ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัติ และเรื่องราวน่ารู้ ที่เกี่ยวกับ "วันตรุษจีน"  (อ่าน 9284 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
 สุดยอด 28 มงคลในตำนานจีนโบราณ

-http://thaigoodview.com/node/12252-


สัญลักษณ์ที่เป็นมงคลตามความเชื่อของชาวจีนโบราณ มีเรื่องน่าสนใจ และสามารถบันดาลความสุข ความสมหวังให้จริงหรือ นั่นคือภูมิปัญญาและกุศโลบายของบรรพบุรุษจีนที่ได้คิดขึ้น และได้สืบทอด ใช้เป็นข้อกำหนด เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับสังคมชาวจีน มาช้านานในทุกผืนแผ่นดิน เกือบค่อนโลก เนื่องจากชาวจีนมุ่งมั่น เดินตามความหมาย และคำอวยพรที่เป็นสิริมงคล ของสัญลักษณ์มงคลจีนเหล่านั้น เช่น ต้องการให้ทุกคนมีโชคลาภ (ฮก) มียศถาบรรดาศักดิ์ (ลก) และมีชีวิตที่ยั่งยืนยาว (ซิ่ว) เมื่อมีแนวคิดเกี่ยวกับความเชื่อแต่ในสิ่งที่เป็นมงคลแล้ว การค้นหาสิ่งที่ดีงาม ไว้เป็นมงคลแก่ตนเองนั้นจึงเป็นประโยชน์แก่การดำรงชีวิต ที่มีหลักของสัจธรรม เป็นแนวทางปฎิบัติ ทำให้เข้าใจในธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งย่อมทำให้มองเห็นคุณค่า ของการมีชีวิต อยู่บนโลกเดียวกันมากขึ้น เพราะความหมายของมงคลจีนโบราณนั้นคือ คุณค่าของการเข้าใจธรรมชาติ เพื่อให้อยู่อย่างมีความสุข และสมปรารถนาทุกประการ

ชาวจีนนิยมสร้างสิ่งเป็นมงคลแก่ตัวเอง โดยมีทั้งตัวอักษร รูปภาพลวดลาย และสัญลักษณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้วิเศษ ผลไม้ ดอกไม้ สัตว์ ของใช้ มาเกี่ยวพันมากมาย และจะปรากฏอยู่รอบตัวเสมอ หากจะให้บอกว่ามีจำนวนเท่าไร คงไม่ได้ เพราะมากมายเหลือเกิน ณ ที่นี้ขอนำเสนอเพียง 28 สิ่งอันเป็นมงคลที่เราพบเห็นกันบ่อย และเป็นที่ได้รับความเชื่อถือ อย่างมากทั้งชาวจีน และไทยมาช้านาน


พระยิ้ม



สัญลักษณ์ของความรวย ความสุข และความอุดมสมบูรณ์
เป็นพระอ้วนกลมยิ้มแย้ม พุงพลุ้ย มีลักษณะท่าทางหลายแบบ แต่ละท่าล้วนแล้วแต่มีของมงคลที่สื่อถึงความมั่งมี ศรีสุข ประกอบอยู่ด้วย เชื่อว่า ผู้ใดบูชาพระยิ้ม จะได้รับมงคลที่มุ่งถึงความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพย์ศฤงคาร และความสุข เพราะท่านเป็นพระที่ร่ำรวย บางท่านมีความเชื่อว่า ให้อธิษฐานลูบท้องพระวันละครั้งจะทำให้เกิดโชคดี สมปรารถนา และมีลูกหลานเป็นบัณฑิต

ฮก ลก ซิ่ว ลาภ รวย อายุ



ฮก แปลว่า โชคลาภ ความสุขที่เกิดจากการได้สมหวังดังใจ
เทพฮก เป็นชายโหงวเฮ้งดี มีสง่าราศี แต่งกายภูมิฐาน มือหนึ่งประคองคทายู่อี่ ยอดทำด้วยหยก (คทา
สมปรารถนา) เป็นของวิเศษ ใครอธิษฐานสิ่งใดก็ให้สมปรารถนา หรือได้โชคลาภตามคำขอ
ลก แปลว่า รวย หรือความมั่งคั่ง
เทพลก เป็นอัครอภิมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่ง มือหนึ่งถือบัญชีทรัพย์สินรายชื่อลูกหนี้ม้วนใหญ่ เพราะร่ำรวยล้นฟ้ามีสมบัติมหาศาล จึงมีลูกหนี้มากมาย อีกมืออุ้มลูกชาย ในมือลูกชายถือเงินทอง และอาจมีลูกสาวตัวน้อยเกาะขาอยู่ ในอ้อมแขนลูกสาวมีเครื่องประดับ ดอกไม้ ขนม แสดงถึงความมีกินมีใช้ ตามความเชื่อโบราณ ลก ที่สมบูรณ์จะต้องมีลูกชาย เพราะคนจีนถือเรื่องสืบต่อวงศ์ตระกูล ถ้ารวยอย่างเดียวโดยไม่มีลูกชายสืบสกุล ก็ไร้ประโยชน์
ซิ่ว แปลว่า อายุยืน
เทพซิ่ว เป็นชายแก่ศรีษะล้าน หน้าผากนูน เคราสีขาวยาว มือหนึ่งถือผลท้อ ซึ่งเป็นผลไม้สวรรค์ ใครได้ทานจะมีอายุยืนยาว อีกมือถือไม้เท้าหัวมังกรสัตว์ในตำนานที่มีอายุยืนถึงหมื่นปี ที่คอไม้เท้าห้อยน้ำเต้า ภายในน้ำเต้าบรรจุยาอายุวัฒนะ เหนือน้ำเต้ามี "เซียนจือ" ผูกติดอยู่ เซียนจือคือตำรายาเทวดา หรือตำรายาอายุวัฒนะ ซิ่ว มีนกกระเรียนเป็นสัตว์เทพพาหนะ
ฮก ลก ซิ่ว มีฮกเป็นหัวหน้า ส่วนลก และซิ่ว เป็นบริวาร ถือว่าต้องมีลก กับซิ่วจึงจะมีฮก นั่นคือต้องมีอายุมั่นขวัญยืน และมั่งมี จึงจะศรีสุขได้ การตั้งฮก ลก ซิ่วที่ถูกหลัก ต้องตั้งฮกไว้ตรงกลาง

กวนอู



เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ กตัญญู เป็นที่ยำเกรงของภูตผีปีศาจ
กวนอู เดิมชื่อ หนเตี๋ยง ชาวเมืองฮอตั่งไก่ สูง ๖ ศอก ปากแดง หน้าแดง คิ้วตัวไหม ดวงตาการเวก
มีง้าวเป็นอาวุธ เป็นคนดีมีคุณธรรม ซื่อสัตย์ กตัญญูรู้คุณคน
เล่ากันว่า ผู้ใดคิดไม่ซื่อหวังทุจริต เมื่อได้พบเห็น หรือสบตากับเทพกวนอู จะเกิดความละอายใจ ไม่กล้าคิดคด จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีบริวารอยู่ใต้ปกครอง ควรบูชาไว้เพื่อเป็นสิริมงคล

ไชซิ้งเอี้ย



เทพเจ้าแห่งโชคลาภ หรือเทพเจ้าเงินตรา
เป็นที่นิยมนับถือของผู้ประกอบการค้าชาวจีนมาช้านาน เนื่องจากมีอานุภาพในด้านการอำนวยโชค
ลาภ ความมั่งคั่ง ร่ำรวย มั่นคง ให้แก่ผู้บูชา
ไชซิ้งเอี้ย เป็นเทพเจ้าใส่หน้ากากงิ้ว ถ้าปั้นเป็นเทพ ๒ องค์ คือปั้นแบบครบชุดจะมีบู๊ และบุ๋น องค์บู๊จะหน้าดุ บางครั้งประทับบนหลังเสือ หรือเหยียบเสืออยู่ ที่หัตถ์ถือกระบอง ส่วนองค์บุ๋นหน้าตาดี มีหนวด เชื่อกันว่า องค์บู๊ ให้คุณเรื่องหนี้สินด้วย คือช่วยทวงหนี้ให้ผู้บูชา ลูกหนี้ไม่กล้าเบี้ยว

จี้กงอ๊วกฮุด



อรหันต์ที่ชอบประทานความช่วยเหลือ
เป็นพระที่มีชีวิตชีวา หน้าตาขี้เล่นเบิกบาน ไม่ถือศีลกินเจ แต่ชอบร่ำสุรา รูปของท่านจึงมักมีจอกสุรา
อยู่ด้วย และมือหนึ่งจะถือพัดอั้งโล้ว ที่ใช้พัดเตาไฟทำด้วยใบลาน บางทีก็หิ้วรองเท้าข้างหนึ่ง แล้วใส่อยู่ข้างหนึ่ง เล่ากันว่า ท่านชอบช่วยเหลือคนที่มีความสามารถ ในรูปแบบแปลกๆที่คาดไม่ถึง

จงขุย หรือเจ็งคุ้ย



เทพปราบมาร เป็นเทพแห่งปีศาจทั้งปวง
ตำนานเล่าว่า เป็นผู้ขจัดภูตผีปีศาจที่พระเจ้าถังเสวียนฝันถึง และให้อู๋เต๋าจือ จิตรกรวาดภาพตามคำ
บอกในฝัน ที่มาบอกถึงพระเจ้าถังเกาจง (พระราชบิดาของพระเจ้าถังเสวียน) ได้เมตตาประทานชุดสีน้ำเงิน และจัดงานศพของตน ที่ตกบันไดตาย เนื่องจากเสียใจสอบจอหงวนไม่ได้ จึงตั้งใจจะขจัดภูตผีปีศาจและสิ่งเลวร้ายให้ ดังนั้นในวันที่ ๕ ของเดือน ๕ เป็นวันปล่อยผี (ตวนอู่เจี่ย) จึงพากันแขวนเทพจงขุยไว้ที่ผนังบ้าน
เชื่อกันว่า ใครที่กลัวจะถูกทำของใส่ หรือถูกคุณไสยเล่นเอา ต้องมีจงขุยคุ้มครองอยู่ในบ้าน หรือกรณีที่ต้องเข้าโรงพยาบาล หรือคนป่วยไปพักฟื้นที่ไหน สถานที่เหล่านั้นถือว่า มันสกปรก คือมีคนตายมาก ต้องมีผีอยู่ ให้เอาเทพปราบมารองค์นี้ไปด้วย แล้วจะปลอดภัยหายเป็นปกติกลับบ้านได้

หยิน-หยาง (ไท้เก๊กโต๊ว)



เป็นสัญลักษณ์วงกลมครึ่งขาวครึ่งดำ ในดำมีจุดขาว ในขาวมีจุดดำ เหมือนตาปลา ทำให้ดูเป็น
ปลาขาวดำสองตัวกลับหัวกัน
ความหมายให้สีดำเป็น หยิน - ผู้หญิง ความมืดดำ โลก ดวงจันทร์ ความอ่อนแอ (สวยงาม) และความสันโดษ สีขาวเป็นหยาง - ผู้ชาย ความขาวสว่าง ท้องฟ้า (สวรรค์) ดวงอาทิตย์ ความเข้มแข็ง (พละกำลัง) และความเป็นคู่หยินหยางนี้เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตที่มีสองด้านเสมอ จึงถูกนำมาใช้เพื่อเป็นพลังมงคลในการเสริม และปรับฮวงจุ้ยได้อย่างดี

น้ำเต้า (หลู หรือ หู)



เป็นสัญลักษณ์ของหมอเทพหรือหมอยา
ชาวจีนมักใช้แขวนในห้องเด็ก หรือผู้สูงอายุ เพราะเชื่อว่าหมอเทพได้มาอยู่ในห้อง ทำให้มีสุขภาพ
แข็งแรง เด็กๆไม่งอแง และไม่มีภูตผีมารบกวน นอกจากนี้ผลน้ำเต้ายังเป็นพืชพันธุ์ที่มีเมล็ดมาก มีเครือยาว และออกผลไม่จบสิ้น เปรียบเท่ากับหมื่นชั่วคน ใช้แสดงถึงความเป็นมงคลให้มีอายุยืนยาว สุขภาพแข็งแรง มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง

ระฆัง (เจง หรือเจ่ง)



เป็นสัญลักษณ์มงคลทางศาสนา หมายถึงการตื่น และการรู้
เสียงระฆังทำให้ตื่นจากการหลงในกิเลสตัณหา ให้รู้สึกตื่น และรู้สัจธรรมที่แท้จริง ยังมีความเชื่ออีกว่า
เสียงระฆังจะนำแต่ข่าวดีและเรื่องมงคลต่างๆมาให้เท่านั้น อีกทั้งยังจะทำให้รู้เท่าทันศัตรูคู่แข่งอีกด้วย

เหรียญจีนโบราณ



สัญลักษณ์ที่แสดงถึงความมั่งคั่งร่ำรวย มีเงินทองมากมาย
ชาวจีนโบราณถือว่าเป็นหนึ่งในมงคลแห่งสมบัติโบราณ เป็นสิ่งนำโชคลาภมาให้ จึงมักสลักคำสิริมงคล
ไว้บนเหรียญ ซึ่งแปลว่า ให้มีสิริมงคล สมปรารถนา หรือให้มีเงินทองเต็มบ้าน หรือเหรียญตราแห่งความเจริญรุ่งเรือง

คทามงคล (ยู่อี่)



สัญลักษณ์แห่งความสมปรารถนา
เป็นเครื่องยศชั้นสูง สำหรับจักรพรรดิ ขุนนางชั้นสูง และพระจีนชั้นผู้ใหญ่ไว้ใช้ทำพิธีกรรม ส่วนหัวของ
คทาเป็นรูปทรงแป้น งอๆ ซึ่งมาจากรูปลักษณ์ตรงส่วนหัวของเห็ดหลินจือ ที่ชาวจีนโบราณเชื่อว่า มีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ ใครได้กินจะเป็นอมตะ และจัดเป็นพืชมงคลอย่างหนึ่ง
คทายู่อี่อาจทำด้วยงาช้าง หยก หิน ไม้ไผ่ และโลหะ ถ้าทำด้วยหยกเรียกว่า "เง็กยู่อี่" เง็ก คือหยก ยู่อี่ แปลว่าสมปรารถนา คทายู่อี่ยังเป็นของวิเศษที่พระโพธิสัตว์ และเทพฮก (ฮก ลก ซิ่ว) ถืออยู่ด้วย เพราะฮก คือความสุข สุขที่เกิดจากการได้สมปรารถนาในทุกเรื่อง จึงเชื่อว่าสัญลักษณ์ยู่อี่นี้ จะนำความสมปรารถนามาให้




คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
สุดยอด 28 มงคลในตำนานจีนโบราณ

-http://thaigoodview.com/node/12252-


มังกร (หลง หรือ เล้ง)



เป็นสัญลักษณ์แห่ง พลัง อำนาจ ความยิ่งใหญ่ เพศชาย จักรพรรดิ ประเทศชาติ
มังกรถือเป็นสัตว์สำคัญที่สุดของจีน และเป็นสัตว์เทพที่ศักดิ์สิทธิ์ เกิดจากลักษณะของสัตว์ ๕ ชนิด มี
เขากวาง หัววัว ตัวงู เกล็ดปลา เท้าเหยี่ยว แต่บางตำราว่า มังกรมีที่มาจากส่วนของสัตว์ ๙ ชนิด คือ เขากวาง หัวอูฐ ตาปีศาจ คองู ท้องหอยแครงยักษ์ เกล็ดปลาตะเพียน หรือปลากะโห้ เล็บอินทรีย์ หรือเหยี่ยว ฝ่าเท้าเสือ หูวัว ที่สำคัญมีหนวดเครางอกยื่นออกนิดเดียว ใช้เวลา ๕๐๐ ปี หากอายุ ๑๐๐๐ ปี จะมีปีกงอกออกบินได้อีก ในปากมังกรจีนมีมุกอัคนี ซึ่งเป็นมุกวิเศษที่ขยายให้เล็ก-ใหญ่ มืด-สว่างได้ ใช้เรียกลม ฝน และปราบภูตผีปีศาจ ใช้แสดงพลังอำนาจ และความยิ่งใหญ่ มังกรเป็นสัตว์เทพ จึงเหาะเหินเดินอากาศได้ แหวกน้ำดำดินได้
การนำสัญลักษณ์มังกรมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นรูปวาด รูปปั้น หรือประดับตามข้าวของเครื่องใช้ หากเป็นของจักรพรรดิ มังกรจะมี ๕ เล็บ ของขุนนางจะมี ๔ เล็บ ถ้าสามัญชนจะมี ๓ เล็บเท่านั้น
ตามตำนานจีน มังกรเป็นสัตว์มงคลสูงสุด เป็นราชาแห่งสัตว์มีเกล็ดทั้งมวล เป็นตัวแทนแห่งความแข็งแกร่ง ความดีงาม ความตั้งใจ ความอุตสาหะพยายาม ความกล้าหาญ และความอดทน ชาวจีนจึงถือว่า
มังกรคือ จิตวิญญาณของการเปลี่ยนแปลง และฟื้นฟูให้ดีขึ้น และมังกรยังเป็นผู้นำฝนแห่งชีวิตมาให้
ภาพลักษณ์ของมังกร จะเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่เกิดปีไก่ (ระกา) ซึ่งเชื่อกันว่าแปลงร่างมาเป็นนกโฟนิกซ์ ที่เป็นเพื่อนสนิทกับมังกร

หงส์ (เพิ่งหวง)



เป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดินี ความงาม เพศหญิง และการเริ่มต้น หรือการมีชีวิตใหม่ที่ดี
หงส์ เป็นสัตว์ในตำนานเหมือนมังกร และกิเลน มีลักษณะของนกมงคล ๕ ชนิดประกอบกัน คือ
หัวไก่ฟ้า ปากนกแก้ว ตัวเป็ดแมนดาริน ขนนกกระสา และหางนกยูง หงส์เป็นใหญ่ในสัตว์ปีกทั้งหมด มี ๕ ประเภทคือ ประเภทขนสีแดง ขนสีม่วง ขนสีเหลือง และขนสีขาว (หรือห่านฟ้า) หงส์ตัวเมียมีหัวสีแดง ตัวผู้หัวสีเขียวหรือน้ำเงิน เสียงร้องเหมือนขลุ่ย ไม่กินแมลงที่มีชีวิต ไม่จิกต้นไม้ที่เขียวสด ไม่บินเร่ร่อน เมื่อบินไปไหนจะมีนกอื่นบินตาม นกนี้สามารถหยั่งรู้เหตุการณ์ณืบนโลกได้ จะปรากฏในสถานที่มีความสงบเท่านั้น จึงใช้เป็นสื่อแสดงถึงความงาม และความดี ๕ ประการ คือ คุณธรรม ความยุติธรรม ศีลธรรม มนุษยธรรม และสัจธรรม รวมถึงทางศาสตร์ฮวงจุ้ยจะใช้หงส์ ในความหมายของการตั้งต้นใหม่ที่ดี

กิเลน (ฉีหลิน)



สัญลักษณ์ของวาสนา ความมั่นคง และป้องกันสิ่งอัปมงคล
กิเลน เป็นสัตว์มงคลตามตำนาน บางครั้งชาวจีนเรียกว่า "ม้ามังกร" เหมือนเรื่องพระอภัยมณีของคน
ไทย มีลักษณะของสัตว์มงคล ๕ ชนิดรวมกัน คือ หัวมังกร เขายูนิคอร์น ตัวเป็นกวาง มีเกล็ดเหมือนปลา หางวัว ถือเป็นสัตว์มงคลซึ่งเมื่อปรากฏขึ้นที่ไหน หมายถึงกำลังจะมีเรื่องมงคลเกิดขึ้น หรือจะมีแต่โชคดี ไม่มีเรื่องร้าย และยังเชื่อกันว่า การจัดตั้งกิเลนไว้จะช่วยกรองและขจัดสิ่งอัปมงคลต่างๆ ให้พ้นไป แต่จะนำเอาความโชคดี ข่าวดีมาให้

สิงห์ (ไซ หรือจอหงวนไซ)



เป็นสัตว์มงคลที่มีอำนาจในภาคพื้นดิน ให้คุณทางด้านแคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง
บางตำนานเล่าว่า สิงห์ไม่ใช่สัตว์พื้นบ้านของจีน แต่มีในถิ่นแอฟริกา มีนักเดินทางชาวจีนไปเห็น ก็
ชอบมาก แต่ไม่สามารถนำกลับประเทศได้ จึงจดจำกลับมาสร้างภาพตามจินตนาการ มีความสง่างามกำยำล่ำสัน เสียงร้องก้องกังวาน ถือเป็นเจ้าแห่งสัตว์ป่าทั้งปวง สิงห์จึงเป็นที่ชื่นชม เคารพบูชาตั้งแต่กษัตริย์ จนถึงขุนนาง และนิยมจัดตั้งสิงห์คู่ไว้หน้าสถานที่สำคัญ เช่นหน้าพระราชวัง โบสถ์ วัด
ยังมีบางตำนานกล่าวอีกว่า สิงห์ตัวผู้ และตัวเมียหยอกล้อเล่นกัน ขนของมันที่หลุดออกจากตัวเกาะกันเป็นลูกกลมๆ และต่อมาก็มีสิงห์ตัวเล็กออกจากก้อนกลมนั้น เราจึงเห็นรูปปั้นสิงห์ตัวผู้ (หวงไซจื้อ) จะเหยียบลูกโลก หรือลูกบอล ตัวเมีย (ฉือไซจื้อ) เหยียบลูกไว้
ชาวจีนเชื่อว่า การจัดตั้งสิงห์ไว้หน้าประตู หรือปลายหัวเสา แสดงถึงอำนาจ น่าเกรงขาม เพราะสิงห์เป็นสัตว์เทพมงคล โดยเฉพาะสิงห์สีเขียวเป็นสัตว์เทพพาหนะของ มัญชุศรีมหา-โพธิสัตว์ (บุ่งชู้ผ่อสัก) ในพุทธมหายาน ดังนั้นสิงห์จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งการปกป้องคุ้มภัย และมีอำนาจขจัดภูตผีปีศาจ ให้กับสถานที่นั้นๆอย่างยอดเยี่ยม

คางคกสามขาคาบเหรียญ (เซียมซู้ซากิมจี๊ หรือฉางฉุ)



มีอีกชื่อว่าคางคกฟ้า เป็นสัตว์นำโชค มีมงคลหมายถึงโชคลาภ เงินทอง อายุยืน
ลักษณะเหมือนคางคก แต่มีสามขา ปากคาบเหรียญทอง ตามตำนานเล่าว่า เนื้อเซียมซู้เป็นยา
อายุวัฒนะ กินแล้วช่วยให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ และเป็นอมตะ ตัวเซียมซู้จึงถูกจับกิน จนต้องอพยพทิ้งถิ่นไปอยู่บนดวงจันทร์ มีชายคนหนึ่งชื่อเหล่าไฮ้ เป็นผู้โชคดีได้พบตัวเซียมซู้ แล้วเก็บมาเลี้ยงอย่างดี จึงบันดาลให้เกิดโชคมากมาย ที่เคยยากจนก็กลับร่ำรวยขึ้นมา
ชาวจีนเชื่อว่า เซียมซู้ เป็นสัตว์มงคล ที่นำความร่ำรวย มีโชคลาภ และอายุยืนมาให้

กวาง (หลู้ หรือลก)



เป็นสัญลักษณ์แทนเทพเจ้าลก ในฮก ลก ซิ่ว ซึ่งหมายถึงยศถาบรรดาศักดิ์ ความร่ำรวย
รุ่งเรือง มั่งคั่ง อายุยืนยาว
กวาง เป็นสัตว์อายุยืนมาก กวางสีเทามีอายุ ๑,๐๐๐ ปี กวางสีดำมีอายุ ๑,๕๐๐ -๒๐๐๐ ปี และพบว่ากวางถูกใช้ในพิธีบูชายัญ เพื่อความเป็นอมตะ ดังนั้นชาวจีนจึงเชื่อว่า ภาพหรือรูปปั้นกวาง นำสิ่งมงคลถึงความยืนยาว ทั้งด้านยศศักดิ์ ความก้าวหน้า ความร่ำรวย และสุขภาพดี มาให้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เต่ามังกร



สัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง อายุยืน สุขภาพดี ตั้งใจ มุมานะ นำไปสู่ความก้าวหน้า
ความสำเร็จ อย่างมั่นคง ยืนยาว และรวมถึงความเพิ่มพูนด้านทรัพย์สินเงินทอง และป้องกันคุ้มภัยจากสิ่งชั่วร้าย
เต่ามังกร เป็นสัตว์เทพที่มีพลังอำนาจ เป็นที่ศรัทธาสูงสุดของราชวงศ์ถัง ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ถังได้สร้างรูปปั้นเต่ามังกรไว้หน้าพระราชวัง และเป็นความเชื่อสืบต่อกันมาของชาวจีน เพราะมีความเชื่อว่า เต่ามังกร เป็นลูกตัวที่ ๙ ของพญามังกร ซึ่งออกมาเป็นเต่าหัวเป็นมังกร ตามความหมายแล้ว เต่า เป็นตัวแทนของความยั่งยืน แข็งแรง อดทน มีเกราะป้องกันอันตราย ส่วนมังกร คือ ความยิ่งใหญ่ ความดีงาม ความกล้าหาญ วาสนาบารมีสูงส่ง จึงถือเป็นมงคลสูงสุด เมื่อสัตว์มงคลทั้งสองชนิดมารวมกันไว้ ซึ่งเป็นสุดยอดปรารถนาของชาวจีนในอดีต และเป็นที่เชื่อถือมาจนถึงปัจจุบัน

ปลา (ฮื้อ หรือ อวี๋)



สัญลักษณ์ของการมีมากมายล้นเหลือ ได้กำไร ได้ประโยชน์
ภาษาจีนแต้จิ๋ว ฮื้อ เป็นคำพ้องเสียงแปลว่ามากมายล้นเหลือ ใช้แสดงถึงความหมายมงคล ให้มีสิ่งที่
ต้องการมากมาย มีเหลือกินเหลือใช้ ไม่ขาด และโชคดี
หากเป็นปลาทอง จะหมายถึงทองและหยกเต็มบ้าน
หากเป็นปลาหลี่ฮื้อ หรือหลี่อวี๋ หมายถึง ความสำเร็จ โดยมีตำนานว่า ปลาหลี่ฮื้อตัวใดสามารถว่ายมาถึงประตูมังกรที่ปากทางสวรรค์ แล้วกระโดดข้ามไปได้ จะกลายเป็น "ปลามังกร" ซึ่งเป็นคติสอนใจชาวจีนว่า คนจนก็มีสิทธิ์รวยได้ ถ้ามีความมุ่งมั่นและพยายามเหมือนปลาหลี่ฮื้อ ที่เพียรว่ายน้ำมาจนถึงปากทางสวรรค์ และใช้แรงพยายามสุดชีวิตเพื่อให้เข้าประตูมังกรได้สำเร็จ ซึ่งจะได้เปลี่ยนเป็นปลาที่มีเกียรติยศสง่างาม ถ้าปลาตัวใดกระโดดข้ามไม่ได้ก็ยังคงเป็นปลาหลี่ฮื้อตามเดิม จึงนิยมใช้ปลาหลี่ฮื้อแทนคำอวยพรที่ว่า ขอให้ประสบความสำเร็จในชีวิต และให้มีเพียงพอ

เป็ดแมนดาริน (อวงเอียง)



สัญลักษณ์ของการมีชีวิตคู่ที่มีความสุข การแต่งงาน
ตามธรรมชาติของเป็ดแมนดาริน จะอยู่ด้วยกันเป็นคู่เสมอ จึงใช้อวยพรคู่บ่าวสาวให้มีชีวิตคู่เปี่ยมสุข
และซื่อสัตย์ต่อกัน จึงมีความเชื่อว่า การใช้สัญลักษณ์เป็ดคู่ จะเป็นมงคลสูงสุดในเรื่องของความสมหวังใน
ความรัก

ม้า (หม่า)



สัญลักษณ์แทนความว่องไว รวดเร็ว ทันที แข็งแรง ไม่หยุดอยู่กับที่ การเดินทาง เลื่อนตำแหน่ง
ชาวจีนเชื่อกันว่า การจัดวางม้าสามตัวจะสามารถแก้การแตกแยกได้ หรือใช้ภาพม้าแปดตัว แปด
อิริยาบถ เพื่อเสริมความก้าวหน้ารุ่งเรืองในทางธุรกิจการค้า สำเร็จรวดเร็ว ม้า ยังเป็นสัญลักษณ์แทนคำอวยพรให้สุขภาพแข็งแรงอีกด้วย

หมู (จู)



สัญลักษณ์ของการสอบได้ ทุกเรื่องง่าย สมบูรณ์พร้อม กินอิ่มนอนหลับ
ชาวจีนเชื่อกันว่า การอวยพรโดยใช้รูปหมู หมายถึงการให้สอบได้ ส่วนคำว่า "ฮวน"ที่แปลว่าหมูป่าจะ
หมายถึงความสนุกสนาน ใช้แทนความหมายดีใจอย่างยิ่ง บางตำราเชื่อว่า หมูเป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์พร้อม ในเรื่องของการมีกินมีใช้ตลอด กินอิ่มนอนหลับ สบายใจ เพราะทุกเรื่องที่ยากจะกลับเป็นเรื่องง่ายๆ

ปี่เซียะ / ผี่ชิว หรือเผ่เย่า



สัญลักษณ์ของสัตว์มงคลนำโชค ป้องกันและกำจัดสิ่งอัปมงคล
มีลักษณะรูปร่างคล้ายกวาง มีเขี้ยว ตาโปน ปากกว้าง มีเขา หางยาว ปีกสั้น แต่บางตัวก็ไม่มีปีก
มีอุปนิสัยกล้าหาญ เปิดเผย จงรักภักดี ซื่อสัตย์กับเจ้าของ ซึ่งรูปลักษณะของปี่เซียะเป็นการรวมสัตว์มงคล ๕ ชนิด ๕ ธาตุไว้ด้วยกัน คือ มีสี่เท้าของสิงโตอันทรงพลัง (ธาตุทอง) มีเขาและลำตัวเป็นกวาง (ธาตุน้ำ) มีปีกของพญานกอันแข็งแกร่ง (ธาตุไฟ) มีศรีษะของมังกรอันทรงพลัง (ธาตุไม้) มีหางแมวอันศักดิ์สิทธิ์ (ธาตุดิน)
จึงเป็นความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับรูปลักษณะว่า เท้าตะปบเงิน ยกหัวข่มศัตรูคู่แข่ง อ้าปากกว้างรับทรัพย์ ลิ้นตวัดเกี่ยวเงินทอง หางยาวกวักโชคลาภ ไม่มีรูทวารเงินทองจึงไม่รั่วไหล
เล่ากันว่า ปี่เซียะเป็นราชบุตรองค์ที่ ๙ ของพญามังกรสวรรค์ ที่เรียกกันหลายชื่อ ขึ้นอยู่กับสถานที่พบเห็น บ้างก็ว่า "เผ่เย่า"อยู่บนสวรรค์ "ผี่ชิว"อยู่บนโลกมนุษย์ "พีแคน"อยู่ในมหาสมุทร แต่ทั้งหมดจัดเป็นสัตว์เทพ ที่นำโชคลาภและขจัดสิ่งอัปมงคล ป้องกันอันตราย รวมทั้งยังช่วยนำพาลาภลอยมาให้ โดยเฉพาะโชคลาภที่เกี่ยวข้องกับการงาน หรืออาชีพที่ต้องเสี่ยง
เชื่อว่า ปี่เซียะ มีพลังแรงมากในเรื่องการนำโชค หากยิ่งได้นำไปตั้งคู่กับ "กิเลน"ด้วยแล้ว จะยิ่งมีพลังแรงมากขึ้นไปอีก ผู้ที่จัดตั้งปี่เซียะนั้นควรเป็นผู้มีศีลธรรม คุณธรรม จึงจะประสบผล แต่หากมีนิสัยคดโกง ประพฤติผิดศีลธรรม ไม่มีคุณธรรมแล้ว ก็จะได้รับผลในทางตรงกันข้าม

แพะ (เหยียงหรือเอี๊ย)



สัญลักษณ์แห่งความโชคดี ความรุ่งเรือง และความสำเร็จ
คนจีนโบราณยกย่องให้แพะเป็นสัตว์มงคล หมายถึงโชคดี และความรุ่งเรือง มีการวาดหรือปั้นลวดลาย
แพะสามตัว พ่อแม่ลูกกับดวงอาทิตย์ (ซาเอี๊ยไคไข่) ลายแพะสามตัวเปิดประตู (ซาเอี๊ยคุยมึ้ง) ถือเป็นมงคลและเป็นการอวยพร หมายถึงความรุ่งเรือง ความสำเร็จได้กลับมา อุปมาเหมือนเมื่อฤดูใบไม้ผลิ ความสดชื่นเขียวชอุ่มสวยงามก็กลับมา

กระต่าย (ทู่จื่อ หรือ โท้วบุ๊ง)



สัญลักษณ์ให้มีอำนาจ ความสามารถ ความกล้าหาญ และยุติธรรม
ตามความเชื่อของชาวจีนสมัยโบราณเชื่อว่า ฝูงกระต่ายสีขาวบนดวงจันทร์ มีหน้าที่ปรุงยาอายุวัฒนะ
จึงวาดลวดลายมงคลเป็นกระต่าย ๓ ตัววิ่งไล่กันเป็นวงกลม โดยให้หูข้างเดียวของกระต่ายแต่ละตัวอยู่ตรงกลางเป็นสามเหลี่ยม เมื่อดูทีละตัวจึงจะเห็นกระต่ายแต่ละตัวมีหูสองข้าง ใช้แสดงมงคลถึงการให้มีอำนาจ กล้าหาญ และยุติธรรม
หากใช้สัญลักษณ์ "กระต่ายป่า" จะหมายถึงความมีอายุยืนเหมือนกวาง

กุ้ง (เซีย)



สัญลักษณ์แห่งความโชคดี ผ่านพ้นอุปสรรค
เชื่อกันว่าลักษณะตัวงอของกุ้ง ทำให้ตัวเองมีแรงกระโดดได้ไกล ไม่มีอุปสรรคทั้งทางโค้งทางลัด จึง
หมายถึงการทำสิ่งใดได้ผลตามที่ปรารถนา สามารถผ่านพ้นอุปสรรคทั้งหลายได้ และโชคดีในทุกเรื่อง

ถั่วลิสง (หลัวฮวาเชิง)



ถือเป็นผลไม้มงคลอย่างหนึ่ง ซึ่งได้รับขนานนามว่า เมล็ดพันธุ์แห่งความยั่งยืน
ถั่วลิสง สามารถเจริญเติบโตได้ดีเมื่ออยู่ใต้ดิน มีเมล็ดเป็นพวงคล้ายองุ่น เก็บไว้ได้นานไม่เน่าเปื่อย
มีรสชาติอร่อย หอมและมีคุณค่าต่อร่างกาย จึงใช้ถั่วลิสงเป็นสัญลักษณ์มงคล แสดงถึงความงอกเงย งอกงามและความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง

ต้นไผ่ (จู๋)



สัญลักษณ์แห่งความก้าวหน้า การยืดหยุ่น มั่นคง ทนทาน อายุยืน
ดังสุภาษิตที่ว่า ต้นไผ่สูงขึ้นร้อยเมตร ชีวิตต้องก้าวหน้าไปหนึ่งก้าว ( แป๊ะเชี๊ยะกอเท้า เก๊งจิ๊งเจ๊กโป่ว)
ไผ่ คือต้นไม้มงคล ตามลักษณะของไผ่ เป็นไม้ที่มีประโยชน์มาก ปลูกง่ายโตเร็ว แตกกอเร็ว และให้ใบ
สีเขียวตลอดปี ในฤดูหนาวต้นไผ่จะไม่แห้งตาย และลู่ตามกระแสลม โดยเฉพาะเสียงแตกของไม้ไผ่ในกองไฟนั้น ใช้ขับไล่ภูตผีปีศาจได้ (เป็นต้นกำเนิดเสียงประทัด) และทำให้เกิดความสงบร่มเย็น ภาษาจีน คำว่า "จู๋"
แปลว่า อวยพร ดังนั้น ต้นไผ่จึงเป็นสุดยอดไม้มงคลของการอวยพร ตามความหมายให้ก้าวหน้า รุ่งเรืองอย่างมั่นคงตลอดกาล

 

สัญลักษณ์มงคลจีนโบราณ ยังมีอีกมาก และมีความหมายมงคลในทางที่ดีแตกต่างกันไปแล้วแต่
เลือกใช้ อาทิ

เจ้าแม่กวนอิม หรือพระโพธิสัตว์กวนอิม เทพแห่งความเอื้ออารี ช่วยเหลือผู้ประสบทุกข์ จะประทานพรให้ตามคำอธิษฐาน

ฮัวฮะ เซียนคู่ องค์หนึ่งมีของวิเศษเป็นใบบัว อีกองค์ถือตลับกลม เป็นมงคลให้รักใคร่ปรองดองกัน บ้านไหนพี่น้องชอบตีกัน สามีภรรยาวิวาทกัน หรือที่ทำงานพนักงานไม่ลงรอยกัน ตั้งฮัวฮะไว้ จะอยู่เย็นเป็นสุข

ดอกโบตั๋น ความมั่งคั่ง มีเกียรติ ความสง่างาม

ช้าง เป็นสัตว์ที่มีอำนาจ พละกำลัง และฉลาด ถือสัตว์มงคลที่ช่วยนำความสำเร็จมาให้

เสือ เป็นสัตว์เทพที่มีอำนาจ ใช้ป้องกันภูตผีปีศาจ และคุ้มครองชีวิต

ไก่ หงอนที่หัวหมายถึง ความมีสติปัญญาทางหนังสือ เดือยที่เท้าหมายถึง ความองอาจกล้าหาญ สัญชาตญาณการปกป้องตัวเมีย แสดงถึงความเมตตากรุณา คนจีนใช้เป็นมงคลในเรื่องของตำแหน่งทางการงาน และใช้เพื่อป้องกันไฟ

เต่า อายุยืน แข็งแกร่ง อดทน

ลิง ได้ยศศักดิ์ตำแหน่งสูงทุกชั่วคน

สุนัข ปกป้องทรัพย์สิน

เรือใบ ความสะดวกปราศจากอันตราย และนำเงินทองเข้ามา

ผลท้อ ขจัดภูตผีปีศาจ และป้องกันโรคภัย อายุยืน

ค้างคาว โชคลาภ ความสุข อายุยืน ค้างคาวสองตัวหมายถึง โชคดีเป็นสองเท่า

ค้างคาวห้าตัวหมายถึงพรห้าประการ คือ อายุยืน ร่ำรวย แข็งแรง ทรงคุณธรรม
และตายตามธรรมชาติ หรือตายดี

ง่วนป้อ ความมั่งคั่ง รองรับโชคลาภ เงินทอง

ชาวประมงตกปลา ให้ได้กำไร มากมาย

จักจั่น อมตะ การฟื้นคืนชีพ เป็นสัญลักษณ์ของความสุข และหนุ่มสาวตลอดกาล เพราะจักจั่นเป็นแมลงชนิดเดียวที่มีอายุยืนยาวถึงสิบเจ็ดปี และยังเป็นมงคลแทนการสอบได้ เรียนเก่ง ความสำเร็จ

ยันต์แปดทิศ (โป๊ยก่วย) ใช้แก้ฮวงจุ้ยที่เสียให้ดีขึ้น และป้องกันสิ่งอัปมงคลต่างๆ
ใบไม้ ความสุขสันติ ปัดเป่าความชั่วร้าย
...ฯลฯ...
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ต้อนรับตรุษจีน ด้วย 8 ซุปมงคลรสเลิศ
ASTVผู้จัดการออนไลน์     23 มกราคม 2557 23:49 น.

-http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9570000008258-



ตรุษจีนนับเป็นวันสำคัญของชาวเชื้อชาติจีนทั้งหลาย เนื่องด้วยเป็นวันขึ้นปีใหม่ที่เป็นจุดเริ่มต้นสิ่งดีๆ ของชีวิตไปตลอดทั้งปี ดังนั้นในวันนี้จึงมีเคล็ดความเชื่อมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งการ ความประพฤติ กิริยามารยาท ไปจนถึงอาหารการกิน ที่ต่างต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษแตกต่างไปจากทุกวัน
       
       โดยอาจารย์วิศิษฎ์ เตชะเกษม กูรูด้านโชคลาง ฮวงจุ้ย ซินแสชื่อดัง ได้เล่าว่า “คนจีนถือว่า ปีใหม่ หมายถึงการเริ่มชีวิตใหม่ในฤดูใบไม้ผลิ และมีปรารถนามงคลชีวิต 5 ประการ คือ 1. ขอให้มีสุขภาพที่แข็งแรง 2. ขอให้บุตรหลานเป็นคนดี 3. ขอให้มีกิจการงานที่มั่นคง 4. ได้สร้างคุณความดีให้กับชีวิต 5.จากไปอย่างสงบสุข ดังนั้นการจะทำให้ชีวิตมีความสุขได้ ต้องเริ่มจากปีเก่าด้วยการทำความสะอาดบ้านเรือนที่พักอาศัย และเริ่มต้นปีใหม่ด้วย



       การรับประทานอาหารดีๆ ที่เป็นมงคลอุดมสมบูรณ์มีคุณค่า พูดจาเป็นมงคล ยิ้มแย้มกับชีวิตใหม่ คนจีนบอกว่า เมื่อทำชีวิตให้ดีแล้วจะร่ำรวย ซึ่งความร่ำรวยที่ยิ่งใหญ่เหนืออื่นใดก็คือการมีสุขภาพแข็งแรง ซึ่งเริ่มต้นจากการรับประทานอาหารที่ดีเป็นมงคล หากสังเกตจะรู้ว่า โต๊ะเซ่นไหว้ รวมทั้งโต๊ะอาหาร มักมีซุปหรืออาหารชามน้ำเข้ามาเสริมอยู่เสมอ เพราะซุปหมายถึงความราบรื่นเป็นสุข นั่นเอง”
       
       ดังนั้นตรุษจีนปีนี้ ทางคนอร์จึงได้จับมือกับอาจารย์วิศิษฎ์ และกูรูด้านอาหาร เชฟตั๊ก นภัสกร มิตรเอม นำความชำนาญของทั้ง 2 ท่านมารวมกันสร้างรรค์ 8 เมนูซุปมงคลที่คัดสรรเอาความอร่อยมาผสมผสานกับวัตถุดิบความหมายดี ออกมาเป็นเมนูชั้นเลิศ อย่าง


ซุปมั่งมี - ขาหมูตุ๋นยาจีนเห็ดหอม
       1.ซุปมั่งมี - ขาหมูตุ๋นเห็ดหอมยาจีน
       
       ความมั่งมีนั้นมาจากส่วนประกอบของ หมู หมายถึงความอุดมสมบูรณ์เหลือกินเหลือใช้ ผสานด้วยคุณค่า ขาหมูกับมัน บำรุงกล้ามเนื้อ บำรุงเส้นเอ็น เมื่อต้มให้สุกและตุ๋นต่อนาน คอเลสเตอรอลจะลดลง เก๋ากี้ช่วยบำรุงสายตา บำรุงไต เพิ่มวิตามินเอ เห็ดหอม มีสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคมะเร็ง และเห็ดหอมยังหมายถึงชื่อเสียงขจรไกลอีกด้วย
       
       วิธีปรุง: นำขาหมูย่างไฟหรือทอดสุกใส่ลงหม้อเติมน้ำให้ท่วมขาหมูแล้ว ใส่เครื่องยาจีน ใสน้ำตาลกรวด น้ำตาลปีบ ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ ซอสปรุงรส รากผักชี กระเทียม พริกไทย เห็ดหอมแห้งแช่น้ำ และเม็ดเก๋ากี้ จากนั้นเคี่ยวขาหมูไฟแรงปล่อยให้เดือดประมาณ 15 นาที แล้หรี่ไฟเหลือปานกลางค่อนข้างอ่อน ใส่คนอร์ซุปหมูก้อน เคี่ยวต่อประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วเคี่ยวไฟอ่อนอีก 2 ชั่วโมง


ซุปอายุยืน - ต้มจืดวุ่นเส้นเห็ดหอมดอกไม้จีน
       2.ซุปอายุยืน - วุ้นเส้นเห็ดหอมดอกไม้จีน
       
       อายุยืนจากความหมายของ วุ้นเส้น หมายถึง อายุยืนยาว ความยั่งยืน วุ้นเส้นทำจากถั่วเขียว ให้พลังงานและโปรตีนสูงมาก จั๊มฉ่าย หรือดอกไม้จีนมีกลิ่นหอม มีคุณสมบัติบำรุงสมองบำรุงประสาท เห็ดหอม หมายถึงความเฟื่องฟู มีสารต้านอนุมูลอิสระ เคล็ดลับการปรุงและรับประทานวุ้นเส้นทั้งเส้น ไม่ให้หั่นหรือตัด เพื่อต่ออายุให้ยืนยาว
       
       วิธีปรุง: ผสมหมูสับกับคนอร์อร่อยชัวร์แล้วพักไว้ ต้มน้ำในหม้อให้เดือดแล้วใส่เห็ดหอม เก๋ากี้ และดอกไม้จีนแล้วใส่คนอร์ซุปหมูก้อนคนให้ละลาย ปั้นหมูที่หมักไว้ใส่ลงในหม้อน้ำซุป ช้อนฟองทิ้งเพื่อให้น้ำซุปใส ต้มจนหมูสุกเร่งไฟแรงขึ้น ใส่วุ้นเส้นลงไป พอสุกปิดไฟ ตักใส่ถ้วยโรยหน้าด้วยผักชีและต้นหอม


ซุปสุขสันต์ - ต้มจับฉ่ายเต้าหู้
       3.ซุปสุขสันต์ - ต้มจับฉ่ายเต้าหู้
       
       คนจีนถือว่า การกินผักเป็นการล้างพิษในร่างกาย คำว่า “ฉ่าย” หมายถึง โชคลาภ เต้าหู้ หมายถึงความเฟื่องฟูร่ำรวยมีความสุข และยังให้โปรตีนที่สมบูรณ์ ต้มจับฉ่ายเต้าหู้ มักเป็นอาหารขึ้นโต๊ะของคนจีน และนิยมทำเป็นอาหารเจ เนื่องจากทำง่าย อร่อยมีคุณค่าเพื่อสุขภาพ และเป็นมงคล
       
       วิธีปรุง: ล้างผักให้สะอาด ตั้งหม้อต้มน้ำ นำรากผักชีและพริกไทยเม็ดที่ตำให้เข้ากันมาผัดกับน้ำมันให้หอม เมื่อน้ำเดือดนำส่วนผสมที่ผัดลงไปต้ม ลดไฟเหลือไฟปานกลาง ใส่ผัก เห็ดหอม และเต้าหู้ลงไปต้ม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ เกลือ น้ำตาล และคนอร์ซุปเห็ดหอมก้อน เคี่ยวด้วยไฟอ่อนประมาณ 30 นาที หรือต้มจนผักสุกนุ่ม


ซุปเฮงเฮง - ต้มจับฉ่ายเป็ดพะโล้
       4.ซุปเฮงเฮง - จับฉ่ายเป็ดพะโล้
       
       เสริมความเฮงสองเท่าด้วย เป็ด คือ ความสามารถอันหลากหลาย ความรักอันบริสุทธิ์ ความจริงใจต่อกัน เป็ดบำรุงเลือด ป้องกันท้องผูกได้ดี คำว่า “ฉ่าย” ในภาษาจีน หมายถึง โชคลาภ จั๊บ แปลว่า มากมาย
       
       วิธีปรุง: ล้างผักให้สะอาด ต้มน้ำให้เดือด นำรากผักชีและพริกไทยเม็ดที่ตำให้เข้ากันมาผัดให้หอม จากนั้นใส่เป็ดพะโล้ที่หั่นไว้ผัดให้เข้ากัน พอน้ำเดือดนำส่วนผสมที่ผัดลงไปต้ม ลดไฟเหลือไฟปานกลาง ใส่ผักลงไปต้ม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ เกลือ น้ำตาล และคนอร์ซุปไก่ก้อน จากนั้นเคี่ยวด้วยไฟอ่อนประมาณ 30 นาที หรือจนผักสุกนุ่ม


ซุปเฟื่องฟู - ต้มจืดกวางตุ้งลูกชิ้นกุ้งทอด
       5.ซุปเฟื่องฟู - ต้มจืดกวางตุ้งลูกชิ้นกุ้งทอด
       
       ผักกวางตุ้ง หมายถึงความรุ่งเรืองเฟื่องฟูจากโชคลาภช่วยบำรุงเส้นประสาท ป้องกันการเป็นลมชัก กุ้ง หมายถึงบารมี เนื้อกุ้งมีโปรตีนและไอโอดีน ป้องกันคอหอยพอก
       
       วิธีปรุง: ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลาง พอร้อนใส่ลูกชิ้นกุ้งลงไปทอดจนสุกเหลือง ตักพักไว้ จากนั้นต้มน้ำไฟกลางให้เดือด ใส่คนอร์ซุปหมูก้อนลงไป คนให้ละลาย ใส่แครอทและเห็ดหอมลงต้มประมาณ 10 นาที ด้วยไฟอ่อน ช้อนฟองออกให้น้ำซุปใส


ซุปมั่นคง - กะหล่ำปลีตุ๋นแบบเจ
       6.ซุปมั่นคง - กะหล่ำปลีตุ๋น
       
       ด้วยลักษณะของ กะหล่ำปลี ที่เป็นปึกเป็นก้อน จึงหมายได้ถึง ความมั่นคงเป็นปึกแผ่น เป็นผักที่ช่วยล้างสารพิษออกจากร่างกายเพราะมีกากใยเยอะ และมีสารต้านอนุมูลอิสระ ส่วนฟองเต้าหู้ทอด เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี
       
       วิธีปรุง: ล้างกะหล่ำปลีแล้วผ่า หากเป็นหัวใหญ่ผ่า 4 ซีก หรือหัวเล็กผ่าครึ่ง นำเม็ดเก๋ากี้ล้างให้สะอาดแล้วพักไว้ ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟปานกลาง ใส่กะหล่ำปลีลงทอดจนเหลืองเล็กน้อย ตักพักไว้ ตักน้ำมันออกให้เหลือ 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นใส่เห็ดหอมลงไปผัด เติมน้ำและใส่คนอร์ซุปเห็ดหอมก้อนลงไปคนให้ละลาย ใส่กะหล่ำปลีที่ทอดไว้ ใส่เม็ดเก๋ากี้ ฟองเต้าหู้และซีอิ๊วขาว ใช้ไฟอ่อนเคี่ยว 30 นาทีหรือจนกะหล่ำปลีสุกนุ่มและน้ำซุปงวดลง


ซุปก้าวหน้า - ซุปไก่ตุ๋นเกาลัดเม็ดบัว
       7.ซุปก้าวหน้า - ไก่ตุ๋นเกาลัดเม็ดบัว
       
       ไก่ โดยรูปลักษณ์สื่อถึงยศถาบรรดาศักดิ์ความสง่างาม ซุปไก่จึงสื่อถึง ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ไก่ตัวผู้ บำรุงพลังหยาง ไก่ตัวเมีย บำรุงพลังหยิน อาจารย์วิศิษฎ์แนะนำว่า ผู้ชายควรกินไก่ตัวเมียเพื่อรักษาสมดุล หรือกินไก่ตัวผู้เพื่อให้พลังงาน ส่วนผู้หญิงควรกินไก่ตัวผู้เสริมสมดุล และกินไก่ตัวเมียเพื่อบำรุงเลือด เกาลัด ช่วยบำรุงเส้นประสาท แก้ไอ ส่วน เม็ดบัว ช่วยบำรุงประสาท บำรุงสมอง ลูกบัว ความหมายของคนจีนคือ ความมั่งคั่ง ความมั่งมี ลูกหลานมากมาย นอกจากนี้ ยังมี พริกไท เป็นตัวที่จะทำให้ร่างกายขับเหงื่อและความร้อน และขับกลิ่นหอมของส่วนผสมต่างๆ ในชามซุป ให้หอม ซึ่งเป็นเทคนิคการปรุงอาหารของจีน โดยสามส่วนประกอบหลักจึงหมายรวมถึงความก้าวหน้าในธุรกิจ หน้าที่การงานนั่นเอง
       
       วิธีปรุง: นำน้ำใส่หม้อตั้งไฟพอเดือด ใส่ไก่ รากผักชี กระเทียม พริกไทยเม็ดเก๋ากี้ ฮ่วยซัว ลำไยแห้ง และเกาลัด จากนั้นใส่คนอร์ซุปไก่ก้อน ปรุงรสด้วยซีอิ๊วดำ ซอสปรุงรสตามชอบ ตั้งไฟอ่อนๆ คนให้ส่วนผสมเข้ากัน หมั่นเปิดดูช้อนฟองออก จนกระทั่งไก่สุกนุ่มประมาณ 30-40 นาที จากนั้นชิมรสอีกครั้ง เมื่อได้รสชาติที่ต้องการแล้วตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยพริกไทยป่นและใบผักชี


ซุปเลื่องชื่อ - ต้มจืดกระดูกหมูแปะก๊วยเห็ดหอม
       8.ซุปเลื่องชื่อ - กระดูกหมูแปะก๊วยเห็ดหอม
       
       เห็ดหอม หมายถึง ความมีชื่อเสียง แปะก๊วย ช่วยบำรุงสมองบำรุงประสาท ช่วยด้านการจำ คนจีนถือว่า แปะก๊วย เป็นยาอายุวัฒนะ ผักในชามคือ แปะฉ่าย หรือ บ๊อกฉ่อย เรียกว่า โชคลาภร้อยประการ กระดูกหมูบำรุงกล้ามเนื้อ เวลาต้มกระดูกหมู ไขจากกระดูกหมูจะช่วยบำรุงเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ
       
       วิธีปรุง: ตั้งหม้อต้มน้ำบนไฟกลาง พอเดือดใส่คนอร์ซุปหมูก้อน คนให้ละลายแล้วใส่กระดูกหมูที่เตรียมไว้ใส่ลงในหม้อ หมั่นช้อนฟองออกให้น้ำซุปใส ต้มประมาณ 15 นาทีแล้วจึงใช้ไฟอ่อน จากนั้นให้ใส่เห็ดหอม แปะก๊วยที่เอาไส้ใสออกแล้วต้มสักครู่โดยใช้ไฟแรง ใส่บ๊อกฉ่อยลงไป ต้มจนสุกปิดไฟ ตักใส่ชาม โรยพริกไทย กระเทียมเจียว




       ตรุษจีนปีนี้ นอกจากคุณจะมีเมนูมงคลไว้สำหรับไหว้เจ้าไหว้บรรพบุรุษแล้ว มื้ออาหารสำหรับครอบครัวรวมกันพร้อมหน้าพร้อมตากันรับประทานหลังการไหว้ ทุกคนยังจะได้รับประทานซุปอร่อยๆ ที่ทั้งรสชาติดี และยังเสริมสิริมงคลให้ปี 2557 นี้กลายเป็นปีดีๆ แสนเฮงไปตลอดทั้งปีอีกด้วย



http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9570000008258
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ความหมายมงคลสำหรับของไหว้วันตรุษจีน

-http://horoscope.sanook.com/1395293/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99/-



"วันตรุษจีน" สิ่งสำคัญคือ ของไหว้วันตรุษจีน นั่นเอง แต่คุณๆ ทราบหรือไม่ว่าของไหว้แต่ละอันมีความหมายอย่างไรบ้าง....Sanook! Horoscope รวบรวมมาให้ทราบกันแล้วค่ะ



ความหมายของอาหารไหว้ ซาแซ-โหงวแซ

ไก่ หมายถึง ความสง่างาม ขุนนาง ยศ และ ความขยันขันแข็ง ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
เป็ด หมายถึง สิ่งที่บริสุทธิ์ ความสะอาด ความสามารถอันหลากหลาย
ปลา หมายถึง เหลือกินเหลือใช้ อุดมสมบูรณ์
หมู หมายถึง ความอุดมสมบรูณ์ มีกินมีใช้
ปลาหมึก หมายถึง เหลือกินเหลือใช้(เหมือนปลา)
ตับ เพื่อให้ก้าวหน้าในงานเพราะคนจีนแต้จิ๋วเรียกตับว่า "กัว"
ปลาหมึกแห้ง เพื่อให้มีหมึก หรือความรู้ เป็นการอวยพรให้เป็นบัณฑิต หรือผู้มีความรู้
ซาลาเปา หมายถึง "เปาไช้" แปลว่า "ห่อโชค"




ความหมายของ ผลไม้ไหว้

กล้วย หมายถึง กวักโชคลาภเข้ามา และขอให้มีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง
แอปเปิ้ล หมายถึง ความสันติสุข สันติภาพ
สาลี่ หมายถึง โชคลาภมาถึง ( ควรระวัง ไม่นิยมไหว้บรรพบุรุษและวิญญาณไร้ญาติ )
ส้มสีทอง หมายถึง มหามงคล
องุ่น หมายถึง ความเพิ่มพูน



ความหมายของขนมไหว้

ขนมเข่ง หมายถึง ความหวานชื่น ชีวิตมีความราบรื่น รูปลักษณ์มีความหมายของชะลอมที่เก็บของ เมื่อรวมกันกับความหวานชื่น จึงหมายถึง ความหวานชื่นอันสมบูรณ์
ขนมถ้วยฟู หมายถึง ความเพิ่มพูน เฟื่องฟู
สาลี่(ขนม) หมายถึง ความเพิ่มพูน เฟื่องฟู (เหมือนขนมถ้วยฟู)
ขนมไข่ หมายถึง เพื่อให้เจริญเติบโต
ขนมเทียน หมายถึง เพื่อให้สว่างรุ่งเรือง ขนมเทียน ปกติ ขนมเทียนไม่ใช่ขนมของชาวจีนดั้งเดิม แต่เป็นขนมที่ถูกปรับปรุงขึ้นจากชาวจีนโพ้นแผ่นดินโดยดัดแปลงจากขนมท้องถิ่น(ของไทย) จากขนมใส่ไส้ เปลี่ยนจากแป้งข้าวเจ้าผสมกะทิมาเป็นแป้งข้าวเหนียวแทน ความหมายของขนมเทียนจึงใช้ความหมายเดียวกับขนมเข่ง คือความหวานชื่น ราบรื่น ส่วนรูปลักษณ์ที่เป็นสามเหลี่ยมกรวยแหลม มีลักษณะมงคลในทางศาสนา คือ เจดีย์
จันอับ (จั๋งอั๊บ)หมาย ถึง " ปิ่นโต" ( "จั๊ง" หมายถึงชั้น, "อั๊บ" หมายถึงกล่อง) ความหมายรวมของ "จั๋งอั๊บ" คือ จึงหมายถึง ความหวานที่เพิ่มพูน มีความสุขตลอดไป

ความหมายของมงคลอื่นๆ

เม็ดบัว ความหมายถึง การมีลูกหลานที่เป็นชาย
เกาลัด มีความหมายถึง เงิน
ถั่วตัด หมายถึง แท่งเงิน
สาหร่ายดำ  คำของมันออกเสียงคล้าย ความร่ำรวย
เต้าหู้หมักที่ทำจากถั่วแห้ง  คำของมันออกเสียงคล้าย เต็มไปด้วยความร่ำรวย และ ความสุข
หน่อไม้  คำของมันออกเสียงคล้าย คำอวยพรให้ทุกอย่างเต็มไปด้วยความสุข


ขอบคุณข้อมูลจาก www.foodietaste.com

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
กรมอนามัย เตือน 3 สารอันตรายจากควันธูป สูดดมสะสมเสี่ยงมะเร็ง

-http://club.sanook.com/21428/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99-3-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95-



กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข  เตือนอันตรายจากการสูดดมควันธูปสะสมนาน ๆ อาจเสี่ยงได้รับสารเบนซีน (Benzene),   1,3 บิวทาไดอีน (1,3-Butadiene)  และ เบนโซเอไพรีน (Benzo(a)pyrene) ที่เป็นสารก่อมะเร็ง แนะนำให้จุดธูปในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก และดับให้สนิทเพื่อป้องกันไฟไหม้ พร้อมย้ำ เด็กเล็กป่วยโรคภูมิแพ้เลี่ยงสูดดม

 

ดร.นพ.พรเทพ  ศิริวนารังสรรค์  อธิบดีกรมอนามัย  เปิดเผยว่า การจุดธูปจำนวนมาก ๆ แต่ละครั้ง ธูปที่เผาไหม้จะปล่อยฝุ่นละอองและสารมลพิษออกมามากมาย ซึ่งมีสารบางชนิดที่อาจเป็นสารก่อมะเร็ง โดยเฉพาะสารเบนซีน (Benzene),   1,3 บิวทาไดอีน (1,3-Butadiene)  และ เบนโซเอไพรีน (Benzo(a)pyrene) เป็นสารก่อมะเร็งที่เกิดจากการเผาไหม้ของกาว  ขี้เลื่อยและน้ำหอมในธูป  สารดังกล่าวสามารถก่อมะเร็งได้หลายชนิด เช่น  มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งเม็ดเลือด  มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ  นอกจากนี้ในควันธูปยังมีสารมลพิษอีกหลายชนิดที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์  ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  เป็นต้น  ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการระคายเคืองตาและระบบทางเดินหายใจ เช่น ตาแห้ง แสบตา น้ำตาไหล ระคายเคืองจมูก จาม ไอ ระคายคอ หายใจลำบาก และยังทำให้ปวดศีรษะ  เหนื่อยล้า  ง่วงนอน และ หมดสติได้หากสูดดมระยะเวลายาวนาน

 

ดร.นพ.พรเทพ  กล่าวต่อไปว่า การป้องกันตนเองและบุคคลรอบข้างเพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ จึงควรหลีกเลี่ยงการจุดธูปในบริเวณที่อากาศไม่ถ่ายเทหรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก เช่น ห้องแอร์  ห้องที่ไม่มีประตูหน้าต่าง  ใช้ธูปขนาดสั้นแทนธูปขนาดยาวเพื่อให้เกิดควันในระยะเวลาที่สั้นกว่า สำหรับศาลเจ้า ควรตั้งกระถางธูปไว้นอกอาคารหรือในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวกและเมื่อเสร็จพิธีการควรดับหรือเก็บธูปให้เร็วขึ้น เพื่อป้องกันอันตรายและเสี่ยงเกิด      ไฟไหม้ที่มีสาเหตุจากความประมาทได้ ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในศาสนสถาน ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสควันธูปเป็นระยะเวลานานและต่อเนื่อง และหลังการสัมผัสควันธูปควรล้างมือ ล้างหน้าล้างตาให้บ่อยขึ้น

 

“ทั้งนี้ กลุ่มเด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ หอบหืด ภูมิแพ้ ถุงลมปอด นับเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบมากกว่ากลุ่มอื่น โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็ก เนื่องจากโรคภูมิแพ้เป็นโรคที่พบบ่อยในเด็ก    ส่วนใหญ่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น อับทึบ ชื้น มีเชื้อรา หรือฝุ่นละออง  ซึ่งเป็นสารกระตุ้นให้เด็กเกิดอาการแพ้ จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือสูดดมควันธูป หากไม่สามารถเลี่ยงได้ให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัย ปิดปากและจมูก รวมทั้งหลีกเลี่ยงการพักผ่อนหรือนอนหลับบริเวณที่มีการจุดธูป และหมั่นทำความสะอาดบ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเพื่อลดการสะสมของฝุ่นละอองจากควันธูปที่อาจตกค้างได้”  อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด

 

Credit : กรมอนามัย
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด

เทศกาลสำคัญ วันตรุษจีน

-http://guru.sanook.com/pedia/topic/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%8D_%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99/-


   ตรุษจีน เป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของจีน เป็นวันขึ้นปีใหม่ตามปฎิทินจีน เช่นเดียวกับสงกรานต์วันปีใหม่ไทย ทุกคนต่างให้ความสำคัญอย่างยิ่งมีการเฉลิมฉลองทั่วโลกโดยเฉพาะชุมชนขนาดใหญ่ของคนเชื้อสายจีน ตรุษจีนถือเป็นวันหยุดที่สำคัญมากช่วงหนึ่งของชาวจีน และยังแผ่อิทธิพลไปถึงการฉลองปีใหม่ของชนชาติที่อยู่รายรอบ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ม้ง มองโกเลีย เวียดนาม ทิเบต เนปาล และภูฐาน สำหรับชาวจีนที่อาศัยอยู่ต่างถิ่นกันก็จะมีประเพณีเฉลิมฉลองต่างกันไป

ประวัติของวันขึ้นปีใหม่ของจีน
มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ในวัฒนธรรมอื่นๆ ความปรารถนาสิ่งที่เราหวังว่าจะได้ปรับปรุง หรือที่เราคิดทำเมื่อเริ่มต้นในปีใหม่ มาถึงตอนนี้ ถ้าไม่ถูกลืมก็ถูกยัดลงกล่องใส่ตู้ปิดตายและแปะหน้าตู้ว่าไม่แน่ เอาไว้ทำปีหน้าแล้วกันอย่างไรก็ดี ความหวังก็คงยังไม่สูญไปทั้งหมดเพราะโอกาสที่สองกำลังมาถึงแล้ว กับการฉลองวันปีใหม่จีนหรือที่เรารู้จักกันว่า ตรุษจีนในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ นั้นเอง 

        ตรุษจีนนั้นคล้ายคลึงกับวันปีใหม่ในประเทศทางตะวันตก ร่องรอยของประเพณี และพิธีกรรมความเป็นมาของการฉลองตรุษจีน นั้นมีมานานกว่าศตวรรษ จริงๆแล้วนานมาก จนไม่สามารถย้อนกลับไปดูว่าเริ่มต้นฉลองมาตั้งแต่เมื่อไร เป็นที่รู้จักและจำได้ทั่วไปว่าเป็น การฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ และการฉลองเป็นเวลานานถึง 15 วัน  การเตรียมงานฉลองส่วนใหญ่จะเริ่มหนึ่งเดือนก่อนวันตรุษจีน (คล้ายกับวัน คริสต์มาสของประเทศตะวันตก) เมื่อผู้คนเริ่มซื้อของขวัญ, สิ่งต่างๆ เพื่อประดับบ้านเรือน, อาหารและเสื้อผ้า การทำความสะอาดครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้นในวันก่อนตรุษจีน บ้านเรือนจะถูก ทำความสะอาดตั้งแต่บนลงล่างหน้าบ้านยันท้ายบ้าน ซึ่งหมายถึงการกวาดเอาโชคร้าย ออกไป ประตูหน้าต่างมีการขัดสีฉวีวรรณทาสีใหม่ซึ่งสีแดงเป็นสีนิยม ประตูหน้าต่างจะถูก ประดับประดาด้วยกระดาษที่มีคำอวยพรอย่างเช่น อยู่ดีมีสุข ร่ำรวย และอายุยืนเป็นต้น

ทั้งหมดเห็นจะได้ ประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ นั้นผูกไว้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่ อาหาร ไปจนถึงเสื้อผ้า อาหารค่ำนั้นประกอบด้วยอาหารทะเล และอาหารนึ่งเช่นขนมจีบ ซึ่งแต่ละอย่างจะมีความหมายต่างๆกัน อาหารอันโอชะอย่างเช่นกุ้งจะหมายถึงชีวิตที่รุ่งเรือง และความสุข เป๋าฮื้อแห้งหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ดี สลัดปลาสดจะนำมาซึ่งโชคดี จี้ไช่ (ผมเทวดา) สาร่ายดูคล้ายผมแต่กินได้จะนำความความร่ำรวยมาให้ และขนมต้ม (Jiaozi) หมายถึงบรรพชนอวยพร และเป็นธรรมดาเสื้อผ้าที่ใส่สีแดงถือเป็นสีที่เป็นมงคลเป็นการไล่ปีศาจร้ายให้ออกไป และการใส่สีดำหรือขาวเป็นสิ่งต้องห้าม ซึ่งสีเหล่านี้ถือว่าเป็นสีแห่งการไว้ทุกข์ หลังจากอาหารค่ำทุกคนในครอบครัวนั่งกันจนเช้าเพื่อรอวันใหม่โดยการเล่นเกม เล่นไพ่ หรือดูรายการทีวีที่เกี่ยวกับวันตรุษจีน และในวันนี้จะต้องไม่โกรธ ริษยา หรือ ไม่พอใจ เพื่อเป็นสิริมงคลที่ดีสำหรับปีที่กำลังจะมาถึง 

             เมื่อถึงวันตรุษจีน ประเพณีตั้งแต่โบราณมาเรียกว่า อังเปา ซึ่งหมายถึง กระเป๋าแดง เป็นการที่คู่แต่งงานให้เงินเด็กๆ และผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงานในซองสีแดง หลังจากนั้นทุกคน ในครอบครัว ต่าง ออกมาเพื่อกล่าวสวัสดีปีใหม่ เริ่มจากญาติๆ แล้วต่อด้วยเพื่อนบ้าน


ที่มาข้อมูล : tcbl-thai.net
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
“ส้ม” ของขวัญในเทศกาลตรุษจีน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    29 มกราคม 2557 14:26 น.

-http://www.manager.co.th/Food/ViewNews.aspx?NewsID=9570000010505-


เทศกาลตรุษจีน ถือว่าเป็นวันหยุดตามประเพณีของชาวจีนที่สำคัญที่สุด เนื่องจากเป็นวันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติของจีน
       
       และนอกจากจะเป็นช่วงที่มีงานเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่แล้ว ช่วงตรุษจีนนั้นชาวจีน และผู้คนที่มีเชื้อสายจีนจะกลับบ้านมารวมตัวกันพร้อมหน้าพร้อมตาในครอบครัว ร่วมกันกินอาหารที่มีความหมายเป็นมงคล มีการอวยพรในสิ่งที่เป็นมงคลให้แก่กัน และมอบของขวัญที่เป็นมงคลแก่กัน
       
       ของขวัญอย่างหนึ่งที่นิยมมอบให้แก่ผู้ใหญ่ก็คือ “ส้ม” โดยชามจีนถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมาอย่างยาวนานว่า ในวันเที่ยว หรือวันขึ้นปีใหม่นี้ (วันที่หนึ่งในเดือนหนึ่งของปี) จะไปไหว้ขอพรจากญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ และไปอวยพรให้แก่ท่าน โดนจะนำส้มสีทองไปมอบให้
       
       เหตุที่เลือกส้มสีทอง ก็เพราะว่า “ส้ม” ออกเสียงตามสำเนียงแต้จิ๋วว่า “กิก” ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่าความสุข หรือโชคลาภ ส่วนในสำเนียงฮกเกี้ยน และกวางตุ้ง เรียกส้มว่า “ก้าม” ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่าทอง ฉะนั้น การมอบส้มให้แก่ผู้ใหญ่จึงเหมือนการนำความสุขหรือโชคลาภไปให้นั่นเอง
       
       แต่นอกจากจะมีความหมายที่เป็นมงคลแล้ว “ส้ม” ก็ยังมีประโยชน์ในตัวมากมาย เพราะเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินต่างๆ อาทิ วิตามินซี วิตามินเอ (เบต้าแคโรทีน) วิตามินบี วิตามินดี แคลเซียม ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส คอลลาเจน และยังมีใยอาหารที่ช่วยในเรื่องระบบการขับถ่ายอีกด้วย
       
       จากสารอาหารที่มีอยู่ในส้มนั้น จึงมีส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ส้มมีวิตามินซีช่วยรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย ส้มช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี ไม่แห้งกร้าน ช่วยบำรุงสายตา และหากว่ากินส้ม หรือดื่มน้ำส้มเข้าไป ก็จะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า และแก้กระหาย
       
       “ส้ม” จึงเป็นทั้งของขวัญที่เป็นมงคล และเป็นของขวัญที่มีประโยชน์แก่ผู้รับ เป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ หากจะเลือกมาเป็นของขวัญในช่วงตรุษจีนนี้

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ตำนานการเชิดสิงโตในวันตรุษจีน



ในวันตรุษจีนของทุกๆ ปี รวมไปถึงวันตรุษจีน2557 นี้ หลายคนมักจะเห็นการแสดง "เชิดสิงโต" ซึ่งเป็นเหมือนประเพณีที่ทำกันเป็นประจำ เป็นการเอาฤกษ์เอาชัยให้เกิดความเป็นสิริมงคลในวันตรุษจีนหรือวันปีใหม่จีนนั้นเอง แต่ชาวสนุก!ดูดวงทราบไหมคะว่า ทำไมต้องมีการเชิดสิงโตในวันตรุษจีน? มาหาคำตอบได้ที่นี่กับเรื่องราว "ตำนานการเชิดสิงโตในวันตรุษจีน" ค่ะ



คนจีนโบราณมีความเชื่อว่า "สิงโต" เป็นบุตรของมังกร ซึ่งมีอำนาจและทรงพลังมากที่สุดในบรรดาบุตรทั้งหมด ได้รับมอบหมายจากสวรรค์ในฐานะผู้พิทักษ์ สิงโตจึงถือเป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจ ความกล้าหาญ และความจงรักภักดี นอกจากนี้ยังเชื่อว่ากันว่าสิงโตเป็นสัตว์เทพเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ แม้เพียงเสียงคำรามก็สามารถปัดเป่าวิญญาณและสิ่งชั่วร้ายได้

ด้วยเหตุนี้เองชาวจีนจึงนิยมสร้างรูปสลักสิงโตไว้ตรงหน้าพระราชวัง ตามหน้าบ้านหรือสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นองครักษ์ผู้พิทักษ์คอยคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายภูตผีปีศาจและสิ่งชั่วร้ายต่างๆ โดยจะสร้างสิงโตไว้ตรงหน้าประตูทางเข้าเป็นคู่ สิงโตตัวผู้จะอยู่ทางด้านขวามือ(ของผู้ที่เดินเข้า)และสิงโตตัวเมียจะอยู่ทางด้านซ้าย

http://horoscope.sanook.com/

จริงๆ แล้วตำนานที่มาของการเชิดสิงโตมีหลากหลายแตกต่างกันอยู่พอสมควร แต่ในที่นี้ขอยกตัวอย่างมาแค่บางส่วนที่เป็นที่เล่ากันเป็นส่วนใหญ่ในปัจจุบัน

มีตำนานหนึ่งกล่าวว่าในประเทศจีนสมัยห้าราชวงศ์ในวันตรุษจีน (หรือบางที่ก็ว่าวันไหว้พระจันทร์) จะปรากฏสัตว์ร้ายชื่อว่า เหนียน Nien (ตัวเหนียนนั้นมีตัวยาวแปดฟุต ศีรษะใหญ่ มีฟันแหลมคม ตาเหมือนระฆังทองแดง มีใบหน้าสีเขียว มีเขาบนศีรษะ) ซึ่งจะคอยทำร้ายผู้คน สัตว์เลี้ยงและทำลายพืชผลไร่นาเสียหาย ผู้คนจึงต้องบวงสรวงต่อเทพเจ้าบนสวรรค์ เทพเจ้าเง็กเซียนฮ่องเต้จึงส่งเทพสิงโตมาขับไล่เจ้าตัวเหนียนไป



ในวันตรุษจีนปีต่อมา เจ้าตัวเหนียนก็กลับมาสร้างความเดือดร้อนอีก แต่คราวนี้เทพสิงโตไม่ลงมาช่วยอีกแล้ว ผู้คนจึงต้องร่วมใจกันแต่งตัวทำเลียนแบบสิงโต จึงสามารถขับไล่ตัวเหนียนไปได้และเกิดเป็นประเพณีเชิดสิงโตขึ้นในวันตรุษจีนปีต่อๆ มา

บางตำนานเล่าว่า พระยูไลได้เสร็จมาปราบพยศตัวเหนียนจนเชื่องและพากลับไปชาวบ้านจึงเฉลิมฉลองและจัดทำการแต่งตัวเลียนแบบท่าทางตัวเหนียนเพื่อบูชาพระยูไล จึงเกิดเป็นการเชิดสิงโต

อีกหนึ่งตำนานเล่าว่าการเชิดสิงโตเริ่มขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ้อง แม่ทัพจงอวี่ (Zhong Yue) ยกทัพออกรบที่ดินแดนหลินหยี (Lin Yi) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของจีนแถวๆ ประเทศลาว และพม่า ข้าศึกชาวพื้นเมืองได้ใช้กองทัพช้างในการสู้รบ ทำให้แม่ทัพจงอวี่ต้องรับศึกหนัก จึงใช้อุบายให้ทหารกองหน้าแต่งตัวเป็นสิงโต กองทัพช้างของข้าศึกเห็นจึงแตกตื่นและแตกพ่ายไป ประเทศจีนจึงมีประเพณีเชิดสิงโตเพื่อฉลองชัยชนะ

นอกจากนี้ประเพณีการเชิดสิงโตยังแบ่งออกเป็นแบบเหนือ(ปักกิ่ง)ซึ่งเลียนแบบท่าทางของสุนัข แต่ถ้าเป็นการเชิดสิงโตแบบใต้จะเลียนแบบท่าทางของแมว ซึ่งยังแบ่งเป็นแบบกวางตุ้ง ฮกเกี้ยนอีกด้วย และการเชิดสิงโตแบบใต้นี้ยังมีการแบ่งประเภทตามสีของหน้าสิงโต ได้แก่ สีเหลืองจะหมายถึงเล่าปี่ สีแดงจะหมายถึงกวนอู และสีดำจะหมายถึงเตียวหุย ที่สำคัญลักษณะของขนและพู่ยังต่างกันออกไปอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก FW Mail, http://blog.th.88db.com/
ขอบคุณภาพประกอบจาก Photos.com



คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
เคล็ดลับกินตรุษจีน ให้สวยและรวย!
ASTVผู้จัดการออนไลน์
   6 กุมภาพันธ์ 2556 08:21 น.

-http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9560000014754-

By Lady Manager













     อุบ๊ะ เทศกาลตรุษจีนหมูเห็ดเป็ดไก่จัดมาเต็ม แถมขนมเข่งขนมไข่ ฯลฯ สารพัดขนมของโปรดสาวเราอีกตรึม! ล้วนเป็น อาหารคาวหวานเมนูมงคล สำหรับไหว้และต้องกินเอาเคล็ดทั้งนั้น
       
       แต่ทำไงดี! กลัวอ้วน เกรงเบาหวานความดันโลหิตขึ้น!!
       
       เรามีเคล็ดลับการตะลุยกินตรุษจีนจากคุณหมออายุรวัฒน์ นพ.กฤษดา ศิรามพุช มาบอกต่อค่ะ
       
       จัดซาแซ เสียบกุ้งปลาแทนหมูเป็ด


       ปกติไหว้ของคาว 3 อย่าง เรียกว่า ชุดซาแซ ประกอบด้วย หมู เป็ด ไก่ แต่ถ้าไหว้ 5 อย่าง เรียกว่า ชุดโหงวแซ ประกอบด้วยหมู เป็ด ไก่ ตับ ปลา ซึ่งแนะนำให้ไหว้เพียงชุดซาแซ จัดของคาวสัก 3 อย่างพอ เอาเงินไปเน้นซื้อผลไม้ดีกว่านะคะ
       
       “ตัดเป็ดออกเลยครับ เพราะเป็ดมีไขมันมากกว่าไก่” หมอกฤษดาจัดให้
       
       “เอาปลากับกุ้งแทนเป็ดกับหมู”
       
       เพราะปลาหมายถึง เหลือกินเหลือใช้ อุดมสมบูรณ์ ยิ่งเป็นกุ้งมังกร หัวใหญ่มีก้าม ส่งเสริมให้มีอำนาจวาสนา
       
       “เป็นลูกชิ้นปลาก็ได้นะครับ” ให้ความรู้สึกถึงอำนาจวาสนา
       
       ถ้าเป็นลูกชิ้นปลา ตามภาษาจีนแต้จิ๋วออกเสียงว่า ฮื้อ-อี๊ แปลว่า ลูกปลากลมๆ ได้มงคลสองเด้ง เหลือกินเหลือใช้กับกลมๆ ซึ่งคนจีนตีความว่า เป็นความราบรื่น ทำกิจการงานใดก็ไม่สะดุด
       
       ปลิงทะเล หัวหมู บาทาไก่ กับน้ำจิ้มซีฟู้ด ดูดซึมคอลลาเจนได้ดี


       อย่ายี้ค่ะ ถ้าเราจะแนะให้คุณสาวๆ กินตีนไก่ หรือหัวหมู หรือบ้านไหนร่ำรวยจัดปลิงทะเลไหว้เจ้า และนำมาทำเมนูเด็ด ไม่ว่าปลิงทะเลตุ๋นหม้อดิน หรือปลิงทะเลน้ำแดง เพื่อนสาวห้ามพลาดเลยนะคะ
       
       “คนมักคิดว่าหัวหมูตัวอ้วน แต่จริงๆ แล้ว มันคือ แหล่งคอลลาเจน คนฝรั่งเศสถึงขนาดเอาหัวหมูไปเคี่ยวและทำเยลลีหัวหมู” คุณหมอกฤษดา เผยต่อ
       
       “ปลิงทะเล บาทาไก่ ก็มีคอลลาเจนเยอะ รวมทั้งอาหารทะเลต่างๆ กุ้งหอยปูปลา แต่วิธีกินให้ได้ผลดูดซึมคอลลาเจนได้ดีคือ ต้องกินร่วมกับวิตามินซี
       
       การกินร่วมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดที่บีบมะนาวเป็นวิธีดีที่สุดครับ หรือกินเสร็จกินส้มล้างปากด้วยก็ได้ครับ”
       
       โห ถูกใจมากเลยค่ะ เนื่องจากสาวส่วนใหญ่ชอบรสเปรี้ยวต้องจิ้มแก้เลี่ยนอยู่แล้ว
       
       เน้นขนมไหว้ที่ประกอบไปด้วยธัญพืช แกล้มน้ำชาน้ำสมุนไพร

เคล็ดลับกินตรุษจีน ให้สวยและรวย!
       หากดูรายชื่อขนมไหว้ อุ้ย มากมายหลากหลายค่ะ ไม่ว่าจะเป็นขนมเทียน ขนมเข่ง ขนมไข่ ขนมจันอับ ขนมถ้วยฟู และซาลาเปา เป็นต้น
       
       “ขนมพวกนี้หนักแป้ง และออกหวานด้วย” คุณหมอกฤษดา แนะ
       
       “ควรเน้นขนมที่มีถั่ว มีธัญพืช อย่าง ขนมจันอับที่มีงาถั่วธัญพืช ขนมคอเป็ดที่เป็นงา ขนมตุ๊บตั๊บที่ใส่ถั่ว หรือเม่งทึ้งที่ทำจากงาดำ จำง่ายๆ ขนมที่ต้องเคี้ยวเยอะๆ เพราะว่ามันมักจะมีใยอาหารเยอะด้วยครับ และอาหารพวกนี้จะช่วยดักน้ำตาลครับ และดักคราบไขมันทั้งหลายด้วยครับ”
       
       และหากกินขนมเหล่านี้ พร้อมจิบชาด้วย ยิ่งเพิ่มคุณประโยชน์แก่สุขภาพ
       
       “สังเกต คนจีนจะกินขนม เขาจะเจียะเต๊ด้วย เออมันตัดรสหวานดีนะ แต่จริงๆ แล้ว มีเหตุผลมากกว่านั้น ตัวน้ำชามีสารแทนนิน (Tannin) เป็นตัวช่วยลดการอักเสบ และมีกลุ่มของโพลีฟีนอล (Pholyphenols) คือ ตัวที่ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลดไขมันด้วยครับผม”
       
       คุณหมอยังบอกด้วยว่า นอกจากชาจีน จะเป็นชาเขียว หรือชาสมุนไพรอื่นๆ อาทิ ชาตะไคร้ ชามะตูม หรือแม้กระทั่งเก๊กฮวยก็ได้
       
       “พวกนี้ช่วยลดความดันลดไขมันด้วยครับ”
       
       กินเลี้ยงตรุษจีนเสร็จขยับกาย จัดวันล้างพิษ


       หลังกินเลี้ยงตรุษจีนแล้ว คุณหมอกฤษดาแนะว่า ควรขยับร่างกายออกไปเดินย่อยอาหารบ้าง
       
       สาวๆ อาจไปเดินช้อปปิ้งตามห้างสรรพสินค้า เพื่อลดอันตรายจากไขมันและส่วนเกินจากอาหารมื้อมงคล
       
       “โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมื้อถัดไป ควรลดพวกที่เราหนักไปมื้อแรก เช่น มื้อแรกกินไก่ต้ม มื้อถัดไปอาจจะไปหนักที่ผลไม้ เพราะในชุดไหว้ก็มีผลไม้ อย่างส้ม เป็นผลไม้มงคลด้วยและช่วยล้างพิษไขมันด้วย” ที่สำคัญ คุณหมอกฤษดา แนะให้จัดวันล้างพิษทันทีหนึ่งวัน
       
       “คือ ในวันนี้ไม่กินเนื้อแดงเลย หลีกเลี้ยงพวกแป้งได้เลยยิ่งดี เน้นทานผักผลไม้ หรือกินแอปเปิ้ลอย่างเดียว หรือส้มอย่างเดียว หรือสัปปะรดอย่างเดียว ล้างพิษไปเลยหนึ่งวัน”
       
       ไอเดียเริ่ด! จัดเต็มกินผลไม้มงคลปิดท้าย แอปเปิ้ล แปลว่า โชคดีราบรื่น ส้มสีทองเป็นมหามงคล สับปะรดก็นำโชคลาภเข้ามาหา แถมเสริมวิตามินได้สุขภาพ
       
       ขอเพียงรู้จักเลือก รู้จักตัดใจ และรู้จักบังคับตัวเอง
       
       ตรุษจีนปีนี้ รับรองคุณสาวๆ เฮง เฮง รวย รวย และสวย สวย สุขภาพแข็งแรงทุกคนค่ะ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

เคล็ดวิธีปรับเมนูของไหว้ตรุษจีน กินปลอดไขมันในเลือดสูง
ASTVผู้จัดการออนไลน์
   29 มกราคม 2557 09:54 น.

-http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9570000010598-

By Lady Manager
       
       เทศกาลตรุษจีนเป็นช่วงที่คนในครอบครัวมาเจอกันพร้อมหน้า เพื่อไหว้บรรพบุรุษ หลังจากนั้นก็จะร่วมกินอาหารไหว้อย่างมีความสุข
       
       สุขปาก ทว่าอาจจะไม่สุขกายสุขใจถ้ายึดกินแต่เป็ด ไก่ หมูสามชั้น ฯลฯ ปัญหาไขมันในเลือดขึ้นสูง จะตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งญาติผู้ใหญ่สูงวัย หรือแม้แต่คุณๆ วัยทำงานเอง



       “ช่วงตรุษจีนเป็นช่วงที่กินกันจนอิ่มเกินพอดี เนื่องจากการกินอาหารหลายมื้อ ประกอบด้วยอาหารหลากหลายที่ส่วนใหญ่ไขมันสูง ยิ่งกินกับลูกหลานยิ่งสนุกจนทำให้กินเพลินจนเกินจำเป็น และอาจมีผลเสียต่อสุขภาพโดยเฉพาะกับผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องไขมันสูงอยู่แล้ว จะยิ่งมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคไขมันในเลือดสูงยิ่งขึ้น”
       
       นฤมล วัฒนาโสภณ นักโภชนาการ โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท (แผนกผู้สูงอายุ) กล่าวว่า โรคนี้มีสาเหตุหลักมาจากการกิน
       
       “การเข้าครัวทำอาหารไหว้ หรือซื้อของกินของไหว้ที่ช่วยลดความเสี่ยงของไขมันสูง จะสามารถช่วยลดปริมาณไขมันที่ผู้สูงอายุรับประทานลงได้มาก”
       
       ของไหว้ขาประจำ คอเลสเตอรอลนำโด่ง แป้งหวานมาเด่น

   


       เริ่มจากการจัดมื้อไหว้เทพเจ้า (ไป๊เล่าเอี๊ย) ซึ่งจะไหว้กันตอนเช้ามืดช่วงเวลา 07.00-08.00 น.มักจะประกอบด้วยเนื้อสัตว์ต่างๆ อาจจะสามหรือห้าอย่าง ซึ่งนิยมไหว้กันด้วย หมูสามชั้นต้ม (คอเลสเตอรอลสูง), ไก่และเป็ดทั้งตัวไม่ตัดขา (คอเลสเตอรอลสูงจากหนังและเครื่องใน), ปลาทั้งตัวไม่ตัดครีบ และหาง, ปลาหมึกแห้ง และตับ (คอเลสเตอรอลสูง) และขนมเข่ง (คอเลสเตอรอลสูงจากน้ำมัน) เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทอง
       
       อีกมื้อคือ การไหว้บรรพบุรุษ (ไป๊เป๊บ๊อ) ไหว้กันในช่วง 09.00 น.ถึงก่อนเที่ยง ซึ่งนิยมไหว้กันที่บ้านของพ่อแม่ถือเป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว มักจะไหว้กันด้วยอาหารที่บรรพบุรุษชอบ
       
       นอกจากนี้ยังมีไก่ทั้งตัวต้ม (หนังมีคอเลสเตอรอลสูง), ขาหมูตุ๋น (คอเลสเตอรอลสูง), เส้นหมี่สดเส้นยาวต่อเนื่องผัด (ไขมันสูงจากน้ำมัน), แกงจืด, ผัดผักนิยมใช้ถั่วงอก, มันแกว และขนมต่างๆ เช่น ขนมเข่ง, ขนมถ้วยฟู และน้ำชา ฯลฯ
       
       ส่วนมื้อที่สามที่จะไหว้กันในช่วงบ่าย เป็นการไหว้วิญญาณที่ไม่มีญาติ (ไป๊ฮ้อเฮียตี๋) ซึ่งนิยมไหว้ด้วยเนื้อสัตว์ 3-5 อย่าง (ซาแซ หรือโหงวแซ) เช่น หมู (คอเลสเตอรอลสูง), ไก่ และเป็ด (คอเลสเตอรอลสูง) และประกอบด้วยของหวาน เช่น ซาลาเปา, ขนมถ้วยฟู, ขนมสาลี่, ขนมไข่, เผือกเชื่อมน้ำตาล (น้ำตาล และแป้ง) และผลไม้ 5 อย่างคือส้มสีเหลืองทอง, องุ่น, กล้วย, สัปปะรด, สาลี่ ฯลฯ
       
       และถ้าจะให้ครบยิ่งขึ้นก็จะมีการไหว้ครั้งที่ 4 คือ การไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ (ไฉ่ซิงเอี๊ย) นิยมไหว้ด้วยขนมอี๊ (สาคูต้มสุกน้ำเชื่อม ), ผลไม้ 5 อย่าง, ขนมหวาน 3 อย่าง เช่น ขนมเข่ง, ขนมฮวดก๊วย, ขนมชั้น ฯลฯ
       
       ปรับเมนูไหว้ เลี่ยงเป็ด-เครื่องใน เน้นปลา-ไก่บ้าน
       
       "อาหารตรุษจีนที่เป็นเนื้อสัตว์สามหรือห้าอย่าง ควรเลือกทำจานปลาเป็นจานหลัก เช่น ปลานึ่งกับน้ำจิ้ม ส่วนไก่ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกเป็นไก่บ้าน เพราะไขมันน้อยกว่า และควรให้ท่านรับประทานส่วนเนื้ออกที่ลอดหนังออกเพราะเนื้อส่วนอกมีไขมันน้อย” นักโภชนาการนฤมล ให้ไอเดียปรับเมนูไหว้ เพื่อสุขภาพที่ดีและลดเสี่ยงโรคไขมันในหลอดเลือดในช่วงตรุษจีน



       "ถ้าเป็นไปได้ควรให้ท่านเลี่ยงการรับประทานเป็ด (เป็ดมีไขมันมากกว่าไก่หลายเท่า) แต่ถ้าท่านชอบเนื้อเป็ดควรใช้วิธีการลดมันด้วยการย่างเป็ดแบบรีดน้ำมัน และลอกหนังออก รวมถึงหลีกเลี่ยงเครื่องในทุกชนิดเพราะมีคอเลสเตอรอลสูง
       
       หมูสามชั้นก็ควรลอกหนังและชั้นไขมันออกก่อนทำอาหารให้ท่านทานเพราะไขมันหมูเป็นไขมันอิ่มตัว”
       
       นำหมี่มาคลุกน้ำมันแทนการผัด เลือกขนมหวานไม่ใส่มะพร้าว
       
       "จานหลักอีกมื้อคือหมี่ผัด ควรเลี่ยงจากการผัดมาเป็นการคลุกด้วยน้ำมันรำข้าวเพราะการคลุกสามารถควบคุมปริมาณน้ำมันได้ดีกว่าการผัด และน้ำมันรำข้าวยังดีต่อผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องไขมันเพราะเป็นไขมันไม่อิ่มตัว ช่วยลดปริมาณไขมันเลว (แอลดีแอล) และเพิ่มไขมันชนิดดี (เอชดีแอล)
       
       ควรใส่ผักเยอะๆ จะได้เป็นการลดปริมาณเส้นที่ท่านอาจทานมากเกินไป เพราะเส้นจากแป้งจะเปลี่ยนเป็นไตรกลีเซอไรด์ซึ่งจะไปสะสมในเส้นเลือด”




       สำหรับขนมหวานชนิดต่างๆ โดยเฉพาะขนมเทียน ขนมเข่ง นฤมลแนะนำว่า
       
       "ควรเลือกขนมเข่งแบบไม่มีมะพร้าวเป็นส่วนผสม เพราะในมะเพร้าวก็มีไขมัน และควรทำหรือซื้อที่เป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อควบคุมการทานของท่าน ควรดูแลไม่ให้ท่านทานมากเกินไป ส่วนขนมสาลี่ ขนมถ้วยฟู และซาลาเปาก็เช่นเดียวกัน ควรเลือกซื้อแบบขนาดเล็ก เพราะแป้งก็จะเปลี่ยนเป็นไตรกลีเซอไรด์และสะสมในเส้นเลือดได้เช่นเดียวกัน”
       
       เคล็ดวิธีกินให้ปลอดภัย กระชับความสัมพันธ์ในครอบครัว
       
       "วิธีในการควบคุมปริมาณการกินที่ได้ผล คือแบ่งอาหารออกมาแค่บางส่วนแค่พอดีรับประทานในแต่ละมื้อจากของไหว้ทั้งหมด ถ้าไหว้ในปริมาณมากสามารถใช้เทคนิคการถนอมอาหารเพื่อเก็บไว้รับประทานในวันอื่นๆ ก็ได้ หรือถ้าคิดว่ารับประทานไม่หมดควรแบ่งให้เพื่อนบ้านเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีด้วย
       
       เทศกาลตรุษจีนเป็นเทศกาลมงคล เป็นเทศกาลของครอบครัวที่ทุกคนมาเจอกันอยู่ร่วมกัน แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น การเลือกหรือเตรียมอาหารของไหว้จึงเป็นสิ่งสำคัญ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและสุขภาพที่ดีควบคู่ไปด้วยกัน" เธอฝากปิดท้าย



       *คนไทยมีไขมันในเลือดสูงถึง 25.5 ล้านคน*
       
       ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ที่มีไขมันในเลือดสูงถึง 25.5 ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.2556) พบมากในผู้ชายที่อายุ 55 ปีขึ้นไป และผู้หญิงที่อายุ 45 ปีขึ้นไป
       
       ไขมันสูงที่เราชอบพูดถึงกันนั้นเป็นอันตรายต่อร่างกาย เพราะไขมันตัวร้าย (แอลดีแอล) จะไปฝังตัวในผนังหลอดเลือดซึ่งยิ่งสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นผนังหลอดเลือดหนา ตีบ หรือตัน ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆ ไม่ได้หรือไม่เพียงพอ
       
       ยิ่งไปเกิดในบริเวณที่เป็นอวัยวะสำคัญ เช่น สมอง หรือหัวใจ ก็อาจทำให้เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบ หรือตัน และถ้าไปอุดตันที่เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองอาจกลายเป็นอัมพฤกษ์ หรืออัมพาตได้
       
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ไหว้ไฉ่ซิงเอี้ย 2557 เทพเจ้าแห่งโชคลาภ รับวันตรุษจีน

-http://hilight.kapook.com/view/97134-



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ไหว้ไฉ่ซิงเอี้ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภ วันตรุษจีน 2557 มาดูฤกษ์ ไหว้ไฉ่ซิงเอี้ย 2557 วิธีการไหว้ไฉ่ซิงเอี้ย 2557 พร้อมของไหว้ไฉ่ซิงเอี้ย 2557 กันเลย

          วันตรุษจีน ถือเป็นวันมหามงคลที่ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนต่างก็พากันประกอบพิธีกราบไหว้บูชาฟ้าดิน บูชาเทพเจ้า กราบไหว้บรรพบุรุษ โดยมีความเชื่อว่าการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ จะนำมาซึ่งความสุขความเจริญในชีวิต หน้าที่การงาน ธุรกิจการค้ามีความเจริญรุ่งเรือง มีโชคลาภ ร่ำรวยด้วยทรัพย์สินเงินทอง มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ปราศจากโรคภัย ทั้งแก่ตนเอง คนในครอบครัว และบริวาร โดยในวันตรุษจีน เทพเจ้าที่ชาวจีนจะไหว้เป็นเทพองค์แรกของปี ก็คือ ไฉ่ซิงเอี้ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภนั่นเอง

          สำหรับ ไฉ่ซิงเอี้ย (财神 หรือ Cai Shen, God of wealth, God of fortune) เทพเจ้าแห่งโชคลาภ นับเป็นเทพเจ้าที่ลูกหลานชาวจีนให้ความสำคัญมากที่สุด ในการเริ่มเข้าสู่ปีนักษัตรใหม่ ในช่วงตรุษจีน และจะได้รับการกราบไหว้เป็นเทพองค์แรก โดยเชื่อว่า ไฉ่ซิงเอี้ย จะช่วยดลบันดาลความมั่งมีศรีสุข ร่ำรวยโชคลาภเงินทองไหลมาเทมา เปี่ยมล้นด้วยความสุขสถาพรแก่ตนและคนในครอบครัวไปตลอดทั้งปี ชาวจีนเชื่อว่า องค์ไฉ่ซิงเอี้ย จะเสด็จมายังโลกมนุษย์เพียงปีละครั้ง คือ ในวันตรุษจีน ดังนั้นตั้งแต่โบราณ เมื่อเข้าสู่วันตรุษจีนชาวจีนจะทำการตั้งโต๊ะบูชาไฉ่ซิงเอี้ย โดยการหันหน้าไปทิศต่าง ๆ ที่เชื่อว่าไฉ่ซิงเอี้ยจะเสด็จลงมา ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละปี

           สำหรับ วันตรุษจีน 2557 ซึ่งตรงกับวันที่ 31 มกราคม 2557 เทพไฉ่ซิงเอี้ย จะเสด็จลงมาทางทิศใต้ เทพเจ้าสิริมงคลเสด็จมาทางทิศใต้ เทพเจ้าอุปถัมภ์เสด็จมาทางทิศตะวันออก และมีฤกษ์ ไหว้ไฉ่ซิงเอี้ย 2557 ในวันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2557 เวลา 01.19-02.59 น. และให้ตั้งโต๊ะไหว้หน้าบ้านไปทางทิศใต้ เพื่ออัญเชิญเทพเจ้าโชคลาภ เทพเจ้าสิริมงคล เทพเจ้าอุปถัมภ์ มาประทานพร

ของไหว้ไฉ่ซิงเอี้ย

          1. รูปภาพหรือรูปปั้น เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย
          2. แจกันดอกไม้สด 1 คู่
          3. เทียนแดง 1 คู่
          4. กระถางธูป 1 ใบ
          5. ธูป 3 ดอก ต่อหนึ่งคน
          6. ผลไม้ 5 อย่าง (เช่น องุ่น แอปเปิ้ล กล้วย สาลี่ และส้ม)
          7. สาคูแดงต้มสุก 5 ถ้วย
          8. น้ำชา 5 ถ้วย
          9. ข้าวสวย 5 ถ้วย
          10. ขนมจันอับ 1 จาน
          11. เจไฉ่ 5 อย่าง (เช่น เห็ดหอม เห็ดหูหนู ดอกไม้จีน วุ้นเส้น และฟองเต้าหู้)
          12. หงิ่งเตี๋ย 12 ชุด
          13. กิมหงิ่งเต้า 1 คู่
          14. เทียงเถ้าจี๊ 1 ชุด
          15. กระดาษสีเขียว 1 แผ่น (เทียบเชิญสีเขียว)
          16. เทียบเชิญแดง 1 แผ่น

          โดยปกติ ชุดไหว้องค์ไฉ่ซิงเอี้ย จะมีขายตามศาลเจ้าจีนทั่วไป หรือร้านขายพวกของมงคลของจีน ซึ่งอาจจะต้องตรวจสอบก่อนว่ามีของครบหรือไม่ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดในบรรดาชุดไหว้ทั้งหมด ก็คือเทียบเชิญสีแดง และสีเขียว เพื่อใช้เขียนชื่อที่อยู่ของผู้ไหว้ และเขียนเชิญไฉ่ซิงเอี้ยนั่นเอง

การประกอบพิธีไหว้ไฉ่ซิงเอี้ย

          1. ตั้งโต๊ะบูชาพร้อมจัดเครื่องเซ่นไหว้ก่อนเวลาที่เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ยจะเสด็จลงมาเล็กน้อย โดยหันไปทางทิศใต้ และผู้ไหว้หันหน้าไปทางทิศใต้เช่นกัน

          2. เมื่อได้เวลา ผู้นำพิธีจุดธูปไหว้ 3 ดอก กล่าวอัญเชิญ ขอพรและโชคลาภจากไฉ่ซิงเอี้ย โดยกล่าวว่า "วันนี้ข้าพเจ้า..(ชื่อผู้ขอพร).. ขอเรียนเชิญองค์ไฉ่ซิงเอี้ย มารับเครื่องสักการะบูชา ซึ่งมี (กล่าวถึงสิ่งที่ท่านได้จัดเตรียมและนำมาถวาย) และหลังจากองค์ท่านได้รับเครื่องสักการะเหล่านี้แล้ว จงประทานพรให้ครอบครัวของข้าพเจ้าทุกคน จงประสบแต่โชคลาภความสุข และความสำเร็จ สมดังที่มุ่งหวังทุกประการ

          3. ผู้ร่วมพิธีและคนที่ชงในปีนี้จุดธูปและไหว้ขอพร

          4. ผู้นำพิธี นำขอไหว้ที่เป็นกระดาษทั้งหมด เผารวมกับเทียบเชิญแดงและสีเขียว

          5. ผู้นำพิธีอัญเชิญไฉ่ซิงเอี้ย กระถางธูป เทียนแดง เข้าไปในบ้าน และปิดประตูบ้าน เพื่อเชิญเทพเข้าบ้าน

          สำหรับของไหว้ที่เป็นอาหาร ผลไม้ และขนม สามารถรับประทานได้ทันทีหรือเก็บไว้ก็ได้ แต่ไม่ควรทิ้งไปเพราะถือเป็นของมงคล ทั้งนี้ หากไม่สะดวก หรือไม่มีเวลาจัดเตรียมของไหว้ สามารถใช้เพียงธูปเทียน จุดธูปกล่าวอัญเชิญท่าน ตามฤกษ์และทิศทางที่ท่านจะเสด็จมา และกล่าวคำสักการะขอพรจากเทพเจ้าแห่งโชคลาภ จากนั้นปักธูปลงในกระถาง แล้วกล่าวอัญเชิญท่าน เข้ามาทางประตูบ้าน

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)