เมตตากรุณา - ยิ่งแบ่งยิ่งได้ เคล็ดลับความสุขความสำเร็จของสหรัถ สังคปรีชาเรื่อง สุพรรษา แก้วแสงธรรม ภาพ วรวุฒิ วิชาธร
สไตลิสต์ ณัฏฐิตา เกษตระชนม์ แต่งหน้า - ทำผม อุดมรัตน์ กลับเมือง
ตลอดระยะเวลากว่า 28 ปีในวงการบันเทิง นอกจากไม่มีข่าวด่างพร้อยแล้วเขายังเป็นที่รักของประชาชนไม่เสื่อมคลาย เชื่อว่าหลายคนคงอยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้ ก้อง - สหรัถ สังคปรีชา ผู้ชายอบอุ่นคนนี้ประสบความสำเร็จ วันนี้เขามาเผยเคล็ดลับการใช้ชีวิต การงาน และความรัก รวมถึงพลังของความเมตตากรุณาและการให้ คุณก้องเติบโตมาในครอบครัวแบบไหนคะ ได้ยินว่าตอนเด็ก ๆ ถูกสปอยล์มาไม่น้อยใช่ครับ ก่อน 10 ขวบผมเติบโตมาในครอบครัวใหญ่คุณตาเป็นเจ้าของบ้าน มีคุณแม่ คุณป้า และคุณน้าอยู่รวมกันผมเป็นหลานคนแรก คุณตาจึงค่อนข้างเห่อและเลี้ยงแบบเอาอกเอาใจ ผมจึงแทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะที่บ้านมีคนงานสิบกว่าคน ผมเรียกใช้ได้หมด
ตอนนั้นยังไม่รู้หรอกว่าตัวเองเอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็เรียกพี่เลี้ยงมาทำให้ ไม่ต้องทำอะไรเอง เคยถึงขนาดหิวแล้วเขวี้ยงจานทิ้ง แต่ตอนนั้นยังเด็กมาก เลยไม่ค่อยรู้ตัว พอย้อนกลับไปคิดแล้วเป็นพฤติกรรมที่น่าเขกกบาลมาก (หัวเราะ) จนผมอายุสิบกว่าขวบ คุณพ่อก็ซื้อบ้านเองและแยกครอบครัวออกมา ผมถึงเลิกเป็นเด็กสปอยล์
คุณพ่อสอนอะไรบ้างคะคุณพ่อเน้นให้ผมรู้จักทำอะไรด้วยตนเอง พึ่งตัวเองอย่างตอนเป็นเด็กนักเรียน ถ้าวันไหนผมลืมเอาอุปกรณ์เกี่ยวกับชุดลูกเสือไป เช่น พู่ ผ้าพันคอ เข็มขัด คุณพ่อจะไม่ยอมซื้อให้ใหม่ ทั้งที่สามารถซื้อได้และราคาไม่แพงด้วย แต่คุณพ่อปล่อยให้โดนครูตี ท่านสอนว่าไม่ควรลืม ถ้าวันไหนมีเรียนลูกเสือ ก่อนนอนต้องเตรียมอุปกรณ์ชุดลูกเสือไว้ให้พร้อมตั้งแต่นั้นมาผมไม่ลืมอีกเลย
นอกจากนั้นคุณพ่อยังสอนให้ทำอะไรเอง ตอนเด็ก ๆผมจึงต้องเป็นลูกมือให้คุณพ่อแทบทุกเรื่อง เช่น ซ่อมรถปลูกต้นไม้ บางครั้งผมก็บ่นว่าทำไมต้องทำ คนใช้ก็มี ทำไมไม่ใช้ เวลาเห็นผมโกรธมาก ๆ คุณพ่อมักบอกว่า “วันหนึ่งก้องจะรู้เองว่าทำไมพ่อต้องทำแบบนี้”
พอโตขึ้นมาผมถึงเห็นคำตอบที่พ่อพูดไว้ เพราะเราทำอะไรได้หลายอย่าง ในขณะที่คนอื่นทำไม่เป็น ถ้าวันนั้นคุณพ่อไม่สอน วันนี้ผมคงทำอะไรไม่เป็น
มีวิธีคิดและทำใจกับการสูญเสียคุณพ่อเมื่อไม่นานมานี้อย่างไรคะคุณพ่อป่วยมาประมาณปีกว่า พอรู้ผมก็พยายามทำใจพาท่านไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หาข้อมูลการรักษา หาอาหารดี ๆ มาให้ท่าน และสิ่งสำคัญที่สุดคือ ให้กำลังใจท่าน โชคดีที่คุณพ่อไม่ท้อแท้ ไม่เศร้า เพราะท่านหวังว่าจะกลับมาหายดีอีกครั้งหนึ่ง
ช่วง 5 - 6 เดือนหลังมานี้คุณพ่อเดินไม่ได้แล้ว เพราะกล้ามเนื้อขาหมดแรง ขยับไม่ได้ ต้องนอนอยู่แต่บนเตียงและเจ็บปวดทรมานมาก ยิ่งสองเดือนสุดท้ายคุณพ่อยิ่งทรุดหนักเห็นอย่างนี้ผมยิ่งต้องทำใจมากขึ้น
การเสียชีวิตของคุณพ่อทำให้ผมเข้าใจชีวิตมากขึ้นว่าคนเราต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหนีพ้น นี่เป็นเพียงบทเรียนแรกที่เริ่มเข้ามาในชีวิต และจากนี้ไปผมคงพบการสูญเสียต่อไปเรื่อย ๆ เพราะที่สุดแล้วคนเราก็ต้องล้มหาย-ตายจากกันเป็นธรรมดาของชีวิต พอผมเข้าใจอย่างนี้ได้แล้วจึงทำใจได้ง่ายขึ้น
ทราบว่าสนใจเล่นดนตรีตั้งแต่เด็ก ๆผมเรียนโรงเรียนชายล้วน เวลาเลิกเรียน นักเรียนแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มเล่นกีฬาและกลุ่มเล่นดนตรี ผมเป็นกลุ่มที่ชอบไปห้องซ้อมดนตรี เพราะหลงใหลเสน่ห์ของดนตรี ผมมักไปกับกลุ่มเพื่อนที่เล่นดนตรี จนได้เข้าวงดนตรีกับเพื่อน
ช่วงมัธยมต้นเล่นดนตรีป๊อกแป๊ก ๆ พอขึ้นมัธยมปลายถึงเริ่มฟอร์มวงเป็นเรื่องเป็นราว โดยเล่นงานเล็ก ๆ ก่อน เช่นงานวันเกิด งานแต่งงานครู งานห้องสมุด งานโรงเรียนพอเรียนจบ ม.6 เข้าเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 ปี 2 ผมเริ่มเล่นเป็นอาชีพตามผับบาร์ มีพี่ชายของเพื่อนเปิดผับก็ไปขอเล่นเลย เงินเดือนเท่าไรก็เอา คือผมไม่ได้สนใจเรื่องเงินเดือนแค่อยากเล่นดนตรีมากกว่า เพราะเป็นความฝันของผม เล่นดนตรีอยู่สัก 2 ปี แกรมมี่ก็จับเซ็นสัญญาทำอัลบั้มนูโว คราวนี้แหละผมได้เล่นดนตรีทั้งชีวิต (หัวเราะ)
รู้สึกอย่างไรบ้างคะที่วันหนึ่งความฝันกลายเป็นจริงขึ้นมา ได้เป็นนักร้องที่ประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงผมมีความสุขมาก จำได้ว่าวันที่นูโวได้ออกอัลบั้มครั้งแรกแล้วมีงานคอนเสิร์ต โอ้โห มีความสุขสุดขีด เหมือนกับว่าทั้งชีวิตเราฝันอยากเป็นนักดนตรี พอวันหนึ่งได้เริ่มเล่นอาชีพตามผับตามบาร์ก็รู้สึกว่าประสบความสำเร็จในจุดหนึ่งแล้ว ยิ่งพอได้ออกอัลบั้ม ได้เล่นคอนเสิร์ต ยิ่งรู้สึกเหมือนเราเรียนจบได้ปริญญาตรีมาอีกใบหนึ่ง มีความสุขมาก
วันที่รู้ตัวว่าเรามีชื่อเสียงแล้ว คงเป็นวันที่ผมไปเล่นคอนเสิร์ตโลกดนตรี แล้วมีแฟนคลับมาจับมือและร้องไห้แบบคลั่งไคล้ ตอนนั้นผมตกใจมาก เพราะไม่ได้คิดว่าตนเองเป็นซูเปอร์สตาร์ รู้สึกแค่ว่าเป็นนักดนตรีธรรมดา ๆ ไม่เคยรู้ว่าคนดูมองเราเป็นนักดนตรีที่เขาอยากกรี๊ด อยากจับมือ แค่เห็นก็ร้องไห้แล้ว วันนั้นผมถึงได้รู้ว่าชีวิตมันเปลี่ยนไปแล้ว ไปไหนมาไหน จะเข้าโรงแรมก็ต้องมีการ์ดมากั้น เรียกว่าชีวิตเปลี่ยนไปเลย (ยิ้ม)
ตั้งแต่เข้ามาทำงานในวงการบันเทิง เจอปัญหาหรือเรื่องที่ไม่ชอบใจบ้างไหมคะปัญหาไม่ค่อยมีนะครับ แต่เรื่องที่รู้สึกคงเป็นเรื่องความเป็นส่วนตัวหายไป เพราะเราต้องโดนถ่ายรูปตลอดเวลาบางทีออกจากบ้าน หน้าตาผมเผ้ายังกระเซอะกระเซิงอยู่ พอขับรถไปถึงที่นัดถ่ายทำ ลงจากรถปุ๊บเจอกล้องเป็นสิบ ๆ ตัวมารุมถ่าย ผมจะรู้สึกว่ายังไม่พร้อม เพิ่งตื่น ตายังบวมอยู่เลยคิดว่าไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไหร่ หรือเวลาไปต่างจังหวัดพอลงจากเครื่องบินปุ๊บ มีแฟนคลับมารอรับ ขึ้นรถตู้ไปถึงโรงแรมนี่ยิ่งหนักเลย คราวนี้รอเป็นร้อย เปิดรถตู้มา โดนดึงต่างหู โดนดึงสร้อยไป รู้สึกว่าชีวิตส่วนตัวหายไปแล้ว แต่ผมก็เข้าใจนะว่าการมีชื่อเสียงบางครั้งก็ต้องแลกกับการสูญเสียอะไรไปสักอย่างแบบนี้แหละ
มีเคล็ดลับการทำงานอย่างไรที่ทำให้ได้รับความนิยมมานานขนาดนี้คะทำให้ดีที่สุด ตั้งใจทำทุกงาน เคารพผู้ร่วมงาน ให้เกียรติผู้ร่วมงานทุกคน ผมคิดว่าทุกอาชีพทำเองคนเดียวไม่ได้เพราะยังต้องมีผู้ร่วมงาน มีฝ่ายอื่น ๆ อีก ดังนั้นถ้าอยากทำงานให้ดีและสมบูรณ์แบบก็ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน
นอกจากนั้นผมยังใช้ “พรหมวิหาร 4” ที่ช่วยให้การทำงานสะดวกสบายขึ้นพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ทุกคนทำได้หมด โดยเฉพาะ 2 ข้อแรกเมตตา คือ ปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข กรุณา คือปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ พอเรามีเมตตากรุณาอย่างนี้แล้วคนรอบข้างที่ได้รับความเมตตากรุณาก็จะให้ความรู้สึกดี ๆ ให้ความรักคืนกลับมา เรียกว่าให้ไปก่อน เดี๋ยวก็ได้กลับมาเองพอทำแบบนี้บ่อย ๆ เราก็จะมีแต่ความสุข
ผมสนใจเรื่องพรหมวิหาร 4 เพราะคุณพ่อชอบให้หนังสือธรรมะ ชอบให้รู้เรื่องธรรมะ พอได้อ่านหนังสือเหล่านี้มันจะค่อย ๆ ซึมซับมาเอง เวลานำเอาไปใช้ผมรู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นมีแต่เรื่องดี ๆ วิ่งเข้ามา เช่น เวลาไปไหนก็มีแต่คนคิดดี ๆ กับเรา มีแต่คนชื่นชม ไปไหนคนก็ต้อนรับ
ผมรู้สึกว่าการทำบุญเรื่อย ๆ อย่างเวลามีหน่วยงานไหนขอให้ช่วย ผมก็ไม่เกี่ยง ผมเขียนหนังสือเรื่อง Real Kong เงินที่ได้ทั้งหมดก็เอาไปช่วยเด็ก ช่วยคนแก่ ช่วยหมาแมวพอทำดีอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ทำให้ไปไหนมีแต่คนชื่นชม ไม่มีคนเห็นแล้วยี้ ดังนั้นผมคิดว่าการทำดีทำให้เราได้สิ่งดีกลับมาจริง ๆ
รู้สึกอย่างไรที่ได้เป็นโค้ช The Voice ซึ่งเป็นบทบาทที่ทำหน้าที่ของการเป็นครูผมคิดว่างานนี้เป็นโอกาสดีอีกเรื่องที่เข้ามาในชีวิตครั้งแรกผมปฏิเสธรายการไป แต่เขาตามผมอยู่เป็นเดือนคือตอนแรกผมไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร เกิดมาไม่เคยเป็นโค้ชไม่รู้จะไปสอนคนร้องเพลงอย่างไร จึงปฏิเสธไป จนรายการพยายามเกลี้ยกล่อมขอให้เข้ามาคุยหน่อย บอกถ้าไม่รับ ก็ไม่ตื๊อแล้ว แต่พอได้เข้าไปคุยถึงรู้ว่าไม่ยากอย่างที่คิด เมื่อตัดสินใจไปทำจริง ๆ กลายเป็นเรื่องง่าย เพราะผมมีสิ่งเหล่านี้อยู่เต็มตัวเลย
ผมถูก พี่เต๋อ (เรวัต พุทธินันทน์) และพี่ ๆ ในแกรมมี่เคี่ยวเข็ญมาหนักมาก เคยยืนร้องเพลงกับพี่เต๋อมาไม่รู้กี่สิบเพลงร้องกันตั้งแต่บ่าย ๆ ไปเสร็จตอนเช้าอีกวันหนึ่ง ทั้งที่ร้องแค่เพลงเดียว เพราะเราร้องโดยไม่มีเครื่องดนตรี ใช้เสียงร้องอย่างเดียว สมัยนั้นไม่มีคอมพิวเตอร์ช่วยเรื่องการร้องเพลงเหมือนสมัยนี้ ตอนนี้ร้องผิดร้องเพี้ยนมีคอมพิวเตอร์ช่วยได้สมัยก่อนเป็นเทป จึงต้องร้องจริง ๆ อย่างเดียว ผมโดนขับเคี่ยวมาเยอะมาก ทำให้มีสิ่งเหล่านี้อยู่ในตัวไม่รู้ตัว เช่น วิธีการร้องหนัก - เบา สั้น - ยาว การทำงานในห้องอัด ฯลฯ พอวันหนึ่งที่เราต้องมาสอนเด็ก ๆ ร้องเพลงว่าทำอย่างนี้สิ ขึ้นคอนเสิร์ตให้ร้องอย่างนี้นะ จึงสอนได้ ถือว่าโชคดีไป
ที่ผ่านมาคุณก้องทำกิจกรรมช่วยสังคมสม่ำเสมอ เลือกไหมคะว่าต้องทำบุญด้านไหนการทำดีของผมไม่ได้จำกัดเลยว่าจะช่วยใครบ้าง คือช่วยได้ก็ช่วย ทั้งสัตว์ คนแก่ เด็ก คนพิการ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ไม่ได้เหนื่อยนักหนา ผมจะพยายามช่วยบางหน่วยงานให้ผมช่วยพูดรณรงค์บริจาคสิ่งของให้คนแก่เด็กกำพร้า เด็กพิการ ถ้าพอมีคิวว่างผมก็ทำ เพราะคิดว่าเราไม่ได้เสียอะไรมากมาย แค่สละเวลาไปช่วยเหลือ ผมยินดีช่วย ที่ทำอย่างนี้เพราะผมคิดว่าได้สิ่งดี ๆ จากสังคมเยอะมาก ดังนั้นเราควรต้องแบ่งปันกลับไปบ้าง ผมเชื่อว่ายิ่งแบ่งก็ยิ่งได้
อย่างตอนประเทศเนปาลแผ่นดินไหว ผมไปร่วมเล่นคอนเสิร์ตการกุศล หาเงินช่วยเหลือเนปาลมีเพื่อน ๆ ศิลปินไปช่วยกันเยอะ เช่น วงนูโว, พี่ปุ๊ -อัญชลี จงคดีกิจ, โจอี้ บอย, คุณบอย โกสิยพงษ์,แสตมป์ ฯลฯ รวบรวมเงินบริจาคได้ประมาณ 2 ล้านบาทแล้วส่งไปให้เนปาล แม้ไม่ได้มากมาย แต่คงพอช่วยคนได้เป็นร้อยเป็นพันคนโดยที่เราก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรมาก ผมได้เล่นดนตรีที่ชอบและได้หาเงินบริจาคไปช่วยเหลือชาวเนปาลก็รู้สึกประทับใจครับ
เวลาว่างทำอะไรบ้างคะเวลาว่างแค่ผมได้พักผ่อนอยู่บ้าน ได้ขี่จักรยานก็มีความสุขแล้ว ผมอยู่ในกลุ่มที่ชอบขี่จักรยาน ดังนั้นวันไหนมีเวลาว่างผมจะไปขี่จักรยาน ถ้าเป็นทริปใหญ่ ๆ เคยปั่นจากหัวหินไปบางสะพาน ปั่นข้ามจังหวัด 2 วัน วันละประมาณ
90 กว่ากิโลเมตร มีอยู่ทริปหนึ่งระหว่างปั่นไปครึ่งทาง วันแรกปั่นได้ 97 กิโลเมตร พอกลับถึงที่พักถึงรู้ตัวว่าเป็นอีสุกอีใสผื่นขึ้นทั้งตัวเลย เห็นแล้วตลกดี ไม่รู้ทำไมต้องมาเป็นตอนนี้
ทริปที่ประทับใจคือ ผมเคยปั่นจักรยานเข้าไปในคลองของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีสะพานปูนเป็นถนนเล็ก ๆ ชาวบ้านส่วนใหญ่แถวนั้นเป็นมุสลิม จำได้ว่าตอนนั้นเป็นช่วงเดือนรอมฎอน ผมได้ยินคนมุสลิมพูดใส่ไมค์สอนศาสนาและออกอากาศไปทั่ว เลยขี่จักรยานและฟังธรรมะของศาสนาอิสลามไปด้วย ชอบที่เขาพูดถึงเรื่องความรักความเมตตาการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ การโอบอ้อมอารี การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนบ้าน ฟังแล้วรู้สึกว่าทุกศาสนาก็สอนเรื่องเดียวกันหมดเป็นเรื่องที่น่ารัก น่าแบ่งปัน
ทราบว่าคุณก้องให้ความสำคัญกับการดูแลคุณพ่อคุณแม่มาก ดูแลท่านอย่างไรบ้างคะหาเรื่องหาโอกาสที่จะทำให้พ่อแม่มีความสุขอยู่บ่อย ๆเช่น วันนี้ตื่นมาว่าง ผมก็จะคิดว่าพาคุณพ่อคุณแม่ไปกินอะไรดี อาทิตย์หน้าว่าง พาท่านไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ดีไหม หรือวันแม่วันพ่อ วันเกิดท่าน วันปีใหม่ วันอะไรก็ตาม ผมจะเอาของขวัญไปให้คุณพ่อคุณแม่ ความจริงไม่เกี่ยวหรอกว่าจะวันอะไร แต่ผมพยายามหาเรื่อง หาวิธีคิดอยู่เรื่อย ๆ ว่าจะทำอะไรให้ท่านดี เพราะอยากทำให้คุณพ่อคุณแม่มีความสุข
ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า ไม่ว่าเราทำบาป ทำบุญ ทำดีทำชั่ว จะมีคนคอยบันทึกสิ่งที่ทำอยู่ ดังนั้นเวลาเราทำดี ไม่จำเป็นต้องไปบอกใครว่าเราเป็นคนดี เพราะมีคนคอยจดบันทึกและเทกลับมาให้เรา ดังนั้นถ้าทำดีไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวสิ่งดี ๆ ก็ย้อนกลับมาหาเราเอง อย่างผมเคยให้เงินค่าแสดงโฆษณาก้อนหนึ่งกับคุณพ่อคุณแม่ คุณแม่ยิ้มแก้มปริ ไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ก็มีงานโฆษณาเข้ามาใหม่อีกแล้ว
คบกับแฟนมานานถึงกว่า 20 ปี มีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้ความรักยืนยาวขนาดนี้คะน่าจะเป็น “ความเข้าใจ” ผมว่าความรักช่วงโปรโมชั่น1 - 2 ปีแรก อะไร ๆ ก็ดีไปหมด แต่ต่อมาเป็นเรื่องของความเข้าใจ ความรักที่ดีต้องเข้าใจควบคู่ไปด้วย ถ้ามัวแต่ตะบี้ตะบันรักอย่างเดียว มีหึงหวง มันก็เหนื่อย แต่ถ้าเราเข้าใจกัน เช่นเข้าใจในชีวิตเขา เขาเข้าใจชีวิตเรา ถอยกันคนละก้าวบ้างจะทำให้ความสัมพันธ์ยั่งยืน นอกจากนั้นต้องมีศีลเสมอกันด้วยไม่อย่างนั้นคุยกันไม่รู้เรื่อง
ประทับใจอะไรในตัวคุณเก๋คะแฟนผมไม่ฟุ้งเฟ้อเลย ตั้งแต่ไม่มีด้วยกันจนมี เขาก็เหมือนเดิม ไม่เคยอยากได้อะไรที่ฟุ้งเฟ้อ เป็นคนสมถะและเป็นคนมีเมตตาโดยธรรมชาติ อย่างผมเคยเห็นคนบางคนพอมีหมาแมวจากข้างนอกเข้ามาอึฉี่ในบ้านจะไล่ตะเพิดไป แต่แฟนผมกลับมองว่า ถ้าเขาเข้ามาบ้านเราก็ควรให้อาหารเขาไม่ควรไล่ตะเพิด ผมก็ได้มุมดี ๆ หลายอย่างจากเขาเหมือนกัน
ตอนนี้วางแผนเรื่องแต่งงานหรือเรื่องมีลูกหรือยังคะยังเลยครับ ผมไม่อยากมีลูกเท่าไหร่ ผมว่าเรื่องนี้มันเป็นโชคชะตา เป็นเรื่องของการจุติ ถ้าวันหนึ่งเขาจะมาเกิดผมคงรู้สึกอยากมีลูกขึ้นมาเอง แต่ตอนนี้เฉย ๆ คือถามวันนี้อาจตอบว่าไม่อยากมี แต่ถ้าถามครั้งหน้า ผมอาจตอบว่าอยากมีก็ได้ ยังไม่แน่ใจเหมือนกันครับ
หลังจากนี้วางเป้าหมายชีวิตตนเองอย่างไรในอนาคตคะตั้งใจไว้ว่า ถ้าอายุสัก 50 ปีอาจหยุดทำงานที่ไม่สนุกกับมันมากนัก ดังนั้นถ้างานอะไรที่รู้สึกไม่ใช่จริง ๆ คงไม่ทำ อาจเหลือแค่งานเล่นดนตรี เพราะผมติดการเล่นดนตรีไปแล้วคงเล่นดนตรีไปตลอดชีวิต
นอกนั้นอาจใช้ชีวิตเที่ยวบ้าง สนุกกับชีวิตบ้าง เพราะถ้าแก่ไปกว่านี้ ผมอาจทำไม่ไหวแล้ว ดังนั้นอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้สบาย ๆ และมีความสุข
คงไม่ผิดนักหากจะบอกว่าการเป็นคนคิดบวก แบ่งปันและมีเมตตากรุณา นำมาซึ่งความสุขและความสำเร็จในชีวิตของชายคนนี้ Secret BOX
แผ่เมตตากรุณาให้แก่คนรอบข้าง
จะทำให้ได้รับความรักกลับคืนมา
และชีวิตมีความสุข
สหรัถ สังคปรีชาจาก
http://www.secret-thai.com/article/8099/