ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อคิดดีๆ จากจีน  (อ่าน 15014 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ข้อคิดดีๆ จากจีน
« เมื่อ: สิงหาคม 11, 2010, 06:28:00 pm »
นิ่งเหวยอี้ว์ซุ่ย,ปู้เหวยหว่าฉวน: ยอมเป็นหยกแหลกลาญไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์
 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 สิงหาคม 2553 13:46 น.


《宁为玉碎,不为瓦全》




宁(nìng) อ่านว่า นิ่ง แปลว่า ยอม

为(wéi) อ่านว่า เหวย แปลว่า เป็น
玉(yù) อ่านว่า อี้ว์ แปลว่า หยก
碎(suì) อ่านว่า ซุ่ย แปลว่า แตกสลาย
不(bù) อ่านว่า ปู้ แปลว่า ไม่
瓦(wǎ) อ่านว่า หว่า แปลว่า กระเบื้อง
全(quán) อ่านว่า ฉวน แปลว่า เต็ม สมบูรณ์




 
 
ภาพจาก sucaitianxia.com 
 
 
ในสมัยคริสตศักราชที่ 550 ยุคราชวงศ์เหนือ อัครเสนาบดี “เกาหยาง” กุมอำนาจเด็ดขาดในราชสำนักแผ่นดินเว่ยตะวันออก (ตงเว่ย) จึงบีบให้กษัตริย์ “เสี้ยวจิ้งตี้ (หยวนซ่าน)” สละราชบังลังก์ แล้วตั้งตนขึ้นเป็นกษัตริย์แทน สถาปนาราชวงศ์ฉีเหนือ (เป่ยฉี) ขึ้นมา


เกาหยางเป็นคนโหดเหี้ยมทารุณ เพื่อกำจัดเสี้ยนหนามที่อาจจะกลับมาทิ่มแทงในอนาคต จึงตัดสินใจสังหารเสี้ยวจิ้งตี้พร้อมทั้งราชโอรสทั้งสามไปในปีคริสตศักราชที่ 551 ทว่าการก่อกรรมทำชั่วอย่างมากมายเช่นนั้น ทำให้ในใจของเกาหยางอัดแน่นไปด้วยความหวาดกลัว


ครั้งหนึ่งเกาหยาง เอ่ยถามคนสนิทว่า "ยุคปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (ซีฮั่น) ครั้งที่พระญาตินาม “หวังหมั่ง” แย่งชิงอำนาจมาจากตระกูลหลิวสำเร็จ เหตุใดภายหลังจึงปล่อยให้ “หลิวซิ่ว (ฮั่นกวงอู่)” ช่วงชิงอำนาจกลับไปได้สำเร็จ?" คนสนิทของเกาหยางไม่ทราบเหตุผลอันใด เพียงแต่ตอบเพื่อเอาใจนายเหนือหัวว่า "เป็นเพราะหวังหมั่งไม่ขุดรากถอนโคน กวาดล้างราชนิกูลตระกูลหลิวไปให้หมดสิ้นในคราวเดียว" เมื่อเกาหยางได้ฟังก็เห็นว่าคำกล่าวนี้มีเหตุผล จึงได้นำมาใช้ โดยออกคำสั่งให้กวาดล้างสังหารพระญาติราชนิกูลตระกูลหยวน ของเสี้ยวจิ้งตี้ ให้สิ้นซากจากแผ่นดิน ไม้เว้นแม่แต่เฒ่าชราหรือทารก ส่งผลให้คนตระกูลหยวนระส่ำระสาย รู้สึกหวาดกลัว เพราะไม่รู้ว่าวันใดตนจะถูกฆ่าตาย จึงได้จัดการพบปะในหมู่เครือญาติเพื่อหารือ


ในการหารือของตระกูลหยวน มีคนผู้หนึ่งเสนอว่า ทางที่ดีควรจะเปลี่ยนชื่อสกุลใหม่ จาก หยวน (元) เป็น เกา (高) แต่พระญาตินาม “หยวนจิ่งห้าว” คัดค้านความคิดนี้อย่างหัวชนฝา โดยกล่าวว่า "ลูกผู้ชายยอมเป็นหยกแหลกลาญ ไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์ ยอมตายอย่างกล้าหาญ ดีกว่ามีชีวิตอยู่อย่างอัปยศอดสู"


ภายหลัง หยวนจิ่งห้าว ถูกทางการสังหารไปในที่สุด ส่วนเกาหยางเองนั้นป่วยหนักเสียชีวิตไปภายหลังจากนั้นไม่นาน ราชวงศ์ฉีเหนือจึงสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็วในคริสตศักราชที่ 577


สำนวน "ยอมเป็นหยกแหลกลาญ ไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์" เดิมใช้ในความหมายว่า ยอมตายไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี ภายหลังมักใช้หมายถึงการยึดมั่นในหลักความเชื่อ-อุดมการณ์ของตนอย่างแน่วแน่ แม้จนตัวตายก็ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง


ที่มา baike.baidu.com
 
 
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ข้อคิดดีๆ จากจีน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 11, 2010, 06:28:53 pm »
เฉียนปู้จื๋อ : ไม่มีค่าแม้สตางค์แดงเดียว
China - Manager Online
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
2 มิถุนายน 2553 09:20 น.

《一钱不值 》
  
一 (yī) อ่านว่า อี แปลว่า หนึ่ง
钱 (qián) อ่านว่า เฉียน แปลว่า เงิน ในที่นี้หมายถึงสตางค์
不 (bù) อ่านว่า ปู้ แปลว่า ไม่
值 (zhí) อ่านว่า จื๋อ แปลว่า มีค่า

 
ภาพจาก http://img08.taobaocdn.com/

ชายผู้หนึ่ง นามว่าก้วนฝู ฉายาจ้งหยู เป็นคนสมัยฮั่นตะวันตก มีอุปนิสัยตรงไปตรงมา ยึดถือคุณธรรม พูดจริงทำจริง

ก้วนฝู มักจะไม่นบนอบต่อบุคคลที่ตำแหน่งใหญ่โตหรือร่ำรวยกว่าเขา แต่กับผู้ที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะผู้ที่ฐานะยากจน เขาจะเพิ่มความเกรงอกเกรงใจเป็นพิเศษ ทำให้ในเวลานั้นบรรดาผู้คนที่มีความสามารถแต่ไร้ยศถาบรรดาศักดิ์ ล้วนชื่นชมเขา อยากคบหากับเขา

ก้วนฝูชมชอบดื่มสุรา ทั้งยังมักดื่มจนเมามาย ครั้งหนึ่งในงานมงคลสมรสของเถียนเฝิน ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ก้วนฝูดื่มสุราอย่างหนัก สักครู่จึงลุกขึ้นเดินไปหยุดตรงหน้าเถียนเฝินเพื่อคารวะสุราหนึ่งจอก ทว่าเถียนเฝินออกตัวว่า "ข้าไม่มีความสามารถดื่มสุราปริ่มถ้วย" ก้วนฝูเห็นว่าคนผู้นี้ไม่ยอมดื่มสุราอย่างโปรดโปร่ง จึงเอ่ยปากแฝงการประชดประชันว่า "ท่านแม้เป็นชนชั้นสูงศักดิ์ แต่ก็ควรดื่มสุราที่ข้าน้อยคารวะให้หมดจอก" ทว่าเถียนเฝินคงยืนยันคำเดิม ก้วนฝูรู้สึกไร้รสชาติจึงเปลี่ยนเป้าหมายเดินไปที่หน้าญาติผู้หนึ่งนามว่า ก้วนเสียนซึ่งเป็นเจ้าเมืองหลินหยูเพื่อคารวะสุรา ทว่าก้วนเสียนนั้นกำลังสนทนาอย่างออกรสอยู่กับเฉิงปู้สื่อ(ขุนนางตำแหน่งเจ้าเมืองปกครองเขตชายแดน) ผู้หนึ่ง โดยกำลังยื่นหน้าไปกระซิบกระซาบกับใบหูของเฉิงปู้สื่อ ดังนั้นจึงไม่ได้แสดงท่าทีสนใจก้วนฝูเท่าใดนัก

ก้วนฝูเดิมทีรู้สึกมีโทสะอยู่ก่อนแล้ว เมื่อประสบเหตุเช่นนี้ จึงอดรนทนไม่ได้ เอ่ยปากด่าทอก้วนเสียนว่า "ข้าบอกแต่ไหนแต่ไรว่าตำแหน่งเฉิงปู้ซื่อไม่มีค่าแม้สตางค์แดงเดียว แต่วันนี้ท่านกับเขากลับทำท่าทางราวกับภรรยาขบกัดใบหูหยอกเย้าสามี!"

"อีเฉียนปู้จื๋อ" หรือ "ไม่มีค่าแม้สตางค์แดงเดียว" แปลว่า ไม่มีคุณค่า ภายหลังสำนวนนี้จึงถูกนำมาใช้เพื่อเปรียบเปรยกับการไม่ให้คุณค่ากับผู้อื่น หรือเปรียบเทียบกับตนเองที่ถูกผู้อื่นมองไม่เห็นค่า รวมทั้งสามารถใช้เปรียบกับบุคคลที่ภายนอกท่าทางดีแต่ความจริงแล้วใช้การอันใดมิได้

สำนวนนี้ใช้ในตำแหน่งภาคแสดง(谓语) กรรม(宾语) หรือส่วนขยายนาม(定语)
 

ตัวอย่างประโยค
“老赵料不到他的'杰作'竟被批评得一钱不值 。”
ผู้แซ่เจ้าคิดไม่ถึงว่า ผลงาน "ชิ้นเอก" ของเขากลับถูกตำหนิเสียจน ~



ที่มา 毛强国。 《成语故事》 。北京。北京理工大学出版社
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ข้อคิดดีๆ จากจีน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 11, 2010, 06:32:28 pm »
เยี่ยว์จู่ไต้ผาว : ข้ามเครื่องเซ่นไหว้ไปเป็นพ่อครัว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
9 มิถุนายน 2553 07:58 น.

《越俎代庖》  
越(yuè) อ่านว่า เยวี่ย แปลว่า ข้าม
俎( zǔ) อ่านว่า จู่ แปลว่า ภาชนะใส่เครื่องบวงสรวงบรรพบุรุษ
代(dài) อ่านว่า ไต้ แปลว่า แทน
庖(páo) อ่านว่า ผาว แปลว่า พ่อครัว


 
ภาพประกอบโดย เฉียนเสวี่ยน ศิลปินสมัยราชวงศ์หยวน

ในยุคโบราณ ก่อนการถือกำเนิดของราชวงศ์ต่างๆ ในประเทศจีน มีตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่า ชายผู้ทรงคุณธรรมจริยธรรมผู้หนึ่ง เร้นกายทำไร่ไถนาอยู่ ณ ริมแม่น้ำอี๋สุ่ย เชิงเขาจีซาน เขามีนามว่า "สี่ว์โหยว" ยามใดที่หิวก็ปีนเขาขึ้นไปปลิดผลไม้รับประทาน ยามใดที่กระหายน้ำก็อาศัยสองมือวักน้ำในแม่น้ำอี๋สุ่ยมาดับกระหาย แม้ว่ามีผู้ตักเตือนเขาว่า "ชีวิตคนเราสั้นนัก ใยต้องเร้นกายอยู่อย่างไร้นาม ผ่านชีวิตลำบากยากแค้นถึงเพียงนี้เล่า?" สี่ว์โหยวกลับยิ้มพลางตอบว่า "เช่นนี้จึงสามารถมีชีวิตที่แสนอิสรเสรี ไม่ถือเป็นความยากลำบากอันใด"

ครั้งหนึ่ง มีคนนึกห่วงใยสี่ว์โหยว ส่งกระบวยตักน้ำมาเพื่อให้เขาดื่มน้ำสะดวกขึ้น สี่ว์โหยวเอากระบวยนั้นแขวนไว้บนต้นไม้ แต่ยิ่งนานวัน ยามที่ลมโชย กระบวยโดนลมพัดเกิดเสียงดังน่ารำคาญยิ่ง สุดท้ายสี่ว์โหยวจึงโยนกระบวยทิ้งไป

ในยุคเดียวกันนั้น ยังมีมหากษัตริย์นามว่า "ถังเหยา" หรือตี้เหยา กษัตริย์ในตำนานของจีนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นปราชญ์ผู้ธำรงคุณธรรม พระองค์ได้ทราบเรื่องราวของสี่ว์โหยว ทรงดำริให้เขาสืบทอดราชบังลังค์ จึงได้เรียกเขามาพบและตรัสว่า "ยามที่สุริยันและจันทราลอยเด่นบนท้องนภา มีคนพยายามจุดฟืนไฟประชันแสง นั่นใช่ยากเย็นหรือไม่? ยามที่หยาดพิรุณโปรยจากฟากฟ้า มีผู้ต้องการให้น้ำรดลงเฉพาะผืนแผ่นดินของตน ครอบครองความชุ่มชื้นที่ประทานมาเพื่อนสรรพสัตว์ มิใช่สิ้นเปลืองแรงงานยิ่งหรือ? บัดนี้ปรากฏท่านผู้กอรปด้วยคุณธรรมจริยธรรมขึ้นมาในแผ่นดินผู้หนึ่ง หากเรารั้งตำแหน่งกษัตริย์ไว้กับตัวเอง ย่อมน่าเสียดายยิ่งนัก"

ยามนั้นสี่ว์โหยวกลับปฏิเสธอำนาจเหนือแผ่นดิน กล่าวว่า "นกบนยอดไม้ใหญ่ยึดเกาะได้เพียงกิ่งไม้ใต้ผ่าเท้า มุสิกดื่มน้ำในลำธารเพียงดื่มได้แค่เต็มกระเพาะ เช่นเดียวกับข้าน้อย จะต้องการอำนาจเหนือแผ่นดินไปเพื่ออะไร...แม้แต่พ่อครัว หากไม่ปรุงอาหารตามหน้าที่ ผู้ควบคุมงานพิธีบูชาบรรพบุรุษยังมิอาจละทิ้งของเซ่นไหว้ ก้าวข้ามภาชนะใส่เครื่องบวงสรวงบรรพบุรุษเพื่อไปทำหน้าที่พ่อครัวแทน" เมื่อกล่าวจบ สี่ว์โหยวจึงได้อำลาถังเหยา เดินทางจากไป

สำนวน "เยี่ยว์จู่ไต้ผาว" หรือ "ข้ามเครื่องเซ่นไหว้ไปเป็นพ่อครัว" เปรียบเปรยถึงการข้ามหน้าข้ามตา หรือล้ำเส้นไปทำงานของผู้อื่นที่อยู่นอกเหนือขอบเขตความรับผิดชอบของตน

สำนวนนี้ใช้ในตำแหน่งภาคแสดง(谓语) หรือส่วนขยายนาม(定语) มีความหมายทางลบ

.
China - Manager Online
China - Manager Online
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ข้อคิดดีๆ จากจีน
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 11, 2010, 06:33:35 pm »
หยิ่นหลางรู่ซื่อ : ชักนำจิ้งจอกเข้าห้องหับ

http://www.manager.co.th/China/ViewN...=9530000080650


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 มิถุนายน 2553 16:08 น.


《引狼入室》

 
引(yǐn) อ่านหว่า หยิ่น แปลว่า ชักนำ
狼(láng) อ่านว่า หลาง แปลว่า สุนัขจิ้งจอก
入(rù) อ่านว่า รู่(ยู่) แปลว่า เข้า
室(shì) อ่านว่า ซื่อ แปลว่า ห้อง



ภาพจาก http://img.blog.163.com


มีคนเลี้ยงแกะผู้หนึ่ง ปล่อยแกะกินหญ้าอยู่ในหุบเขาลึก วันหนึ่งเขาพบว่าในที่ห่างไกลออกไปนั้น มีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งค่อยๆ เลาะเลียบติดตามฝูงแกะอยู่ ช่วงเวลาดังกล่าวคนเลี้ยงแกะจึงได้เพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น

เวลาผ่านไปหลายเดือน สุนัขจิ้งจอกยังคงตามฝูงแกะอยู่ห่างๆ เช่นเดิม ทว่าไม่ได้เข้าใกล้ฝูงแกะมากขึ้นแม้แต่น้อย ทั้งยังไม่ได้ทำร้ายแกะแม้สักตัวเดียว ทำให้คนเลี้ยงแกะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดระแวดระวังในตัวสุนัขจิ้งจอกลงเรื่อยๆ ต่อมาคนเลี้ยงแกะถึงกับคิดว่าการที่มีสุนัขจิ้งจอกตามหลังฝูงแกะนั้นก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้ไม่ต้องคอยระวังภัยจากสัตว์ป่าอื่นๆ จะมาทำร้ายฝูงแกะ จากนั้นอีกไม่นานนัก คนเลี้ยงแกะจึงยึดถือว่าสุนัขจิ้งจอกตัวนั้นเป็นเพียงสุนัขเลี้ยงแกะไม่มีพิษสง ถึงกับเรียกให้มันมาทำหน้าที่ดูแลฝูงแกะและคอยต้อนแกะ

สุนัขจิ้งจอกทำหน้าที่ดูแลแกะโดยอยู่ในสายตาของคนเลี้ยงแกะตลอดเวลา คนเลี้ยงแกะเห็นว่าสุนัขจิ้งจอกทำหน้าที่ได้อย่างดี ในใจคิดว่า "ผู้คนต่างเห็นว่าสุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์ร้ายไว้ใจไม่ได้ แต่ข้ากลับเห็นว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น..."

วันหนึ่ง คนเลี้ยงแกะมีธุระต้องเดินทางเข้าไปในเมือง จึงได้ฝากให้สุนัขจิ้งจอกดูแลฝูงแกะตามลำพังด้วยความไว้ใจ มิคาด...เมื่อคนเลี้ยงแกะลับตาไป สุนัขจิ้งจอกกลับเปล่งเสียงกู่ร้องเรียกฝูงสุนัขจิ้งจอกออกมาจากป่า จากนั้นจึงจับฝูงแกะกินเป็นอาหารจนราบคาบ

สำนวน "หยิ่นหลางรู่ซื่อ" หรือ "ชักนำจิ้งจอกเข้าห้องหับ" ใช้เปรียบเทียบกับการนำคนชั่วหรือศัตรูมาไว้ใกล้ตัวก็ไม่ต่างกับการนำเภทภัยมาไว้ข้างกาย สุดท้ายกลับส่งผลร้ายต่อตนเองเกินกว่าที่จะคาดคิด มีความหมายคล้ายคลึงกับคำว่า "ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน" ในภาษาไทย

สำนวนนี้ใช้ในตำแหน่งภาคแสดง(谓语) หรือส่วนขยายนาม(定语)

ตัวอย่างประโยค
雇请保姆照顾老人要更加小心,要不会变成引狼入室。
การจ้างแม่บ้านมาดูแลคนแก่ต้องระวังให้มาก มิฉะนั้นจะกลายเป็น ~
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ข้อคิดดีๆ จากจีน
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 11, 2010, 06:35:11 pm »
โว่ซินฉางต่าน : นอนฟืนชิมน้ำดีขม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
30 มิถุนายน 2553 07:43 น.


《卧薪尝胆》

卧(wò) อ่านว่า โว่ แปลว่า นอน
薪(xīn) อ่านว่า ซิน แปลว่า ฟืน
尝(cháng) อ่านว่า ฉาง แปลว่า ชิม
胆(dǎn) อ่านว่า ต่าน แปลว่า น้ำดี (ของเหลวหลั่งออกมาจากเซลล์ตับ มีรสขม)




 
ภาพจากhttp://www.1155815.com

496 ปีก่อนคริสตกาล เจ้าครองแคว้นอู๋นาม เหอหลี่ว์ ได้ส่งกองทัพมาโจมตีรัฐเยี่ยว์ ทว่ากลับถูกกองทหารรัฐเยี่ยว์ตอบโต้จนแตกพ่ายไป เหอหลี่ว์เองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส กระทั่งเสียชีวิต โอรสนามฟู่ไช จึงได้รับเลือกให้ขึ้นครองแคว้นอู๋แทน

ต่อมา เกิดการศึกระหว่างแคว้นอู๋และแคว้นเยี่ยว์อีกครั้ง แคว้นเยี่ยว์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ อู๋ จื่อซีว์ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาผู้รักชาติแห่งแคว้นอู๋ แนะนำว่าฟูไชควรกำจัดเจ้าแคว้นเยี่ยว์ นามโกวเจี้ยนให้สิ้นซาก ไม่ควรปล่อยเอาไว้ให้เป็นเสี้ยนหนามแผ่นดิน แต่เจ้าแคว้นอู๋ไม่ฟัง กลับนำโกวเจี้ยนกลับไปเป็นทาสยังแคว้นอู๋

3 ปีผ่านไป โกวเจี้ยนอยู่แคว้นอู๋อย่างสงบเสงี่ยมยิ่งนัก จนทำให้ฟูไชไว้วางใจในตัวโกวเจี้ยนมากขึ้น ถึงขั้นปล่อยตัวให้กลับสู่แคว้นเยี่ยว์ดังเดิม

แต่ในความจริงแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โกวเจี้ยนไม่เคยลืมความคับแค้นที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองของตน เขาได้แอบสั่งสมกองกำลังและฝึกฝนกองทัพของตนเองอย่างลับๆ เพื่อรอวันแก้แค้น โดยในช่วงเวลาดังกล่าวทุกๆ ค่ำคืน ยามหลับไหลโกวเจี้ยนไม่เคยนอนสบายบนฟูก แต่กลับนอนบนฟืนแข็งปูหยาบๆ หนำซ้ำภายในห้องพักของเขายังแขวนถุงน้ำดีเอาไว้ เขาหมั่นลิ้มรสความขมของน้ำดีนั้นอยู่เสมอๆ เพื่อไม่ปล่อยให้ความสะดวกสะสบายทางร่างกายทำให้หลงลืมความคับแค้นที่ผ่านมา

นอกจากนั้น เมื่อกลับสู่แคว้นเยี่ยว์ เพื่อครองใจไพร่ฟ้าโกวเจี้ยนและมเหสีจึงมักลงไปใช้แรงงานร่วมกับชาวบ้านราษฎร สร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ร่วมแรงร่วมใจก่อร่างสร้างรัฐเยี่ยว์ขึ้นมาใหม่ สุดท้ายเมื่อโกาสมาถึง โกวเจี้ยนก็สามารถล้างแค้น ยกกองทัพไปโจมตีรัฐอู๋ได้สำเร็จในที่สุด

"โว่ซินฉางต่าน" หรือ "นอนฟืนชิมน้ำดีขม" เป็นสำนวนที่มักใช้เพื่อสอนว่า คนเราต้องผ่านการเคี่ยวกรำตนเอง อดทน เพียรพยายามอย่างยิ่ง เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จดังที่มุ่งหวังเอาไว้


ที่มา
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ข้อคิดดีๆ จากจีน
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: สิงหาคม 11, 2010, 06:36:53 pm »
ไม่เจี้ยนใหม่หนิว : ขายกระบี่ซื้อโค
China - Manager Online
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
7 กรกฎาคม 2553 08:39 น.

《卖剑买牛》


卖(mài) อ่านว่า ไม่ แปลว่า ขาย
剑(jiàn) อ่านว่า เจี้ยน แปลว่า กระบี่
买(mǎi) อ่านว่า ใหม่ แปลว่า ซื้อ
牛(niú) อ่านว่า หนิว แปลว่า โค


 

ภาพจาก ��ͼ��_��������ͼ��__ʸ��,psd,ͼƬ,ԭ���ز�__���ưټ� ��ͼ����_http://pic.5tu.cn

ย้อนกลับไปในยุคสมัยของฮั่นเซวียนตี้ แห่งราชวงศ์ฮั่น พื้นที่บริเวณเขตทะเลสาบป๋อไห่เกิดวิกฤตการณ์ภัยธรรมชาติอย่างรุนแรงไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ชาวบ้านอดอยากยากแค้นเนื่องจากขาดแคลนอาหารประทังชีวิต ที่ล้มตายไปก็มีไม่น้อย ราษฎรทุกข์ยาก จนพากันจับอาวุธขึ้นมาแข็งข้อต่อทางการ ดังนั้นเพื่อปราบจลาจลเหล่านี้ วังหลวงจึงได้ส่งขุนนางนามว่า กงสุ้ย เดินทางไปรับตำแหน่งพ่อเมืองในพื้นที่ทะเลสาบป๋อไห่ดังกล่าว

เมื่อกงสุ้ยเดินทางไปรับตำแหน่งเรียบร้อย ก็เริ่มดำเนินการแก้ปัญหาทันที โดยทางหนึ่งเขาได้ ออกคำสั่งให้ทุกๆ อำเภอภายใต้เขตปกครองของตน หยุดการเข่นฆ่าประชาชนที่เป็นปรปักษ์ หากประชาชนคนใดยอมจำนนต่อทางการ ก็ห้ามมิให้ลงโทษหรือเอาผิดต่อไป แต่หากเป็นผู้ที่ไม่ยอมจำนนก็ต้องมีบทลงโทษที่เฉียบขาด ส่วนวิธีแก้ปัญหาในอีกทางหนึ่ง คือออกคำสั่งให้ทุกอำเภอให้ความรู้กับชาวบ้านเพื่อสนับสนุนให้ชาวบ้าน "ขายกระบี่ซื้อเครื่องมือการเกษตร ขายมีดซื้อโค" ลงมือทำเกษตรกรรมสร้างผลผลิตเพื่อช่วยเหลือตัวเอง

ภายใต้การสนับสนุนของทางการ ชาวบ้านส่วนใหญ่พากันขายดาบวางกระบี่ ซื้อโค และเครื่องไม้เครื่องมือทำไร่ไถนา และลงมือทำงาน จากนั้นเมื่อมีผลผลิตมาเลี้ยงปากท้อง สถานการณ์ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาการจลาจลก็หมดลง

สำนวน "ไม่เจี้ยนใหม่หนิว" หรือ "ขายกระบี่ซื้อโค" ใช้ในความหมายตรงตัวว่าเปลี่ยนอาชีพมาทำการเกษตร นอกจากนั้นยังใช้เปรียบเปรยกับคนชั่วที่กลับตัวกลับใจมาทำความดี

ที่มา �ٶȰٿơ���ȫ���������İٿ�ȫ��
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ข้อคิดดีๆ จากจีน
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: สิงหาคม 11, 2010, 06:38:00 pm »
จี้ชางเสียว์เซ่อ : จี้ชางเรียนยิงธนู
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
14 กรกฎาคม 2553 07:09 น.


《纪昌学射》



纪昌(jìchāng) อ่านว่า จี้ชาง ในที่นี้เป็นชื่อคน
学(xué) อ่านว่า เสียว์ แปลว่า เรียน
射(shè) อ่านว่า เซ่อ แปลว่า ยิงธนู





www.zxxjs.net

ในสมัยโบราณ "กานอิ๋ง" เป็นบุคคลผู้ที่ได้ชื่อว่ามีความสามารถในการยิงธนูเป็นอย่างยิ่ง ธนูของเขาเพียงดอกเดียว สามารถทำให้สัตว์ป่าล้มลงดิน ปักษาร่วงหล่นจากฟ้า เขามีศิษย์ผู้หนึ่ง นามว่า "เฟยเว่ย" ซึ่งต่อมาทักษะการยิงธนูของเฟยเว่ยนั้นยังเด่นล้ำกว่าผู้เป็นอาจารย์คือกานอิ๋งไปอีกขั้นหนึ่ง

ต่อมามีคนผู้หนึ่ง นามว่า "จี้ชาง" เดินทางมาคารวะเฟยเว่ยเพื่อขอศึกษาทักษะการยิงธนู ซึ่งเฟยเว่ยกล่าวกับเขาว่า "เริ่มแรกเจ้าต้องเรียนรู้ที่จะมองดูสิ่งต่างๆ โดยไม่กระพริบตาก่อน จากนั้นค่อยมาคุยเรื่องยิงธนูทีหลัง"

จี้ชางเดินทางกลับถึงบ้าน ล้มตัวลงไปนอนอยู่ใต้กี่ทอผ้าของภรรยา ทั้งยังแหงนหน้ามองกระสวยทอผ้าวิ่งกลับไปกลับมา ทำเช่นนั้นอยู่ 2 ปีเต็ม ขนาดที่ว่าหากมีของมีคมทิ่มมาถึงเปลือกตาของเขา เขายังไม่กระพริบตา จี้ชางจึงเดินทางไปพบเฟยเว่ยอีกครั้ง

ครั้นได้พบหน้า เฟยเว่ยกลับกล่าวกับจี้ชางว่า "นี่ยังไม่เพียงพอ เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะมองวัตถุที่เล็กมากๆ ให้เห็นอย่างแจ่มชัดคล้ายดั่งกำลังมองวัตถุมหึมา มองวัตถุเล็กละเอียดให้ง่ายดายเหมือนมองวัตถุกว้างหนา เช่นนั้นแล้วค่อยกลับมาหาข้าใหม่"

เมื่อกลับถึงบ้าน จี้ชางนำเห็บเหาที่เกาะอยู่บนขนโคกระบือ มาแขวนไว้บริเวณบานหน้าต่าง แล้วเพ่งมอง สิบวันผ่านไป เห็บเหามองเห็นได้ชัดเจนประดุจตัวโตใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สามปีถัดจากนั้น เห็บเหาในสายตาจี้ชางกลับใหญ่โตราวกับล้อเกวียน เมื่อหันมองไปยังวัตถุอื่นล้วนใหญ่โตราวกับขุนเขามิปาน เมื่อถึงตอนนั้นจี้ชางจึงนำกระบอกที่ทำจากเขาโค บรรจุลูกธนู ทั้งยังประดิษฐ์คันธนูจากไม้ไผ่ขึ้นชื่อทางภาคเหนือ ลองเล็งยิงไปที่เห็บโคตัวหนึ่งซึ่งเกาะอยู่บนขนโคที่เขาแขวนไว้บนหน้าต่าง มิคาดความแม่นยำถึงกับแทงทะลุหัวใจเห็บตัวนั้น แต่ไม่ทำให้ขนโคขาดร่วง จี้ชางจึงเดินทางไปพบเฟยเว่ย ทั้งยังเล่าเรื่องที่ตนศึกษาการยิงธนูให้เฟยเว่ยทราบ

เฟยเว่ยได้ฟัง ก็ยินดียิ่งนัก เพียงกล่าวกับจี้ชางสั้นๆ ว่า "นับว่าเจ้าได้เรียนรู้เคล็ดลับการยิงธนูอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว"

สำนวน "จี้ชางเรียนยิงธนู" มีความหมายว่า คนเราต้องมีความเพียรพยายาม อดทนต่อความยากลำบาก จึงจะประสบความสำเร็จ หรือมีความหมายอีกอย่างว่า ความสามารถที่ยิ่งใหญ่ มักจะเริ่มจากการฝึกฝนในสิ่งเล็กๆ

ที่มา
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ข้อคิดดีๆ จากจีน
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: สิงหาคม 11, 2010, 06:39:04 pm »
ซู่เต่าหูซุนซ่าน : "ไม้ล้มลิงกังกระเจิง"
China - Manager Online
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
21 กรกฎาคม 2553 08:15 น.

《树倒猢狲散》

  
树(shù) อ่านว่า ซู่ แปลว่า ต้นไม้
倒(dǎo) อ่านว่า เต่า แปลว่า ล้ม
猢狲(hú sūn) อ่านว่า หูซุน แปลว่า ลิงกัง
散(sàn) อ่านว่า ซ่าน แปลว่า กระจัดกระจาย


 
ภาพจาก ����Ԫ������

ในรัชสมัยของพระเจ้าซ่ง เกาจง ยังมีรองเสนาบดีผู้หนึ่ง นามว่า "เฉาหย่ง" ซึ่งเป็นผู้ถนัดจัดเจนในการประจบเอาใจนายเหนือหัวยิ่งนัก ทั้งยังเป็นคนโปรดของอัครมหาเสนาบดีโฉดที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก อย่าง ฉินฮุ่ย(อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ “จากกวนอู ถึงงักฮุย และคนขายชาติ (1)”) จนกระทั่งได้เลื่อนตำแหน่งคราวเดียว 3 ขั้น ขึ้นไปรับยศขุนนางชั้นสูง

เมื่อเฉาหย่งมียศตำแหน่งใหญ่โต ก็มีผู้คนมากมายเข้ามาห้อมล้อม สอพลอ ทำให้เขาได้ใจยิ่งนัก เห็นจะมีเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้เฉาหย่งขุ้นข้องหมองใจ นั่นคือ "ลี่เต๋อซิน" ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่เมียของเขากลับไม่ยอมอ่อนข้อให้เขา เนื่องจาก ลี่เต๋อซิน ทราบว่าตำแหน่งใหญ่โตของเเฉาหย่งได้มาเพราะบารมีของอัครเสนาบดีฉินฮุ่ย มีใช่ความสามารถของเฉาหย่งเอง นอกจากนั้นยังทำนายได้ว่า เฉาหย่งเองก็คงมิใช่ตัวดีอันใด จึงได้ไปคลุกคลีกับขุนนางอย่างฉินฮุ่ยได้

เมื่อพี่เมียแข็งข้อ เฉาหย่งจึงคับแค้นยิ่งนัก พยายามหาหนทางที่จะจัดการกับลี่เต๋อซินให้จงได้ แต่ทว่าลี่เต๋อซินก็ดำรงตนไม่ด่างพร้อย จึงยากที่จะมีช่องโหว่ให้เฉาหย่งโจมตี

ภายหลัง เมื่อฉินฮุ่ย สิ้นชีพ บรรดาขุนนางน้อยใหญ่ที่อาศัยอำนาจบารมีฉินฮุ่ยขึ้นมาเป็นใหญ่ก็ต่างระส่ำระสาย ยศฐาบรรดาศักดิ์ถูกวังหลวงริบกลับคืน เฉาหย่งก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ถูกลดชั้นไปประจำยังเมืองซินโจว เมื่อลี่เต๋อซิน ทราบข่าว ก็ได้เขียนบทร้อยแก้วชึ้นหนึ่งส่งไปให้เฉาหย่ง เนื้อหาเปรียบเทียบว่า ฉินฮุ่ย เสมือนไม้ใหญ่ ส่วนเฉาหย่ง และบริวารอื่นๆ ของฉินฮุ่ยดั่งลิงกังใต้ต้นที่เป็นอันธพาลคอยข่มเหงผู้คน แต่เมื่อใดไม้ล้ม ฝูงลิงย่อมแตกระสานซ่านเซ็น ไร้ที่พึ่งพิง ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีของประเทศชาติ...ส่วน เฉาหยง เมื่อได้อ่านข้อความที่ลี่ เต๋อซิน ส่งมาให้ย่อมโกรธแค้นจนแทบกระอัก

ภายหลัง สำนวน "ซู่เต่าหูซุนซ่าน" หรือ "ไม้ล้มลิงกังกระเจิง" มักใช้เพื่อเปรียบเทียบกับการกำจัดผู้ชั่วช้าที่มีอำนาจบารมี เมื่อกำจัดตัวหัวหน้าใหญ่ได้เมื่อใด บรรดาลูกสมุนที่เคยรวมหัวกันทำชั่วก็ย่อมแตกระสานซ่านเซ็นกันไปเองในที่สุด

ที่มา �ٶȰٿơ���ȫ���������İٿ�ȫ��
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ข้อคิดดีๆ จากจีน
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: สิงหาคม 11, 2010, 06:40:49 pm »
ซาจื้อเจี้ยวจื่อ : ฆ่าสุกรสอนบุตร
China - Manager Online -

ซาจื้อเจี้ยวจื่อ : ฆ่าสุกรสอนบุตร
http://www.manager.co.th/China/ViewN...=9530000103399
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
28 กรกฎาคม 2553 09:30 น.

《杀彘教子》

杀(shā) อ่านว่า ซา แปลว่า ฆ่า
彘(zhì) อ่านว่า จื้อ แปลว่า สุกร
教(jiào) อ่านว่า เจี้ยว แปลว่า สั่งสอน
子(zǐ) อ่านว่า จื่อ แปลว่า บุตร


 
ภาพจาก http://ulsgjgvah.blog.hexun.com 

เจิงจื๊อเป็นนามของปรัชญาเมธีลัทธิขงจื้อผู้หนึ่ง ซึ่งมีชีวิตอยู่ช่วงปลายยุคชุนชิว เขาถูกจัดเป็น 1 ใน 5 มหาปราชญ์ของลัทธิขงจื๊อ ร่วมกับ ขงจื๊อ เมิ่งจื๊อ เอี๋ยนจื๊อ (เอี๋ยนหุย) และ จื่อซือจื่อ

เช้าวันหนึ่ง ภรรยาของเจิงจื๊อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวออกไปซื้อของในตลาด ทว่าบุตรชายร้องไห้ขอตามไปด้วย ทำอย่างไรก็ไม่ยอมฟัง เด็กน้อยยังเล็กนัก อีกทั้งตลาดก็อยู่ห่างไกลจากบ้านพอสมควร ดังนั้นการพาบุตรชายไปด้วยเป็นเรื่องที่ยุ่งยากลำบากเกินไป ภรรยาของเจิงจื๊อจึงได้กล่าวกับบุตรชายว่า "เจ้าจงกลับเข้าไปรอในบ้าน หากแม่ไปตลาดซื้อของกลับมาถึงบ้านแล้ว แม่จะฆ่าหมูสักตัวทำขาหมูตุ๋นที่เจ้าชอบให้กิน" คำกล่าวนี้กลับได้ผลชะงัด เมื่อบุตรชายได้ยินว่ามารดาจะทำอาหารโปรดให้กินก็เชื่อฟัง และกลับเข้าไปรอในบ้านอย่างใจจดใจจ่อ

เมื่อภรรยาของเจิงจื๊อเสร็จธุระเดินทางกลับมาถึงบ้าน ยังไม่ทันเข้าบ้านก็ได้ยินเสียงสุกรที่เลี้ยงไว้ร้องเสียงดัง เมื่อเดินเข้าไปดูจึงพบว่าเป็นเจิงจื๊อที่กำลังเตรียมเชือดสุกรเพื่อทำอาหารให้กับบุตรชาย นางจึงรีบขัดขวางผู้เป็นสามีพลางกล่าวว่า "บ้านเราเลี้ยงสุกรไม่มาก ล้วนเอาไว้เชือดเป็นอาหารในเทศกาลสำคัญต่างๆ ใยท่านต้องเอาคำกล่าวที่ข้าเพียงล่อหลอกบุตรชายให้เชื่อฟัง มาเป็นจริงจังด้วย"

เจิงจื๊อกล่าวว่า "ต่อหน้าเด็กนั้น เจ้าไม่อาจกล่าวคำเท็จ เพราะเด็กยังไร้เดียงสาและมักจะเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากบิดา-มารดา หากตอนนี้เรากล่าวสิ่งใดหลอกลวงเขา ก็ไม่ต่างจากการสอนเขาว่าต่อไปให้ไปหลอกลวงผู้อื่น แม้ว่าการที่เจ้าหลอกเขานั้นจะได้ผลในตอนนี้ แต่ต่อไปเมื่อเขาทราบว่าถูกหลอก ก็จะไม่ยอมเชื่อฟังคำพูดของมารดาอีก ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นต่อไป เจ้าก็จะไม่สามารถอบรมบุตรชายของตนได้อีกแล้ว"

เมื่อภรรยาของเจิงจื๊อได้ฟังก็เห็นด้วยกับคำกล่าวนี้ จึงช่วยสามีเชือดสุกรมาทำเป็นอาหารดังที่ได้สัญญากับบุตรชายไว้

สำนวน "ซาจื้อเจี้ยวจื่อ" หรือ "ฆ่าสุกรสอนบุตร" ใช้เพื่อเปรียบเปรยสอนคนเป็นพ่อ-แม่ว่าการเลี้ยงดูบุตรนั้นต้องพูดจริงทำจริง สัญญาต้องเป็นสัญญา อย่าคิดว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงเด็กเล็กแล้วจะพูดอะไรก็ได้ เพราะจะส่งผลถึงอุปนิสัยของเด็กต่อไป



ที่มา [url=http://baike.baidu.com]
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ (〃ˆ ∇ ˆ〃)

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นไม้เล็กพริ้วไหวดั่งสายลม
  • *
  • กระทู้: 328
  • พลังกัลยาณมิตร 199
    • ดูรายละเอียด
Re: ข้อคิดดีๆ จากจีน
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: สิงหาคม 11, 2010, 07:07:26 pm »
ขอบคุณค่ะพี่หนุ่ม เรื่องสั้นจีน ชอบอ่านเหมือนกัน แฝงธรรมะ ให้ข้อคิดมากมาย