แสงธรรมนำใจ > ศิษย์โง่ไปเรียนเซ็น

"ยักคิ้วกระพริบตา" ฮานะ เอามาฝากจาก อกาลิโกดอทคอม ขะ

<< < (3/20) > >>

ฐิตา:

ขออนุญาตค่ะคุณขาจรจัด

แวดวงใหนหรือสำนักใหน ก็ไม่พ้นขอบเขตแห่งพุทธะไปได้
สิ่งที่สำคัญที่สุด ในการศึกษาเซน ก้อแค่สมมุติว่าสำคัญที่สุด
ถึงจะมีเพียงแต่เข้าใจก็ไม่มีอะไรเลย
มีเพียงจิตหนึ่งเท่านั้น

(น้องมารน้อย)

ฐิตา:

ขออนุโมทนาสาธุกับ คุณน้องมารน้อยคุณ ขาจรจัด ด้วยครับ
พูดอะไรที่ลึกซึ้งให้เข้าใจได้ยังไง ? งงจังเลย

เลยไปกราบมนัสการถามหลวงพ่อที่วัดข้างบ้านว่า
จิตหนึ่งคืออะไร? ครับหลวงพ่อ?
หลวงพ่อตอบว่า บ้า
เลยยิ่ง งงใหญ่ เลยครับ

(เม็ดทราย)

ฐิตา:

ถูกแล้วที่ครูเว่ยหล่างกลับไม่มีวิธีอันใด แล้วต้นโพธิจะงอกได้อย่างไร พระพุทธองค์ก็ใช้วิธีนี้ในการตรัสรู้เหมือนกัน อย่าลืมสิหนทางหลุดพ้นมี"ทางเดียว"เท่านั้น พวกอริยชนทั้งหลายต่างก็เดินบนเส้นทางนี้กันถ้วนหน้า พวกเซนหากมองดูแบบผิวเผิน อาจมองดูเหมือนพวกเล่นลิ้นแต่ที่จริงของแท้ทั้งนั้น เป็นเพราะ "ความไม่ตกผลึกในธรรม" ของคุณมากกว่าถึงไม่ได้ชิมแกงรสชาดกระแสพระนิพพาน "กระแสพระนิพพาน" ก็คือกระบวนการคลายกำหนัดอย่างแท้จริง ออหลุนยังติดลูกเอาจิตไปสาละวนปรุงแต่งในธรรมอยู่ ก็เหมือนชินเชาที่คอยปรุงแต่งว่า "มีเรา มีกาย มีจิต มีความเพียรคอยหมั่นเช็ดถูกระจก แถมยังเอาจิตลงไปบัญญัติอีกว่า มันจะมีฝุ่นละอองที่ใหนลงมาจับกระจก"

ทั้งปวงก็คือจิตที่ยังปรุงแต่งในธรรมว่า "มีเรา" เรามีวิธีหลุดพ้น เรามีสติสมาธิ ปัญญาดูดีนะแต่สอบตก เป็นได้แค่กัลยาณชนผู้ที่เดินทางมาถึงประตูแห่งพระนิพพาน แต่ไม่มีปัญญาก้าวข้ามประตูเข้าไป หมดสิทธิ์เข้าถึงสภาวะของอริยชนทั้งหลาย มันเป็น "อวิชชาซ้อน" การพิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรมล้วนแต่เป็นการปรุงแต่งทั้งสิ้น หากเข้าใจหลักที่พระพุทธองค์ตรัสว่า "ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น" ก็จะตัดลูกลังเลสงสัยออกได้ทันที ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็น "ลัทธิแว่นส่องสมาธิและปัญญาไป" เหมือนกับที่ครูฮวงโปเคยกล่าวไว้ กว่าจะดับได้กว่าจะว่างได้จะต้องเข้าไปปรุงแต่งลูบๆคลำๆก่อนทำไมว่ามันคืออะไรกับอะไรและต้องใช้วิธีอะไรเข้าไปจัดการ ฮวงโปท่านเปรียบเปรยไว้ว่า "เหมือนสุนัขที่มันเห่าแม้กระทั้งใบตองที่มันกระดิกเพราะถูกลมพัดมาเล็กน้อย" สาธุ (จาก... อสูรแก่สุชัมบดี)

(สุชัมบดี)

ฐิตา:

เก่งจริงๆคุณน้อง"มารน้อย" ขอชมจากใจจริง ขอให้หมดจดในชาตินี้เลยนะ เห็นชื่อคุณแล้วนึกถึง "นางสุชาดามารอสูร" ธิดาของเจ้าอสูรเวปจิตติ นางผู้มีปัญญาซึ่งนางได้เป็นคู่อธิษฐานของท่านท้าวสักกะ อยู่ด้วยกันที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เห็นด้วยนะที่การที่เอาจิตเข้าไปตกแต่งเป็นความผิดพลาดทั้งปวง นักภาวนายุคนี้ส่วนใหญ่ติดปรุงแต่งในธรรม เหมือนเส้นผมบังภูเขาอยากจะบอกด้วยซ้ำว่า "การพิจารณา การตั้งใจ การจงใจ การเด็ดเดี่ยวฯลฯ" ก็อย่าให้มี ถึงมีก็ไม่เที่ยง ดับในตัวมันเอง ทั้งนี้เป็นการปรับไปสู่กระบวนการ "ความหยุดโดยสมบูรณ์" ของจิตโดยแท้จริงเป็นความดับสนิทแบบไม่มีเหลือ นี่แหละคือ "จิตหนึ่งหรือจิตเดิมแท้" อีกนัยหนึ่งก็คือ "ตถตา" มันเป็นเช่นนั้นของมันเอง แต่อย่าเข้าไปแบกอีกนะว่ามันคือ ตถตา กลับคืนสู่ธรรมชาติล้วนๆ (มารน้อยช่วยติดต่อผมทางอีเมล์ด้วย อยากได้ไว้เป็นกัลยาณมิตรทางธรรมจาก....อสูรแก่สุชัมบดี)

(สุชัมบดี)

ฐิตา:

สวัสดีขอรับทุกๆท่าน
สวัสดีขอรับคุณเม็ดทราย

ยิ่งคิดยิ่งบ้า ยิ่งคิดยิ่ง งง
ฟังเฉยๆ เห็นเฉยๆ รู้เฉยๆ ได้ยินเฉยๆ ไม่สำคัญมั่นหมาย ทั้งดี หรือร้ายไม่คิดตาม ไม่ปรุงแต่งตาม ก็ไม่บ้า ไม่ งง ขอครับ

(ขาจรจัด)


: http://agaligohome.com/index.php?topic=4466.0

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version