แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - jokerzero

หน้า: [1]
1
 
อาหารต้านเซลลูไลท์


ไขมันใต้ผิวหนังดูคล้ายผิวเปลือกส้ม เซลลูไลท์ มักคืบคลานเข้ามาแฝงตัวอยู่อย่างเงียบเชียบ ครั้นพอสังเกตเห็นหรือสัมผัสถึงความขรุ ขระของเจ้า ก็มักจะสายเกินไปเสียแล้ว ข้อเสนอแนะต่อไปนี้จะช่วยคุณกำจัดเจ้าเซลลูไลท์ได้ด้วยวิธีง่ายๆ นั่นคือการใส่ใจเรื่องอาหารการกิน ควบคู่ไปกับการออก กำลังและดูแลสุขภาพเท่านั้นเอง


กินอาหารกระชับผิว
เน้นกินผักผลไม้สดเอาไว้ให้มาก เพราะวิตามินซีและวิตามินอีนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ผิวหนังกระชับขึ้น

เสริมสร้างการไหลเวียน
การกินอาหารที่มีกรดไขมัน รวมทั้งน้ำมันปลา ถั่ว เมล็ดพืช และน้ำมัน ก็จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตได้

หมั่นกินอาหารโปรตีนไขมันต่ำเป็นประจำ
เซลลูไลท์เป็น เซลที่สะสม ของเหลวได้มากกว่าเซลล์ทั่วไป จึงมีทั้งของเหลว ไขมัน และสารพิษอยู่ ทำให้ระบบการไหลเวียน ของโลหิตกับน้ำเหลืองไม่คล่องตัว ซึ่งสารอัลบูมินที่มีอยู่ในอาหารกลุ่มโปรตีนไขมันต่ำจำพวกถั่วสามารถช่วยลด ระดับของเหลวนี้ได้ อย่าลืมอาหารรสเค็มลงด้วยค่ะ

ลดอาหารมันและหวาน
อาหารทั้งมันทั้งหวานนั้นจะไปเพิ่มอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวหนังของคุณหย่อนยานลง เกิดริ้วรอย และยิ่งเป็นอาหารที่มันเยิ้ม และหวานเจี๊ยบก็ยิ่งจะไปเพิ่มแคลอรีให้กับร่างกายด้วย ซึ่งทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นพึงนึกไว้เสมอว่าเซลลูไลท์ก็คือไขมันธรรมดาๆ นั่นเอง

เพียงเท่านี้คุณก็จะปราศจากเซลลูไลท์ที่คอยรบกวนตัวคุณสาวๆ ได้อย่างง่ายดายค่ะ

 

ข้อมูลจาก 
 
คำที่เกี่ยวข้อง : สุขภาพ   อาหารเพื่อสุขภาพ   อาหารต้านเซลลูไลท์   เซลลูไลท์   

2
เมนูใส ใส่ใจสุขภาพ / อาหารต้านเซลลูไลท์
« เมื่อ: ธันวาคม 15, 2010, 04:32:18 pm »
 
อาหารต้านเซลลูไลท์


ไขมันใต้ผิวหนังดูคล้ายผิวเปลือกส้ม เซลลูไลท์ มักคืบคลานเข้ามาแฝงตัวอยู่อย่างเงียบเชียบ ครั้นพอสังเกตเห็นหรือสัมผัสถึงความขรุ ขระของเจ้า ก็มักจะสายเกินไปเสียแล้ว ข้อเสนอแนะต่อไปนี้จะช่วยคุณกำจัดเจ้าเซลลูไลท์ได้ด้วยวิธีง่ายๆ นั่นคือการใส่ใจเรื่องอาหารการกิน ควบคู่ไปกับการออก กำลังและดูแลสุขภาพเท่านั้นเอง


กินอาหารกระชับผิว
เน้นกินผักผลไม้สดเอาไว้ให้มาก เพราะวิตามินซีและวิตามินอีนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ผิวหนังกระชับขึ้น

เสริมสร้างการไหลเวียน
การกินอาหารที่มีกรดไขมัน รวมทั้งน้ำมันปลา ถั่ว เมล็ดพืช และน้ำมัน ก็จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตได้

หมั่นกินอาหารโปรตีนไขมันต่ำเป็นประจำ
เซลลูไลท์เป็น เซลที่สะสม ของเหลวได้มากกว่าเซลล์ทั่วไป จึงมีทั้งของเหลว ไขมัน และสารพิษอยู่ ทำให้ระบบการไหลเวียน ของโลหิตกับน้ำเหลืองไม่คล่องตัว ซึ่งสารอัลบูมินที่มีอยู่ในอาหารกลุ่มโปรตีนไขมันต่ำจำพวกถั่วสามารถช่วยลด ระดับของเหลวนี้ได้ อย่าลืมอาหารรสเค็มลงด้วยค่ะ

ลดอาหารมันและหวาน
อาหารทั้งมันทั้งหวานนั้นจะไปเพิ่มอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวหนังของคุณหย่อนยานลง เกิดริ้วรอย และยิ่งเป็นอาหารที่มันเยิ้ม และหวานเจี๊ยบก็ยิ่งจะไปเพิ่มแคลอรีให้กับร่างกายด้วย ซึ่งทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นพึงนึกไว้เสมอว่าเซลลูไลท์ก็คือไขมันธรรมดาๆ นั่นเอง

เพียงเท่านี้คุณก็จะปราศจากเซลลูไลท์ที่คอยรบกวนตัวคุณสาวๆ ได้อย่างง่ายดายค่ะ

 

ข้อมูลจาก 
 
คำที่เกี่ยวข้อง : สุขภาพ   อาหารเพื่อสุขภาพ   อาหารต้านเซลลูไลท์   เซลลูไลท์   

3

แคลเซียมกับความต้องการของคนต่างวัย
เชื่อว่าทุกคนคงรู้ถึงคุณประโยชน์ของแคลเซียม เป็นอย่างดีแล้ว ว่ามีผลดีต่อร่างกายทช่วยให้กระดูกแข็งแรง และเมื่อเร็วๆนี้มีงานวิจัยที่พบว่าแคลเซียมสามารถช่วยต่อต้านได้อย่างดีต่อโรคความดันโลหิตสูง อาการหัวใจกำเริบ อาการปวดก่อนมีประจำเดือนและมะเร็งลำ ไส้ แต่คนส่วนน้อยมักละเลยว่าการได้รับแคลเซียมต่อวันนั้นย่อมต้องคำนึงถึงวัย เป็นสำคัญด้วย ดังนั้นจึงมีข้อมูลมานำเสนอให้คุณผู้อ่านได้ทราบกันค่ะ


หญิงตั้งครรภ์
สำหรับหญิงมี ครรภ์แล้ว แคลเซียม นับได้ว่าเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อสภาวะการตั้งครรภ์อย่างมาก ควรได้รับ 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน จำเป็นต้องได้รับมากกว่าคนธรรมดาเป็นพิเศษ เนื่องจากจะต้องถ่ายทอดแร่ธาตุดังกล่าวสู่ลูกเพื่อการพัฒนาโครงสร้างร่างกาย ของทารกในครรภ์ ดังนั้นหญิงมีครรภ์จึงมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะขาดแคลน แคลเซียม นอกจากจะช่วยให้พัฒนาการเติบโตของทารกในครรภ์เป็นปกติแล้ว ยังมีส่วนช่วยรักษาเสถียรสภาพความหนาแน่นกระดูกในแม่ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยง ในการเกิดโรคเกี่ยวกระดูกหรือโรค กระดูกพรุน ในภายหลังได้


วัยเด็ก
เด็กๆ ต้องการ แคลเซียม มากกว่าวัยผู้ใหญ่และวัยสูงอายุ เด็ก (1-10 ปี) ควรได้รับ 800 - 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อนำมาเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่กระดูกและฟัน และส่วนอื่นๆ เพื่อใช้เป็นโครงสร้างของร่างกาย โดยการสะสม แคลเซียม ในเด็กที่หัดพูดจะช้าแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในวัยหนุ่มสาว ซึ่งจากการศึกษาพบว่าถ้าปริมาณ แคลเซียม ในร่างกายเด็กต่ำ จะทำให้ขบวนการสะสมเกลือแร่ในกระดูกและความหนาแน่นของกระดูกต่ำ เป็นผลให้เกิดโรคกระดูกอ่อนหรือโรคกระดูกค่อมงอได้ สิ่งที่สำคัญของช่วงอายุนี้คือ การพัฒนารูปแบบการบริโภคให้สอดคล้องกับระดับ แคลเซียม ที่ร่างกายต้องการให้เพียงพอ เพื่อพัฒนาความหนาแน่นของกระดูก ให้การเติบโตของเด็กเป็นปกติ อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกใน ช่วงต่อไปของชีวิตได้


วัยหนุ่มสาว
จากการศึกษาวิจัย แสดงว่า ช่วยอายุ 11-24 ปี เป็นช่วงที่ร่างกายดำเนินขบวนการก่อรูปกระดูก โดยถ้าร่างกายได้รับ แคลเซียม ในปริมาณที่ต่ำกว่าร่างกายต้องการ จะก่อให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลังซึ่งถ้าขาดอย่างร้ายแรงจะก่อให้เกิดโรค กระดูกอ่อน มีอาการเจ็บกระดูก เจ็บกล้ามเนื้อ และเมื่อประสบกับการกระดูกหัก กระดูกจะสมานให้เหมือนเดิมได้ช้า ควรได้รับ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน สิ่งสำคัญคือ การรักษาระดับการบริโภคอาหารให้สอดคล้องกับระดับ แคลเซียม ที่ต้องการเพื่อป้องกันโรคเกี่ยวกับกระดูก ถ้าจะต้องมีการสูญเสียไปในภายหลังของช่วงชีวิต โดยถ้าเราได้รับ แคลเซียม ตั้งแต่อยู่ในวัยหนุ่มสาวหรือกลางคนอย่างสม่ำเสมอและพอเพียง อายุการสึกหรือผุกร่อนตามธรรมชาติก็จะยืดออกไปได้อีกนานกว่าคนที่รับ แคลเซียมไม่เพียงพอ


วัยกลางคนถึงวัยสูงอายุ
คนเรา ปกติจะมีโอกาสสูญเสีย แคลเซียม จากกระดูกเมื่อเรามีอายุมากขึ้น เพราะว่าเมื่ออายุเกินกว่า 30 ปีแล้ว ร่างกายจะไม่สะสม แคลเซียม อีกต่อไป โอกาสเผชิญกับโรคเกี่ยวกับกระดูกจะสูงถ้าร่างกายไม่ได้รับ แคลเซียมอย่างเพียงพอ ซึ่งควรได้รับ 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงวัยหมดประจำเดือนซึ่งการศึกษาพบว่าร่างกายจะสูญเสีย กระดูกในช่วงประมาณ 5-6 ปีแรกหลังจากหมดประจำเดือน เนื่องจากการลดลงของฮอร์โมน oestrogens และประสิทธิภาพในการสร้าง Vitamin D ก็ลดลงตามวัยที่เพิ่มมากขึ้น จึงมีแนวโน้มจะเป็นโรค กระดูกพรุนสูง ดังนั้นคนในวัยสูงอายุที่มีการเสริม แคลเซียม ให้กับกระดูกอย่างเพียงพอ จะช่วยยับยั้งการสูญเสียกระดูกในช่วงนี้ได้ การเผชิญกับการผุกร่อนของกระดูกจะน้อยลง ความเสี่ยงที่ต้องเผชิญกับโรคที่เกี่ยวกับกระดูกเมื่อย่างเข้าสู่วัยทองก็ น้อยลงหรืออาจไม่เกิดขึ้นเลยก็ว่าได้


สนับสนุนเนื้อหา

หน้า: [1]