ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 01:40:01 pm »๐ ความเป็นสากล
จากการศึกษาหลักธรรมทั้งของท่านพุทธทาสและหลวงพ่อชา ชี้ให้เห็นว่าผู้บรรลุคุณธรรมขั้นสูง รู้แจ้งเห็นจริง จะไม่ติดในนิกาย ไม่ติดในความเป็นพุทธ คริสต์ อิสลาม ไม่ติดในความคิดว่าคริสต์จะกลืนพุทธหรือพุทธจะกลืนคริสต์ โดยเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ชื่อต่างๆ เป็นเพียงสิ่งสมมติ แท้ที่จริงในพุทธศาสนามีนิกายเดียว คือนิกายของพระพุทธองค์ ไม่มีมหายาน ไม่มีหินยาน ไม่มีมหานิกาย ธรรมยุต สันติอโศก ธรรมกาย ในศาสนาก็เช่นกัน ไม่มีพุทธ ไม่มีคริสต์ ไม่มีอิสลาม แต่มีเพียงศาสนาเดียวซึ่งเป็นสากล สอนให้คนทำดี ละชั่ว และทำใจให้ผ่องใส
การสอนธรรมะอยู่ที่การปฏิบัติให้เป็นแบบอย่าง พุทธศาสนาที่อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ เรียบง่ายเป็นอิสระจากกฎเกณฑ์ของรัฐเช่นเดียวกับวัดป่าทั้งหลาย มีพระที่เป็นพระ มิใช่พระเพียงรูปแบบ ไม่วุ่นวายกับการสร้างวัดวาอาราม เพราะถือว่าพระมีหน้าที่สร้างวัดภายในใจคน และจะเป็นผู้สร้างวัดให้เอง ไม่ฟุ้งเฟ้อ สุรุ่ยสุร่าย หรือสะสมกอบโกยไม่สร้างความแตกแยก ตำหนิติเตียนหรือเพ่งโทษผู้อื่น แต่มีหน้าที่ขัดเกลาหรือสำรวจจิตของตนเอง ความคิดที่เป็นสากลไม่ติดยึดในสมมติของท่าน เห็นได้จากคำปรารภในการสร้างโบสถ์วัดหนองป่าพง โบสถ์หลังนี้จะไม่ทำพระเครื่องหากิน จะไม่ให้เดือดร้อนทางบ้านเมือง จะไม่เรี่ยไร รูปแบบจะเป็นทรงไทยหรือแบบไหนก็ไม่สำคัญ เพราะมันเป็นเพียงรูปร่าง หาใช่ความหมายของศาสนาที่แท้
ความเสื่อมเสียของวัฒนธรรมไทยไม่ใช่การเปลี่ยนรูปแบบทางวัตถุ แต่มันเสื่อมเสียที่ความประพฤติ ถ้าวงการศาสนาจะทรงแต่รูปแบบศิลปศาสนาวัตถุไว้ แต่ไม่มีการปฏิบัติที่ถูกต้อง มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมานอกจากมีวัตถุซ้ำซาก รูปแบบโบสถ์ควรเป็นแบบง่ายๆ แต่แข็งแรง ทนทาน ประหยัด และให้ได้ประโยชน์ใช้สอยมีขนาดพื้นกว้างสามารถจุภิกษุอย่างน้อย ๒๐๐ รูป ไม่ต้องมีหน้าต่างประตู เพราะวัดไม่มีวัตถุสิ่งของมีค่าอะไรจะเก็บรักษา ไม่ต้องมีผนังกำแพงกั้น ควรให้ต้นไม้เป็นผนังกำแพงแทน เพียงแต่ให้มีหลังคาคุ้มแดดคุ้มฝน ขอให้โบสถ์ตั้งอยู่บนเนินดินสูงคล้ายภูเขา เนื่องจากภูเขาเป็นที่สูงสะอาด บริสุทธิ์อากาศดี เหมาะที่จะเป็นที่สังฆกรรมของสงฆ์ ขอให้มีเครื่องตกแต่งสิ้นเปลืองน้อยที่สุด สิ่งฟุ่มเฟือยมีราคาแพงไม่ควรนำมาใช้ ให้นึกถึงประโยชน์มากกว่าความสวยงาม
๐ แหล่งที่มา
คณะศิษยานุศิษย์. อุปลมณี. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภา, พ.ศ.๒๕๓๕.
คณะศิษย์, ใต้ร่มโพธิญาณ : พระโพธิญาณเถระ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภา, พ.ศ.๒๕๓๕.
พระไตรปิฎกภาษาบาลีและภาษาไทย ฉบับสยามรัฐ เล่มที่ ๑๐, ๑๓, ๑๔, ๒๒, ๒๕, ๓๕.กรุงเทพฯ : กรมการศาสนา, พ.ศ.๒๕๒๓.
พระธรรมปิฎก, พจนาจุกรมพุทธศาสตร์. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, พ.ศ.๒๕๓๘.
พระโพธิญาณเถระ, กุญแจภาวนา. กรุงเทพฯ : สยามการพิมพ์, พ.ศ.๒๕๔๐.
พระโพธิญาณเถระ, อาหารใจ. กรุงเทพฯ : ธรรมสภา, พ.ศ.๒๕๔๐.
พระโพธิญาณเถระ, นอกเหตุเหนือผล. กรุงเทพฯ : ธรรมสภา, พ.ศ.๒๕๓๔.
พุทธทาสภิกขุ. ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์บุพนิมิต, พ.ศ.๒๕๓๔.
ชยสาโร ภิกฺขุ, พอดี. กรุงเทพฯ : ปาปิรุส พับลิเคชั่น, พ.ศ.๒๕๓๘.
ชยสาโร ภิกฺขุ, หลวงพ่อชาคุยกับลูกหลาน. กรุงเทพฯ : ปาปิรุส พับลิเคชั่น, พ.ศ.๒๕๔๒.
หลวงพ่อธรรมงาม. คำสอนและการตอบปัญหาธรรมของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ.กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์เลี่ยงเชียง, ๒๕๓๔.
คัดลอกมาจาก : http://www.dharma-gateway.com/
: http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6753
ขอบพระคุณ
ผู้รวบรวมข้อมูลนำมาแบ่งปัน : สาวิกาน้อย
Pics by : Google
อกาลิโกโฮม * สุขใจดอทคอม
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ
: http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6753
ขอบพระคุณ
ผู้รวบรวมข้อมูลนำมาแบ่งปัน : สาวิกาน้อย
Pics by : Google
อกาลิโกโฮม * สุขใจดอทคอม
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ