ผู้เขียน หัวข้อ: พุทธวัจน์...คำสอนจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า  (อ่าน 14342 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ lek

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1724
  • พลังกัลยาณมิตร 687
    • ดูรายละเอียด
ภิกษูทั้งหลาย! เธอทั้งหลายจงเพียรเผากิเลส
อย่าได้เป็นผู้ประมาท
อย่าเป็นผู้ที่ต้องร้อนใจ ในภายหลังเลย
นี่แล เป็นวาจาเครื่องพร่ำสอนของเธอทั้งหลาย ของตถาคต

ออฟไลน์ lek

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1724
  • พลังกัลยาณมิตร 687
    • ดูรายละเอียด
ภิกษูทั้งหลาย!
บัดนี้...เราจักเตือนพวกเธอทั้งหลาย

สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
พวกเธอทั้งหลาย
จงให้ถึงพร้อมด้วยไม่ประมาทเถิด

นี่เป็นวาจามีในครั้งสุดท้าย ของตถาคต

ออฟไลน์ lek

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1724
  • พลังกัลยาณมิตร 687
    • ดูรายละเอียด
พระธรรม คือ พระพุทธ

ความคิดอาจมีแก่พวกเธอ อย่างนี้ว่า
ธรรมวินัยของพวกเรามีพระศาสดาล่วงลับไปแล้ว
พวกเราไม่มีพระศาสดาดังนี้

พวกเธออย่าคิดดังนั้น
ธรรมก็ดี วินัยก็ดี
ที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้ว
แก่พวกเธอทั้งหลาย

ธรรมวินัยนั้น
จักเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลาย
โดยกาลล่วงไปแห่งเรา

ออฟไลน์ lek

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1724
  • พลังกัลยาณมิตร 687
    • ดูรายละเอียด
"สิ่งนั้น" หาพบในกายนี้
"แน่ะเธอ! ที่สุดโลกแห่งใดอันสัตว์
ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุบัติ
เราไม่กล่าวว่า ใครๆอาจรู้ อาจเห็น
อาจถึงที่สุดแห่งโลกนั้น ด้วยการไป

"แน่ะเธอ! ในร่างกายที่ยาวประมาณวาหนึ่งนี้
ที่ยังประกอบด้วยสัญญา(ความจำ)และใจนี่เอง
เราได้บัญญัติโลก, เหตุให้เกิดโลก,
ความดับสนิทไม่เหลือของโลก,
และทางดำเนินให้ถึงความดับสนิทไม่เหลือของโลกไว้" ดังนี้แล

ออฟไลน์ lek

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1724
  • พลังกัลยาณมิตร 687
    • ดูรายละเอียด
เมื่อ "เธอ" ไม่มี!
เมื่อใดเธอเห็นรูปแล้ว สักว่าเห็น,
ได้ยินเสียงแล้ว สักว่าฟัง,
ได้กลิ่นแล้ว ก็สักว่าดม,
ได้ลิ้มรสแล้ว ก็สักว่าลิ้ม,
ได้สัมผัสทางผิวกายแล้ว ก็สักว่าสัมผัส,
ได้รู้แจ้งธรรมารมณ์ ก็สักว่าได้รู้แจ้งแล้ว

เมื่อนั้น "เธอ" จักไม่มี

เมื่อใด "เธอ" ไม่มี,
เมื่อนั้นเธอก็ไม่ปรากฎในโลกนี้,
ไม่ปรากฎในโลกอื่น,
ไม่ปรากฎในระหว่างโลกทั้งสอง

นั่นแหละ คือ ที่สุดแห่งทุกข์

ออฟไลน์ lek

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1724
  • พลังกัลยาณมิตร 687
    • ดูรายละเอียด
ไม่ได้ทรงประพฤติพรหมจรรย์
เพื่อให้เขานับถือ

พรหมจรรย์นี้
เราประพฤติมิใช่เพื่อหลอกลวงคนให้นับถือ
มิใช่ประพฤติเพื่อเรียกคนมาเป็นบริวาร
มิใช่เพื่ออานิสงส์เป็นลาภสาการะและเสียงสรรเสริญ
มิใช่เพื่ออานิสงส์จะได้เป็นเจ้าลัทธิ
หรือเพื่อค้านลัทธิอื่นใดให้ล้มลงไป
และหามิใช่เพื่อให้มหาชนเข้าใจว่า
เราได้เป็นผู้วิเศษอย่างนั้นอย่างนี้ ก็หามิได้

ที่แท้ พรหมจรรย์นี้
เราประพฤติเพื่อสำรวม
เพื่อละ เพื่อคลายกำหนัด
เพื่อดับทุกข์...สนิท

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด



อนุโมทนาสาธุค่ะ น้องเล็ก ขอบคุณนะคะ  :13:

ออฟไลน์ lek

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1724
  • พลังกัลยาณมิตร 687
    • ดูรายละเอียด
ลำดับการหลุดพ้น เมื่อเห็นไตรลักษณ์

รูปเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง
สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา,
สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นนั่นไม่ใช่ของเรา
นั่นไม่ใช่เรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา

เธอทั้งหลายพึงเห็นข้อนั้นด้วยปัญญาโดยชอบ
ตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้ ด้วยประการดังนี้
(ในกรณีแห่ง เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
ก็ตรัสอย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งรูป ทุกประการ)

เมื่อบุคคลเห็นข้อนั้น ด้วยปัญญาโดยชอบ
ตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้,

ปุพพันตานุทิฎฐิ(ความเห็นที่ปรารภขันธ์ในเบื้องต้น
หรือความเห็นที่เป็นไปในส่วนของบอดีต)ทั้งหลาย ย่อมไม่มี

เมื่อปุพพันตานุทิฎฐิไม่มี, 
อปรันตานุทิฎฐิ(ความเห็นที่ปรารภขันธ์ในเบื้องปลาย
หรือความเห็นที่เป็นไปในส่วนของอนาคต)ทั้งหลาย ย่อมไม่มี

เมื่ออปรันตานุทิฎฐิไม่มี,
ความยึดมั่นลูบคลำอย่างแรงกล้าย่อมไม่มี

เมื่อความยึดมั่นลูบคลำอย่างแรงกล้าไม่มี,
จิตย่อมจางคลายกำหนัดในรูป ในเวทนา
ในสัญญา ในสังขาร ในวิญญาณ

ย่อมหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย
เพราะไม่มีความยึดมั่นถือมั่น

เพราะจิตหลุดพ้นแล้ว จิตจึงดำรงอยู่
เพราะเป็นจิตที่ดำรงอยู่ จิตจึงยินดีร่าเริงด้วยดี
เพราะเป็นจิตที่ยินดีร่าเริงด้วยดี จิตจึงไม่หวาดสะดุ้ง
เมื่อไม่หวาดสะดุ้ง ย่อมปรินิพพานเฉพาะตน นั่นเทียว

เธอนั้นย่อมรู้ชัดว่า "ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว
กิจที่ควรทำได้สำเร็จแล้ว
กิจอื่นที่จะต้องปฏิบัติเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก

ออฟไลน์ lek

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1724
  • พลังกัลยาณมิตร 687
    • ดูรายละเอียด
สิ่งที่ตรัสรู้...แต่ไม่ทรงนำมาสอน
มีมากกว่าที่ทรงนำมาสอนมากนัก

พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงกำใบไม้สีสปา
ที่ร่วงอยู่ตามพื้นดินขึ้นมาหน่อยหนึ่ง
แล้วตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า

"ภิกษุทั้งหลาย! เธอทั้งหลายเข้าใจว่าอย่างไร
ใบไม้สีสปาที่เรากำขึ้นหน่อยหนึ่งนี้มาก
หรือว่าใบไม้สีสปาที่ยังอยู่บนต้นเหล่านั้นมาก?"

"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! ใบไม้ที่พระผู้มีพระภาค
ทรงกำขึ้นหน่อยหนึ่งเป็นของน้อย
ส่วนใบไม้ทียังอยู่บนต้นสีสปาเหล่านั้น ย่อมมีมาก"

ภิกษุทั้งหลาย! ฉันใดก็ฉันนั้น
ธรรมะส่วนที่เรารู้ยิ่งด้วยปัญญาอันยิ่ง
แล้วไม่กล่าวสอนนั้น มีมากกว่าส่วนที่นำมาสอน

ภิกษุทั้งหลาย! เหตุไรเล่า
เราจึงไม่กล่าวสอนธรรมะส่วนนั้นๆ?

ภิกษุทั้งหลาย! เพราะเหตุว่า ธรรมะส่วนนั้นๆ
ไม่ประกอบอยู่ด้วยประโยชน์ ที่เป็นเงื่อนต้นพรหมจรรย์,
ไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย ไม่เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด
ไม่เป็นไปเพื่อความดับ ไม่เป็นไปเพื่อความสงบ
ไม่เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง ไม่เป็นไปเพื่อความรู้พร้อม
ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน,  ฉะนั้น เราจึงไม่กล่าวสอน

ภิกษุทั้งหลาย! ธรรมะอะไรเล่าเป็นธรรมะที่เรากล่าวสอน?
ภิกษุทั้งหลาย! ธรรมที่เรากล่าวสอน
คือข้อที่ว่า ความทุกข์เป็นอย่างนี้ๆ,
เหตุเป็นที่เกิดของความทุกข์เป็นอย่างนี้ๆ,
ความดับสนิทของความทุกข์เป็นอย่างนี้ๆ,
ข้อปฏิบัติเพื่อถึงความดับสนิทของความทุกข์เป็นอย่างนี้ๆ

ภิกษุทั้งหลาย! เพราะเหตุไรเล่า
ธรรมะส่วนนี้เราจึงนำมากล่าวสอน?

ภิกษุทั้งหลาย! เพราะว่าธรรมะส่วนนี้
ประกอบอยู่ด้วยประโยชน์ เป็นเงื่อนต้นแห่งพรหมจรรย์
เป็นไปเพื่อความหน่าย เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อความดับ เป็นไปเพื่อความสงบ
เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เป็นไปเพื่อความรู้พร้อม
เป็นไปเพื่อนิพพาน, เพราะเหตุนั้นแล เราจึงนำมากล่าวสอน

ออฟไลน์ lek

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1724
  • พลังกัลยาณมิตร 687
    • ดูรายละเอียด
ผู้ไม่ประมาทในความตายแท้จริง

มรณสติ(ความระลึกถึงความตาย)
อันบุคคลเจริญทำให้มากแล้ว
ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่
หยั่งลงสู่นิพพาน มีนิพพานเป็นที่สุด
พวกเธอเจริญมรณสติอยู่บ้างหรือ?

พวกที่เจริญมรณสติอย่างนี้ว่า    "โอ้หนอ
เราอาจจะมีชีวิตอยู่ได้เพียงวันคืนหนึ่งฯ ดังนี้ก็ดี,
เราอาจมีชีวิตอยู่ได้ เพียงชั่วเวลากลางวันฯ ดังนี้ก็ดี,
เราอาจมีชีวิตอยู่ได้เพียงชั่วขณะที่กินเสร็จมื้อหนึ่งฯ ดังนี้ก็ดี,
เราอาจมีชีวิตอยู่ได้เพียงชั่วขณะที่กินอาหารเสร็จเพียง 4-5 คำ
เราพึงใส่ใจถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเถิด
การปฏิบัติตามคำสั่งสอน ควรทำให้มากแล้วหนอ"  ดังนี้ก็ดี,

ผู้ที่เจริญเหล่านี้ เราเรียกว่า ยังเป็นผู้ประมาทอยู่
ยังเจริญมรณสติเพื่อความสิ้นอาสวะช้าไป

พวกที่เจริญมรณสติ อย่างนี้ว่า "โอ้หนอ เราอาจจะมีชีวิตอยู่ได้
เพียงชั่วขณะที่กินอาหารเสร็จเพียงคำเดียว" ดังนี้ก็ดี,
ว่า "โอ้หนอ เราอาจมีชีวิตอยู่ได้เพียงชั่วขณะที่หายใจเข้า
แล้วก็หายใจออก หรือชั่วขณะหายใจออกแล้วหายใจเข้า
เราพึงใส่ใจถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเถิด,
การปฏิบัติคำสอนควรทำให้มากแล้วหนอ" ดังนี้ก็ดี

ผู้ที่เจริญเหล่านี้ เราเรียกว่า เป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว,
เป็นผู้เจริญมรณสติเพื่อความสิ้นอาสวะอย่างแท้จริง

เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้ พวกเธอทั้งหลายพึงสำเหนียกใจไว้ว่า
"เราทั้งหลาย จักเป็นผู้ไม่ประมาทเป็นอยู่,
จักเจริญมรณสติเพื่อความสิ้นอาสวะอย่างแท้จริง" ดังนี้
เธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจ ไว้อย่างนี้แล