การเยียวยาด้วยสมาธิจากการสวดมนต์ทุกสิ่งเป็นหนึ่งเดียวในพุทธภาวะ ธรรมชาติแห่งพุทธะ จิต โลก ดวงดาว เวลาและอวกาศ ทุกสิ่งสมบูรณ์ในความเป็นหนึ่งนี้ แม้แต่สิ่งที่โดยปกติเรา เห็นเหมือนไม่สมบูรณ์ ธรรมชาติแห่งพุทธะอยู่ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิดและใน รายละเอียดของชีวิตทุกวัน ถึงที่สุด
พุทธะอยู่เหนือจิตนาการ คำพูดหรือ ความคิด ซึ่งเกิดจากการสร้างสรรค์ของจิตที่ยึดติดทวินิยมนี้คือสิ่งที่ชาวพุทธเชื่อ ดังนั้นเมื่อชาวตะวันตกบางคนเริ่มสนใจพุทธศาสนา พวกเขาพูดบางอย่างเช่นนี้ " นี้คืออะไรที่เราต้องการทิ้งไว้เบื้องหลัง สวด มนต์เพื่อพลังขั้นสูงนอกตัวเรา " เป็นสถานการณ์ที่น่าขบขันอะไรเช่นนี้ วิ่ง หนีการสวดมนต์ เพียงเพื่อค้นหาความเชื่อและคนสวดมนต์รออยู่รอบ ๆ ที่ มุมถัดไป
ใช่ มันคือความจริงที่จักรวาลทั้งหมด คือ
ธรรมชาติแห่งพุทธและความ สงบนั้นวางอยู่ภายในตัวเรา ดังนั้นทำไมต้องฝึกกาสวดมนต์ มันเป็นทาง หนึ่ง เรามีเพื่อปลดปล่อยความคิดถึงตัวตน ความเชื่อช่วยเราเพื่อเปิดเผย มัน เป็นการปลดเปลื้องความสงสัยและความกลัว
การเปิดเผยและเปิดใจ ว่าง คือ วิถีทางเพื่อการขอความช่วยเหลือที่เราต้องการ
นิกายพุทธศาสนาบางนิกาย ย้ำถึงการกระทำด้วยความอ่อนน้อมเหมือน
การฝึกฝนการสวดมนต์ นี้เป็นวิถีทางง่าย ๆ ของการสละละตัวตน เรา ยอมรับความเชื่อว่าการยึดติดและการพยายามควบคุมทุกสิ่งทำเราห่างจาก ปัญญา ศรัทธายังคงเป็นไปได้แม้อยู่ภายนอกศาสนาดั่งเดิม ตัวอย่างเช่น โปรแกรมรักษาคนติดสุราเรื้อรัง ๑๒ ขั้นตอน ย้ำการสลัดทิ้งความเมา ทีละน้อย " ฉัน " ที่พยายามควบคุมมันยอมมรับความต้องการสำหรับ การช่วยเหลือจาก " พลังที่สูงกว่า " ในวิถีทางอะไรก็ตามที่เข้าใจโดย ปัจเจกชน
ในศาสนาพุทธ การสวดมนต์เป็นการพัฒนาความไว้วางใจในพระพุทธ เจ้าเหมือนผู้นำ วางใจในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเหมือนทาง และวางใจในพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าเหมือนผู้ช่วยเหลือในการ เดินทางทางวิญญาณ
การสวดมนต์ หมายถึง การขอร้อง ความเข้มแข็งท่ามกลางมรรค ความ สมหวังของความต้องการทางวิญญาณของเรา อาจไม่อยู่ในรูปแบบที่เรา อยากหรือคาดหวังเสมอไป หรือตามตารางเวลาของเรา จุดสำคัญของ ศรัทธา คือ
ความปลอดโปร่งซึ่งเป็นทางที่จะรับพรความสุขและปลด เปลื้องความทุกข์ปัลตรุล รินโปเช อ้างถึงคำของ คุรุ ปัทมสัมภวะ ไว้ว่า
ถ้าจิตของเธออิสระจากความสงสัย ความปรารถนาจะประสบความสำเร็จ ถ้าเธอวางใจในการสวดมนต์อย่างเต็มเปี่ยม ความสุขจะเข้ามาหาเธอ การสวดมนต์เหมือนพระอาทิตย์หลอมละลายความยึดมั่นในตัวตนและ
การยอมให้ธรรมชาติแท้จริงของเราเราเปล่งแสงออกมา ปัลตรุล รินโปเช กล่าวถึงคำของ ดรีกุง คีอออปปะ รินโปเช ว่า
จากอาจารย์ผู้เหมือนภูเขาหิมะ ปราศจากสัมผัสของลำแสงของการสวดมนต์ ความสุขที่เหมือนสายน้ำไม่ได้หลั่งไหล ดังนั้นพยายามใช้จิตของเธอในการฝึกฝนการสวดมนต์ ถ้าเราไม่มีความเชื่อมั่นหรือการสวดมนต์ แม้ถ้าพระพุทธเจ้ากำลังยืนอยู่ที่ ตรงหน้าเธอตัวต่อตัวเรา จะได้รับผลประโยชน์อย่างยากเย็นสำหรับจิตของ เราซึ่งเป็นเพียงกุญแจสู่การเติบโตทางวิญญาณของเรา ไม่พร้อมสำหรับ โอกาส นี่แหละทำไมสุภาษิตทิเบต กล่าวว่า
จากใครก็ตามที่เห็นเหมือนพระพุทธเจ้า พรความสุขก็ได้รับเหมือนจากพระพุทธเจ้า จากใครก็ตามที่เห็นเหมือนคนโง่ ผลที่ตามมาเหมือนจากคนโง่ดังนั้น
ธรรมชาติแห่งพุทธะอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่เป็นไปได้ที่ฝึกฝนการ สวดมนต์โดยการทำสมาธิต่อพระพุทธเจ้า ตัวอย่างเช่น ในรูปแบบของ ปฏิมากรรมหรือ
ภาพในใจ ตัวปฏิมากรรมเองไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ชีวิตของเราได้ จิตเราต่างหากที่สามารถเปิดสู่การกระทำแห่งการสวด มนต์ นี้คือแก่นแท้ของวิถีทางแห่งความชำนาญ วัตถุทางจิตสามารถ บันดาลใจเราได้ แต่ส่วนสำคัญไม่ใช่วัตถุอื่นใดเป็นเพียงทางที่เราเห็น มันในแง่ดีอย่างแท้จริง และทางที่เรารู้สึกด้วยความเสียสละและวางใจ ที่ช่วยเราท่ามกลางมรรค
ความเชื่อมั่นต่อวัตถุทางจิตหรือ
ภาพในใจ เป็นทางหนึ่ง
เพื่อเพิ่มพลังให้ ตัวเราด้วยความเบิกบานที่เกิดจากพุทธะภายในตัวเราทั้งหมดกระทั่งบัดนี้ ข้าพเจ้าขอย้ำว่าใครก็ตามสามารถปฏิบัติ
เพ่งสมาธิต่อบ่อเกิด ของเกิดของพลังของตัวเองตามที่ได้เลือกเอาไว้ เช่น พระอาทิตย์ พระจันทร์ หรือภาพส่วนตัว แต่ที่นี้
ข้าพเจ้าจะพรรณาบ่อเกิดพลังที่เป็นชาวพุทธโดย เฉพาะ การปฏิบัติสมาธิอย่างจดจ่อต่อ คุรุ รินโปเช ปัทมสัมภวะ ผู้ก่อตั้ง ศาสนาพุทธทิเบต ในศตวรรษที่ ๙ ผู้ซึ่งรวบรวมผู้รู้แจ้งทั้งหมด พุทธะ เทพ นักบุญหรือบัณฑิต
มีตัวแทนทางจิตมากมายที่สามารถบันดาลใจเราเหมือน
บ่อเกิด ของพลัง เช่น เราสามารถ
เพ่งสมาธิต่อพระพุทธเจ้าศากยมุนี เพื่อช่วยเราได้รับผล เพื่อช่วยเราได้รับผล คือ ปัญญา หรือ
อายุรพุทธะเพื่อการเยียวยา หรือ
ตาราพุทธะในรูปของผู้หญิงเพื่อให้ความกลัวและตรายทั้งหมดสงบลง ข้าพเจ้าได้เลือก
คุรุ รินโปเช เพราะความเมตตาอันไร้ขอบเขตของท่าน ซึ่งได้ช่วยเหลือประชาชนมากมายผู้ขอร้องท่านมานานนับศตวรรษ ซึ่ง ได้ระลึกถึงท่านและเพราะว่าตัวข้าพเจ้าฝึกฝนในสายตาขจองท่าน การ ปรากฏอันศักสิทธิ์ของ
คุรุ รินโปเช คือ
การปรากฏวัชระของพุทธภาวะ อันสมบูรณ์ ความเข้มแข็งและความสุขอย่างล้นเหลือของจักรวาลซึ่ง กำราบความยุ่งยากทั้งหมด เหมือนเบื้องหลังสำหรับการปฏิบัติสมาธินี้ ข้าพเจ้าจะนำไปสู่รายละเอียด เล็กน้อยเกี่ยวกับวิธีการที่เราหลับตามองเห็นภาพ คุรุ ริโปเช ได้อย่างไร รายละเอียดทุกอย่างของรูปบูชาสัมพันธ์กับภาพศักดิ์สิทธิ์ให้คำสอน และ เครื่องหมายสัญลักษณ์ สี และท่าทางเหล่านี้สามารถ
ปลุกความรู้สึกทาง บวกในตัวเราที่ส่องสะท้อนคำสอนเหล่านั้นทั้งทีละส่วน และเราอาจเห็น และรู้สึกถึงพวกมันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของทั้งหมด
รายละเอียดสามารถช่วยนักปฏิบัติสมาธิที่มีประสบการณ์ พักอยู่ในความ รู้สึกของภาพทางใจซึ่งเต็มและสมบูรณ์ แต่อย่ากังวลใจถ้าเธอไม่มีประสบ การณ์และความชำนาญ เพียงหลับตามองเห็นที่เธอรู้สึกสภาพมากที่สุด คือ ความรู้สึก พยายามแสดงออก ใช้ความรู้สึกเพื่อปลุกภาพ ปัทมสัมภวะในใจ ของเธอที่ไม่ซับซ้อนแต่รู้สึกด้วยใจ
ถ้าเธอเพียงรู้สึกอบอุ่นและเห็นปัทม- สัมภวะ ในตัวของเธอเองสามารถเป็นกรเยียวยาอย่างยิ่งจำไว้เช่นกันว่าการแปลอันวิจิตรเช่นในหนังสือเล่มนี้ ถุกมุ่งหมายเหมือน การช่วยเหลือ รูปภาพหรือประติมากรรมบันดาลใจเธอ สอนเธอหรือช่วย เหมือนจุดเริ่มต้นสำหรับปฏิบัติสมาธิ แต่อย่ารู้สึกถูกจำกัดโดยมัน
อะไรก็ ตามที่เกิดขึ้นในสมาธิเป็นเพียงภาพในจิตของเธอและความอบอุ่นและความ ปลอดโปร่ง ซึ่งสามารถมาสู่การสวดมนต์
การปลุกภาพศักดิ์สิทธิ์ของปัทมสัมภวะ เหมือน
ดอกไม้ที่เบ่งบานจากความว่างเปล่า การปรากฏอันศักดิ์สิทธิ์ของ ปัทมสัมภวะเกิดจากจินตนาการ ในรัศมีของแสงอันสวยงาม คุรุ รินโปเช ผู้ผ่องใสและอ่อนเยาว์นั่งอยู่บนวงกลมแห่งดวงจันทร์ที่กำลังส่องแสงเหนือ ขึ้นไปเป็นวงกลมแห่งพระอาทิตย์อันเจิดจ้าอบอุ่น พระจันทร์และและพระ อาทิตย์สงบอยู่เหนือดอกบัวใหญ่ ซึ่งหอมอบอวนและสดชื่นด้วยความ ชุ่มชื่น ดอกบัวมีกลีบที่มีสีสันสดใสเป็นพัน ๆ กลีบ
พระอาทิตย์ พระจันทร์และดอกบัว เป็นสัญลักษณ์ของการเกิดของพระ องค์ พระองค์เกิดโดย " การเกิดอันบริสุทธิ์ " ใน
" ปัทมะแห่งพุทธวงศ์ " ออกมาจากการรวมกันของ
ปัญญา( พระอาทิตย์ ) และ
ความเมตตา(พระจันทร์)พระพักตร์ของ คุรุ รินโปเช ขาวเจือด้วยสีแดงรื่อ เยาว์วัย และฉลาดอยู่ เหนืออาณาจักรแห่งการเปลี่ยนแปลงและการแก่
รอยยิ้มแห่งความเบิกบาน ของพระองค์อยู่เหนือความทุกข์ ดวงตาอันแจ่มใสไม่กระพริบเต็มไปด้วย ความรัก นำความสุขอันเป็นสากลมาให้ เยียวยาจิตของเราในการเคลื่อนไหว ทุก ๆ ขณะของมันและทุกข์อารมณ์และร่างกายของเราในทุกเซลล์และอะตอม
จีวรของพระองค์เปล่งรัศมี จีวรด้านในสีขาวและจีวรสีแดงเป็นสัญลักษณ์ ของความรู้แจ้งของพระโพธิสัตว์ ผู้ซึ่งช่วยสรรพชีวิตผู้ตกทุกข์ได้ยากใน โลกนี้ ผ้าคลุมด้านนอกสีน้ำเงินเป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์แห่งการ บรรลุนิพพาน และพระองค์สวมสังฆาฏิ เป็นสัญลักษณ์แห่งความพระที่ สมบูรณ์แบบ ผ้าคลุมยกดอกเป็นสัญลักษณ์ว่าการฝึกฝนทางศาสนาทั้งหมด เป็นหนึ่งเดียวในความจริงสากล ผ้าคลุมนี้ หมวกและรองเท้าของพระองค์ เป็นเครื่องเตือนให้ระลึกถึงพลังอันเร้นลับของพระองค์ ซึ่งเป็นของขวัญ จากราชาซาโฮรา ซึ่งรู้สึกพิศวงในพลังของพระองค์
พระราชาพยายาม เผาพระองค์ แต่ คุรุ รินโปเช เปลี่ยนไฟเป็นน้ำได้อย่างง่ายดายปัจจุบัน รู้จักกันในนามของทะเลสาบรีวัลซาร์ ในอินเดีย
คุรุ รินโปเช สัญลักษณ์ของคำสอน วัชระทองคำในมือขวาเป็นสัญลักษณ์ ของความชำนาญและพลังที่ไม่สามารถทำลายได้ เป็นกฏแห่งความแข็ง แกร่ง ( ผู้ชาย ) ในมือซ้ายพระองค์ทรงถืกระโหลกและถือแจกันที่เต็มไป ด้วยน้ำอมฤต กะโหลกเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นเอกภาพของความ ว่างเปล่าและความสุข ซึ่งเป็นกฏของความเป็นหญิง ( ความอ่อนโยน ) แจกันและ
น้ำทิพย์เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตอันยืนยาวและความจริงแห่ง พุทธธรรมอันปราศจากกาลเวลา ( อกาลิโก )ในพุทธศาสนา อาจารย์โบราณ เป็นหนึ่งเดียว มักรวมกับคู่ฝ่ายหญิงอย่าง หมดจด ปัญญาแห่งความเป็นหญิงถูกแสดงออกมาที่นี้โดย ตรี ซึ่งสะพาย อยู่ที่แขนซ้ายของ รินโปเช จุดแหลมทั้ง ๓ ประการของจิต คือ ค
วามปลอด โปร่งโล่งสบาย ความบริสุทธิ์แจ่มใส และพลังแห่งความเมตตา ศรีษะทั้ง สามประดับตรี หมายถึง พุทธกายทั้งสาม หัวกะโหลก คือ ความปลอด โปร่งทั้งหมด หัวผู้ใหญ่ คือ รูปบริสุทธิ์ของพระพุทธะดังที่เป็นอยู่และ หัวเด็กเป็นรูปไม่บิสุทธิ์ของพุทธะที่เห็นโดยจิตธรรมดา
ท่ามกลางสัญลักษณ์อื่น ๆ คือ พู่ของสัตว์ที่แขวนจากตรี พวกมันทำให้ ระลึกถึงการฝึกฝนในป่าช้า ของการปฏิบัติสมาธิต่อการเลือนหายไปของ ร่างกาย และการเป็นอิสระแห่งการรู้ความจริงของการมีชีวิตและการตาย
ในปัญญาอันไม่มีขีดจำกัดของพระองค์
คุรุ รินโปเช รู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นใน จักรวาล พร้อมกันและปราศจากความไขว้เขวจากธรรมชาติอันความสมบูรณ์ และปลอดโปร่งของพะองค์ ความเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุดของพระองค์ ถูกเปิดกว้างสู่จักรวาลทั้งหมด และเข้าถึงสรรพชีวิตทุกชีวิตเหมือนแม่ที่ ประพรมน้ำแก่ลูกคนเดียวของเธอด้วยความรัก
GURU RINPOCHE ( Om Ah Hum Vajra Guru Pema Siddhi Hum )