ย้อนรอยอดีต แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
พอนึกถึง "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" สโมสรฟุตบอลแนวหน้าของยุโรปทีไร พวกเราพลพรรค เรด อาร์มี่ ทุกคน ก็ต้องนึกย้อนไปถึงในอดีตในปี ค.ศ. 1902 แต่ก่อนหน้านี้ ทีมขวัญใจของพวกเราไม่ได้ชื่อนี้ พวกเขาถือกำเนิดด้วยชื่ออื่นๆ ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานเกินกว่า 100 ปี ในปี ค.ศ. 1878 พนักงานการรถไฟสาย แลงคาเซียร์ แอนด์ ยอร์คเชียร์ ได้เกิดไอเดียในระหว่างที่กำลังรับประทานอาหารมื้อเย็นอยู่ โดยพวกเขาได้ร่วมก่อตั้งทีมฟุตบอลทีมหนึ่งขึ้นมา และตระเวนเล่นกันอยู่ในแถบเมือง นอร์ธกราวด์ ซึ่งอยู่ใน นิวตัน ฮีธ
สถานที่ซ้อมก็ใช้รางรถไฟ เป็นเส้นแบ่งเขตสนาม ตลอดจนเสียงจากรถไฟเครื่องจักรไอน้ำ ก็เสมือนเป็นเสียงของกองเชียร์ ทีมฟุตบอล นิวตัน ฮีธ ที่พวกเขาตั้งขึ้นมาก็เล่นฟุตบอลกันได้อย่างดีเยี่ยมน่าประทับใจ โดยชุดแข่งที่ใช้นั้นเป็นเสื้อสี เขียว-เหลือง อย่างละครึ่ง ส่วนกางเกงเป็นสีดำและเป็นชุดเก่งของทีมด้วย พนักงานที่อยู่ในแถบนั้น แพ้ นิวตัน ฮีธ แบบสู้ไม่ได้เลย ในปี ค.ศ. 1885 สมาชิกในทีมได้ตัดสินใจติดต่อกับการรถไฟ และก่อตั้งทีมเพื่อเป็น บริษัท จำกัด โดยใช้ชื่อว่า นิวตัน ฮีธ ฟุตบอลคลับ
ผลงานชิ้นแรกของพวกเขาคือการคว้าแชมป์ของเมือง แมนเชสเตอร์ ในแมตช์ แมนเชสเตอร์ คัพ มาครอง นั่นคือถ้วยแรกของทีม นิวตัน ฮีธ ต่อมาอีก 3 ปี ฟุตบอลลีกของอังกฤษ ได้ก่อตั้งขึ้นมา ทีมรอบๆ เมือง โบลตัน กับ แอคคริงตัน ถูกเชิญเข้าร่วมการแข่งขันด้วย ยกเว้น นิวตัน ฮีธ แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะยังมีอีกหลายทีมที่ไม่ได้รับเชิญเข้าเป็นสมาชิกในตอนแรก พวกเขาก่อตั้งลีกกันเองโดยใช้ชื่อว่า อัลไลแอนช์ โดยมี เชฟฟิลด์ เว้นท์เดย์, นอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และ สมอลล์ ฮีธ ซึ่งในปัจจุบันก็คือทีม เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ นั่นเอง การแข่งขันในฤดูกาลแรกของพวกเขาได้อันดับ 8 จาก 12 ทีม ปีต่อมาได้อันดับ 9
ในปี ค.ศ. 1891 นิวตัน ฮีธ ได้รองแชมป์โดยเป็นรอง นอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ อย่างไรก็ตามปีต่อมาฟุตบอลลีก มีการแก้ไขเรื่องสมาชิกใหม่ และพวกเขาตอบรับการเข้าร่วมในลีกการแข่งขัน แต่พวกเขาเริ่มต้นในลีกได้ไม่ดีนักเมื่อทีม นิวตันฮีธ เปิดฤดูกาลใหม่ด้วยการแพ้ให้กับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ไป 3-4 จากนั้นทีมก็ร่วงไม่เป็นท่า โดยชนะแค่ 6 ครั้งใน 30 นัด ตกไปอยู่ในอับดับบ๊วยของตาราง ก่อนที่จะรอดการตกชั้นเพราะว่า พวกเขาชนะ สมอลล์ ฮีธ 5-2 ที่ บรามอลล์เลน ปีต่อมา พวกเขายังเล่นแย่เหมือนเดิม และกลายเป็นทีมที่อยู่ในอันดับบ๊วยของตารางอีกเช่นเคย และก็โดน ลิเวอร์พูล ถล่มประตูเอาชนะไป 2-0 ทำให้ นิวตัน ฮีธ ตกชั้นไปในที่สุด นั่นเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่ของพวกเขา แม้จะมีการยุบลีกและตั้งใหม่ แต่ทีมก็มีปัญหา ในการเข้าร่วมเนื่องจากสถานะทางการเงินไม่เอื้ออำนวย ก่อนที่จะล้มละลาย ในปี ค.ศ. 1902
จอห์น เดวี่ส์ เจ้าของกิจการเบียร์ท้องถิ่นได้เข้ามาดูแลกิจการของสโมสร พวกเขาย้ายมาจาก นอร์ธ โรด เพื่อไปใช้สนามใหม่แถบ แบงค์ สตรีท หลังจากที่ อยู่ที่ นอร์ธ โรด มา 9 ปีเต็ม ขณะเดียวกันเพื่อนบ้านคู่แข่งขันอย่าง อาร์คลิค เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประธานสโมสรคนแรกของ นิวตัน ฮีธ บอกว่าทีมของเขาสมควรที่จะใช้ชื่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มากกว่า แต่ถึงอย่างไรทีมก็ช้าไป พวกเขาเลยตั้งชื่อกันมามากมายหลายชื่อ เช่น แมนเชสเตอร์ เซ็นทรัล, แมนเชสเตอร์ เซลติก และสองชื่อนี้ถูกปฏิเสธไป ในที่สุดชื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จึงเข้ามาแทนที่ในวันที่ 26 เมษายน ปี ค.ศ. 1902 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือชื่ออย่างเป็นทางการของพวกเขา จนกระทั่งถึงทุกวันนี้
ผู้จัดการทีมคนแรกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือ เออร์เนสต์ แมกนัลล์ แต่ทีมที่ประสบความสำเร็จ กลับกลายเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่ปรับร่วมเมืองที่คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้ในปี 1904 ทว่าในเวลาต่อมาโดนสอบสวนและ พบว่ามีการจำหน่ายตั๋วผี ก็เลยทำให้เมือง แมนเชสเตอร์ โดนแบนห้ามยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลเป็นเวลาถึง 1 ปี พอพ้นกำหนดโทษห้ามเล่น บิลลี่ เมเรดิธ นักเตะชาวเวลส์ กลายเป็นสมาชิกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทันที ทีมปีศาจแดงของ แมกนัลล์ ใช้เวลา 2 ปีเต็มถึงสามารถคว้าแชมป์ดิวิชั่นสอง และเลื่อนชั้นมาเล่นในดิวิชั่นหนึ่งได้สำเร็จ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำสถิติยิง 82 ประตู คว้าแชมป์สมัยแรกไปครอง อย่างยิ่งใหญ่ ในปี ค.ศ. 1908 ด้วยสไตล์การเล่นที่ "เร็วและสวยงาม" อย่างไรก็ตาม จอห์น เดวี่ส์ ประธานสโมสร ได้ทำการเปลี่ยนแปลงสนามเหย้าของทีมอีกครั้ง เขาตัดสินใจย้ายจาก แบงค์ สตรีท ที่โดนวิพากษ์วิจารณ์ว่าพื้นสนามนั้นแย่มาก เขาย้ายห่างจากตัวเมืองไปอีก 5-6 ไมล์ ที่นั่นคือ "แทรฟฟอร์ด พาร์ค" ย่านชานเมือง แมนเชสเตอร์ และ เดวี่ส์ ได้เรียกสนามนัดเหย้าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แห่งนี้ว่า "โอลด์ แทรฟฟอร์ด"
จอห์น เดวี่ส์ มีแผนการสร้างสนาม สปอร์ต คอมเพล็กซ์ มีความจุถึง 80,000 ที่นั้ง มีห้องกายภาพบำบัด สระว่ายน้ำ สิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย พวกเขาสิ้นเงินไปกับสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ค่อนข้างมากทำให้ทีมต้องขายนักเตะดีๆ ออกไปหลายคน ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 จะเริ่มต้น ทีมสามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองได้ในปี ค.ศ. 1911 และนั่นคือเกียรติยศ ครั้งสุดท้ายของ เออร์เนสต์ แมกนัลล์ มีเหตุการณ์อัปยศเกิดขึ้นในวงการฟุตบอลอังกฤษ เมื่อ ลิเวอร์พูล เดินทางมาเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ถ้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ชนะพวกเขาจะตกชั้นทันที ผลนัดดังกล่าวปรากฏว่าพวกเขาเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไป 2-0 และรอดพ้นจากการตกชั้นมาได้ แต่ในรายงานของผู้ตัดสิน ระบุว่า นักเตะฝ่าย ลิเวอร์พูล เล่นกันแปลกๆ เหมือนกับจะล้มบอล...
ต่อมามีการสอบสวน และพบว่ามีนักเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ข้างละ 4 คน ต่างพากันล้มบอลล่วงหน้า และมีการไปแทงพนันในร้านรับพนันท้องถิ่นของอังกฤษ ซึ่งผลจากการสอบสวนทำให้นักเตะทั้ง 8 คนนั้น โดนแบนห้ามเล่นฟุตบอลตลอดชีวิต อย่างไรก็ตาม เป็นจังหวะที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 พอดี หลังสิ้นสุดสงคราม โทษแบนนั้นได้ถูกยกเลิกไป ทั้งสองทีมจึงกลับมา บูรณะสร้างทีมกันใหม่ รวมไปถึงสภาพสนามที่โดนระเบิดเผาทำลายด้วย
ประวัติศาสตร์อันยาวนานยิ่งทำให้ยากที่จะระลึกถึงและเมื่อกาลเวลาย่างเข้า สู่สหัสวรรษใหม่ ความทรงจำเก่าๆ เกี่ยวกับความเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในอดีตที่อาจจะต้องไปอยู่ในยุคของ "บัสบี้ เบ็บส์" หรือรับรู้เรื่องราวเหล่านี้จากคุณปู่คุณทวด ช่วงเวลาสำคัญที่ยิ่งใหญ่ของใครบางคนอาจจะเริ่มขึ้นในช่วงยุค 70 หรือบางคนอาจจะโตขึ้นมาในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาและได้รับรู้เรื่องราว ความสำเร็จอย่างล้นเหลือของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ดังนั้นเรามีวิธีเดียวที่ทำให้เรารู้เรื่องเกี่ยวกับเมื่อ 100 ปีก่อน เริ่มจาก "นิวตัน ฮีธ" กลายมาเป็น "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ก็คือการเดินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ของสโมสรเท่านั้น
วันนี้เลยประมวลภาพบางส่วนในอดีตมาให้ได้ชมกัน แม้ว่าจะไม่ใช่ภาพแห่งความสำเร็จหรือเหตุการณ์ที่น่าจดจำอย่างครบถ้วนนัก แต่ก็เป็นภาพที่สาวก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุกคนควรได้ดู ได้เห็น
"อย่าให้โดนเท้านะ โบว์เลอร์" เหล่าดาราของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุค ปี ค.ศ. 1900 ออกมาพักผ่อนด้วยการเล่นคริกเกต
ปีศาจหัวแข็ง ทีมปีศาจแดงชุดแชมป์ เอฟเอ คัพ 1909 ถูกบอร์ดบริหารสั่งปลดจากการเป็นนักเตะของสโมสรยกชุด เพราะไม่ยอมเซ็นสัญญาต่อต้านการก่อตั้งสหภาพนักฟุตบอลอาชีพที่ก่อตั้งใหม่ โดยมี ชาร์ลี โรเบิร์ตส์ (ในรูปวงกลม) นักเตะหัวโจกผีแดง ยุคนั้นเป็นคีย์แมน
ต้อนรับวีรบุรุษ สาวก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างรอรับฮีโร่ของพวกเขาที่สามารถคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้ในปี ค.ศ. 1909 โดยเหล่านักเตะ ปีศาจแดง ยุคนั้น ได้นั่งรถม้าผ่านหน้าแฟนบอลที่มารอกันอย่างเนืองแน่นที่สถานี นอร์ธเทิร์น เกรท เซนทรัล หรือปัจจุบันก็คือ จี-แม็ค เซ็นเตอร์
เมื่อยจัด จอห์นนี่ คารี่ย์ ไม่รู้เมื่อยมาจากไหนถึงได้ยิ้มแฉ่งระหว่างถูกนวดอยู่
สงครามคือการทำลายล้าง สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ถูกกองทัพทหารเยอรมันทิ้งระเบิดลงมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเหล่านักเตะก็ยังตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อมอย่างมุ่งมั่น
สนามซ้อมข้างถนน ในยุค 50 ทีมมักจะมาฝึกซ้อมกันที่ถนนหน้าสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด เสมอ และที่นี่เองที่ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ฝึกการเกี่ยวบอลด้วยเท้าซ้าย เราอาจจะลองคิดเล่นๆ ว่านี่คือ เดวิด เบ็คแฮม, ไรอัน กิ๊กส์ และเพื่อนๆ วิ่งไล่บอลกันในที่จอดรถที่สนามก็ได้
แฟนระดับวีไอพี ทอมมี่ เทย์เลอร์ เข้ามาคุยกับแฟนบอลระดับวีไอพีของทีมก่อนที่จะลงแข่ง ยูโรเปี้ยน คัพ รอบรองชนะเลิศ ตัดเชือกกับทีม เรียล มาดริด ในปี ค.ศ 1957
ฤดูกาลที่แสนสาหัส แม้จะทั้งมอมแมมและเต็มไปด้วยรอยแผล แต่ ทอมมี่ เทย์เลอร์ และ โรเจอร์ เบิร์น ก็ฉลองแชมป์ลีกในปี ค.ศ. 1956 ได้อย่างมีความสุข
เจ้านายกับเจ้ายักษ์ ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์ ดาวรุ่งร่างยักษ์ของทีมกำลังตั้งใจฟังคำแนะนำของ เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้
โศกนาฏกรรม บิลล์ โฟ้กค์ส แสนจะสลดกับการที่ ต้องสำรวจเครื่องบินมรณะที่พรากผู้เล่นทีมผีแดง และเจ้าหน้าที่ถึง 11 ชีวิตไปจาก "โรงละครแห่งความฝัน"
อยู่ในความทรงจำตลอดกาล แม็ตต์ บัสบี้ ยืนอยู่ หน้าหลุมฝังศพของ ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส ในเมือง ดั๊ดลี่ย์ เพื่อไว้อาลัยในพิธีศพให้แก่นักเตะที่อาจจะเก่งที่สุดที่เคยสวมเสื้อ ปีศาจแดงเลยก็ว่าได้
นางงามปีศาจแดง 1959 เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน (ที่ 3 จากซ้าย) ร่วมแสดงความยินดีกับ มิส โคโรธี่ กรีน ผู้ทรง เสน่ห์จนคว้ารางวัลไป
จั่วไพ่กลางเวลา เดนิส ลอว์ ดูเหมือนน่าจะชนะกับไพ่ในมือของเขา ในขณะที่ จอร์จ เบสต์ กำลังเพ่งไพ่ ของตัวเองอย่างเคร่งเครียดบนเครื่องบินที่พาพวกเขาไปเมือง มาดริด ในปี ค.ศ. 1968 เพื่อไปแข่งขัน ยูโรเปี้ยน คัพ รอบรองชนะเลิศนัดที่ 2
คุมเข้มกับการดูแลความสงบ นี่คือห้องควบคุมภายในสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อปี ค.ศ. 1959 เจ้าหน้าที่มีหน้าที่ดูแลความสงบให้กับแฟนบอลจากห้องนี้
แชมป์ ยูโรเปี้ยน '68 ที่หอมหวาน ถ้วยใบโตของยุโรปที่สร้างความปราบปลื้มให้กับทุกๆ คน
ยุตติยุคของ แม็ตต์ เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ ประกาศลาออกจากการคุมทีมในเดือนมกราคมปี ค.ศ. 1969
ป้องกันฮูลิแกน เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้, เลส โอลีฟ และเจ้าหน้าที่ของ เอฟเอ ตรวจตรารั้วใหม่ของสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในปี ค.ศ 1974
ลงเล่นน้ำ เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ และทีมของเขาต่างอาบแดดเล่นน้ำ ที่สระว่ายน้ำในปี ค.ศ 1950
คารวะสันตปาปา ไบรอัน คิดด์ ในชุดสูทและเนกไทที่ดีที่สุดของเขาเข้าบรรจงจุมพิตพระหัตถ์ของพระสันตะปาปา โดยมี ทอมมี่ ด็อกเคอร์ตี้ มองอยู่
หมวกประหลาด อาเธอร์ อัลบิลตัน, ฮุสตัน ดาลี่, ไบรอัน กรีนฮอฟฟ์ และ สเต็ปนี่ย์ ต่างสวมหมวกทรงอะไรก็ไม่ทราบโบกมือให้แฟนๆ หลังจากคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้ในปี ค.ศ 1977
นี่แหละเด็กอั๊ว "บิ๊กรอน" รอน แอตกินสัน ฉลองแชมป์ เอฟเอ คัพ ในปี 1983 หลังจากชนะนัดรีเพลย์ เหนือ ไบรท์ตัน ร่วมกับ เควิน มอร์แรน และ นอร์แมน ไวท์ไซด์ จอมถล่มประตู
ความใฝ่ฝันของไนจ์ตัน มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหาก ไมเคิ่ล ไนจ์ตัน เข้ามาเทกโอเวอร์ทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ ในปี ค.ศ. 1990
วิวัฒนาการของ ฮิวจ์ นี่คือหน้าตาที่แสนจะน่ารักของ มาร์ค ฮิวจ์ส ซึ่งภาพต่อมานั้นเขากลายเป็นศูนย์หน้าระดับเยี่ยมพันธุ์ดุ ที่แม้แต่ สตีฟ โบลด์ แผงหลังจอมหินของ อาร์เซนอล ยังต้องสะพึงกลัว
เฟอร์กี้ เริ่มงาน ที่ชั้นวางหนังสือข้างๆ เขาอาจจะดูเกะกะไม่เรียบร้อย แต่สองอันยอดเยี่ยมของเขาก็สามารถผลิต ความสำเร็จสู่สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาอย่างยิ่งใหญ่
ผลผลิตของเฟอร์กี้ ไรอัน กิ๊กส์ กำลังยกถ้วยแชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ ปี ค.ศ. 1992 โดยมี เดวิด เบ็คแฮม และ แกรี่ เนวิลล์ มองด้วยความภาคภูมิใจ
จุดเริ่มแห่งความสำเร็จ เอริก คันโตน่า เข้ามาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเดือนพฤศจิกายนปี ค.ศ. 1992 และเข้ามายกระดับมาตรฐานของผู้เล่นเยาวชนอย่าง เดวิด เบ็คแฮม (ขวาสุด) ให้พาทีมไปสู่ความยิ่งใหญ่ในอนาคต
เรียบเรียงข้อมูลจาก
- วารสารชมรม เรด อาร์มี่ แฟนคลับ เล่มที่ 1 ปี พ.ศ. 2543
- ภาพและคำอธิบาย นิตยสาร เรด เดวิลส์ เล่มที่ 9 ของสยามกีฬา
http://www.redarmyfc.com/rafc-160.html