ผู้เขียน หัวข้อ: My Sweet Orange Tree ต้นส้มแสนรัก วรรณกรรมคลาสิค การก้าวผ่านความเจ็บปวดในวัยเด็ก  (อ่าน 1221 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด

<a href="https://www.youtube.com/v/shr1W0ke76U" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/shr1W0ke76U</a>








My Sweet Orange Tree – เปลือกส้มขมปนหวาน

เรื่อง :  ณัฐกานต์ อมาตยกุล
 

1

เด็กน้อยเซเซ่ล้มพับไปนอนสลบยู่บนรางรถไฟ หลังรู้แน่ชัดว่าความตายได้มาเยือนปอร์ตุก้าแล้ว – เพื่อนรักวัยชราของเขาจะไม่อาจส่งรอยยิ้มอบอุ่นนั้นมาได้อีก

เด็กน้อยผู้เคยชินกับความเจ็บปวดมาตลอดชีวิตระยะสั้นๆ กลับไม่อาจรับความทุกข์รูปแบบใหม่ที่ถาโถมมาได้ทัน

เขาลืมตาตื่นมาพร้อมความว่างเปล่า เพราะสิ่งที่เคยเติมเต็มชีวิตได้จากไปแล้ว

ก่อนหน้านั้น ในวันหนึ่ง เซเซ่นำปลาที่ตกได้มาอวดพ่อ พ่อผู้นั่งแซ่วพ่ายแพ้ต่อชีวิตกลับไม่มีอาการดีอกดีใจ เซเซ่หวังเพียงเพลง ‘ลูกผู้ชาย’ ที่เขาฟังมาจากนักดนตรีข้างถนน จะพอบรรเทาความทุกข์ของพ่อได้บ้าง

เนื้อหาของมันพูดถึงสามีที่เลี้ยงชีพได้ด้วยการให้ภรรยาไปขายบริการทางเพศ … เด็กน้อยเซเซ่จะรู้อะไรมากมายนอกจากมัน ตลกดี จึงร้องออกมาด้วยเสียงแหลมใส โยกตัวไปมาประกอบเพลง

เขาโดนฟาดไม่ยั้ง เสียงหนักๆ ที่ปะทะเข้ากับร่างกาย ไม่ได้ส่งผ่านออกมาเป็นเสียงร้องโหยหวน

“ร้องอีก” พ่อฟาดมืออย่างหนักจนเสียงสั่น

เขายังคงร้องเพลงต่อไป โดยที่ผู้เป็นพ่อไม่ได้ขำไปด้วย

ความขมขื่นหากเป็นของคนอื่นอาจมองเป็นเรื่องขบขันได้ แต่ไม่ใช่สำหรับครอบครัวนี้ เพราะมันเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องสัปดนที่แต่งขึ้นมา

เซเซ่เคยชินกับความเจ็บปวดแบบนี้มานานแล้ว เขาเพียงสงสัยว่าเหตุใดจึงไม่ฆ่าเขาไปเสีย



2

“เด็กนั่นมันไม่ร้องสักแอะ” ปอร์ตุก้ากล่าวชื่นชมเซเซ่ให้คนขายขนมหวานฟัง หลังจากที่พาไปผ่าเศษแก้วออกจากเท้า มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์สำหรับเด็กวัยเท่านั้น วัยที่เห็นเพียงเข็มฉีดยาก็อาจร้องไห้

ความทุกข์ทางกายไม่อาจสัมผัสเซเซ่ได้แล้ว หรือไม่เขาก็เก่งกาจในการปิดซ่อนมันไว้ตั้งแต่วัยเด็ก

ต้องไม่ร้องไห้ หากร้องออกมาแล้วชีวิตจะฟาดเราให้สาหัสกว่าเดิม

กระนั้น เด็กชายไม่ปิดบังว่ามีความสุขขนาดไหนที่ได้กินขนมหวานอร่อยๆ ด้วยท่าทางมูมมามเบิกบานใจนั้น สิ่งเล็กๆ จากเศรษฐีปอร์ตุก้า คือสิ่งยิ่งใหญ่ในแต่ละวันของเซเซ่ แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้มีความผูกพันทางสายเลือดเลยก็ตาม

 


3

เขาบอกปอร์ตุก้าว่าเขา ฆ่าพ่อตัวเอง

เพราะ “เมื่อเราเลิกรักใคร เขาจะค่อยๆ ตายไปจากหัวใจเรา” เขาพูดเช่นนั้น อาจทำให้ใครจุกอก น้ำตาหลั่งริน

คนรักที่ทำให้เราเจ็บปวด สมองของเราอาจเริ่มแปรเปลี่ยนความจริงให้กลายเป็นแค่จินตนาการ เป็นภาพหลอนที่เราตบแต่งมันเข้ากับการละเล่นของเด็ก และหัวเราะเยาะมัน ราวกับเป็นความสัมพันธ์ที่ไร้ค่า

ก่อนนั้นการโดนด่าทอ ทุบตี อาจมีความหมายบางอย่าง แต่วันหนึ่งบุคคลนั้นก็เป็นอากาศธาตุที่เราเดินผ่านไปได้ และแน่นอน แม้แต่ความอุ่นของอ้อมกอดปลอบประโลมจากเขาไม่อาจสร้างความรู้สึกใดๆ ได้อีก

เท่านี้ก็สลายความมีตัวตนของคนคนนั้นไปเสียสิ้น

ต้นส้มในฐานะมิตรที่ดีจากจินตนาการ ของเซเซ่ อาจเป็นจริงเสียมากกว่า อย่างน้อยที่สุดร่มเงาก็บดบังความร้อนในวันแดดจัดได้ แม้จะไม่อาจขยับกิ่งก้านใดๆ เลย – แต่ก็ไม่เคยสร้างความเจ็บปวด

(คำเตือน: ****ส่วนสุดท้าย มีการเปิดเผยเนื้อหาส่วนสำคัญของภาพยนตร์****)



4

ปอร์ตุก้าถูกรถไฟชนเสียชีวิตคาที่ ส่วนต้นส้ม อาจโดนโค่นเพื่อเคลียร์พื้นที่ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เมื่อครอบครัวเซเซ่ย้ายไปอยู่เมืองอื่น

บางที การจากไปของคนหรือวัตถุที่เรารัก นั้นเจ็บปวดทางความรู้สึกมากกว่าการมีอยู่ของคนที่เราเกลียด

น่าจะวัดได้จากปริมาตรและจำนวนหยดน้ำตา ทั้งของเซเซ่ และของผู้ชมที่อยู่หน้าจอนั้น

คำว่า “โลกน่าอยู่” บนกระดานหน้าห้องเรียนของเซเซ่ พร่ามัวไปด้วยแถบของน้ำตา

แต่มันก็ยังอยู่ตรงนั้น เมื่อเรายิ้มได้อีกครั้ง

จาก http://waymagazine.org/category/culture/

<a href="https://www.youtube.com/v/jK7kTwReXMo" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/jK7kTwReXMo</a>
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...