ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
ระหว่างความดีกับความไม่ดี เราจะเลือกทำสิ่งใดจึงจะสามารถบรรลุธรรมได้จริง ( เลือกตอบแค่ ความดี กับ ความไม่ดี ครับผม):
คนที่มีจิตใจอ่อนโยนส่วนใหญ่มัก คิดถึงสิ่งใดก่อนเสมอ  ( เลือกตอบแค่ ตัวเอง กับ คนอื่น ครับผม ):
คุณเชื่อในศรัทธาของความดีไหมครับ ( เลือกตอบแค่ เชื่อ กับ ไม่เชื่อ ครับผม):
คิดว่าความดีทำยากไหม( เลือกตอบแค่ ยาก กับ ไม่ยาก ครับผม):
ถ้าเราโกรธใคร ธรรมะจะเป็นหนทางผ่อนคลายความโกรธนั้นลงได้ใช่ไหม ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม ):
ชีวิตบางครั้งก็เหมือนเหรียญสองด้านใช่หรือไม่ครับบางครั้งก็หัวบางครั้งก็ก้อย( เลือกตอบแค่ ใช่ กับไม่ใช่ครับผม):
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆแนวธรรมะในจิตใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ที่วัด หรือมีใครทำบุญแล้วมาบอกให้ทราบ ทราบแล้วยกมือขึ้น (สาธุ) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ  สาธุ:
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆในโลกออนไลน์ใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
โดยปกติชน นิ้วมือของคนเรา มีกี่นิ้ว (ตอบเป็นภาษาไทยครับ):
วัฒนธรรมไทยเมื่อเห็นผู้ใหญ่ท่านจะทำความเคารพ ด้วยการไหว้ท่านก่อนเสมอใช่หรือไม่:
คุณพ่อคุณแม่เปรียบดั่งพระอรหันต์ในบ้าน พิมพ์คำว่า "คุณพ่อคุณแม่ฉันรักและเคารพท่านดุจพระอรหันต์":
เมื่อให้ท่านเลือก ระหว่าง (หนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งที่เรารัก) กับ (มิตรแท้ที่รักเรา) คุณจะะเลือก:
ระหว่าง (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะผู้อื่น) กับ (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะตัวเอง)  ท่านจะเลือกเป็น:
กล่าวคำดังนี้  "ขออโหสิกรรม":
ในโลกออนไลน์หรือโลกแห่งจิต ไม่มีใครทำอะไรเราได้ นอกเสียไปจาก (คนพาล) หรือ (ใจของเราเอง):
ธรรมะคือ ธรรมชาติ พิมพ์คำว่า (ธรรมะชาติ) ครับ:
พิมพ์คำว่า (แสงธรรมนำทางธรรมะนำใจ) ครับ:
ขนทรายเข้าวัดคือ พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ทำบุญทำกุศลโดยวิธีนำหรือหาประโยชน์เพื่อส่วนรวมมิได้ทำเพื่อตนเอง):
ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (It is never too late to mend):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2016, 11:00:03 am »



WOODY คืนวันอาทิตย์นี้ จะปลุกให้ทุกคนตื่น กับการสัมภาษณ์สุดพิเศษของ “องค์ดาไลลามะ” ที่ “วู้ดดี้” และทีมงาน ได้เดินทางไปเข้าพบถึง ดารัมซาล่า(ธรรมศาลา) ประเทศอินเดีย และไม่ได้มีแค่ “วู้ดดี้”เท่านั้นที่ไป ยังมี “ท่านว.วชิรเมธี”, คณะพระธรรมทูต และเพื่อนดารา ไปสนทนาธรรมกับ “องค์ดาไลลามะ” อีกด้วย



ก้าวแรกที่ “วู้ดดี้” ได้เข้าไปรอพบกับ “องค์ดาไลลามะ” นั้น พูดได้แค่ว่า ใจเต้น ขาสั่น และตื่นเต้นที่สุดตั้งแต่เคยสัมภาษณ์มา เพราะรู้สึกรับรู้ได้ถึงการที่เราจะได้เจอกับหนึ่งในบุคคลที่สำคัญของโลกอย่างพระองค์ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครก็ตามจะได้ไปดารัมซาล่าและจะมีโอกาสแบบนี้ จากการสัมภาษณ์เกือบครึ่งชั่วโมง หนึ่งในคำถามที่ได้ถาม “องค์ดาไลลามะ” นั้น คำตอบที่ได้ ทำให้ “วู้ดดี้” ถึงกับน้ำตาไหล รู้สึกเข้าใจกับที่เรื่องที่เคยสงสัยมาทั้งชีวิต



ในการไปครั้งนี้ “วู้ดดี้” ยังได้เป็นส่วนหนึ่งในการมาฟังการเทศน์ของ “องค์ดาไลลามะ” แต่ละวันจะมีหัวข้อในการบรรยาย และต่อด้วยคำถามที่คนฟังถาม ท่านก็จะตอบ และที่สำคัญ ถ้าคุณได้เข้าไปนั่งอยู่ในนั้นแล้ว จะรู้ทันทีว่าทุกพื้นที่มีคุณค่า ถ้าลุกขึ้นจะมีคนมานั่งแทนทันที ใครที่ไปไม่ต้องกลัวเรื่องการสื่อสารว่า เราจะเข้าใจที่ท่านพูดหรือไม่ เพราะจะมีช่องสัญญาณแปลภาษาให้คนเข้าฟัง และที่เห็นได้ชัดจาก การเข้าพบท่านในครั้งนี้คือ ทุกคนไม่ใช่เฉพาะคนทิเบต ที่แสดงความเคารพอย่างสูงสุด และหลังจาก “วู้ดดี้” ได้เจอ ได้คุยกับ “องค์ดาไลลามะ” ก็สัมผัสได้ถึงความเมตตาจาก “องค์ดาไลลามะ” เหมือนอย่างที่ “ท่านว.วชิรเมธี” เคยพูดไว้ว่า "องค์ดาไลลามะ คือ Pop Star ทางวิญญาณ และผู้นำทางการเมืองของทิเบต มีอัจฉริยภาพทางด้านธรรมมะ แบบหาตัวจับได้ยาก เป็นผู้นำที่เอาธรรมมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปเผยแผ่แก่ประชาคมโลกอย่างได้ผล และเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีอยู่จริงในยุคสมัยเรา" ในเทปนี้ “วู้ดดี้” อยากให้ทุกคนได้ดู สำหรับคนที่ไม่มีโอกาสไป แต่คุณมีโอกาสเรียนรู้ ได้ฟังการสนทนาธรรมของท่าน และได้เรียนรู้ในสิ่งที่คุณอาจไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิตนี้ จากคนที่มีมงคลสูง แค่สักครั้งในชีวิตที่ได้ฟัง มองอย่างไรก็คุ้มค่า “ WOODY (วู้ดดี้)” คืนวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม 2559 เวลา 22.40น. – 23.32 น.ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี





อ้างถึง
ขอใช้เวลาตอนนี้เล่าที่มาของรายการคืนนี้ที่มีองค์ดาไลลามะเป็นแขกรับเชิญซะหน่อย เมื่อปีที่แล้วตอนที่วด.บวชเป็นพระ วด.ได้มีโอกาสเดินทางไปอินเดียไปเจอองค์ดาไลลามะแบบบังเอิญมาก บังเอิญเพราะไม่ได้มีการนัดหมายแต่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด วันนั้นเป็นครั้งแรก ที่เราเข้าใจคำว่าปิติหรือ Happiness จนตั้งปณิธานว่าภายใน 1 ปีเราจะต้องกลับมาใหม่และพาพี่น้องชาวไทยมาศึกษาศาสตร์ในการใช้ชีวิตกับพระองค์ท่าน นอกจากนั้น ต้องขอแชร์ว่าเราเองเคยยื่นเรื่องขอสัมภาษณ์องค์ดาไลลามะ มาหลายปี แต่ก็ไม่เคยได้ จนกระทั่งครั้งนี้ บางอย่างเราก็ต้องให้เวลากับเวลา ถ้าเกิดวด.สัมภาษณ์องค์ดาไลลามะเมื่อวันนั้นผลลัพธ์ ที่ได้ในรายการอาจจะไม่เป็นแบบคืนนี้ รายการคืนนี้ต้องขอบอกเลยว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ทีมงานเรา ใช้เวลามากในการบันทึก ในการตัดต่อและลงรายละเอียด ขอใช้คำว่า นี่คือ episode ของรายการวู้ดดี้ที่ปราณีตที่สุดเท่าที่เคยทำมา ขอมอบรายการคืนนี้ให้กับพี่น้องชาวไทยทุกคน ที่กำลังเป็นทุกข์ และหาแสงสว่างไม่เจอ ที่กำลังรู้สึกว่าชีวิตตัวเอง หมดหนทางและไม่รู้จะไปยังไงต่อ อยากมอบให้เป็นของขวัญเพราะเชื่อว่าแค่คุณดูหน้าองค์ดาไลลามะในรายการคืนนี้ มันจะทำให้คุณมีคำตอบไม่มากก็น้อยว่าจะเดินหน้าต่อยังไง อย่างน้อยคุณก็จะยิ้มได้บ้าง ฝากแชร์ต่อด้วยนะครับเพราะมีหลายคนที่อยากดูแต่ไม่ทราบว่ามาตอนไหน รายการมาตอน 4 ทุ่ม 40 ทางช่อง 30 MCOT HD - รายการคืนนี้เป็นของทุกคนนะครับ

จาก http://ig.siamzone.com/profile/woodytalk

คลิปแรก เกริ่น นำ

<a href="https://www.youtube.com/v/_y0OKb7DhZA" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/_y0OKb7DhZA</a>


สนทนาธรรมครั้งสำคัญกับองค์ดาไลลามะ ผู้นำทางด้านจิตวัญญาณและชาวธิเบตและถูกพูดถึงทั่วโลกเราได้เดินทางไปเมือง ดาลัมซาร่า ประเทศอินเดีย ที่สำคัญครั้งนี้ วู้ดดี้ขึ้นไปดูแลการตัดต่อ ลงรายละเอียดแบบตั้งใจมากๆ

<a href="https://www.youtube.com/v/zJOrHbEs8pE" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/zJOrHbEs8pE</a>
ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2016, 09:32:03 am »



กาละแมร์ พัชรศรี : เมื่อฉันได้พบทะไลลามะ…

การเดินทางไปดารัมซาลาเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่ใช่การเดินทางท่องเที่ยวเปิดโลกกว้างเหมือนครั้งไหนๆ ในชีวิต แต่เราไปเพื่อพบทะไลลามะค่ะ

การพบท่านไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้เจอ แต่มันคือความตั้งใจ การเตรียมตัว การติดต่อประสานงานนานแรมปี ใช่ค่ะ มันไม่ใช่ว่าใครจะพบท่านได้

โชคดีเหลือเกินที่ในชีวิตมีกัลยาณมิตรดีอย่างวู้ดดี้ (วุฒิธร มิลินทจินดา) เพราะถ้าไม่มีเขาและพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี เราจะไม่ได้มีโอกาสดีเช่นนี้

สืบเนื่องจากปีที่แล้วที่วู้ดดี้บวชและเดินทางมาที่ดารัมซาลาร่วมกับพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ทำให้เขามีความคิดว่า เขาอยากจะพาเพื่อนฝูง พ่อแม่ คนใกล้ชิด รวมถึงพระธรรมทูตไทยลาวเดินทางมาที่ดารัมซาลาและมีโอกาสได้เรียนธรรมะจากท่านทะไลลามะอย่างที่เขาได้มีโอกาสบ้าง



ก่อนเดินทาง พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี จัดโครงการคัดเลือกพระธรรมทูตไทยและลาวเป็นร้อยรูป เพื่อคัดเลือกไปอินเดียเพียงสิบกว่ารูปเท่านั้น

ฉันได้มีโอกาสอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วย พระอาจารย์บอกให้ฉันทำตัวเป็นกรรมการเหมือน Thailand”s got talent บอกคอมเมนต์การพูดของพระได้เต็มที่ โดยวู้ดดี้ทำหน้าที่สัมภาษณ์พระแต่ละรูปและตอบคำถามในเวลาที่กำหนด เพื่อแสดงทักษะการเทศน์และเผยแผ่ธรรมะของท่านนั่นเอง

พูดตามตรงว่า การวิจารณ์พระไม่ใช่เรื่องง่าย นี่ก็ไม่รู้ว่าบาปไปบ้างหรือเปล่า หน้าที่นี้หนักหนามากพระอาจารย์

และในที่สุดคณะของพวกเราก็ยืนอยู่ที่ดารัมซาลา ฉันเป็นคนที่เดินทางตามคณะไปอีกวันเพราะต้องทำหน้าที่กรรมการรายการที่ว่าไป ซึ่งเป็นวันถ่ายทอดสด ไปถึงทุกคนบอกเล่าประสบการณ์ที่ได้พบท่านทะไลลามะกันอื้ออึง ฉันอดตื่นเต้นตามไม่ได้



จ๋า ยศสินี ได้ถือธูปนำขบวนในวันแรก ได้จับมือท่านเป็นคนแรก แววตานางดีใจอย่างเห็นได้ชัด เหมือนอ่านใจเพื่อนถูก วู้ดดี้บอกว่า “พรุ่งนี้นกจะได้ถือ และวันสุดท้ายจะเป็นมรึง” นอกจากเขาจะเป็นกัลยาณมิตรแล้ว เขายังเป็นพิธีกรที่อ่านใจแขกรับเชิญออกด้วย!

นก ศิขรินทาน บอกกับฉันว่า “เมื่อวานตอนทะไลลามะเสด็จเข้ามาในห้องนะ กรูร้องไห้ออกมาเลย มันหยุดไม่ได้ ไม่ต้องบิ๊วอะไรเลย มันออกมาเลย” น้ำเสียงนกตื่นเต้นมาก

ฉันรอคอยเช้าวันรุ่งขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ ตื่นตั้งแต่ตีสามครึ่งเพื่อช่วยทำภัตตาหารเช้าถวายพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี และเตรียมเข้าวัดเพื่อพบท่านทะไลลามะ



กว่าจะมานั่งด้านในห้องที่ท่านจะสอนนั้น ก่อนมาเราต้องส่งเรื่อง ลงทะเบียนประวัติ มีป้ายห้อยคอ มาเข้าคิวที่ประตูหน้าวัดตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เข้าแถวให้เรียบร้อย แล้วจะมีเจ้าหน้าที่นำเราไปนั่งในห้องที่ท่านสอนด้านใน ใครมาช้าได้อยู่ด้านนอกซึ่งมีคนเป็นพันคนนั่งแออัดกันไปหมด ทั้งคนทิเบต คนอินเดีย คนเอเชีย และฝรั่งตะวันตก

การเรียนธรรมะจากท่าน 4 วันจัดแค่ปีละครั้ง เราจึงต้องลงทะเบียนมาร่วมกับคนจากชาติต่างๆ อย่าง เกาหลี ญี่ปุ่น เวียดนาม ลาว พม่า สิงคโปร์ และชาติอื่นๆ จะมีอาสาสมัครจากทุกชาติมาช่วยทำให้งานนี้เกิดขึ้น

และแล้ววินาทีที่เฝ้ารอก็มาถึง ท่านเสด็จเกือบ 9 โมง เมื่อท่านก้าวเข้ามาในห้อง ฉันรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว มันเย็บวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาแบบไม่รู้ตัวท่ามกลางเสียงสวดมนต์จากพระเวียดนาม

ฉันขนลุกและน้ำตาไหลอยู่อย่างนั้น และฉันสัมผัสถึงพลังความรักและเมตตาจากท่านทะไลลามะได้ทันที

แม้ท่านจะนั่งอยู่บนบัลลังก์ห่างจากเราก็ตาม ทั้งดีใจ ปลื้มใจ อบอุ่น โชคดี เป็นสุข ปีติ แม้ตอนที่นั่งเขียนต้นฉบับอยู่ตอนนี้ฉันยังรับรู้ถึงพลังนั้นได้เป็นอย่างดีจนน้ำตาคลอ

ท่านเทศน์เป็นภาษาทิเบต บางครั้งก็ตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษ แต่ละชาติแต่ละภาษาจะมีคนแปล ทั้งไทย เกาหลี ญี่ปุ่น สเปน อังกฤษ โดยทุกคนจะมีวิทยุและสายหูฟัง เพียงหมุนคลื่นไปภาษาที่ต้องการ เราก็จะเข้าใจในสิ่งที่ท่านกำลังสอน



พระทิเบตนั้นถือว่าเป็นสายมหายาน พระบ้านเราถือเป็นสายเถรวาท และยังมีแตกแขนงไปอีก ซึ่งเรื่องนิกายที่มากมายนี้

ท่านได้พูดถึงด้วยว่า “ทำไมเราถึงมองแต่ความแตกต่างระหว่างนิกายแล้วบอกว่าเราเป็นนิกายนั้น เธอนิกายนี้ ทำไมเราไม่มองความเหมือนที่เรามีเหมือนกัน เรามีพระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน เรามีหลักธรรมะเดียวกัน และเรามีจุดหมายปลายทางคือนิพพานที่เหมือนกัน ดูสิเรามีสิ่งที่เหมือนกันตั้งมากมาย ทำไมเราไม่มองสิ่งที่เหมือนกันล่ะ จะเป็นไปได้ไหมที่ต่อไปเราบอกแค่ว่าเราคือพุทธที่เผยแผ่ธรรมะด้วยบาลี หรือเราคือพุทธที่เผยแผ่ธรรมะด้วยสันสฤต แค่นี้เอง”

เรื่องแรกก็ว่าด้วยความเมตตาแล้ว เริ่มจากในพุทธศาสนานี่แหละ พอได้ฟังท่านแล้วเอามาปรับใช้ในชีวิตได้เลยทันที เวลาเราไม่พอใจใคร ไม่ชอบใคร จะแบ่งพรรคแบ่งพวก จะฆ่ากันจะเป็นจะตายเพียงเพราะเขาคิดต่างจากเรา ไม่ทำเหมือนเรา

แต่ถ้าเราเปลี่ยนมุมมองว่า เราก็มีความเหมือนกันซ่อนอยู่ในนั้น เพราฉะนั้นเราหันหน้ามามองกันได้ ปรองดองกันได้ เราอยู่ข้างเดียวกันนี่ ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน ความรักความเมตตาแผ่ซ่านแล้วคราวนี้

ในวัย 81 ปีของท่านทะไลลามะยังคงแข็งแรง เดินเหินเองได้ หน้าตาสดใส แววตาแจ่มใสและขี้เล่นของท่าน ทำให้ท่านดูอ่อนเยาว์ รอยยิ้มที่เมตตา ถ้อยคำที่คอยหยอกล้อทำให้เรารับรู้ถึงความเมตตาของท่านได้

ยังมีคำสอนของท่านที่ตรึงใจอีกมากมาย รวมทั้งการได้สัมผัสมือของท่านสักครั้งในชีวิต (เนื่องจากท่านเป็นนิกายมหายาน ผู้หญิงสามารถสัมผัสตัวท่านได้) วินาทีที่ไม่อาจลืมเลือนของคณะของพวกเราที่กอดกันร้องไห้หน้าวังของท่าน

และการได้คุยกับหนุ่มทิเบตที่หัวใจหล่อมากแม้เขาไม่เคยได้เจอทะไลลามะเลยสักครั้ง

ตอนหน้าจะเล่าให้ฟังค่ะ…

จาก https://www.matichonweekly.com/column/article_8269













จาก http://www.baabin.com/183108/


กาละแมร์ พัชรศรี : เมตตาที่สัมผัสได้ แม้ไม่ได้สัมผัส…



การเข้าเฝ้าองค์ทะไลลามะ ผู้นำจิตวิญญาณของทิเบตที่พลัดถิ่นมาอยู่ที่ดารัมซาลา ประเทศอินเดีย เป็นเรื่องที่ถูกจัดสรรมาแล้ว หาใช่ความบังเอิญแต่อย่างใด

การได้นั่งเรียนธรรมะจากท่าน 4 วัน นอกจากจะได้ธรรมะ หลักการใช้ชีวิตแล้ว เรายังได้รับพลังแห่งความรักและเมตตาที่เรารู้สึก เห็นด้วยตา สัมผัสได้ด้วยใจอย่างเป็นรูปธรรม

เพราะถ้าจะถามว่าก้อนพลังงานแห่งความเมตตาที่เคลื่อนไหวได้และยังมีชีวิตอยู่ที่ทรงพลังที่สุดในโลกอยู่ที่ใด

ฉันบอกได้เลยว่าต้องมาที่นี่…



เมื่อการเรียนวันแรกจบลง ท่านต้องเสด็จกลับวัง คนที่มารอสองข้างทางต้องการใกล้ชิด เห็นท่านและได้สัมผัสสักครั้งในชีวิต

ฉันก็เช่นกัน พี่อู๋ วิงค์ วิงค์ หนุ่มใหญ่เจ้าของบริษัทโปรดักชั่นเฮ้าส์ชื่อดังเป็นคนทั้งผลักทั้งดันให้ฉันไปส่งเสด็จท่านในทำเลที่เหมาะสม

และเมื่อทุกคนมีจุดประสงค์เดียวกัน การเบียดเสียดจึงเกิดขึ้น พี่อู๋เห็นฉันเก้ๆ กังๆ และฝรั่งตัวใหญ่บังทาง เลยผลักและดันฉันจากข้างหลังให้ฉันได้ยื่นมือไปหาท่านได้ท่านท่วงที

และฉันก็ได้สัมผัสมือของท่านครั้งแรก!
มือท่านนุ่มและอบอุ่นมากค่ะ

(นิกายมหายาน พระสามารถโดนตัวผู้หญิงได้ค่ะ)


และในวันถัดมาฉันได้มีโอกาสได้ถือธูปนำขบวนเสด็จท่านจากวังมาที่วัด โดยมีตัวแทนจาก 5 ประเทศ ไทย เวียดนาม มาเลเซีย เกาหลี สิงคโปร์

และพวกเราจะได้สัมผัสมือท่านก่อนเดินนำขบวน ความตื่นเต้นก็ยังคงไม่จางหายไปไหนค่ะ

แต่สิ่งที่ฉันสัมผัสได้มากกว่านั้นก็คือ ระหว่างทางที่ท่านกำลังเดินไป ฉันจะได้เห็นผู้คนจากทั่วสารทิศมารอตลอดสองข้างทาง

ฉันได้เห็นแววตาของคนที่เฝ้ารอท่าน ทั้งมีความหวัง ทั้งตื้นตันใจ

แววตาเหล่านั้นสะท้อนความรู้สึกและถ้อยคำมากมาย

แต่ฉันรู้ได้เลยว่า สักครั้งในชีวิตของพวกเขาขอเจอทะไลลามะสักครั้งก่อนตาย

คนที่แก่มากๆ ก็มานั่งรอตามบันได พอท่านเดินไปถึงก็จะช่วยประคองคนแก่เหล่านั้น คนไหนมีลูกก็จะอุ้มลูกชูขึ้นมาให้ท่านได้แตะหัวสักครั้ง

คนไหนมีเด็กเล็กๆ จะพยายามอยู่แถวหน้าให้ท่านได้เห็นชัดเจน และเมื่อท่านเจอพระรูปใดที่รู้จักหรือสนิท ท่านจะหยุดคุยและหยอกล้ออยู่นาน เช่น เขกหัว หยิกแขนเล่น ดึงหูบ้าง

เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนรอบข้างเสมอ



ฉันได้เห็นแววตาของพระทิเบตที่รอเข้าเฝ้าท่าน ทุกรูปนั่งอยู่กับพื้นพนมมือ ค้อมตัว เงยหน้าและมีแววตาที่มุ่งมั่น มีความหวัง นี่จะเป็นวินาทีที่จะได้พบท่านทะไลลามะสักครั้ง

ขอเพียงได้พบสักครั้ง…สักครั้งก็พอแล้ว

และเมื่อท่านสอนเสร็จ ฉันรอท่านตามทางเดินที่จุดเดิม แต่คราวนี้นั่งรออยู่หน้าสุด รอบตัวเต็มไปด้วยช่างภาพที่รอถ่ายภาพท่าน เบียดเสียด แต่ไม่มีใครลดละ และแล้วท่านก็เดินมาทางที่ฉันนั่งอยู่จริงๆ

ฉันได้สัมผัสมือท่านถึง 2 ครั้งเต็มๆ นำความปลื้มปีติใจยิ่งนัก รู้สึกได้รับพลังแห่งความเมตตาแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ฉันยืนน้ำตาคลออยู่ตรงนั้น

นอกจากท่านจะเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ ประมุขทิเบตที่พลัดถิ่นออกจากประเทศตัวเองตั้งแต่อายุ 24 ปีเมื่อจีนเข้ามาบุกรุก ตอนนั้นมีชาวทิเบตที่อพยพมาอยู่อินเดียกับท่านประมาณ 8,000 คน นอกนั้นก็กระจัดกระจายไปยังประเทศต่างๆ

และเมื่อโลกมีเทคโนโลยีอย่าง facebook live วู้ดดี้ได้ไลฟ์กับท่าน ทำให้คนทิเบตที่จากบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองไปอยู่ยังประเทศต่างๆ ได้ดู

พวกเขาเข้ามาขอบคุณวู้ดดี้กันมากมาย

บางคนอยู่เนปาลอี-เมลมาบอกให้วู้ดดี้ให้ท่านพูดให้กำลังใจคนทิเบตที่นั่นได้ไหม ให้พวกเขาได้มีกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ต่อไป

ดูเอาเถิด เรามีประเทศของตัวเองอยู่มันโชคดีแค่ไหน



ในวันสุดท้ายคณะเราได้พบกับท่านเป็นการส่วนตัวผ่านการนัดหมายจากวู้ดดี้ พวกเราตื่นเต้นดีใจมาก

พี่บางคนตีสามแล้วยังนอนไม่หลับ

นกเพื่อนของฉันเปลี่ยนชุดอยู่หลายรอบ ทุกคนหาชุดที่สวยที่สุดเพื่อไปพบท่าน เราตื่นเต้นกันมาก

คณะพระสงฆ์ไทยได้พบท่านก่อน ท่านพูดคุยอยู่นาน ฉันพยายามเงี่ยหูฟัง ท่านบอกว่า “พระพุทธเจ้าของเราท่านถือว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักปราชญ์ นักจิตวิทยาชาวอินเดีย ท่านทดลอง ลองผิดลองถูก ค้นหาคำตอบ เราเองก็ต้องทำเช่นนั้นเหมือนกัน อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่ท่านบอก ท่านสอน ให้เราลองค้นหาคำตอบ ลองปฏิบัติด้วยตัวเองก่อน”

พี่ต่าย นิทรา คือคนแรกที่ได้พบท่าน เจ้าหน้าที่ของท่านเรียนท่านว่าพี่ต่ายไม่ค่อยสบาย มีปัญหาเรื่องกระดูก ท่านได้ยินดังนั้นก็กอดพี่ต่ายด้วยความรักและเมตตาอยู่พักใหญ่


ภาพที่เห็นทำให้ฉันตื้นตันใจอย่างที่สุด น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด

เรารู้เลยว่าพี่ต่ายได้รับพลังอย่างหาที่สุดไม่ได้



แล้วท่านก็ทักทายและสัมผัสทุกคน บางคนอยากให้ท่านเคาะหัว ท่านก็ทำให้

หลังจากได้พบท่าน พวกเราต่างปลื้มปีติจนน้ำตาไหลออกมาพร้อมกัน ยืนกอดกันแนบแน่นอยู่ตรงนั้น จนเจ้าหน้าที่ต้องขอเชิญให้ไปร้อง ไปกอดกันข้างนอก เพราะคณะอื่นจะเข้าพบต่อ

และก่อนกลับฉันก็ได้พบกับหนุ่มทิเบตวัย 24 ปี พวกเรานั่งคุยกันเรื่องธรรมะหน้าร้านกาแฟริมทางเดินในเมืองดารัมซาลา

เขาอายุน้อยแต่ลึกซึ้งและมุ่งมั่น

ฉันถามเขาว่าเคยเจอทะไลลามะไหม เขาบอกว่าไม่เคยพบแบบใกล้ชิด ครอบครัวเขาเป็นหนึ่งใน 8,000 คนที่อพยพมาพร้อมท่าน ตัวเขาเกิดในอินเดียแต่ขอถือสัญชาติทิเบตเพราะยังไงเขาก็รักประเทศของเขา

แต่ถึงเขาไม่เคยพบท่านแบบใกล้ชิด แต่ตราบใดที่เขาเคารพท่าน ศึกษาคำสอนและฝึกปฏิบัติอย่างที่ท่านบอก ทะไลลามะจะอยู่ในหัวใจของเขาเสมอ

และสิ่งที่เขาทำทุกวันนี้คือ เป็นคนดี ไม่ทำความชั่ว ถือศีล และปล่อยวางจากความโลภ

สุดท้ายเขาบอกอีกว่า “ทะไลลามะบอกด้วยว่าถ้าคุณลงมือปฏิบัติ แม้ไม่ได้โกนผม คุณก็เป็นพระได้”

สอดคล้องกับที่ท่านบอกในห้องเรียนเสมอว่า “จงเรียนรู้ ลงมือฝึกฝนปฏิบัติ และนำมันไปใช้ในชีวิตจริง” เรียบง่ายแบบนี้เองค่ะ…







จาก https://www.matichonweekly.com/column/article_9484
ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2016, 09:16:57 am »

<a href="https://www.youtube.com/v/5gHY-qLSjzo" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/5gHY-qLSjzo</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/ZK_6qdd3zts" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/ZK_6qdd3zts</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/Y1PnW_QAqhU" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/Y1PnW_QAqhU</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/POhD-5FEYEc" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/POhD-5FEYEc</a>





วู้ดดี้ สนทนาธรรมครั้งพิเศษกับ องค์ดาไลลามะ หนึ่งในบุคคลสำคัญของโลก

      วู้ดดี้ พร้อมท่าน ว.วชิรเมธี และคณะพระธรรมทูต เดินทางสนทนาธรรมครั้งพิเศษกับ "องค์ดาไลลามะ" ถึง ดารัมซาล่า ประเทศอินเดีย พร้อมกับคำตอบที่ทำให้คนฟังซาบซึ้งและเข้าใจกับที่เรื่องที่เคยสงสัยมาทั้งชีวิต

            เรียกได้ว่าเป็นการสัมภาษณ์ครั้งสำคัญและพิเศษสุด ๆ ที่ต้องชมสักครั้งในชีวิต เพราะในสัปดาห์นี้ พิธีกรหนุ่ม วู้ดดี้ วุฒิธร พร้อมกับ ท่าน ว.วชิรเมธี, คณะพระธรรมทูตและเพื่อนดารา จะเดินทางไปสนมนาธรรมกับ "องค์ดาไลลามะ" ถึง ดารัมซาล่า ประเทศอินเดีย ที่ทำเอาพิธีกรหนุ่มถึงกับ ใจเต้น ขาสั่น และตื่นเต้นที่สุดตั้งแต่เคยสัมภาษณ์มาเพราะได้เจอกับหนึ่งในบุคคลที่สำคัญของโลก ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครก็ตามจะมีโอกาสแบบนี้ และจากการสัมภาษณ์เกือบครึ่งชั่วโมง ทำเอา วู้ดดี้ น้ำตาไหล เพราะหนึ่งในคำถามที่ได้ถาม "องค์ดาไลลามะ"  ทำให้รู้สึกเข้าใจกับที่เรื่องที่เคยสงสัยมาทั้งชีวิต

            นอกจากนี้ วู้ดดี้ ยังได้ร่วมเข้าฟังการเทศน์ของ "องค์ดาไลลามะ" ที่ในแต่ละวันจะมีหัวข้อในการบรรยายและคำถามที่คนฟังถาม ซึ่ง "องค์ดาไลลามะ" จะเป็นคนตอบ และเมื่อไปในนั้นแล้วจะสัมผัสได้ว่าทุกพื้นที่มีคุณค่า เพราะหากใครลุกขึ้นก็จะมีคนเข้าไปนั่งแทนทันที ส่วนคนที่เข้าไปฟังก็ไม่ต้องกังวลเรื่องภาษา เนื่องจากจะมีช่องสัญญาณแปลภาษาให้คนเข้าฟังเข้าใจ ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าคนที่เข้าฟังครั้งนี้ไม่ใช่เฉพาะคนทิเบตที่แสดงความเคารพอย่างสูงสุด และหลังจาก วู้ดดี้ ได้เจอได้คุยกับ "องค์ดาไลลามะ"  ก็สัมผัสได้ถึงความเมตตาเหมือนอย่างที่ ท่าน ว.วชิรเมธี เคยพูดไว้ว่า "องค์ดาไลลามะ คือ Pop Star ทางวิญญาณ"

            และสำหรับคนที่ไม่มีโอกาสไป แต่อยากรู้ว่าผู้นำทางการเมืองของทิเบต มีอัจฉริยภาพทางด้านธรรมมะแบบหาตัวจับได้ยาก รวมทั้งเป็นผู้นำที่เอาธรรมมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปเผยแผ่แก่ประชาคมโลกอย่างได้ผลและเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีอยู่จริงในยุคสมัยเราจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ในรายการ  WOODY (วู้ดดี้) คืนวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม 2559 เวลา 22.40-23.32 น. ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี





























จาก http://women.kapook.com/view158729.html

http://www.baabin.com/183108/

ชมคลิป

























จาก http://www.igdara.in.th/woody-kalamare/

http://skynews.thaimom.net/35512/





กาละแมร์ พัชรศรี : ‘ดารัมซาลา’ ที่สุดแห่งจุดหมายปลายทาง

ม่น่าเชื่อว่าหลังจากที่ฉันเดินทางไปยังจุดหมายที่หลากหลายไปทั่วโลก ฉันได้เจอที่สุดของการเดินทางแล้ว คือที่แห่งนี้ ดารัมซาลา (Dharamsala) หรือธรรมศาลา

ชอบชีวิตในวัยจะ 40 ปีอีกแล้ว

ช่างน่ามหัศจรรย์ที่ฉันค้นพบอะไรใหม่ๆ ในชีวิตอยู่เรื่อยๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็มักสงสัยตลอดเวลา ชีวิตเราจะเจออะไรอีกนะ

ทุกอย่างมันถูกที่ถูกเวลาของมันอยู่แล้ว ก่อนมาอินเดีย ฉันเดินทางไปรัสเซีย ประเทศที่เป็นมหาอำนาจอีกประเทศหนึ่ง และฉันก็หันไปมองหน้ากับเพื่อนผู้ร่วมเดินทางก็มีความเห็นตรงกันว่า “เราพอแล้ว”

“พอ” ในที่นี้คือ พอกับการได้ดูปราสาท ราชวัง อารยธรรมใหญ่โต หรือสิ่งที่มนุษย์นั้นสร้างขึ้น มันคงถึงจุดที่เราอิ่มตัว ฉันเริ่มเปลี่ยนจุดหมายการเดินทางไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ที่ช็อปปิ้ง ที่กิน ที่อยู่อาศัย สิ่งก่อสร้าง มาเป็นธรรมชาติและวิถีชีวิต

จุดหมายปลายทางคงเปลี่ยนไปตามวัย ความสนใจ ประสบการณ์ในชีวิตที่เปลี่ยนไปด้วย หลังๆ ฉันชอบไปที่ที่เป็นธรรมชาติ ไม่มีแสงสีเสียงดัง มลพิษ ความจอแจ ฉันชอบไปที่ที่มีธรรมชาติโอบล้อม เพราะทุกครั้งเราจะได้รับพลังมหาศาลจากธรรมชาติเสมอ

และที่ดารัมซาลาคือสุดยอดพลังงานทีเดียว



ถ้าคุณเชื่อเรื่องพลังจากธรรมชาติ คุณจะรู้สึกได้ทุกครั้งที่คุณเอาเท้าแตะพื้นดิน พื้นทราย เหยียบหญ้า นั่งมองท้องฟ้า เอนกายให้แสงอาทิตย์ทาบทอตัว เดิน วิ่งให้ลมพัดผ่านหน้าและเส้นผม ยืนฟังเสียงคลื่น สูดเอาอากาศบริสุทธิ์เวลาเข้าป่า หรือนั่งเฉยๆ มองภูเขาและเมฆที่เคลื่อนไปอย่างช้าๆ

คุณรู้สึกไหมว่า คุณกำลังได้รับการเยียวยา และธรรมชาติกำลังให้พลังคุณกลับคืน โดยที่คุณไม่ต้องทำอะไรเลย ขอแค่อย่าทำลายมันเท่านั้น

ดารัมซาลาเป็นเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของอินเดีย มีภูเขาที่ทรงพลังโอบล้อม ไม่ใช่ภูเขาธรรมดาปรกติที่เราเห็นทั่วไป แต่เป็นภูเขาที่มีความสลับซับซ้อน มีความตื้นลึก ลดหลั่นกัน และกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ที่สำคัญ เราเหมือนอยู่บนสวรรค์ตลอดเวลา เพราะเราจะเห็นเมฆที่อยู่เรี่ยเขาตลอดเวลา แถมเมฆก็เคลื่อนไหว เปลี่ยนรูปทรงให้เราได้มองได้ทั้งวัน ฉันมักพูดกับเพื่อนที่ไปด้วยกันว่า

“เราเหมือนอยู่บนสวรรค์เลยเนอะ”



และที่ดารัมซาลาทำให้เราใกล้เคียงกับสวรรค์มากขึ้นไปอีกก็ตอนที่หมอกลอยผ่านตัวเราระหว่างที่เราเดินอยู่ในเมือง

เราจะได้รับความรู้สึกเย็นสบายผ่านตัวแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ไอเย็นทะลุผ่านตัวเราไป หมอกจางโอบล้อมตัวเราไว้ จะไม่บอกว่าเหมือนอยู่บนสวรรค์ได้อย่างไร

แต่อย่ามัวแต่แหงนมองข้างบนจนลืมมองดูข้างล่าง เพราะพื้นถนนเต็มไปด้วยขี้ทั้งนั้น มันสอนให้เรามีสติทุกย่างก้าว เดินอย่างไรไม่ให้เหยียบ และถึงแม้ว่าเหยียบมันไปแล้วเราจะทำอย่างไร สนุกไหมล่ะชีวิต

ในชั่วขณะหนึ่งที่เราเดินออกจากวัด Namgyal ของท่านทะไลลามะ เราเดินยิ้ม หัวเราะกันอยากมีความสุข แล้วเราก็ต้องตะลึงกับภาพเบื้องหน้า ภาพภูเขาที่ยอดเขาทริอุน (Triund Hill) ปกคลุมไปด้วยหิมะ แสงอาทิตย์ส่องสว่างอยู่เบื้องหน้า

พวกเรายืนตะลึงในความงดงามเบื้องหน้า จนเราต้องเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก

ความงดงามของธรรมชาติบวกกับเหตุการณ์ที่เราได้พบเจอ มันนำพามาซึ่งความปีติในระดับขีดสุด



นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ฉันมาอินเดีย เมืองแต่ละเมืองไม่เคยเหมือนกัน ทุกเมืองมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นี่จึงเหตุผลหนึ่งที่ฉันรักอินเดีย ไปมาหลายประเทศแล้ว อินเดียคือที่สุดแห่งจุดหมายปลายทาง เป็นดินแดนของพระพุทธเจ้า อินเดียมีสีสัน อินเดียคาดเดาอะไรไม่ได้ และอินเดียคือของจริง!

ไม่ว่าจะไปที่ไหนในโลก สิ่งก่อสร้าง บ้านเรือน วัด วัง ถูกจัดวางไว้อย่างที่อยากให้เราเห็น แต่อินเดียจริงมาก วัวเดินตามถนนคุ้ยขยะ หมาขี้ เด็กอึ ขยะกอง บ้านเรือนเหมือนไม่เสร็จ ต้นไม้รกๆ ข้าวของวางระเกะระกะ เสียงสวดมนต์ เสียงเพลงตีกันให้นัวไปหมด ผู้คน อาหาร เสื้อผ้า ภาษา วรรณะ วัฒนธรรม ความเชื่อ ยิ่งทำให้อินเดียมีสีสันแบบที่ขาดเดาไม่ได้เลย

ทุกอย่างมารวมตัวกันบนท้องถนน แต่นั่นคือความงดงามแบบไม่ต้องจัดวาง ธรรมชาติของเขาเป็นแบบนี้ พอมาอยู่ด้วยกันมันลงตัวไปหมดสำหรับฉัน

เมื่อลงเครื่อง นั่งรถเข้าเมือง เริ่มเห็นวัวตัวใหญ่ริมสองข้างทาง หัวใจเต้นตึกๆ “นี่ไงวัวมารอรับฉันแล้ว” พูดกับตัวเองพร้อมตบเข่าฉาด!

และสำหรับดารัมซาลาอากาศยิ่งดีและสดชื่น ความหนาวเย็นปะทะกายเราเบาๆ แม้ฝนตกก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค เพราะอินเดียสอนเราในทุกจังหวะชีวิต ฉันและเพื่อนนั่งรถกำลังจะไปร้านอาหารที่มีวิวสวยมาก แต่ฝนเกิดตกหนักระหว่างทาง เพื่อนผู้จะพาไปเกิดอาการเครียดเกรงว่าเราจะไม่ได้เห็นวิว

ฉันเลยบอกว่า “ตอนนี้เราอยู่ในรถด้วยกันตั้ง 4-5 คน เราได้คุยกัน หัวเราะกัน มีความสุขจะตาย เราควรอยู่กับปัจจุบัน มีความสุขไปกับมัน ให้อนาคตมันห่วงตัวของมันเอง”



แล้วอินเดียก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในอินเดีย หลังฝนตกหนักแบบไม่ลืมหูลืมตา และแล้วฟ้าหลังฝนก็เปิด เราได้เห็นรุ้งวงใหญ่พาดผ่านภูเขา ฟ้าจากสีเทาหม่นกลายเป็นสีฟ้าสดใสเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

เราได้เห็นภูเขาสีเขียวสดตัดกับท้องฟ้าสีฟ้า เป็นภาพที่งดงามแบบไม่คาดฝัน เราได้ออกมาถ่ายรูป ได้เห็นความงามเบื้องหน้าอย่างอัศจรรย์ บอกแล้วว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ที่อินเดีย

การมาอินเดียไม่ได้มาเพื่อกินอยู่สบาย เห็นของดี สวย เลิศ แต่เมื่อเพื่อเรียนรู้ชีวิต มาเพื่อขัดเกลาตัวเองให้ดีขึ้น มาเพื่อยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น ฝึกความอดทน ฝึกความพยายาม ฝึกการปล่อยวาง ฝึกปัญญา

เรื่องดารัมซาลายังอีกมีอีกมาย ในวินาทีแรกที่ฉันพบดาไลลามะและคำสอนของท่าน อยากเล่าต่อใจจะขาดค่ะ!

จาก https://www.matichonweekly.com/column/article_7458