ประชาสัมพันธ์ > การเตือนภัยสังคมและกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ
รวบรวมเตือนภัย และการต่อต้าน แก๊ง เมาแล้วขับรถ
sithiphong:
นี่แสดงถึง จิตสำนึก , มารยาท และ การได้รับการอบรมมา
การที่ไปเอาเปรียบ ผู้พิการ ของคนที่นำรถส่วนตัว ที่ไม่ได้เป็นคนพิการ อีกทั้งผู้บริหารของห้างสรรพสินค้าที่ไม่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ปฎิบัติในสิ่งที่ต้องปฎิบัติครับ
----------------------------------------------------------------
หนุ่มวีลแชร์ ปล่อยคลิปรอบ 2 ทวงสิทธิ์ที่จอดรถคนพิการย่านบางนา
-http://hilight.kapook.com/view/107240-
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ saba image สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
หนุ่มวีลแชร์ ปล่อยคลิป สำรวจที่จอดรถคนพิการ ห้างดังย่านบางนา คนปกติอ้างเจ็บขา จำเป็นต้องใช้สิทธิ์
ถือเป็นเรื่องที่ฮือฮาไม่น้อย เมื่อคนพิการรายหนึ่ง ได้ปล่อยคลิปวิดีโอทวงสิทธิ์ที่จอดรถคนพิการในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ซึ่งที่จอดรถตรงนั้น มักจะมีคนธรรมดาไปจอดอยู่เสมอ ล่าสุด (28 สิงหาคม 2557) หนุ่มวีลแชร์คนดังกล่าว ก็ได้ปล่อยคลิปวิดีโอรอบ 2 สำรวจห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านบางนา ที่มีคนปกติมาจอดรถในพื้นที่คนพิการ โดยอ้างว่า เจ็บขาบ้าง ปวดเข่าบ้าง จึงต้องจอดรถในบริเวณดังกล่าว
ทั้งนี้ คุณ saba image สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม ที่ได้ไปสำรวจที่จอดรถคนพิการที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ย่านบางนา พบว่า พื้นที่ที่ระบุว่าเป็นพื้นที่จอดรถของคนพิการนั้น มีรถเข้ามาจอดอยู่เต็มแล้ว โดยบางคันเป็นรถหรูมูลค่าหลายล้านบาท ซึ่งเมื่อจอดรถเต็มตรงพื้นที่ส่วนนั้น ก็จะทำให้ไม่เหลือพื้นที่ให้ผู้พิการ สามารถเอาวีลแชร์ลงมาจากรถได้สะดวก แต่โชคดีที่มีรถคันหนึ่งจอดเฉียง ทำให้รถวีลแชร์ของคุณ saba image สามารถลงได้พอดี
จากนั้น หนุ่มวีลแชร์คนดังกล่าว ก็ได้ร้องขอให้ รปภ. ช่วยตามเจ้าของรถของผู้ที่จอดรถในพื้นที่คนพิการ พบว่ารถคันแรก เป็นรถของชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่อ้างว่าต้องใช้สิทธิ์จอดรถในพื้นที่คนพิการ เนื่องจากแฟนสาวของเขาเจ็บขา จึงทำให้หนุ่มวีลแชร์คนดังกล่าว อธิบายว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่จอดรถของคนพิการ หากคนธรรมดามาจอด คนพิการก็ไม่สามารถใช้ได้ และรายที่ 2 นั้น เป็นรถของคุณป้าคนหนึ่ง ที่คุณป้าอ้างว่าเจ็บเข่า จึงจำเป็นต้องใช้สิทธิ์จอดรถในพื้นที่คนพิการ จึงทำให้หนุ่มวีลแชร์ฝากเตือนคุณป้าว่า หากสามารถนำรถไปจอดที่อื่นได้ก็ควรทำ
นอกจากนี้ พื้นที่ตรงช่องดังกล่าว ยังมีรถจอดถึง 4 คัน ซึ่งจริง ๆ แล้ว พื้นที่ตรงนั้น หากเป็นการจัดสรรพื้นที่จอดรถเพื่อคนพิการจริง ควรจอดรถ 3 คันมากกว่า
ภายหลังจากที่คลิปวิดีโอดังกล่าวแพร่ออกไป ก็ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากพื้นที่จอดรถคนพิการ ควรสงวนให้คนพิการที่มีความจำเป็นต้องใช้เท่านั้น ไม่ใช่คนที่มีอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย จะต้องมาใช้พื้นที่ตรงส่วนนั้น
24-08-2014 Parking Lot Survey : Central Bangna#1
-http://www.youtube.com/watch?v=ZwXKV14ZcI4&feature=player_embedded-
sithiphong:
สาววัย 25 ปี แต่งตัววาบหวิว สวมเสื้อชั้นในสีดำ นุ่งกางเกงขาสั้นกุด เมาซิ่งเก๋งโตโยต้า อัลติส พุ่งชนตอม่อสะพานลอยเมืองพัทยา นักข่าวที่จะเข้าไปบันทึกภาพเหตุการณ์และตำรวจที่พยายามจะเข้าช่วยเหลือกลับถูกด่าทอและใช้เท้าถีบพัลวัน
วันอาทิตย์ 31 สิงหาคม 2557 เวลา 14:30 น.
เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 31 ส.ค. ร.ต.ท.ขวัญชัย นัมคณิตสรณ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งอุบัติเหตุรถเก๋งเสียหลักพุ่งชนเสาตอม่อสะพานลอย บริเวณเกาะกลางถนนสุขุมวิท พัทยากลาง ฝั่งขาเข้าสัตหีบ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา ในที่เกิดเหตุพบรถเก๋งโตโยต้า อัลติส สีบรอนซ์เทา จอดอยู่ในสภาพด้านหน้าพุ่งชนเข้ากับเสาสะพานลอยบริเวณเกาะกลางถนนจนพังยับเยิน โดยมี น.ส.กบ (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี เจ้าของรถ ที่อยู่ในชุดวาบหวิว สวมเสื้อชั้นในสีดำ นุ่งกางเกงขาสั้นกุด ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และมีอาการมึนเมาสุราอย่างหนัก เมื่อเห็นตำรวจจึงรีบเปิดประตูลงจากรถวิ่งหนีข้ามถนนไปอย่างรวดเร็ว ต่อมาเจ้าหน้าได้ตามไปพบตัว น.ส.กบ ที่หน้าปั้มน้ำมันบางจาก ห่างจากจุดเกิดเหตุเล็กน้อย จึงพยายามจะเข้าช่วยเหลือและคุมตัวไปสอบปากคำ แต่ น.ส.กบ กลับโวยวายด่าทอตำรวจด้วยถ้อยคำหยาบคาย ก่อนที่จะใช้เท้ากระโดดถีบใส่เป็นพัลวัน และยังด่าทอปัดกล้องของผู้สื่อข่าวในขณะที่กำลังบันทึกภาพ สุดท้ายทางตำรวจจึงจับ น.ส.กบ ใส่กุญแจมือ และรีบหาเสื้อผ้ามาคลุมร่างกายให้ ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า น.ส.กบ มีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกว่ากฎหมายกำหนด จึงแจ้งข้อหา เมาสุราแล้วขับรถ และทำให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
-http://www.dailynews.co.th/Content/regional/263296/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%A3.-%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7-
.
sithiphong:
.
แบบนี้ แย่มาก ต้องจับอย่างเดียว ข้อหาพยายามฆ่า ครับ
------------------------------------------------------
สิบล้อจอมตบ คัมแบ็ค! ขับอย่างโหดเลย
-http://world.kapook.com/pin/54092d2e38217a943f000000-
สิบล้อจอมตบ คัมแบ็ค! มาคราวนี้จัดหนักความโหดเลย เหตุการณ์จากในคลิประบุว่าเกิดวันที่ 4 เดือนกันยานี้นี่เอง รถสิบล้อที่ขับมาอย่างเร็ว เข้าปาดหน้ารถเก๋งแบบกระทันหันว่าถ้าพลาดนิด มีกลิ้งตกข้างทางแน่นอน เกิดอันตรายกับคนขับได้เลยนะเนี่ย น่ากลัวจริงจัง ลองดูกันมันมาอีกแล้วกับ สิบล้อจอมตบ
สิบล้อ..จอมตบ !! (4/9/57)
-http://www.youtube.com/watch?v=D0CVVIBWeWg-
สิบล้อ..จอมตบ !! (4/9/57)
.
sithiphong:
เรื่องนี้ก็ไม่ได้เมา
แต่ควรรู้ไว้
---------------------------------------------------------
ตร.รวบแก๊งลักรถใช้ “แจมเมอร์” ตัดสัญญาณรีโมต เตือน ปชช.หลังล็อกรถให้ตรวจเช็กทุกครั้ง
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 19 กันยายน 2557 15:09 น.
-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000107946-
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) โชว์เครื่องรบกวนสัญญาณ หรือ แจมเมอร์ ที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุ
ตำรวจภาค 1 รวบ 4 สมาชิกแก๊งโจรกรรมรถยนต์ออกตระเวนลักรถย่านปริมณฑล ใช้เครื่องรบกวนสัญญาณ หรือ แจมเมอร์ รุ่นใหม่ รัศมีทำการ 200 เมตร ตัดสัญญาณรีโมตรถยนต์ ขณะที่รอง ผบ.ตร. เตือน ปชช. หลังล็อกรถให้ตรวจเช็กทุกครั้ง
วันนี้ (19 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.คเชนทร์ คชพลายุกต์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วิรุฬห์ เอี่ยมไพจิตร์ รอง ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมแก๊งโจรกรรมรถยนต์ ผู้ต้องหาจำนวน 4 คน คือ นายพิชิตชัย บุญมี หรือ ต้น อายุ 29 ปี ชาว จ.ปทุมธานี นายสาธร ม่วงสี หรือ เก่ง อายุ 32 ปี ชาว จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายสมชาย ชื่นชม หรือ เมฆ อายุ 42 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ นายสายชล พึ่งอยู่ หรือ ตุ่น อายุ 30 ปี ชาว จ.ปทุมธานี พร้อมของกลางรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน กน 4367 สระบุรี รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน 1 กส 9608 กรุงเทพมหานคร รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน กต 5952 ราชบุรี จำนวน 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง กล่องอีซียู ใช้ติดเครื่องรถยนต์แทนกุญแจ 1 กล่อง รีโมตตัดสัญญาณ 1 อัน ตัวตัดสัญญาณ 1 อัน ประแจและไขควงอีกหลายรายการ โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณริมถนนกาญจนาภิเษก กม.66 (มุ่งหน้าอำเภอบางปะอิน) ต.สามโคก จ.ปทุมธานี เมื่อเวลา18.00 น. ของวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีแก๊งโจรกรรมรถยนต์ ตระเวนก่อเหตุติดต่อกันในหลายพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 เจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนจนกระทั่งพบว่ามีภาพของ นายพิชิตชัย ปรากฏอยู่ในภาพจากกล้องวงจรปิดหลายท้องที่ที่เคยเกิดเหตุลักษณะดังกล่าว ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงติดตามสอบสวนจนทั่งสามารถจับกุมตัวนายพิชิตชัยได้พร้อมของกลางรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน กต 5952 ราชบุรี ซึ่งเป็นรถที่ถูกขโมยมาจากห้างเทสโก้ โลตัส อ.เมือง จ.ราชบุรี เมื่อเวลา 15.00 น.วานนี้ (18 ก.ย.) จากแนวทางการสอบสวนทราบว่าคนร้ายกลุ่มนี้มักจะไปดักรออยู่บริเวณลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าต่างๆ เมื่อพบรถที่ต้องการจะใช้รีโมตตัดสัญญาณกุญแจรถของผู้เสียหาย เพื่อไม่ให้ผู้เสียหายล็อกรถของตนเองได้ โดย นายสาธร จะทำหน้าที่ติดตามผู้เสียหายเข้าไปภายในห้างสรรพสินค้า เพื่อคอยบอกความเคลื่อนไหว จากนั้นนายพิชิตชัย จะเข้าไปในรถเพื่อใช้อุปกรณ์สตาร์ทรถยนต์ และให้ นายสายชล ทำหน้าที่ขับรถยนต์ของผู้เสียหายออกจากที่เกิดเหตุเพื่อนำไปขายต่อให้นายหน้า
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุลักษณะดังกล่าวมามากกว่า 10 ครั้ง ในแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที ซึ่งจะเลือกก่อเหตุในห้างสรรพสินค้า โดยรถที่ได้รับความนิยม คือรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ และรุ่นฟอร์จูนเนอร์ เมื่อได้รถมาแล้วจะนำไปขายให้กับนายหน้าในราคาคันละกว่า 100,000 บาท ก่อนจะนำเงินมาแบ่งกัน
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า จากที่ทางตำรวจได้เคยแจ้งเตือนประชาชนไปแล้วว่าปัจจุบันมีการใช้วิธีโจรกรรมรถแบบใหม่แพร่ระบาด โดยจะใช้เครื่องตัดสัญญาณรถก่อกวนสัญญาณ เมื่อเจ้าของรถเดินห่างออกไปก็จะลักลอบโจรกรรมรถทันที ซึ่งวันนี้ที่จับได้ก็เป็นการยืนยันว่ามีการใช้วิธีนี้ในการลักรถจริงๆ แต่ที่น่าตกใจคือจากการจับกุมครั้งนี้พบว่าเครื่องแจมเมอร์ที่ใช้ในการตัดสัญญาณรถนั้น เป็นเครื่องรุ่นใหม่ที่สามารถรบกวนสัญญาณได้ไกลถึง 200 เมตร ผู้ต้องหาไม่จำเป็นต้องมาอยู่ใกล้รถประชาชนขณะก่อเหตุ ทั้งนี้ อยากขอประชาสัมพันธ์อีกครั้งว่า ขอให้ประชาชนระมัดระวังในการใช้รถด้วย เมื่อจอดรถและทำการล็อครถขอให้ตรวจเช็กดูอีกครั้งว่ารถท่านได้ล็อคเรียบร้อยแล้วเพื่อเป็นการป้องกันอีกขั้น หรือขณะกดล๊อกรถให้สังเกตุดูสัญญาณไฟกระพริบว่าขึ้นหรือไม่ และขออภัยที่ไม่สามารถบอกวิธีการในการโจรกรรมรถได้อย่างละเอียด เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการชี้โพรงให้กระรอก ทำให้มีคนเลียนแบบพฤติกรรมได้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้ไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ก่อนนำตัวไปสอบสวนขยายผลและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
sithiphong:
สาวอยุธยาเป็นงง ต่อทะเบียนรถเก๋ง ดันเจอรถฝาแฝด เข้าแจ้งความด่วน
-http://hilight.kapook.com/view/108315-
สาวอยุธยาเอารถมาต่อทะเบียน แต่ดันเจอรถฝาแฝด
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด
สาวอยุธยาแจ้งความด่วน หลังนำรถเก๋งไปต่อทะเบียน แต่ทำไม่ได้ เพราะมีรถฝาแฝดมาต่อทะเบียนก่อนแล้ว คาดถูกสวมทะเบียนปลอม
เมื่อช่วงสายวันที่ 19 กันยายน 2557 มีรายงานว่า นางวรัทยา ตรีสินธุ์ อายุ 46 ปี ชาว จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้นำรถยนต์เก๋ง ฮอนด้า ซีวิค สีดำ หมายเลขทะเบียน ฎศ 7222 กรุงเทพมหานคร จำนวน 2 คัน ซึ่งเป็นรถที่มีความเหมือนกันทุกประการ ต่างกันเพียงที่ล้อแม็กซ์ มาที่กองพิสูจน์หลักฐาน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่ารถยนต์คันใดเป็นรถที่ถูกต้องตามทะเบียนขนส่งกันแน่
โดยนางวรัทยา เผยว่า ได้นำรถเก๋ง ฮอนด้า ซีวิค หมายเลขทะเบียน ฎศ 7222 กรุงเทพมหานคร ของตนเองไปต่อภาษีและ พ.ร.บ. ประจำปี ที่ขนส่งฯ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2557 แต่ถูกปฏิเสธ เพราะมี นางรื่นรมย์ ใสสด ชาว จ.กาญจนบุรี นำรถเก๋งยี่ห้อและทะเบียนเดียวกัน เข้ามาต่อภาษีและ พ.ร.บ. ก่อนแล้วในวันที่ 9 มิถุนายน 2557 เธอจึงได้เข้าแจ้งความที่กองปราบปราม ด้วยเชื่อว่ารถของเธอน่าจะถูกสวมทะเบียนปลอม
ต่อมาเมื่อเธอได้นำรูปรถและทะเบียนไปแชร์ผ่านเฟซบุ๊ก ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ธนาคารซึ่งเป็นผู้จัดสินเชื่อให้นางรื่นรมย์ ติดต่อมาขอตรวจสอบรถทั้งสองคัน จึงพบว่า รถทั้งสองคันมีหมายเลขทะเบียนเดียวกัน สีเดียวกัน เลขตัวเครื่อง ตัวถังเหมือนกันทุกอย่าง แตกต่างแค่ที่ซีเรียลบาร์โค้ดเท่านั้น
ทั้งนี้นางวรัทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า เธอและสามีได้ออกรถคันดังกล่าวมาจากศูนย์ฮอนด้า จ.สมุทรปราการ ในชื่อสามี โดยเมื่อสามีเสียชีวิต รถคันดังกล่าวก็ตกทอดมาถึงเธอ โดยธนาคารที่ทำสินเชื่อเป็นผู้โอนให้ ซึ่งเธอก็ได้ทำการต่อภาษีและ พ.ร.บ. มาตลอด 2 ปี แต่มาปีนี้กลับถูกปฏิเสธ เพราะมีผู้นำรถที่เหมือนกับของเธอมาต่อภาษีไปแล้ว ซึ่งเมื่อขอตรวจสอบเอกสารจากไฟแนนซ์ของรถอีกคัน พบว่ามีเอกสารการโอนลอย ทะเบียนบ้าน บัตรประชาชนของเธอ แต่ในเอกสารกลับเป็นลายเซ็นของใครก็ไม่รู้
ทางด้านนายสมจิตร เจ้าของเต็นท์รถใน จ.สุพรรณบุรี ผู้นำรถฮอนด้า ซีวิค อีกคันเข้ามาตรวจสอบ ได้เผยว่า น้องชายของเขาได้ติดต่อซื้อรถคันนี้มาจาก นายวัฒนพล เจริญภักดี ชาว จ.ราชบุรี โดยก่อนที่จะซื้อขาย ได้ตรวจสอบไปที่กรมการขนส่งฯ แล้วว่า รถคันดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมาย มีการเซ็นสัญญาโอนลอยกัน ต่อมาก็ได้ขายรถให้นางรื่นรมย์ ซึ่งในขั้นตอนการต่อทะเบียนก็ไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ติดต่อมาว่ามีรถรุ่นเดียวกัน สีเดียวกัน ทะเบียนเดียวกัน ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้นำรถเข้ามาตรวจสอบ เนื่องจากไม่แน่ใจว่าเขาถูกหลอกขายรถมาหรือไม่
อนึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองพิสูจน์หลักฐาน เขต 1 ได้รับรถทั้งสองคันไว้ตรวจสอบ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนตามเอกสารทะเบียนขนส่ง ว่าคันไหนมีรายละเอียดหมายเลขตามอุปกรณ์และเครื่องยนต์ที่แท้จริง ก่อนจะดำเนินการกับรถคันที่ผิดกฎหมายต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก -http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReE1URXhOakkxT0E9PQ==&subcatid=-
.
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version