณาชวนเชื่อหลอกลวงอย่างแนบเนีบย เห็นได้จากข้าวผัดปูที่ภาพบนกล่องอวดหรูคุยโวว่าคุ้มค่า เนื้อเน้น ๆ แต่พอเปิดกล่องออกมากลับพบแต่เพียงกลิ่นปู หรือเนื้อปูกระจิริดเท่านั้น ซึ่งบางคนนำมาล้อเลียนต่าง ๆ นานาว่า กินข้าวผัดปู แต่สัมผัสได้แต่วิญญาณปู หรือบางคนก็ช่างเปรียบเทียบ ปูคือผักชี ใส่ไว้โรยหน้านิดๆ เท่านั้น
       
        นอกจากนี้ ยังเคยมีผู้บริโภครายหนึ่ง บอกเล่าเรื่องไส้กรอกหมูรมควันที่ซื้อในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งตามปกติจะมีไส้กรอก 10 ชิ้นอยู่ในถุง (น้ำหนักสุทธิ 150 กรัม ราคา 39 บาท) แต่บางวันกลับพบว่ามีอยู่ในถุงเพียง 9 ชิ้น ซึ่งทั้ง 2 ถุงผลิตในวัน เดือน และปีเดียวกัน
       
        โกงคนกินหรือไม่ ตามไปดู
       
        หลังจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง ทั้งอาหารกล่อง แซนวิช หรือขนมปังสอดไส้ต่างๆ ที่ผู้บริโภคในยุคออนไลน์เอาภาพมาแฉว่า ถูกเอาเปรียบ และไม่ได้รับความเป็นธรรม ทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ได้ลงพื้นที่สำรวจสินค้าตามร้านสะดวกซื้อย่านพระอาทิตย์ และพื้นที่ใกล้เคียง พบสินค้าบางอย่างโฆษณาเกินจริง เช่น ข้าวผัดปูของเซเว่น ที่โฆษณาบนกล่องว่าอร่อยคุ้มค่า เนื้อปูเน้นๆ แต่กลับพบเนื้อปูกระจัดกระจายอยู่น้อยนิด
       
        ส่วนแซนด์วิช และขนมปังไส้ต่าง ๆ พบว่า ขนมปังสอดไส้ปูอัดมายองเนสของเลอแปง แซนวิชไส้ไก่หยองมายองเนส รวมไปถึงทูน่าพบไส้ที่มีปริมาณมากกว่าภาพที่ถูกนำมาแฉผ่านเน็ต ในขณะที่บางไส้ต้องยอมรับว่า คุ้มค่าต่อการจ่ายเงินซื้อ เช่น แซนวิชไส้โบโลน่าทูน่าพริกไทยดำ หมูหยองมายองเนส ส่วนทางด้านแซนวิชยี่ห้อโออิชิตามที่ชาวเน็ตนำมาโพสต์ พบว่า มีไส้ที่พอประมาณ ไม่มากหรือน้อยจนดูน่าเกลียด
       
        สำหรับขนมปังสอดไส้ยี่ห้ออื่นๆ มีบางยี่ห้อที่สอดไส้น้อย แต่ก็สมกับราคาที่ตั้งขาย
       
        จากการลงพื้นที่สำรวจ อาจพอสรุปได้ว่า ปัญหาไส้น้อย ไส้มาก น่าจะมาจากมาตรฐานในการผลิตมากกว่า
       
        ถ้าโกงคนกิน ต้องเอาจริง
       
        ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกวันนี้ คนไทยโดนโฆษณาที่เกินจริงมอมเมาให้หลงซื้อ หลงใช้สินค้าอยู่บ่อยครั้ง บอกเล่าได้จาก สารี อ๋องสมหวัง ในฐานะตัวแทนมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เคยเปิดเผยผ่านสื่อให้ฟังว่า จากการทำงานที่ผ่านมาทางมูลนิธิฯ ได้เห็นผู้บริโภคถูกเอาเปรียบ ถูกโกง ถูกหลอกทุกวันเพียงเพราะบางครั้งผู้บริโภคบางคนรู้แต่หลงลืม หรือไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเราก็มีพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคอยู่ ทำให้ทุกคนยังประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี หากมีกฎหมายองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคออกมา ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ จะเป็นกลไกใหม่ที่เป็นความหวังของผู้บริโภค จะช่วยสนับสนุนให้ผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองมากขึ้น
       
        ส่วนอีกหนึ่งพลังที่ผู้บริโภคบางท่านเชื่อกันว่าจะสั่งสอนผู้ผลิตที่ปล่อยผ่านสินค้าไร้มาตรฐานออกสู่ตลาด หรือมีการเอาเปรียบผู้บริโภคเกิดขึ้น ก็คือ การรวมพลัง "ไม่เอา" สินค้าของผู้ผลิตรายนั้นอย่างจริงจัง อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้ผู้ผลิตเกิดความเกรงกลัวผู้บริโภคในฐานะผู้มีอำนาจในการเลือกซื้อสินค้า เพื่อจะได้มีการปรับปรุงในทางที่ดีขึ้นต่อไป
       
        สำหรับกรณีล่าสุดที่ชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เป็นธรรมในตัวสินค้าตามร้านสะดวกซื้อนั้น แม้จะมีผู้บริโภคร้องเรียนไปยังบริษัทผู้ผลิต และได้รับการชี้แจงกลับมาว่า เป็นความผิดพลาดของฝ่ายผลิต ซึ่งต่อไปนี้ จะควบคุมการผลิตให้มากขึ้น แต่ทางผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยต่างก็เริ่มหมดความศรัทธา และลั่นวาจาว่าจะไม่ซื้อรับประทานอีก
       
        นับเป็นความท้าทายที่บริษัทผู้ผลิตต้องกลับไปทบทวน เพราะหากไม่มีการปรับปรุงแก้ไขการผลิตให้ได้มาตรฐาน ก็อย่าหวังว่าจะมีผู้บริโภคมาซื้อสินค้าในอนาคต และถ้าคิดจะเอาเปรียบผู้บริโภคแล้วละก็ โปรดคิดให้ดีก่อนทำ เพราะทุกวันนี้มีช่องทางให้ "แฉ" มากขึ้น และผู้ที่จะเป็นคนแฉ ไม่ใช่ใครอื่น แต่มาจาก "พลังประชาชน" ในยุคโซเชียลเน็ตเวิร์กนั่นเอง
       
        เผลอๆ อาจจะมีพลังโจมตีมากกว่าสื่อกระแสหลักเสียอีก..
       
       ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ภัยเถื่อนกลางกรุง “สะพานพุทธฯ” แหล่งเสื่อมโทรม-มั่วสุม ดักจี้ปล้น
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน    3 ตุลาคม 2556 20:14 น.
-http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000124624-


อาจเป็นเรื่องที่เคยชินของคนในย่านนั้นไปเสียแล้ว ปัญหามั่วสุม จี้ปล้น บริเวณสะพานพระพุทธยอดฟ้า หลังตกเป็นประเด็นฮือฮาอีกครั้งเมื่อมีการตั้งกระทู้ผ่านเว็บสังคมชื่อดังอย่างพันทิป “อยากจะเตือนภัยวัยรุ่นที่จะไปสะพานพุทธฯ ครับ” ชี้ให้เห็นว่าปัญหาซ้ำซากบริเวณนี้ที่ขึ้นชื่อว่าเถื่อน ยังไม่ได้รับการใส่ใจและแก้ปัญหา โดยเฉพาะคำติติงจากประชาชนที่กล่าวไปในทำนองเดียวกันว่า “ตำรวจเค้าก็เฉยๆ แจ้งความไปก็เท่านั้น”
       
       โจ๋สะพานพุทธฯ ซ่าส์ ดักปล้น
       
        “ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยเที่ยวสะพานพุทธฯ มาก่อน ก็ไปมาบ่อยมากครับ แต่ไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้เลยตกใจมากๆ ครับ เมื่อมันถึงเวลาเกิดขึ้นกับครอบครัวเรา (เรื่องเกิดขึ้น วันศุกร์ 27 กันยายน 2556 ครับ)
       
        เรื่องเกิดขึ้นกับน้องชายผมอายุราวๆ ประมาณ 15-16 ไปกับเพื่อนๆ อีกราวๆ 4คน (ผู้ชายหมด) เรื่องเกิดขึ้นว่าน้องผมกำลังคุยโทรศัพท์อยู่บนสะพานพุทธฯ สักพักมีกลุ่มวัยรุ่นไม่รู้มาจากไหนราว 10-20 คนได้ ซึ่งไม่พูดพร่ำทำเพลงเลยครับ ต่อยน้องผมก่อนเลย เสร็จแล้วตามด้วยขวดเบียร์ฟาดเข้าที่หัว หน้าซ้ำยังรุมกระทืบอีก อาวุธมีทั้ง ไม้ มีด เหล็ก พอพวกมันกระหน่ำเสร็จก็แย่งเอาโทรศัพท์ไป แล้วก็ไปกันครับ
       
        หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเพื่อนน้องผมไม่ช่วย ผมคิดว่าด้วยที่ว่ายังเด็กและด้วยความตกใจกัน และยังมีเวลาเพียงแปปเดียว เลยได้แต่เพียงยืนดูน่ะครับ แต่ก็ยังดีที่ส่งน้องผมไป ร.พ.ได้ครับ อาการของน้องผมหนักสุดคือ โดนกระทืบจนซี่โครงหักทิ่มปอดเลยครับ เกือบตายได้เลยครับ โดนเหล็กตีเข้าที่หัวด้านหน้าครับ โดนขวดเบียร์ตีเข้าที่หัวด้านหลังแตกครับ ฟันหน้าหักไป 2 ซี่ครับ สภาพดูไม่ได้เลย มีแผลเหมือนถูกแทงเข้าที่หลัง 2 รูครับ และแผลฟกช้ำอีกหลายจุดครับ มากๆครับ ตอนนี้น้องผมปลอดภัยดีและครับ อยู่ ร.พ นอนหยอดข้าวต้มอยู่ครับ ยังโชคดีที่ไม่ถึงตายก็เป็นอุทาหรณ์ได้เลยครับว่าไม่ควรไปอีกครั้งที่ 2”
       
        ข้อความจากกระทู้ “อยากจะเตือนภัยวัยรุ่นที่จะไปสะพานพุทธฯ ครับ” บนเว็บไซต์พันทิป ถูกเผยแพร่เมื่อราวปลายเดือนที่ผ่านมา พร้อมกับรูปภาพบาดแผลตามร่างกายของเหยื่อรายหนึ่งที่ถูกชิงทรัพย์ กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ต เหตุการณ์ซ้ำรอยที่ไม่ควรเกิดขึ้นในแหล่งพลุกพล่านอย่าง “สะพานพุทธฯ” สอดรับกับคำกล่าวขานเมื่อนานมาแล้ว เรื่องเล่าที่ว่า บริเวณนั้นมี “มาเฟีย” คุมแก๊งอยู่
       
        ยามค่ำคืนของสะพานพุทธฯฯ ค่อนข้างคึกคักคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเนื่องด้วยมีตลาดค้าขายสินค้าหลากหลายชนิด จนกระทั่งที่นี่ได้ฉายาว่าเป็นตลาดมืด ไม่ใกล้ไม่ไกลเป็นศูนย์รวมสินค้าสดอย่างดอกไม้และผลไม้หรือปากคลองตลาด เหล่าวัยรุ่นวัยโจ๋มักเลือกมุมวิวดีกลางสะพานจับกลุ่มซ่องสุม โดยที่คนธรรมดาคงมิอาจแยกออกว่าเป็นเด็กเที่ยวเตร็ดเตร่ทั่วไปหรือเป็นมิจฉาชีพตัวร้ายภัยของสังคม
       
        นอกจากนั้น ยังมีข้อมูลระบุจากคนในพื้นที่ว่า ยิ่งดึก กลุ่มพวกนี้ก็ยิ่งเพิ่มจำนวนคนมากขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งนักเรียนคอซองก็มักจะเลือกสถานที่เหล่านี้มาจับกลุ่มเฮฮา “บ้างมานั่งกินเหล้า บางทีก็เห็นคู่รักมาจู๋จี๋กัน บางทีก็มีนักเรียนมาตีกัน สารพัดอย่าง แล้วแต่ละคนนี่ก็ยังเป็นเด็กๆ อยู่เลยนะ” แหล่งข้อมูลอีกด้านที่เคยแวะเวียนมาก็ระบุว่า ขอมาครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย เพราะเข็ด!! หลังต้องตกอยู่ในสถานการณ์เฉียดตาย
       
        “เคยไปเดินซื้อของกับเพื่อนที่สะพานพุทธฯ เขาว่ากันว่าของถูก ก็เลยพาไปเดินช็อปปิ้ง ระหว่างที่เดินดูของกัน ก็มีกลุ่มวัยรุ่นตีกัน วิ่งไล่กันเสียงดังน่ากลัวมาก เห็นๆ เลย วัยรุ่นคนหนึ่งถือมีดเล่มยาว วิ่งกันมาเป็นกลุ่ม ในใจตอนนั้นชัวร์เลยว่าต้องมีเรื่องกันแน่ๆ เพราะเห็นผู้คนเริ่มแตกตื่น และวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น เรากับเพื่อนก็วิ่งหนีเช่นกัน ระหว่างนั้นก็มีเสียงระเบิด คิดว่าน่าจะเป็นระเบิดปิงปอง บอกตรงๆ กลัวตายมาก แต่สุดท้ายก็รอดมาได้
       
        หลังจากเกิดเหตุการณ์ในวันนั้น บอกกับเพื่อนๆ เลยว่า ขอไม่ไปเหยียบที่นั่นอีก แม้จะมีคนบอกว่าไม่มีอะไรหรอก เขาเลิกตีกันแล้ว แต่ก็เลือกที่จะไม่ไปดีกว่า ถ้าเกิดตีกันอีก แล้วถูกลูกหลงขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ ส่วนตัวอยากให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดกว่านี้ ถ้าไม่ลงมาตรวจดู และจัดการอย่างจริงจัง ใครที่ไหนจะอยากมาเดิน
       
        ยิ่งพอมาได้ยินข่าวมีกลุ่มวัยรุ่นดักตี ชิงทรัพย์ วิ่งราวด้วยแล้ว ก็ยิ่งน่าเป็นห่วง ฝากถึงคนที่ไปเดินด้วยว่า พยายามอย่าไปเดินช่วงดึกมากๆ ระหว่างเดินซื้อของก็ควรมองซ้าย มองขวาด้วย เพราะต้องยอมรับว่า ตลาดมืดแห่งนี้กลายเป็นสถานที่อันตราย และเสี่ยงตายมากขึ้นทุกวัน บางครั้งจะไปหวังพึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเดียวก็ไม่ได้ ป้องกันตัวเองไว้ก่อนดีที่สุดครับ”
       
       เกิดซ้ำซาก เพราะตำรวจเมิน??
       
        อย่างไรก็ตาม นอกเหนือไปจากประเด็นความไม่ปลอดภัยบริเวณสะพานพุทธฯ ในยามค่ำคืนแล้ว อีกหนึ่งเสียงจากประชาชนคือ ความบกพร่องหละหลวมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยถูกติติงผ่านโลกอินเทอร์เน็ตว่าบริเวณสะพานเป็นจุดเกี่ยวเนื่องระหว่าง สน. ปากคลองสานกับสน.พระราชวัง ทั้งนี้ แหล่งข้อมูลคนในพื้นที่ระบุเพิ่มเติมว่า ความจริงแล้วก็พอมีสายตรวจคอยมาสอดส่องอยู่บ้าง แต่เหล่าวัยรุ่นก็จะรีบหลบ พอตำรวจกลับไปก็กลับขึ้นมาจับกลุ่มมั่วสุมกันต่อ
       
        “มีอยู่วันหนึ่งผมอยู่บ้านเพื่อนย่านฝั่งธนฯ มองเห็นบนสะพานพุทธฯ มีเด็กยกพวกตีกัน แล้วได้ยินเสียงปืนด้วย พวกผมก็ได้โทร.ไปแจ้งตำรวจ แต่กว่าที่ตำรวจจะมาเรื่องมันก็เงียบไปแล้ว.... ตำรวจไทยเหมือนในหนังเลยครับมาตอนจบ” ข้อความจาก Professional Advice
       
        “บ้านอยู่แถวนี้ขอยืนยันว่าจริงครับ สมัยเปิดใหม่ๆ เมื่อสิบปีที่แล้วยังโอเค แต่เดี๋ยวนี้อย่าว่าแต่ซื้อของ เดินผ่านยังไม่ควรเลย ส่วนสน. ปากคลองสานกับพระราชวังก็เกี่ยงกันดูแล” ข้อความจาก CloudColorOfSound
       
        “พูดเลยครับกฎหมายประเทศไทยยังแข็งไม่พอครับ และเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายของบ้านเมืองเรา อ่อนแอมากครับ” ข้อความจากสมาชิกหมายเลข 856348
       
        “บนสะพานเป็นจุดเกี่ยงกันทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 สน. มั้งครับ รู้สึกว่าเคยมีเคสแบบนี้เกิดขึ้นบนสะพาน เวลาโทร.ไปแจ้งความ ตำรวจจะมาช้าเป็นพิเศษ เพราะงงว่าใช่พื้นที่ตัวเองหรือป่าว” ข้อความจากข้าวคลุกน้ำปลา
       
        สำหรับการมั่วสุมจับกลุ่มของเด็กวัยรุ่น ไม่ได้ถือเป็นความผิดแต่อย่างใด แต่หากมีพฤติกรรมขัดต่อกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมได้ทันที ในประเด็นนี้ พ.ต.ท. ด.ร. กฤษณพงศ์ พูตระกูล ประธานบริหารหลักสูตรวิทยาลัยบริหารรัฐกิจและรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ให้ความคิดเห็นที่น่าสนใจว่า
       
        “จริงๆ แล้วการที่เด็กและเยาวชนมารวมตัวกันตามสถานที่ต่างๆ เนี่ย ถ้าไม่ได้ส่งเสียงดังรบกวนอะไร ดื่มเหล้าเอะอะอะไร ไม่ได้ไปรบกวน สร้างความลำบากเดือดร้อนให้กับคนที่สัญจรผ่านไป-มา แถวนั้น ความผิดทางกฎหมายก็อาจยังไม่ชัดเจนครับ แต่ถ้าเกิดรวมตัวกันแล้วมีการพกอาวุธมีด มาจี้, ปล้น, เสพยาเสพติด หรือดมกาว อันนี้ก็จะมีความผิดตามกฎหมาย เพราะว่าสิ่งเหล่านี่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไว้”
       
       เปิดต้นตอแหล่งมั่วสุมกลางสะพาน
       
        หลายคนที่เดินผ่านไป-มา บริเวณนั้น อาจมองว่าเด็กวัยรุ่นที่มาจับกลุ่มนั่งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เป็นปัญหาหนักใจของสังคม แต่จากการประสบการณ์ที่เคยได้สัมผัสเด็กเหล่านี้อย่างใกล้ชิด พ.ต.ท. ด.ร. กฤษณพงศ์ จึงมีความคิดเห็นที่ต่างไป โดยมุ่งหวังแก้ปัญหาจากต้นตอ เรื่องของครอบครัวของเด็กเหล่านี้ มากกว่าการใช้มาตรการบีบบังคับอันจะยิ่งทำให้เด็กเหล่านี้ก่อปัญหามากกว่าเดิม
       
        “จากที่ผมเคยลงพื้นที่สำรวจตรงนั้นเลยนะครับตรงสะพานพุทธฯ เมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นผมกำลังสนใจเรื่องปัญหาอาชญากรรมของเด็กเร่ร่อน สิ่งหนึ่งที่ผมเคยได้ไปดูมานะครับ พบว่าเด็กเหล่านี้ส่วนมากไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง แต่ว่าที่เค้าไปมั่วสุมกันส่วนหนึ่งก็จะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องดมกาว หรือยาเสพติดบางส่วน
       
        ประเด็นที่ถามว่าพวกเขาเหล่านี้มาจากไหน มามั่วสุมกันเพราะอะไร ตรงนี้มันมีหลายปัจจัย ส่วนแรกคือโครงสร้างทางสังคมของบ้านเรา หมายความว่าครอบครัวอาจจะไม่พร้อมขณะที่มีบุตร หรือถูกเลี้ยงโดยญาติพี่น้องก็ดูแลไม่เต็มที่ หรือพ่อ-แม่ไม่มีเวลา เค้าก็จะออกมาอยู่กับเพื่อนข้างนอกบ้าน ประการที่สองก็อาจเป็นเด็กที่มีปัญหากับครอบครัว บางครั้งพ่อ-แม่ไม่เข้าใจพฤติกรรมของวัยรุ่น ก็อาจจะถูกเพื่อนชักจูงกันไปได้ ซึ่งเราก็ต้องเข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กวัยรุ่นนะครับ อยากจะรู้ อยากลอง อยากท้าทาย”
       
        ทั้งนี้ จากที่ทีมงาน ASTV ผู้จัดการ Live ได้สำรวจพื้นที่บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาอื่นๆ ก็พบว่า มีปัญหาการมั่วสุมของเยาวชนบ้างประปราย แต่ที่น่าสังเกตคือบริเวณสะพานกรุงธนนั้น มีการจับกลุ่มของนักศึกษาที่คาดว่าน่าจะเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฏสองแห่งที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน นอกจากนั้น รศ.ดร.สุณีย์ กัลยะจิตร ประธานคณะกรรมการบริหารงานหลักสูตรปริญญาเอก สาขาอาชญาวิทยาการบริหารงานยุติธรรมและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล มองว่า ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดก็สามารถเกิดการมั่วสุมได้ทุกแห่ง
       
        “จริงๆ แล้วกรณีการมั่วสุม และการรวมตัวของเหล่าเยาวชน มันก็มีทุกที่นั่นแหละ เพียงแต่ลักษณะของการมั่วสุมรูปแบบในปัจจุบันมันค่อนข้างที่จะเปลี่ยนไป เช่นการมั่วสุมแล้วไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เรื่องของการอยากได้ทรัพย์ต่างๆ ก็เป็นช่องที่จะทำให้พวกเขาชิงทรัพย์
       
        ส่วนแหล่งมั่วสุมมันก็มีทั่วทุกที่ในกรุงเทพฯ ซึ่งภาครัฐเองก็ต้องมีการจัดการปรับปรุงสภาพสิ่งแวดล้อม จุดอับต่างๆ ที่ไม่มีไฟฟ้า หรือจุดที่เป็นที่รกร้างให้ดูสะอาด ซึ่งถ้าสังเกตดีๆ แล้ว บริเวณสะพานพุทธฯ จะมีปัญหาเรื่องของไฟส่องสว่าง ตรงบันไดทั้งสองข้าง และสวนหย่อม ซึ่งคิดว่าบริเวณนั้นยังสว่างไม่เพียงพอ”
       
        อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดหากอยู่ในสถานที่สาธารณะ ควรหรือไม่?? กับการมั่วสุมประพฤติไม่ดี และตำรวจควรจะต้องหามาตรการสอดส่องตรวจตราเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายได้อย่างไร
       
       ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)