บทที่ 3 เสียงปลุก
ภัทเทกรัตตสูตร : WAKE-UP SERMON สาระสำคัญของมรรค คือการปลดปล่อยตนเอง เป้าหมายของผู้ปฏิบัติคือ หลุดพ้นจากปรากฏการณ์ภายนอก* ( *คำว่า ปรากฏการณ์ภายนอก สำนวนที่ใช้หมายถึงการไม่มีอุปาทานสำคัญมั่นหมายในอายตนะภายนอก คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อารมณ์ที่มากระทบ คือ เห็นสักว่าเห็น ได้ยินสักว่าได้ยิน รู้สักว่ารู้ เรียกว่าหลุดพ้นจากปรากฏการณ์ภายนอก … ผู้แปลไทย )
พระสูตรกล่าวว่า “ การปลดปล่อยตนเองออกจากอุปาทาน คือการบรรลุธรรม เพราะมันลบล้างปรากฏการณ์ได้ ” * ( * มโนภาพที่ปรากฏ เพราะอาศัยอายตนะภายในภายนอก ได้แก่ มายาภาพของจิต ดังนั้นถ้ากล่าวถึงปรากฏการณ์ในที่นี้ทุกครั้ง ให้เข้าใจว่า เป็นมายาภาพของจิตที่ต้องสลัดทิ้งไปเสมอ… ผู้แปลไทย)
พุทธภาวะ หมายถึง ความรู้สึกตัว จิตของปุถุชนที่รู้สึกตัวแล้วย่อมเข้าถึงมรรคผลได้ ดังนั้น จึงเรียกว่า พุทธะ “ ปรากฏการณ์ภายนอกเหมือนไม่ใช่ปรากฏการณ์ เพราะไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่สามารถรู้ได้ด้วยตาปัญญาเท่านั้น ใครก็ตามได้ยินและเชื่อคำสอนนี้ ได้ชื่อว่าลงสู่ยานพาหนะใหญ่
1* หรือมหายาน และสามารถออกจากภพทั้ง 3 ได้”
ภพทั้ง 3 คือ ความโลภ ความโกรธ และความหลง การออกจากภพทั้ง 3 หมายถึง การออกจากความโลภ ความโกรธ และความหลง กลับเข้าสู่ศีล สมาธิและปัญญา เพราะความโลภ ความโกรธ ความหลง ไม่มีธาตุแท้ของตนเอง ภพทั้ง 3 อาศัยจิตปุถุชนเป็นที่อยู่ และใครสามารถใช้การไตร่ตรองพิจารณา(ในภพทั้ง 3) ย่อมได้ปัญญา รู้ว่าสภาพความโลภ – โกรธ - หลง ก็เป็นพุทธภาวะด้วย เหนือความโลภ ความโกรธ ความหลง ก็ไม่มีพุทธภาวะ
พระสูตรกล่าวว่า “ พระพุทธเจ้าได้เป็นพระพุทธเจ้า ก็เพราะอาศัยอยู่กับอสรพิษทั้ง 3 และรักษาบำรุงพระองค์เองด้วยธรรมอันไม่บริสุทธิ์ ” อสรพิษทั้ง 3 คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง นั่นเอง
มหายาน เป็นยานใหญ่ที่สุดกว่ายานทั้งปวงมันเป็นยานพาหนะของพระโพธิสัตว์ ผู้ซึ่งใช้ทุกสิ่งโดยไม่ต้องใช้สิ่งใด และผู้ท่องเที่ยวไปทุกวันโดยไม่ต้องท่องเที่ยว ยานเช่นนั้นเป็นยานของพระพุทธเจ้าด้วย
พระสูตรกล่าวว่า “ไม่มียานใด เป็นยานของพระพุทธเจ้า”
ใครก็ตามรู้แจ้งชัดว่า อายตนะทั้ง 6
2* ไม่ใช่ของจริง ขันธ์ทั้ง 5 เป็นภาพลวงและรู้แจ้งชัดว่า ไม่มีสิ่งใดสามารถตั้งอยู่ได้ในกายนี้ คนนั้นย่อมเข้าใจภาษาของพระพุทธเจ้า
พระสูตรกล่าวว่า “ ถ้ำคือขันธ์ 5
3* ( รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ )ก็คือห้องกรรมฐานของผู้ปฏิบัติเซ็น การเปิดตาในได้ ( ธรรมจักษุ ) ชื่อว่าเปิดประตูแห่งมหายานได้ ” จะมีอะไรชัดเจนไปกว่านี้อีกหรือ ?
จิตไม่ปรุงแต่งถึงสิ่งใด ๆ ก็คือเซ็น ทุกครั้งที่ท่านกำหนดรู้อิริยาบถสี่ คือ ยืน เดิน นั่ง นอนและ อิริยาบถย่อยต่าง ๆ อย่างชัดเจน ชื่อว่าเป็นการทำเซ็น การรู้จักจิตนี้ว่า จิตคือความว่าง ชื่อว่าเป็นการเห็นพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทั้ง 10 ทิศ ไม่มีจิต
4* การเห็นความไม่มีจิตเป็นการเห็นพุทธะ
การสลัดทิ้งอัตตาของตนเองโดยไม่มีความเสียใจใด ๆ เป็นการให้ทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด การไปเหนือความเคลื่อนไหวและความนิ่ง เป็นการทำกรรมฐานที่สูงสุด ปุถุชนยังเคลื่อนไหวอยู่ แต่พระอรหันต์ย่อมหยุดนิ่ง
5* แต่สมาธิขั้นสูงสุดย่อมล่วงพ้นทั้งความเป็นปุถุชนและอรหันต์
บุคคลผู้เข้าถึงความเข้าใจเช่นนั้น (ยถาภูตญาณ) ย่อมปลดปล่อยตนเองออกจากปรากฏการณ์ทั้งปวง โดยปราศจากความพยายามและรักษาโรคทั้งปวงโดยไม่ต้องรักษา อำนาจเช่นนั้นเป็นอำนาจแห่งเซ็นอันยิ่งใหญ่
การใช้จิตเฝ้าดูจิต ที่แท้เป็นความหลงผิด* ( *
หลักการของหลวงพ่อเทียน ไม่ให้เอาจิตเฝ้าดูจิตเช่นกัน แต่เน้นให้ใช้สติปัญญาญาณเฝ้าดูจิต ถ้าใช้จิตเฝ้าดูจิตจะสับสนและหลงทางได้ง่าย การใช้จิตเฝ้าดูจิต
หมายถึง การใช้จิตที่ยังมีอุปาทานที่เกิดจากอัตตาตัวตน แต่สติและปัญญาญาณนั้น ได้รับการพัฒนามาจากการ
เจริญสติปัฏฐาน 4 อย่างถูกต้อง ย่อมเข้าดูจิตได้ถูกต้องและชัดเจน … ผู้แปลไทย )
ไม่ใช้จิตค้นหาความจริงแต่ใช้สติปัญญาค้นหา การปลดปล่อยตนเองให้พ้นจากคำพูดและภาษา คือ อิสรภาพ การดำรงจิตไว้ ไม่ให้มีมลทินจากธุลีแห่งเวทนา คือการดูแลรักษาพระธรรม
“ การไปเหนือชีวิตและความตาย คือการออกจากเรือน
6* ( การออกเนกขัมมะเป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้ ) ”
“ การไม่เป็นทุกข์กับเรือนของคนอื่น เป็นการเข้าถึงมรรค ( การมีสติและอุเบกขา อย่างบริสุทธิ์ ) ”
“ การไม่สร้างความหลงให้เกิดอีก คือ โพธิ ”
“ การไม่เกี่ยวข้องกับอวิชชาคือญาณปัญญา ”
“ การพ้นจากความทุกข์ยากลำบาก คือ พระนิพพาน”
“ การหลุดพ้นจากมายาจิต คือการเข้าถึงฝั่งแห่งวิมุติ ”
เชิงอรรถบทที่ 3 หมายเลข 1* - 6*1*หมายถึง มหายาน หรือจิต จิตเท่านั้นที่สามารถจะนำคุณไปไหนต่อไหนก็ได้
2* ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส ผัสสะ และความคิด
3* คือ ขันธ์ 5 หรือองค์ประกอบของจิต ( การปรุงแต่งทางจิต ) ที่ประกอบด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
4* ทิศทั้ง 8 บวกกับทิศเบื้องล่าง
5* อรหันต์เป็นการบรรลุขั้นที่ 4 และขั้นสุดท้ายในพุทธศาสนาฝ่ายหินยาน คือ การเป็นอิสระจากกิเลส จากการเจริญสมถะ
6* เหมือนพระศากยมุนี ได้ปฏิบัติเพื่อแสวงหาการตรัสรู้ ในที่นี้หมายถึง การออกบวชเป็นพระภิกษุหรือภิกษุณี