ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2012, 06:25:49 am »Faberge กับไข่อัญมณี
เรื่อง : สุทัศน์ ยกส้าน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 พฤศจิกายน 2554
-http://www.artgazine.com/shoutouts/viewtopic.php?t=11432-
นับตั้งแต่ปี 1885 ที่ไข่ใบแรกของ Faberge ปรากฏ จนกระทั่งถึงปี 1916 บริษัทของ Faberge ได้ประดิษฐ์ไข่ถวายพระเจ้าซาร์รวมทั้งสิ้น 50 ชิ้น เมื่อถึงเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1917 ซึ่งได้เกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่ในรัสเซีย พระเจ้าซาร์ Nicholas ที่ 2 ทรงสละราชสมบัติ รัสเซียจึงมีรัฐบาลชั่วคราวปกครองประเทศตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงตุลาคม 1917 ในช่วงเวลานี้ร้านของ Faberge มีลูกค้าที่ใครๆ ก็คาดไม่ถึง เช่น ทหาร และตำรวจหลายนายที่สนใจซื้อไข่ประดิษฐ์ แต่เมื่อถึงเดือนตุลาคมปีนั้นเอง กลุ่มทหารบอลเชวิคเข้ายึดอำนาจในรัสเซียได้อย่างสมบูรณ์ Faberge เกรงว่าร้านของตนจะถูกทหารยึดกิจการไปด้วยจึงให้เพื่อนสนิทชาวสวิสเช่ากิจการต่อ เพราะคิดว่าร้านของคนต่างชาติจะปลอดภัย แต่ Faberge คาดการณ์ผิด เพราะในวันที่ 4 พฤศจิกายนปีนั้นเอง ทหารและตำรวจลับได้เข้ายึดร้านของ Faberge และขนไข่อัญมณีไปเป็นหีบ โดยตั้งข้อหาว่าไข่เหล่านั้นเป็นไข่อัญมณีในพระเจ้าซาร์ ส่วนลูกชายของ Faberge นั้นถูกจับกุมให้ไปนั่งจำแนกแยกเพชรที่ตำรวจลับยึดมาได้จากธนาคาร สำหรับ Faberge เองได้หลบหนีออกนอกประเทศตั้งแต่เดือนกันยายน
เมื่อถึงปลายเดือนพฤศจิกายน Iakov Smirnov ภัณฑารักษ์แห่ง Hermitage ได้รับคำสั่งให้ไปตรวจทรัพย์สมบัติทุกชิ้นของพระเจ้าซาร์ และนั่นหมายความว่าไข่ Faberge ทุกชิ้นต้องถูกส่งไปตรวจที่มอสโกและถูกนำไปจดทะเบียนเป็นทรัพย์สมบัติของชาติ ในปี 1924 เมื่อรัฐบาลรัสเซียต้องการเงินมหาศาล เพราะประเทศกำลังประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำมาก ทหารบอลเชวิคหลายคนจึงคิดขายไข่ Faberge เพื่อนำเงินเข้าประเทศ และได้นำออกขายกว่า 80 ชิ้น ซึ่งมีตั้งแต่เก้าอี้นั่งเล่นของจักรพรรดินี Catherine โถส้วมสไตล์พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 มงกุฎของพระราชธิดาในพระเจ้าซาร์ สมุดบันทึกสีชมพูของพระราชินี Alexandra และสิ่งหนึ่งที่คนทุกคนสนใจและอยากซื้อสิ่งนั้นก็คือ ไข่ Faberge อันเป็นอัญมณีเปื้อนเลือดของจักรพรรดิ
เจ็ดปีหลังจากที่ Faberge เสียชีวิต หนังสือพิมพ์ในอังกฤษได้ลงข่าวว่า Faberge ยังมีชีวิตอยู่และเป็นนักโทษในความควบคุมของทหารบอลเชวิค และมีหน้าที่ประเมินค่าของอัญมณีที่กองทัพยึดได้ ข่าวนี้ไม่เป็นความจริง เพราะคนบุคคลที่นักข่าวเห็นคือลูกชายของ Fabergé
ณ วันนี้ Eugène และ Alexander ผู้เป็นลูกชายของ Faberge ได้จัดตั้งบริษัท Faberge ขึ้นที่ปารีสและมีสาขาทั่วโลก
ในปี 2004 ไข่ “Coronation Egg” ของ Faberge ได้ถูกนำออกประมูลขายที่นิวยอร์กในด้วยราคา 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับว่าแพงมาก เพราะผู้ประมูลเชื่อว่า ผลงานชิ้นนี้ไม่ได้ทำขึ้นเพียงเพื่อแสดงความสวยงามเชิงศิลปะเท่านั้น แต่ยังแสดงความหมายเชิงประวัติศาสตร์ด้วยว่าในช่วงเวลาที่พระเจ้าซาร์ Nicholas ที่ 2 และพระราชินี Alexandra ทรงใช้ชีวิตสมรสร่วมกันนั้น ชีวิตของคนทั้งสองมีความงดงาม ความหมายและความสุขเพียงใด เดือนมิถุนายนปี 2007 ในงานแสดงศิลปะที่ Grosvenor House ในลอนดอน นักธุรกิจรัสเซียผู้ร่ำรวย ชื่อ Iveta Tamaz Manasherov และ Viktor Vekselberg ได้ทุ่มเงิน 150 ล้านดอลลาร์ ซื้อไข่ Faberge เพื่อนำผลงานของศิลปินอัจฉริยะผู้นี้กลับไปรัสเซียครับ
สุทัศน์ ยกส้าน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
-http://www.artgazine.com/shoutouts/viewtopic.php?t=11432-
.
เรื่อง : สุทัศน์ ยกส้าน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 พฤศจิกายน 2554
-http://www.artgazine.com/shoutouts/viewtopic.php?t=11432-
นับตั้งแต่ปี 1885 ที่ไข่ใบแรกของ Faberge ปรากฏ จนกระทั่งถึงปี 1916 บริษัทของ Faberge ได้ประดิษฐ์ไข่ถวายพระเจ้าซาร์รวมทั้งสิ้น 50 ชิ้น เมื่อถึงเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1917 ซึ่งได้เกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่ในรัสเซีย พระเจ้าซาร์ Nicholas ที่ 2 ทรงสละราชสมบัติ รัสเซียจึงมีรัฐบาลชั่วคราวปกครองประเทศตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงตุลาคม 1917 ในช่วงเวลานี้ร้านของ Faberge มีลูกค้าที่ใครๆ ก็คาดไม่ถึง เช่น ทหาร และตำรวจหลายนายที่สนใจซื้อไข่ประดิษฐ์ แต่เมื่อถึงเดือนตุลาคมปีนั้นเอง กลุ่มทหารบอลเชวิคเข้ายึดอำนาจในรัสเซียได้อย่างสมบูรณ์ Faberge เกรงว่าร้านของตนจะถูกทหารยึดกิจการไปด้วยจึงให้เพื่อนสนิทชาวสวิสเช่ากิจการต่อ เพราะคิดว่าร้านของคนต่างชาติจะปลอดภัย แต่ Faberge คาดการณ์ผิด เพราะในวันที่ 4 พฤศจิกายนปีนั้นเอง ทหารและตำรวจลับได้เข้ายึดร้านของ Faberge และขนไข่อัญมณีไปเป็นหีบ โดยตั้งข้อหาว่าไข่เหล่านั้นเป็นไข่อัญมณีในพระเจ้าซาร์ ส่วนลูกชายของ Faberge นั้นถูกจับกุมให้ไปนั่งจำแนกแยกเพชรที่ตำรวจลับยึดมาได้จากธนาคาร สำหรับ Faberge เองได้หลบหนีออกนอกประเทศตั้งแต่เดือนกันยายน
เมื่อถึงปลายเดือนพฤศจิกายน Iakov Smirnov ภัณฑารักษ์แห่ง Hermitage ได้รับคำสั่งให้ไปตรวจทรัพย์สมบัติทุกชิ้นของพระเจ้าซาร์ และนั่นหมายความว่าไข่ Faberge ทุกชิ้นต้องถูกส่งไปตรวจที่มอสโกและถูกนำไปจดทะเบียนเป็นทรัพย์สมบัติของชาติ ในปี 1924 เมื่อรัฐบาลรัสเซียต้องการเงินมหาศาล เพราะประเทศกำลังประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำมาก ทหารบอลเชวิคหลายคนจึงคิดขายไข่ Faberge เพื่อนำเงินเข้าประเทศ และได้นำออกขายกว่า 80 ชิ้น ซึ่งมีตั้งแต่เก้าอี้นั่งเล่นของจักรพรรดินี Catherine โถส้วมสไตล์พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 มงกุฎของพระราชธิดาในพระเจ้าซาร์ สมุดบันทึกสีชมพูของพระราชินี Alexandra และสิ่งหนึ่งที่คนทุกคนสนใจและอยากซื้อสิ่งนั้นก็คือ ไข่ Faberge อันเป็นอัญมณีเปื้อนเลือดของจักรพรรดิ
เจ็ดปีหลังจากที่ Faberge เสียชีวิต หนังสือพิมพ์ในอังกฤษได้ลงข่าวว่า Faberge ยังมีชีวิตอยู่และเป็นนักโทษในความควบคุมของทหารบอลเชวิค และมีหน้าที่ประเมินค่าของอัญมณีที่กองทัพยึดได้ ข่าวนี้ไม่เป็นความจริง เพราะคนบุคคลที่นักข่าวเห็นคือลูกชายของ Fabergé
ณ วันนี้ Eugène และ Alexander ผู้เป็นลูกชายของ Faberge ได้จัดตั้งบริษัท Faberge ขึ้นที่ปารีสและมีสาขาทั่วโลก
ในปี 2004 ไข่ “Coronation Egg” ของ Faberge ได้ถูกนำออกประมูลขายที่นิวยอร์กในด้วยราคา 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับว่าแพงมาก เพราะผู้ประมูลเชื่อว่า ผลงานชิ้นนี้ไม่ได้ทำขึ้นเพียงเพื่อแสดงความสวยงามเชิงศิลปะเท่านั้น แต่ยังแสดงความหมายเชิงประวัติศาสตร์ด้วยว่าในช่วงเวลาที่พระเจ้าซาร์ Nicholas ที่ 2 และพระราชินี Alexandra ทรงใช้ชีวิตสมรสร่วมกันนั้น ชีวิตของคนทั้งสองมีความงดงาม ความหมายและความสุขเพียงใด เดือนมิถุนายนปี 2007 ในงานแสดงศิลปะที่ Grosvenor House ในลอนดอน นักธุรกิจรัสเซียผู้ร่ำรวย ชื่อ Iveta Tamaz Manasherov และ Viktor Vekselberg ได้ทุ่มเงิน 150 ล้านดอลลาร์ ซื้อไข่ Faberge เพื่อนำผลงานของศิลปินอัจฉริยะผู้นี้กลับไปรัสเซียครับ
สุทัศน์ ยกส้าน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
-http://www.artgazine.com/shoutouts/viewtopic.php?t=11432-
.