ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
ระหว่างความดีกับความไม่ดี เราจะเลือกทำสิ่งใดจึงจะสามารถบรรลุธรรมได้จริง ( เลือกตอบแค่ ความดี กับ ความไม่ดี ครับผม):
คนที่มีจิตใจอ่อนโยนส่วนใหญ่มัก คิดถึงสิ่งใดก่อนเสมอ  ( เลือกตอบแค่ ตัวเอง กับ คนอื่น ครับผม ):
คุณเชื่อในศรัทธาของความดีไหมครับ ( เลือกตอบแค่ เชื่อ กับ ไม่เชื่อ ครับผม):
คิดว่าความดีทำยากไหม( เลือกตอบแค่ ยาก กับ ไม่ยาก ครับผม):
ถ้าเราโกรธใคร ธรรมะจะเป็นหนทางผ่อนคลายความโกรธนั้นลงได้ใช่ไหม ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม ):
ชีวิตบางครั้งก็เหมือนเหรียญสองด้านใช่หรือไม่ครับบางครั้งก็หัวบางครั้งก็ก้อย( เลือกตอบแค่ ใช่ กับไม่ใช่ครับผม):
การแสดงความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผู้อื่นทำ นิยมใช้คำว่า (อนุโมทนา) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ อนุโมทนา:
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆในโลกออนไลน์ใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
ท่านจะปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อตกลงของเว็บใต้ร่มธรรมทุกประการหรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
โดยปกติชน นิ้วมือของคนเรา มีกี่นิ้ว (ตอบเป็นภาษาไทยครับ):
บุคคลที่ไปหลายๆเว็บไซต์ โดยที่สวมบทบาทเป็นหลายๆคน โดยที่ไม่รู้ว่า แท้จริงใจเราต้องการอะไร เพื่อน หรือ ชัยชนะ:
กล่าวคำดังนี้  "ขอโทษนะ":
ระหว่าง (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะผู้อื่น) กับ (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะตัวเอง)  ท่านจะเลือกเป็น:
กล่าวคำดังนี้  "ขออโหสิกรรม":
หากมีคน บอกว่า เราไม่ดีเราเลว แต่ใจเรารู้ว่าไม่เป็นเช่นนั้น เราจะใช้วิธีใดจัดการกับเรื่องนี้  (โต้เถียงให้แรงกว่าที่เค้าว่ามา) หรือ (เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความดีของเราเองไม่ต้องทำอะไร):
ในโลกออนไลน์หรือโลกแห่งจิต ไม่มีใครทำอะไรเราได้ นอกเสียไปจาก (คนพาล) หรือ (ใจของเราเอง):
เคยนวดฝ่าเท้าให้ คุณพ่อคุณแม่บ้างไหม ถ้ามีโอกาส เราควรทำหรือไม่ (ควรกระทำอย่างยิ่ง หรือ ไม่ควรทำ):
ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติคือผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น ฉะนั้นสมาชิกใต้ร่มธรรมควรให้เกียรติกันและกัน พิมพ์คำว่า (ฉันจะให้เกียรติสมาชิกทุกๆท่านในใต้ร่มธรรมเสมอด้วยวาจาสุภาพอ่อนน้อม):
ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (It is never too late to mend):
ผู้ที่ไม่เคยรับรู้รสของความขมขื่น จะไม่รู้ว่าความหวานชื่นคืออะไร พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (He who has never tasted bitterness does not know what is sweet):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: rain....
« เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 03:23:56 pm »

 :07: :07: :07: :07:ขอบคุณคร้าฟป๋ม 
ข้อความโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน
« เมื่อ: กันยายน 04, 2010, 07:41:59 pm »

ตอนนี้เลยงับ  เหมือนจะยกแขนลำบาก  ปวดมากเลยอ่ะงับ  ละเคยแบบเอื่้อมมือไปยกของอ่ะ  แล้วแขนไม่มีแรง  ร่วงลงทั้งแขนและของ555+ ขำ  + ตะลึง  ว่านี่เราเปนมากขนาดนี้เลยหรอ :05:  ตอนนี้ดีขึ้นนิ๊สนึง  แต่ไม่หายขาดอ่ะงับ  ลามมาปวดหลังด้วยอะตอนนี้อ่ะงับ

 :10: โรคคนแก่เลย 55+
^^ ขอให้หายเร็วๆครับ ตะกี้แหย่เล่น ธรรมะอวยพรครับน้องฝน
ข้อความโดย: สายลมที่หวังดี
« เมื่อ: กันยายน 03, 2010, 09:44:12 pm »

ตอนนี้เลยงับ  เหมือนจะยกแขนลำบาก  ปวดมากเลยอ่ะงับ  ละเคยแบบเอื่้อมมือไปยกของอ่ะ  แล้วแขนไม่มีแรง  ร่วงลงทั้งแขนและของ555+ ขำ  + ตะลึง  ว่านี่เราเปนมากขนาดนี้เลยหรอ :05:  ตอนนี้ดีขึ้นนิ๊สนึง  แต่ไม่หายขาดอ่ะงับ  ลามมาปวดหลังด้วยอะตอนนี้อ่ะงับ

อย่าลืมไปหาหมอนะค่ะฝน เป็นห่วงค่ะ
ขอให้หายไวๆนะค่ะ :19:
ข้อความโดย: rain....
« เมื่อ: กันยายน 03, 2010, 08:56:37 pm »

ตอนนี้เลยงับ  เหมือนจะยกแขนลำบาก  ปวดมากเลยอ่ะงับ  ละเคยแบบเอื่้อมมือไปยกของอ่ะ  แล้วแขนไม่มีแรง  ร่วงลงทั้งแขนและของ555+ ขำ  + ตะลึง  ว่านี่เราเปนมากขนาดนี้เลยหรอ :05:  ตอนนี้ดีขึ้นนิ๊สนึง  แต่ไม่หายขาดอ่ะงับ  ลามมาปวดหลังด้วยอะตอนนี้อ่ะงับ 
ข้อความโดย: ดอกโศก
« เมื่อ: สิงหาคม 15, 2010, 11:26:04 pm »

เคยเป็นนิ้วล็อกก็ทรมานจะแย่ ถ้าไหล่ติดคงยิ่งกว่าแน่ๆค่ะ

ขอบคุณค่ะ ที่นำสาระดีๆมาปันให้อ่านค่ะ ^_^
ข้อความโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน
« เมื่อ: สิงหาคม 15, 2010, 08:45:33 pm »

 :45: ขอบคุณครับพี่หนุ่ม
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: สิงหาคม 15, 2010, 07:47:04 am »

รู้เท่าทันป้องกันลุกลาม 'ข้อไหล่ติด' โรคใกล้ตัวพึงระวัง!!


อวัยวะทุกส่วนใน  ร่างกายต่างมีความสำคัญ ข้อไหล่ติด เป็นอีกอาการความเจ็บป่วยที่  ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต อีกทั้งยังสร้างความหงุดหงิดรำคาญใจซึ่งในอาการดังกล่าวหากมองข้ามอาจลุกลาม กลายเป็นปัญหาใหญ่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของร่างกาย!!
   
อาการข้อไหล่ติดหรือโรคข้อไหล่ยึดติด ลักษณะดังกล่าวเป็นอาการที่รองลงมาจากการปวดคอ ปวดหลัง ดังนั้นการรู้หลักสังเกตตนเองนับแต่เริ่ม  มีอาการเจ็บหัวไหล่ช่วงแรก  การดูแลสุขภาพปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม สิ่งเหล่านี้ล้วนมีส่วนสำคัญที่จะช่วยป้องกันก่อนต้องเผชิญกับอาการข้อไหล่ ติด
   
ดร.มนต์ทณัฐ โรจนาศรีรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ไคโรเมด สหคลินิกและโฆษกสมาคมการแพทย์ไคโรแพรคติกแห่งประเทศไทย ให้ความรู้ว่า อาการข้อไหล่ติดมักพบหลังจากมีการเจ็บของข้อไหล่ซึ่งอาจเจ็บอยู่เป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือนและเมื่ออาการทุเลาลงจะตามมาด้วยอาการยกแขนไม่ขึ้นหรือยกแขน แต่ละครั้งจะรู้สึกติดขัดการใช้ชีวิตประจำวันอาจไม่เหมือนเดิม
   
ไหล่ติด ถึงแม้จะเป็นอาการที่รองลงมาจากการปวดคอปวดหลัง แต่ในแง่ของการดูแลหรือสาเหตุของปัญหามาจากสิ่งเดียวกันคือ ลักษณะโครงสร้างที่อาจจะผิดรูป ลักษณะการใช้งานที่ผิดวิธี ซึ่งลักษณะของอาการในเบื้องต้น การขยับของไหล่จะค่อนข้างลำบาก มีอาการเจ็บโดยแรก ๆ อาจจะเจ็บไม่มากเท่าไหร่มีความรู้สึกเหมือนกับไหล่ขัด ลักษณะการเคลื่อนไหวก็จะน้อยลงกว่าปกติ
   
แต่ หากปล่อยทิ้งไว้ 2-3 เดือนอาการก็อาจกำเริบมากขึ้น อาการปวดอาจรุนแรงขึ้นและด้วยอาการปวดที่รุนแรงอาจทำให้ไม่อยากขยับซึ่งการ ไม่ขยับเคลื่อนไหวจะทำให้เกิดการเชื่อมติดแข็งยิ่งขึ้นซึ่งผู้ที่กำลังเผชิญ กับภาวะไหล่ติดเบื้องต้นอาจจะยกแขนได้อยู่บ้างหากมี ผู้ช่วยให้ขยับ แต่ก็จะมีอาการเจ็บค่อนข้างรุนแรง
   
เมื่อเป็นเช่นนี้คนไข้ก็จะไม่อยากยกแขนขยับเคลื่อนไหว พอไม่ขยับก็จะเกิดอาการเชื่อมติดของไหล่ยิ่งขึ้นเพราะ เป็นลักษณะอาการอักเสบของเยื่อหุ้มข้อไหล่หรือบริเวณกล้ามเนื้อที่หุ้มข้อ ไหล่อยู่และเมื่อเกิดลักษณะการอักเสบขึ้น  ก็พัฒนากลายเป็นเยื่อพังผืด แนวกล้ามเนื้อก็จะสูญเสียการ   เคลื่อนไหวหรือการยืดหยุ่นที่ถูกต้องไป พอกล้ามเนื้อไม่ขยับหรือไม่ยืดหยุ่นก็จะขยับไม่ได้ก็จะมีอาการของการติดขัด ในส่วนนั้น
   
“แต่อย่างไรก็ตามถ้าปล่อยทิ้งไว้อาการปวดจะค่อย ๆ ลดลงได้เอง แต่คงต้องใช้ระยะเวลาซึ่งก็แล้วแต่สาเหตุ ไหล่ติดเกิดได้จากหลายปัจจัยนับแต่เรื่องของการเล่นกีฬาผิดวิธี อุบัติเหตุ รวมถึงลักษณะอาการที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บเนื้อเยื่อรอบข้อไหล่และอีกสิ่ง หนึ่งที่เป็นต้นเหตุ แต่อาจมองข้ามกันนั่นก็คือ ลักษณะโครงสร้างที่ผิดรูป”
   
ลักษณะโครงสร้างสามารถมีผลกระทบได้นับแต่ฝ่าเท้า ข้อเท้า เข่า ตะโพก หลัง ต้นคอ ไหล่ไปแทบทุกส่วนเรียกว่า   ถ้าหากไม่ปรับเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมก็จะส่งผล ลักษณะไหล่ติดก็มีความเชื่อมโยงกับการ  ที่มีโครงสร้างผิดสมดุลและใน โครงสร้างที่ผิดสมดุลก็ทำให้เกิดอาการในหลายส่วนได้
   
“ถ้ามีโครงสร้างที่ผิดรูป  อย่างหลังค่อมซึ่งหลังค่อมจะหมายถึงลักษณะศีรษะมีการทิ้งถ่วงมาทางด้านหน้า มาก น้ำหนักของศีรษะที่ทิ้งมาทางด้านหน้าจะทำให้เกิดการแบกรับน้ำหนักที่ก้านคอ ในจุดนี้มากกว่าปกติ การทำงานของกล้ามเนื้อที่ช่วยพยุงโครงสร้างจะมีการหดเกร็งมากเกินไป
   
สังเกตได้ว่าคนที่มีลักษณะอาการดังกล่าวกล้ามเนื้อต้นคอ บ่าไหล่จะเกร็งแข็ง นานวันเข้าจากเรื่องของอาการปวดกล้ามเนื้อธรรมดาก็ส่งผลทำให้เกิดการเสื่อม สภาพของแนวกระดูกและข้อ ท้ายที่สุดเมื่อเกิดการเสื่อมสภาพเกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบในแนวของเส้นประสาท ซึ่งแนวกระดูกสันหลัง   มีสามส่วนคือ กระดูกและข้อ เนื้อเยื่ออ่อนเส้นเอ็นยึดกล้ามเนื้อและแนวเส้นประสาท ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นก็สามารถกระทบได้ทั้งสามส่วนเพราะอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้ เคียงกัน”
   
ส่วนถ้าช่วงลำตัวมีลักษณะการแอ่นผิดรูป ลักษณะเท้าแบน การลงน้ำหนักของฝ่าเท้าก็จะผิดตำแหน่ง พอการรับน้ำหนักไม่สมดุลก็ส่งผลทำให้เกิดการสึกกร่อนของหมอนรองกระดูกบริเวณ ข้อเข่าได้ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพและก้าวไปสู่ ข้อเข่าเสื่อม ในที่สุด ดังนั้นในเรื่องนี้อย่ามองเพียงแค่ว่าเป็นข้อเข่าเสื่อม แต่   ควรมองถึงสาเหตุที่แท้จริงและควรต้องแก้ไขรักษาในส่วนนั้นร่วมด้วย
   
สัญญาณเตือนในเรื่อง  ของไหล่ติดอย่าง   ที่กล่าว อาการเริ่มต้นคือ อาการปวด ขยับแล้วเจ็บและอาจจะมีอาการของการยืดเหยียดแขนได้ไม่สุดหรือไม่ดีเท่าที่ ควร มีอาการเจ็บ แปลบ ๆ ที่หัวไหล่ ฯลฯ   ซึ่งก็จะเป็นสัญญาณแรก   ที่แจ้งว่าอาจกำลังเผชิญภาวะไหล่ติด เหยียดไหล่ไม่สุด
   
การดูแลป้องกันเพื่อให้หลีกไกลจากภาวะไหล่ติดก็คงต้องแบ่งเป็นในเรื่องของ โครงสร้าง หากทราบว่าหลังค่อมก็  ต้องพยายามอย่าให้หลังค่อม  หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้  ไหล่บิด การยกของหนัก ที่สำคัญ ไม่ควรละเลยการออกกำลังกายสม่ำเสมอในท่วงท่าที่ช่วยพยุงหัวไหล่
   
อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงการสะพายของหนัก หิ้วของหนักตลอดเวลา หรือนอนเท้าแขน ฯลฯ ซึ่งก็อาจทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ได้ แต่อย่างไรแล้ว หากมีอาการปวดเพิ่มมากขึ้นไม่ควรนิ่งนอนใจควรได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่าง ละเอียดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
   
ขณะที่ไหล่ติดเป็นโรคที่อยู่ใกล้ชิดเกิดขึ้นกับเราได้ตลอดเวลา หากรู้อย่างเท่าทันดูแลสุขภาพ  แต่เนิ่น ๆ ก็จะช่วยให้ไกลห่างจากความเจ็บป่วยดังกล่าวได้.

สรรหามาบอก
   
- สมาคมโรคเต้านมแห่งประเทศไทย เชิญชวนประชาชนและผู้สนใจทั่วไปเข้าฟังบรรยายพิเศษภาคประชาชนเรื่อง “ร่วมพลังเอาชนะมะเร็งเต้านม” จากคณะแพทย์ผู้  เชี่ยวชาญด้านมะเร็งเต้านม ใน วันพุธที่ 18 สิงหาคม 2553 เวลา 16.30-18.30 น. ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมเจ้า  พระยาปาร์ค ถนนรัชดาภิเษก โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ สนใจสำรองที่นั่งได้ที่ โทร. 08-5243-3500
   
- ไคโรเมด สหคลินิก ขอเชิญผู้สนใจร่วมสัมมนา “Active Therapy แนวคิดใหม่ในการรักษาอาการปวดคอ ปวดหลังแบบไม่ผ่าตัด” พร้อมตรวจโครงสร้างร่างกายและ   ตรวจ InBody ในวันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม 2553 เวลา 13.00-16.00 น. ณ ไคโรเมด สหคลินิก ชั้น 3 อาคารแบงคอลเมดิ  เพล็กซ์ (BTS เอกมัย) สำรองที่นั่งหรือสอบถามข้อมูล โทร.  0-2713-6745-6
   
- โรงพยาบาลมนารมย์ ขอเชิญพ่อแม่ผู้ปกครองที่สนใจรับฟังบรรยายและร่วมกิจกรรมเวิร์กช็อปใน “หลักสูตร   พ่อแม่รับมือเด็กดื้อ เด็กซน เด็กสมาธิสั้น ได้อย่างถูกวิธี”  ระหว่างวันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม ถึง เสาร์ที่ 11 กันยายน 2553 เวลา 09.00-12.00 น. จำนวน 4 ครั้ง ผู้ปกครองท่านใดสนใจต้องการเข้าร่วมอบรมสอบถามข้อมูล โทร. 0-2725-9595, 0-2399-2822 ต่อ 544 (ด่วน! รับจำนวนจำกัด)
   
- มูลนิธิรามาธิบดี ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดย ศ.พญ.  สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ รองประธานบริหารมูลนิธิรามา ธิบดีฯ และประธานโครงการหน่วยจัดการความรู้เรื่องการสร้างเสริมสุขภาพผู้บริหาร มูลนิธิรามาธิบดีฯ ร่วมกับ มูลนิธิเผยแผ่ศาสนาและพัฒนาคุณภาพชีวิต กระทรวงวัฒนธรรม โดย สมาน คุณากรไพบูลย์ศิริ เลขานุการมูลนิธิเผยแผ่ศาสนาฯ จัด  “โครงการเผยแผ่ศาสนาและพัฒนาคุณภาพชีวิต” ขึ้น โดยลักษณะของโครงการเป็นกิจกรรมฝึกอบรมด้านศาสนา คุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม มารยาทชาวพุทธและค่ายวิทยาศาสตร์แนวพุทธศาสตร์ นิทรรศการวิทยาศาสตร์ รวมทั้งจัดอบรมความรู้เรื่องเพศศึกษาและยาเสพติดให้แก่นักเรียน เพื่อให้เยาวชนปลอดจากการติดยาเสพติด มีความประพฤติและค่านิยมในการดำรงชีวิตที่เหมาะสม สร้างจิตสำนึก สร้างภูมิต้านทานให้กับตนเองด้วยคุณธรรม ทั้งนี้เพื่อเผยแผ่หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาไปสู่เยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ห่างไกลความเจริญ มีระยะเวลาการดำเนินการ ตั้งแต่ พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2554.

กินขนมไทยตามธาตุหลังอาหาร...ช่วยระบบย่อยทำงานดี

ขนมไทยที่เรารู้จักมีมากมายหลากหลายชนิด ซึ่งส่วนใหญ่มีส่วนผสมหลัก ได้แก่ น้ำตาล แป้ง และกะทิ ที่สาว ๆ บางคนเห็นแล้วต้องเบือนหน้าหนี  แต่ในขณะเดียวกันก็อาจเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน และหากเราเพิ่มความใส่ใจในการเลือกรับประทานขนมไทยสักนิด นอกเหนือจากรสชาติที่หวานอร่อยแล้วทราบหรือไม่ว่าการรับประทานขนมไทยหลัง อาหารและตามธาตุเกิดก็ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพได้เช่นกัน
   
ความหวานของน้ำตาลนอกจากจะเป็นตัวเสริมช่วยเพิ่มรสชาติให้  ขนมไทยมีรสชาติดีแล้วยังสามารถช่วยถนอมอาหารได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ที่สำคัญคนโบราณนิยมรับประทานขนมไทยหลังอาหาร เนื่องจากน้ำตาลซึ่งเป็นแป้งโมเลกุลเดี่ยวจะสามารถช่วยย่อยอาหารที่รับ ประทานเข้าไปได้เป็นอย่างดีและหากเราเลือกรับประทานตามธาตุของตนเองด้วยยิ่ง เป็นการเสริมธาตุในร่างกายให้ดียิ่งขึ้นด้วย ซึ่งธาตุของแต่ละคนจะแตกต่างกันและแบ่งออกมาตามลักษณะเด่นของร่างกาย ตลอดจนนิสัยใจคอของคนเราที่แตกต่างกัน
   
การเลือกขนมไทยที่อิ่มอร่อยและมีสุขภาพดีตามธาตุ แบ่งออกได้ดังนี้ ธาตุดิน (ผู้ที่เกิดเดือน ม.ค.,พ.ค. และ ก.ย.) มักมีปัญหาเกี่ยวกับระบบน้ำย่อย เนื่องจากเป็นธาตุที่หนักแน่น จึงควรเลือกรับประทานอาหารที่มีเส้นใยและไฟเบอร์สูง โดยขนมไทยที่เหมาะกับคนธาตุดิน ได้แก่ สาคูไส้หมู,ข้าวเกรียบปากหม้อ ที่รับประทานคู่กับผักสด ๆ เป็นการเพิ่มเส้นใยให้ร่างกาย หรืออาจจะเลือกรับประทานขนมไทยที่มีส่วนผสมของผลไม้และธัญ พืชด้วย เช่น ถั่วเขียวหรือถั่วแดงต้มน้ำตาล
   
ธาตุลม (ผู้ที่เกิดเดือน ก.พ., มิ.ย. และ ต.ค.) ระบบภายในร่างกายมีความเป็นกรดมาก ทำให้ร่างกายมีช่องว่างของอากาศ ควรเลี่ยงรับประทานอาหารหรือขนมที่มีส่วนผสมของกะทิ เช่น บัวลอย, ปลากริมไข่เต่า และขนมหวานประเภท  แกงบวดต่าง ๆ ที่มักใช้กะทิในปริมาณ   มาก ๆ ส่วนธาตุน้ำ (ผู้ที่เกิดเดือน มี.ค., ก.ค., พ.ย.และ ธ.ค.) ร่างกายจะมีความชื้นและเย็น ควรเลือกรับประทานขนมจำพวกให้ความหวานและร้อนแก่ร่างกาย โดยขนมไทยที่เหมาะกับคนธาตุน้ำ   ได้แก่ มันเทศต้มน้ำขิง, ไข่ต้มน้ำขิง ฯลฯ หรือขนมไทยที่ให้รสชาติเผ็ดร้อน เพราะความเผ็ดร้อนในขนมจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย ช่วยขับเหงื่อ ขับลม ในกระเพาะอาหารและสำไส้ แก้อาการจุก เสียด แน่น เฟ้อ ได้ด้วย
   
ธาตุไฟ (ผู้ที่เกิดเดือน เม.ย. และ ส.ค.) ร่างกายจะมีระบบเผาผลาญในร่างกายดีมาก สามารถเลือกอร่อยกับขนมไทยได้หลากหลาย แต่ถ้าจะเลือกรับประทานขนมไทยเพื่อช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายสามารถรับประทาน ขนม ไทยคู่กับน้ำแข็งได้ เช่น ขนมลอดช่อง, กระท้อนลอยแก้ว ฯลฯ
   
การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงนั้นจำเป็นที่ต้องดูแลจากภายในสู่ภายนอก ดังนั้นการเลือกรับประทานขนมไทยให้ถูกกับธาตุ นอกจากจะอิ่มอร่อยแล้วยังสามารถช่วยส่งเสริมธาตุในร่างกายให้สมบูรณ์ยิ่ง ขึ้นเพื่อสุขภาพที่ดีอีกด้วยค่ะ.

ทีมวาไรตี้

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=486&contentId=85105

.


.


.