ผู้เขียน หัวข้อ: คำสอนของครูบาศรีวิชัย  (อ่าน 1354 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
คำสอนของครูบาศรีวิชัย
« เมื่อ: มกราคม 19, 2014, 06:44:22 pm »



คำสอนของครูบาศรีวิชัย

เครื่องประดับขัตติยะนารีทั้งหลาย มีแก้วแหวนเงินทอง เป็นตัณหากามคุณ
เหมือนดั่งน้ำผึ้งแช่ยาพิษ สําหรับนําความทุกข์มาใส่ตัวบ่มีประโยชน์สิ่งใดเลย
แม่น้ำคงคา ยมนา อิรวดี มหิ มหาสรพู ซึ่งเป็นแม่น้ำใหญ่ทั้ง 5 แม่น้ำนี้แม้นจัก
เอามาอาบให้หมดทั้ง 5 แม่นี้ ก็บ่ อาจจะล้างบาป คือความเดือดร้อนภายในให้
หายได้ ลมฝนลูกเห็บ แม้นจะตกลงมาหลายห่า เย็นและหนาวสักปานใด ก็บ่
อาจเย็นเข้าไปถึงภายในให้หายจากความทุกขเวทนาได้

ศีล 5 เป็นอริยทรัพย์ เป็นต้นเหตุแห่งความบริสุทธิ์ เป็นน้ำทิพย์สําหรับล้างบาป
คือความเดือดร้อนภายในให้หายได้ เมื่อศีลบริสุทธิ์แล้ว สมาธิความตั้งมั่นก็จะ
มีมา แล้วให้ปลุกปัญญา ปัญญาก็จักเกิดมีขึ้นได้ คือให้หมั่นรําลึกถึงตัวตนอยู่
เสมอ ว่า บ่ใช่ตัว บ่ใช่ตน จนเห็นแจ้งด้วยปัญญาของตน
จึงเป็นสมุทเฉทประหานกิเลส หมดแล้ว จึงเป็นวิมุตติหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งมวลได้.

           การปฏิบัติรักษาศีล 5 อันเป็นบันไดขั้นต่ำ เบื้องต้นของพระพุทธศาสนา มีอานิสงส์ให้ได้รับความสุขในปัจจุบัน ประจักษ์แจ้งแก่ตาดังนี้ ครั้นตายแล้วก็ได้ขึ้นไปเกิดบนสวรรค์ ครั้นจุติจากสวรรค์ก็ได้ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ มีรูปอันงาม มีปัญญาเฉลียวฉลาด มีทรัพย์สมบัติมาก มีอายุยืน มีเมียมีลูกมีหลาน ก็ว่านอนสอนง่าย ไม่มีศัตรูเบียดเบียนได้ และเป็นปัจจัยให้มีความสุขไปตราบถึงพระนิพพาน

           ผู้ที่รักษาศีล 8 ได้ ก็ได้รับความสุขในปัจจุบันมากกว่าศีลข้อ 5 ขึ้นไปอีก คือ ไปนอนอยู่ที่วัด เป็นกายวิเวก จิตวิเวก สงบอารมณ์ ปราศจากความพยาบาท จองเวร ถีนมิทธะ ปราศจากความง่วงเหงาหาวนอน อุทธัจจะ ปราศจากความฟุ้งซ่านรำคาญใจ ไม่มีสิ่งใดมารบกวน วิจิกิจฉา ปราศจากความสงสัยในพระธรรมคำสั่งสอนแล้ว คือ ไปอบรมทำใจให้บริสุทธิ์แยบคายเสมอดั่งพรหม

           ครั้นว่าตายก็ได้ขึ้นไปเกิดบนชั้นพรหม มีความสุขและอายุยืนยิ่งกว่าชั้นสวรรค์ ครั้นจุติก็ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในตระกูลสูง มีรูปโฉมอันเงางาม มีปัญญาเฉลียวฉลาด อายุยืน มียศ มีบริวาร มีอำนาจมาก

           ปุถุชนทั้งหลาย อย่าได้สงสัยว่า พระพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว จะบำเพ็ญอย่างใด ก็ไม่ได้ถึงมรรคผลและนิพพานนั้น ความจริงพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ธรรมแล้ว จึงได้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อท่านถึงนิพพานไปแล้ว ผู้ที่ปฏิบัติถูกต้องตามพระธรรมคำสั่งสอน ก็ได้เป็นอรหันต์ ได้ถึงนิพพานเหมือนกัน

           ถ้าผู้ใดเล็งเห็นว่า พระธรรมคำสั่งสอนเป็นความจริงบริสุทธิ์ ผู้นั้นย่อมเล็งเห็นพระพุทธเจ้าได้ทุกเมื่อ แม้นว่าท่านยังทรมานอยู่ก็ดี ผู้ใดมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องธรรม ก็ไม่อาจจะพ้นจากทุกข์ได้

           ข้อปฏิบัติที่จะให้พ้นทุกข์ได้ ก็คือรักษาศีลบริสุทธิ์เสียก่อน ความตั้งมั่นก็จะมีขึ้น
           เพราะฉะนั้น ปุถุชนทั้งหลาย ผู้แสวงหาความสุขใส่ตัว จงพากันรักษาศีลให้บริสุทธิ์เถิด เมื่อศีลบริสุทธิ์แล้ว สมาธิความตั้งมั่นก็จักเกิดมีมาแล้ว ให้ปลูกปัญญาๆ ก็หากจักเกิดมีขึ้น ให้หมั่นระลึกถึงตนอยู่บ่อยๆ ว่ามิใช่ตัวตน เป็นธาตุทั้ง 4 ขันธ์ 5 ทั้งอาการ 32 โสโครก เป็นตัวทุกข์ตัวแก่ ตัวเจ็บ ตัวตาย มิใช่ตัวอันจักตามไปในโลกหน้า ให้เห็นแจ้งด้วยปัญญาของตนเองแน่นอนลงไปแล้ว จึงเป็นสมุจเฉทปหาน กิเลสหมดแล้ว จักเป็นวิมุติ หลุดพ้นจากความทุกข์ได้เป็นอรหันต์จริง

           อเสวนา จ พาลานํ สภาวะอันได้รู้จักพาลภายใน คือ โลภ โกรธ หลง ซึ่งเป็นต้นแห่งความทุกข์แล้ว ไม่ได้ซ่อมเสพคบหากับมันก็ดี บัณฑิตา นัญจะ เสวนา สภาวะอันไปเสพไปคบหากับบัณฑิตนักปราชญ์ คือให้ฟังธรรม คำสั่งสอนแห่งพระพุทธเจ้า จนได้รู้จักพาลภายในอันเป็นต้นเหตุแห่งบาปก็ดี ปูชา จ ปูชนิยานํ กิริยาอันได้ไหว้และบูชายังพระพุทธเจ้าก็ดี เอตํติวิทะ กัมมํ อันว่ากรรม 3 ประการนี้ มังคละ ก็ป็นมงคล อุตตะมํ อันอุดมดี

           ความดังกล่าวมานี้....พระพุทธเจ้าไปบำเพ็ญสร้างบารมีมาได้ 4 อสงไขยปลายแสนมหากัปป์ จึงได้ตรัสรู้ธรรมวิเศษ รู้ต้นเหตุที่เกิดทุกข์ รู้เหตุที่บรรเทาทุกข์ รู้เหตุที่ดับทุกข์ รู้ทางปฏิบัติที่สู่ที่ดับทุกข์แล้ว ได้นำมาเทศนาให้มนุษย์ทั้งหลายได้รู้ถี่เห็นแจ้งดังนี้ มิใช่ของที่จะพบได้ด้วยง่ายๆ เมื่อใดผู้ที่ไม่มีบุญ ไม่เคยได้บำเพ็ญมาแต่ชาติก่อนแล้ว ก็บ่ห่อนว่าจะพบได้เลย เมื่อได้เกิดมาพบคำสั่งสอนอันเป็นความจริงบริสุทธิ์ ที่จะนำตนให้พ้นทุกข์ได้ดังนี้ ก็เป็นมหาลาภอันประเสริฐแล้ว

           เพราะว่าทรัพย์สมบัติทั้งหลายอันเป็นทรัพย์ภายนอกที่จะเอาไปไม่ได้นั้น ยังพากันเร่งขวนขวายหาทั้งกลางวัยกลางคืนนี้ ได้มาพบพระธรรมคำสั่งสอนที่แนะนำให้ผู้ปฏิบัติตาม ได้พ้นจากทุกข์ ในบัดนี้ไปตราบถึงนิพพานเป็นอริยทรัพย์ สำหรับติดตามไปทุกชาติ ประเสริฐกว่าทรัพย์สมบัติอันมีในโลกนี้หมื่นเท่าแสนเท่า ดังนี้ ก็เป็นโอกาสอันดีวิเศษสำหรับในชั่วชีวิตนี้ ซึ่งจะหาโอกาสดีอย่างนี้ไม่มีอีกแล้ว

           เมื่อเวลายังอยู่สบายนี้ ไม่ควรจะถือว่ายังเป็นเด็กหนุ่มน้อย ถ้าแก่มาแล้วจึงค่อยทำบุญนั้น เป็นผู้มีความประมาทคิดผิด เพราะตามีหน้าดูหน้าไม่เห็น พญามัจจุราชไม่มีความกรุณาใคร ไม่ว่าหนุ่มแก่ แม้อยู่ในห้อง มันก็เอา หนุ่มมันก็เอา แก่มันก็เอา ไม่ประมาทลาสา เพราะตนรู้สึกว่าจะต้องตาย หนีความตายไม่พ้นแล้ว มีปัญหาว่าจะป้องกันอย่างไร ไม่ให้มีความเศร้าโศกเสียใจ

           เมื่อความตายจะมีถึง ควรจะพากันรักษาศีล ทำบุญให้ทานเป็นที่พึ่งแก่ตนไว้เสียเมื่อก่อนเฒ่า เพื่อไม่ให้เสียทีที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาที่ดีแล้ว ไม่ให้มีความแคล้วคลาดกินแหนงใจ เมื่อภายหลังนั้นเกิด กล่าวด้วยอานิสงส์ศีลสำเร็จแต่เท่านี้แล ฯ......


>>> G+ วัดเจ็ดเสมียน ยินดีต้อนรับ