ผู้เขียน หัวข้อ: พุทธชยันตี 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้  (อ่าน 6258 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: พุทธชยันตี หมายความว่าอะไร?
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2012, 11:43:45 am »




ขอนอบน้อมแด่.. พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า.. พระองค์นั้น...

พุทธชยันตี
หมายความว่าอะไร?
พุทธชยันตี โดยรากศัพท์ของคำว่าชยันตีมาจากคำว่า “ชย” คือชัยชนะ
อันหมายถึงชัยชนะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีต่อหมู่มารและกิเลสทั้งปวง
อย่างสิ้นเชิง อันทำให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้บังเกิดขึ้นในโลก

พุทธชยันตีจึงมีความหมายว่าเป็น การตรัสรู้ และ การบังเกิดขึ้น ของ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย ในปัจจุบันพุทธชยันตียังถูกตีความ ในความหมาย
ถึงชัยชนะของพุทธศาสนาและชาวพุทธด้วย เช่น การได้รับเอกราช
และมีสิทธิในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเป็นครั้งแรก ของชาวพุทธใน
ประเทศศรีลังกา การฉลองปีใหม่ชาวพุทธโดยไม่มีเหล้าสุรา ยาเสพติด
สิ่งมึนเมาทั่วทั้งประเทศศรีลังกา การเอาชนะสิ่งเลวร้ายในสังคมจนทำให้
ประเทศศรีลังกามีสถิติอาชญากรรมต่ำมากๆ


ที่มาและความสำคัญ
พุทธชยันตี (बुद्ध जयंती, Buddha Jayanti) เป็นชื่อเรียกงานเฉลิมฉลองหรือพิธีบูชา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเนื่องในวาระแห่งการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งตรงกับ
วันวิสาขบูชาในประเทศไทยนั่นเอง พุทธชยันตีนี้เป็นที่รู้จักกันดีของชาวพุทธ
นานาชาติอย่างในประเทศศรีลังกา อินเดีย พม่า เป็นต้น โดยเฉพาะในช่วงการ
เฉลิมฉลองพุทธชยันตี ๒๕ พุทธศตวรรษ เมื่อปี พ.ศ.2500 (ถือกันว่าเป็นกึ่งพุทธกาล)

แต่สันนิษฐานว่ามีการเริ่มต้นงานเฉลิมฉลองพุทธชยันตีนี้ ภายหลังจากที่ประเทศศรีลังกา
ได้รับเอกราชจากประเทศอังกฤษในปี พ.ศ.2491 และจากการที่ ดร.อัมเบดการ์
(Dr.Babasaheb Bhimrao Ramji Ambedkar) ได้ฟื้นฟูพุทธสาสนาในประเทศอินเดีย
โดยมีการนำชาวอินเดียประมาณ 2 แสนคนปฏิญาณตนเป็นชาวพุทธ เมื่อ
วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2499 (อินเดีย ศรีลังกา นับเป็นพ.ศ.2500 เร็วกว่าไทย 1 ปี)

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองพุทธชยันตี 25 พุทธศตวรรษ นอกจากนี้รัฐบาลประเทศอินเดีย
ยังได้สร้างสวนสาธารณะพุทธชยันตีไว้ที่กรุงนิวเดลีเพื่อเป็นอนุสรณ์สำหรับวาระนี้ด้วย
สำหรับรัฐบาลไทย จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีได้ร่วมเฉลิมฉลอง
พุทธชยันตี 25 พุทธศตวรรษ ด้วยการสร้างพุทธมณฑลเป็นอนุสรณ์สถาน ประกาศ
ให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ โดยกำหนดให้วันพระหรือวันธรรมสวนะ
เป็นวันหยุดราชการ (ประกาศสำนักคณะรัฐมนตรี ฉบับที่ 9 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2499)

และมีการพิมพ์พระไตรปิฎกภาษาไทยครบชุดฉบับแรก เป็นต้น
สำหรับการเฉลิมฉลองในระดับนานาชาตินั้น รัฐบาลพม่าได้เป็นเจ้าภาพในการจัด
ฉัฏฐสังคีติ” คือการสังคายนาพระไตรปิฎก
ระดับนานาชาติ
โดยทางพม่านับเป็นการสังคายนาครั้งที่ 6
แล้วได้จัดพิมพ์ พระไตรปิฎกบาลี และคัมภีร์ทั้งหลาย ขึ้นเป็นจำนวนมาก



สำหรับวาระสำคัญในปีปัจจุบันเนื่องในมหาธัมมาภิสมัย พุทธชยันตี 2,600 ปี
แห่งการตรัสรู้นั้น ถ้าถือตามหลักการคำนวณปีพุทธศักราชแบบไทยอยู่ในช่วงระหว่าง
วิสาขบูชา 2554 – วิสาขบูชา 2555 ทั้งนี้ ในวันวิสาขบูชา 2554 ที่ผ่านมานี้
(17 พ.ค.2554) เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ครบ 2599 ปีเต็ม และเริ่ม
เข้าสู่ปีที่ 2,600 แห่งการตรัสรู้

โดยคำนวณจากการนำปีพุทธศักราชที่เริ่มนับหลังจากการปรินิพพาน บวก
ด้วย 45 อันเป็นจำนวนพรรษาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ดำเนินพุทธกิจ
ภายหลังการตรัสรู้จวบจนเสด็จดับขันธปรินิพพาน (สูตรการคำนวณ จำนวนปี
การตรัสรู้ = ปี พ.ศ. + 45
) ดังนั้นในวันวิสาขบูชาปีพ.ศ.2555

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะตรัสรู้ครบ 2,600 ปีบริบูรณ์ ในประเทศต่างๆ ที่มีชาว
พุทธเข้มแข็งได้ประกาศให้มีการเฉลิมฉลองในวาระนี้เป็นเวลา 3 ปี
(2553-2555) ดังเช่นในประเทศศรีลังกา พม่า อินเดียเป็นต้น ได้มีการจัด
งานเฉลิมฉลองอย่างตื่นตัวและยิ่งใหญ่ ที่สำนักงานใหญ่แห่งองค์การ
สหประชาชาติ สหรัฐอเมริกา ก็มีการจัดงานฉลองใหญ่ในช่วงวันวิสาขบูชา

ที่ผ่านมา สำหรับประเทศไทย ได้มีการจัดงานในระดับภาคประชาชนกว่า 2 ปี
ที่ผ่านมาในวงจำกัด ส่วนในระดับรัฐบาล สมควรที่ รัฐบาลไทยจะประกาศ
ให้มีการเฉลิมฉลองใหญ่ตลอดปีพุทธศักราช 2555 นี้ อย่างเป็นทางการ

                                                      : paderm



ที่มืดก็แจ่มแจ้ง            ดุจแสงสุรีย์ฉาย
โง่งมก็ค่อยคลาย                  กมเลศสว่างพลัน
ข้ออรรถบรรยาย          อธิบายชยันติ์นั้น
ขอบคุณพระคุณอัน               อธิธรรมอรรถา
ตั้งจิตประพฤติธรรม์       มนมั่นจะบูชา
แด่องค์พระสัมมา                 วสถ้วนชยันตี


                          รจนาโดย.. สรณ์



เมื่อก้มลง กราบพระ  ฉันจะ ไม่อธิษฐาน
เพราะหนึ่งอึดใจ ที่ไม่ มีความต้องการ จิตใจช่างสะอาดสะอ้านเหลือเกิน

รจนาโดย.. อรุณวดี  อรุณมาศ

paderm -http://www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=20198

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 03, 2012, 03:22:32 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: พุทธชยันตี 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2012, 11:55:28 am »



'พระพุทธชยันตี'องค์ดำ นาลันทา...พระผู้เป็นเลิศแห่งการเยียวยา
เมื่อครั้งพุทธกาล...หลังการตรัสรู้ในคืนวันเพ็ญเดือน ๖ วิสาขบูชานักขัตฤกษ์...พุทธกิจตลอด ๔๕ พรรษาขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เพื่อสร้างธรรมทายาท ให้เกิดพุทธสาวก พุทธสาวิกา ที่แตกฉาน และจะทำงานตามพุทธประสงค์ คือการพัฒนาชีวิตให้สงบเย็น และไม่ละเลยการเป็นประโยชน์อย่างกว้างขวาง เพื่อมวลมนุษยชาติอย่างไม่เลือกปฏิบัติ

บัดนี้พุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปีแห่งการตรัสรู้ของพระองค์พุทธศาสนิกชน กำลังทำอะไรกันอยู่...
นี่เป็นคำถามที่ชาวพุทธควรถามตัวเอง และหาคำตอบให้ได้...ก่อนที่จะสาย...เกินไป

พุทธศักราช ๒๕๕๕…ปีแห่งพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปีแห่งการตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า...ในค่ำคืนของ วันวิสาขบูชา นักขัตฤกษ์ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๕ ขอเชิญปฏิบัติบูชาครั้งประวัติศาสตร์ สวดมนต์ข้าม ๒๖ ศตวรรษ พุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปีแห่งการตรัสรู้ ด้วยการร่วมสวดพุทธคุณ ๒,๖๐๐ จบ โดยมี พระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา เป็นประธาน เพื่อเฉลิมฉลองพุทธชยันตี พร้อมกับพุทธศาสนิกชนจาก ๕ ทวีป ๑๕ ประเทศทั่วโลก อย่างพร้อมเพรียงกัน ผ่านการถ่ายทอดสดจากท้องสนามหลวง กทม. และอีก ๗๖ จังหวัดทั่วประเทศไทย ณ สถานที่ที่แต่ละจังหวัดจัดไว้ ตั้งแต่เวลา ๒๓.๐๐ น. เป็นต้นไป

หลายคนอาจสงสัยว่า...พระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา คืออะไร...
ทำไมต้อง พระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา

ณ แดนพุทธภูมิ เมื่อกว่า ๑,๐๐๐ ปีผ่าน...พระพุทธรูปองค์ดำ นาลันทา พระเกตุทรงบัวตูม ปางนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ชี้แม่พระธรณีเป็นพยาน แกะสลักด้วยหินดำ หน้าตักกว้าง ๖๐ นิ้ว สูงนับจากพระเพลาถึงยอดพระเกตุ ๖๙ นิ้วฟุต ประดิษฐานอยู่ที่มหาวิทยาลัยนาลันทา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ในบันทึกของ "ปิลาซิง" กล่าวว่า สร้างเมื่อสมัยพระเจ้าเทวาปาล คือระหว่าง พ.ศ.๑๓๕๓-๑๓๙๓ ต่อมาเมื่อ พ.ศ.๑๗๖๖ พวกต่างศาสนาได้ใช้วิธีเผยแผ่ศาสนาโดยใช้กำลังอาวุธ ถ้าใครไม่นับถือศาสนาของตนจะต้องถูกทำร้าย โดยเฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ ถือว่าเป็นศัตรูตัวสำคัญ จะต้องถูกทำลาย ไม่ว่าจะเป็นคนหรือทรัพย์สมบัติในพระพุทธศาสนา

ในบันทึกของ "ท่านตารนาท" ธรรมสวามินปราชญ์ ได้เขียนไว้และเล่าต่อกันมาว่า เมื่อกองกำลังติดอาวุธบุกมาถึงมหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทา ทั้งพระนักศึกษาและพระคณาจารย์พร้อมด้วยชาวพุทธพากันไปหลบภัยอยู่หลังพระพุทธรูปองค์ดำ ด้วยอภินิหารแห่งพระพุทธรูปองค์ดำทำให้กองกำลังต่างศาสนาไม่สามารถมองเห็นชาวพุทธเหล่านั้นได้ เมื่อกองทัพต่างศาสนายกทัพกลับไปแล้ว ผู้ที่หลบซ่อนอยู่ก็พากันออกมาจากที่ซ่อน สำรวจข้าวของที่ยังหลงเหลืออยู่ รวบรวมเท่าที่จะหาได้เพื่อฟื้นฟูบูรณะ กระทั่งอังกฤษเข้ายึดครองอินเดีย มีบันทึกกล่าวไว้ว่า ชาวอังกฤษเข้าไปค้นหาปูชนียวัตถุ และได้พระพุทธรูปมากมายหลายองค์ จึงส่งเข้าไปรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ประเทศอังกฤษ และบูรณะมหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทา

พระพุทธรูปองค์ดำ นาลันทา เป็นพระพุทธรูปองค์เดียวเท่านั้น ที่เหลือรอดจากการถูกทำลายของต่างศาสนา และไม่ถูกอังกฤษยึดไป
ทั้งยังเล่าต่อๆ กันมาว่า ทุกครั้งที่มีการโยกย้ายไปจากที่ที่ประดิษฐานเดิมก็มักเกิดเหตุอาเพทที่ไม่คาดฝันเสมอ เช่น ฝนตกอย่างหนักเกิดฟ้าผ่าอย่างรุนแรง เป็นต้น เป็นเหตุให้การโยกย้ายองค์พระไม่สำเร็จ และชาวบ้านจึงเป็นผู้ดูแลรักษาหลวงพ่อดำไว้ หากเกิดเจ็บป่วยก็จะนำน้ำมันมาลูบองค์พระแล้วอธิษฐานขอให้พระพุทธรูปองค์ดำรักษาโรคต่างๆ ก็เป็นมหัศจรรย์ว่า โรคต่างๆ ได้ถูกรักษาด้วยพลังความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระ


ณ แดนสุวรรณภูมิ ในปีพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปีแห่งการตรัสรู้...พระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา พระเกตุทรงบัวตูม ปางนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ชี้แม่พระธรณีเป็นพยาน แกะสลักจากหินแกรนิตสีดำบ่อเดียวกันจากทวีปแอฟริกา สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ (พ.ศ.๒๕๕๕) หลังจากเป็นพระประธานในการสวดมนต์ข้าม ๒๖ ศตวรรษ จากท้องสนามหลวง จะอัญเชิญไปประดิษฐานที่ เสถียรธรรมสถาน เพื่อเป็นพระประธานของสาวิกาสิกขาลัย มหาวิชชาลัยธรรมะที่จัดการศึกษาเพื่อส่งเสริมการบรรลุธรรมและเยียวยาสังคม เพื่อสังคมที่อยู่เย็นเป็นสุข พ้นทุกข์ร่วมกัน

จากศรัทธา...สู่ศรัทธา...จาการเยียวยาคน...สู่การเยียวยาสังคม...จากพระพุทธรูปองค์ดำ ณ มหาวิทยาลัยนาลันทา...สู่พระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา…พระผู้เป็นเลิศแห่งการเยียวยา ณ สาวิกาสิกขาลัย

-http://board.palungjit.com/newthread...newthread&f=36


ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด




ปฏิบัติบูชาครั้งประวัติศาสตร์ สวดมนต์ข้าม ๒๖ ศตวรรษ

เสถียรธรรมสถาน ร่วมกับ สสส.อัญเชิญพระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา (จำลอง)
จากอินเดีย ประดิษฐาน ณ สนามหลวง เฉลิมฉลองพุทธชยันตี 2600 ปี

เสถียรธรรมสถาน ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพอัญเชิญพระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา (จำลอง) จากประเทศอินเดีย ประดิษฐาน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยสักการะในโอกาสวันวิสาขบูชา เฉลิมฉลองพุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ผู้อำนวยการเสถียรธรรมสถาน พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ นายแพทย์อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษาคณะกรรมการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมพิธีอัญเชิญพระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทาองค์จำลอง จากเมืองนาลันทา ประเทศอินเดีย มาประดิษฐานเป็นประธานในงานสวดมนต์ข้าม 26 ศตวรรษ พุทธชยันตี 2600 ปี เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา ประจำปี 2555 ณ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยได้ร่วมสักการะบูชา เฉลิมฉลองในโอกาสพุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และเพื่อให้ชาวพุทธปฏิบัติบูชาด้วยการสวดมนต์ สร้างสิริมงคลในการดำเนินชีวิต อย่างพร้อมเพรียงกัน



โดยระหว่างการประกอบพิธีอัญเชิญพระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทาองค์จำลอง
ได้เกิดพุทธานุภาพ พระอาทิตย์ทรงกลด
สร้างความปิติยินดี เสริมสร้างแรงศรัทธาแก่ผู้ที่เข้าร่วมพิธีเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับพระพุทธรูปองค์ดำนาลันทา ถือเป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะงดงาม พระเกตุทรงบัวตูม ปางนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ชี้แม่พระธรณีเป็นพยาน คนไทยนิยมเรียกว่า ปางมารวิชัย แกะสลักจากหินสีดำ นับเป็นพระพุทธรูปองค์เดียวที่รอดจากการถูกทำลาย มีอายุกว่า 1,000 ปี ทั้งนี้ พุทธศาสนิกชนสามารถเดินทางเข้าร่วมสักการะด้วยการปลูกต้นข้าว ถวายดอกไม้ และน้ำมัน บูชาพระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทาองค์จำลองได้ ณ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 4 มิถุนายน 2555

             

ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : มาลี ไชโย / สวท.   Rewriter : ชนิดา ศรีปัญญา / สวท.
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์  :http://thainews.prd.go.th