แสงธรรมนำใจ > ดอกบัวโพธิสัตว์

พุทธศาสนสุภาษิต

<< < (3/7) > >>

ฐิตา:

หมวดความไม่ประมาท

ความไม่ประมาท เป็นทางแห่งความไม่ตาย
ผู้ไม่ประมาท ย่อมไม่ตาย
ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ยินดีในความไม่ประมาท
ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม
บัณฑิตย่อมบันเทิงในความไม่ประมาท

บัณฑิตย่อมสรรเสริญความไม่ประมาท
บัณฑิตผู้ไม่ประมาท ย่อมได้รับประโยชน์ทั้งสอง
ผู้ไม่ประมาทพินิจอยู่ ย่อมถึงสุขอันไพบูลย์
ปราชญ์ย่อมรักษาความไม่ประมาทไว้ เหมือนทรัพย์ประเสริฐสุด
คนมีปัญญา พึงสร้างเกาะที่น้ำหลากมาให้ท่วมไม่ได้ ด้วยความหมั่น ความไม่ประมาท ความสำรวม และความข่มใจ

ภิกษุยินดีในความไม่ประมาท หรือเห็นภัยในความประมาท ย่อมเผาสังโยชน์น้อยใหญ่ไป เหมือนไฟไหม้เชื้อน้อยใหญ่ไปฉะนั้น
ภิกษุยินดีในความไม่ประมาท หรือเห็นภัยในความประมาท เป็นผู้ไม่ควรเพื่อจะเสื่อม ชื่อว่าอยู่ใกล้พระนิพพานทีเดียว
ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ มีศีลดีงาม ตั้งความดำริไว้ให้ดี คอยรักษาจิตใจของตน
คนมีปัญญาดีไม่ประมาทในเมื่อผู้อื่นประมาท มักตื่นในเมื่อผู้อื่นหลับ ย่อมละทิ้งผู้ประมาท (คนโง่) เหมือนม้าฝีเท้าเร็ว ทิ้งม้าไม่มีกำลังไปฉะนั้น
ท่านทั้งหลาย จงยินดีในความไม่ประมาท คอยรักษาจิตของตน จงถอนตนขึ้นจากหล่ม เหมือนช้างที่ตกหล่มถอนตนขึ้นฉะนั้น

ภิกษุผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่อย่างนี้ มีสติ ไม่ประมาท ละความนับถือมั่นว่าของเราได้แล้วเที่ยวไป เป็นผู้รู้ พึงละชาติ ชรา โสกะ ปริเทวะ และทุกข์ ในโลกนี้ได้
ยศย่อมเจริญแก่ผู้มีความหมั่น มีสติ มีการงานสะอาด ใคร่ครวญแล้วทำ ระวังดีแล้ว เป็นอยู่โดยธรรม และไม่ประมาท

มีต่อค่ะ

ฐิตา:

หมวดตน- ฝึกตน

บุคคลไม่ควรลืมตน
ตนนั่นแหละเป็นที่รักยิ่ง
ผู้ประพฤติดี ย่อมฝึกตนอยู่เป็นนิจ
ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
ชนะตนนั่นแหละ เป็นดี

ตระเตรียมตนให้ดีเสียก่อนแล้ว ต่อไปจะได้สิ่งอันเป็นที่รัก
รู้ตนว่าเป็นคนเช่นใด เหล่าเทพไท้ก็รู้เช่นนั้น
ผู้ฝึกตนได้ เป็นผู้ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์
ไม่ควรพร่าประโยชน์แห่งตน เพราะประโยชน์ผู้อื่นแม้จะมีมาก
แน่ะ บุรุษ จริงหรือเท็จ ตัวท่านเองย่อมรู้

ฝึกตนได้แล้วจึงควรฝึกคนอื่น
จงถอนตนขึ้นจากหล่ม เหมือนช้างตกหล่มถอนตนขึ้นฉะนั้น
ติตนเองเพราะเหตุใด ไม่ควรทำเหตุนั้น
ได้ยินมาว่า ตัวเราฝึกได้ยาก
ถ้ารู้ว่าตนเป็นที่รัก ก็ไม่ควรประกอบตนนั้นด้วยความชั่ว

ควรรักษาตนนั้นไว้ให้ดี
ความบริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตัว
จงเป็นผู้ตามรักษาตน อย่าให้เดือดร้อน
อย่าฆ่าตัวเองเสียเลย
บัณฑิตพึงทำตนให้ผ่องแผ้วจากเครื่องเศร้าหมองจิต

เป็นที่รู้กันว่า ตนนี่แหละ ฝึกได้ยาก
ความผิดของตน มองเห็นได้ยาก
ทำบาปเอง ย่อมเศร้าหมองเอง
ไฉนจึงดูถูกตัวเองเล่า
ทุกท่านสามารถทำดีได้

พึงขวนขวายในเป้าหมายของตน
ตนมีทางไป เป็นของตน
ติตนด้วยข้อใด อย่าทำข้อนั้นเสียเอง
บัณฑิต ย่อมฝึกตน
บุรุษไม่พึงให้ซึ่งตนเอง

รักอื่นเสมอด้วยรักตน นั้นไม่มี
ไม่พึงอาศัยผู้อื่นยังชีพ
คนชั่วฆ่าตัวเองก่อน ภายหลังจึงฆ่าคนอื่น
ความผิดของผู้อื่นเห็นได้ง่าย
จงเตือนตนด้วย ตนเอง
บุรุษ ไม่พึงสละเสียซึ่งตัวเอง

ตนที่ฝึกดีแล้ว เป็นความโชติช่วงแห่งคน
ตนแล เป็นคติของตน
ความรักอื่น เสมอด้วยความรักตนเองไม่มี
คนอื่นจะทำคนอื่นให้บริสุทธิ์ไม่ได้
จงพิจารณาตนด้วยตนเอง

ไม่ควรเอาตัวไปพัวพันกับความชั่ว
คนมิได้เป็นโจรเพราะคำของคนอื่น มิได้เป็นมุนีเพราะคำของคนอื่น
ตนไม่ทำบาปเอง ย่อมหมดจดเอง
ผู้มีตน ฝึกตนดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่งซึ่งได้ยาก
ชื่อว่าที่ลับ ไม่มีในโลก

บัณฑิตไม่ควรขุดโค่นความดีของตนเสีย พึงรักษาตนไว้ให้ได้ทุกเมื่อ
กำหนดประโยชน์ที่หมายของตนให้แน่ชัด แล้วพึงขวนขวายแน่วในจุดหมายของตนนั้น
ผู้ใดรักษาตนได้ ภายนอกของผู้นั้นก็เป็นอันได้รับการรักษาด้วย
ท่านเอ๋ย ท่านก็สามารถทำดีได้ ไยจึงมาดูหมิ่นตัวเองเสีย
การทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น ถึงจะมากก็ไม่ควรให้เป็นเหตุ ทำลายประโยชน์ที่เป็นจุดหมายของตน

จงอยู่อย่างมีหลักยึดเหนี่ยวใจ อย่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง
ตนทำชั่ว ตัวก็เศร้าหมองเอง ตนไม่ทำชั่ว ตัวก็บริสุทธิ์เอง
มัวพะวงอยู่ว่า นี่ของเราชอบ นี่ของเรารัก แล้วปล่อยปละละเลยตนเองเสีย คนอย่างนี้จะไม่ได้ประสบสิ่งที่ชอบสิ่งที่รักเลย
โทษคนอื่นเที่ยวกระจาย เหมือนโปรยแกลบ แต่โทษตนปิดไว้ เหมือนพรานนกเจ้าเล่ห์แฝงตัวบังกิ่งไม้
โทษคนอื่น เห็นง่าย แต่โทษตนเองเห็นยาก

ผู้ใดมีความไร้ศีลธรรมครอบคลุม เหมือนย่านทรายคลุมไม้สาละ ผู้นั้นชื่อว่าทำตนเหมือนถูกผู้ร้ายคุมตัว
บัณฑิตพึงตั้งตนไว้ในคุณอันสมควรก่อน แล้วจึงสอนผู้อื่นภายหลัง จึงไม่มัวหมอง
ชัยชนะใดกลับแพ้ได้ ชัยชนะนั้นไม่ดี ชัยชนะใดไม่กลับแพ้ ชัยชนะนั้นแลเป็นชัยชนะที่ดี
ถ้าสอนผู้อื่นฉันใด พึ่งทำตนฉันนั้น ผู้ฝึกตนดีแล้ว ควรฝึกผู้อื่น ได้ยินว่าตนแลฝึกยาก
สิ่งที่รักอื่นเสมอด้วยตนไม่มี ทรัพย์อื่นเสมอด้วยข้าวเปลือกไม่มี แสงสว่างอื่นเสมอด้วยปัญญาไม่มี ฝนแลเป็นสระที่ใหญ่

กรรมไม่ดี และไม่เป็นประโยชน์แก่ตน ทำได้ง่าย ส่วนกรรมใดดีและเป็นประโยชน์ กรรมนั้นแลทำได้ยากอย่างยิ่ง
ถึงผู้ใดจะชนะเหล่าชนได้พันคนพันครั้งในสงคราม ก็หาชื่อว่าผู้ชนะยอดเยี่ยมไม่ ส่วนผู้ใดชนะตนคนเดียว ผู้นั้นแลชื่อว่าผู้ชนะยอดเยี่ยมในสงคราม
ไม่ควรใส่ใจคำแสลงหูของผู้อื่น ไม่ควรแส่มองธุระที่เขาทำและยังไม่ทำ ควรตั้งใจตรวจตราหน้าที่ของตนนี่แหละ ทั้งที่ทำแล้วและยังไม่กระทำ
ตนเองนี่แหละสำคัญกว่า สำคัญกว่าเป็นไหนๆ ตระเตรียมตนไว้ให้ดีก่อนแล้ว ต่อไปก็จะได้สิ่งที่รัก

มีต่อค่ะ

ฐิตา:

หมวดมิตร

มีมิตรเลวมีเพื่อนเลว ย่อมมีมารยาทเลวและที่เที่ยวเลว
เมื่อความต้องการเกิดขึ้น สหายเป็นผู้นำสุขมาให้
ผู้ไม่ประทุษร้ายมิตร ย่อมมีผู้บูชาในที่ทั้งปวง
ความเป็นสหายไม่มีในคนพาล
มารดาเป็นมิตรในเรือนตน

มารดาบิดา ท่านเรียกว่าเป็นพรหม
คนคุ้นเคย ไว้ใจกันได้ เป็นญาติอย่างยิ่ง
หมู่เกวียน เป็นมิตรของคนเดินทาง
ถ้าได้สหายเป็นผู้รอบคอบ พึงพอใจและมีสติเที่ยวไปกับเขา
สหายเป็นมิตรของคนผู้มีความต้องการเกิดขึ้นเนืองๆ

ผู้ประทุษร้ายมิตรเป็นคนเลวแท้
ภริยาเป็นเพื่อนสนิท
ผู้ไม่ประทุษร้ายมิตร ย่อมผ่านพ้นศัตรูทั้งปวง
ถ้าไม่ได้สหายผู้รอบคอบ พึงเที่ยวไปคนเดียวและไม่พึงทำความชั่ว
ความดีที่ทำไว้เอง เป็นมิตรตามตัวไปเบื้องหน้า

ประโยชน์ที่มุ่งหมายทุกอย่างของผู้มีมิตรพรั่งพร้อม ย่อมจะสัมฤทธิ์ผลเหมือนโชคช่วย
ลูกที่ไม่เลี้ยงพ่อแม่เมื่อแก่เฒ่า ไม่นับว่าเป็นลูก
มารดาบิดา เป็นอาหุไนยบุคคลของบุตร
บุตร คือฐานรองรับของมวลมนุษย์
มารดาบิดา ท่านเรียกว่าเป็นบูรพาจารย์ (ครูคนแรกของบุตร)

-ความเคารพรักบำรุงมารดา นำมาซึ่งความสุขในโลก
-มิตร เมื่อระลึกถึงธรรมแล้ว ไม่ยอมทอดทิ้งมิตร ในยามมีทุกข์ภัยถึงชีวิต ข้อนี้เป็นธรรมของสัตบุรุษโดยแท้
-เดินร่วมกัน ก้าว ก็นับว่าเป็นมิตร เดินร่วมกัน ก้าว ก็นับว่าเป็นสหาย อยู่ร่วมกันสักเดือนหรือ กึ่งเดือน ก็นับว่าเป็นญาติ ถ้านานเกินกว่านั้นไป ก็เหมือนกับเป็นตัวเอง แล้วเช่นนี้ จะให้เราละทิ้งนายกาฬกัณณีที่คุ้นเคยกันมานานแล้ว เพราะเห็นแก่ความสุขส่วนตัวได้อย่างไร
-มีญาติพวกพ้องมาก ย่อมเป็นการดี เช่นเดียวกับต้นไม้ในป่าที่มีจำนวนมาก ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่โดดเดี่ยว ถึงจะงอกงามใหญ่โตสักเท่าใด ลมก็พัดให้โค่นลงได้
-บัณฑิตย่อมปราถนาบุตรที่เป็นอภิชาต หรืออนุชาต ย่อมไม่ปราถนาอวชาตบุตร ซึ่งเป็นผู้ทำลายตระกูล

มีต่อค่ะ

ฐิตา:

หมวดคบหา

คบคนเช่นใด ย่อมเป็นคนเช่นนั้น
ควรคบมิตรที่ดี
แม้ในมิตรก็ไม่ควรไว้ใจ
อยู่ร่วมกันนานเกินไป ที่เคยรักก็มักหน่าย
เป็นเพื่อนเพียงเพื่อดื่มเหล้าก็มี

ผู้คบคนเลว ย่อมพลอยเลวไปด้วย
เมื่อเขาไม่มีเยื่อใย ป่วยการอยู่กินด้วย
อย่าสมาคมกับคนพาลซึ่งเป็นดังศัตรูทุกเมื่อ
โจรพาลอยู่ในที่ใด บัณฑิตไม่ควรอยู่ในที่นั้น
ผู้ประทุษร้ายมิตร เป็นคนเลว

คบคนดี ก็พลอยมีส่วนดีด้วย
ควรระแวงในศัตรู
ปราชญ์ย่อมแนะนำสิ่งที่ควรแนะนำ
เมื่อคบคนที่ดีกว่า ตัวเองก็ดีขึ้นมาฉับพลัน
ผู้เที่ยวสมาคมกับคนพาล ย่อมเศร้าโศกสิ้นกาลนาน

คนเป็นมิตรแต่ปากก็มี
นักปราชญ์มีการอยู่ร่วมกันย่อมเป็นสุข
ไม่ควรไว้ใจคนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว
มิตรชั่วไม่ควรคบ
ไม่ควรไว้ใจคนที่แสร้งทำสงบเสงี่ยม

ความคุ้นเคยเป็นญาติอย่างยิ่ง
ผู้ไม่คบหาคนชั่ว ย่อมได้รับสุขแต่ส่วนเดียว
อยู่ในพวกข้าศึกศัตรูเพียงคืนเดียวหรือสองคืน ก็เป็นทุกข์
คนที่ทำดีแต่ภายนอก ภายในมักไม่บริสุทธิ์
มีศัตรูเป็นบัณฑิต ดีกว่ามีมิตรเป็นคนพาล

ไม่ควรไว้ใจคนพูดพล่อยๆ
ไม่ควรไว้ใจในคนไม่คุ้นเคย แม้ในคนคุ้นเคยก็ไม่ควรไว้ใจ
คนพาล คบเป็นเพื่อนไม่ได้
ไม่ควรสนิทสนมกับคนชั่ว
ไม่ควรไว้ใจคนทำบาป

เมื่อคบหาคนพาล ย่อมมีแต่ความฉิบหาย
เพียงเห็นกันชั่วครู่ชั่วยาม ไม่พึงไว้วางใจ
สมาคมกับสัตบุรุษย่อมนำสุขมาให้
คบคนเช่นใด ก็เป็นคนเช่นนั้น
สมาคมกับคนพาลย่อมนำทุกข์มาให้

เพราะความไว้ใจภัยจึงตามมา
ศัตรูจำนวนมาก คบหาแฝงมาในรูปมิตร
สมาคมกับคนชั่ว ไม่ดีเลย
ถึงคนคุ้นเคย ก็ไม่ควรวางใจ
เมื่อเกิดเรื่องราวขึ้น สหายช่วยให้เกิดสุข

การอยู่ร่วมกับคนชั่ว เป็นทุกข์
คบคนดี มีแต่ความเจริญ
ไม่ควรทำความสนิทสนมกับคนชั่ว
ไม่ควรไว้ใจ ในคนไม่คุ้นเคย
ควรระแวงในศัตรู แม้ในมิตรก็ไม่ควรไว้ใจ

ไม่ควรคบคนเลวทราม นอกจากเพื่อให้ความช่วยเหลือ
คนเป็นเพื่อนแต่เวลาดื่มเหล้า ก็มี เป็นเพื่อนแต่ปากว่า ก็มี
อยู่ร่วมกับปราชญ์นำสุขมาให้ เหมือนสมาคมกับญาติ
ส่วนผู้ใดเป็นสหายในเมื่อเกิดเรื่องต้องการ ผู้นั้นแล คือเพื่อนแท้
คนพาล ถึงอยู่ใกล้บัณฑิต จนตลอดชีวิต ก็ไม่รู้แจ้งธรรม เสมือนทัพพี ที่ไม่รู้รสแกง

การอยู่ร่วมกับคนพาลเป็นทุกข์ เหมือนอยู่ร่วมกับศัตรูตลอดเวลา
คนจำพวกที่งามแต่ภายนอก ภายในไม่สะอาด มีบริวารกำบังตัวไว้ ก็ยังแสดงบทบาทอยู่ในโลก
ถ้าไม่ได้สหายที่มีปัญญาปกครองตน พึงเที่ยวไปคนเดียว และไม่พึงทำความชั่ว
ถ้าได้สหายผู้มีปัญญาปกครองตน พึงพอใจมีสติเที่ยวไปกับเขา
คนห่อกฤษณาด้วยใบไม้ แม้ใบไม้ก็หอมไปด้วยฉันใด การคบกับนักปราชญ์ก็หอมไปด้วยฉันนั้น

ภิกษุผู้ฟุ้งซ่าน คลอนแคลน อาศัยมิตรชั่ว ถูกคลื่นท่วมทับ (อดทนต่อคำสั่งสอนไม่ได้) ย่อมจมลงในห้วงน้ำใหญ่
บัณฑิตไม่พึงคบอสัตบุรุษ พึงคบแต่สัตบุรุษ เพราะอสัตบุรุษย่อมนำไปสู่นรก สัตบุรุษย่อมนำไปสู่สุคติ
ควรคบกับคนที่คบตน ไม่ควรคบคนที่ไม่คบตน ผู้ใดไม่คบคนที่คบตน ผู้นั้นชื่อว่าไม่มีธรรมของสัตบุรุษ
ผู้คบคนชั่ว ย่อมถึงความสุขโดยส่วนเดียวไม่ได้ เขาย่อมยังตนให้ประสบโทษ เหมือนกิ้งก่าเข้าฝูงเหี้ยฉะนั้น
ผู้ปรารถนาความสุขที่มั่นคง พึงเว้นมิตรชั่วเสีย คบแต่บุคคลสูงสุด และพึงตั้งอยู่ในโอวาทของท่าน

ปราชญ์มีการอยู่ร่วมเป็นสุข เหมือนสมาคมแห่งชาติ
พึงสมาคมกับสัตบุรุษ พึงทำความสนิทสนมกับสัตบุรุษ ผู้นั้นรู้ทั่วถึงสัทธรรมของสัตบุรุษแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง
บุคคลควรคบผู้เลื่อมใสเท่านั้น ควรเว้นผู้ไม่เลื่อมใส ควรเข้าไปนั่งใกล้ผู้เลื่อมใส เหมือนผู้ต้องการน้ำเข้าไปหาห้วงน้ำฉะนั้น
คบคนเช่นใดเป็นมิตร เขาก็เป็นคนเช่นนั้น เพราะการอยู่ร่วมกันย่อมเป็นเช่นนั้น
พึงเป็นผู้ใคร่ธรรม ทรงไว้ซึ่งสุตะเป็นผู้สอบถาม เข้าไปนั่งใกล้ท่านผู้มีศีล และเป็นพหุสูตโดยเคารพ

-จิตจอดอยู่กับใคร ถึงไกลกัน ก็เหมือนอยู่ชิดใกล้ ใจหมางเมินใคร ถึงใกล้กัน ก็เหมือนอยู่แสนไกล
-วิญญูชน หากเข้าใกล้บัณฑิตแม้เพียงครู่เดียว ก็รู้ธรรมได้ฉับพลัน เสมือนลิ้นที่รู้รสแกง
-คนห่อปลาเน่าด้วยใบหญ้าคา แม้หญ้าคาก็พลอยเหม็นเน่าไปด้วยฉันใด การคบกับคนพาลก็เป็นคนพาลฉันนั้น
-ไม่ควรไว้ใจคนที่ทำชั่วมาแล้ว ไม่ควรไว้ใจคนที่พูดพล่อยๆ ไม่ควรไว้ใจคนที่เห็นแก่ตัว (คนที่มีปัญญาแต่เพื่อประโยชน์ของตัว) ถึงคนที่ทำสงบเสงี่ยมเกินไป ก็ไม่ควรไว้ใจ
-พึงแนะนำตักเตือนเถิด พึงพร่ำสอนเถิด พึงห้ามปรามจากความชั่วเถิด คนที่ทำเช่นนั้น ย่อมเป็นที่รักของสัตบุรุษ และไม่เป็นที่รักของอสัตบุรุษ

-ผู้ใด แม้หากมิได้กระทำความชั่ว แต่คบหาเกลือกกลั้วกับผู้กระทำบาป ผู้นั้นย่อมพลอยถูกระแวงในกรรมชั่ว อีกทั้งเสียงเสื่อมเสียย่อมเกิดขึ้นแก่เขา
-พึงมองเห็นคนมีปัญญาที่ชอบชี้โทษ พูดจาข่มขี่ เสมือนเป็นผู้บอกขุมทรัพย์ พึงคบคนที่เป็นบัณฑิตเช่นนั้นแหละ เมื่อคบคนเช่นนั้นย่อมมีแต่ดี ไม่มีเสียเลย
-ในกาลไหนๆผู้คบคนเลว ย่อมเลว คบคนเสมอกันไม่พึงเสื่อม คบหาคนประเสริฐย่อมพลันเด่นขึ้น เหตุนั้นควรคบคนที่สูงกว่าตน
-บัณฑิตพึงทำความเป็นเพื่อนกับคนมีศรัทธา มีศีลเป็นที่รัก มีปัญญาและเป็นพหุสูต เพราะการสมาคมกับคนดีเป็นความเจริญ
-บัณฑิตไม่ควรทำความเป็นเพื่อนกับคนส่อเสียด คนมักโกรธ คนตระหนี่ และคนเพลิดเพลินในสมบัติ เพราะการสมาคมกับคนชั่ว เป็นความเลวทราม

-ปราชญ์ย่อมแนะนำสิ่งที่ควรแนะนำ ไม่ชวนทำสิ่งที่มิใช่ธุระ การแนะนำดี เป็นความดีของปราชญ์ ปราชญ์ถูกกล่าวว่าโดยชอบก็ไม่โกรธ ปราชญ์ย่อมรู้วินัย การสมาคมกับปราชญ์จึงเป็นการดี
-ถ้าใจรักแล้ว ถึงอยู่ห่างคนละฝั่งฟากสมุทร ก็เหมือนอยู่สุดแสนใกล้ ถ้าใจชังแล้ว ถึงอยู่สุดแสนใกล้ ก็เหมือนอยู่ไกลคนละฟากมหาสมุทร

มีต่อค่ะ

ฐิตา:

หมวดสร้างตัว

บุคคลตั้งตัวให้ได้ เหมือนก่อไฟจากกองน้อย
บุคคลพึงหาเลี้ยงชีพ โดยทางชอบธรรม
บุคคลพึงประกอบการค้าที่ชอบธรรม
บุคคลไม่พึงหาทรัพย์ด้วยการคดโกง
จงทำงานให้สมกับอาหารที่บริโภค

จงเก็บรวบรวมทรัพย์สิน เหมือนผึ้งเที่ยวรวมน้ำหวานสร้างรัง
ถึงไม่ได้ แต่ชอบธรรม ยังดีกว่าได้โดยไม่ชอบธรรม
ขยัน เอาธุระ ทำเหมาะจังหวะ ย่อมหาทรัพย์ได้
ทรัพย์สินย่อมพอกพูนขึ้นได้ เหมือนดังก่อจอมปลวก
การงานไม่คั่งค้างสับสน เป็นมงคลอย่างสูงสุด

โภคะของใคร ไม่ว่าสตรีหรือบุรุษ ที่จะสำเร็จเพียงด้วยคิดเอา ย่อมไม่มี
ความอุบัติแห่งผล ย่อมมีได้ด้วยการกระทำของตน
ชีวิตจะอยู่ได้ที่ไหน พึงไปที่นั้น ไม่พีงให้ที่อยู่ฆ่าตนเสีย
คนที่ขยันในหน้าที่ ไม่ประมาท เอาใจใส่สอดส่อง ตรวจตรา จัดการงานให้เรียบร้อย เป็นอันดี จึงควรเข้ารับราชการ
ขยันงาน ไม่ประมาท ฉลาดในวิธีจัดการ เลี้ยงชีวิตแต่พอดี ย่อมรักษาทรัพย์สมบัติ ให้คงอยู่ และเพิ่มทวี

การได้ยศ การได้ลาภ การเลี้ยงชีพ ด้วยการยอมลดคุณค่าของชีวิต หรือด้วยการประพฤติอธรรม เป็นสิ่งน่ารังเกียจ
ผลประโยชน์ทั้งปวง ตั้งอยู่ที่หลัก ประการ คือการได้สิ่งที่ยังไม่ได้ และการรักษาสิ่งที่ได้แล้ว
คนมีปัญญา ประกอบด้วยความรู้ ฉลาดในวิธีจัดงาน รู้จักกาล รู้จักสมัย จึงควรเข้ารับราชการ
คนใดชอบนอน ชอบมั่วสุม ไม่เอางาน เกียจคร้าน เอาแต่โกรธ งุ่นง่าน นั้นคือปากทางของความเสื่อม

มีต่อค่ะ

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version