ข้อความโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน
« เมื่อ: สิงหาคม 19, 2010, 11:15:27 pm »
อิจฉาจังเลย ร้อนรุ่มๆ อยากมีลูกสาวน่ารักๆ เหมือนพี่อั๋นเว็บใต้ร่มธรรม ตั้งขึ้นเพื่อการรวมตัวของสมาชิกและทีมงานเว็บอกาลิโก ให้มาปรึกษาพบปะพูดคุยกันก่อนเดินทางสู่เส้นทางเดิมของอกาลิโกครับ พร้อมที่จะสานต่อความดีบนโลกออนไลน์ใบเล็กๆนี้ ทุกเรื่องราวมีความเป็นไป หากพี่ๆทุกท่านได้รับข่าวสารฉบับนี้ ถ้ามีเวลา..ก็ขอให้แวะมา พักคุยธรรมะปรึกษาหารือกันเช่นกัลยาณมิตรเหมือนที่เคยมา.."ด้วยความคิดถึงอย่างยิ่ง..ถึงที่สุด ธรรมะอวยพรครับ"
อิจฉาจังเลย ร้อนรุ่มๆ อยากมีลูกสาวน่ารักๆ เหมือนพี่อั๋น
เด็กรอบๆตัวเราเค้าก็คือลูกหลานเรานะเค้าคือครอบครัวเดียวกะเรา ด้วยสัญญาเค้าจะต้องการให้ทุกคนเห็นค่าในตัวเค้าเสมอ ถ้าเราเข้าใจในธรรมชาติในสัญญา หรือความจำของตัวเอง เราจะรู้ว่าเค้าเองก็เหมือนเรา เพียงแต่ตอนนี้อาจจะต่างกันที่ประสบการณ์ อย่านะอย่ายัดเยียดประสบการณ์เราที่เราเคยผ่านให้เค้า เพราะบางครั้งอาจจะเป็นการปิดกั้นในประสบการณ์ที่เค้าต้องได้รู้จักด้วยตัวเองก็ได้ ประสบการณ์เรามีเพียงเพื่อทางเลือกของเค้าเท่านั้น แต่ต้องให้ตัดสินใจในสิ่งนั้นๆด้วยตัวเอง เพราะนั้นแหละคือสิ่งที่ดีสำหรับทั้งเค้าและเราจิงๆนะ ถ้าเรายอมรับสิ่งนั้นๆได้เท่ากับเราได้ผ่านบางสิ่งที่เรียกว่าห่วง ที่พ่อและแม่กลัวนั้นเอง การที่เราก้าวผ่านความกลัวนั้นคือการที่เราได้ก้าวสู่ความกล้าหาญในพร้อมกัน 

ชอบมุขคิดตี้อะ
พ่อคิดตี แต่ลูกคิตตี้ (เอาตัวรอดเก่งจริงนะ ตัวแค่เนี๊ยะ 555+)
.. โน๊ะๆ น่ารักดีค่ะ หรือ พูดอีกที คุณพ่อคิดด้วน! ส่วนคุณลูกคิดได้...(น่ารัก คัก คัก ค่ะ อิอิ..^^)

หน้าที่คือสิ่งที่เริ่มจากสิ่งที่ได้รับและสิ่งที่เลือกจะเป็น เข้าใจในหน้าทีเราจะมีความสุขในหน้าทีโดยธรรมชาติ ผมได้เลือกหน้าที่ของความเป็นพ่อ วันนี้ผมภูมิใจในความกล้าหาญในสิ่งนี้555+ นี่คือการชื่นชมตัวเองด้วยความเข้าใจ ^ ^ ผมได้เข้าถึงภาวะของความเป็นพ่อได้ด้วยองค์รวม นั้นคือ...ลูก หนึงในปัจจัยและที่สุดในองค์รวมนั้น การเข้าถึงภาวะของลูกได้นั้นคือการเข้าถึงภาวะและความรู้สึกของตนเอง เพราะอดีตเรานั้นคือลูกผู้ที่ผ่านประสบการณ์ของภาวะนั้น การมีลูกนั้นเป็นเหตุที่ทำให้ผมกลับไปยังอดีตของตัวเองเมื่อครั้งหนึง ความรู้สึกในตอนนั้น(อดีต)ของผม ไม่ต่างจากความรู้สึกของลูกสาวผมในปัจจุบัน กระบวนการเข้าถึงภาวะและความรู้สึกของลูกจึงค่อยๆเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ การสังเกตุจึงเกิดขึ้นพร้อมการเอาใจใส่ใน ภาวะของอารมณ์นั้นๆของลูกสาว ความเข้าใจซึ่งกันและกันเกิดขึ้นทั้งเธอและผมอย่างสร้างสรรค์ สิ่งนั้นคือหนึงในเหตุและปัจจัยในความเข้าใจใน อัตตา เมื่อเข้าใจในอัตตา คือตัวและตนของกันและกันความผูกพันธ์ จึงถูกแยกออกเป็นผูก......พันธ์ ผูกนั้นในความรู้สึกอย่างสามัญมันแก้และปลดได้ง่ายกว่า...พัน จิงปะ ^ ^ 1ในหลายๆเรื่องที่ลูกสาวมั๊กจะสอนผม...มีครั้งหนึงผมพยายามที่จะบอกให้ลูกซึ่งอายุแค่อนุบาล1เก็บหนังสือนิทานที่ผมได้เรียงและจัดเอาไว้ เธอลื้อและเอาออกมาเพื่อที่จะให้ผมอ่านอีกแล้วไม่ยอมเก็บตามที่ผมพยายามจะให้เธอรู้จักเก็บของให้เป็นที่ ผมกำลังออกอาการบ่นเธอ..ต้นข้าวพ่อสอนหนูว่ายังงัยว่าถ้าลื้อออกมาต้องเก็บให้เป็นที่ของมันหนูจะได้จำได้นะ เธอโต้กลับทันควันว่า.. พ่อชั่งหนูเถอะ หนูก็เป็นของหนูแบบนี้ ผมอึ้งพร้อมกับนิ่งแล้วเอ่ยพูดกะตัวเองว่า..อืมมันคิดได้งัย..ต้นข้าวได้ยินสิ่งที่ผมเอ่ย เธอจะพูดต่อว่า คิดตี้งัยพ่อ คิดตี้อ่ะ ผมหละฮาเลย เค้าพยายามจะบอกผมว่าจะมาเอารัยกะเด็กอ่ะพ่อ ผมชอบบอกรักกับลูกและถามลูกเสมอ ว่าพ่อรักต้นข้าวนะมากที่สุดในจักรวาลนี้เลย ต้นข้าวรักแม่เท่าไหน เค้าจะบอกผมว่า ต้นข้าวรักแม่เท่าฟ้า แล้วต้นข้าวรักพ่อเท่าไหน เธอจะบอกผมว่าต้นข้าวรักพ่อเท่าเดิม เธอทำให้ผมเข้าใจในบางอย่างมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งค้นในหัวใจยิ่งเจอในความรู้สึกนั้น ความรู้สึกของความเข้าใจในกันและกันจิงๆ
อนุโมทนา+ขอบคุณ2พ่อลูกผู้น่ารัก & Family ...อีกครั้งนะคะ สำหรับการถ่ายทอดประสบการณ์ดีๆน่ารักๆ ให้ข้อคิดเตือนสติ แถมเตะเจ้า "อัตตา" ที่มักมีมากมาย แบบมิรู้ตัวในทุกคน.. ให้กระเด็นหายย สลายไป.. มา ณ.ที่นี้ เพื่อให้พวกเราทุกคนได้เสมือนมีส่วนร่วม และ นำไปปรับใช้เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันทั้งทางธรรม-ทางโลกได้จริงตรงนี้ด้วยค่ะ ^^ .... 


:43:จากเหตุการวันนั้นที่ได้คุยกับภรรยา และต้นข้าวก็ได้นอนฟังอยู่ เพื่อนๆคับ ผมเชื่อว่าไม่ใช่เพียงแค่ต้นข้าวที่สัมผัสได้จากการสื่อสารจากเสียงและความรู้สึกที่พูดถึงตัวเธอ ( ต้นข้าว ) เด็กๆทุกคนหรือลูกของคุณเค้าเองจะรู้สึกเสมอที่พ่อแม่สื่อหรือพูดกับเค้าไม่ว่าจะสถาวะใดๆ ขอให้รู้ไว้ ว่าเด็กมีสัมผัสที่ไวเสมอกับทุกความรู้สึกและนั้นคือสิ่งที่จะไปตราตรึงใจของพวกเค้า ทำมัยจึงชื่อว่าลูกเตะอัตตา เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่เบื้องต้น และตรงนี้ ผมเริ่มที่จะค้นหาความรู้สึกในตัวตน ของตนไปพร้อมกันกับลูก ถ้าเว้นตรงกลางของคำนั้นลูกผมก็คงค้นหาในตัวตนของเค้าและพ่อแม่เค้าไปพร้อมๆกันเช่นกัน จากคำที่ผมถามต้นข้าวเมื่อครั้งหนึ่งในช่วงเช้าที่สนามเด็กเล่นผมถามลูกว่าต้นข้าวชอบมั้ยจ๊ะลูก ต้นข้าวพูดที่ข้างหูของผมในขณะที่เธอขี่คอของผมคนที่เธอเรียกว่าพ่อจ๋า เสียงนั้นพูดที่ข้างหูของผมว่า....พ่อจ๋าวันนี้หนูมีความสุขมากที่สุดเลยพ่อพาหนูมาที่นี่อีกนะ เพื่อนๆคับผมรู้สึกสัมผัสความสุขที่มากมายของลูกจิงๆในวันนี้ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนั้นเพื่อที่จะถ่ายทอดออกมาให้เข้าถึงได้ยังงัยจิงๆ ถ้าคุณกำลังค้นใจตนเองเพื่อใครสักคนคุณจะเข้าใจในความรู้สึกนั้น นั้นคือความเข้าใจในความสุขของคนๆนั้น ต้นข้าวทำให้ผมเข้าใจในความรักที่มีตัวตน เธอไม่ได้ต้องการสิ่งใดๆจากผมที่เรียกตัวเองว่าพ่อ แล้วพยายามที่จะทำให้ลูกเชื่อในสิ่งที่ผมมอบให้ว่านี่คือสิ่งดี และนี่คือสิ่งเลว เพื่อที่จะอยู่ในสังคมบนโลกใบนี้ได้อย่างมีความสุข แต่สิ่งหนึงที่ต้นข้าวทำให้ผมเข้าใจนั้นคือความรู้สึกสัมผัสจากภายใน เธอไม่ได้ต้องการสิ่งใดจากภายนอก แต่เธอเกิดมาเพื่อแค่ต้องการความเข้าใจจากภายในของความรู้สึกของเธอมากกว่า ยิ่งผมเข้าใจในตัวเองยิ่งเข้าใจในตัวเธอและพร้อมกันเธอเข้าใจตัวพ่ออย่างผมและตัวตนของเธอเองนั้นคือการดำเนินความเข้าใจในตนเองอย่างธรรม (ธรรมชาติ) ยิ่งสัมผัสยิ่งเข้าถึง เธอทำให้ผมกระจ่างในจิตนี้ว่า คนเราเกิดมาเพื่อที่จะเข้าใจในจิตตนเพื่อที่จะเข้าใจในจิตผู้อื่น เราเกิดมาเพื่อแค่เข้าใจซึ่งกันและกัน ความเข้าใจคือจุดมุ่งหมายในทุกๆสิ่งบนโลกและจักรวาลนี้ เราจะละและวางได้เมื่อรัย ถ้าวันนี้เรายังไม่เข้าใจอัตตา
ขอบใจนะคุณลูกสาว เธอไม่ใช่ต้นข้าวของพ่อ แต่เธอคือต้นข้าว พ่อรักต้นข้าวนะ ^^
ก็เยี่ยมมมากมายเช่นกันค่ะ ที่ สามารถช่วย "เตะ" อัตตา ของผู้รับบทเป็นคุณพ่อ และอาจรวมไปถึงอีกหลายๆท่านที่ได้อ่านกระทู้นี้ ...ให้กระเด็นน ออกไปด้วยเช่นกันค่ะ ... :07:ขอบคุณมากมาย และ อนุโมทนา ทั้งกับคุณพ่ออั๋น และ น้องต้นข้าว และทุกคนที่มีส่วนร่วมในเรื่องราวตรงนี้ ด้วยใจจริง มา ณ.ที่นี้ด้วยนะคะ สาธุ!!~ ค่ะ 