ผู้เขียน หัวข้อ: สร่างเมา [คำสารภาพของกวีคนหนึ่ง] :ศิวกานท์ ปทุมสูติ  (อ่าน 5782 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด



สร่างเมา
[คำสารภาพของกวีคนหนึ่ง]

...

● นานมาแล้ว โก้วเล้ง รำพึงว่า
มิใช่ข้าหลงรสสุราร่ำ
หากแต่ข้าติดใจดื่มประจำ
เพราะบรรยากาศลึกล้ำการร่ำสุรา

คำ โก้วเล้ง ดูดีมีระดับ
ต้อนให้ใครติดกับและเพรียกหา
บรรยากาศเสพเสน่ห์เสวนา
นำพาหัวคะมำทุกค่ำเช้า

สุนทรภู่ รู้ทันถึงโทษแท้
แต่ก็แพ้จนสารภาพกับโรงเหล้า
“โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา
ให้มึนเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย”

ข้าพเจ้าก็หนึ่งในสายธารกวี
เรื่องสุราพาทีไม่หนีหน่าย
เคยร่วมวงกับกวีผู้วางวาย
ด้วยตับแข็งเนื้อร้ายก็หลายคน

เป็นทั้งศิษย์ สุนทรภู่ - ชิต บูรทัต
เสพสัมผัสอารมณ์ครูอยู่เข้มข้น
เมาเหล้าเมาอักษรเมากลอนกล
เมากมลมายามาเนิ่นเนา



บัดนี้มานึกดูอดสูนัก
ถ้ากวีมีอัตลักษณ์แค่ดื่มเหล้า
ต้องลงรอยคล้อยครูผู้เคยเมา
โอ้ชีวิตข้าพเจ้าแสนเปล่าดาย

แม้เหตุผลอีกมากของนักดื่ม
ที่อาจหยิบยืมซึ่งความหมาย
ว่าการนั่งล้อมขวดนั้นแยบคาย
ด้วยปรัชญาสาธยายหลายเล่มเกวียน

ข้าพเจ้าก็มิอาจจะศรัทธา
ตัวเองและอักษราที่ขีดเขียน
ในอัตลักษณ์มืดเมาอันเพราเพียร
กับร้อยรสบทเรียนเขียนทับรอย

จึงถึงคราบทกวีของข้าพเจ้า
มิต้องร่ำรินเหล้าเคล้ารสถ้อย
สติ สมาธิ ดั่งเพชรพลอย
พิสุทธิ์ร้อยวรรณวลีแห่งชีวิต

เสพรสชาติประภัสสรบริสุทธิ์
สัมผัสแก่นแท้มนุษย์อันศักดิ์สิทธิ์
ท่ามกระแสแพ้พ่ายรายรอบทิศ
ลิขิตเลือกทาง.. เลือกสร่างเมา...


ข้าพเจ้ามิเจตนาจะเสียดสี
ครูกวี มิตรกวี ที่ดื่มเหล้า
แต่เชื่อว่า “กวิธาตุ” ต้องขัดเกลา
ตัวตนทุกค่ำเช้า.. ทุกชาติภพ...
.

ศิวกานท์ ปทุมสูติ
ทุ่งสักอาศรม ๓๐ มิย.๕๒


-http://www.facebook.com/goiPapawi

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: สร่างเมา / ตำนานสุรา
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 29, 2013, 10:29:52 pm »



ตำนานสุรา
อดีตกาล    นานนม    เจ้าพรหมทัต
ครองสมบัติ    ในเมือง    พารานาสี
ประชาชน    อยู่เย็น    เป็นสุขดี
ประชาชี    มีสุข    ทุกครัวเรือน
มีพรานป่า    ชื่อว่า    พรานสุระ
เดินเงอะงะ    หลงป่า    น่าสงสาร
อยู่ในเขา    วงกตป่า    หิมพานต์
หลงมานาน    หลายวันแล้ว    ไม่แคล้วตาย
เสบียงกรัง    น้ำท่า    ก็มาหมด
คงต้องอด    ตายกลางป่า    เสียแล้วหนอ
กระหายน้ำ    กลืนน้ำลาย    แสนฝืดคอ
ไม่นานรอ    คงเป็นเหยื่อ    ของแร้งกา



เดินมาถึง    ซึ่งต้นไม้    ลำต้นใหญ่
โพรงข้างใน    มีน้ำขัง    ดังตุ่มโอ่ง
คว้ากระบอก    ไปกรอกน้ำ    ข้างในโพรง
สะดุ้งโหยง    เห็นนกหนู    นอนเมาเมา
ยังไม่ตาย    แต่ก็นอน    อ่อนพังพาบ
ปากพะงาบ    พะงาบอยู่    น่าสงสัย
หรือเพราะน้ำ    นั้นมีพิษ    กินเข้าไป
ตัดสินใจ    นั่งดูอยู่    ให้รู้ความ
เห็นมันนอน    อ่อนเปลี้ย    ดูเพลียนัก
บางตัวชัก    ตัวสั่น    กัน หยอย หยอย
บางตัวลุก    ก็ล้มกลิ้ง    เหมือนสำออย
เจ้านกน้อย    พากันหลับ    เหมือนกับตาย
ได้สักพัก    มันก็ลุก    กระพือปีก
กินน้ำอีก    เข้าไป    เสียอึกใหญ่
เหมือนกับว่า    มีรสชาติ    แสนถูกใจ
กินเท่าไร    ก็ไม่    รู้จักพอ



พรานสุระ    เอากระบอก    รองน้ำดื่ม
ใจนึกครึ้ม    ขึ้นมา    น่าแปลกหนอ
ยิ่งดื่มไป    มือไม้รำ    ปากร้องคลอ
สุขจริงหนอ    ขออีกอึก    นึกย่ามใจ
พอมึนเมา    เขาก็จับ    นกไปย่าง
นั่งกินบ้าง    นอนกินบ้าง    อย่างสุขสันต์
นั่งเมามาย    อย่างนี้    อยู่สองวัน
เย็นวันนั้น    มีดาบส    เหาะผ่านมา
จึงชักชวน    ให้ดาบส    นั้นดื่มน้ำ
อึกที่สาม    ดาบส    ก็เมาแอ๋
สิ้นกำลัง    พังพาบ    ราบนอนแบ
เพราะที่แท้    เพิ่งเคยลิ้ม    ชิมสุรา
พอสร่างเมา    เริ่มลุก    สนุกสนาน
ร้องขับขาน    สำราญรื่น    ชื่นใจหนา
ด้วยเพราะฤทธิ์    ของเหล้า    เข้านำพา
หลงไปว่า    น้ำที่กิน    น่ายินดี
เลิกบำเพ็ญ    บารมี    ที่สั่งสม
หลงชื่นชม    น้ำวิเศษ    ไร้เหตุผล
ช่วยกันล่า    สัตว์ป่า    ทั้งสองคน
จับถอนขน    ย่างไฟกิน    กับสุรา



อันดาบส    แต่ก่อน    เคยถือศีล
เคยเหาะบิน    ไปไหน    ได้ทุกที่
ยามนี้กลับ    หลงเมา    สุราดี
ฤทธิ์ที่มี    ก็เสื่อมถอย    ด้อยลงไป
พรานสุระ    เกิดความคิด    ในสมอง
เกิดเห็นช่อง    จะคบคิด    กันค้าขาย
คงร่ำรวย    เงินทอง    กองมากมาย
เอาไปขาย    คงได้เงิน    เป็นกระบุง
จึงช่วยกัน    จดจำสูตร    น้ำสุรา
ก็เห็นว่า    ข้าวสาลี    มะขามป้อม
เถาพริกไทย    ต้นสมอ    ที่ขึ้นล้อม
พอสุกงอม    ก็หล่นใส่    ในสุรา
แล้วพากัน    มุ่งหน้าสู่    ในหมู่บ้าน
เริ่มการงาน    ผลิตสุรา    เอามาขาย
คนในเมือง    เคยขยัน    ก็กลับกลาย
เป็นเมามาย    ไม่เป็นอัน    ทำการงาน
ต่างพากัน    ร้องรำ    ระบำฟ้อน
บ้างเลือดร้อน    ต่อยตี    มีปัญหา
มีแต่เรื่อง    สารพัด    แต่นั้นมา
เพราะสุรา    เป็นต้นเหตุ    ของเภทภัย
เรื่องทั้งหมด    มาเข้าหู    พระราชา
ว่าสุรา    เป็นยาสุข    สนุกสนาน
กินเข้าไป    แล้วใจ    จะเบิกบาน
จะสำราญ    กว่ายา    ขนานใด
รับสั่งให้    นำสุรา    มาถวาย
เทียมม้าควาย    เข้ามา    เป็นร้อยไห
เหล่าอำมาตย์    ราชมนตรี    ชวนกันไป
ชิมเหล้าไห    ร่วมกับ    พระราชา



ในครั้งนั้น    ท้าวสักกะ    เทวราช
ผู้องอาจ    เป็นใหญ่    ในสวรรค์
ทรงสอดส่อง    มองมนุษย์    อยู่ทุกวัน
แว่นสวรรค์    ส่องเห็นเหตุ    ของสุรา
ภัยพิบัติ    จักเกิด    ในภายหน้า
หากราชา    ลุ่มหลง    ในรสเหล้า
จะเกิดทุกข์    ยากเข็ญ    เกินบรรเทา
พากันเมา    ละทิ้งศีล    สิ้นศรัทธา
ท้าวสักกะ    เทวราช    จึงแปลงร่าง
เหาะไปทาง    พารา    อย่างเร็วรี่
อุ้มหม้อไว้    เหาะเข้าไป    ไม่ช้าที
หม้อใบนี้    มีสุรา    เทวดาทำ
พระราชา    ทอดพระเนตร    เหตุประหลาด
ให้อำมาตย์    เข้าไปถาม    หาเหตุผล
จะเป็นเทพ    หรือปีศาจ    หรือเป็นคน
เหาะมาบน    ปราสาท    ราชวัง
แล้วในหม้อ    มีสิ่งใด    ให้กล่าวบอก
จงเทออก    มาให้เห็น    เป็นไฉน
หรือเป็นยา    วิเศษ    สมุนไพร
มีอะไร    จงบอกมา    ราชารอ



เพราะมีงาน    เฉลิมฉลอง    ที่ต้องจัด
สารพัด    ทั้งข้าวปลา    และอาหาร
มีนางรำ    นางฟ้อน    ให้สำราญ
สุราบาล    มีรสเลิศ    ประเสริฐดี
ท้าวสักกะ    ก็บอกว่า    นี่คือเหล้า
ฉันหมักเอา    ในสวรรค์    นานหนักหนา
จะมาร่วม    เฉลิมฉลอง    กับราชา
อันสุรา    บนสวรรค์    เลิศกว่าใคร
พระราชา    ได้ยิน    สิ้นคำเทพ
อยากจะเสพ    สุรา    จากสวรรค์
สุราเทพ    จะมีรส    อย่างไรกัน
เหล้าสวรรค์    คงรสเลิศ    กว่าผู้ใด
ท้าวสักกะ    ก็บอกว่า    อย่าประมาท
ความร้ายกาจ    ของเหล้านี้    มีมากหลาย
ดื่มคนเดียว    ผู้นั้น    อาจถึงตาย
พูดง่ายง่าย    ต้องใช้คน    ถึงหนึ่งพัน
ดื่มช่วยกัน    ให้ความแรง    น้อยลงก่อน
พอถึงตอน    นั้นราชา    จึงดื่มได้
เพื่อป้องกัน    ราชา    ไม่ให้ตาย
เพราะฤทธิ์ร้าย    จะบรรเทา    ในพันคน



พระราชา    จึงรับสั่ง    ให้ทหาร
หยุดการงาน    มาล้อมวง    ลงดื่มเหล้า
ท้าวสักกะ    รินสุรา    ลงเบาเบา
ให้ทั่วเท่า    ครบทหาร    ทั้งหนึ่งพัน
เมื่อทหาร    ทั้งหมด    ดื่มกินแล้ว
ก็ทิ้งแก้ว    ทิ้งจอก    ลงกับที่
ฤทธิ์เหล้าเทพ    ทำให้เมา    เกินพอดี
ทั้งหมดมี    อาการเถื่อน    เหมือนคนพาล
บ้างต่อยตี    กันเอง    ไม่เกรงหน้า
บ้างร้องท้า    ราชา    มาเร็วซี่
ลูบหัวเล่น    ไม่เว้น    เถรเณรชี
บ้างก็ปรี่    เข้าปล้ำทำ    อนาจาร
พวกนางรำ    นางฟ้อน    ก็วิ่งหนี
คนดีดี    ก็เดือดร้อน    เป็นหนักหนา
ทหารดี    เปลี่ยนเป็นบ้า    พิษสุรา
เปลือยกายา    วิ่งเล่น    เป็นระวิง
บ้างก็แย่ง    ชิงสิ่งของ    ผู้อื่นเขา
บ้างก็เอา    มีดเชือดคอ    น่าหวาดเสียว
ไร้ทหาร    รักษาวัง    อย่างนั้นเชียว
เหลือคนเดียว    พระราชา    ไม่ได้กิน



พระราชา    ได้เห็น    เป็นอย่างนั้น
รู้โดยพลัน    ถึงพิษภัย    ในพิษเหล้า
ระลึกรู้ ดีชอบ    ตัวสั่นเทา
เกือบแล้วเรา    เกือบเป็นทาส    ของสุรา
ท้าวสักกะ    เทวราช    ประกาศก้อง
ทรงเรียกร้อง    หาราชา    ว่าตาท่าน
อยากสนุก    เหมือนเขาไหม    มาดื่มกัน
เป็นแบบนั้น    แน่แน่    ฉันรับรอง
เหล้ามนุษย์    เหล้าสวรรค์    ไม่แตกต่าง
กินแล้วช้าง    มาฉุด    ก็ไม่อยู่
อยากจะเมา    เหมือนเขา    ก็ลองดู
เห็นกันอยู่    ว่าพิษมัน    นั้นร้ายแรง
จากคนดี    มีกำลัง    พลังหาย
นอนเมามาย    เหมือนหมูหมา    น่าเศร้าหมอง
ไร้สติ    หมดความอาย    ไม่น่ามอง
ท่านจงตรอง    ดูก่อน    จะดื่มมัน
ศีลทั้งหลาย    ก็จะพา    กันละเมิด
แล้วจะเกิด    กลียุค    ทุกหย่อมหญ้า
จะไม่เหลือ    คนดีดี    ในพารา
เพราะเป็นบ้า    จากน้ำเมา    กินเข้าไป



พระราชา    ร้องไม่เอา    แล้วเจ้าข้า
เทวดา    ท่านมาเยือน    เตือนเรื่องเหล้า
ชี้ให้เห็น    เป็นโทษ    ของน้ำเมา
เราจะเอา    ไปเททิ้ง    ให้เกลี้ยงเลย
แล้วประกาศ    ชาวประชา    ห้ามดื่มเหล้า
ใครดื่มเข้า    จะมีโทษ    โหดหนักหนา
แล้วใครที่    รู้สูตร    ทำสุรา
ให้จับมา    ประหาร    ผลาญตัดคอ
พรานสุระ    กับดาบส    ก็หดหัว
ด้วยเพราะกลัว    อาญา    จะมาถึง
รีบเร่งขี่    ม้าลาล่อ    ห้อตะบึง
ก่อนภัยถึง    คราวฆาต    คอขาดกัน
อนิจจา    ในยุคนี้    ก็มีอีก
ยากจะหลีก    ยากจะหนี    แม้อยู่ไหน
เพราะไม่ว่า    จะมี    เทศกาลใด
คนเมาไป    ก่อกวน    ป่วนทุกงาน
คนไม่น้อย    ต้องเดือดร้อน    ก็เพราะเหล้า
เรื่องน่าเศร้า    ก็มีเหล้า    เข้ามาเกี่ยว
กินแล้วเมา    เอาแต่ใจ    ตัว อย่างเดียว
ออกไปเที่ยว    ออกไปท้า    ด่าทอกัน
มีหลายครั้ง    ที่กินเหล้า    ในวันเกิด
เมาเลยเถิด    ตีกันตาย    ง่ายจริงหนอ
จัดงานเลี้ยง    วันเกิด    ยังไม่พอ
จัดงานต่อ    เป็นงานศพ    จบ.......แล้วเอย

นำมาแบ่งปันโดย
Tony lee :สนทนาธรรมตามกาล G+ ค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 02, 2013, 02:02:24 pm โดย ฐิตา »