ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
ระหว่างความดีกับความไม่ดี เราจะเลือกทำสิ่งใดจึงจะสามารถบรรลุธรรมได้จริง ( เลือกตอบแค่ ความดี กับ ความไม่ดี ครับผม):
คนที่มีจิตใจอ่อนโยนส่วนใหญ่มัก คิดถึงสิ่งใดก่อนเสมอ  ( เลือกตอบแค่ ตัวเอง กับ คนอื่น ครับผม ):
กัน-ละ-ยา-นะ-มิด เขียนเป็นภาษาไทยที่ถูกต้องว่าอย่างไรครับ:
ชีวิตบางครั้งก็เหมือนเหรียญสองด้านใช่หรือไม่ครับบางครั้งก็หัวบางครั้งก็ก้อย( เลือกตอบแค่ ใช่ กับไม่ใช่ครับผม):
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆแนวธรรมะในจิตใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า แสงธรรมนำใจ:
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ความดีนำทาง:
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ใต้ร่มธรรม:
การแสดงความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผู้อื่นทำ นิยมใช้คำว่า (อนุโมทนา) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ อนุโมทนา:
ท่านจะปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อตกลงของเว็บใต้ร่มธรรมทุกประการหรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
คุณพ่อคุณแม่เปรียบดั่งพระอรหันต์ในบ้าน พิมพ์คำว่า "คุณพ่อคุณแม่ฉันรักและเคารพท่านดุจพระอรหันต์":
เมื่อให้ท่านเลือก ระหว่าง (หนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งที่เรารัก) กับ (มิตรแท้ที่รักเรา) คุณจะะเลือก:
บุคคลที่ไปหลายๆเว็บไซต์ โดยที่สวมบทบาทเป็นหลายๆคน โดยที่ไม่รู้ว่า แท้จริงใจเราต้องการอะไร เพื่อน หรือ ชัยชนะ:
ระหว่าง (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะผู้อื่น) กับ (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะตัวเอง)  ท่านจะเลือกเป็น:
กล่าวคำดังนี้  "ให้อภัยนะ":
กล่าวคำดังนี้  "ขออโหสิกรรม":
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ใต้ร่มธรรมเองก็จะเป็นไปตามวัฐจักรนี้ ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น (เป็นจริง) หรือ (ไม่จริง):
พิมพ์คำว่า (แสงธรรมนำทางธรรมะนำใจ) ครับ:
ขนทรายเข้าวัดคือ พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ทำบุญทำกุศลโดยวิธีนำหรือหาประโยชน์เพื่อส่วนรวมมิได้ทำเพื่อตนเอง):
ผู้ที่ไม่เคยรับรู้รสของความขมขื่น จะไม่รู้ว่าความหวานชื่นคืออะไร พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (He who has never tasted bitterness does not know what is sweet):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: บัวผ่อง
« เมื่อ: เมษายน 25, 2013, 06:41:13 pm »

ว่าด้วยเรื่องของ พวกศรัทธาจริต อันมืดบอด
ที่ชอบกอด นรก สวรรค์แทนหมอนข้าง ?



อนึ่ง จาก หลังจากที่ ตะคืน ได้ ถก กับ  คุณ สมาชิกหมายเลข 778626
ในประเด็น ว่าด้วยเรื่องของ พวกศรัทธาจริต อันมืดบอด
ที่ชอบกอด นรก สวรรค์แทนหมอนข้าง ?

ดัง รายละเอียดใน ลิงค์ ข้างล่างนี้

www.tairomdham.net/index.php/topic,7725.msg33528.html#msg33528

ขออนุญาต แตกประเด็น ตั้งกระทู้ถามนี้ ขึ้นมาใหม่ เพื่อ ถกกัน เป็น ธรรมวิจัยยะ
เผื่อว่า จะช่วยให้ พวกบัวใต้น้ำทั้งหลาย ได้สำเหนียก สำนึก และ ระลึก อะไร ขึ้นมาได้มั่ง
 

เรียน คุณ สมาชิกหมายเลข 778626

อืม...หลังจาก ฟังคุณ พล่าม มาเป็นวรรคเป็นเวร แล้ว
ก็ขอ อนุญาต ลำดับ เหตุการณ์ แล้ว กระทู้ ถาม กลับ เป็นข้อ ๆ บ้าง ดังนี้

1. หลังจากที่ คุณ เกิดข้อกังขา  แล้วโพสถาม อิฉันมาว่า

อิฉัน ไปเรียก พวกที่เชื่อ ใน นรก สวรรค์
ว่าพวกศรัทธาจริตอันมืดบอดได้ ยังไง ????


ตกลง ถึงตอนนี้ คุณพอจะอ่านภาษาไทยได้แตกฉาน บ้างหรือยัง ว่า

" พวกศรัทธาจริต อันมืดบอด ที่ชอบกอด นรก สวรรค์แทนหมอนข้าง "

ที่ อิฉัน อ้างถึงนั้น  อิฉัน หมายถึงใคร  ก. หรือ ข. ?

ก. พวกที่เชื่อ ใน นรก สวรรค์ ตามพระไตรปิฏกเฉย ๆ
(อย่างที่ คุณ ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียด หรือไม่ )

ข. บุคคลจำพวกที่ หลับหูหลับตาเชื่อ ใน นรก สวรรค์
ตามพระไตรปิฏก ตามสมณะโคดม แล้วยึดมั่นถือมั่นใน ทิฏฐิ ของตน
ว่าถูกต้องที่สุดใน สามโลก (ทั้ง ๆ ที่ ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่า ทฤษฎีนี้เป็นจริงหรือไม่)

แถมเขาก็ยัง พิสูจน์ ใน คนทั้งโลกเห็น ไม่ได้ 
ยิ่งไปกว่านั้น คือ คนพวกนี้ไม่ยอมรับ ความเห็นต่าง
ขาดความเคารพ ในความเป็น ปัจเจกบุคคล
จนต้อง ไปประนามหยามเหยียดตั้งข้อ รังเกียจ
ว่า ผู้เห็นต่าง ( ไม่เชื่อในนรก สวรรค์ )เป็น พวก มิจฉาทิฏฐิ




2. และ เมื่อ อิฉัน อธิบาย นิยามของคำว่า
" พวกศรัทธาจริต อันมืดบอด ที่ชอบกอด นรก สวรรค์แทนหมอนข้าง "

ในความหมายของอิฉันไปแล้ว

คุณจะยอมรับ หรือไม่ ว่า ข. มีคุณสมบัติ อันครบถ้วน ที่จะเป็น

" พวกศรัทธาจริต อันมืดบอด ที่ชอบกอด นรก สวรรค์แทนหมอนข้าง "




3. แล้วจาก ข้อ ความ ที่ คุณ บอกว่า

ผมคิดว่าเหตุผลของคุณได้ไม่คุ้มเสีย มันทำให้คุณกลายเป็นคนไม่มีเหตุผล และจะนำคุณไปสู่ความเห็นผิดแบบอื่นๆอีกต่อไป  เพราะกลายเป็นว่า คุณใช้อคติในการตัดสินคน

รบกวน สอบถามเพิ่มเติม ถึงรายละเอียด ด้วยว่า
การที่ อิฉัน อธิบาย ในเรื่อง ลักษณะ ของ ผู้ที่เป็น

" พวกศรัทธาจริต อันมืดบอด ที่ชอบกอด นรก สวรรค์แทนหมอนข้าง "  ตาม ข้อ ข. นั้น

มันเป็นการใช้ อคติ ในการตัดสิน คนที่ตรงไหน ?
จัดเป็น โทสาคติ/ โมหาคติ /โลภคติ หรือว่า ฉันทาคติ
และ สิ่งที่อิฉันกล่าวถึง ในข้อ ข.  เหล่านี้ 
มันจะนำอิฉัน ไปสู่ความเห็น ผิด ในเรื่องใดบ้าง


ในเมื่อ สิ่งที่ อิฉัน บอกไปในข้อ ข. นั้น
มันแสดงถึงการมีเจตนาไม่เห็นด้วยกับการประณาม
เหยียดเหยาม ทิฏฐิผู้อื่น ว่าเป็น มิจฉา ฯ
ทั้ง ๆ ที่ บางที คนที่เป็นผู้ใส่ความ ก็ ไม่เคยรู้เลยว่า
ความเชื่อของตนนั้น มันเป็น จริง แค่ไหน
สักแต่ว่า เชื่อตามกันมา เชื่อเพราะเป็นศาสดา
เชื่อ เพราะ มีอยู่ใน ใบลาน 3 ตะกร้า




4.แล้วจาก ข้อ ความ ที่ คุณ บอกว่า

ทำไมอิฉันไม่ดูเนื้อแท้ของคำพูด คำนี้
คุณก็พูดได้ เพราะ มีที่มา จากพระไตรปิฎกเอง
ใครไม่เชื่อ ชาตินี้ ชาติหน้า ท่านจัดให้เป็นมิจฉาทิฐิ
[/u]

ถ้าจะโกรธ ต้องไปโกรธใคร  คุณไม่รู้
อยากจะบอกว่า ต้องไปโกรธพระพุทธเจ้า
แต่คุณไม่ได้มีภูมิรู้อะไร ขนาดนั้น ไม่รู้ว่า
จริงๆแล้วใครพูด แต่งเติมกันภายหลังหรือเปล่า 
เบื้องต้น รู้แต่ว่าไม่ได้พูดกันเองแน่นอน มีอยู่ในพระไตรปิฎก.


แสดงว่า ถ้า สมณะโคดม และ ใบลาน 3 ตระกร้า
ระบุว่า การไม่เชื่อเรื่อง นรกสวรรค์ จัดเป็น มิจฉาทิฏฐิ
( แปลแบบบ้าน ๆ ว่า เป็นความเชื่อที่ชั่วร้ายเลวทราม )
คุณก็พร้อมที่จะ โยนิโสโดยใช้ปัญญา เชื่อตามศาสดา เชื่อตามตำรา
แล้วไป กล่าวหาว่า ผู้ที่ มีความเชื่อต่างจากตน ( ไม่เชื่อในนรกสวรรค์ )นั้น
เป็น ผู้มีความเชื่อที่ที่ชั่วร้ายเลวทราม  ใช่หรือไม่

แล้ว การกระทำเช่นนี้ จัดเป็น กุศลที่ตรงไหน ?
และ วิญญูชนทั้งโลก ( ไม่เฉพาะคนพุทธ )
กล่าวติเตียน การกระทำนี้ หรือไม่ เพราะ เหตุใด  ?

ไหนลองใช้ สามัญสำนึก เฉกเช่น วิญญูชน พึงมี
มาตอบคำถามเหล่านี้ ให้ อิฉันได้ชื่นสะดือ หน่อย ดิ
จะได้รู้ดำรู้แดง กันเสียที ว่า ใครกันแน่ ที่ใช้ วิจารณญาณ  ไปแลกกับอคติ 
เพราะถึงแม้ว่า ที่ผ่าน อิฉันจะพูดจา ส่อเสียด ใคร ยังไง
อิฉันก็ พูดมัน โดย อ้างอิง พื้นฐานที่เกิดขึ้นจริงในสังคม
ที่คนทั้งโลก ก็ยอมรับว่า มันเป็นเรื่องจริง และ พบเห็นได้ทั่วไป
อิฉัน ไม่เคยพูดอะไร หรือ พูดจากล่าวหาใคร ในเรื่องที่ อิฉันไม่รู้จริง
และ ไม่มีวันจะ ไปประณามหยามเหยียด คนที่ไม่เชื่อในเรื่องนรกสวรรค์ด้วย ว่าเป็น มิจฉาทิฏฐิ

แต่ สำหรับ คุณแล้ว การที่คุณ เที่ยวไป โพทนา บอกว่า
ใครไม่เชื่อในเรื่อง นรกสวรรค์ จัดเป็นผู้มีมิจฉาทิฏฐิ
โดยอ้าง ศาสดา อ้าง ใบลาน 3 ตะกร้า เขาบอกมานั้น

คุณมั่นใจได้อย่างไร ว่า ทฤษฎี ที่คุณเชื่อนั้น มันเป็นเรื่องจริง
ในเมื่อ คุณเองก็ยังไม่เคยเห็น และ ถึงเห็นแล้ว
คุณก็พิสูจน์ให้คนอื่นเห็นตาม ไม่ได้ 100 %
แล้วไอ้ พระไตรปิฏก นี่ มันน่าเชื่อถือ
จนสามารถเอาไปใช้ เป็น Reference  ในระดับสากลได้หรือ

ถามหน่อยเถิด เวลาที่ คุณเปิดปาก
บอกว่า ผู้ไม่เชื่อ ในนรกสวรรค์ เป็นผู้ที่มี มิจฉาทิฏฐิ นั้น
คุณไม่รู้สึก กระดาก ปาก บ้างหรือ ไร ?






ปอลิง

[spoiler]

ถึง ญิ๋งเล็ก

กระทู้นี้ ขอ อนุญาต สงวนสิทธิ ให้ หมายเลข 778626
แจ้งลบกระทู้นี้ แต่เพียงผู้เดียวก็แล้วกันนะ จ๊ะ
อย่าได้เสียมารยาท เข้ามาขัดขวางการ เสวนาธรรม เลยอ่ะ
ช่วย มาร่วมพิธี มาเป็นแค่ สักขีพยาน มุงดู กระทู้ เฉย ๆ ก็พอ
เพราะ หากมีการแจ้งลบกระทู้ขึ้นมาแบบปัจจุบันทันด่วน
เด๋ว คนเขาจะเข้าใจผิดได้น้าาา ว่า สาวกสมณะโคดม อย่าง หมายเลข 778626
ชอบ หนีปัญหา ด้วยการ แจ้งลบกระทู้ ทิ้ง เฉกเช่นวิสัยของ ผู้นับถือศาสนาแห่งปัญญามักจะทำบ่อย ๆ


[/spoiler]



ที่มา

http://pantip.com/topic/30410254


ข้อความโดย: บัวผ่อง
« เมื่อ: เมษายน 24, 2013, 11:39:01 pm »

ทัศนคติแบบผม ควรเริ่มศึกษาจากพระพุทธศาสนาอย่างไร เริ่มปฏิบัติตรงไหนดีครับ

ทัศนคติผมเป็นเช่นนี้
-ไม่เชื่อบุญ-บาป และนรก-สวรรค์ อย่างที่คนอื่นเชื่อกันอย่างงมงายโดยไม่พิจารณาตามหลักกาลามสูตร
-ไม่เชื่ออิทธฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ เพราะมองว่าชวนให้คนงมงาย ไม่ใช่ทางที่เป็นไปเพื่อความสิ้นกิเลส
-เชื่อว่าทุกๆสรรพสิ่งมีพระคุณต่อเราทั้งนั้น เราควรมอบความรัก ความเมตตาให้กับทุกสรรพสิ่ง ทั้งที่มีชีวิต และไม่มีชีวิต
หากพ่อ-แม่มีพระคุณต่อเราในแง่การให้ชีวิต ออกซิเจนก็มีพระคุณต่อเราเหมือนกัน
-จะเชื่อต่อมาปรากฎกับใจตัวเองเท่านั้น เช่นกฎแห่งกรรม  หิว กินข้าว อิ่ม หรืออย่างการมีสติอยู่กับปัจจุบันขณะ มีสติอยู่กับตัว ก่อให้เกิดความ สงบ
-ผมไม่ทำบุญ แต่ผมทำกุศล เช่น ใส่บาตรเพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนา ให้อาหารหมาเพื่อให้หมาแม่ลูกอ่อนที่หิวโซได้อิ่มท้อง ไม่หวังอะไร    นอกจากนั้น เช่น ชาติหน้าขอให้ดีอย่างนู้น ให้เลิศอย่างนี้ ผมไม่ขอครับ ถ้าจะขอ ขออย่างเดียว ขอหมดกิเลส

ผมอยากศึกษาตามคำสอนพระอาจารย์ที่สอนให้ใช้ปัญญานำ ไม่ใช่ศรัทธานำ ผมควรศึกษาของท่านใดครับ

***แก้คำผิด กามสูตร เป็น กาลามสูตร
แก้ไขข้อความเมื่อ 9 ชั่วโมงที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 782933


ความคิดเห็นที่ 11

แนะนำ พุทธทาสสไตล์ อ่ะเจ้าค่ะ
อ้อ แต่ เด๋วก่อน คุณต้องมั่นใจชัวร์ ๆ นะจ๊ะว่า ตนนั้น เป็น พวก พุทธจริต จริง ๆ
มิใช่ พวกศรัทธาจริตอันมืดบอด ที่ชอบกอดนรกสวรรค์ แทนหมอนข้าง
แล้ว ก็ อวดอ้าง กาลามสูตร เป็นไม้กันหมา

เพราะ วิถีแห่ง พุทธทาสสไตล์ นั้นน่ะ  มันไม่เหมาะกับพวกบัวใต้น้ำ ชั้นรากหญ้า
ที่มี เลเวลต่ำ ๆ ชอบนั่งจุมปุ๊ก คอยชะเง้อคอรอฟัง นิทานชาดก อยู่ที่ตรงฐานของ ปิรามิด อ่ะจร้าาา

[:เม่าบัลเล่ต์:][:เม่าบัลเล่ต์:][:เม่าบัลเล่ต์:]

ความคิดเห็นที่ 11-1

อ้อ ต่ออีกนิด จริง ๆ อยาก แนะนำให้เริ่มที่ สัมมัปทาน 4 อ่ะนะ
แต่ ดูแล้ว มันอาจจะยากเกินไป เพราะ คนที่จะ ปฏิบัติ ลงลึกกถึงเรื่องนี้ได้
เขาจะต้องมี ปัญญาสัมมาทิฏฐิ สามารถวิเคราะห์เจาะลึก ได้ในระดับ รากเหง้าของการกระทำของตน

รู้ว่า สิ่งใดเป็น กุศล สิ่งใดเป็น อกุศล 
ที่สำคัญ ต้องมีความ ซื่อสัตย์ต่อ กิเลสตัณหาและ อัตตาตัวเอง
พร้อมทั้งยอมรับรากเหง้าของ อคติ 4 ได้โดยไม่แอ๊บ ด้วย

แต่ถ้า ฟังแล้วมึนตื้บ เริ่มที่ ศีล 5 ก่อนก็ได้
อิฉันเอง แรกสุด ก็เริ่มจาก ศีล นี่แหล่ะ
แล้วสุดท้ายมันก็ ต่อยอด จนขึ้น ธรรมานุสปัสนา ได้เอง ตามเหตุปัจจัย


มีครูบาอาจารย์ ในสายปฏิบัติหลายคน เคยกล่าว เอาไว้ว่า

ศีล คือ บาทฐานของ วิปัสสนา อ่ะนะ

ฉะนั้น ถ้า ศีล 5 กระจอก ๆ ยังไม่มีปัญญาจะรักษาไว้
ก็อย่าแค่นจะเดินไปในเส้นทางสายปฏิบัติ เลย อ่ะ เด๋วจะเสียของ อิอิ

[:เม่าฝึกจิต:][:เม่าฝึกจิต:][:เม่าฝึกจิต:]



ความคิดเห็นที่ 20
"มิใช่ พวกศรัทธาจริตอันมืดบอด ที่ชอบกอดนรกสวรรค์ แทนหมอนข้าง"


ในที่สุดก็พบผู้รู้       ท่าน 804971  รู้แล้วว่า นรก สวรรค์นั้นไม่มีจริง ใช่ไม๊ครับ.

สมาชิกหมายเลข 778626
5 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 20-1
อืม....อะฮั้น ก็ไม่รู้ว่ะ แหะ ...แหะ....
อ่ะ เอามาฝากจร้าาาาาา

http://pantip.com/topic/30221587

เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์



ความคิดเห็นที่ 20-2

ไม่รู้...  อ้าว !

ผมไม่เข้าใจครับ ในเมื่อท่าน ก็ไม่รู้ว่า นรก สวรรค์ มีหรือเปล่า แล้วท่านไปเรียก พวกที่เชื่อ ใน นรก สวรรค์ ว่าพวกศรัทธาจริตอันมืดบอดได้ ยังไง ????

คือสำนวน มันบ่งอยู่ชัดๆ ว่า ท่านรู้แล้ว มั่นใจแล้ว ว่แบบนั้นมันงมงาย มันไม่ใช่   งั้น คำพูดของท่าน  มันก็ไปไกลเกินกว่า เอ่อ........เกินความรู้ เกินสติปัญญา ของท่านเอง น่ะสิครับ.



ความคิดเห็นที่ 22
อ้าว  คห.คุณ 804971 ถูกลบหมดแล้ว งั้นผมก็คุยอยู่กับคนบ้าน่ะสิ   เวรกรรม.
ตอบกลับ



ความคิดเห็นที่ 22-1




อิอิ ก็คงงั้นมั้ง แต่คงไม่มี อิบร้าที่ไหน มันยอมรับ หรอกนะ
ว่า ตัวเอง เป็นคนบร้าาา 55555555555


เอ้า เอามาฝาก

[spoiler]

อืม...ไอ้เรื่องสำบัดสำนวน ของ อิฉันนั้นน่ะ
deep meanning มันไม่ได้อยู่ที่ประเด็น  นรกสวรรค์ มีอยู่จริงหรือไม่
แต่มันอยู่ที่ การยึดมั่นถือมั่นใน ทิฏฐิ ของตน ทั้ง ๆ ที่ ตัวเองก็ยังไม่รู้
แถมยัง พิสูจน์ ใน คนทั้งโลกเห็น ไม่ได้ ตะหาก

ยิ่งไปกว่านั้น คือ การ ไม่ยอมรับ ความเห็นต่าง
ขาดความเคารพ ในความเป็น ปัจเจกบุคคล
จนต้อง ไปประนามหยามเหยียด
ตั้งข้อ รังเกียจ ว่า ผู้เห็นต่าง ( ไม่เชื่อในนรก สวรรค์ )เป็น พวก มิจฉาทิฏฐิ ไง
นั่นแหล่ะ คือ เหตุปัจจัย ที่ทำให้ อิฉัน เรียก คนพวกนี้ว่า
พวก เป็น ศรัทธาจริตอันมืดบอด ที่ชอบกอดนรกสวรรค์ แทนหมอนข้าง อ่ะ

[/spoiler]






แก้ไขข้อความเมื่อ 39 นาทีที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 809570
39 นาทีที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]

ความคิดเห็นที่ 23
ถึงตรงนี้ ผมชักไม่แน่ใจว่า จริงๆแล้ว ศาสนาพุทธสอนอะไรกันแน่  หวังว่าจะมีเหตุผล ที่เราไม่ควรคิดว่านี่คือตัวอย่างของผลอันเกิดจากการปฏิบัติธรรมนะครับ.

สมาชิกหมายเลข 778626


ความคิดเห็นที่ 25
อ้าว.....เฮ้อ...... ทู้นี้ อ้าว.. บ่อยเหลือเกิน เมื่อไหร่จะเลิกเซอร์ไพส์ซะที

เพื่อแสดงว่าผมยังไม่ได้ปลงใจเชื่อว่าคุณบ้าจริง งั้น ต่อเลยก็แล้วกันก่อนจะโดนลบทิ้ง


ผมคิดว่าเหตุผลของคุณได้ไม่คุ้มเสีย มันทำให้คุณกลายเป็นคนไม่มีเหตุผล และจะนำคุณไปสู่ความเห็นผิดแบบอื่นๆอีกต่อไป  เพราะกลายเป็นว่า คุณใช้อคติในการตัดสินคน และเอาเรื่องที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลกันและกัน มาใช้ในคนละเรื่องกัน คุณหมั่นใส้ที่เขาเหยียดหยาม (ไม่ถูกเลย  ที่จริง กรณีนี้ คำที่ถูกต้อง ต้อง  โคตรโง่ นะครับ) คุณปฏิบัติธรรมอยู่ไม่ใช่หรือ มีใครในโลกนี้ไม่โดนดูถูกบ้างครับ แต่ทำไมคุณไม่ดูเนื้อแท้ของคำพูด คำนี้ ผมก็พูดได้ เพราะ มีที่มา จากพระไตรปิฎกเอง ใครไม่เชื่อ ชาตินี้ ชาติหน้า ท่านจัดให้เป็นมิจฉาทิฐิ ถ้าจะโกรธ ต้องไปโกรธใคร ผมไม่รู้ อยากจะบอกว่า ต้องไปโกรธพระพุทธเจ้า แต่ผมไม่ได้มีภูมิรู้อะไร ขนาดนั้น ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วใครพูด แต่งเติมกันภายหลังหรือเปล่า  เบื้องต้น รู้แต่ว่าไม่ได้พูดกันเองแน่นอน มีอยู่ในพระไตรปิฎก.


สรุป คือ คำตอบคุณ ฟังไม่ขึ้น นี่คือตัวอย่างการเลือกตัดสินใจของคุณ คุณเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เอาสิ่งมีค่า คือ วิจารณญาน ไปแลกกับอคติ  แล้ว คุณยังจะหวังอะไรกับ วิจารณญานที่คุณสูญเสียไปแล้ว ผลการปฏิบัติธรรมทั้งหมดของคุณ จะมีค่าอะไร ใครจะเชื่อถือ แม้แต่ตัวคุณ คุณยังจะเชื่อตัวคุณอยู่อีกหรือ.


สมาชิกหมายเลข 778626


ที่มา

http://pantip.com/topic/30404272

ข้อความโดย: บัวผ่อง
« เมื่อ: เมษายน 24, 2013, 11:38:25 pm »

เพื่อน ๆ เห็น รูปนี้ แล้ว รู้สึก ยังไงบ้างคะ ?




ความคิดเห็นที่ 1
ผมช่วยแปะ



นายพยายาม
30 นาทีที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 809570 ซึ้ง


ความคิดเห็นที่ 2
แล้วคนเผยแพร่ภาพตั้งใจจะสื่ออะไรเหรอ

เสียงจากบ้านนา
21 นาทีที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 809570 ทึ่ง


ความคิดเห็นที่ 2-1

สื่อว่า ....

[Spoiler]


ต่อให้เป็น เดรัจฉาน แต่ถ้าเราเห็นว่า
เรา มี ภูมิศีลต่ำ ภูมิธรรมด้อย ภูมิรู้น้อยกว่า มัน
เราก็ สามารถ ยกมือไหว้มันได้ โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ มั้ง [:อมยิ้ม16:]



[/Spoiler]




สมาชิกหมายเลข 809570
13 นาทีที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]


ความคิดเห็นที่ 3
รู้สึกไร้สาระ และไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ
 

โจรดอกบ๊วย
19 นาทีที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 809570 ซึ้ง


ความคิดเห็นที่ 4
รู้สึกว่าแปลกดี และคนที่ทำภาพนี้ดูจะไม่ค่อยเกรงกลัวบาปซักเท่าไหร่ ล้อเล่นจนเกินพอดี


เครือข่ายไร้สาย
15 นาทีที่แล้ว
เจ้าหญิงนอกนิยาย ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 809570 ขำกลิ้ง


ความคิดเห็นที่ 5
เฉยๆหว่ะั นู๋บี(ป๊ะป๋าหมาน) กระเทยแขก โกหกว่าเป็นพุทธ
เรียกพระพุทธเจ้าว่า สมณโคดม ชอบเอามาลงเป็นประจำ


สมาชิกหมายเลข 741784
12 นาทีที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 809570 ทึ่ง


ความคิดเห็นที่ 5-1
อ้าว กระเทียมรึ มิน่าล่ะ


cantona_z
6 นาทีที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 809570 ขำกลิ้ง



ความคิดเห็นที่ 6
สงสารเณรท่าน ที่ถูกนำมาทำภาพตัดต่อค่ะ
ถ้าไม่นับเรื่องกรรมหรืออะไรคือ เรานึกถึงความรู้สึกของเณรเหล่านั้นมากกว่า


อาณาจักรสีเขียว
9 นาทีที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 809570 ซึ้ง


ความคิดเห็นที่ 7
เห็นแล้วรู้สึกเฉยๆ......

เพราะความจริง....ไม่มีอย่างในรูปนี้

และในรูปนี้......ก็ไม่ใช่ความจริง


พุทธศาสนิกชนแท้จริง.........มิได้ให้ความสำคัญ หรือจะเป็นจะตายกับรูปที่มีคนทำขึ้นมาอย่างนี้ดอก


8 นาทีที่แล้ว
คนซ่อมเรือ ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 809570 ซึ้ง



ความคิดเห็นที่ 8
เหมือนไม่ให้เกียรติ ลบหลู่มาก ๆ  เหมือนจะบอกว่า ไม่ว่าใครก็ตาม ทั้งที่ไม่ใช่คน ที่มีการห่มผ้าเหลือง ก็กราบไหว้ได้หมด

เราเข้าใจแบบนี้นะคะ

ปล. คนที่ทำรูปนี้ขึ้นมา เหมือนกะให้คนตลก ขำ แต่ชาวพุทธแบบเราคนนึง ไม่ขำและไม่ตลกสักนิดเดียว


เจ้าหญิงนอกนิยาย
8 นาทีที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 9
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
 
นายพยายาม



จม.ปิดผนึกจากญิ๋งแม่ !


 :26: :26: :26:
อ้างถึง

สวัสดีค่ะคุณ สมาชิกหมายเลข 809570

เนื่องจากทีมงานพบว่าการโพสต์ของคุณในกระทู้ 30406926 ประเภทกระทู้คำถาม tag: ปรัชญา/ศาสนา/ปัญหาชีวิต/ศิลปะ

" เพื่อน ๆ เห็น รูปนี้ แล้ว รู้สึก ยังไงกันบ้างคะ ? // ภาพประกอบ"

นั้นเป็นการโพสต์กระทู้ที่มีเนื้อหาเข้าข่ายล่อเป้า/บลั๊ฟ/เกรียน/ชวนทะเลาะ ในหน้าบอร์ดหลักเป็นการรบกวนการใช้งานของเพื่อนสมาชิกซึ่งถือว่าผิดกติกาจึงมีความจำเป็นต้องระงับการโพสต์ของท่านชั่วคราวเพื่อทำการแจ้งให้ท่านรับทราบเงื่อนไขในการใช้งานของเว็บพันทิปเสียก่อน

ทั้งนี้ทีมงานขอความกรุณาท่านสมาชิกตอบกลับมายัง contact.pantip.com เพื่อแจ้งเหตุผลในการโพสต์ข้อ ความลักษณะดังกล่าวค่ะ

ข้อความโดย: บัวผ่อง
« เมื่อ: เมษายน 24, 2013, 11:37:12 pm »

เคยมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์
เกี่ยวกับ การวัดระดับ ภูมิธรรม  หรือ SQ (Spiritual Quotient) บ้างไหมเจ้าคะ ?


อนึ่ง จากเรื่อง ของ 6Q ใน ลิงค์เหล่านี้นั้น

http://whateverzone.fix.gs/index.php?topic=439.0;wap2

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=182683

เท่าที่เคยเห็นผ่าน ๆ มา เคยมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์
เกี่ยวกับ การวัดระดับ เชาว์ปัญญา หรือ IQ (Intelligence Quotient)
แล้วก็มี แบบทดสอบ ไอคิว ที่เป็น กิจลักษณะ ด้วย

ก็ เลยสงสัยว่า แล้ว เชาว์ด้านจิตวิญญาณ หรือ SQ (Spiritual Quotient)
ซึ่งเป็น ความสามารถในการรักษาดุลยภาพทางจิตวิญญาณ /การรักษาสมดุลใจ
หรือ พอจะ อนุมาน เป็น ภาษาพระ ได้ว่า มันคือ ภูมิธรรม
นั้นน่ะ มันเคยมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์
เกี่ยวกับ การวัดระดับ ภูมิธรรม  เหล่านี้ไหมเจ้าคะ ?


แล้วมี แบบทดสอบ ที่เป็นกิจลักษณะ คล้าย ๆ การวัดไอคิว ไหมคะ
ที่สำคัญ ระดับความน่าเชื่อ ถือ ของแบบทดสอบนี้
มันมีความน่าเชื่อถือที่มีนัยยะสำคัญ หรือไม่


ถ้าใคร พอจะมีขอมูล หรือ แบบ ทดสอบ SQ ดังกล่าว
รบกวนช่วยโพสบอก เป็น วิทยาทานทีได้ไหมเจ้าค่ะ
 ถ้ามีโอกาส อิฉันจะได้ เอา แบบทดสอบนี้ มา ลองทำดูบ้าง
และ หากแบบทดสอบยดังกล่าว มันเวิร์ค มากมาย
จะได้ ลองเอาไปแจก ให้เพื่อน ๆ นักปฏิบัติ ในห้องศาสดา ลองทำดูด้วย
เผื่อจะได้ สามารถ ทราบถึง ระดับภูมิธรรม ของตนได้โดยไม่ต้อง ถ่อสังขาร ขึ้นเขาลงห้วย
ไปรบกวน บรรดาครูบาอาจารย์ ทั้งหลาย ให้มาทดสอบภูมิธรรมให้อ่ะค่ะ [:อมยิ้ม16:]

ขอบคุณค่ะ




ความคิดเห็นที่ 1
เอาง่ายๆ คุณสามารถเคารพตัวเองได้อย่างสนิทใจแล้วหรือยัง ตัวคุณเองรู้ดี ไม่สามรถหลอกตัวเองได้ หากคุณประพฤตดีทั้งกายใจ คุณจะรู้ดีว่าสามารถเคารพตัวคุณเองได้อย่างสนิทใจ ไม่ต้องให้ใครหรือแบบทดสอบ มาบอกว่าคุณเป็นคนดีหรือไม่ดีเพราะเขาอาจโกหกก็ได้ พระพุทธเจ้าสอนให้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่มีใครจะสามารถพาเราพ้นทุกข์ได้นอกจากตัวเราเอง พระพุทธเจ้าเป็นเพียงผู้บอกทาง ถ้าหวังแต่พึ่งผู้อื่นมาสอบอารมย์เมื่อไหร่จะรู้ตัวเอง เมื่อไหร่จะได้ใช้ปัญญา เมื่อไหร่จะพึ่งตนเองได้  หากมีปัญหาก็เรียนถามครูอาจารย์ได้ เพื่อขอความกระจ่างเป็นครั้งคราว แต่ตนเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งของตัวเอง

tonsv
1 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 804971 ซึ้ง


ความคิดเห็นที่ 2
วิทยาศาสตร์ เรื่องราวเกี่ยวกับกายภาพ วัตถุ สสาร หรือ คือสิ่งที่พิสูจน์ + ทดลอง ได้ด้วยสัมผัสทั้ง 5
ศาสนา(ตัดประเด็นเรื่องศรัทธาที่แตกต่างกัน)จะเน้นหนักในเรื่องจิตวิญญาน หลักการรับผิดชอบ ดี-ชั่ว ตามแต่มาตรฐานของแต่ละศาสนา

จะเห็นได้ว่าทั้งศาสนาและวิทยาศาสตร์จะต่างกันเพราะทั้งสองนั้นมีจุดประสงค์ในตัวมันเอง
ดังนั้นมนุษย์ควรที่จะต้องมีทั้งสองอย่างควบคู่กันไปเพราะเราปฎิเสธไม่ได้ เลยว่าชีวิตคนเรานั้นมีทั้งร่างกายและจิตวิญญาน+เจตนารมณ์เสรี
 
Sleeping
1 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 718209 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 804971 ซึ้ง



ความคิดเห็นที่ 3
ลองอ่าน  อีคิวโลกุตระ

http://ebookasoke.blogspot.com/2012/05/blog-post_6578.html

หรือถ้าชอบอ่านเป็น อีบุค อีคิวโลุตระ

http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/book014/page01.html

ไม่ใช่งานวิจัยแต่น่าอ่าน   บางทีอาจได้เข้าใจอะไรๆใหม่ๆบ้าง(ปรโตโฆสะ)

P2wichai
1 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 804971 ทึ่ง


ความคิดเห็นที่ 3-1
หรือจะชอบอ่านแบบ Pdf  อีคิวโลกุตระ Pdf

http://www.asoke.info/pdf_book/058_asoke.pdf

เป็นเล่มหนังสือก็มี  ถ้าต้องการอ่านจะส่งให้


P2wichai
44 นาทีที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 804971 ซึ้ง



ความคิดเห็นที่ 3-2
แท้งกิ๋ว เจ้าค่ะ  แหม๊ ? ไม่รู้ชาติก่อน นี่...
คุณหลานวาสิฏฐี สร้างเหตุปัจจัย ทำบุญด้วยอะรัยมาน๊อออ
ชาตินี้ ถึงได้ เกิดมาอยู่ใน สถานที่ สัปปายะ อยู่ในสังคมที่ดี 
แถมยังมี กัลยาณมิตร ที่เปี่ยมล้น ไปด้วยน้ำใจ แบบคุณป๋ากามนิต อีกด้วยอ่ะ อิอิ อมยิ้ม16

ปอลิง

เซอร์ไพร๊ซ์ มากเลย นะเนี่ย ที่ กระทู้ก่อน ได้รู้ว่า
คุณป๋ากามนิต ก็ มีนโยบาย ไม่สนับสนุน การแจกซองบอกบุญ เหมือนกัน
เฮ้ออ สัตว์ทั้งหลายย่อมคบค้าสมาคมกันโดยธาตุ จิง ๆ ด้วย ^ ^





สมาชิกหมายเลข 804971
3 นาทีที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]



ความคิดเห็นที่ 4
SQ ยังไม่ค่อยได้อ่านเท่าไร  ส่วนใหญ่อ่านแต่งานทางด้าน Moral Quotient : MQ ซึ่งก็ิคิดว่า น่าจะเกี่ยวพันกับ SQ อยู่
ที่เห็นมาก็มีแบบวัดทางด้าน moral ค่ะ  มักถูกนำมาใช้ในงานวิจัยทางด้านที่เกี่ยวข้องกับคุณธรรมและจริยธรรม
ส่วนทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับ moral ที่ดังๆ มีพัฒนาการทางจริยธรรมของโคลเบริ์กค่ะ ก็มักจะถูกนำมาใช้ทบทวนวรรณกรรมในงานวิจัยน่ะ

เรื่อง Spiritual Quotient เรามองว่า คงไม่ใช่แค่เรื่องภูมิธรรม หรือ การรู้ลึกละเอียดในเรื่องทางศาสนาเท่านั้นน่ะ 
พึ่งกลับจากดูงานที่เกาหลี  ที่นั่นเองคนไม่ไ้ด้นับถือศาสนาก็มีอยู่มากทีเดียว น่าจะครึ่งๆได้ของประชากรทั้งหมด
แต่จากการดูงานหลายๆแห่ง เห็นว่า เขาเล่นเรื่องสร้าง Spiritual Quotient มากทีเดียว
อย่างเท็ดดี้แบร์ เขามีการนำเอานิทานต้นกำเนิดมาใช้ โดยกำหนดว่า ชาวเกาหลีมาจากหมี ซึ่งเป็นตัวแทนของความอดทน
พอมาเรื่องคลองชองเกซอน เขาก็ปลูกฝังในสปิริตทางด้านความหวัง มีการตั้งชื่อ seed of hope และสปิริตในการมีส่วนร่วมของสังคม
แล้วพอทางด้านของพิพิธภัณฑ์เด็ก เขาก็ปลูกฝังในเรื่องความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ทางด้าน ICT ก็พยายามสร้าง warm digital
รู้สึกเลยว่า ทางเกาหลีเขาเล่นกับเรื่องของ Spiritual Quotient อยู่ โดยที่แทบไม่ได้เชื่อมโยงไปกับทางศาสนาเลยน่ะ

แก้ไขข้อความเมื่อ 51 นาทีที่แล้ว


ขี้เหงา...เอาแต่ใจ
58 นาทีที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 804971 ทึ่ง


ความคิดเห็นที่ 5
ความสามารถในการรักษาดุลยภาพทางจิตวิญญาณ /การรักษาสมดุลใจ
หรือ พอจะ อนุมาน เป็น ภาษาพระ ได้ว่า มันคือ ภูมิธรรม

เป็นอย่างไร ไม่รู้จัก


สมาชิกหมายเลข 724321
52 นาทีที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 804971 ขำกลิ้ง


ความคิดเห็นที่ 6
อืม....ภูมิธรรม (เชาว์ด้านจิตวิญญาณ /Spiritual Quotient )
ตามความคิดของอิฉัน น่าจะหมายถึง
ความสามารถในการ บริหารจัดการ ความทุกข์ตาม ยถาสภาวะ ณ ปัจจุบันขณะ มั้ง
ประมาณว่า เป็นความสามารถ ในการ ปรับสภาพตัวเอง ให้เกิด สมดุลโลก สมดุลธรรม และ สมดุลใจอ่ะ

สรุปสั้น ๆ ก็คือ เมื่อมีสิ่งเร้ามากระทบใจ
อาทิเช่น สาวขาวสวยหมวยอึ๋ม , เจ้ากรรมนายเวรแต่ชาติปางก่อน , สิ่งที่เราเกลียด ฯลฯ
คุณก็สามารถ ปล่อยวาง มันได้ โดยไม่เกิดกิเลสตัณหา ( รัก โลภ โกรธ หลง ) จนเกิด ทุกขังกะลามัง อ่ะ
หรือ ถ้าเกิด รัก โลภ โกรธ หลง  ก็สามารถ ปรับให้มัน ลดเลเวล และ ดับได้ ในที่สุด




สมาชิกหมายเลข 804971


จม.ปิดผนึกจากญิ๋งแม่ !


 :26: :26: :26:

อ้างถึง

สวัสดีค่ะคุณ สมาชิกหมายเลข 804971

เนื่องจากทีมงานพบว่าการโพสต์ของคุณในกระทู้ 30406108#6

" อืม....ภูมิธรรม (เชาว์ด้านจิตวิญญาณ /Spiritual Quotient ) ตามความคิดของอิฉัน น่าจะหมายถึง ความสามารถในการ บริหารจัดการ ความทุกข์ตาม ยถาสภาวะ ณ ปัจจุบันขณะ มั้ง ประมาณว่า เป็นความสามารถ ในการ ปรับสภาพตัวเอง ให้เกิด สมดุลโลก สมดุลธรรม และ สมดุลใจอ่ะ สรุปสั้น ๆ ก็คือ เมื่อมีสิ่งเร้ามากระทบใจ อาทิเช่น สาวขาวสวยหมวยอึ๋ม , เจ้ากรรมนายเวรแต่ชาติปางก่อน , สิ่งที่เราเกลียด ฯลฯ คุณก็สามารถ ปล่อยวาง มันได้ โดยไม่เกิดกิเลสตัณหา ( รัก โลภ โกรธ หลง ) จนเกิด ทุกขังกะลามัง อ่ะ หรือ ถ้าเกิด รัก โลภ โกรธ หลง ก็สามารถ ปรับให้มัน ลดเลเวล และ ดับได้ ในที่สุด // ภาพประกอบ "

นั้นเป็นการโพสต์กระทู้ที่มีเนื้อหาเข้าข่ายล่อเป้า/บลั๊ฟ/เกรียน/ชวนทะเลาะ ในหน้าบอร์ดหลักเป็นการรบกวนการใช้งานของเพื่อนสมาชิกซึ่งถือว่าผิดกติกาจึงมีความจำเป็นต้องระงับการโพสต์ของท่านชั่วคราวเพื่อทำการแจ้งให้ท่านรับทราบเงื่อนไขในการใช้งานของเว็บพันทิปเสียก่อน

ทั้งนี้ทีมงานขอความกรุณาท่านสมาชิกตอบกลับมายัง contact.pantip.com เพื่อแจ้งเหตุผลในการโพสต์ข้อ ความลักษณะดังกล่าวค่ะ

ข้อความโดย: บัวผ่อง
« เมื่อ: เมษายน 19, 2013, 12:23:46 pm »

ศาสนาพุทธ เป็น ศาสนาแห่งปัญญา จริง ๆ หรือ ? แล้วทำไม .....

ทำไม เวลาที่มีการตั้ง กระทู้ เรียกร้องขอความเป็นธรรม
และ ขอคำอธิบายที่สมเหตุสมผล ( จากการโยนิโสโดยแยบคายของพวกคุณ )
เพื่อให้เกิดความกระจ่างกับ ผู้คนที่ มีความเชื่อ-ความศรัทธา ต่างจาก พวกคนพุทธอย่างคุณ

[spoiler]
ยกตัวอย่าง เช่น

เวลามีคนตั้งกระทู้เป็นปากเป็นเสียง
แทนของเพื่อน ๆ มุสลิม - เพื่อน ๆ คริสเตียน
ที่มาถูก พวกคนพุทธอย่างพวกคุณ ตราหน้า ว่า...

การปฏิเสธความเชื่อเรื่องภพภูมิการเวียนว่ายตายเกิดของพวกเขานั้น
มันเป็น ความเชื่อสีดำ (มิจฉาทิฏฐิ )

ส่วน การยอมรับความเชื่อเรื่องภพภูมิการเวียนว่ายตายเกิดของพวกคุณนั้น
มันเป็น ความเชื่อสีขาว ( สัมมาทิฏฐิ )

[/spoiler]


ทำไมพวกคนพุทธ อย่างพวกคุณ
ถึงไม่ยอม ตอบคำถาม อย่างตรงไปตรงมาล่ะคะ
เหตุใดใยต้อง หนีปัญหา ด้วยการแจ้งลบกระทู้ ทิ้งด้วย
หรือ...นี่คือ วิธีโต้ตอบด้วยปัญญา ที่ ศาสดาของคุณ ได้ สอนเอาไว้ เจ้าคะ ?

[spoiler]

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนเหล่าอื่นอาจกล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์ ท่านทั้งหลายไม่พึงผูกอาฆาต ขุ่นเคือง ไม่พอใจในบุคคลเหล่านั้น เพราะถ้าท่านทั้งหลายโกรธเคือง หรือไม่พอใจในบุคคลที่กล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์นั้น, อันตรายเพราะความโกรธเคืองนั้น ก็จะพึงเป็นของท่านทั้งหลายเอง ถ้าท่านทั้งหลายโกรธเคือง หรือไม่พอใจในบุคคลที่กล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์ จะรู้ได้ละหรือว่า คำกล่าวของคนเหล่าอื่นนั้น เป็นคำกล่าวที่ดี หรือไม่ดี ?

"ไม่ทราบ พระเจ้าข้า."

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายพึงชี้แจง เรื่องที่ไม่เป็นจริง ให้เห็นว่าไม่เป็นจริง ในข้อที่คนเหล่าอื่นกล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์ ให้เขาเห็นว่าข้อนั้นไม่จริง ข้อนั้นไม่แท้ ข้อนั้นไม่มีในพวกเรา ข้อนั้นไม่ปรากฏในพวกเรา ดังนี้


พุทธวจน
พรหมชาลสูตร 9/3-4

ที่มา

http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/10/Y12754306/Y12754306.html

[/spoiler]




ความคิดเห็นที่ 1
ต่างคนต่างอยู่ สงบ สันติกว่าเชื่อเหอะ

Fernfriend
11 นาทีที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 2
ปฎิบัติเยอะๆแล้วจะได้คำตอบ บางทีสามารถติดต่อพระพุทธเจ้าได้เลย
   เลือกคำตอบนี้


สมาชิกหมายเลข 785964
5 นาทีที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 3
มันอยู่ที่คนนับถือจะตีความค่ะ
ไม่ได้อยู่ที่ศาสนา


Little Spam
3 นาทีที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 4

งั้นวันหลังก่อนที่ พวกคนพุทธอย่างคุณ จะ อวดอ้าง สิ่งใด
กรุณา สำเหนียก  สำนึก  และ ระลึกไว้ ด้วย ว่า ...
ตนนั้น มี คุณสมบัติ คู่ควรที่จะ เป็น สาวกผู้ นับถือ ศาสนาแห่งปัญญาหรือไม่ ?
ถ้าใครมี ภูมิศีลต่ำ ภูมิธรรมด้อย และ ภูมิรู้น้อย
ก็ กรุณา อย่ามาเอ่ยอ้าง ว่า ตนเป็นผู้นับถือศาสนาแห่งปัญญา
แล้ว แสร้งเนียน แอบเหยียบหัว ศาสนิกชนอื่น  ๆ  เขา

ด้วยการบอกว่า ตนนับถือศาสนาแห่งปัญญา ส่วน ผู้อื่น เป็นแค่ ผู้นับถือศาสนาแห่งศรัทธา
ทิฏฐิของตน เท่านั้นที่เป็น สัมมาฯ  ถ้าใครเห็นต่างจากตน ต้องเป็น มิจฉาฯ !




แก้ไขข้อความเมื่อ 1 วินาทีที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 799947


ข้อความโดย: บัวผ่อง
« เมื่อ: เมษายน 19, 2013, 12:16:38 pm »

ความคิดเห็นที่ 23
ขอ อนุยาด แดจาวู ยู้ฮู แบบ ซ้ำๆซาก ๆ ด้วย ตัวหนังสือ ที่เคยเขียนไว้ ....

[spoiler]

ขออนุญาต สรุปประเด็นคำถาม ของกระทู้ นะคะ

1. จขกท. ไม่ได้ ต้องการ จะ ให้ ใครมา เถียงกันว่า ความเชื่อของใคร เป็น สัจธรรม เป็นของจริง  แต่ ต้องการเหตุผลที่เป็น ยอมรับได้ ด้วย จิตสำนึกเยี่ยงวิญญูชนพึงมี น่ะค่ะ ว่า
ทำไม ท่านที่นับถือ พุทธ จึงบอกว่า การไม่เชื่อเรื่องภพภูมิ และ การเวียนว่ายตาย เกิด ของ จขกท. นั้นมันจึงเป็น มิจฉาทิฏฐิ ( โดนพวกท่าน มากล่าวหาว่าร้ายเป็นนัย ๆ โดยไร้เหตุผลที่ยอมรับได้ตามหลักสากล แบบนี้ มันรู้สึกไม่ดีเลยค่ะ

[spoiler]

แล้วมันมีเหตุผลที่ สามารถใช้ปัญญามาโยนิโส
ได้ มากกว่า คำว่า "มันเป็นกฏข้อกำหนด( ที่ศาสดาของพวกคุณบัญญัติไว้)"
และ "ใครไม่เชื่อคำสอนของศาสดาก็เห็นผิตทั้งนั้น" ไหมคะ
เพราะ รู้สึกว่า ถ้าพวกคุณตอบแบบนี้ มันไม่ตรงไปตรงมา และ ดูไม่มีจิตสำนึก เยี่ยง ผู้นับถือศาสนาแห่งปัญญา ที่ มี กาลามสูตร เป็นไม้กันหมา เลยอ่ะค่ะ


ขอ อนุญาต ยกตัวอย่าง เพื่อเปรียบเทียบ นะคะ

นาย ก. เชื่อว่า พญานาค มีจริง
นาย ข. เชื่อว่า พญานาค ไม่มีจริง

ความเชื่อ ของใคร เป็น สัมมาทิฏฐิ  ? หรือว่า ความเชื่อ ของ ทั้ง 2 คน เป็นแค่ ทฤษฎีความเชื่อ ในเรื่องเกี่ยวกับ พญานาค( ที่รอการพิสูจน์หลักฐาน ) ?
ฉะนั้น ทฤษฎีเหล่านี้ จึง ไม่ใช่ทั้ง สัมมา และ มิจฉา มันเนเพียงแค่ ทฤษฏฎี ที่รอการพิสูจน์ทราบ และ หลังจากทราบแล้ว จะทำเช่นไรต่อไป อันนี้ขอ ละไว้ ในฐานที่ ไม่ใช่ประเด็นของคำถามในกระทู้นี้


และ โดย ตรรกะ เดียวกัน ก็พอจะ อนุมาน ได้ว่า ถ้า

นาย ก. เชื่อว่า ภพภูมิการเวียนว่ายตายเกิด ( แบบในนิยายเรื่อง มณีสวาท ) มีจริง

นาย ข. เชื่อว่า ภพภูมิการเวียนว่ายตายเกิด ( แบบในนิยายเรื่อง มณีสวาท ) ไม่มีจริง

ทฤษฎีความเชื่อ ในเรื่องเกี่ยวกับ ภพภูมิและการเวียนว่ายตายเกิด นี้
จึง ไม่ใช่ทั้ง สัมมา และ มิจฉา มันเป็นเพียงแค่ ทฤษฏฎี ที่รอการพิสูจน์ทราบ เช่นกัน ที่สำคัญ ไม่ว่า ผลการพิสูจน์ จะออก มาเช่นไร สิ่งที่รู้ มันก็เป็น แค่ข้อเท็จจริง ( fact ) เท่านั้น  เป็นเพียง ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ในการ กระทำ สิ่งต่าง ๆ ซึ่งโดยที่ ตัวของ ทฤฎีเอง เพียว ๆ นั้น  ไม่ได้ทำให้ เกิดผลกระทบ ( เกิด คุณ-โทษ ) อะไรต่อ ใครเลย

[/spoiler]



2.และถึงจะไม่ได้นับถือศาสนาแห่งปัญญา เหมือน คนพุทธ
แต่  จขกท. ก็พอจะมีความรู้ในเรื่อง เกี่ยวกับ กาลามสูตร แบบ งู ๆ ปลา ๆ อยู่บ้าง ตามสมควร จึง รบกวน สอบถาม เพิ่มเติม ว่า

อันทฤษฎีความเชื่อ ที่ว่า ภพภูมิและ การเวียนว่ายตายเกิด มันไม่มีจริง นั้น
โดยตัว ทฤษฎีและความเชื่อนี้ ( แบบเพียว ๆ ) ซึ่งยังไม่ได้นำเอาไปใช้ขยายผลอะไร ต่อนั้น

มันเป็น อกุศล  ที่ตรงไหน ?  มันมีโทษ ที่ตรงไหน ?
และ วิญญูชนทั้งโลก ( ไม่เฉพาะคนพุทธ ) กล่าวติเตียน ทฤษฎีนี้ หรือไม่ เพราะ เหตุใด 



ถ้า พวกคนพุทธอย่างคุณ มีความบริสุทธิ ใจในการตอบคำถาม จริง
รบกวน ช่วยให้ความรู้ แก่ จขกท. เป็น วิทยาทานด้วย ค่ะ
แต่ ถ้า พวกคุณไม่คิดที่จะตอบคำถามพวกนี้ อย่างตรงไปตรงมา
หรือ ไม่สามารถตอบคำถามนี้ ได้โดยใช้เหตุผล ด้วย จิตสำนึกเยี่ยงวิญญูชนพึงมี
ก็ช่วย ออกมาแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการขอโทษ และ ถอนคำพูด ที่พวกคุณ บอกว่า 

" การไม่เชื่อ ในเรื่องภพภูมินั้น เป็น มิจฉาทิฏฐิ "  ด้วยค่ะ

เพราะสิ่งที่คุณได้ทำลงไปนั้น มันเป็นการ จงใจให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ต่อสาธารณชน
ที่ทำให้ จขกท. และ ศาสนิกชนอื่น ๆ ต้องทนถูกพวกคุณมาดูหมิ่นเหยียดหยาม มาเนิ่นนาน แล้วนะคะ

ขอบคุณค่ะ !

อ้อ รบกวนเพื่อน ๆ ศาสนิกชน( ที่ไม่ใช่คนพุทธ ) ช่วยเซฟกระทู้นี้ เก็บไว้เป็นเพื่อ หลักฐานด้วยนะคะ เผื่อว่า กระทู้มันโดนลบ แล้ว ต่อไป มี คนพุทธคนไหน
มาบอกว่า การไม่เชื่อ ในเรื่องภพภูมิ นั้น เป็น มิจฉาทิฏฐิ  มาทำให้เรารู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจ พวกเราจะได้ยกคำถามในกระทู้นี้ ไปให้ พวกเขา ช่วยตอบ ค่ะ


[/spoiler]







แก้ไขข้อความเมื่อ 20 นาทีที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 799934
20 นาทีที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]


ความคิดเห็นที่ 24

ปุจฉาาาาา


อันทฤษฎีความเชื่อ ที่ว่า ภพภูมิและ การเวียนว่ายตายเกิด มันไม่มีจริง นั้น
โดยตัว ทฤษฎีและความเชื่อนี้ ( แบบเพียว ๆ ) ซึ่งยังไม่ได้นำเอาไปใช้ขยายผลอะไร ต่อนั้น


มันเป็น อกุศล  ที่ตรงไหน ?  มันมีโทษ ที่ตรงไหน ?
และ วิญญูชนทั้งโลก ( ไม่เฉพาะคนพุทธ ) กล่าวติเตียน ทฤษฎีนี้ หรือไม่ เพราะ เหตุใด  ?




แก้ไขข้อความเมื่อ 17 นาทีที่แล้ว


สมาชิกหมายเลข 799934
18 นาทีที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]



ความคิดเห็นที่ 25
อะไร ที่เชื่อแล้ว ทำให้เกิด กุศล ละ อกุศล สิ่งนั้นควรเชื่อ

สิ่งใด ที่เชื่อแล้ว ทำให้เกิด อกุศล ห่างจาก กุศล สิ่งนั้นไม่ควรเชื่อ

---------------------------------------------------------
ตกลง ควรเชื่อ หรือไม่ว่า นรก สวรรค์ มีจรืง

- ควรเชื่อ เพราะจะได้มีเหตุปัจจัยในการทำดี
- ไม่ควรเชื่อ เพราะเชื่อแล้วก็ต่อว่าใครต่อใครที่ไม่เชื่อ

ผมมีเหตุผลแค่นี้ มั้ง
 

a235
17 นาทีที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 26


ถ้าพิจารณาจากชีวประวัติบุคคลสำคัญที่โลกยกย่องว่าเป็น ผู้มี คุณธรรม
ไม่ว่าจะเป็น  แม่ชีเทเรซ่า / ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล  / วอเรนต์ บัฟเฟต ฯลฯ
ทุกท่านที่กล่าวมา ก็ล้วนแล้วแต่ ปฏิเสธ ที่จะเชื่อ ในเรื่องการมีอยู่จริง ของ ภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า และ การเวียนว่ายตายเกิด กันทั้งนั้น

ทว่าก็ไม่เห็น ความเชื่อพวกนี้ จะ มีโทษ อะไร  จนทำให้ท่านเหล่านี้
กระทำตนไหลลงสู่ที่ต่ำ แล้วเดินไปสู่ทางแห่งอบายเลยนี่คะ
และ ถ้าจะพูดกันตรง ๆ แล้ว ท่านเหล่านี้ มีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม มากกว่า บางท่านที่เชื่อเรื่องภพภูมิด้วยซ้ำ


แล้วเช่นนี้ การปฏิเสธ ที่จะเชื่อ ในเรื่องการมีอยู่จริง ของ ภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า และ การเวียนว่ายตายเกิด ของท่านเหล่านี้ จะเป็น อกุศล และ เป็น มิจฉาทิฏฐิ ได้อย่างไรกันคะ ?




แก้ไขข้อความเมื่อ 14 นาทีที่แล้ว


สมาชิกหมายเลข 799934
14 นาทีที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]


ความคิดเห็นที่ 27
ท่านเจ้าของกระทู้คงได้พบเจอกับคนที่เป็นชาวพุทธแต่เพียงใบสํามะโนครัว หรือเปลือกชาวพุทธ

เพราะชาวพุทธที่เข้าถึงแก่นธรรมแล้วจะไม่มีอาการอย่างที่ท่านกล่าวมาเลย

ชาวพุทธแท้หรือผู้ที่เข้าถึงแก่นธรรมแล้วจะไม่มีการรังเกียจคนที่นับถือศาสนาอื่นหรือที่มีความเชื่อแตกต่างออกไปนะครับ


swinger
12 นาทีที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 28
ทำไม พวกคนพุทธอย่างคุณ ถึงต้อง มาทำเป็น เนียน
มายกตนข่มท่าน ด้วยการ กล่าวหา ว่า 
การที่ อิฉัน และ ศาสนิกชนศาสนาอื่น ๆ 
ไม่เชื่อ ในเรื่องภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า  นั้น

จึงจัดว่า เป็น พวกมิจฉาทิฏฐิ ด้วยคะ ?

รบกวน ขอคำ อธิบาย ตามวิสัย ผู้นับถือศาสนาแห่งปัญญา
ที่มี สามัญสำนึกเฉกเช่น วิญญูชน พึงมี ด้วยค่ะ  !

ตอบ
ผมเป็นพุทธ โดยส่วนตัวผมไม่เรียกน่ะและเพื่อนผมหลายคนก็ไม่เรียก มีบางคนเรียกบ้าง
แต่ไม่ใช้คนพุทธทุกคนจะเรียกคนที่นับถือศาสนาอื่นว่า เดียรถีย์หรือพวกมิจฉาทิฏฐิ
และไม่ได้อวดว่ามีปัญญา

ผมยอมรับสิทธิและเสรีภาพของคนอื่นที่เลือกจะเชื่อ ถ้าถามผมๆจะไม่บอกว่าคนอื่นเป็น มิจฉาทิฏฐิ แต่จะตอบว่ามีความเห็นไม่เหมือนผมเท่านั้น

ส่วนที่ตอบแบบนี้เพราะคำสอนของพระพุทธองค์(ศาสนาอื่นและปราชญ์หลายคนก็สอนแต่ผมอ่านจากพุทธ)
 

ฌลา
10 นาทีที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 29
ผมก็แวะมา เริ่มจากห้องมืถือ
ผมคนพุทธ มีความรู้บ้าง
ผมคิดว่า พุทธ สอนให้คนพ้นทุกข์ เท่านั้นแล โดยไม่ทำให้ผู้อื่นทุกข์จากการพ้นทุก์ ของตนเอง
และสิ่งที่ศาสนาพุทธเห็นและสอนเรา ผมคิดว่ามันเป็นระบบการจัดการของคนทั้งโลก ทั้งๆที่ยังมีชีวิตอยู่และหลังจากตายไปแล้ว โดยไม่จำเป็นว่าคนๆนั้นจะเชื่อเรื่องพุทธหรือไม่ก็ตาม
รู้สึกแปลกใจไหมครับ คำว่า หมอดู  ดูอดีตเห็นชัดแป๊ะ แต่อนาคตเลือนลาง
CP ดูดวงคนก่อนเข้าทำงาน ฝรั่งห้ามผูกไทในวันปล่อยจรวด
...
วันพรุ่งนี้ยังมี ชาติหน้าไม่มีได้อย่างไร
...
ลองอ่านดูครับ
http://www.gmwebsite.com/webboard/Topic.asp?TopicID=Topic-090407092137386



สมาชิกหมายเลข 723969
2 นาทีที่แล้ว
ข้อความโดย: บัวผ่อง
« เมื่อ: เมษายน 19, 2013, 12:16:04 pm »

ความคิดเห็นที่ 8
ทำไม พวกคนพุทธอย่างคุณ ถึงต้อง มาทำเป็น เนียน มายกตนข่มท่าน ด้วยการ กล่าวหา ว่า   
การที่ อิฉัน และ ศาสนิกชนศาสนาอื่น ๆ 
ไม่เชื่อ ในเรื่องภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า  นั้น
จึงจัดว่า เป็น พวกมิจฉาทิฏฐิ ด้วยคะ ?

รบกวน ขอคำ อธิบาย ตามวิสัย ผู้นับถือศาสนาแห่งปัญญา
ที่มี สามัญสำนึกเฉกเช่น วิญญูชน พึงมี ด้วยค่ะ  !
ทำไมต้องใช้คำว่า "พวก" ด้วยล่ะ ครับ
 

สมาชิกหมายเลข 789903
2 ชั่วโมงที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 9
เอ่อ....อิฉัน ไม่ได้ สนใจว่า การเวียนว่ายตายเกิด มีจริง หรือไม่

แต่ อิฉัน สนใจ ใน ประเด็นที่ว่า

ทำไม พวกคนพุทธอย่างคุณ ถึงต้อง มาทำเป็น เนียน
มายกตนข่มท่าน ด้วยการ กล่าวหา ว่า 
การที่ อิฉัน และ ศาสนิกชนศาสนาอื่น ๆ 
ไม่เชื่อ ในเรื่องภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า  นั้น

จึงจัดว่า เป็น พวกมิจฉาทิฏฐิ ด้วยคะ ?

รบกวน ขอคำ อธิบาย ตามวิสัย ผู้นับถือศาสนาแห่งปัญญา
ที่มี สามัญสำนึกเฉกเช่น วิญญูชน พึงมี ด้วยค่ะ  !


บอกตรง ๆ อิฉันเชื่อว่า มี ศาสนิกชนอื่น ๆ อีกหลาย ๆ คนรู้สึกไม่ดี มานานแล้ว
กับการ ที่ พวกคนพุทธอย่างพวกคุณชอบแอ๊บเนียน มายกตนข่มท่าน
อวดอ้าง ว่า ความเชื่อของตน นั้น มันเป็นสัมมาทิฏฐิ  เป็นศาสนาแห่งปัญญา
ถ้าใครไม่เชื่อเหมือนตน คนนั้นคือ พวกมิจฉา  ที่นับถือแค่ ศานาแห่งศรัทธา
ไหน ลอง สำแดง ความเป็นศาสนาแห่งปัญา มาอธิบาย ข้อกังขา ให้อิฉัน ฟังหน่อยสิ


อ้อ แต่ถ้า พวกคนพุทธอย่างคุณ ไม่สามารถจะโยนิโสฯ ตามวิถีของศาสนาแห่งปัญญา
มา ตอบให้ ผู้ไม่นับถือ ศาสนาพุทธ อย่าง พวกอิฉัน ให้รู้สึกเคลียร์ได้
พวกคุณ จะ หนีปัญหา ด้วยการแจ้งลบกระทู้ ก็ได้ค่ะ !



แก้ไขข้อความเมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 799934
2 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]
metteyya ถูกใจ


ความคิดเห็นที่ 10
พวก
พวก  น. คน สัตว์ หรือสิ่งต่าง ๆ ที่รวมกันเข้าเป็นกลุ่มเป็นหมู่ตามอาชีพหรือชนิดเป็นต้น เช่น พวกนักเรียน พวกพ่อค้า พวกกรรมกร พวกนก พวกกา พวกเครื่องมือ พวกเครื่องเขียน.
 
metteyya
2 ชั่วโมงที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 11
ศาสนาเรา สอนให้ไม่"ระราน" ครับ

สมาชิกหมายเลข 789903
2 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 11-1
บอกเฉลิมศักดิ์

metteyya
2 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799934 ขำกลิ้ง



ความคิดเห็นที่ 12
ถาม คนพุทธ ว่า เชื่อว่าไม่มี ชาติหน้า เป็น มิฉฉาทิฏฐิ  หรือไง

ผม คนพุทธ ครับ ขอตอบแบบผม นะครับ ไม่แน่ใจว่า ตรงคำถามไหมนะครับ
-----------------------------------------
ตามหลัก พุทธศาสนา ทุกคน ต่างยอมรับว่า "เราไม่มี" หรือ ก็ คือ หลัก อนัตตา
แล้ว ก็ เชื่อว่า ชีวิต ยังมีอยู่ต่อไป แบบ มีลูกมีหลาน สืบต่อไป เรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด

แต่ ต่างก็ไม่สามารถ อธิบายได้ว่า ชาตหน้า มีจริง หรือไม่ เพราะ
ถ้ามีจริง แล้ว อะไร ที่ไปเกิดในชาติหน้า ต่างก็บอกว่า ไม่มีอะไรไปเกิด
มีเพียงเหตุปัจจัยเท่านั้นที่ยังดำเนินไป แต่ก็ ยังกังขาว่า
ถ้าไม่มีชาติหน้า แล้ว ใครจะเป็นผู้รับกรรมที่ทำไว้ในตอนนี้ที่ยังไม่ส่งผล(คิดว่า ชาตินี้ใช้กรรมไม่หมด)

สำหรับผม ผมคิดว่า ไม่มี ชาติหน้า ของ a235  มีเพียง เหตุคือ นาย a235 เท่านั้น ส่วน วิบาก จะเป็นอะไร
ผมไม่อาจรู้ได้ ครับ เพราะ ผมว่า ใครๆ ต่างก็ ยอมรับว่า
"ไม่มี อะไรๆ ที่เป็น นายa235 ไปเกิดอีก" ครับ
หรือ ใคร จะบอกว่า นายa235 หลังจากตายเพราะกายแตกแล้ว ยังมี นายa235 อยู่ ครับ

a235
2 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 13
ถ้าหากว่า ท่านพุทธทาศพูดจริง สอนจริงผมว่า เป็นมิจฉาทิฏฐิแน่นอนครับ เพราะว่ามีเหตุผลดังต่อไปนี้
ท่านพูทธทาศ ไม่ใช่ผู้ฝึกใหม่ ท่านเรียนรู้จนเป็นผู้สอนแล้ว ท่านพูดไปแสดงว่าท่านสอน อยู่ในระดับอาจารย์ไม่ใช่ระดับ ผู้เรียนเพื่อตัดสินใจว่าจะเชื่อใคร การที่ท่านได้พูดประเด็นนี้ออกมาก็แสดง ว่าท่านฟันธงแล้วแน่นอนว่าท่านเชื่ออย่างนั้นจริงๆ และก่อนที่ท่านจะเชื่อท่านต้องผ่านการพิสูจน์แล้วเพราะท่านก็เป็นหนึ่งใน บรรดาผู้ที่มีปัญญา แต่ถ้าหากว่าาท่านไม่ได้พูดจริง ก็ถือว่าเป็นการใส่ความกันครับ แต่ที่แน่ๆ ผมรู้มาอย่างก็คือ ท่านสอนลูกศิษย์ ทั่วประเทศเชื่อกันนักหนาว่า พระพุทธเจ้าดับสูญแล้ว แค่นี้ผมก็นับว่าท่านเป็น อุจเฉททิฏฐิ แล้วละครับ เพราะถ้าพระพุทธเจ้าดับสูญไปแล้ว ผมคงไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปกราบไปไหวพระพุทธเจ้าอีกต่อไป เพราะไม่มีพระพุทธเจ้าแล้ว  ความคิดแบบนี้ กำลังจะบอกผมว่า พระพุทธเจ้า มีค่าเท่ากับต้นมะขามต้นมะเขือข้างบ้านที่ผมตัดทิ้งไปเมื่อเช้านี้ พอผมเผามันไป ต้นมะขามก็ไม่ได้ไปเกิดใหม่ที่ใหนอีก แสดงว่ามันนิพพานแล้ว  แล้วแบบนี้ทำไมไม่สอนให้ผมกราบต้นมะเขือ ด้วยซะละครับ ความเชื่อนี้ลามไปจนกระทั่ง ท่านที่มีปัญญามากในยุค เขียนหนังสือหน้งหามีลูกศิษย์เยอะแยะก็เชื่อตามท่านไปด้วย.



konmeedee
2 ชั่วโมงที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 14
ขอย้ำ deep  meaning ของกระทู้ถามนี้ เป็น ครั้งที่ 500 ว่า

ถ้าพิจารณาจากชีวประวัติบุคคลสำคัญที่โลกยกย่องว่าเป็น ผู้มี คุณธรรม
ไม่ว่าจะเป็น  แม่ชีเทเรซ่า / ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล  / วอเรนต์ บัฟเฟต ฯลฯ
ทุกท่านที่กล่าวมา ก็ล้วนแล้วแต่ ปฏิเสธ ที่จะเชื่อ ในเรื่องการมีอยู่จริง ของ ภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า และ การเวียนว่ายตายเกิด กันทั้งนั้น

ทว่าก็ไม่เห็น ความเชื่อพวกนี้ จะ มีโทษ อะไร  จนทำให้ท่านเหล่านี้
กระทำตนไหลลงสู่ที่ต่ำ แล้วเดินไปสู่ทางแห่งอบายเลยนี่คะ
และ ถ้าจะพูดกันตรง ๆ แล้ว ท่านเหล่านี้ มีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม มากกว่า บางท่านที่เชื่อเรื่องภพภูมิด้วยซ้ำ



แล้วเช่นนี้ การปฏิเสธ ที่จะเชื่อ ในเรื่องการมีอยู่จริง ของ ภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า และ การเวียนว่ายตายเกิด ของท่านเหล่านี้ จะเป็น อกุศล และ เป็น มิจฉาทิฏฐิ ได้อย่างไรกันคะ ?


แก้ไขข้อความเมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 799934
2 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]


ความคิดเห็นที่ 14-1
"มิจฉาทิฐิ แปลว่าความเห็นผิด"

ผมถามคุณอย่างนี้นะว่า คุณเห็นว่าชาตินี้ ชาติหน้า ผลแห่งกรรมดี กรรมชั่วไม่มี คุณย่อมเห็นว่าความเห็นคุณถูกต้องใช่มั้ย
เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องเห็นว่า คนที่เชื่อตรงข้ามกับคุณ ไม่ใช่ความเห็นถูกต้อง

กลับกัน มีคนเห็นว่าชาตินี้ ชาติหน้า ผลแห่งกรรมดี กรรมชั่วมี เขาเห็นว่าความเห็นเขาถูกต้อง
เพราะฉะนั้นคนที่เห็นตรงข้ามกับเขา ก็ไม่ใช่ความเห็นถูกต้อง

เป็นอย่างนี้ คุณเข้าใจที่ผมจะสื่อไหม?
ส่วนเรื่องที่คุณกล่าวหาว่า เขายกตนข่มท่าน ผมถามอย่างนี้ว่า ในเมื่อคุณเชื่อว่าความเห็นคุณถูกต้อง ความเห็นอื่นย่อมผิด
เมื่อคุณเห็นว่าความเห็นอื่นผิด ผมถามว่าคุณยกตนข่มท่านหรือไม่
แก้ไขข้อความเมื่อ 1 ชั่วโมงที่แล้ว

มอสคุงอะครับ
1 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 14-2
ความเชื่อ (ทิฏฐิ) กับ ความจริง (สัจธรรม) มันต่างกันนะ

และ ทิฏฐิหนึ่งที่ อิฉันเชื่อมั่น เสมอว่า มันเป็นสัมมาฯ ก็คือ....


ในโลกนี้ ไม่มี อะไรถูก อะไรผิด 
จะมีก็แต่ ความคิด ที่ทำให้มันเป็น


อนึ่ง อิฉัน คิดว่า บัณฑิตทุกท่าน ไม่ว่าจะนับถือ ศาสนาอะไร ก็ตาม
หากพวกมี สามัญสำนึกเฉกเช่น วิญญูชนพึงมี แล้วล่ะก็
พวกเขาเหล่านั้น ต่างต้อง เห็นพ้องต้องกันกับความเชื่อนี้ แน่ ๆ เลย

แก้ไขข้อความเมื่อ 54 นาทีที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 799934
57 นาทีที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]



ความคิดเห็นที่ 14-3

ในโลกนี้ ไม่มี อะไรถูก อะไรผิด  จะมีก็แต่ ความคิด ที่ทำให้มันเป็น


ไม่เสมอไปครับ สิ่งนั้นๆสิ่งไหนๆ ย่อมมีอยู่หรือไม่มีอยู่ ไม่ว่าเราจะเอาความคิดไปปรุงแต่งหรือไม่ก็ตาม

มอสคุงอะครับ
39 นาทีที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 15
พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว แปลว่าอะไรครับ ผมเข้าใจว่า ดับสนิทไปแล้วเสียอีก ส่วนคุณkonmeedee จะไม่ไหว้พระพุทธเจ้าเพราะ ดับสนิทไปแล้วก็ต้องแล้วแต่ การตีความหมายการเคารพด้วยการไหว้ของคุณเองแล้วล่ะครับ  คนเราไห ว้ต้นไม้ ได้นะครับ ถ้าคุณคิดว่ามันมีบุญคุณ ให้ประโยชน์แก่คุณ คนเราไหว้ธรรมชาติมาตั้งแต่อดีต
       
        คุณสมาชิกหมายเลข 799934 ครับ ผมไม่รู้ว่าคุณนับถือศาสนาอะไรนะครับ แต่ พูดแบบเปรียบเทียบให้ฟังว่า ถ้าศาสนาคุณคิดว่ามี พระเจ้า แล้ว ผมบอกว่า ไม่มีพระเจ้า คุณจะคิดว่า ผมคิดไม่ถูกตามความเป็นจริงหรือเปล่า   ส่วนที่บอกว่า ยกตนข่มท่านเนี่ย ดูอารมณ์เป็น ชนกลุ่มน้อย นะครับ คงต้องขึ้นกับบริบทแล้วล่ะ ว่าทำไมการคิดไม่เหมือนกันถึงเป็นการยกตนข่มท่าน

จัมบาลา
1 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 15-1
อืม....ฉัน เขี่ย สถานะ พุทธมามกะ ออกจาก บัตร ปชช มาได้ 2 ปี แล้วมั้ง ^^


จริงอยู่ที่ เคยมีคนแย้งว่า การปฏิเสธเรื่องภพภูมิชาตินี้ชาติหน้า จัดเป็น มิจฉาทิฏฐิ ในทางพุทธศาสนา 
ซึ่งก็เหมือน ๆ  กับที่ ศาสนิกชนบางศาสนา บอกว่า ผู้ไม่ศรัทธาในพระเจ้า จัดเป็น ผู้มี มิจฉาทิฏฐิ ในศาสนาของเขา
แต่ สิ่งหนึ่ง ที่พวกคนพุทธ อย่างคุณ ต้องไม่ลืม ก็คือ
การที่คุณ มักจะบอก คนอื่น ว่า ศาสนาของคุณ เป็นศาสนาแห่งปัญญา
(ซึ่ง แตกต่างจากศาสนาอื่น ๆ ซึ่งเป็น ศานาแห่งศรัทธา)
เพราะว่า พวกคุณมี กาลามสูตร เป็นคำสอนที่บอกให้ใช้ ปัญญามาพิจารณา สิ่งต่าง ๆ  นะคะ


ฉะนั้น การที่จะบอกว่า หากไม่เชื่อเรื่อง ภพภูมิ  แล้ว มันจัดเป็น มิจฉาทิฏฐิ นั้น
พวกคุณ ได้ใช้คำสอนใน กาลามสูตร มาพิจารณา หรือยังคะ


และ ถึงแม้ว่า ตอนนี้ จขกท. จะ ไม่ได้มีสถานะเป็น พุทธมามกะ แล้ว
ก็ ขออนุญาต หยิบยืม หลักคำสอนในเรื่องกาลามสูตร ของพวกคุณ
มาโพสให้อ่าน เผื่ออ่านแล้วจะใช้ สไปนอลคอร์ด แยกแยะได้มั่งว่า


สิ่งใดคือ สัมมาฯ สิ่งใดคือ มิจฉา ?


[spoiler]

ดูกรกาลามชนทั้งหลาย มาเถอะท่านทั้งหลาย
ท่านทั้งหลายอย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา
อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่า สมณะนี้เป็นครูของเรา

เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า
ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อสุข
เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?book=1&bookZ=45&name=%E0%A1%CA%BB%D8%B5%B5%CA%D9%B5%C3


[/spoiler]



แก้ไขข้อความเมื่อ 40 นาทีที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 799934
50 นาทีที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]


ความคิดเห็นที่ 16
คุณkonmeedee

  มีคำเปรียบเทียบใน มิลินทปัญหา เรื่อง การสืบเนื่องของกรรม จากนามรูปนี้ถึงนามรูปนั้น แต่ไม่ว่าเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว มันก็ทุกข์นี่ครับ เมื่อสิ้น       อาลัย  หลุดจากกรรม ก็นิพพาน


ผมไม่ได้ยืนยันว่า ด้านบนทั้งหมดคือ จริง นะครับ ผม ชอบ  น่ะ

จัมบาลา
1 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 17
ผมเชื่อเรื่องชาติที่แล้ว
เพราะผมระลึกได้ตอนนั่งวิปัสสนา(หลังจากใช้เวลาเป็น10ปี)
แต่คนที่ไม่เคยเห็นไม่เชื่อก็ได้
เพราะกรรมมันตามกันทันในชาตินี้
ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

สมาชิกหมายเลข 785964
1 ชั่วโมงที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 18
คุณ หมายเลข 799934

มันมีในข้อ สัมมาทิฏฐิ กับ มิจฉาทิฏฐิ แสดงอยู่ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ 1 ชั่วโมงที่แล้ว

Go2Better
1 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 19
อ่ะ ขอ อนุยาด แดจาวู ยู้ฮู เจ้าค่ะ

สัมมาทิฏฐิ-มิจฉาทิฏฐิ ตามความเข้าใจของท่าน นั้น มันคืออะไร แล้วทำไม........?

http://pantip.com/topic/30224650



ท่านมีความเชื่อในเรื่อง นรก-สวรรค์-การเวียนว่ายตายเกิด-ชาตินี้-ชาติหน้า หรือไม่ ? เพราะเหตุใด ?

http://pantip.com/topic/30221587


สมาชิกหมายเลข 799934
1 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]


ความคิดเห็นที่ 20
นอกเรื่องนิ๊ดดด นะคะ  เจ่เจ้

ขำตรงนี้อ่ะค่ะ   ==>   IP: 110.77.138.136      อมยิ้ม36
   เลือกคำตอบนี้

Smiling-girl
1 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 20-1
อืม...แม่นางไซซีเอย....นึกไง ดอดเข้ามา หม่ำ มาม่า ใน กระทู้ เจ้ ได้ล่ะจ้ะ
เจ้ ไม่ใจดี ชอบ แจกโปร แบบ คุณจ่า พิชิต น้าาาาา [:อมยิ้ม16:]


เฮ้อออ ใครก็ไม่รู้ เคยกล่าวเอาไว้ ในกระทู้

ถ้าเราไม่เชื่อ ในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดและภพภูมิ นี่ ถือว่าเป็น มิจฉาทิฏฐิ เพราะอะไร หรือคะ ?

ของเจ่เจ้ ว่า....

[spoiler]


ความคิดเห็นที่ 29

เป็นมิจฉาทิฎฐิในทางพระพุทธศาสนา ค่ะ

ทีนี้ จขกท. มิได้นับถือพุทธ  ก็ไม่ควรจะสนใจหรือรู้สึกอะไรๆ กับคำกล่าวนี้หรอกค่ะ

ขอยกตัวอย่างเราเองนะคะ 
เราเป็นพุทธที่เข้าโบสถ์  เราบริจาคทรัพย์ให้กับ โบสถ์   แต่เราไม่กินปัง  ไม่ดื่มพระโลหิต  และเราไม่เชื่อใน พระเจ้า !
ซึ่งในทางคริสต์อาจจะพิจารณาว่าเราเป็น "ซาตาน" หรือเปล่า  อันนี้เราก็ไม่ทราบได้
และถึงแม้ว่าเราจะเป็นซาตานในสายตาของชาวคริสต์  เราก็ไม่รู้สึกใดๆ เลยล่ะค่ะ  อันนี้พูดจริงนะคะ
เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นความเชื่อที่มาจากศาสนา จากคำของพระศาสดา

ต่างศาสนากัน  มุมมอง  ย่อมต่างกันอยู่ แล้ว  และคำสอนนั้นๆ ก็มีไว้สำหรับศาสนิกชนของศาสนานั้นๆ ค่ะ 
อย่าหวั่นไหวกับสิ่งที่เราไม่นับถือเลยค่ะ  เสียอารมณ์เปล่าๆ


[/spoiler]


อนึ่ง และ ข้อความ ข้างล่างนี้ ก็คือ สิ่งที่ เจ่เจ้ อยากจะ บอก แม่น้องน้อย ของ เจ้ นะจ๊ะ

[spoiler]

จริงอยู่ที่ เคยมีคนแย้งว่า การปฏิเสธเรื่องภพภูมิชาตินี้ชาติหน้า จัดเป็น มิจฉาทิฏฐิ ในทางพุทธศาสนา 
ซึ่งก็เหมือน ๆ  กับที่ ศาสนิกชนบางศาสนา บอกว่า ผู้ไม่ศรัทธาในพระเจ้า จัดเป็น ผู้มี มิจฉาทิฏฐิ ในศาสนาของเขา
แต่ สิ่งหนึ่ง ที่พวกคนพุทธ อย่างคุณ ต้องไม่ลืม ก็คือ
การที่คุณ มักจะบอก คนอื่น ว่า ศาสนาของคุณ เป็นศาสนาแห่งปัญญา
(ซึ่ง แตกต่างจากศาสนาอื่น ๆ ซึ่งเป็น ศานาแห่งศรัทธา)
เพราะว่า พวกคุณมี กาลามสูตร เป็นคำสอนที่บอกให้ใช้ ปัญญามาพิจารณา สิ่งต่าง ๆ  นะคะ


ฉะนั้น การที่จะบอกว่า หากไม่เชื่อเรื่อง ภพภูมิ  แล้ว มันจัดเป็น มิจฉาทิฏฐิ นั้น
พวกคุณ ได้ใช้คำสอนใน กาลามสูตร มาพิจารณา หรือยังคะ


และ ถึงแม้ว่า ตอนนี้ จขกท. จะ ไม่ได้มีสถานะเป็น พุทธมามกะ แล้ว
ก็ ขออนุญาต หยิบยืม หลักคำสอนในเรื่องกาลามสูตร ของพวกคุณ
มาโพสให้อ่าน เผื่ออ่านแล้วจะใช้ สไปนอลคอร์ด แยกแยะได้มั่งว่า

สิ่งใดคือ สัมมาฯ สิ่งใดคือ มิจฉา ?


[spoiler]

ดูกรกาลามชนทั้งหลาย มาเถอะท่านทั้งหลาย
ท่านทั้งหลายอย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา
อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่า สมณะนี้เป็นครูของเรา

เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า
ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อสุข
เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?book=1&bookZ=45&name=%E0%A1%CA%BB%D8%B5%B5%CA%D9%B5%C3

[/spoiler]

[/spoiler]



สมาชิกหมายเลข 799934
2 นาทีที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]


ความคิดเห็นที่ 21
เข้ามาดู เดิมผมอยู่ประจำห้องซอร์ฟแวร์ เบื่อๆ เห็นว่าเริ่มมีคนใหม่ๆเข้ามาช่วยตอบกันเยอะขึ้น
ก็เลยหันมาเข้าห้องศาสนา หันหน้าเข้าสู่พระธรรม(ธรรมชาติ)  เพราะตัวเองแทบไม่เคยเข้าวัด
ไม่เคยเข้าโบสถ์หรือมัสยิด ดูๆไปก็รู้สึกเหมือนเป็นคนไม่มีศาสนา เห็นว่าในห้องนี้ก็มีคน
หลายเชื้อชาติและศาสนา เป็นพระหรือนักบวชก็มี ผมเพิ่งเข้ามาเพียงไม่กี่วัน มิได้ประจำห้องนี้
จึงมีสภาพเหมือนขับรถผ่านทาง อาจมีมุมมองที่แตกต่างไปบ้างตามสภาพแวดล้อมที่แปลกแยก
และจำเป็นต้องสังเกตดูเส้นทางทั้งสองข้าง ซึ่งผมคงจะผ่านจุดนี้ไปในไม่ช้า เพราะว่าโดยส่วนตัว
เป็นคนชอบสันโดดและชอบที่จะอยู่กับตัวเองมากกว่าสังคม จึงมีสภาพเหมือนอยู่คนเดียวบนโลก
กับคอมพิวเตอร์หนึ่งตัวเป็นเพื่อนมาหลายสิบปีแล้ว จึงไม่พยายามออกความเห็นที่เกี่ยวกับสิ่งที่เป็น
นามธรรมหรือยังไม่สามารถค้นหาคำตอบได้อย่างตรงๆและถูกต้องเหมือนกระบวนการของคอมพิวเตอร์
เนื่องจากเชื่อว่าภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาใดๆในโลกนี้ก็ตาม ไม่สามารถสื่อความรู้สึกจากใจที่จะตอบ
ออกมาให้ตรงตามคำพูดได้ คล้ายๆกับภาษาทุกภาษามีข้อจำกัดของมันอยู่ในตัว มีหลายครั้งที่ผม
ต้องการพูดอธิบายความเข้าใจของตัวเองออกมาให้เพื่อนหรือใครก็ตามได้เข้าใจความคิด แต่พอพูด
ออกมาแล้ว กลับทำให้รู้สึกเศร้าเสียใจในภายหลัง ที่ทำไมผมจึงพูดออกมาได้อย่างนั้น ยิ่งการกล่าวถึง
สิ่งที่เราไม่อาจสัมผัสจับต้องได้เช่น ชาตินี้ชาติหน้า อรหันต์  นิพพาน ของศาสนาพุทธ ซึ่งไม่เหมือนกับ
กระบวนการหรือหลักการของคอมพิวเตอร์ ที่เรากลับสามารถสร้างสรรจินตนาจากความรู้สึกและความ
เข้าใจของเราเองออกมาให้เป็นภาพและเสียงรวมถึงการเคลื่อนไหวต่างๆได้ ทั้งๆที่มันก็เป็นเรื่องที่เรา
ไม่อาจสัมผัสจับต้องได้เช่นกัน กล่าวคือผมมองว่ากระบวนการของคอมพิวเตอร์และธรรมของทุกศาสนา
คือมายาที่ไม่อาจสัมผัสจับต้องได้เช่นวัตถุ จึงอาจจำเป็นต้องเพ่งมองด้วยใจของเราเอง ผ่านข้อคิดเห็น
หรือข้อเท็จจริงจากหลายๆท่านมาประกอบ แม้บางเรื่องเราไม่อาจค้นหาคำตอบใดๆได้เลยก็ตาม ดังนั้น
การพูดหรือพิมพ์ข้อคิดเห็นลงในกระทู้ของผู้รู้บางท่าน บางครั้งก็ให้ความรู้สึกกับผู้อ่านว่าเป็นการ
ยกตนข่มท่าน รวมถึงข้อความที่ผมพิมพ์ออกมาดังที่ท่านอ่านอยู่นี้ ก็ทำให้ผมเองยังรู้สึกว่าตัวเอง
กำลังยกตนข่มท่านอื่นอยู่นัยๆ นั่นเป็นเพราะภาษาไม่อาจสื่อความหมายจากใจได้นั่นเองครับ.


willium lai
58 นาทีที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 22
คหสต. เป้าหมายของศาสนาพุทธคือนิพพาน. เป็นสัมมาทิฏฐิ. แน่นอนสำหรับเป้าหมายของศาสนาพุทธ
หากเรายังคงยึดติดกลับโลก. ไม่มีเป้าหมายนิพพานเป็นที่ตั้ง. ยังคงอยากเวียนว่ายตายเกิดในสังขานวัฎ
นั้นคือสิ่งที่ตรงกันข้ามกับนิพพาน.  มันคือมิจฉาทิฎฐิ. ในศาสนาพุทธครับ.
และตัวผมเองเนี่ยแหละมี. มิจฉาทิฏฐิ. เพราะไม่ได้ตั้งใจที่จะมุ่งสู่นิพพานเลยในตอนนี้.
ยังคงมีความคิดที่ยังติดอยู่ในโลก ในโลกียะ. มีเรื่องการเกิด การสร้างภพต่อ.  และผมก็รู้พอใจที่จะเกิดใหม่อีกครั้ง.
แต่ก็ยังมีความกลัว คือกลัวว่าภพหน้าจะไม่ได้เกิดเป็นคนเหมือนภพนี้. แต่ถ้าไปเกิดเป็นเทวดาก็พอรับได้อมยิ้ม01
แก้ไขข้อความเมื่อ 39 นาทีที่แล้ว
 
Ch_Chang
42 นาทีที่แล้ว

ข้อความโดย: บัวผ่อง
« เมื่อ: เมษายน 19, 2013, 12:12:28 pm »

เหตุใด " การปฏิเสธในเรื่องภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า" ของ ท่านพุทธทาส

จึง จัดว่า เป็น มิจฉาทิฏฐิ ?


อนึ่ง เมื่อ จขกท.  นำมาสอบทวนดู  ก็พบข้อสังเกต ว่า
การปฏิเสธ ที่จะเชื่อ ในเรื่องการมีอยู่จริง ของ ภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า และ การเวียนว่ายตายเกิด นั้น
โดยตัวความเชื่อนั้น มันก็ยังไม่ได้เป็น อกุศล  ก่อให้เกิดโทษ
หรือ ทำให้ผู้รู้ ( ทั้งที่เป็นพุทธ และ ไม่ใช่พุทธ ) ต้องออกมาตำหนิติเตียน ที่ตรงไหน นี่คะ
( หรือ ถ้าหาก เพื่อน ๆ คนไหน เห็นว่า มันเป็น ความคิดอกุศล  ก่อให้เกิดโทษ
หรือ มี ผู้รู้ ( ทั้งที่เป็นพุทธ และ ไม่ใช่พุทธ ) ต้องออกมาตำหนิติเตียน
ก็รบกวนเพื่อน ๆ ช่วย อธิบายให้ฟัง หน่อยค่ะ ว่า มันเป็น อกุศล ที่ตรงจุดไหน ? )





เพราะ หากจะ บอกว่า ความเชื่อนี้เป็น อกุศล
ทำให้คนเลิกทำบุญสะสมความดี หันมาทำความชั่วตามใจตัวเองมากขึ้น
เรื่องนี้ จขกท. คิดว่า มันขึ้นอยู่กับ จิตสำนึกของแต่ละบุคคล มากกว่านะคะ
เพราะ ถ้าพิจารณาจากชีวประวัติบุคคลสำคัญที่โลกยกย่องว่าเป็น ผู้มี คุณธรรม
ไม่ว่าจะเป็น  แม่ชีเทเรซ่า / ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล  / วอเรนต์ บัฟเฟต ฯลฯ
ทุกท่านที่กล่าวมา ก็ล้วนแล้วแต่ ปฏิเสธ ที่จะเชื่อ ในเรื่องการมีอยู่จริง ของ ภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า และ การเวียนว่ายตายเกิด กันทั้งนั้น

ทว่าก็ไม่เห็น ความเชื่อพวกนี้ จะ มีโทษ อะไร  จนทำให้ท่านเหล่านี้
กระทำตนไหลลงสู่ที่ต่ำ แล้วเดินไปสู่ทางแห่งอบายเลยนี่คะ
และ ถ้าจะพูดกันตรง ๆ แล้ว ท่านเหล่านี้ มีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม มากกว่า บางท่านที่เชื่อเรื่องภพภูมิด้วยซ้ำ


แล้วเช่นนี้ การปฏิเสธ ที่จะเชื่อ ในเรื่องการมีอยู่จริง ของ ภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า และ การเวียนว่ายตายเกิด ของท่านเหล่านี้ จะเป็น อกุศล และ เป็น มิจฉาทิฏฐิ ได้อย่างไรกันคะ ?
รบกวนช่วยชี้แนะให้ผู้ที่มิได้ นับถือศาสนาแห่งปัญญา เหมือนท่าน ให้ได้รับรู้ เป็นวิทยาทาน ด้วยเถิดค่ะ [:อมยิ้ม17:]

ที่มา

www.tairomdham.net/index.php/topic,7725.60.html


ความคิดเห็นที่ 1
ตอนเราไปงานวันล้ออายุท่านพุทธทาส
เขาเปิดให้ฟังท่านพุทธทาสเทศน์
ท่านไม่ได้ปฏิเสธนะคะ
บอกแค่ว่าอย่าไปสนใจ
แค่ให้อยู่กับปัจจุบัน

(คร่าวๆ นะคะ)
 
Fernfriend
3 ชั่วโมงที่แล้ว
metteyya ถูกใจ



ความคิดเห็นที่ 2
ยูเนสโก เกี่ยวอะไรกับพุทธศาสนานิกายเถรวาทครับ?

นิกายเถรวาทยึดมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้าคือพระไตรปิฏกครั้งปฐมสังคายนา

พุทธทาสจะมีความเห็นอย่างไรก็เรื่องของพุทธทาส
แต่ตราบใดที่พุทธทาสหรือสาวกพุทธทาสยังอาศัยร่มเงาของพุทธศาสนานิกายเถรวาท
อาศัยศรัทธาของฆราวาสที่มีต่อนิกายเถรวาทให้ทั้งที่อยู่ที่กินที่หลับนอนที่สร้างสมชื่อเสียง
ตราบนั้นพุทธทาสและสาวก ควรเคารพต่อคำสอนตามนิกายเถรวาทครับ

ถ้าแยกนิกายไปแล้ว อยากทำอะไรก็ทำ

cantona_z
3 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 2-1
ท่านพุทธทาสไม่เคยกล่าวว่าเป็นพระอรหันต์

แต่

บางสำนัก

เป็นอรหันต์ตั้งแต่ยังเป็นฆาราวาส

ก็แยกนิกายไป

อย่างนั้นอยากทำอะไรก็ทำ
แก้ไขข้อความเมื่อ 1 ชั่วโมงที่แล้ว

metteyya
2 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 2-2
ใครรึ?

cantona_z
56 นาทีที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 3
ถ้างั้น ขออนุญาต เป็น ตัวแทน ของ ผู้ ไม่ได้นับถือพุทธ
ถามปัญหาที่ค้างคาใจมานานแล้ว เป็น การเพิ่มเติม ว่า


ทำไม พวกคนพุทธอย่างคุณ ถึงต้อง มาทำเป็น เนียนมายกตนข่มท่าน ด้วยการ กล่าวหา ว่า   
การที่ อิฉัน และ ศาสนิกชนศาสนาอื่น ๆ  ไม่เชื่อ ในเรื่องภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า  นั้น จึงจัดว่า เป็น พวกมิจฉาทิฏฐิ ด้วยคะ ?
รบกวน ขอคำ อธิบาย ตามวิสัย ผู้นับถือศาสนาแห่งปัญญา ที่มี สามัญสำนึกเฉกเช่น วิญญูชน พึงมี ด้วยค่ะ  !


แก้ไขข้อความเมื่อ 3 ชั่วโมงที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 799934
3 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]


ความคิดเห็นที่ 3-1
สัมมาทิฏฐิ คือความเห็นตามอย่างถูกต้องที่ยังมีกิเลสหมักหมมที่ต้องทำการกำจัดกิเลสนั้น เพื่อให้เป็นส่วนแห่งบุญเป็นผลแก่ขันธ์ (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ) โดยมีความเห็นที่ถูกตรงดังนี้
  ( จากมหาสติปัฏฐานสูตรเล่ม ๑๒ นั้นชี้ชัดว่า สัมมาทิฏฐิคือความเห็นว่าชีวิตนี้เป็นก้อนแห่งทุกข์ เพราะมีสาเหตุแห่งทุกข์ มีสภาวะที่ไม่มีทุกข์อยู่ และสุดท้ายก็มีวิธีการที่จะดำเนินการให้พ้นทุกข์นั่นเอง อันคือมรรคมี องค์ ๘ นั่นเอง )
๑. ทานที่ทานแล้วมีผล (อัตถิทินนัง ) คือการทานสิ่งของหรือธรรมทาน ที่มีผลต่อจิตใจให้เกิดการละ หรือลดความโลภแล้วเห็นผลทานนั้นเกิดขึ้นกับจิตใจของตนเองว่า การทานนั้นทำให้เราสุขใจที่เห็นคนที่รับการทานนั้นเป็นสุขตามสภาวะนั้นอย่าง แท้จริง เพราะเพื่อให้เราลดความยึดติดในทรัพย์ภายนอกที่ทำให้เราเกิดทุกข์อย่างไม่ รู้จบสิ้นนั่นเอง
๒. ยัญพิธีที่บูชาแล้วมีผล (อัตถิยิฏฐัง ) ตือการกระทำพิธีการใดๆ หรือพิธีการใดๆ เพื่อให้เราเดินทางอย่างถูกตรง เพื่อให้เราพ้นจากทุกข์แห่งชีวิตนั่นเอง เช่นการทานส่ิงของข้อที่ ๑ หรือการรักษาศีลทุกข้อแห่งพุทธ ก็คือพิธีการ หรือยิฏฐังนั่นเอง
๓. สังเวยที่บวงสรวงแล้ว มีผล (อัตถิหุตัง )คือการกระทำการใดๆทั้งสิ้น เพราะหมายความว่าการกระทำการใดๆอันมีผลให้เราได้เดินทางออกจากความทุกข์แห่ง ชีวิตได้นั่นเอง นั่นย่อมหมายความว่า  ๓ ข้อนี้มีความเกี่ยวข้องกัน คือ ระหว่างการทานหรือการสละออก เพราะเราเป็นทุกข์นั้นก็เพราะอุปาทานเอาไว้กับชีวิต กับจิตเรานั่นเอง  หรือข้อ ๒ คือวิธีการหรือพิธีการต่างเพื่อเดินทางออกจากทุกข์นั่นแหละคือการบวงสรวง หรือวิธีการ หรือพิธีการ เพื่อให้เราลดการยึดติด เพื่อเดินทางออกจากทุกข์เป็นหมวดแรก
๔. ผลของวิบากกรรมที่ทำดีทำชั่ว มีผล (อัตถิสุกตทุกกฎานัง กัมมานัง ผลัง วิปาโก ) สำหรับข้อนี้เราผู้เป็นพุทธย่อมเชื่อว่าการทำดีทำชั่วย่อมสั่งสมผลลงสู่จิต ของเราอยู่ทั้งสิ้น เพราะเราเชื่อในกรรม ๕ ของพุทธศาสนาอย่างแน่นอน เช่น ฆ่าสัตว์ก็คือฆ่าสัตว์ ถ้าสัตว์โกรธ อาฆาต พยาบาท ก็ย่อมพยาบาทอาฆาตเราผู้ฆ่านี่เอง เราเองก็ต้องรับการอาฆาตพยาบาท จองเวรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นเอง เอาให้ใครรับแทนก็ไม่ได้ เมื่อทำดีก็ย่อมรับผลดีเช่นเดียวกัน
๕.โลกนี้มี (อัตถิ อยัง โลโก)โลกนี้มีถ้าจากการอธิบายคงไม่ยาก เพราะโลกนี้ก็คือโลกที่เราอยู่อาศัย หรือมีชีวิตอยู่นี้  แต่ในส่วนที่ต้องเดินทางออกจากทุกข์ก็เพราะ โลกเก่าที่พระพุทธเจ้าหมายถึงก็คือโลกที่เป็นทุกข์นั่นเอง และ
๖.โลกหน้ามี (อัตถิ ปโรโลโก )โลกหน้ามี ถ้าต้องอธิบายก็คือโลกหน้าในที่นี้ก็คือโลกที่เราพ้นออกมาจากความทุกข์แล้ว มามีสถานะใหม่ หรืออยู่โลกใหม่ที่เกิดหลังจากปฏิบัติธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วนั่นเอง ซึ่ง ข้อ ๔ ,๕,และ๖นี้คือความเกี่ยวข้องกันในการปฏิบัติ คือถ้าทำชีวิตอยู่เท่าเดิมก็ได้อยู่โลกเก่า ถ้าทำชีวิตแบบปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าก็จะได้อยู่โลกใหม่นั่นเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าตายจากชาตินี้แล้วไปอยู่โลกใบใหม่หรอก เพราะพระพุทธเจ้าท่านเองท่านก็ปรินิพพานตอนสุดท้ายท่านก็ไม่ได้ไปสร้างโลก ใหม่รอเราหรอก แต่ท่านบอกให้เราออกจากโลกของความทุกข์มาอยู่โลกที่เป็นสุขในชาตินี้นี่เอง ต้องดู ๓ ข้อต่อไป
๗. มารดามี (อัตถิมาตา )ข้อนี้อธิบายเอาไว้ว่าแม่ในการเกิดมีชีวิตนี้ พระพุทธเจ้าท่านว่าสัตว์แต่ละตัวนั้นเกิดแล้วตายกระดูกกองรวมกันเท่าภูเขา เวปุลบรรพต แต่ก็ไม่สามารถออกจากทุกข์ได้ เพราะฉะนั้นเราเองต้องตามไปดูความลึกซึ้งของคำสอนว่าแม่ในที่นี้ก็คือแม่ที่ ทำให้เราเกิดใหม่นั่นเอง
๘.บิดามี (อัตถิปิตา)ข้อนี้ก็คงเช่นเดียวกันกับข้อที่ ๗ เพราะธรรมดาสัตว์ หรือพืชย่อมอาศัยความเป็นแม่กับพ่อเป็นที่อาศัยเกิด หรือทำให้เกิด เราก็เห็นๆอยู่โดยความรู้ทั่วไป หรือพระพุทธเจ้าไม่สอนเราก็รู้ว่าพ่อแม่นั้นมีอยู่จริง แต่พ่อแม่ทางธรรมนี้คือคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเองที่จะทำให้เราเกิดใหม่ ไปดูข้อต่อไป คือ
๙.สัตว์ที่เป็นโอปปาติกะ มี (อัตถิสัตตาโอปปาติกา ) จากข้อเกิดนี้จะเห็นว่าพระพุทธเจ้านั้นสอนเรื่องการเกิด ๔ อย่างเอาไว้ชัด และข้อที่ ๔ ท่านก็ว่าการเกิดแบบสัตตาโอปปาติกะนี่เอง คือการผุดเกิดขึ้นของสัตว์ หรือจิต และการเกิดการตายอย่างนี้เกิดตายอย่างไม่มีซากไม่ต้องฝังศพ หรือเผาผี แต่ผุดเกิดเป็นสัตว์ใหม่เลย ก็คือข้อที่ ๙นี่เอง
  ก็เพราะท่านได้อ้างเอาไว้ว่าสัมมาทิฏฐิ คือการเห็นอย่างถูกต้องใน ทุกข์ ในสมุทัย ในนิโรธ ในมรรค ก็คือ เราเห็นตามท่านว่าชีวิตของเรานี้กองแห่งทุกข์ และมีสาเหตุคือกิเลส ตัณหา อุปปาทานนั่นเอง และเราจะหมายเอานิโรธ เราเองก็ต้องปฏิบัติตามมรรค หรือทางที่จะปฏิบัตินั่นเอง และเพื่อการเดินทางออกจากทุกข์ก็คือการเห็นอย่างถูกต้อง หรือสัมมาทิฏฐิ ตามทางมาเป็นลำดับ เป็นปริวัตตมาเรื่อยๆนั่นเอง และโดยเฉพาะข้อต่อไปเป็นข้อที่
  ๑๐.คือ สมณพราหมณ์ทั้งหลายที่ดำเนินถูกต้อง ปฏิบัติถูกตรงซึ่งประกาศโลกนี้ โลกหน้า เพราะรู้ด้วยตนเอง ในโลกนี้มีอยู่ (อัตถิโลเกสมณพราหมณา สัมมัคตา สัมมาปฏิปันนา เยอิมัญจโลกัง ปรัญจโลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ ) ข้อนี้ล่ะคือความสำคัญ ถ้าเราไม่รู้ไม่เห็นผู้รู้ในข้อที่๑๐ นี้ เราเองจะไม่มีโอกาสรู้ว่าข้อที่ ๑ ถึงข้อที่ ๙ นั้นมีลำดับการปฏิบัติอย่างไรจึงจะถูกตรงนั่นเอง เราต้องหาให้เจอ และตรวจสอบโดยทฤษฎีของพุทธศาสนาให้ได้ เพื่อเราจะได้ไม่เสียโอกาสในการเกิดเป้นคน และเป็นคนที่อยู่ในช่วงของพุทธศาสนา ที่ตั้งใจจะศรัทธา ที่ตั้งใจจะปฏิบัติตาม ตั้งใจที่จะรับผลแห่งการเรียนรู้ การปฏิบัติอย่างถูกตรง อย่างเห็นได้เป็นปัจจัตตังให้ได้นั่น ก็ควรจะเปิดจิตเพื่อรับความรู้แห่งพุทธนี้ตามบุญบารมีของเราให้ได้
    ด้วยศรัทธาแห่งพุทธ ข้าพเจ้าขอแสดงสัมมาทิฏฐิแห่งพุทธดังนี้
หลักฐานอ้างอิงคือ มหาจัตตารีสกสูตร เล่ม ๑๔ ข้อ ๒๕๗
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%8F%E0%B8%90%E0%B8%B4

Mateo2000
1 ชั่วโมงที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 4
โปรดอย่ายกอ้างลอยๆ ครับ... ท่านพุทธทาสมิได้ปฏิเสธเรื่องชาตินี้ชาติหน้า... หากมีโปรดคัดลอกและอ้างอิงมาคุยกัน... ผมเคยได้อ่านแต่ตอนที่ท่านอธิบายวงจรปฏิจจสมุปบาทว่า หากวงจรนี้เกี่ยวข้องเฉพาะชาติก่อน ชาตินี้ ชาติหน้า เมื่อท่านทบทวนไปมาในคืนตรัสรู้ถึงสายดับ พระพุทธเจ้าท่านน่าจะสิ้นพระชนม์ไป ณ ตอนนั้นแล้ว

การคุยกันโดยไม่มีหลักฐานสนับสนุนอ้างอิงอย่างหนักแน่น ก็คือการใส่ร้ายดีๆ นี่เอง.. ไม่สนับสนุนครับ

กอไก่ออกไข่
3 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 5
โอเค ๆ  งั้น ถ้า ประเด็นเรื่อง ท่านพุทธทาส
ปฏิเสธเรื่องชาตินี้ชาติหน้า นั้น ยังไม่มีความชัดเจน
งั้น ขอ อนุญาต เปลี่ยนประเด็น มาย้ำคำถามที่ คับข้องใจ ใน คห. 3 อีกครั้ง ว่า

ถ้างั้น ขออนุญาต เป็น ตัวแทน ของ ผู้ ไม่ได้นับถือพุทธ
ถามปัญหาที่ค้างคาใจมานานแล้ว เป็น การเพิ่มเติม ว่า


ทำไม พวกคนพุทธอย่างคุณ ถึงต้อง มาทำเป็น เนียน มายกตนข่มท่าน ด้วยการ กล่าวหา ว่า 
การที่ อิฉัน และ ศาสนิกชนศาสนาอื่น ๆ 
ไม่เชื่อ ในเรื่องภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า  นั้น
จึงจัดว่า เป็น พวกมิจฉาทิฏฐิ ด้วยคะ ?

รบกวน ขอคำ อธิบาย ตามวิสัย ผู้นับถือศาสนาแห่งปัญญา
ที่มี สามัญสำนึกเฉกเช่น วิญญูชน พึงมี ด้วยค่ะ  !
 
สมาชิกหมายเลข 799934
2 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]
metteyya ถูกใจ


ความคิดเห็นที่ 5-1
แล้วทำไมคุณถึงจัดคำพูด มิจฉาทิฐิ เป็นการยกตนข่มท่านล่ะ
หากคนพูดเป็นพระอรหันต์ จะถือว่า เป็นการยกตนข่มท่านหรือไม่

มอสคุงอะครับ
2 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 5-2
ใครละเป็นอรหันต์

metteyya
2 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 5-3
เอาให้ตรงประเด็นนะกับความเห็น 5 นะครับ ผมถามว่า หากคนพูดซึ่งเป็นพระอรหันต์เช่นพระพุทธเจ้า จัดคนนั้นคนนี้เป็น มิจฉาทิฐิ ถือว่า ยกตนข่มท่านหรือไม่

คุณ metteyya ใจเย็นๆนะครับ

มอสคุงอะครับ
2 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 5-4
ครับ

metteyya
2 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 5-5
ดูกรกาลามชนทั้งหลาย มาเถอะท่านทั้งหลาย
ท่านทั้งหลายอย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา
อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่า สมณะนี้เป็นครูของเรา

เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า

ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อสุข
เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?book=1&bookZ=45&name=%E0%A1%CA%BB%D8%B5%B5%CA%D9%B5%C3


แก้ไขข้อความเมื่อ 1 ชั่วโมงที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 799934
1 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]



ความคิดเห็นที่ 6
ชีวิตมันมี 2 ภาคครับ คือ การกับจิต
ในเรื่องภพภูมิ นรก  สวรรค์ ชาตินี้ชาติหน้า ตายแล้วเกิด
อันนี้เป็นไปในส่วนจิตครับ ชาวพุทธที่แท้จริงย่อมรู้ดี 

บางคนรู้มากจนเลยเถิดไปก็มีอยู่ไม่น้อย หาว่า
การเกิดการตายจากท้องแม่ก็มีได้ดุจเดียวกัน...

อิ อิ อิ

สมาชิกหมายเลข 702687
2 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 7
สมมุติ ว่า มีตึกอยู่ ๔ ชั้น เราอยู่ชั้นที่ ๑ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า คนที่อยู่บนชั้นที่ ๒ ๓ ๔ มีใครบ้าง?
คำตอบก็คือ เราก็ต้องไปอยู่ชั้นนั้นเหมือนกันถึงจะบอกได้ว่ามีใครบ้างอยู่ในชั้นนั้น

การที่จะหยั่งรู้ภูมิของแต่ท่านที่ได้มรรคผลเหมือนกัน มันก็ต้องได้ขั้นเดียวกันถึงจะตอบได้

สมาชิกหมายเลข 701193
2 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 58.9.75.154]


ความคิดเห็นที่ 7-1
ต้องถามพวกทียกตนข่มท่าน

metteyya
2 ชั่วโมงที่แล้ว
ข้อความโดย: บัวผ่อง
« เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 05:33:39 pm »

ส่วนอันนี้ แถม

"อยู่ก่อนแต่ง" หญิง ชาย คิดยังไง ?

http://pantip.com/topic/30374205

อุส่า ไปแจมไว้ใน คห. 17 แต่ดั๊น โดนอุ้ม ซะนี่
เลย เอามาแปะไว้ในอ่านเล่น ๆ

+++++++++++++++++++++++++++


"อยู่ก่อนแต่ง" หญิง ชาย คิดยังไง ?

ขออนุญาตยกความคิดเห็นคุณ 12478B13 มาสานต่อนะครับ จากกระทู้
จะดีมั้ยถ้าจะคบกันจริงๆ ถึงขั้นแต่งงาน ควรรู้จักกันให้หมดเปลือกก่อน
http://pantip.com/topic/30368568


ถ้ารู้จักกันไปจนถึงระดับครอบครัวและวงศาคณาญาติ ชีวิตจะง่ายขึ้นนะเราว่า หลาย ๆ คู่มักมีปัญหาครอบครัวเดิมของแต่ละฝ่าย หรืออย่างปัญหาแม่ผัว-ลูกสะใภ้ ถ้าเลือกผู้หญิงที่เข้ากับแม่ได้ ปัญหาก็ไม่เกิดนะ
เราเป็นพวกสนับสนุนให้อยู่ก่อนแต่ง กล่าวคือ หมั้นหมายกันให้เป็นเรืองเป็นราว แล้วทดลองอยู่ด้วยกัน . . ผ่านไปสักปี ถ้าไปรอดก็ค่อยแต่ง เพราะการหมั้นจะทำให้เราสนิทกับครอบครัวของเขามากขึ้นด้วยนะ

เห็นด้วยกับความคิดนี้ แต่คนไทยมักมองเป็นการเอาเปรียบฝ่ายหญิง

ก็มีของหมั้นประกันเอาไว้อยู่แล้ว . . เราไม่คิดว่าเป็นการเอาเปรียบหรอกนะ เพราะสมัยก่อน ก็มีพิธีหมั้นก่อนพิธีแต่งอยู่แล้ว เพียงแต่คนสมัยนี้ตีความหมายของการหมั้นผิดไปจากเดิมมาก
สำหรับเราแล้ว . .การหมั้นและการอยู่ก่อนแต่งสำคัญมากนะ เพราะมันจะทำให้เราเข้าใจและรู้จักครอบครัวของอีกฝ่ายอย่างจริงจัง เพราะมันแตกต่างจากการเข้าตามตรอก - ออกตามประตูในช่วงเป็นแฟนกันอย่างมาก จริง ๆ แล้วอาจพูดได้ว่าเป็นการแต่งงานกันไปแล้วครึ่งตัวน่ะ ถ้าได้ทดลองอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวก่อนแต่งจริง ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง . . มันก็ดีด้วยกันทั้งสองฝ่ายในระยะยาว เราคิดแบบนี้นะ และครอบครัวเราก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ( พ่อบอก )
แบ่บว่า . .
ช่วงที่หมั้นกันอยู่นี้ ต้องไม่ปล่อยให้มีลูกออกมาระหว่างนี้นะ ไม่งั้นจะยิ่งเป็นการเพิ่มปัญหาให้ยุ่งยากขึ้นไปอีก หากอยู่ด้วยกันแล้วมันไม่ลงตัวตามที่ได้วางแผนกันเอาไว้น่ะ

หญิง ชาย รู้สึกไง ? คิดยังไง ? ไม่จำกัดความเห็นครับ โสด ไม่โสด
* เจ้าของความคิดนี้ เค้าจะโกรธผมมั้ย ก๊อบมาหมดเลย เครดิตคุณ 12478B13


อ้างถึง
ความคิดเห็นที่ 17

อืม...โดยหลักการ ก็ โอ อยู่นะ
แต่ โดยเทคนิค แล้วการหอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่ด้วยกันก่อนงี้
มันก็เป็นการลงทุน ที่ค่อนข้างเสี่ยงสำหรับ ฝ่ายหญิง อยู่มากนะ


ถ้า ไปด้วยกันได้ มันก็ จบแบบแฮ่ปปรี้เอนดิ้ง
แต่ ถ้าไป ด้วยกันไม่ได้ ต้องทางใครทางมัน
ฝ่ายหญิง นั่นแหล่ะ ที่จะซรวย
การถูกตีตราว่า เป็นผู้หญิงมือสอง นี่
มันจะทำให้ มูลค่าเพิ่มของคุณถูกลดทอน ลงไปมากมายเลยนะ
ก็คง คล้าย ๆ กับ รถมือ 2 นั่นละมั้ง


อย่าลืมนะ ว่า ในสังคมไทย ไม่เหมือน สังคมฝรั่ง
สังคมไทยค่อนข้างให้ความสำคัญ
กับ คุณค่าผังผืดพรหมจรรย์ ของ ฝ่ายหญิง
มากกว่า เส้นสอง สลึง ของฝ่ายชาย แยะ อ่ะ


ไอ้ครั้น จะกันเหนียว โดยการ ทดลองอยู่ก่อนแต่ง ด้วยกันเฉย ๆ
โดย ตกลงที่จะ ไม่มี Sex ด้วยกัน แบบ ในนิยายน้ำเน่านี่
คงจะทำได้ยากส์นะ เพราะว่า ความหน้ามืด มันไม่เข้าใครออกใคร อิอิ


ฉะนั้น อิฉัน แนะนำว่า เก็บไอ้เจ้า ผังผืด อันนี้ เอาไว้ ล่อเสือล่อไอ้เข้
ให้มัน น้ำลายหกเล่น ๆ น่าจะได้มรรคผล มากกว่า เอามันใส่พาน แล้วไปประเคน
ให้กับผู้ชายที่เรา ยังไม่มั่นใจ 100 % ว่า ไอ้หมอนั่นมันจะมีคุณภาพดี พอที่จะเอา พ่อของลูก เราได้ไหมอ่ะ ?


สรุป

ถ้า เป็นตัวเอง คงไม่อยู่ก่อนแต่ง แหง๋ ๆ
แหม๊ ? อุส่าถือไพ่เหนือกว่าแล้ว
เรื่องไร จะ ยอมเป็น ของตาย
หงายไพ่ให้ ผู้ชายมันดู หมดหน้าตัก
แบบแบบเบอร์ ล่ะคร้าาาาาา

สันดานผู้ชาย อ่ะนะ อะไรที่ได้มาง่าย ๆ มักจะไม่มีค่า เสมอ โดยเฉพาะ ของตาย

ปอลิง




อ้อ แต่ ถ้า อยู่ก่อนแต่ง แล้ว ได้ ปั๋วรวย แบบ อินู๋ตั๊ก บงกช นี่ก็ไม่แน่นะจ๊ะ
อันนี้ ก็อาจจะต้อง พิณา อีกที ( ของงี้ มันอยู่ที่ ผู้ชาย คนนั้น น่าจับเอามาเป็น พ่อของลูกแค่ไหน หุหุ )

4
ข้อความโดย: บัวผ่อง
« เมื่อ: เมษายน 18, 2013, 05:29:59 pm »

จม.จากญิ๋งแม่

สวัสดีค่ะคุณ สมาชิกหมายเลข 799026

เนื่องจากทีมงานพบว่าการโพสต์ของคุณในกระทู้

http://pantip.com/topic/30373259/comment14

อ้างถึง
"เอ่อ...โดยสรุป จาก ข้อมูล ในกระทู้นี้ ตกลงว่า เนื้อหาใน ใบลาน 3 ตะกร้านั้นน่ะ เราสามารถเอามา ลวกน้ำร้อนขูดขน แล้ว ชำแหละหาเนื้อนาบุญได้ไหม เจ้าคะ ว่า มันมี สาระ สักกี่กิโลขีด ? หรือว่า ถ้า อะไร ที่ขึ้นชื่อ ว่าเป็น ไตร ๆ ไม่ว่าจะ ไตรสรณะ หรือ ว่า ไตรปิฎก ก็ล้วนแล้วแต่ แตะต้อง มิได้ ถึงแม้ สิ่งที่เอามาพูดวิพากษ์วิจารณ์นั้น ก็ล้วนแล้วแต่ อ้างอิงตาม fact ที่มีพยานหลักฐานเชิงประจักษ์ ที่ยอมรับได้ในระดับสากล ก็ตาม เฮ้อออ ถ้าเป็นงั้น คำว่า ทองแท้ย่อมไม่แพ้ไฟ ก็เอามาใช้ไม่ได้กับ สาวกสมณะโคดม งั้นสิ อิอิ แหม ? ว่าง ๆ ก็อย่าลืม ไปตั้งกระทู้ ถอนคำพูดด้วยนะ ที่บอกว่า ศาสนาพุทธ เป็น ศาสนาแห่งปัญญา อ่ะ เพราะเท่าที่ สังเกตดูแล้ว สาวกสมณะโคดมส่วนใหญ่ ภูมิศีลต่ำ ภูมิธรรมด้อย ภูมิรู้น้อยกันทั้งนั้นเยยยยยย นี่ ก็ยังสงสัยอยู่ เลย ไม่รู้เหมือนกันว่า ศาสดาของพวกคุณ ไม่ได้สั่งได้สอนกันมาหรืออย่างไร ทำไม สาวกของ ศาสนาแห่งปัญญา ถึงกลายเป็นงี้ไปได้นะ ช่างน่าอายขายขี้หน้า แทน คนเป็นศาสดา จริงจริ๊งงงงง เอิ๊ก ๆ




นั้นเป็นการโพสต์กระทู้ที่มีเนื้อหาเข้าข่ายล่อเป้า/บลั๊ฟ/เกรียน/ชวนทะเลาะ ในหน้าบอร์ดหลักเป็นการรบกวนการใช้งานของเพื่อนสมาชิกซึ่งถือว่าผิดกติกาจึงมีความจำเป็นต้องระงับการโพสต์ของท่านชั่วคราวเพื่อทำการแจ้งให้ท่านรับทราบเงื่อนไขในการใช้งานของเว็บพันทิปเสียก่อน

ทั้งนี้ทีมงานขอความกรุณาท่านสมาชิกตอบกลับมายัง contact.pantip.com เพื่อแจ้งเหตุผลในการโพสต์ข้อ ความลักษณะดังกล่าวค่ะ