ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
คิดว่าความดีทำยากไหม( เลือกตอบแค่ ยาก กับ ไม่ยาก ครับผม):
คุณเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆแนวธรรมะในจิตใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ใต้ร่มธรรม:
การแสดงความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผู้อื่นทำ นิยมใช้คำว่า (อนุโมทนา) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ อนุโมทนา:
ท่านจะปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อตกลงของเว็บใต้ร่มธรรมทุกประการหรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
โดยปกติชน นิ้วมือของคนเรา มีกี่นิ้ว (ตอบเป็นภาษาไทยครับ):
วัฒนธรรมไทยเมื่อเห็นผู้ใหญ่ท่านจะทำความเคารพ ด้วยการไหว้ท่านก่อนเสมอใช่หรือไม่:
คุณพ่อคุณแม่เปรียบดั่งพระอรหันต์ในบ้าน พิมพ์คำว่า "คุณพ่อคุณแม่ฉันรักและเคารพท่านดุจพระอรหันต์":
บุคคลที่ไปหลายๆเว็บไซต์ โดยที่สวมบทบาทเป็นหลายๆคน โดยที่ไม่รู้ว่า แท้จริงใจเราต้องการอะไร เพื่อน หรือ ชัยชนะ:
กล่าวคำดังนี้  "ให้อภัยนะ":
กล่าวคำดังนี้  "ขออโหสิกรรม":
ในโลกออนไลน์หรือโลกแห่งจิต ไม่มีใครทำอะไรเราได้ นอกเสียไปจาก (คนพาล) หรือ (ใจของเราเอง):
เคยนวดฝ่าเท้าให้ คุณพ่อคุณแม่บ้างไหม ถ้ามีโอกาส เราควรทำหรือไม่ (ควรกระทำอย่างยิ่ง หรือ ไม่ควรทำ):
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ใต้ร่มธรรมเองก็จะเป็นไปตามวัฐจักรนี้ ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น (เป็นจริง) หรือ (ไม่จริง):
พิมพ์คำว่า (แสงธรรมนำทางธรรมะนำใจ) ครับ:
สำนวนไทยที่ว่า แต่ละคนต่างมีรสนิยมแตกต่างกัน หรือไม่ตรงกัน  พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ลางเนื้อชอบลางยา):
ขนทรายเข้าวัดคือ พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ทำบุญทำกุศลโดยวิธีนำหรือหาประโยชน์เพื่อส่วนรวมมิได้ทำเพื่อตนเอง):
ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (It is never too late to mend):
ผู้ที่ไม่เคยรับรู้รสของความขมขื่น จะไม่รู้ว่าความหวานชื่นคืออะไร พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (He who has never tasted bitterness does not know what is sweet):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: มกราคม 23, 2014, 12:05:34 pm »




(ตอนที่ 4)

天帝!若人能須臾讀誦此陀羅尼者,此人所有一切地獄、畜生、閻羅王界、餓鬼之苦,破壞消滅,無有遺餘。諸佛剎土及諸天宮,-切菩薩所住之門,無有障礙,隨意趣入。]
爾時帝釋白佛言:[世尊!唯願如來,為眾生說增益壽命之法。]

ดูก่อน เทวราช หากบุคคลผู้ซึ่งสามารถอ่านท่องสาธยายธารณีนี้เพียงชั่วขณะ ความทุกข์ทั้งปวงแห่งนรก เดรัจฉาน ยมราชาโลก เปรต ของบุคคลนั้น ก็จักมลายสิ้นไปจนไม่มีส่วนเหลือ มุขทวารแห่งพุทธเกษตรโลกธาตุทั้งปวง บรรดาเทวพิมาน และสถานที่ซึ่งพระโพธิสัตว์ทั้งหลายพำนักอยู่ ก็จะปราศจากซึ่งอุปสรรคกีดกั้น อันจะเข้าไปสู่ได้ตามมโนปรารถนา (สมดังเจตนา)”

เมื่อนั้น ท้าวสักกเทวราช กราบทูลพระพุทธองค์ว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระตถาคตโปรดแสดงซึ่งธรรมอันจะยังให้มีอายุขัยยืดยาวแก่หมู่สัตว์ทั้งปวงด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า”

爾時世尊,知帝釋意,心之所念,樂聞佛說是陀羅尼法,即說咒曰:
曩謨(一)婆[言*我][口*縛]帝(二)怛喇(二合)路枳也(三二合)缽囉底(四)尾始瑟吒(二合)野(五)沒馱野(六)婆[言*我]縛帝(七)怛[仁-二+爾]也(二合)他(八)唵(九)尾戌馱野(十)娑麼娑麼三滿哆(十一)[口*縛]婆娑(十二)娑頗(二合)囉拏(十三)[薛/木]帝[言*我]賀曩(十四)娑[口*縛](二合)婆[口*縛]尾[禾*(尤-尢+木)]弟(十五)阿鼻三滿哆(十一)[口*縛]婆娑(十二)娑頗(二合)囉拏(十三)[薛/木]帝[言*我]賀曩(十四)娑[口*縛](二合)婆[口*縛]尾[禾*(尤-尢+木)]弟(十五)阿鼻詵左睹[牟*含](十六)素[薛/木]哆(十七)[口*縛]囉[口*縛]左曩(十八)阿蜜[口*栗](二合)哆(十九)鼻[目*麗]罽(二十)摩賀曼怛囉(二合)橎乃(二十一)阿賀囉阿賀囉(二十二)阿庾散馱囉柅(二十三)戌馱野戌馱野(二十四)[言*我][言*我]曩尾[禾*(尤-尢+木)]弟(二十五)鄔瑟膩灑(二十六)尾惹野尾[禾*(尤-尢+木)]弟(二十七)娑賀娑囉(二十八二合)囉濕銘(二十九二合)散[口*祖][仁二+爾]帝(三十)薩[口*縛]怛他[薛/木]哆(三十一)[口*縛]路迦[寧*頁](三十二)殺橎(引)囉弭哆(三十三)跛哩布囉抳(三十四)薩[口*縛]怛他(引)[薛/木]哆(三十五)紇哩(二合)娜野(三十六)地瑟[女*宅](二合)曩(三十七)地瑟恥(二合)跢(三十八)摩賀母捺哩(三十九二合)[口*縛]日囉(二合)迦野(四十)僧賀跢曩尾[禾*(尤-尢+木)]弟(四十一)薩[口*縛][口*縛]囉拏(四十二)跛野訥[薛/木]帝(四十三)跛哩尾[禾*(尤-尢+木)]弟(四十四)缽囉(二合)底(四十五)[寧*頁][革*(卄/(ㄇ@人)/戊)]跢野(四十六)阿欲[禾*(尤-尢+木)]弟(四十七)三摩野(四十八)地瑟恥(二合)帝(四十九)麼柅麼柅(五十)摩賀麼柅(五十一)怛闥哆(五十二)部跢句致(五十三)跛哩[禾*(尤-尢+木)]弟(五十四)尾窣普(二合)吒(五十五)沒地[禾*(尤-尢+木)]弟(五十六)惹野惹野(五十七)尾惹野尾惹野(五十八)娑麼囉(五十九)薩[口*縛]沒馱(六十)地瑟恥(二合)哆[禾*(尤-尢+木)]弟(六十一)[口*縛]日哩(二合)[口*縛]日囉(二合)[薛/木]陛(六十二)[口*縛]日[口*覽](六十三二合)婆[口*縛]睹麼麼(六十四稱名)舍哩[口*覽](六十五)薩[口*縛]薩怛[口*縛](六十六二合)難(上)左迦野(六十七)尾[禾*(尤尢+木)]弟(六十八)薩[口*縛][言*我]帝(六十九)跛哩[禾*(尤尢+木)]弟(七十)薩[口*縛]怛他[薛/木]哆(七十一)三麼濕[口*縛](二合)娑演睹(七十二)薩[口*縛]怛他[薛/木]哆(七十三)三麼濕[口*縛](二合)娑(七十四)地瑟恥(二合)帝(七十五)沒地野沒地野(七十六)尾沒地野(七十七)冒馱野冒馱野(七十八)尾冒馱野尾冒馱野(七十九)三滿哆(八十)跛哩[禾*(尤-尢+木)]弟(八十一)薩[口*縛]怛他[薛/木]哆(八十二)紇哩(二合)娜野(八十三)地瑟[女*宅](二合)曩(八十四)地瑟恥(二合)哆(八十五)摩賀母捺[口*(隸-木+士)](二合)娑[口*縛](二合)賀地瑟[女*宅](二合)曩(八十四)地瑟恥(二合)哆(八十五)摩賀母捺[口*(隸-木+士)](二合)娑[口*縛](二合)賀

ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาค ทรงทราบถึงมนสิการแห่งจิตของท้าวสักกะที่ยินดีจะได้สดับพระพุทธสาสนี รับสั่งถึงธารณีนี้ เป็นมนตร์ว่า...

“นโม ภควเต ไตรโลกฺย ปรฺติวิศิษฺฏาย พุทฺธาย ภควเต ตทฺยถา โอม วิศุทฺธย วิศุทฺธย อสม สม สมนฺตวภาส สฺผรณ คติ คหน สฺวภาว วิศุทฺเธ อภิษิญจตุ มามฺ สุคต วร วจน อมฺฤต อภิเษไก มหา มนฺตฺร ปไท อาหร อาหร อายุ: สํ ธารณิ โศธย โศธย คคน วิศุทฺเธ อุษฺณีษ วิชย วิศุทฺเธ สหสฺร รศฺมิ สํ โจทิเต สรฺว ตถาคต อวโลกนิ ษฏฺ ปารมิตา ปริปูรณิ สรฺว ตถาคต มติ ทศ ภูมิ ปรติ ษฐิเต สรฺว ตถาคต หฤทย อธิษฐานา ธิษฐิต มหา มุทฺเร วชฺร กาย สํ หตน วิศุทฺเธ สรฺวาวรณ อปาย ทุรฺคติ ปริ วิศุทฺเธ ปฺรติ นิวรฺตย อายุ: ศุทฺเธ สมย อธิษฺ ฐิเต มณิ มณิ มหา มณิ ตถตา ภูต โกฏิ ปริศุทฺเธ วิสฺผุฏ พุทฺธิ ศุทฺเธ ชย ชย วิชย วิชย สฺมร สฺมร สรฺว พุทฺธ อธิษฺ ฐิต ศุทฺเธ วชฺริ วชฺร ครฺเภ วชฺรมฺ ภาวตุ มม ศรีรํ สรฺว สตฺตฺวานามฺ จ กาย ปริ วิศุทฺเธ สรฺว คติ ปริศุทฺเธ สรฺว ตถาคต สิญฺจ เม สมาศฺวาส ยนฺตุ สรฺว ตถาคต สมาศฺวาส อธิษฺฐิเต พุทฺธฺย พุทฺธฺย วิพุทฺธฺย วิพุทฺธฺย โพธย โพธย วิโพธย วิโพธย สมนฺต ปริศุทฺเธ สรฺว ตถาคต หฤทย อธิษ ฐานา ธิษฺฐิต มหา มุทฺเร สฺวาหา”

佛告帝釋言:[此咒名〈淨除一切惡道佛頂尊勝陀羅尼〉,能除一切罪業等障,能破一切穢惡道苦。
天帝!此大陀羅尼,八十八伽沙俱胝百千諸佛同共宣說,隨喜受持,大日如來智印印之。為破一切眾生穢惡道苦故。為一切地獄、畜生、閻羅王界眾生得解脫故。臨急苦難,墮生死海中眾生得解脫故。短命薄福,無救護眾生,樂造雜染惡業眾生得饒益故。又此陀羅尼於贍部洲住持力故,能令地獄惡道眾生,種種流轉生死,薄福眾生,不信善惡業,失正道眾生等得解脫義故。]

พระพุทธองค์ รับสั่งกับท้าวสักกะว่า “มนตร์นี้มีชื่อว่า สรฺว ทุรฺคติ ปริโศธน อุษฺณีษวิชย ธารณี สามารถกำจัดบาปวิบากทั้งปวง สามารถทำลายทุกข์แห่งอบายมรรคอันสกปรก

ดูก่อน เทวราช ก็มหาธารณีนี้ พระพุทธเจ้าทั้งหลายจำนวนเท่าเม็ดทรายในคงคา ๘๘ แสนโกฏิสายรวมกัน ล้วนได้ตรัสแสดงแล้วดุจกัน ล้วนอนุโมทนาและจดจำไว้ อันเป็นชญานมุทราแห่งพระมหาไวโรจนตถาคต ด้วยเหตุที่จะทำลายความทุกข์แห่งอบายภูมิอันสกปรกของสรรพสัตว์ ด้วยเหตุที่จะยังให้สรรพสัตว์ในนรก เดรัจฉาน ยมราชาโลก ได้บรรลุถึงความหลุดพ้น ด้วยเหตุที่จะยังให้สรรพสัตว์ที่กำลังจะได้รับทุกขภัย คือ การตกสู่ห้วงมหาสมุทรแห่งสังสารวัฏ ได้บรรลุถึงความหลุดพ้น ด้วยเหตุที่จะยังให้สรรพสัตว์ผู้มีอายุขัยสั้น น้อยด้วยบุญวาสนา ไม่อาจปกป้องช่วยเหลือได้ ผู้ยินดีในการกระทำอกุศลกรรมอันแปดเปื้อน ให้ได้รับประโยชน์

อีกทั้งธารณีนี้ ทรงไว้ซึ่งอานุภาพในชมพูทวีป เป็นเหตุให้สามารถยังให้สรรพสัตว์ในนรก ทุรคติ บรรดาผู้ที่เวียนว่ายในสังสารวัฏ สรรพสัตว์ผู้น้อยด้วยบุญวาสนา ผู้ไม่ศรัทธาในกรรมดีชั่ว สรรพสัตว์ผู้วิบัติซึ่งสัมมามรรคทั้งปวง เหล่านี้ ให้บรรลุถึงความหลุดพ้น”

(มีต่อ.. โปรดติดตาม)
พระวิศวภัทร เส็กเซี่ยเกี๊ยก (釋聖傑)
20 มกราคม 2557


>>> F/B Vitsawapat Maneepattamakate
ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: มกราคม 17, 2014, 07:44:33 pm »



(ตอนที่ 2)
爾時帝釋聞善住天子語巳,甚大驚愕,即自思惟,此善住天子,受何七返惡道之身? 爾時帝釋須臾靜住,人定諦觀,即見善住當受七返惡道之身,所謂豬、狗、野干、獼猴、蟒蛇,鳥、鷲等身,食諸穢惡不凈之物。爾時帝釋觀見善住天子,當墮七返惡道之身,極助苦惱,痛割於心,諦思無計,何所歸依,唯有如來應正等覺,令其善住得免斯苦。

เมื่อนั้น เทวราช ครั้นสดับสุปรติษฐิตเทวบุตรแล้ว ก็ให้บังเกิดความตระหนกหวั่นเกรงเป็นยิ่งนัก มีมนสิการว่า อันสุปรติษฐิตเทวบุตรนี้ ต้องเสวยชาติในอบายมรรคถึง ๗ ครั้งได้อย่างไรหนอ

ครั้งนั้น เทวราชจึงสงบนิ่งชั่วขณะ แล้วเจริญสมาธิพิจารณาเห็นตามจริง พบว่าสุปรติษฐิตเทวบุตร ต้องไปเกิดในอบายมรรคถึง ๗ ครั้ง อันมี สุกร สุนัข สุนัขจิ้งจอก (ศฺฤคาล) วานร อสรพิษ อีกา นกแร้ง บริโภคแต่บรรดาปฏิกูลอาจมที่น่ารังเกียจ ไม่สะอาดทั้งปวง

ครั้งนั้น เทวราชทรงพิจารณาว่า สุปรติษฐิตเทวบุตร จะต้องเกิดในอบายมรรค ๗ ครั้ง ได้รับทุกขเวทนาเป็นที่สุดอย่างนี้ ก็ให้เจ็บปวดรวดร้าวพระทัย มีเทวดำริไม่เห็นวิธีการใดๆ ว่าจะพึ่งพิงผู้ใดได้ เว้นแต่พระตถาคตผู้ตรัสรู้ชอบ ที่จะยังให้สุปรติษฐิตะได้รอดพ้นจากทุกข์นั้น

爾時帝釋,即於此日初夜分時,以種種花鬘、塗香、末 香,以妙天衣莊嚴執持,往旨誓多林園。於世尊所,到已頂禮佛足,右繞七匝,即於佛前廣大供養,佛前胡跪而白佛言:[世尊!善住天子云何當受七返畜生惡道之身?]具如上說。

สมัยนั้น เทวราช ในยามแรกแห่งราตรีของวันนั้น ทรงถือเอาเครื่องวิเลปนะ เครื่องสุคันธชาติ แลผงหอมนานัปการ กับทิพยาภรณ์อันอลังการ มาเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังเชตวนาราม เมื่อถึงแล้วได้น้อมเศียรยังพระพุทธยุคลบาท กระทำทักษิณาวรรต ๗ รอบแล้วหยุดอยู่เฉพาะเบื้องพระพุทธพักตร์ เพื่อกระทำการถวายสักการะอย่างยิ่งใหญ่ แล้วคุกเข่าลงเบื้องหน้า พร้อมกราบทูลพระพุทธกรุณาว่า

“ข้าแต่พระผู้มีพระภาค อันสุปรติษฐิตเทวบุตร จะต้องไปเกิดในเดรัจฉาน อบายภูมิถึง ๗ ครั้ง ดังที่กล่าวแล้วด้วยประการอย่างไร พระพุทธเจ้าข้า”




(ตอนที่ 3)
爾時如來頂上放種種光,遍滿十方一切世界巳,其光還來繞佛三匝,從佛口入。佛便微笑告帝釋言:[天帝!有陀羅尼名為〈如來佛頂尊勝〉,能凈一切惡道,能凈除一切生死苦惱,又能凈除諸地獄、閻羅王界、畜生之苦,又破一切地獄能
迴向善道。

ครานั้น พระศิรอุษณีษะ แห่งพระตถาคตเจ้า ได้เปล่งรัศมีนานา ประภาสส่องสว่างไปยังโลกธาตุทั้งปวงในทศทิศ ครั้นแล้ว พระรัศมีนั้นก็หวนกลับมาเวียนรอบพระพุทธองค์สามคำรบ แล้วเข้าสู่พระโอษฐ์แห่งพระพุทธองค์ พระพุทธโลกนาถก็ทรงแย้มสรวล แล้วตรัสกับท้าวสักกะว่า

“ดูก่อน เทวราช มีธารณีชื่อว่า ตถาคตพุทฺธอุษฺณีษวิชย อันสามารถชำระอบายมรรคทั้งปวง สามารถชำระทุกข์เศร้าหมองแห่งสังสารวัฏทั้งปวง อีกสามารถชำระทุกข์แห่งนรก ยมราชาโลก เดรัจฉาน ให้บริสุทธิ์ อีกทั้งจะทำลายนรกทั้งปวง สามารถปริณามสู่กุศลมรรค


天帝!此〈佛頂尊勝陀羅尼〉,若有人聞,一經於耳,先世所造一切地獄惡業,悉皆消滅,常得清凈之身,隨所生處,憶持不忘。從一佛剎至一佛剎,從一天界至一天界,遍歷三十三天,所生之處,憶持不忘。
天帝!若人命欲將終,須臾憶念此陀羅尼,還得增壽,得身口意凈,身無苦痛,隨其福利,隨處安穩,一切如來之所觀視,一切天神恒常侍衛,為人所敬,惡障消滅,一切菩薩同心覆護。

ดูก่อน เทวราช อันพุทธอุษณีษวิชยธารณีนี้ หากมีบุคคลได้สดับผ่านโสตหนึ่งครั้ง บรรดาอกุศลกรรมแห่งนรกทั้งปวงที่ได้กระทำแล้วในบุรพชาติล้วนจะดับสูญไป จะบรรลุถึงกายที่บริสุทธิ์ ทุกสถานที่ถือกำเนิด จะตามระลึกจดจำได้ไม่ลืมเลือน จากพุทธเกษตรแห่งหนึ่ง ไปยังพุทธเกษตรอีกแห่งหนึ่ง จากเทวภูมิแห่งหนึ่ง ไปยังเทวภูมิอีกแห่งหนึ่ง ตลอดทั่วตรัยตรึงษ์เทวโลกอันเป็นสถานที่กำเนิด ก็จะตามระลึกจดจำได้ไม่ลืม

ดูก่อน เทวราช หากบุคคลที่จวนสิ้นชีพ ได้ระลึกถึงธารณีนี้เพียงชั่วขณะ ก็จะยังได้มีอายุขัยยืดยาวออกไป ได้บรรลุถึงความบริสุทธิ์แห่งกาย วาจา ใจ ร่างกายปราศจากทุกข์ แล้วได้เสวยกุศลคุณ (แห่งธารณี) นั้น ย่อมได้รับความผาสุกอยู่ทุกสถาน บรรดาพระตถาคตเจ้าล้วนทรรศนาสอดส่องแลดู บรรดาเทพก็ให้การอารักขาอยู่เป็นนิจสิน เป็นที่เคารพแห่งพหูชนทั้งปวง อกุศลวิบากมลายสิ้น หมู่พระโพธิสัตว์ทั้งหลายล้วนมีจิตเดียวกัน จักปกป้องคุ้มครอง.

(มีต่อ.. โปรดติดตาม)
พระวิศวภัทร เส็กเซี่ยเกี๊ยก (釋聖傑)
16 มกราคม 2557



>>> F/B Vitsawapat Maneepattamakate
ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: มกราคม 17, 2014, 06:58:31 pm »




จาก 尊勝陀羅尼流布緣起 ในสมัยราชวงศ์ถังที่ ๑๑
ของกษัตริย์ถังไท่จง(ปี พ.ศ.๑๓๑๙) จารึกว่า
ทรงมีพระบรมราชโองการให้เหล่าภิกษุณีใต้หล้า
จักต้องสาธยายธารณีนี้ ๒๑ จบทุกวัน
เมื่อครบกำหนดทุกปีในวันที่ ๑ เดือน ๑ ตามจันทรคติ
ต้องยื่นถวายรายงาน

ธารณีนี้ถือเป็น ตรีมหาธารณี คือธารณีที่ยิ่งใหญ่ ๓ บท มี
๑.มหากรุณาธารณี (大悲陀羅尼)
๒. มหา วิชย พุทธอุษฺณีษ ธารณี (大佛頂尊勝陀羅尼) และ
๓.ศานฺติก ศรีเย ธารณี (消災吉祥神咒)
ที่พุทธศาสนิกชนต้องสาธยายเป็นบททำวัตร

ในพิธีโยคะตันตระ มุขชวาลเปรตพลี 瑜伽焰口 กล่าวว่า
"เมื่อกาลก่อนที่พระเถราจารย์(คือพระพุทธปาลิตะ ผู้แปลพระสูตรด้านล่างนี้)
ได้มายังบุรพประเทศ แลได้รับการชี้แนะจากพระมัญชุศรี
บุรพประเทศหากไร้ซึ่งวิชยธารณีแล้วไซร้
วิญญาณอนาถาก็จะหลุดพ้นจากทุกข์ได้โดยยาก"
「昔日尊者往東來,卻被文殊化引開,
東土若無尊勝咒,孤魂難以脫塵埃。」

อาจารย์เสถียร โพธินันทะ กล่าวว่า “อุณหิสวิชัยสูตร
สูตรนี้เลือนแปรมาจาก “อุษณีวิชัยธารณี
ในภาษาสันสกฤตของมนตรยานอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ตัวคาถา
กลับแต่งเป็นบาลีและไม่มีเค้าเหมือนฝ่ายสันสกฤตเลย
เข้าใจว่าจะเป็นด้วยท่านผู้แต่งคงไม่ได้ฉบับสันสกฤตมาเป็นแบบเป็นราก
แต่คงได้ทราบความขลังความศักดิ์สิทธิ์
ของอุษณีย์วิชัยธารณีมาเป็นอย่างดี จึงได้คิดแต่งเป็นสูตรในบาลีขึ้น
ที่จะแต่งในลังกาหรือในเมืองไทยนี้เอง ...
(จาก...กระแสมนตรยานในนิกายเถรวาท)

*******************************

大佛頂尊勝陀羅尼經
พุทฺธอุษฺณีษวิชยธารณีสูตฺร
罽賓國沙門佛陀波利奉 詔譯

พระตรีปิฏกพุทธปาลิตะ ชาวเมืองโขตาน (กปิศา)
แปลจากภาษาสันสกฤตสู่ภาษาจีนในสมัยราชวงศ์ถัง ของจีน
พระวิศวภัทร เส็กเซี่ยเกี๊ยก (釋聖傑)
แปลจากภาษาจีนสู่ภาษาไทย (11 พฤศจิกายน 2556)
ณ มูลนิธิพุทธจักษุวิชชาลัย กษิติครรภ์โพธิมณฑล (佛眼禪林:地藏道場)

*******************************

如是我聞,一時薄伽梵在室羅筏,住誓多林給孤獨園,與大芯芻眾千二百五十人俱,又與諸大菩薩僧萬二千人俱。爾時三十三天於善法堂會,有一天子名曰善住,與諸大天遊於園觀,又與大天受勝尊貴,與諸天女前後圍繞,歡喜遊戲,種種音樂,共相娛樂,受諸快樂。

ข้าพเจ้าได้สดับมาดังนี้ สมัยหนึ่งสมเด็จพระภควันต์ ประทับ ณ นครสาวัตถี ในเชตวนาราม แห่งท่านอนาถบิณฑิกะ พร้อมหมู่มหาภิกษุจำนวน ๑,๒๕๐ รูป บรรดาสงฆ์ผู้เป็นมหาโพธิสัตว์จำนวน ๑๒,๐๐๐ รูป

สมัยนั้น ในสุธรรมสภา บนดาวดึงส์เทวโลก มีเทพบุตรองค์หนึ่งนาม สุปฺรติษฺฐิตะ พร้อมบรรดาอติเทพผู้เป็นใหญ่ ได้ท่องเที่ยวทรรศนาอยู่ซึ่งทิพยอุทยาน ยังมีอติเทพผู้มีศักดิ์ใหญ่กับทั้งบรรดาเทวกัญญาแวดล้อมอยู่ ตลอดเบื้องหน้าและเบื้องหลัง อันท่องเที่ยวอยู่ด้วยความรื่นรมย์โสมนัส บรรดาเครื่องดนตรีสังคีตนานาต่างล้วนบรรเลงขึ้น ได้เสวยอยู่ซึ่งสุขบันเทิงนานาประการ

爾時善住天子,即於夜分聞有聲言:[善住天子卻後七日,命將欲盡,命終之後生贍部洲,受七返畜生身,即受地獄苦。從地獄出,希得人身,生於貧賤,虛於母胎即無兩目。]
爾時善住天子聞此聲已,即大驚怖,身毛皆豎,愁憂不樂,速疾往旨天帝釋所,悲啼號哭,惶怖無計。頂禮帝釋二足尊已,白帝釋言:[聽我所說,我與諸天女共相圍繞,受諸快樂,聞有聲言:[善住天子卻後七日,命將欲盡,命終之後,生贍部洲,七返受畜生身。受七身已,即墮諸地獄,從地獄出,希得人身,生貧賤家而無兩目。]天帝!云何令我得免斯苦?]

ครั้งนั้น สุปรติษฐิตเทวบุตร ในเพลาแห่งราตรี ได้ยินเสียงว่า “ดูกร สุปรติษฐิตเทวบุตร จากนี้ไปอีก ๗ วัน เธอจักหมดอายุขัย ก็แลเมื่อจุติแล้ว จะเกิดยังชมพูทวีป เป็นเดรัจฉาน ๗ ครั้ง แล้วรับทุกขเวทนาในนรก เมื่อออกจากนรก จะเกิดเป็นมนุษย์ในตระกูลยากจนต่ำต้อย จะไร้ซึ่งดวงตาทั้งสองข้างตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา”

บัดนั้น สุปรติษฐิตเทวบุตร เมื่อได้สดับเสียงนี้แล้ว ก็บังเกิดความตระหนกหวาดหวั่นใหญ่หลวง จนโลมาทั่วทั้งสรรพางค์ล้วนตั้งชัน เกิดความปริวิตกเศร้าหมอง ไม่อาจเป็นสุขอยู่ได้ จึงรีบไปเข้าเฝ้ามูลบาทแห่งสักกเทวราช แล้วร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าเวทนา ด้วยความหวาดกลัว ไร้ซึ่งหนทาง ได้น้อมศีรษะยังยุคลบาทแห่งสักกเทวราช แล้วกราบทูลเทวราชว่า   “โปรดสดับฟังข้าพระบาทเถิด ขณะที่ข้าพระองค์ กำลังแวดล้อมอยู่ด้วยบรรดานางเทวกัญญา กำลังเสวยสุขโสมนัสนานาประการอยู่ ได้ยินเสียงกล่าวว่า

ดูกร สุปรติษฐิตเทวบุตร จากนี้ไปอีก ๗ วัน เธอจักหมดอายุขัย ก็แลเมื่อจุติแล้ว จะเกิดยังชมพูทวีป เป็นเดรัจฉาน ๗ ครั้ง แล้วรับทุกขเวทนาในนรก เมื่อออกจากนรก จะเกิดเป็นมนุษย์ในตระกูลยากจนต่ำต้อย จะไร้ซึ่งดวงตาทั้งสองข้างตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ข้าแต่เทวราช ข้าพระองค์ จักรอดพ้นจากทุกข์นั้นได้อย่างไรหนอ พระเจ้าข้า”

(มีต่อ.. โปรดติดตาม)
Vitsawapat Maneepattamakate
8 มกราคม 2557


                 https://www.facebook.com/vitsawapat