ผู้เขียน หัวข้อ: 春节祝福话 : คำมงคลวันตรุษจีน  (อ่าน 4427 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
春节祝福话 : คำมงคลวันตรุษจีน
« เมื่อ: มกราคม 01, 2014, 07:36:00 am »
春节祝福话 : คำมงคลวันตรุษจีน

-http://www.jiewfudao.com/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5/%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99.html-


วันพุธที่ 18 มกราคม 2555 www.jiewfudao.com

         20110131455885_2.shtml.jpg

               "วันตรุษจีน" เป็นเทศกาลมหามงคลที่สำคัญที่สุดของชาวจีน มีชื่อเรียกถึงความหมายของคำว่า "ตรุษจีน" ไว้หลายแบบ ส่วนใหญ่แล้วในประเทศจีนจะเรียกวันตรุษจีนว่า ชุนเจี๋ย(春节) หมายถึง เทศกาลแห่งฤดูใบไม้ผลิ เพราะเป็นการบ่งบอกสัญญาณว่า เมื่อตรุษจีนเวียนมาถึง แสดงว่า "ฤดูใบไม้ผลิ" หรือชุนเทียน(春天)  ที่มีอากาศอันแสนอบอุ่นกำลังจะมาถึงแล้ว

            การนับวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน หรือ "วันตรุษจีน" นั้น จะนับวันที่ 1 เดือน 1 ตามปฏิทินจันทรคติจีนเป็นวันแรกของปี ในสมัยโบราณนั้น นอกจากคำว่า "ชุนเจี๋ย" แล้ว ยังมีคำเรียกอื่น ๆ อีก อาทิ เอวี๋ยวต้าน(元旦) (ปัจจุบันจะหมายถึง วันขึ้นปีใหม่สากล วันที่ 1 มกราคม)  , เอวี๋ยนเฉิน (元辰) และ เอวี๋ยนเจิ้ง(元正) เป็นต้น ในวันนี้จะเป็นวันที่ชาวจีนให้ความสำคัญมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของบรรดาเทศกาลต่าง ๆ เพราะเชื่อกันว่า วันแรกซึ่งเป็นวันเริ่มต้นของปีใหม่ จะทำให้ชีวิตของคนเราได้พบกับสิ่งใหม่ ๆ สิ่งดี ๆ และนำโชคนำลาภมาสู่ตนเอง

            ดังนั้น จึงทำให้เกิดเป็นคติความเชื่อที่ว่า ในวันตรุษจีนนี้ จะต้องสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ มีอารมณ์สดชื่นแจ่มใส พูดจาไพเราะอ่อนหวาน และเมื่อไปเยี่ยมเยือนญาติผู้ใหญ่หรือพบปะเพื่อนสนิทมิตรสหาย จะนิยมอวยพรในสิ่งดี ๆ ให้แก่กันและกัน ถ้อยคำเหล่านั้นจึงล้วนเป็นคำมงคลที่มีความหมายอันดีงาม และนี่เองที่เป็นที่มาของ "คำมงคลวันตรุษจีน"(春节祝福福语) ที่เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของจีนที่พิเศษกว่าชนชาติใด ๆ

            คำมงคลวันตรุษจีนนั้นมีอยู่มากมายนับร้อยนับพันคำ ในที่นี้จึงขอยกเพียงตัวอย่างคำมงคลวันตรุษจีนยอดนิยมที่มักเป็นอักษรมงคลที่คุ้นหูและสามารถพบเห็นได้บ่อย ๆ ในช่วงเทศกาลวันตรุษจีน ดังนี้

 

 ภาษาจีน   

   

PINYIN
   

คำอ่านไทย
   

คำแปล

恭喜发财
   

gōng xǐ fā cái
   

กง สี่ ฟา ไฉ
   

ขอให้ร่ำรวยมั่งคั่งยิ่ง ๆ ขึ้นไป

恭贺新禧
   

ɡōnɡ hè xīn xǐ
   

กง เฮ้อ ซิน สี่
   

ขอให้มีแต่เรื่องมงคลน่า

ยินดีปรีดา

新年快乐
   

xīn nián kuài lè
   

ซินเหนียน ไคว้เล่อ
   

สุขสันต์วันปีใหม่

新年进步
   

xīnnián jìnbù
   

ซินเหนียน จิ้นปู้
   

ขอให้ก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไปในปีใหม่นี้

新春大吉
   

xīn chūn dà jí
   

 ซิน ชุน ต้า จี๋
   

ขอให้ปีใหม่นี้ประสบ

พบมหามงคล

心想事成
   

xīn xiǎng shì chéng
   

ซิน เสี่ยง ซื่อ เฉิง
   

ขอให้คิดในสิ่งใด สำเร็จในสิ่งนั้น

大吉大利
   

dà jí dà lì
   

ต้า จี๋ ต้า ลี่
   

ขอให้มีมหามงคล กำไรมีแต่เพิมพูน

万事如意
   

wàn shì rú yì
   

ว่าน ซื่อ หยู อี้
   

ขอให้เรื่องราวมากมาย สำเร็จสมดั่งใจหมาย

一帆风顺
   

yī fán fēng shùn
   

อี้ ฝาน เฟิง ซุ่น
   

ขอให้ประสบพบแต่

ความราบรื่น

一本万利
   

yī běn wàn lì
   

อี้ เปิ่น ว่าน ลี่
   

ขอให้ลงทุนสิ่งใด กำไรมากมหาศาล

四季平安
   

sì jì píng ān
   

ซื่อ จี้ ผิง อัน
   

ขอให้แคล้วคลาด

ตลอดปี

五福临门
   

wǔ fú lín mén
   

อู่  ฝู หลิน เหมิน
   

ขอให้ความสุขทั้งมวลมา

เยือนถึงที่

身体健康
   

shēn tǐ jiàn kāng
   

เซิน ถี่ เจี้ยน คัง
   

ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง ร่างกายสมบูรณ์

富贵吉祥
   

fùguì jí xiánɡ
   

ฟู่ กุ้ย จี๋ เสียง
   

ขอให้มีแต่สวัสดิมงคล โชคดี ร่ำรวย

财源广进
   

cáiyuán guǎng jìn
   

ไฉ เอวี๋ยน กว่างจิ้น
   

ขอให้มีทุนทรัพย์กว้าง

ใหญ่ไพศาล

金玉满堂
   

jīn yù mǎn tánɡ
   

จิน อวี้ หม่านถัง
   

ขอให้มีทรัพย์สมบัติ

เต็มบ้านเต็มเรือน

开张骏发
   

kāi zhāng jùn fā
   

คาย จาง จวิ้น ฟา
   

ขอให้เริ่มงานใหม่

มีแต่รุ่งเรือง

开门大吉
   

kāi mén dà jí
   

คาย เหมิน ต้า จี๋
   

ขอให้เปิดประตูรับแต่

สิ่งมหามงคล

货如轮转
   

huò rú lún zhuàn
   

ฮั่ว หยู หลุน จ้วน
   

ขอให้ค้าขายคล่องดั่งล้อ

หมุนไปข้างหน้า

岁岁平安
   

suì suì píng ān
   

ซุ่ย ซุ่ย ผิง อัน
   

ขอให้ตลอดชีวิตมีแต่

สุขสันต์ร่มเย็น

生活美满
   

shēng huó měimǎn
   

เซิง หัว เหมย หม่าน
   

ขอให้ชีวิตเต็มไปด้วย

สิ่งสวยหรู

年年有余
   

nián nián yǒu yú
   

เหนียน เหนียน โหย่ว อวี๋
   

ขอให้ทุก ๆ ปีเหลือกินเหลือใช้

生意兴隆
   

shēng yi xīng lóng
   

เซิง อี้ ซิง หลง
   

ขอให้การค้ามีแต่

เจริญรุ่งเรือง

花开富贵
   

huā kāi fù guì
   

ฮวา คาย ฟู่ กุ้ย
   

ขอให้มั่งคั่งร่ำรวยวาสนา

ดังดอกไม้ผลิบาน

迎春接福
   

yíng chūn jiē fú
   

อิ๋ง ชุน เจีย ฝู
   

ขอให้รับปีใหม่รับ

ความสุขสม

上落平安
   

shàng luò pínɡ ān
   

ซ่าง ลั่ว ผิง อัน
   

ขอให้ขึ้นเหนือล่องใต้

มีแต่สวัสดิภาพ

出入平安
   

chū rù píng ān
   

ชู ยู่ ผิง อัน
   

ขอให้เดินทางไปกลับ

โดยปลอดภัย

工作顺利
   

gōngzuò shùnlì
   

กงจั้ว ซุ่น ลี่
   

ขอให้ทำงานโดยราบรื่น

事事如意
   

shì shì rú yì
   

ซื่อ ซื่อ หยู อี้
   

ขอให้ทุก ๆ เรื่อง สมหวังดั่งใจหมาย

步步高隆
   

bù bù gāo lóng
   

ปู้ ปู้ เกาหลง
   

ขอให้ทุกก้าวย่างมีแต่รุ่งเรือง

合家平安
   

hé jiā píng ān
   

เหอ เจียะ ผิง อัน
   

ขอให้ทุก ๆ คนมีแต่ความสงบร่มเย็น

 

 

อ้างอิงจาก

 

  -   หนังสือ 108 สิ่งมิ่งมงคลจีน – ปิยะแสง จันทรวงศไพศาล

- -http://www.enet.com.cn/life/xiuxian/cultrue/201101/20110131455885_1.shtml-

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: 春节祝福话 : คำมงคลวันตรุษจีน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 11, 2014, 09:22:08 am »
ตี่จู้เอี๊ยะ เทพอารักษ์ประจำบ้าน ตามความเชื่อของชาวจีน

-http://hilight.kapook.com/view/96000-





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

           ตี่จู้เอี๊ยะ เทพประจำบ้านผู้ปกปักอารักษ์คนในบ้าน ชาวจีนนิยมตั้งตี่จู้เอี๊ยะไว้ในบ้านเพื่อคุ้มครองและเสริมความสมบูรณ์พูนสุขแก่ผู้อาศัย การตั้งตี่จู้เอี๊ยะ ทำได้อย่างไร และควรไหว้ตี่จู้เอี๊ยะอย่างไร มาติดตามกันเลย

           ชาวจีนและเหล่าลูกหลานไทยเชื้อสายจีนมักจะมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของชะตาชีวิต รวมทั้งเทพเจ้าผู้มีหน้าที่อารักษ์พิทักษ์มนุษย์กันมาเนิ่นนานตั้งแต่อดีต ดังที่เราจะเห็นได้จากสิ่งที่สะท้อนความเชื่อเหล่านี้ของชาวจีน ผ่านสิ่งของหรือเทศกาลต่าง ๆ ที่ชาวจีนนิยมทำ เช่น การไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล และสิ่งหนึ่งที่เรามักจะพบเห็นโดยทั่วไปในบ้านเรือนของลูกหลานชาวจีน ก็คือ ตี่จู้เอี๊ยะ หรือที่สถิตย์ของเทพอารักษ์ผู้ปกปักรักษาคนในบ้านเรือนนั้น ๆ นั่นเอง

           ตามความเชื่อของจีน ตี่จู้เอี๊ยะ คือเทพที่ใกล้ชิดมนุษย์มากที่สุด ผู้ทำหน้าที่ดูแลปกปักรักษาผู้อยู่อาศัยในบ้าน ดังนั้นการที่เจ้าของบ้านจัดสถานที่อยู่อาศัยให้แก่เทพที่คุ้มครองเรา จึงนำมาซึ่งความสมบูรณ์พูนสุขของผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน นอกจากนี้ยังมีความเชื่อด้วยว่าหากมีการวางตำแหน่งตี่จู้เอี๊ยะได้อย่างถูกต้อง เทพตี่จู้เอี๊ยะจะช่วยเสริมชะตาของเจ้าของบ้าน ทั้งในเรื่องโชคลาภ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจบารมี สุขภาพร่างกาย รวมถึงความผาสุขของผู้อาศัยในบ้านด้วย

           การตั้งตี่จู้เอี๊ยะ

           สำหรับการตั้งตี่จู้เอี๊ยะนั้น มีหลักการเดียวกับการตั้งศาลพระภูมิของคนไทย คือตั้งได้เฉพาะชั้นล่าง เพื่อให้ได้โชคลาภมาก และยิ่งตั้งได้ติดพื้นจะยิ่งดีเพราะจะได้รับพลังจากธาตุดินได้ดีกว่า โดยตี่จู้เอี๊ยะนั้นสามารถตั้งไว้ในบริเวณใดของบ้านก็ได้ โดยมีหลักการตั้งตี่จู้เอี๊ยะ ดังนี้

           ทิศด้านหลังตี่จู้เอี๊ยะ ไม่ควรอยู่ชิดประตู รวมถึงบันได ห้องน้ำ และห้องครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ควรตรงกับเตาไฟ ควรวางตี่จู้เอี๊ยะพิงด้านใดด้านหนึ่ง ไม่ควรเคลื่อนย้าย

           ทิศด้านหน้าตี่จู้เอี๊ยะ ควรเป็นพื้นที่โล่ง เพื่อรองรับโชคลาภบารมีที่จะเข้ามา และมีแสงสว่างที่เพียงพอ

           ทิศด้านบนตี่จู้เอี๊ยะ ไม่ควรอยู่ใต้ขื่อคานหรือมีสิ่งใดวางทับ เพราะจะเป็นการลดพลังของตี่จู้ได้

           ทิศด้านใต้ตี่จู้เอี๊ยะ ควรวางตี่จู้เอี๊ยะตั้งติดดิน และสามารถนำแผ่นเงิน แผ่นทอง หรือเพชรนิลจินดา มาใส่ไว้ด้านใต้ได้ เพราะเป็นวัตถุธาตุดินช่วยเสริมพลังของเทพตี่จู้เอี๊ยะได้


           ของไหว้ตี่จู้เอี๊ยะ

           1. กระถางธูป หากเป็นกระถางธูปใหม่ จะใช้ โหง่วเจ่งจี้ หรือธัญพืช 5 อย่างปนลงไปในผงธูป ที่ด้านข้างกระถางควรแปะผ้าแดงที่เรียกว่า อั่งติ้ว เอาไว้ด้วย และมีผงขี้เถ้าสำหรับกระถางธูป เพื่อเสริมการค้าขาย เจริญรุ่งเรือง

           สำหรับ โหง่วเจ่งจี้ ประกอบด้วย

           - ข้าวเปลือก ช่วยเสริมความเจริญงอกงาม หรือ ข้าวสาร ช่วยเสริมความร่ำรวย มั่งคั่ง
           - ข้าวเหนียวแดง ช่วยเสริมความโชคดี
           - เมล็ดถั่วเขียว ช่วยให้มีลูกหลานมากมาย อุดมสมบูรณ์
           - เมล็ดถั่วแดง เสริมความเป็นสิริมงคล ลาภยศ
           - เม็ดสาคู ช่วยเสริมความสุข

           2. ธูป 5 ดอก

           3. เหรียญสิบใหม่ ๆ 5 เหรียญ วางใส่ในกระถางธูปหรือใต้กระถางธูปก็ได้ เพื่อช่วยเสริมเงินทองให้ไหลมาเทมา

           4. แจกันพร้อมดอกไม้สด 1 คู่

           5. น้ำชา 5 ถ้วย

           6. เหล้า 5 ถ้วย

           7. ผลไม้ 5 อย่าง

           8. ฮวกก้วย 1 ชิ้น

           9. ขนมอี้ หรือสาคูแดง 5 ถ้วย

           10. ขนมจันอับ

           11. ข้าวสวย 5 ถ้วย

           12. เจฉ่าย

           13. ซาแซ หรือ โหง่วแซ

           ซาแซ คือของไหว้ชุดเล็ก ประกอบด้วย ของคาว 3 อย่าง โดยมี ซาเปี้ย และ ซาก้วย หรือของหวาน 3 อย่างกับผลไม้ 3 อย่าง ไหว้พร้อมกัน

           โหง่วแซ คือของไหว้ชุดใหญ่ เป็นของคาว 5 อย่าง ประกอบด้วย หมู ไก่ ตับ ปลา และกุ้งมังกร แต่เนื่องจากกุ้งมังกรมีราคาแพงและหาซื้อยาก จึงนิยมไหว้เป็ดหรือปลาหมึกแห้งแทน





           การประกอบพิธีเชิญตี่จู้เอี๊ยะ

           ผู้ที่จะทำพิธีเชิญตี่จู้เอี๊ยะนั้น จะต้องอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด และแต่งกายให้เรียบร้อย โดยผู้ที่สามารถทำพิธีเชิญตี่จู้เอี๊ยะเข้าบ้านได้ คือเจ้าของบ้านหรือผู้อาวุโสในบ้าน หรือเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าของบ้านให้เป็นผู้ทำการแทน โดยการแต่งตั้งนั้นทำได้โดย ให้เจ้าของบ้านกล่าวว่า "ข้าพเจ้า ขอมอบให้ (ชื่อผู้ทำการแทน) เป็นผู้ทำการเชิญตี่จู้เอี๊ยะเพื่อมาสถิตย์อยู่ในบ้านนี้แทนข้าพเจ้า"

           สำหรับขั้นตอนในการประกอบพิธีเชิญตี่จู้เอี๊ยะนั้น เริ่มจากให้ผู้อัญเชิญ จุดเทียนและธูป 5 ดอก แล้วคุกเข่าที่โต๊ะบูชาเทพยาดาฟ้าดินที่อยู่หน้าบ้าน พร้อมกับกล่าวเปล่งเสียงว่า

           "วันนี้ เป็นวันที่... ซึ่งเป็นวันมงคลของข้าพเจ้า .... เป็นเจ้าของบ้าน/ผู้อาวุโสของบ้าน/ผู้ได้รับการแต่งตั้งให้ทำการเชิญองค์ตี่จู้เอี๊ยะ บ้านเลขที่.... ขออัญเชิญองค์เทพยาดาฟ้าดินมาเป็นสักขีและเป็นประธานในการทำพิธีตั้งตี่จู้เอี๊ยะ ในวันนี้ ขอให้องค์เทพยาดาฟ้าดินช่วยนำองค์ตี่จู้เอี๊ยะที่ศักดิ์สิทธิ์และมีบารมีสูงส่งเพื่อมาสถิตย์อยู่ ณ เคหสถานที่ได้ตระเตรียมไว้นี้ เพื่อมาปกปักรักษาคุ้มครองเจ้าของบ้านและสมาชิกทุกคนที่อยู่ในบ้าน ให้มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์พูนสุข มั่งคั่ง ร่ำรวย และโชคดีตลอดไป"

           เมื่อกล่าวจบ ให้ผู้อัญเชิญปักธูปทั้ง 5 ดอกลงในกระถางธูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ รอกระทั่งธูปเหลือครึ่งดอก จึงเข้ามาในบ้านเพื่อจุดเทียนแดงและธูป 5 ดอกที่ตี่จู้เอี๊ยะ แล้วถือธูปเดินออกมาคุกเขาต่อหน้าโต๊ะบูชาเทพยดาฟ้าดินหน้าบ้านอีกครั้งหนึ่ง บอกกล่าวด้วยการเปล่งเสียงอีกครั้งว่า

           "บัดนี้ได้ถึงเวลาอันเป็นมงคลแล้ว ขออัญเชิญองค์ตี่จู้เอี๊ยะเข้าสู่เคหะสถานที่ตระเตรียมไว้นี้ เพื่อปกปักรักษาคุ้มครองทุกคนในบ้านให้มีความสุขตลอดไป"

           จากนั้นผู้อัญเชิญนำธูปทั้ง 5 ดอก มาปักที่กระถางธูปของตี่จู้เอี๊ยะ และแนะนำสมาชิกทุกคนในบ้าน ด้วยการบอกชื่อและนามสกุล อายุ อาชีพ ฯลฯ ก่อนเชิญองค์ตี่จู้เอี๊ยะมารับเครื่องสักการะบูชา โดยเอ่ยชื่อเครื่องสักการะบูชาทั้งหมด แล้วกลับออกมาคุกเข่า กราบของคุณเทพยดาฟ้าดิน เป็นอันเสร็จพิธี


           การไหว้ ตี่จู้เอี๊ยะ

           การไหว้ตี่จู้เอี๊ยะหลังจากได้เชิญตี่จู้เอี๊ยะเข้ามาสถิตย์ในบ้านแล้ว มี 2 แบบด้วยกัน คือการไหว้ทุกวัน กับการไหว้ตามวันพระจีน ซึ่งจะนิยมไหว้ด้วยของไหว้ชุดเล็ก ขณะที่การไหว้ในโอกาสเทศกกาลอื่น ๆ อย่างช่วง ตรุษจีน สารทจีน และการไหว้รับเทพ จะนิยมไหว้ด้วยของไหว้ชุดใหญ่

           1. การไหว้ทุกวัน มีของไหว้ประกอบด้วย

           น้ำชา 5 ถ้วย
           น้ำเปล่า 3 ถ้วย
           กระดาษไหว้ 1 ชุด

           วิธีการไหว้ให้จุดธูป 7 ดอก ไหว้เจ้าที่ภายในบ้านก่อน เมื่ออธิษฐานเสร็จให้ปักธูปที่กระถาง 5 ดอก ส่วนอีก 2 ดอกนำมาปักที่ประตูหน้าบ้านทั้งด้านซ้ายและขวา เมื่อเสร็จแล้วให้ลากระดาษไหว้ไปเผาหน้าบ้าน โดยห้ามเขี่ยขี้เถ้าระหว่างเผา ต้องปล่อยให้มอดไปเอง

           2. การไหว้ตามวันพระจีน (ชิวอิก 1 ค่ำ และ จับโหง่ว 15 ค่ำ) มีของไหว้ประกอบด้วย

           น้ำชา 5 ถ้วย
           น้ำเปล่า 3 ถ้วย
           ขนมกูไซ่ สีแดง (ถ่อก้วย หรืออั่งก้วย)
           ส้ม 5 ลูก
           กระดาษไหว้ 1 ชุด

           วิธีการไหว้ให้ไหว้เหมือนการไว้ประจำวัน แต่หลังจากไหว้หน้าบ้านเสร็จให้รอสักครู่ จึงค่อยลาของไหว้และลากระดาษมาเผาหน้าบ้าน


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
bjmarble.com
-http://www.bjmarble.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539420644-



คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: 春节祝福话 : คำมงคลวันตรุษจีน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มกราคม 11, 2014, 09:27:28 am »
พิธีการบูชา ตี่จู้เอี๊ยะ

-http://www.bjmarble.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539420644-

การบูชา ตี่จู๋เอี๊ยะ


ความสำคัญของตี่จู้เอี๊ยะ
    ในตำราจีนกล่าวไว้ว่า ตี่จู้เอี๊ยะ คือเทพที่ใกล้ชิดมนุษย์มากที่สุด ท่านเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลปกปักษ์รักษาผู้อยู่อาศัยในบ้าน
    ดังนั้นการที่เจ้าของบ้านจัดสถานที่อยู่อาศัยให้กับเทพที่คุ้มครองเรา เป็นการจัดสถานที่อยู่อาศัยอย่างเป็นทางการ อันจะนำมาซึ่งความสมบูรณ์พูนสุขของผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน ยิ่งกว่านั้นมีความเชื่อกันว่า ตี่จู้เอี๊ยะ มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าของบ้านนั้นโดยตรง เพราะถ้ามีการวางตำแหน่ง ตี่จู้เอี๊ยะ ได้อย่างถูกต้อง ท่านจะช่วยส่งเสริมดวงชะตาของเจ้าของบ้านไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของโชคลาภ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจ บารมี สุขภาพ ร่างกาย และยังรวมไปถึงความผาสุขของผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน


การเลือกซื้อตี่จู้เอี๊ยะ


    การตั้งตี่จู้ต้องตั้งติดดิน เจ้าที่จึงจะมีพลัง ซึ่งในการตั้งตี่จู้ก็มีหลักการเดียวกับศาลพระภูมิของคนไทยคือตั้งได้เฉพาะชั้นล่าง เพราะจะทำให้ได้โชคลาภมาก ยิ่งติดพื้นยิ่งดีเพราะจะทำให้ตี่จู้รับพลังจากธาตุดินได้ดีกว่านั่นเอง
    ซึ่งผิดแผกไปจากศาลพระพรหมที่สามารถตั้งบนดาดฟ้าได้เลย โดยเราจะตั้งตี่จู้ไว้ทางด้านซ้ายหรือทางด้านขวามือของตัวบ้านก็ได้ ทั้งนี้ต้องดูตำแหน่งที่ตั้งของตี่จู้ตามหลักการประกอบกันไปด้วย

ทิศรอบตี่จู้เอี๊ยะ
ด้านหลังตี่จู้ : ไม่ควรอยู่ชิดประตู รวมถึงบันได ห้องน้ำ และห้องครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ควรตรงกับเตาไฟ ควรวางพิงด้านใด ด้านหนึ่งไม่เคลื่อนย้าย
ด้านหน้าตี่จู้ : ควรเป็นเหม่งตึ๊ง(พื้นที่โล่ง) เพื่อรองรับโชคลาภบารมีที่จะเข้ามา มีแสงสว่างที่เพียงพอ
ด้านบนตี่จู้ : ไม่ควรวางใต้ขื่อคานหรือมีสิ่งใดไว้กดทับตี่จู้ จะเป็นการลดพลังของตี่จู้ได้ เช่น อ่างน้ำหรือตู้ปลาเป็นต้น
ด้านใต้ตี่จู้ : การใส่แผ่นเงิน แผ่นทอง หรือจำพวกเพชรนิลจินดาสามารถใส่ได้ เพราะถือเป็นธาตุดินช่วยเสริมกับพลังของตี่จู้ ทั้งนี้ควรตั้งติดพื้น ไม่ต้องมีฐานรอง

 

ของไหว้อื่นๆ

1. กระถางธูป หากเป็นกระถางธูปใหม่ จะใช้ โหง่วเจ่งจี้ หรือธัญพืช 5 อย่าง ซึ่งได้แก่ ข้าวเปลือก (เสริมความเจริญงอกงาม) หรือ ข้าวสาร (เสริมความ ร่ำรวย มั่งคั่ง) - ข้าวเหนียวแดง (เสริมความโชคดี) - เมล็ดถั่วเขียว(ลูกหลานมากมาย อุดมสมบรูณ์) - เมล็ดถั่วแดง(ความเป็นสิริมงคล ลาภยศ )- เม็ดสาคู (เสริมความสูข) ปนลงไปในผงธูปด้วย ที่ด้านข้างกระถางควรแปะอั่งติ้วเอาไว้ด้วย (อั่งติ้ว คือ ผ้าแดงสำหรับติดตรงกระถางธูป) ผงขี้เถ้าสำหรับกระถางธูป (ผงขี้เถ้า เสริมการค้าขาย เจริญรุ่งเรือง) 
2. ธูป 5 ดอก
3. เหรียญสิบ 5 เหรียญ (ควรใช้เหรียญใหม่ๆ) วางใส่ในกระถางธูปหรือใต้กระถางธูปก็ได้ (เสริม เงินทองไหลมาเทมา)
4. แจกันพร้อมดอกไม้สด 1 คู่
5. น้ำชา 5 ถ้วย
6. เหล้า 5 ถ้วย
7. ผลไม้ 5 อย่าง (อาทิเช่น ส้ม สับปะรด องุ่น)
8. ฮวกก้วย (คล้ายๆ ขนมถ้วยฟู) 1 ชิ้น
9. ขนมอี้ (สาคูแดง) 5 ถ้วย
10. ขนมจันอับ
11. ข้าวสวย 5 ถ้วย
12. เจฉ่าย
13. ซาแซ หรือ โหง่วแซ
    -ถ้าจัดใหญ่ นิยมเป็นตัวเลข 5 คือ มีของคาว 5 อย่าง เรียกว่า “โหงวแซ” ประกอบด้วย หมู ไก่ ตับ ปลา และกุ้งมังกร แต่เนื่องจากกุ้งมังกรนั้นแพงและหาไม่ง่าย จึงนิยมไหว้เป็ดหรือปลาหมึกแห้งแทน
    ถ้าจัดเล็ก ก็เป็นชุดละ 3 อย่าง มีของคาว 3 อย่างเรียกว่า “ซาแซ” ของหวาน 3 อย่าง เรียกว่า “ซาเปี้ย” ผลไม้ 3 อย่าง เรียกว่า “ซาก้วย” หรือจะมีแค่อย่างเดียวก็ได้


ผลไม้มงคล

1 แอปเปิ้ล ( ความเจริญ รุ่งเรือง )

2 ลูกพลับ ( ความไม่ย้อท้อต่ออุปสรรค,ขยัน )

3 สาลี่ ( เงินทองไหลมาเทมา )

4 ส้ม ( ความมีอำนาจ มั่งคั่ง )

5 องุ่น ( ความสมบรูณ์ พูนสูข )

6 ลูกท้อ ( ความยั่งยืน)

7 สับปะรด ( ความรอบรู้ กว้างไกล)

8 ลิ้นจี่ ( ความเป็นมงคล)

9 ลำใย ( ความมีอำนาจวาสนา เป็นผู้นำ )

10 กล้วย (ลูกหลาน บริวาร )

 
การไหว้ ตี่จู๋เอี้ยะ

จะมีการไหว้ 2 แบบคือ
    1.การไหว้ในทุกๆ วัน
    2.การไหว้ตามวันพระจีน ( ชิวอิก--1ค่ำ และ จับโหงว--15 ค่ำ )
     ซึ่งการไหว้ทั้ง 2 แบบจะต่างกันเพียงของไหว้เล็กน้อย และการไหว้ตามวันพระจีน จะมีการไหว้เดือนละ 2 ครั้งเท่านั้น
ทั้งนี้ ไม่รวมการไหว้ตามเทศกาลต่างๆอีก เช่ ตรุษจีน สารทจีน และการไหว้รับเทพ ซึ่งจะมีการจัดของไหว้ที่ต่างกันออกไป

    1.การไหว้ในทุกๆวัน
      ของไหว้ได้แก่   
1.น้ำชา  5 ถ้วย
2.น้ำเปล่า 3 ถ้วย
3.กระดาษไหว้ 1 ชุด
      วิธีการไหว้ คือ ให้จุดธูป 7 ดอก ไหว้เจ้าที่ภายในบ้านก่อน อธิษฐานเสร็จ ปักธูปที่กระถาง 5 ดอก อีก 2 ดอก ให้ปักที่ประตูหน้าบ้านซ้าย และขวา เป็นการไหว้เทพประจำประตูซ้าย-ขวา
       เสร็จแล้วก็ลากระดาษไปเผาหน้าบ้าน (ห้ามเขี่ยขี้เถ้าระหว่างเผา ปล่อยให้มอดไปเอง)
2.การไหว้ทุกวันพระ(ชิวอิกและจับโหงว )
      ของไหว้ได้แก่   
1.น้ำชา 5 ถ้วย
2.น้ำเปล่า 3 ถ้วย
3.ขนมกูไช่ สีแดง ( ถ่อก้วย หรืออั่งก้วย )
4.ส้ม  5 ลูก
5.กระดาษไหว้  1 ชุด
    วิธีการไหว้ เหมือนการไหว้ประจำวัน แต่หลังจากปักธูปหน้าบ้านเสร็จให้รอสักครู่ จึงลาของไหว้ และกระดาษ

ขั้นตอนการประกอบพิธี

    ผู้ทำพิธีเชิญตี่จู้เอี๊ยะ คือเจ้าของบ้านหรือผู้อาวุโสของบ้าน หรือผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าของบ้านให้เป็นผู้ทำการแทน โดยกล่าวง่ายๆ ว่าข้าพเจ้า ขอมอบให้ ..... เป็นผู้ทำการเชิญตี่จู้เอี๊ยะเพื่อมาสถิตย์อยู่ในบ้านนี้แทนข้าพเจ้า สำหรับผู้ทำการเชิญตี่จู้เอี๊ยะจะต้องอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดและแต่งตัว เรียบร้อย

พิธีเชิญตี่จู้เอี๊ยะ

ผู้อัญเชิญ จุดเทียนและธูป 5 ดอก แล้วคุกเข่าที่โต๊ะบูชาเทพยดาฟ้าดินหน้าบ้าน พร้อมกับกล่าวเปล่งเสียงออกมาว่า.....
"วันนี้ เป็นวันที่ ..... ( สากลหรือจีนก็ได้ ) ซึ่งเป็นวันมงคลของข้าพเจ้า ..... เป็นเจ้าของบ้าน หรือผู้อาวุโสของบ้าน หรือ ผู้ได้รับการแต่งตั้งให้ทำการเชิญองค์ตี่จู้เอี๊ยะ ( ถ้าเชิญให้เจ้าของบ้านก็ระบุชื่อเจ้าของบ้าน ) บ้านเลขที่ .....
ขออัญเชิญองค์เทพยดาฟ้าดินมาเป็นสักขีและเป็นประธานในการทำพิธีตั้งตี่จู้เอี๊ยะ ในวันนี้ ขอให้องค์เทพยดาฟ้าดินช่วยนำองค์ตี่จู้เอี๊ยะที่ศักดิ์สิทธิ์และมีบารมีสูงส่ง เพื่อมาสถิตย์อยู่ ณ เคหสถานที่ได้ตระเตรียมไว้นี้ เพื่อมาปกปักรักษาคุ้มครองเจ้าของบ้านและสมาชิกทุกคนในบ้านให้ มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์พูนสุข มั่งคั่ง ร่ำรวย และโชคดีตลอดไป..."

เมื่อกล่าวจบ ก็ปักธูปทั้งห้าดอก ลงในกระถางธูปที่ตั้งโต๊ะแล้วคอยเวลาจนกระทั่งธูปหมดไป ประมาณครึ่งดอก ก็เข้ามาในบ้านเพื่อจุดเทียนแดงและธูปห้าดอกที่ตี่จู้เอี๊ยะ แล้วถือธูปเดินออกมาคุกเข่าต่อหน้าโต๊ะบูชาเทพยดาฟ้าดินหน้าบ้านอีกครั้งหนึ่ง บอกกล่าวด้วยการเปล่งเสียงออกมาอีกครั้งว่า "
.....บัดนี้ได้ถึง เวลาอันเป็นมงคลแล้ว ขออันเชิญองค์ตี่จู้เอี๊ยะเข้าสู่เคหะสถานที่ตระเตรียมไว้นี้ เพื่อปกปักรักษาคุ้มครองทุกคนในบ้านให้มีความสุขตลอดไป ฯลฯ ....." และก็นำธุปทั้งห้าดอกนั้นมาปักที่กระถางธูปของตี่จู้เอี๊ยะ และแนะนำสมาชิกทุกคนในบ้านด้วยการบอกชื่อและนามสกุล อายุ อาชีพ ฯลฯ และขอเชิญองค์ตี่จู้เอี๊ยะมารับเครื่องสักการะบูชาอันมีอะไรบ้างก็กล่าวของ มาทุกอย่าง หลังการนั้นกลับออกมาคุกเข่า กราบขอบคุณเทพยดาฟ้าดินเป็นอันเสร็จพิธี

    หลังจากนี้ก็ไหว้ตามปกติ โดยมีแค่ของไหว้เล็กๆ น้อยๆ หากแต่เป็นเทศกาลก็ควรจะไหว้ชุดใหญ่ตามรายละเอียดด้านบน



http://www.bjmarble.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539420644

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: 春节祝福话 : คำมงคลวันตรุษจีน
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มกราคม 11, 2014, 09:42:30 am »
 วิธีการไหว้รับเทพเจ้าโชคลาภไฉ่ซิงเอี้ยประจำปีมะเมีย 2557

-http://www.sumnakcharang.com/angle1.php-


 ฤกษ์และหลักการไหว้เทพเจ้าโชคลาภ
ฤกษ์กลางคืนวันพฤหัสบดีที่    30    มกราคม    2557
เวลา 23.11 น.    ห้ามปี    วอก ชวด เถาะ    ขึ้นธูปคนแรก (ใช้ธูป 12 ดอก)
ถ้าจำเป็นต้องเื่ลื่อน  ไปใช้ฤกษ์เวลา 03.03 น. (ตีสาม สามนาที)

ตั้งโต๊ะหลักหันไปทาง ทิศใต้  ( S )
เพื่ออัญเชิญ  เทพเจ้าโชคลาภ เทพเจ้าสิริมงคล เทพเจ้าอุปถัมภ์ ประทานพร

ปีนี้ เทพเจ้าโชคลาภ มาทางทิศใต้  ( S )
เทพเจ้าสิริมงคล มาทางทิศใต ( S )
เทพเจ้าอุปถัมภ์ ประทานพร  มาทางทิศตะวันออก ( E )

กรณีพื้นที่จำกัด ตั้งโต๊ะไหว้หันออกหน้าบ้าน
จุดธูปไหว้ไปทางทิศใต้ ( S ) เพื่ออัญเชิญเทพ ฯ
เปิดประตูหน้าบ้าน ปิดประตูหลังบ้าน ( ไหว้บนดาดฟ้าก็ได้ )

ห้ามกวาดบ้านจนถึงวันเปิดงาน ( ถูบ้านได้)

ฤกษ์เปิดงาน ชิวสี่  วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557
เอาชุดไหว้เจ้าที่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้กิจการเจริญรุ่งเรืองสถาพร
การงานราบรื่น มั่งมี ศรีสุข โชคลาภวาสนาไม่ขาดสาย

 

เครื่องไหว้ในพิธี
1.    รูปปั้น หรือรูปภาพ องค์เทพ ไฉ่ซิ้งเอี๊ย
( ถ้าไม่มี ให้ไหว้ขึ้นธูปทางทิศใต้  ( S ) )
2.     แก้วใส่ข้าวสาร หรือกระถางธูป มีกิมฮวยปัก 1 คู่
ติดการดาษแดง หรืออั้งติ๋ว
3.    แจกันดอกไม้ 1 คู่
4.    เชิงเทียน พร้อมเทียนสีแดง 1 คู่
5.    น้ำชา 5 ถ้วย
6.    ถั่วเขียว 1จาน - ถั่วแดง 1จาน - ส้ม 8 ลูก(ใส่ถาด)
7.    เจไฉ่ 5 อย่าง - ผลไม้ 5 อย่าง
8.    สาคูต้มสุกน้ำเชื่อม หรือ อี๊ 5ถ้วย
9.    น้ำใส่ยอดทับทิม 5 ยอด 1 ขัน หรือ 1 แก้ว (เพื่อใช้พรมตัวและบ้าน)
10.    หนังสืออัญเชิญ พร้อมคำอธิษฐานขอพร สีูแดง และเขียว
11.    ซองอั่งเปา
12.    อย่างอื่นเพิ่มเติมตามใจ เช่น ชุดเครื่องไหว้ เมื่อไหว้ธูปได้ครึ่งดอก
เอาเครื่องกระดาษไปเผา
13.    ขนมหวาน 3 อย่าง เช่น ขนมเข่ง ฮวดก้วย ขนมชั้น
14.    กระดาษทอง (ตั่วกิม) 13 แผ่น และ กระดาษไหว้เจ้า (หงิงเตี่ย) 13 คู่
15.    อย่างอื่นเพิ่มเติมตามใจ เช่น ชุดเครื่องไหว้ เวลาไหว้ กล่าวคำอธิษฐาน
บอกชื่อ(แซ่) นามสกุล วันเดือนปีเกิด อายุ และที่อยู่ ของผู้ทำการไหว้
ขอพร หรือเขียนรายละเอียดบุคคลที่ขอพรใส่ในกระดาษให้เรียบร้อย
แล้ววางเอาไว้ในถาดเครื่องการดาษจะได้ไม่ตกหล่น สมาชิกทุกท่าน
ในครอบครัว เมื่อไหว้ธูปได้ครึ่งดอก เอาเครื่องกระดาษไปเผาเสร็จแล้ว
ส่วนของไหว้นำกลับเข้าบ้านไปกินเป็นสิริมงคล

 
ตำแหน่งเครื่องไหว้ในพิธี




หมายเหตุ  =>    
ฯลฯ
   

ของอื่นเพิ่มเติม เช่น ขนม,เครื่องกระดาษ,มงคล 5 ประเภทตามกำลัง

 
วันชิวอิก         ไหว้พระ - เทพเจ้าขอพร ทานขนมไส้พุทรา เกาลัด
          ขนมเข่ง, บัวลอย
วันชิวหยี         ร่วมรับประทานอาหารในครอบครัว
วันชิวซา         ทำความสะอาดเอาขยะสิ่งปฏิกูลออกจากบ้าน   เพื่อต้อนรับ
          เพื่อต้อนรับ ความมั่งมีศรีสุขในวันเปิดงาน
วันชิวฉิก         วันเกิดมนุษย์ กินผัก 7 อย่าง งอกงามเพิ่มพูน

 

Update   8 - 12 - 2013  Webmaster


http://www.sumnakcharang.com/angle1.php



.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: 春节祝福话 : คำมงคลวันตรุษจีน
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มกราคม 12, 2014, 10:47:29 am »
สถานที่มงคล 8 แห่ง รับเทศกาลตรุษจีน

-http://horoscope.sanook.com/1196086/%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5-8-%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99/-


หน้าหลัก > ดวงน่าอ่าน > ทำนายทายทัก   > สถานที่มงคล 8 แห่ง รับเทศกาลตรุษจีน





ตามความเชื่อของชาวจีน เลข 8 ถือว่าเป็นเลขมงคล หมายถึง รวย และยังเป็นตัวเลขที่ดีเป็นมงคลซึ่งจะเห็นได้จากเทพเจ้าตามคติความเชื่อของชาวจีนที่รับความเคารพเป็นอย่างมากทั้งชาวไทยชาวจีน เช่น โป๊ยเซียน คือเซียนแปดองค์, สิบแปดอรหันต์ คือผู้รักษาพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


การสักการะเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ในสถานที่มงคล 8 แห่ง รับเทศกาลวันตรุษจีน 2557

1. เสียนหลอไต้เทียนกง มูลนิธิธรรมกตัญญู ถนนสุขุมวิท ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ขอพรเทพเจ้า 5 พระองค์ "อู๋ฟู่เซียนส้วย" พร้อมชมสถาปัตยกรรมแบบจีนแท้ๆ และสิงห์โตคู่ที่แกะสลักจากหินหยกเขียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

2. โรงเจเพ่งอังตั๊ว ตำบลเทพราช อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา สักการะศาลเจ้าและชมภาพเก่าแก่อายุมากกว่า เช่นภาพเซียนฮุกโจ้, ภาพไม้แกะสลักรูปมังกรและกิเลน สัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำของชุมชนตลาดเก่า 100 ปี ตลาด 2 เมือง 2 จังหวัด ตลาดคลองสวน

3. โรงเจวัดโสธรวรารามวรวิหาร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา นมัสการพระสังกัจจายให้สุขภาพแข็งแรง ชีวิตมั่งมีศรีสุข และชมพระอุโบสถวัดโสธรวรารามวรวิหารมูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท ขอพรหลวงพ่อพุทธโสธรองค์จริง

4. วัดจีนประชาสโมสร ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา สักการะเทพเจ้าแห่งโชคลาภ "ไฉ่ซิงเอี้ย" ไหว้ขอพรพระประธานสามองค์ และเทพเจ้าต่าง ๆ ตามคติความเชื่อของชาวจีนที่สร้างจากกระดาษจำนวน 37 องค์ และสัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำ เลือกซื้ออาหารอร่อย ของฝากนานาชนิดในตลาดเก่า 100 ปี "ตลาดบ้านใหม่"

5. วัดอุภัยภาติการาม (วัดซำปอกง) ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ขอพร "หลวงพ่อโต หรือเจ้าพ่อซำปอกง" หนึ่งในสามองค์ของประเทศไทย รวมทั้งสักการะเทพเจ้าตามคติความเชื่อของชาวจีน

6. มูลนิธิสว่างบำเพ็ญธรรมสถาน ริมฝั่งแม่น้ำปราจีนบุรี อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ทำบุญและสักการะเทพเจ้าประจำศาล ชมตึกเก่า "ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร" เลือกซื้อของฝากผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจากสมุนไพร ผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยแพทย์แผนไทย

7. มูลนิธิสว่างเที่ยงธรรมสถาน อรัญประเทศ ตำบลอรัญญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว สักการะเทวสถานเทพสิริมงคลและเจ้าแม่กวนอิม แวะเที่ยวตลาดการค้าชายแดนใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออก "ตลาดโรงเกลือ"

8. พุทธสถานนิธิจีเต็กลิ้ม ตำบลศรีจุฬา อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก ชมสถาปัตยกรรมจีน สักการะเทพเจ้าแห่งโชคลาภ (ไฉ่ซิ้งเอี้ย) ปางมหาเศรษฐีซัมภลองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เทพเจ้าไต้เสี่ย เจ้าพ่อกวนอู พระโพธิ์สัตว์กวนอิม สูง 9 เมตร พระไภสัชคุรุพุทธเจ้าองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมทั้งเทพเจ้าอื่น ๆ ตามคติความเชื่อของชาวจีน

ฉะนั้นเทศกาลตรุษจีน เป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของชาวจีน ถือเป็นการเซ่นไหว้ขอบคุณและขอพรเทพเจ้า เทวดา บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว รวมทั้งคุ้มครองให้ลูกหลานปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ สุขภาพแข็งแรง การประกอบอาชีพมีความมั่นคงประสบความสำเร็จในช่วงปีต่อไป

การเฉลิมฉลองจัดอย่างยิ่งใหญ่และยาวนานที่สุด มีกิจกรรมที่หลากหลาย ได้แก่ เซ่นสรวงเทพเจ้าแห่งเตาไฟ ทำความสะอาดบ้านเรือน เตรียมของกินของใช้ ติดคำขวัญคู่ ปิดภาพเทพเจ้า รับประทานอาหารร่วมกันส่งท้ายปีเก่า จุดประทัด รับประทานอาหารมื้อแรกของปีใหม่ อวยพรปีใหม่ซึ่งกันและกัน และแจกอั่งเปา ให้ลูกหลานเพื่อเป็นการนำโชคและให้พ้นโรคภัย ขอให้ทุกท่านรวยๆๆเฮงๆๆตลอดปี 2557


ขอบคุณข้อมูลจาก horolive.com
ขอบคุณภาพประกอบจาก Photos.com

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: 春节祝福话 : คำมงคลวันตรุษจีน
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มกราคม 26, 2014, 08:31:04 am »
.

วันตรุษจีน ปี 2557






.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: 春节祝福话 : คำมงคลวันตรุษจีน
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มกราคม 26, 2014, 08:33:25 am »
.

วันตรุษจีน ปี 2557





.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: 春节祝福话 : คำมงคลวันตรุษจีน
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มกราคม 26, 2014, 08:34:33 am »
.

วันตรุษจีน ปี 2557



.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: 春节祝福话 : คำมงคลวันตรุษจีน
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มกราคม 26, 2014, 09:51:56 am »
มังกรจีน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากเอกสารอ้างอิงหรือแหล่งข้อมูล โปรดช่วยพัฒนาบทความนี้โดยเพิ่มแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือ เนื้อหาที่ไม่มีการอ้างอิงอาจถูกคัดค้านหรือนำออก)

-http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99-

มังกรจีน (อักษรจีนตัวเต็ม: 龍; อักษรจีนตัวย่อ: 龙; พินอิน: lóng; ฮกเกี้ยน:เล้ง) เป็นสัญลักษณ์โดดเด่นอันหนึ่งของจักรพรรดิและวัฒนธรรมจีน มีลักษณะที่มาจากสัตว์หลาย ๆ ชนิดผสมผสานกัน ลักษณะลำตัวยาวเหมือนงู มีเขี้ยวขนาดใหญ่หนึ่งคู่อยู่ที่บริเวณขากรรไกรด้านบน มีหนวดยาวลักษณะเหมือนกับไม้เลื้อย และมีแผงคอเหมือนกับของสิงโตอยู่บน คอ , คาง และข้อศอก มีเกล็ดสีเขียวเข้มทั่วทั้งบริเวณลำตัวรวมทั้งสิ้น 117 เกล็ด ซึ่งเกล็ดมังกรจำนวน 81 แผ่น มีคุณสมบัติเป็นหยางซึ่งเป็นเกล็ดที่มีความดี เกล็ดมังกรจำนวน 36 แผ่น มีคุณสมบัติเป็นหยินซึ่งจะเป็นเกล็ดที่มีความชั่ว ลักษณะเขาของมังกรจะมีสันหลังทอดยาวไปตามหลังและหาง เป็นหนามยาวและสั้นสลับกัน มีขา 4 ขาและกรงเล็บแข็งแรง

เกล็ดของมังกรจีนนั้น จะมีลักษณะเฉพาะเปลี่ยนไปตามแต่ละชนิดของมังกร ตั้งแต่สีเขียวเข้มจนถึงสีทอง หรือบางแหล่งกล่าวกันว่า มังกรจีนนั้นมีหลายสี เช่น สีน้ำเงิน สีดำ สีขาว สีแดง สีเขียว หรือสีเหลือง แต่ในกรณีของมังกรชนิด chiao หลังของมังกรจะเป็นสีเขียว บริเวณด้านข้างเป็นสีเหลือง และใต้ท้องเป็นสีแดงเข้ม มังกรจีนชนิดหนึ่งจะมีปีกที่ด้านข้างของลำตัว และสามารถที่จะเดินบนน้ำได้ แต่สำหรับมังกรจีนอีกชนิดหนึ่งเมื่อสะบัดแผงคอไปข้างหน้าและข้างหลัง จะทำให้เกิดเสียงที่ฟังดูเหมือนกับเสียงขลุ่ย

มังกรจีนจะมีโหนกอยู่บนหัวซึ่งทำให้สามารถบินได้ เรียกโหนกที่อยู่บนหัวว่า ch’ih muh แต่ถ้ามังกรจีนตัวใดไม่มีโหนกที่บริเวณหัว จะกำคทาเล็ก ๆ ที่เรียกว่า po-shan ซึ่งสามารถทำให้มังกรลอยตัวในอากาศได้(ปัจจุบัน ประเทศทางตะวันตก ก็เพิ่งเจอ วัตถุลึกลับบางอย่างสามารถลอยในอากาศได้เป็นระยะเวลาสั้นๆ) ในประเทศจีนคนโบราณมีความเชื่อกันว่ามังกรคือสัตว์ที่ทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์แห่งฟ้าและดิน ได้รับการกล่าวกันว่ามีความเป็นมิตร มากกว่าความร้ายกาจ เป็นสัญลักษณ์ที่นำมาซึ่งความสุข และความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมือง พบได้ใน แม่น้ำและทะเลสาบ ชอบที่จะอยู่ท่ามกลางสายฝน มังกรได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้สร้างกฎแห่งความใจบุญ และเป็นสิ่งที่เสริมสร้างความมั่นใจ และความเชื่อมั่นให้แก่กษัตริย์ในราชวงศ์ชิง กษัตริย์จะนั่งบนบัลลังก์มังกร เดินทางโดยเรือมังกร เสวยอาหารบนโต๊ะมังกร และบรรทมบนเตียงมังกร


มังกรจีนโบราณในตำนาน

ตำนานมังกรจีนโบราณมีอายุยาวนานกว่า 4,000 ปี ซึ่งลักษณะรูปร่างของมังกรจีนนั้น สุดแล้วแต่นักวาดรูปจะจินตนาการเสริมแต่งออกมา การขายจินตนาการของนักวาดรูปจะเขียนมังกรออกมาโดยยึดลักษณะรูปแบบที่เล่าต่อ ๆ กันมาคือ มังกรจีนจะมีลักษณะลำตัวที่ยาวเหมือนงู มีเกล็ดสีเขียว นัยน์ตาสีแดง มีหนวดและเขาอย่างละคู่ มีขา 4 ขาและกงเล็บที่แข็งแรง มังกรจีนโบราณถูกยกย่องว่าเป็นสัตว์เทพเจ้าซึ่งชาวจีนเคารพนับถือ เป็นสัตว์พาหนะของเทพเจ้าในลัทธิเต๋า ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองปราสาทราชวังของเทพเจ้าบนสวรรค์ มังกรจีนที่มีกงเล็บ 5 เล็บ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งจักรพรรดิหรือฮ่องเต้ของจีนเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ มังกรบางตัวจะถือไข่มุกเม็ดใหญ่อยู่ที่ขาหน้า ครั้งหนึ่งคนเคยคิดว่าไข่มุกคือไข่ของมังกร มังกรบางชนิดวางไข่ในน้ำไหล

มังกรจีนในตำนานนั้น สามารถที่จะทำตัวเองให้มีขนาดใหญ่เท่ากับจักรวาล คนเปอร์เซียโบราณก็เชื่อเช่นนี้ หรือมีขนาดเล็กเท่ากับหนอนไหมได้ แต่เวลา สู้กับหงอคง ก็ควรจะแปลงร่างให้เล็กแล้วเข้าไปกัดลำไส้หงอคง หรือแปลงร่างเพื่อเขมือบหงอคงให้เป็นวุ้น และในบรรดาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 ของจีน มังกรจีนถือเป็นสัตว์แห่งเทพเจ้า ได้รับความนับถือมากที่สุด มังกรจีนมีลักษณะนิสัยที่เมตตากรุณา เป็นมิตร ทะเยอทะยาน และมองโลกในแง่ดี นอกจากนี้ยังมีความฉลาด มีปัญญามาก มีความเด็ดขาด และมีพลัง มังกรจีนจึงเป็นที่ปรึกษาของผู้นำในด้านต่าง ๆ แต่มังกรจีนมีทิฐิในตัว จะถือตัวว่าถูกหมิ่นประมาทเมื่อผู้นำไม่ยอมทำตามคำแนะนำของมังกรจีน หรือเมื่อผู้คนไม่ให้เคารพความสำคัญ มังกรจีนจะทำให้ฝนหยุดตก หรือเป่าเมฆดำออกมาซึ่งจะนำพาพายุ และน้ำท่วมมาให้ ถ้าไปเป่าเมฆสีทองของหงอคงก็จะทำให้เมฆเปลื่ยนเป็นสีดำ และกลายเป็นฝน หงอคงก็จะเหินหาวไม่ได้ มังกรตัวเล็กก็ทำเรื่องยุ่งยากเล็ก ๆ เช่นทำหลังคารั่ว หรือทำให้ข้าวเกิดความเหนอะหนะ

มังกรจริง ๆ ในปัจจุบันก็คือซากของไดโนเสาร์ยุคดึกดำบรรพ์ ซึ่งกลายเป็นหิน ไข่ไดโนเสาร์ถูกค้นพบในหลายพื้นที่ในประเทศจีน ซึ่งขึ้นชื่อว่ามีไดโนเสาร์มากที่สุดในโลกในสมัยโบราณใช้ในการประกอบเป็นยาสมุนไพร เรียกกันว่า "ยากระดูกมังกร" ส่วนไข่ของมังกรจีนนั้นในสมัยเฉียนหลง ถือเอาไข่มังกรจีนเป็นเครื่องรางประจำราชสำนักภายในพระราชวังปักกิ่ง แต่ต่อมาเมื่อพระราชวังปักกิ่งแตก ไข่มังกรจีนก็ตกทอดมาจากประเทศจีนมาอยู่ที่ประเทศไทย

ซึ่งไข่มังกรที่ตกทอดมาอยู่ภายในประเทศไทยนั้น มีตำนานเล่าขานกันมาแต่โบราณว่า เมื่อคณะทูตหรือคณะผู้แทนจากประเทศจีนใช้เรือไฮจี่โดยการนำของ ยังชีขี มีผู้ติดตามมาด้วยจำนวน 449 คน มีทหารประจำเรือ 279 คน เพื่อขอเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งอภิเศกดุสิต เมื่อเวลาบ่ายโมงของวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2450 โดยมีพระยาบริบูรณโกษากรเข้าเฝ้าฯ และมอบหมายให้พระยาบริบูรณโกษากร หรือ ฮวด โชติกะพุกกณะ หรือเจ้าคุณกิมจึ๋ง เป็นผู้จัดการประสานงาน และเลี้ยงต้อนรับในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

ตามลักษณะของไข่มังกรที่สืบทอดกันมาเป็นตำนานนั้น มีลักษณะคล้ายกับลูกแก้วหินผลึกคล้ายคลึงกับลูกแก้วของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดของประเทศไทยแต่ถูกตกแต่งด้วยการเลี่ยมและห่อหุ้มคล้ายกับห่อด้วยแก้วนั่นเอง ทำให้เรื่องของไข่มังกรจีนกลายเป็นเรื่องที่กล่าวขานกันพอสมควรในสมัยนั้น
กำเนิดมังกรจีน

ตามความเชื่อของชาวจีนโบราณนั้น จะมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ 4 ชนิด คือ กิเลน หงส์ เต่า และมังกร โดยชาวจีนจะเชื่อถือกันว่ามังกรนั้น เป็นสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้ง 4 ชนิดนั้น มังกรจีนหรือที่ชาวจีนเรียกกันว่า "เล้ง-เล่ง-หลง-หลุง" ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปตามลักษณะของการออกเสียงของในแต่ละท้องถิ่น ชาวจีนถือว่ามังกรนั้นเป็นสัญลักษณ์ของพลัง อำนาจ ความยิ่งใหญ่ และเพศชาย

เนื่องจากมังกรจีนเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสัตว์แห่งเทพเจ้าในสรวงสวรรค์และเป็นตัวแทนของจักรพรรดิ ผู้เป็นโอรสจุติมาจากสวรรค์ ชาวจีนจึงมีความเชื่อว่าหากผู้ที่ได้พบเห็นมังกร จะถือว่าเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองมาก ผู้ที่มีโอกาสจะได้ขี่หลังมังกรจะต้องเป็นคนมีศีล มีสัตย์ มีจิตใจบริสุทธิ์ดีงาม ถึงจะมีมังกรมารับไปเป็นเซียนอยู่บนสวรรค์ ในสมัยโบราณนั้นชาวจีนได้มีการจัดทำ ตำรามังกร ขึ้นมา ซึ่งเป็นการรวบรวมในรายละเอียดส่วนของประวัติ เผ่าพันธุ์และลักษณะของมังกรไว้อย่างละเอียดที่สุด แต่เนื่องมาจากตำราเหล่านั้นได้สูญหายไปตามกาลเวลาแล้ว การศึกษาเรื่องของมังกรจีนในปัจจุบัน จึงเป็นเพียงแค่การศึกษาจากหลักฐานต่าง ๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่และจากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ชาวจีนเท่านั้น

ตามตำนานในสมัยโบราณของจีน มี เจ้าแม่นึ่งออ หรือ หนี่วา มีลักษณะลำตัวเป็นคน แต่หัวเป็นงู ซึ่งในบางตำราก็มีการบอกต่อ ๆ กันมาว่าว่ามีลำตัวตัวท่อนบนเป็นคน แต่ท่อนล่างเป็นงู เมื่อเจ้าแม่นึ่งออสิ้นอายุไข นางได้ตายไปแล้วเป็นเวลา 3 ปี แต่ศพของนางกลับไม่เน่าเปื่อย และเมื่อมีคนลองเอามีดผ่าท้องของนางดู ก็ปรากฏมีมังกรเหลืองตัวหนึ่งพุ่งออกมาแล้วเหาะขึ้นฟ้าไป

ตามตำราดึกดำบรรพ์ของจีนกล่าวกันว่า มังกรจีนนั้น ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในสมัยของ พระเจ้าฟูฮี,ฟูซี หรือฟูยี (หรือเมื่อประมาณ 3,935 ปีก่อนพุทธกาล) ประมาณ 6,500 ปีมาแล้ว ก่อนไคโรอิยิปต์ มีตำนานกล่าวกันไว้ว่า มีมังกรอยู่ตัวหนึ่งเป็นเจ้าเหนือน่านน้ำทั้งปวงเป็นระยะเวลาหลายพันปี ซึ่งแท้จริงแล้วมังกรตัวนั้นก็คือ พระเจ้าฟูฮี แปลงร่างนั่นเอง พระเจ้าฟูฮีนั้นป็นผู้ที่มีความสามารถเป็นอย่างมาก เป็นพระเจ้าผู้สร้างหลักธรรมแห่ง หยิน-หยาง เป็นธรรมะอันแรกในโลก ทรงคิดประดิษฐ์ของหลายสิ่งหลายอย่าง เช่น "โป๊ย-ก่วย" หรือ ยันต์แปดทิศ อีกทั้งยังทรงเป็นผู้กำหนดการที่ให้ชายหญิงมีการมั่นหมายกันเป็นคู่ครองอีกด้วย (ชาย1คน แต่งงานกับหญิง1คน)

ในหนังสือประวัติวัฒนธรรมจีนได้กล่าวกันไว้ว่า มังกรนั้นได้ถือกำเกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าอึ่งตี่ พระเจ้าอึ่งตี่, อึ้งตี่ หรือหวงตี้ ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ที่รวบรวมแผ่นดินจีนไว้เป็นผืนเดียวกัน โดยพระองค์ได้ทรงสร้างจินตนาการรูปมังกรขึ้นมา จากการรวมสัญลักษณ์ของเผ่าต่าง ๆ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้มังกรกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ว่าเผ่าต่าง ๆ ได้รวมกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ตามตำนานกล่าวไว้ว่าเมื่อพระเจ้าอึ่งตี่สิ้นอายุไข ก็มีมังกรจากฟ้าลงมารับพระองค์และพระมเหสีขึ้นไปเป็นเซียนบนสวรรค์ โดยบางตำราได้กล่าวว่าพระองค์นั้นเป็นหวงตี้องค์เดียวกับที่ได้เป็นเจ้าสวรรค์ หรือเง็กเซียนฮ่องเต้ในเวลาต่อมา เพราะเหตุนี้ชาวจีนจึงถือว่ามังกรเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์และเป็นเจ้าแห่งสัตว์ทั้งปวง

คนจีนกับความเชื่อเรื่องมังกร
ตามความเชื่อของคนจีน การได้ขี่หลังมังกรถือเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของมังกรในคนจีนโบราณ เป็นความเชื่อเก่าแก่ตั้งแต่มนุษย์เริ่มที่จะรู้จักกับสัตว์เลี้อยคลานขนาดยักษ์ และให้ความเคารพยำเกรงดุจเทพเจ้า ซึ่งความเชื่อเหล่านี้มีอยู่ทั่วทุกแห่งหน ทุกชนชาติทั่วทั้งโลกที่มีประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ เช่น ประวัติศาสตร์ของยุคอียิปต์ ประวัติศาสตร์ของยุคกรีก ประวัติศาสตร์ของยุคโรมัน ประวัติศาสตร์ของยุคอินเดีย และประวัติศาสตร์ของยุคจีนซึ่งความเชื่อนี้สืบทอดกันมาตั้งแต่ความเชื่อเรื่องงูขนาดใหญ่ ที่สืบเนื่องยาวนานคู่กับมนุษย์โลกโดยเฉพาะชาวจีนแผ่นดินใหญ่

คนจีนโบราณจะเชื่อกันว่าน้ำลายของมังกรนั้น จะก่อให้เกิดลูกแก้ววิเศษที่เรียกกันว่า "ไข่มุกแห่งดวงจันทร์" และ "ไข่มุกแห่งความสมบูรณ์" จะบันดาลให้เกิดความอุดมสมบูรณ์แห่งพืชพรรณธัญญาหาร เพาะปลูกสิ่งใดก็จะเจริญงอกงาม และยังเชื่อกันอีกว่าเลือดของมังกรจีนนั้น เมื่อไหลออกจากตัวของมังกรจีนจะแทรกซึมเข้าไปในแผ่นดินจีนและจะกลายสภาพเป็นอำพัน เมื่อมังกรลอกคราบจะทำให้เขาของมังกรเรืองแสงได้ มีพลังในตัวเป็นอย่างมากและส่องแสงสว่างในความมืด คล้าย ๆ กับความเชื่อเรื่องยาอายุวัฒนะของต้นโสม

คนจีนโบราณนับถือมังกรเป็นเทพเจ้า เชื่อกันว่ามังกรนั้นชอบนกนางแอ่นย่าง ดังนั้นก่อนเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล จึงต้องมีการพลีของถวายให้แก่มังกรเพื่อเป็นการเอาใจและขอให้เดินทางโดยปลอดภัย ตามความเชื่อของนักเดินเรือในสมัยโบราณ ซึ่งว่ากันว่ามังกรนั้น หวาดกลัวใบสนไหม 5 สี ขี้ผึ้ง เหล็ก และตะขาบ สำหรับไหม 5 สี นี้เป็นความเชื่อมาอย่างช้านานตั้งแต่สมัยโบราณ ในการออกเดิน เรือ ในทะเล คนจีนจะใช้ไหม 5 สี ผูกที่หัวเรือเพื่อเป็นการป้องกันอันตรายจากมังกร ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นความเชื่อเกี่ยวกับ แม่ย่านาง แทน แม่ย่านางของนักเดินเรือชาวจีนคืออมนุษย์เทพเจ้าองค์เล็ก ประจำท้องถิ่นในแต่ละแห่งที่มีความเชื่อเกี่ยวกับการแต่งกายของแม่ย่านาง การผูกไหม 5 สีที่หัวเรือนี้ เป็นการเคารพ แม่ย่านาง หรือ เจ้าแม่ทับทิม (เทพยดาหม่าโจว) คือเทพธิดาในลัทธิเต๋า ที่นักเดินเรือทั้งหลายให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับนายพลเรือเจิ้งเห่อ หรือแต้ฮั้ว ผู้เป็นใหญ่แห่งราชวงศ์หมิง ในยุคสมัยขององค์จักรพรรดิหย่งเล่อ

มังกรจีนเป็นสัตว์เทพเจ้าที่อยู่บนสรวงสวรรค์ตามความเชื่อของชาวจีน เปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของชนชาติจีน ชาวจีนทั่วโลกต่างหยิ่งทะนงในการที่พวกตนนั้น สืบสายเลือดมาจากมังกร (Lung Tik Chuan Ren) ชาวจีนเชื่อกันว่ามังกรนั้นเป็นเทพเจ้าในตำนานที่จะนำมาซึ่งอายุยืนยาว ความเจริญรุ่งเรือง โชคลาภวาสนา และจากสัญลักษณ์ของจักรพรรดิและอำนาจอันยิ่งใหญ่ของฮ่องเต้ ตำนานมังกรของจีนได้ซึมซาบเข้าไปในวิถีชีวิตของชาวจีนโบราณ และกลายมาเป็นวัฒนธรรมของชาวจีนตราบจนถึงทุกวันนี้ มังกรจีนได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ ความดีงาม และอำนาจบารมี

มังกรจีนหรือ หลง แสดงถึงพลังอำนาจและคุณงามความดี ความองอาจกล้าหาญ ความเป็นวีรบุรุษและความอุตสาหะพยายาม ความมีคุณธรรมอันสูงส่งและยิ่งใหญ่ดุจดั่งเทพเจ้า มังกรจีนนั้นไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคขวากหนามใด ๆ จนกว่าจะทำในสิ่งที่ต้องการได้สำเร็จ มีความขยันขันแข็ง เด็ดขาด เฉลียวฉลาด มองโลกในแง่ดี และมีความทะเยอทะยาน ซึ่งแตกต่างจากพลังด้านมืดของมังกรตะวันตก มังกรตะวันตกนั้นส่วนใหญ่ขี้หงุดหงิด มีปีก บินและพ่นไฟได้ แต่มังกรตะวันออกจะมีลักษณะสวยงาม เป็นมิตร และมีความเฉลียวฉลาด มังกรจีนถือเป็นเทพเจ้าแห่งทิศบูรพา แทนที่จะถูกเกลียดชังเช่นมังกรตะวันตก มังกรตะวันออกกลับได้รับความรักและเคารพสักการะ วัดและศาลเจ้าถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ความเคารพสักการบูชาในฐานะผู้ควบคุมฝนแม่น้ำทะเลและมหาสมุทร หลายเมืองในประเทศจีนจะมีเจดีย์ซึ่งชาวจีนจะมาเผาเครื่องหอมเพื่ออ้อนวอนต่อมังกร ศาลเจ้ามังกรดำซึ่งตั้งอยู่ใกล้กรุงปักกิ่งถูกสงวนไว้เฉพาะมเหสีของจักรพรรดิเท่านั้น

ชาวจีนจะมีการบวงสรวงมังกรเป็นพิเศษที่นี่ทุกวันที่ 1 และ 15 ของทุกเดือน ศาลเจ้าและแท่นบูชามังกรยังคงปรากฏให้เห็นตามชายฝั่งทะเลและริมฝั่งแม่น้ำในหลาย ๆ ส่วนของจีนและดินแดนตะวันออกไกล เพราะมังกรจีนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในน้ำ โบสถ์กลางน้ำในประเทศญี่ปุ่นกลายมาเป็นแหล่งแวะพักที่ได้รับความนิยมของผู้แสวงบุญซึ่งสวดอ้อนวอนต่อมังกร ตำนานของชาวจีนตำนานหนึ่งบันทึกไว้ว่า มังกรจีนเพศผู้และเพศเมียเคยแต่งงานกับมนุษย์และลูกหลานของมังกรจีนก็กลายมาเป็นผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จักรพรรดิญี่ปุ่นที่ชื่อ ฮิโรฮิโตะ สืบสาวต้นตระกูลของตนเองย้อนหลังไปจนถึง 128 รุ่น ซึ่งก็คือ เจ้าหญิง Fruitful Jewel ลูกสาวของราชามังกรแห่งท้องทะเลลึก จักรพรรดิของหลายประเทศในเอเชียอ้างว่าตนเองก๋มีบรรพบุรุษเป็นมังกร ซึ่งก็ทำให้มีความคิดที่ว่าทุกสิ่งที่ใช้จะต้องประดับด้วยมังกรเช่น บัลลังก์มังกร เสื้อคลุมมังกร เตียงมังกร เรือมังกร การที่ชาวจีนถือว่าจักรพรรดิเป็นมังกรเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ชาวจีนมีความเชื่อว่าจักรพรรดินั้นสามารถทำให้ตนเองกลายเป็นมังกรได้

ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับมังกรจีนล้วนให้ความสุขความเจริญ ในทุก 12 ปี จะมีปีมังกรซึ่งยังให้เกิดความโชคดี โชคลาภวาสนาโหรตะวันออกในปัจจุบันอ้างว่าเด็กที่เกิดระหว่างปีมังกรจะมีสุขภาพดีและอายุยืนยาว เคยมีมังกรที่ชาญฉลาดมาเป็นที่ปรึกษาให้กษัตริย์ สามร้อยปีที่ผ่านมา กษัตริย์กัมพูชาใช้เวลาตอนกลางคืนอยู่ในหอคอยทอง ที่ซึ่งเขาจะได้ขอความเห็นกับผู้ปกครองที่แท้จริงของแผ่นดินแห่งเก้ามังกร (Land of Nine-Headed Dragon) มังกรจีนนั้นเชื่อในความคิดของตนมาก ถึงแม้ว่าจะสุขุม รอบรู้ แต่มังกรจีนจะรู้สึกว่าถูกดูถูกถ้าหากผู้ปกครองไม่ทำตามคำแนะนำ หรือประชาชนไม่คิดว่ามังกรจีนสำคัญ มังกรจะหยุดสร้างฝนและทำให้แผ่นดินแห้งแล้ง หรือน้ำท่วม มังกรที่ตัวเล็กกว่าจะแกล้งทำให้เกิดความเสียหายต่าง ๆ นานาอย่างเช่นหลังคารั่วหรือข้าวเหนียว ชาวจีนจะจุดประทัดและถือมังกรกระดาษขนาดใหญ่ในขบวนแห่ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษ และจัดการแข่งขันเรือมังกรในลำน้ำเพื่อทำให้มังกรของพวกเขาพอใจ

มังกรกลายมาเป็นส่วนสำคัญของชีวิตของผู้คนชาวจีน ในรูปของเทพเจ้าจากสรวงสวรรค์ อย่างที่ชาวโลกได้รู้จักกันเป็นอย่างดีคือ Sheng Chi มังกรจีนคือผู้ที่ยอมสละชีวิตและพลังของตนออกมาในรูปของฤดูกาลของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ มังกรจีนเป็นผู้นำน้ำมาจากฝน ความอบอุ่นจากดวงอาทิตย์ สายลมจากทะเลและผืนดินจากโลก มังกรเป็นตัวแทนของพลังที่ยิ่งใหญ่แห่งธรรมชาติ พลังอำนาจสูงสุดของโลก บางครั้งเราอาจพบมังกรจีนในรูปสัญลักษณ์ของเทพเจ้าแห่งการปกป้องและคุ้มครอง พวกมันถูกยกย่องให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตทั้งมวล พวกมันมีสามารถอาศัยอยู่ในทะเล บินขึ้นไปถึงสวรรค์ และขดตัวบนพื้นดินในรูปของภูเขา ในหมู่ของสิ่งมีชีวิตในเทพนิยายทั้งหลาย มังกรสามารถปัดเป่าวิญญาณที่ชั่วร้าย ปกป้องผู้บริสุทธิ์และทำให้ผู้ที่ถือเครื่องหมายของพวกมันรอดพ้นจากพยันตรายต่างๆ นานาได้ มังกรจีนถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์แทนความโชคดีสูงสุด

มังกรจีนกับปีนักษัตร

ความเชื่ออย่างแปลกประหลาดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับมังกรของคนจีน คือการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างสัตว์ต่าง ๆ เช่น ช้างหมูและม้า ซึ่งถือว่าสัตว์เหล่านี้เป็นเชื้อสายของมังกรเช่นกัน คนจีนใช้มังกรเป็นสัตว์สัญลักษณ์แทนปีมะโรงซึ่งจะแตกต่างกับคนไทยที่ใช้พญานาค บางท่านกล่าวว่าปีนักษัตรเกิดสมัยพระพุทธเจ้า[ใครกล่าว?] จีนคือผู้ที่คิดค้นแรกเริ่มตั้งแต่ราว 2,700 ปีมาแล้ว หรือภายหลังราชวงศ์โจวตะวันออกเล็กน้อย หลักฐานที่ยืนยันการคิดริเริ่มของจีนปรากฏอยู่บนแจกันสำริด ที่จัดแสดงอย่างถาวรอยู่ในพิพิธภัณฑสถานพระราชวังแห่งชาติไทเป ประเทศไต้หวัน ภายในห้องแสดงสำริดโบราณ การผสมข้ามสายพันธุ์ของมังกรนั้น ลูกหลานของมังกรได้แก่ ม้ามังกรในวรรณคดีไทยเรื่องพระอภัยมณีของไทยและเขมร ส่วนหมูและช้างนั้นภาคเหนือของประเทศไทยนั้น นับเป็นปีนักษัตรคือ ชวด ฉลู ขาล เถาะ มะโรง มะเส็ง มะเมีย มะแม วอก ระกา จอ กุน ทางภาคเหนือใช้ช้างแทนสัตว์สัญลักษณ์ปีกุน ซึ่งไม่ใช่หมู

สำหรับลายนักษัตรนั้น จีนคือผู้ที่คิดค้นแรกเริ่มตั้งแต่ราว 2,700 ปีมาแล้ว หรือภายหลังราชวงศ์โจวตะวันออกเล็กน้อย หลักฐานที่ยืนยันการคิดริเริ่มของจีนปรากฏอยู่บนแจกันสำริด ที่จัดแสดงอย่างถาวรอยู่ในพิพิธภัณฑสถานพระราชวังแห่งชาติไทเป ประเทศไต้หวัน ภายในห้องแสดงสำริดโบราณ
วงจรชีวิตของมังกรจีน

มังกรจีนมีวงจรชีวิตการเกิด 4,000 ปี จึงจะเป็นมังกรตัวโตเต็มวัยไข่มังกรจะมีลักษณะเป็นไข่อัญมณี มังกรจีนจะวางไข่ไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำและฝังไว้ลึกจนไม่ถูกรบกวนโดยใครหรืออะไร ระยะเวลา 1,000 ปีต่อมาไข่มังกรจีนจะฟักออกมาเป็นตัว ในระหว่างช่วงเวลา 500 ปีต่อมา ลูกมังกรจีนจะเจริญเติบโตขึ้น และจะเรียกลูกมังกรจีนว่า ไคอาส (Kias ,มังกรมีเกล็ด) ลูกมังกรจีนมีลักษณะเหมือนกับงูน้ำและหัวของปลาคาร์พผสมกัน และจะค่อย ๆ พัฒนาขึ้น ขั้นนี้เรียกว่า ไคโอะ (Kio)

ต่อมาเมื่อเวลา 1,000 ถัดไป ลูกมังกรจีนจะถูกรู้จักในฐานะของ หล่ง (lung ,มังกรตามมาตรฐาน) รยางค์และเกล็ดของมังกรเจริญขึ้นแล้ว ความยาวของลูกมังกรจะเพิ่มขึ้น และหน้าเริ่มมีหนวดเครา 500 ปีต่อมา เป็นเวลาที่ใช้ในการงอกงามของเขา ตอนนี้มังกรจีนสามารถได้ยินเสียงได้แล้ว และจะเป็นที่รู้จักในฐานะของ ไคโอ หล่ง (Kioh-Lung ,มีเขา) 1,000 ปีต่อมาใช้ในการเจริญของปีก ตอนนี้มังกรจีนจะถูกรู้จักในฐานะ ยิ่น หลง (มังกรมีปีก) และเจริญเติบโตเป็นมังกรเต็มวัย

นิ้วของมังกรจีนในแต่ละเท้าจะมี 4 หรือ 5 นิ้ว ถ้ามี 4 นิ้วเป็นมังกรทั่วไป แต่ถ้ามี 5 นิ้ว เป็นมังกรหลวง ซึ่งในสมัยก่อนจะมีเฉพาะจักรพรรดิเท่านั้น ที่สามารถใช้สิ่งของที่มีรูปมังกรหลวงประดับอยู่ถ้ามีใครอื่นใช้จะถูกประหาร น้ำลายจากมังกรจีนจะทำให้เกิดลูกทรงกลมวิเศษซึ่งเรียกว่า ไข่มุกแห่งพลัง ดวงจันทร์ และ ไข่แห่งความอุดมสมบูรณ์ เมื่อเลือดของมังกรจีนซึมซาบเข้าไปในแผ่นดินจะเปลี่ยนกลายเป็นอำพัน เมื่อมังกรลอกคราบเป็นเหตุให้เขาเรืองแสงอย่างน่าขนลุกในความมืด

มังกรจีนชอบกินนกนางแอ่นย่าง จึงมีการถวายให้ก่อนเดินทางข้ามน้ำ เพื่อที่จะเอาใจมังกรและเพื่อให้การเดินทางปลอดภัย ว่ากันว่ามังกรจีนกลัวใบของต้น แว่ง (wang) ,ใบของต้น ลีน (lien) ,ด้ายไหม 5 สี ,สีผึ้ง ,เหล็ก และตะขาบ ว่ากันว่าบางครั้งในยุคโบราณ มังกรจีนเพศผู้จะแต่งงานกับสัตว์ชนิดอื่น มังกรจะเป็นพ่อของช้างเมื่อแต่งงานกับหมู และเมื่อแต่งงานกับม้าจะได้ลูกเป็นม้าแข่ง การที่มังกรจีนจะนำฝนตกลงสู่พื้นดิน ขึ้นอยู่กับบุคคลสง่างามแห่งหยก หรือจักรพรรดิหยก ผู้ซึ่งมังกรจะรับคำสั่งว่า จะส่งน้ำจากท้องฟ้าเท่าไร จากนั้นพวกมังกรจะต่อสู้กับตัวอื่นอย่างมุ่งร้ายในอากาศ ฝนจะตกลงมาในจังหวะที่มังกรม้วนตัว และชักดิ้นชักงอ

นอกจากนี้มังกรมีความสามารถที่จะอยู่ในทะเล บินขึ้นไปยังสวรรค์ และขดตัวบนพื้นในรูปของภูเขา มังกรจีนสามารถปัดเป่าวิญญาณพเนจรชั่วร้าย ปกป้องผู้บริสุทธิ์ และให้ความปลอดภัยกับทุกคนที่ถือสัญลักษณ์ของเขามังกรจีนเป็นเครื่องหมายแห่งอำนาจและคุณงามความดี ความองอาจและความกล้าหาญ ความเป็นวีรบุรุษและความอุตสาหะ และความสูงส่งและความศักดิ์สิทธิ์ และนอกจากนี้ มังกรจีนเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี ความเป็นมงคล และความมั่งคั่งอีกด้วย


.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: 春节祝福话 : คำมงคลวันตรุษจีน
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มกราคม 26, 2014, 09:52:27 am »
มังกรจีน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากเอกสารอ้างอิงหรือแหล่งข้อมูล โปรดช่วยพัฒนาบทความนี้โดยเพิ่มแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือ เนื้อหาที่ไม่มีการอ้างอิงอาจถูกคัดค้านหรือนำออก)

-http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99-

ชนิดของมังกรจีน

มังกรจีน

คนจีนมีคติความเชื่อว่ามังกรของจีนแต่สมัยโบราณนั้นสามารถแบ่งแยกออกเป็น 9 ชนิด การแบ่งชนิดของมังกรนั้นในแต่ละตำราก็มีการแบ่งที่แตกต่างกันออกไป บางตำราบอกว่าแบ่งได้เป็น 3 ชนิด คือ

    มังกรแท้ ชิวเล้ง เป็นมังกรขนาดใหญ่ มีเขาและปีก เป็นพวกที่มีอำนาจมากที่สุด เป็นใหญ่เหนือมังกรทั้งปวง อาศัยอยู่บนฟ้าหรือบนสวรรค์
    มังกร หลี่ หรือ ลี่ เป็นมังกรไม่มีเขา อาศัยอยู่ในมหาสมุทร
    มังกร เจี่ยว หรือ เฉียว เป็นพวกมังกรมีเกล็ด อาศัยตามลุ่มหนองหรือถ้ำตามภูเขา มีขนาดตัวเล็กกว่ามังกรที่อยู่บนท้องฟ้า มีหัวและลำคอเล็ก ไม่มีเขา หน้าอกเป็นสีเลือดหมูหรือสีน้ำตาลเข้ม ด้านข้างลำตัวและสันหลังมีลายแถบเป็นสีเขียวและสีเหลือง มี 4 ขา ลักษณะโดยทั่วไปคล้ายกับงู มีลำตัวยาวประมาณ 13 ฟุต บางตำราบ่งบอกไว้ชัดเจนว่า หลง เป็นมังกรแห่งสวรรค์ หลี่ เป็นมังกรแห่งทะเล และเจี่ยว เป็นมังกรแห่งภูเขาและที่ลุ่ม

บางตำราได้เพิ่มลักษณะของมังกรจีนพื้นถิ่นเดิม ก่วย เป็นมังกรที่มีลักษณะทั่วไปคล้ายมังกรแท้ บุคลิกดูใจดี กล่าวกันว่ามันมีอำนาจที่เข้มแข็งในการต่อต้านกับความโลภและกิเลสทั้งปวง ชาวจีนนิยมนำมาเขียนเป็นลวดลายบนภาชนะสำริดยุคโบราณต่าง ๆ มังกรจีนทั้ง 9 ชนิดนั้นมีการผูกลายกันอย่างมากมายหลากหลายชนิด ตั้งแต่พระราชวังที่ประทับของฮ่องเต้ วัดและเคหสถานของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ตลอดไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ใช้ในงานมงคลต่าง ๆ มังกรจีนเป็นมังกรที่มีศักดิ์ศรี มีการแบ่งชั้นวรรณะกันอย่างชัดเจน ได้แก่
มังกรสวนนิ

เป็นมังกรที่ใช้สลักบนบัลลังก์ขององค์พระประติมากรรม และใช้แทนฐานรูปสิงโต
มังกรเฉาฟง

เป็นมังกรที่ใช้สลักบนสถาปัตยกรรมชายคา โบสถ์
มังกรฟูเหลา

เป็นมังกรที่ใช้ประดับบนยอดระฆังและกลอง ซึ่งเป็นเครื่องเสียงที่ใช้สำหรับต่อสู้หรือใช้ในการประกอบพิธีการที่สำคัญ
มังกรไยสู

เป็นมังกรที่ใช้สลักบนฝักดาบ บนกระบังดาบ และบริเวณใบดาบ รวมทั้งใบง้าว
มังกรฉีเหวิน

เป็นมังกรที่ใช้ประดับบนชื่อสะพาน เพราะมังกรฉีเหวินเป็นมังกรน้ำและยังใช้สลักบนบริเวณหลังคาอาคารสถาปัตยกรรม เพื่อปัองกันไฟอีกด้วย แต่บางครั้งก็จะย่อให้เหลือแต่ส่วนหางเท่านั้น จึงกลายเป็นปลามังกร หางปลา
มังกรปาเซียน

เป็นมังกรที่ใช้สลักที่บริเวณส่วนล่างของสถาปัตยกรรม เชื่อกันว่ามังกรปาเซียนนั้นจะสามารถช่วยพยุงน้ำหนักได้ ซึ่งเหมือนกันคนไทยที่มักจะใช้ยักษ์และคนแคระ ในการช่วยพยุงน้ำหนัก หรือบางครั้งก็จะใช้สิงห์แบกแทน
มังกรฉิวนิว

เป็นมังกรที่ใช้สลักบนลูกปิดของ"ซอ"เพราะมังกรฉิวนิวนั้นชอบฟังเพลง
มังกรปิกัน

เป็นมังกรที่ใช้สำหรับสลักบนประตูคุก เพื่อป้องกันการทะเลาะวิวาทของเหล่านักโทษ มังกรปิกันเป็นมังกรที่รักในการใช้พละกำลัง เป็นการแสดงความดุร้าย ซึ่งนักเลงมักจะนิยมสักมังกรชนิดนี้ไว้ที่บริเวณแขน หน้าอกและบริเวณกลางหลัง บางคนก็สักไว้ที่หน้าขาและที่อื่น ๆ นักเลงพวกนี้มักจะสักมังกร "คุก" และเรียกขานกันว่า พวก ตั้วหลักเล้ง จะใช้เป็นสัญลักษณ์

พญามังกร

เป็นมังกร 4 ตัว ซึ่งปกครองอยู่เหนือทะเลทั้งสี่ คือทะเล ตะวันออก(ตัง) ,ใต้(น่ำ) ,ตะวันตก(ไซ) และเหนือ(ปัก) พญามังกรอาศัยอยู่ในปราสาทมหาสมุทรหรูหรา(วังใต้ทะเล) และกินไข่มุกเจียงตู หรือไข่มุก และโอปอล เป็นอาหาร และพญามังกรทั้งสี่ตัวเป็นพี่น้องกัน บางแหล่งข้อมูลกล่าวว่ามังกร 4 ตัวนี้มีผู้ควบคุมชื่อ ฉิน แท็ง (Chien-Tang) เป็นมังกรที่มีสีแดงเลือด มีแผงคอเป็นไฟ และยาว 900 ฟุต
ลักษณะของมังกรจีน
ลักษณะของมังกรจีนที่เกิดจากจินตนาการ

คนจีนแทนลักษณะเฉพาะของมังกร 9 อย่าง ตามประเพณี แต่ละอย่างแสดงถึงลักษณะของมังกรที่แตกต่างกัน ลักษณะของ มังกรจีนในงานด้านจิตกรรมประติมากรรมของจีน ซึ่งใช้ในเวลาและโอกาสที่ต่างกัน คือ

    ลักษณะหัวของมังกร คล้ายกับหัวของอูฐ บางตำราก็บอกว่ามาจากหัวม้าหรือหัววัวหรือหัวจระเข้
    ลักษณะหนวดของมังกร คล้ายกับหนวดของมนุษย์
    ลักษณะเขาของมังกร คล้ายกับเขาของกวาง มังกรจะมีเขาได้ก็ต่อเมื่อมีอายุ 500 ปี และเมื่ออายุถึง 1,000 ปี ก็จะมีปีกเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างหนึ่ง
    ลักษณะตาของมังกร คล้ายกับตากระต่าย บางตำราบอกว่ามาจากตาของมารหรือปีศาจหรือตาของสิงโต
    ลักษณะหูของมังกร คล้ายกับหูวัว แต่ไม่สามารถได้ยินเสียง บางตำราก็ว่าไม่มีหู บางตำราบอกว่ามังกรได้ยินเสียงทางเขาที่เหมือนเขากวางนั้น
    ลักษณะคอของมังกร คล้ายกับคองู
    ลักษณะท้องของมังกร คล้ายกับท้องกบ บางตำราบอกว่ามาจากหอยแครงยักษ์
    ลักษณะเกล็ดของมังกร คล้ายกับเกล็ดปลามังกร บางตำราว่ามาจากปลาจำพวกตะเพียนหรือกระโห้ โดยมังกรจะมีเกล็ดตลอดแนวสัน-หลัง จำนวน 81 เกล็ด มีเกล็ดตามลำคอจนถึงบนหัว บนหัวมังกรมีรูปลักษณะเหมือนสันเขาต่อกัน เป็นทอดๆ
    ลักษณะกงเล็บของมังกร คล้ายกับกงเล็บของเหยี่ยว จำนวนเล็บของมังกรแต่ละตัวจะไม่เท่ากัน มังกรที่ยิ่งใหญ่จึงจะมี 5 เล็บ นอกนั้นก็จะเป็น 4 เล็บหรือ 3 เล็บ
    ลักษณะฝ่าเท้าของมังกร คล้ายกับฝ่าเท้าของเสือ

ลักษณะของมังกรจีน สัญลักษณ์แห่งเทพเจ้าที่จีนให้ความเคารพนับถือ ลักษณะของมังกรเกิดจากจินตนาการโดยการรวมเอาลักษณะของสัญลักษณ์เผ่าต่างๆมารวมกัน มีความแตกต่างกันตามคติความเชื่อถือและการประดิษฐ์ของช่าง มีกาลเทศะและวาสนาแตกต่างกันไปตามความเชื่อของคตินิยมแต่ละยุคแต่ละสมัย ซึ่งว่ากันว่ามังกรของจีนนั้นมี 9 ท่า 9 สี คำว่า หลง ในภาษาจีนกลางหมายถึงมังกรที่มีลักษณะดังนี้

    มังกรมีเขา หรือหลง เป็นลักษณะของมังกรที่มีเขาเหมือนกับกวางดาว ซึ่งคนญี่ปุ่นถือว่ากวางเป็นสัตว์ที่มาจากฟากฟ้าแดนสวรรค์ มีอำนาจมากที่สุดสามารถทำให้เกิดฝนได้ และหูหนวกโดยสิ้นเชิง อินเดียนแดงถือว่ากวางเป็นสัตว์ที่เป็นอมตะนิรันด์กาล แต่คนไทยกลับนิยมกินเนื้อกวาง ซึ่งจะชำแหละเนื้อไว้กินและหนังจะส่งขายให้กับประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำไปทำเป็นซับในของเสื้อเกราะญี่ปุ่นซึ่งหนังกวางนั้นเป็นสินค้าส่งออกที่มีความสำคัญของไทยมาตั้งแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา

    มังกรมีปีก หรือหว่านซี่ฟ่าน เป็นมังกรฝรั่งที่สามารถพ่นไฟ ได้ คนฝรั่งนิยมที่จะนำมังกรมีปีกนี้มาประกอบฉากเป็นพาหนะของผู้ร้ายหรือเป็นตัวแทนของมังกรที่ดุร้าย แต่ในสมัยราชวงศ์หมิง คนจีนนำมังกรชนิดนี้มาทำเป็นลวดลายบนถ้วยข้าวต้ม

    มังกรสวรรค์ หรือเทียนหลง มีชื่อเรียกว่า มังกรฟ้า เป็น มังกรในหาดสวรรค์ บางครั้งก็จะเป็นพาหนะของเทพเจ้าเทวาในลัทธิเต๋า คนจีนมีความเชื่อกันว่า มังกรเทียนหลงนี้เป็นมังกรที่ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองปราสาทราชวังของเทพเจ้าบนสรวงสรรค์ และเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของฮ่องเต้อีกด้วย

    มังกรวิญญาณเฉียนหลง หรือหลีเฉี่ยวหลง เป็นมังกรที่บันดาลให้เกิดลมฝนเพื่อประโยชน์ต่อการเกษตรและมนุษยชาติของชาวจีน แต่โบราณ มังกรหลีเฉี่ยวหลงนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของจักรราศีอีกด้วย

    มังกรเฝ้าทรัพย์ หรือฟูแซง เป็นมังกรบาดาล มังกรฟูแซงนี้น่าจะเป็นคติของอินตู้หรืออินเดียมากกว่าของจีน ซึ่งชาว กรีก โบราณเองก็มีความเชื่อกันในเรื่อง "มังกรบาดาล" เช่นกัน ความเชื่อเกี่ยวกับมังกรบาดาลนี้เป็นความเชื่อและคติที่เก่าแก่มาก

    มังกรขด ไม่มีฝอย เป็นมังกร "หด" ธรรมดา

    มังกรเหลือง เป็นมังกรจ้าปัญญา ทำหน้าที่คอยหาข้อมูลให้กับจักรพรรดิฟูใฉ่ที่เป็นตำนาน

    มังกรบ้าน หรือลี่หลง เป็นมังกรที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรและในทะเล บางตำนานเรียกว่า ไซโอ๊ะ มีเกล็ดปกคลุมทั่วทั้งตัว มักอาศัยอยู่ในหนองน้ำใกล้ ๆ กับถ้ำที่มีอากาศอับชื้น

    พญามังกร คือมังกร 4 ตัว ซึ่งปกครองอยู่เหนือทะเลทั้งสี่ คือทะเล ตะวันออก (ตัง),ใต้ (น้ำ), ตะวันตก (ไซ) และเหนือ (ปัก) พญามังกรอาศัยอยู่ในปราสาทมหาสมุทรหรูหรา(วังใต้ทะเล) และกินไข่มุกเจียงตู หรือไข่มุก และโอปอล เป็นอาหาร และพญามังกรทั้งสี่ตัวเป็นพี่น้องกัน บางแหล่งข้อมูลกล่าวว่ามังกร 4 ตัวนี้มีผู้ควบคุมชื่อ ฉิน แท็ง (Chien-Tang) เป็นมังกรที่มีสีแดงเลือด มีแผงคอเป็นไฟ และยาว 900 ฟุต

มีการบรรจุคำว่ามังกรลงในพจนานุกรมของประเทศจีน มีความหมายว่า "มังกรเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุด มีลักษณะหัวคล้ายหัวอูฐ มีเขาคล้ายเขากวาง ดวงตาคล้ายกับดวงตาของกระต่ายป่า หูของมันคล้ายหูวัว ปีกของมันคล้ายนกอินทรี มีลำคอยาวคล้ายงู ช่วงท้องมีลักษณะคล้ายกบ รูปร่างของมันคล้ายกับปลาตัวใหญ่ เท้าคล้ายกับเท้าเสือ เสียงของมันคล้ายเสียงตีฆ้อง เมื่อมันหายใจ ลมหายใจของมันมีลักณะคล้ายเมฆ ซึ่งบางครั้งก็ออกมาเป็นฝน บางครั้งก็เป็นเปลวไฟ"



ลูกหลานของมังกรจีนทั้ง 9 ชนิด คือ เล้งแซเก้าจื้อ ตามตำนานได้บอกไว้ว่า มังกรได้ให้กำเนิดลูกหลานไว้ 9 ชนิด ซึ่งสัตว์ทั้ง 9 ชนิดนี้มีรูปร่างลักษณะที่พิเศษแตกต่างกันออกไป แต่เนื่องจากหลังฐานได้สูญหายไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถรู้ได้ว่าตัวใดเป็นลูกของตัวใด ตัวใดเป็นตัวผู้หรือตัวใดเป็นตัวเมีย อย่างไรก็ตามต่อมาชาวจีนได้นำสัตว์ทั้ง 9 ชนิดมาวาดเป็นลวดลายไว้ในสิ่งของต่างๆเพื่อเสริมความเป็นมงคลตามลักษณะพิเศษของสัตว์ชนิดนั้นๆ ซึ่งลวดลายลูกหลานมังกรทั้ง 9 ชนิด คือ

    ลายรูปปู่เหลา ชาวจีนมักปั้นเป็นหูของระฆัง หรือทำเป็นลายสลักอยู่บนยอดสุดของฆ้องหรือระฆัง สื่อให้เห็นลักษณะที่ชอบร้องเสียงดังของมังกรจีน เวลาที่ถูกปลาวาฬจู่โจม อันเป็นศัตรูตัวสำคัญ
    ลายรูปจิวหนิว เป็นลายที่สลักอยู่บนก้านบิดของซอสำหรับทดสอบเสียง
    ลายรูปปาเซีย เป็นรูปสลักบนยอดหินจารึก แสดงถึงว่ามังกรจีนชนิดนี้ชอบในวรรณคดี เป็นเครื่องหมายแสดงแทนเต่าทั้งเพศผู้และเพศเมีย ซึ่งก้มหัวลงต่ำแสดงถึงความเศร้าโศก และยังถูกนำไปทำเป็นฐานของเสาหิน หรือรูปสลักสำหรับหลุมฝังศพ เป็นเทพเจ้าแห่งแม่น้ำ เป็นสัตว์ที่ได้รับการยกย่องว่ามีความเข้มแข็งอดทน
    ลายรูปปู-เซีย เป็นรูปสลักที่อยู่ก้นของอนุสาวรีย์หิน มีความหมายถึงให้ช่วยแบกรับน้ำหนักที่มากไว้
    ลายรูปเจ้าเฟิง เป็นรูปลักษณะที่อยู่บนชายคาโบสถ์วิหาร เพื่อสะท้อนความที่มังกรจีนนั้นพอใจต่ออันตรายทั้งหลาย
    ลายรูปฉี-เหวิน เป็นลายรูปที่สลักอยู่บนคานสะพาน เนื่องจากเป็นมังกรที่ชอบน้ำ จึงถูกสลักไว้บนยอดจั่วของอาคารเพื่อป้องกันไฟ มังกรจีนชนิดนี้ชอบจ้องมองออกไปข้างนอก ดังนั้นสัญลักษณ์ของมังกรจึงเป็นรูปปลายกหางขึ้นฟ้า
    ลายรูปส้วน-นี่ เป็นลายรูปที่อยู่บนยอดอาสนะของพระพุทธรูป มีนิสัยชอบพักผ่อน ตำราบอกไว้ว่าเป็นพวกเดียวกับซีจู หรือสัญลักษณ์รูปสิงโต
    ลายรูปไย่จู เป็นรูปลายที่สลักอยู่บนด้ามดาบ เพราะเป็นมังกรที่ชอบการฆ่าฟัน
    ลายรูปปี๋-กัน เป็นลายรูปที่สลักอยู่ตามประตูคุก เพราะเป็นมังกรที่ชอบขึ้นศาลต่อสู้คดี ทะเลาะวิวาท มีพละกำลัง ความเข้มแข็ง และดุร้ายมาก เป็นสัตว์ที่มีเกล็ดและมีเขาหนึ่งเขา

มังกรจีนสัญลักษณ์ของจักรพรรดิ




มังกร 5 เล็บ ใช้เป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิประดับบนฉลองพระองค์ ภาพนี่เป็นรูปภาพของ จักรพรรดิเสียนเฟิง ซึ่งเป็นพระสวามีของ พระนางซูสีไทเฮา

มังกรจีนโดยเฉพาะมังกร 5 เล็บจะถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิหรือฮ่องเต้แห่งประเทศจีน โดยมีหงส์เป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดินี เนื่องมาจากตามตำนานได้กล่าวไว้ว่า หงส์เป็นพาหนะของพระแม่ซิหวั่งหมู่ ซึ่งเป็นเจ้าแม่ผู้ปกครองภูเขาคุนหลุน ซึ่งถ้าเทียบตามศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เขาคุนหลุนก็คือเขาพระสุเมรุของไทย ตามนิทานแล้วเจ้าแม่ซิหวั่งหมู่เป็นผู้ปกครองสวรรค์ฝั่งตะวันตกคู่กับเง็กเซียนฮ่องเต้ที่ปกครองสวรรค์ฝั่งตะวันออก เหมือนกับที่องค์จักรพรรดิเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองแต่องค์ฮองเฮาเป็นผู้ปกครองวังหลัง คอยให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนในด้านต่าง ๆ

มังกรเป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิจีน แต่การใช้มังกรเป็นลวดลายประดับบนเสื้อนั้นเป็นการแสดงถึงความสูงต่ำของตำแหน่ง ซึ่งสามารถแบ่งได้ดังนี้

    รูปมังกร 5 เล็บ เป็นมังกรหลวงที่ใช้กับสมเด็จพระจักรพรรดิและองค์ชายในลำดับที่ 1 และ 2 เท่านั้น
    รูปมังกร 4 เล็บ เป็นมังกรทั่วไปที่ใช้กับองค์ชายในลำดับที่ 3 และ 4 องค์ชายลำดับที่ 5 เป็นต้นไปรวมถึงข้าราชการชั้นธรรมดาใช้รูปคล้ายงูที่มีเล็บ 5 เล็บได้ บางตำราก็บอกว่าเป็นรูปมังกร 3 เล็บ

หลังปี ค.ศ. 1759 ได้มีการกำหนดสัญลักษณ์ไว้อย่างแน่ชัด คือ จักรพรรดิ ขุนนางชั้นอัครมหาเสนาบดี เสนาบดี และราชบุตรเขยพระองค์แรก เจ้าชายพระองค์แรก รูปมังกรจะมี 4 เล็บ อัครมหาเสนาบดีที่โปรดปรานจะได้รับการพิจารณาเพิ่มเล็บมังกรเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามการกำหนดชั้นฐานะก็มีเรื่องของสีเสื้อเข้ามาเกี่ยวด้วย สีของเสื้อที่จะใช้กับลายมังกรมีอยู่ 3 สีคือ

    สีแดง
    สีเหลือง
    สีน้ำเงิน

สีแดงนั้นใช้ในงานพิธีมีความหมายถึงความสุข สีเหลืองใช้เฉพาะจักรพรรดิและพระมเหสี (สีเหลืองเป็นสีของราชวงศ์ชิง แต่หลายความเห็บบอกว่าจีนน่าจะใช้สีเหลืองเป็นสีของพระเจ้าแผ่นดินมาตั้งแต่ยุคโบราณ เนื่องมาจากจีนมีความเกี่ยวข้องกับสีเหลืองมาตั้งแต่อดีต ไม่ว่าจะเป็น ดินเหลือง แม่น้ำเหลือง ฯลฯ) สีน้ำเงินหมายถึงราชสมบัติและประเทศ

ฉลองพระองค์ของพระเจ้าแผ่นดินจีนตอนพิธีราชาภิเษก เป็นผ้าปักไหมสีสันต่าง ๆ เป็นรูปมังกร 5 เล็บอยู่ตรงกลางด้านหน้า ข้างบนตัวมังกรเป็นกลุ่มดาว 3 ดวงที่ฮ่องเต้ต้องบวงสรวง ข้างขวาของตัวมังกรเป็นอักษรคำว่า "ฮก" หมายถึงความสุข ข้างซ้ายของตัวมังกรเป็นรูปขวานโบราณหมายถึงอำนาจ ในความเป็นจริงแล้ว องค์จักรพรรดิของจีนนอกจากจะเป็นผู้นำของประเทศแล้ว ยังเป็นผู้นำในทางศาสนาอีกด้วย ดังจะเห็นจากที่พระเจ้าแผ่นดินจะเป็นผู้นำในการทำพิธีต่าง ๆ ซึ่งตามคติโบราณที่ว่าแต่เดิมมังกรนั้นก็คือมนุษย์หรือเกิดมาจากมนุษย์(ดังที่กล่าวมาแล้วในเรื่องการกำเนิดมังกร) และรูปลักษณ์ของเทพเจ้าโบราณก็มีลักษณะเป็นครึ่งคนครึ่งมังกร มังกรจึงถูกนำมาเปรียบให้เป็นสัญลักษณ์ของพระมหากษัตริย์จีนนั่นเอง

อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น

    杨静荣 (Yang Jirong); 刘志雄 (Liu Zhixiong) (2008), 龙之源 (The Origin of the Dragon), 中国书店, ISBN 7806635513

   คอมมอนส์ มีภาพและสื่ออื่น ๆ เกี่ยวกับ:
Chinese dragons

A to Z Photo Dictionary of Japanese Buddhism, onmarkproductions.com

    Dragon Articles, Crystal Dragon of Taiwan, cdot.org
    Dragons in Ancient China, China the Beautiful, chinapage.com
    Eastern Dragon Overview, The Circle of the Dragon, blackdrago.com
    Forbidden City Dragon Wall panography, world-heritage-tour.org
    The Chinese Dragon, everythingdragons.com
    龙生九子, The Dragon's 9 Children (จีน), jsdj.com

Flag of the People's Republic of China.svg บทความเกี่ยวกับประเทศจีน ประวัติศาสตร์จีน หรือภาษาจีนนี้ยังเป็นโครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยเพิ่มข้อมูล สถานีย่อย:ประเทศจีน


คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)