ขนมไทยมีมากมายและตามเทศกาล พิธีต่างๆ โดยส่วนใหญ่ขนมมักมีส่วนผสมหลัก ได้แก่ น้ำตาล แป้ง และกะทิ ความหวานจากน้ำตาลจะเป็นตัวเสริมรสชาติได้ดี และยังสามารถใช้ถนอมอาหารได้เป็นอย่างดี ส่วนแป้ง ที่เป็นส่วนผสมหลักในการปรุงก็กินขาดชาติไหนๆ เพราะเรามีแป้งต่างๆมากมาย ทั้งแป้งข้าวจ้าว , แป้งข้าวเหนียว , แป้งมันสำประหลัง , แป้งท้าวยายม่อม , แป้งถั่วเขียว ที่ช่วยทำให้เนื้อขนมแต่ละชนิดมีลักษณะและรสชาติที่ไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ คนโบราณนิยมรับประทานขนมหลังอาหาร เนื่องจากน้ำตาลในขนม ซึ่งเป็นแป้งที่มีโมเลกุลเชิงเดี่ยวจะสามารถช่วยย่อยอาหารที่รับประทานเข้าไปได้เป็นอย่างดี เป็นภูมิปัญญาของคนโบราณที่ควรสืบทอดต่อไป
แต่หากเราเพิ่มความใส่ใจกับการเลือกรับประทานขนมไทยเข้าไปสักนิดนอกจากเน้นเรื่องความอร่อย โดยเลือกรับประทานตามธาตุของตนเอง ซึ่งธาตุของแต่ละคนจะแตกต่างกันและบ่งบอกออกมาตามลักษณะเด่นทางด้านร่างกาย ตลอดจนนิสัยใจคอของคนเราที่แตกต่างกัน ซึ่งการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงนั้นจำเป็นที่จะต้องดูแลจากภายในสู่ภายนอก ดังนั้นการเลือกรับประทานให้ถูกกับธาตุและช่วยส่งเสริมธาตุในร่างกาย จึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ ยิ่งเดี๋ยวนี้ มีขนมไทยอร่อยๆ สีสันน่ารับประทานให้เลือกตั้งมากมาย จนสาวๆหลายคนอาจต้องขอเบรกโปรแกรมลดน้ำหนักไว้ชั่วคราว ... แต่จะเลือกรับประทานอย่างไรให้ทั้งอิ่มอร่อยและสุขภาพดี
เรามีคำตอบของการเลือกอร่อยกับขนมไทยตามธาตุ มาฝากกันตามลักษณะธาตุ สามารถแบ่งออกเป็น 4 ธาตุ โดยแบ่งตามเดือนเกิด ซึ่งเป็นหลักกว้างๆ เช่น
ธาตุดิน ประกอบด้วยเดือน มกราคม, พฤษภาคม และกันยายน
ธาตุลม ประกอบด้วยเดือน กุมภาพันธ์, มิถุนายน และตุลาคม
ธาตุน้ำ ประกอบด้วยเดือน มีนาคม, กรกฎาคม, พฤศจิกายน และธันวาคม
ธาตุไฟ ประกอบด้วยเดือน เมษายน และ สิงหาคม
กินขนมไทย...ตามธาตุดิน
ธาตุดิน มักจะมีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับระบบน้ำย่อย เนื่องจากธาตุดินเป็นธาตุที่หนักแน่น ระบบ เผาผลาญและน้ำย่อยไม่ค่อยดี ควรเลือกรับประทานอาหารและขนมที่มีเส้นใยและไฟเบอร์สูง
ขนมไทยที่เหมาะกับคนธาตุดิน ได้แก่ สาคูไส้หมู , ข้าวเกรียบปากหม้อ , ขนมจีบไทยตัวนกที่รับประทานคู่กับผักสดๆ เป็นการเพิ่มเส้นใยอาหารให้กับร่างกาย หรือเลือกรับประทานขนมไทยที่มีส่วนผสมของผลไม้และธัญพืชเป็นหลักก็ดีต่อสุขภาพของคนธาตุดินด้วยเช่นกัน อาทิ ถั่วเขียวหรือถั่วแดง ต้มน้ำตาล ฯลฯ
กินขนมไทย...ตามธาตุลม
ธาตุลม ระบบภายในร่างกายมีความเป็นกรดมาก ซึ่งทำให้ร่างกายมีช่องว่างของอากาศ ควรเลี่ยงรับประทานขนมที่มีส่วนผสมของกะทิ อย่าง บัวลอย , ปลากริมไข่เต่า และขนมหวานประเภทแกงบวชต่างๆ ที่มักใช้กะทิในปริมาณมาก
กินขนมไทย...ตามธาตุน้ำ
ธาตุน้ำ ร่างกายจะมีความชื้นและเย็น ควรเลือกรับประทานขนมจำพวกให้ความร้อนแก่ร่างกาย ขนมไทยที่เหมาะกับคนธาตุน้ำ ได้แก่ มันเทศต้มน้ำขิง , ไข่ต้มน้ำขิง ฯลฯ หรือขนมไทยที่ให้รสชาติเผ็ด ร้อน เพราะความเผ็ดร้อนในขนมจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย , ช่วยขับเหงื่อ ขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ แก้อาการจุก เสียด แน่น เฟ้อ ได้ด้วย
กินขนมไทย...ตามธาตุไฟ
ธาตุไฟ ร่างกายจะมีระบบเผาผลาญในร่างกายดีมาก สำหรับคนที่มีธาตุไฟจึงสามารถเลือกอร่อยกับขนมไทยได้หลากหลาย จึงเป็นที่น่าอิจฉาของคนธาตุอื่นๆเป็นที่สุด
แต่ถ้าจะเลือกรับประทานขนมไทยเพื่อช่วยลดความร้อนภายในร่างกาย ขนมไทยที่เหมาะกับคนธาตุไฟ ได้แก่ ขนมไทยแสนอร่อยที่รับประทานคู่กับน้ำแข็ง ขนมลอดช่อง , กระท้อนลอยแก้ว ฯลฯ
ที่เล่ามาเป็นเพียงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ให้คุณได้เลือกอร่อยกับขนมไทยไปพร้อมๆกับการมีสุขภาพที่ดี แต่ถ้าอยากรู้ลึก รู้จริง และได้สัมผัสถึงรสชาติของขนมไทยกันอย่างเต็มอิ่ม ต้องแวะมาที่งาน Amazing Thailand Grand Sale Fair 2010 กับกิจกรรมพิเศษ “อะเมซิ่งขนมและผลไม้ไทย” ในวันที่ 29 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม นี้ ภายในงานรวบรวมขนมไทยเลื่องชื่อและผลไม้สดจากไร่มาไว้ ให้เลือกซื้อเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน , สนุกสนานกับกิจกรรมเวิร์คช้อปขนมไทยที่ให้คุณได้ลงมือทำขนมไทยหรือแกะสลักผลไม้ด้วยตัวเองในวันเสาร์และวันอาทิตย์ , สาธิตการทำขนมไทยสไตล์ฟิวชั่นกับ เชฟอิ๊ก – บรรณ บริบูรณ์ อิ่มอร่อยไม่อั้นกับโซนบุฟเฟ่ต์ขนมและผลไม้ไทย ในราคาประหยัดเพียง 59 บาท, ชมนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับตำนานความอร่อยของขนมไทย ขนมไทยโบราณซึ่งอาจจะเคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยเห็นและลิ้มรสมาก่อน ทั้ง สามเกลอ , โพรงแสม , ขนมกง , หันตรา , ขนมจีบไทยตัวนก เกสรลำเจียก , มัสกอด ฯลฯ ก็มีในงานนี้เช่นกัน
ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงาน Amazing Thailand Grand Sale Fair 2010 ได้ในระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม 2553 เวลา 10.00 – 20.00 น. ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สอบถามเพิ่มเติม โทร 0 2203 4232 หรือติดตามรายละเอียดภายในงานได้ที่
www.amazinggrandsale.comที่มา กรุงเทพธุรกิจ