ผู้เขียน หัวข้อ: "ยักคิ้วกระพริบตา" ฮานะ เอามาฝากจาก อกาลิโกดอทคอม ขะ  (อ่าน 25460 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด

คุณขาจรเจ้าค่ะ

คำว่า ""คิดต้องนาน """
นั่นแหละ เค้าเรียกว่า ไม่เข้าใจพื้นฐานของเซนเลยซักกะติ๊ดๆ เจ้าค่ะ
รู้จัก ความไม่ต้องคิดของเซนไม๋จ๊ะ
ไม่ได้ให้คิดนานๆนะจ๊ะๆไม่ได้ให้ตามความคิดนะจ๊ะๆ

บอกว่า หลงคิดตั้งนานแสดงยังไม่รู้ตัวอีก ว่าหลงกับความคิด ไปนาน
แบบนี้เค้าเรียกว่าตามความคิด นะจ๊ะๆ
การเห็นความคิดแตกต่างกัน กับการตามความคิดนะจ๊ะ นะจ๊ะ

ทั้งหมดที่พูดมาไม่รู้ว่าใครพูดเหมือนกันแหละหาตัวตนคนที่พูดไม่ได้
ไม่พูด ก็ไม่ได้ เพราะ ไม่มีตัวตนจะ บังคับให้ไม่พูดก็ไม่ได้

ไม่ได้ต้องหุบปาก เพราะอายกลิ่นปากนี่จ๊ะ
และก็ไม่ได้พูดเพราะปากหอมนี่จ๊ะ

เทวะ ก็คือเทวะธรรมดาก็คือธรรมดาๆ
ฉะนี้เองโดยไม่ต้องคิด

เริ่มใหม่นะค๊ะไม่มีช้าไม่มีเร็ว
ให้กำลังใจนะ
มาให้ จุ๊ปส์ ทีนึงอิๆ

(น้องมารน้อย)

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด

ท่านเว่ยกล่างกล่าวว่า

"ไม่มีต้นโพธิ์ไม่มีกระจกฝุ่นละอองจะจับที่ใด"

ในขณะที่ให้คนเขียนโศลกให้ เพราะท่านไม่รู้หนังสือ
และความเข้าใจ ขณะนั้น อาจจะแจ่ม กว่า บรรดาศิษย์ผู้ใดทั้งหมด

แต่โศลกนี้ ก็ต้องถูกลบด้วยรองเท้า
เพราะ โศลกนี้ ยังไม่อาจเข้าสู่ประตูแห่งความว่างได้

ท่านสังฆปรินายก จึงต้องเรียกท่านเว่ยหล่าง ไป ในตอนดึก
เพื่อต่อโศลก ให้สมบูรณ์

ท่านเว่ยหล่างถึงกับหุบปากเงียบ( แบบเซน) ในค่ำคืนนั้น

นี่คือปริศนาด่านสุดท้ายของพระสูตรเว่ยหล่าง ทั้งเล่ม และเป็นปริศนาของเซนทั้งหมด

ใครอยากรู้ ยกมือขึ้น

(น้องมารน้อย)

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด

กราบขอบคุณ
และกราบอนุโมทนา คุณน้องมารน้อย ที่ให้ธรรมะได้ถึงใจจริง ๆ

หลงคิดตลอดเวลาแต่ไม่รู้ตัว
หลงซับหลงซ้อน หลงไม่เลิก
ความคิดมันไม่ใช่เราห้ามมันก็ไม่ได้
มันเกิดเพราะเหตุแล้วดับไปตามเหตุ

ไม่มีอะไรเหลือให้ยึดไว้ได้
เปล่า เปล่า ปลี้ ปลี้ จริง ๆ

ตาสว่างวันนี้เอง
สาธุสาธุสาธุ จ้ะคุณน้องมารน้อย

(ขาจร)

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด

พี่ขาจรค่ะ
อนุโมทนานะค่ะ

เอาแหละ
เมือความคิด ไม่ใช่เรา ไม่ได้เเป็นของเราห้ามไม่ได้ บังคับไม่ได้
หลงคิดตลอดเวลา แต่ไม่รู้ตัว
หลงซับ หลงซ้อน หลงไม่เลิก
ความคิดมันไม่ใช่เรา ห้ามมันก็ไม่ได้
มันเกิดเพราะเหตุ แล้วดับไปตามเหตุ

ไม่มีอะไรเหลือให้ยึดไว้ได้
เปล่า เปล่า ปลี้ ปลี้ จริง ๆ

ถ้าเห็นได้จริงดังนั้น ก็ถูกทางค่ะ

แต่จะยังคงเห็นและเป็นเหมือน ท่านเว่ยหล่าง ขณะที่ให้คนเขียนโศลก
เป็นสภาวะเช่นเดียวกับท่านใน ขณะนั้น

ที่ ไม่มีต้นโพธิ์ ไม่มีกระจกฝุ่นจะจับอะไร

และจากโศลกนี้ท่านสัฆปรินายก เห็นอะไรจากโศลกนี้ จึงต้องเรียก ท่นเว่ยหล่างไป ในตอนดึก

นี่คือปริศนาด่านสุดท้าย ของพระสูตรเว่ยหล่าง ทั้งเล่ม และเป็นปริศนาของเซนทั้งหมด

ใครอยากรู้ ยกมือขึ้น

(น้องมารน้อย)

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด

แสดงว่าไม่มีคนอยาก รู้มีแต่คนอยาก ไม่รู้
เลยไม่มีใครยกมือ
ใช่ป่าว อิๆ
หรือเข้าถึงความว่างอันบริบูรณ์กันหมดแล้ว เลยไม่มีใครที่จะมีมืออิๆ
สาธุๆๆ

ชอบ ๆๆๆๆเหมือนกันนะเนี่ย มีคนชม คนโมทนา อิๆ

จริงๆแล้วไม่ต้องทำเช่นนั้น ก็ได้ค่ะ
แต่ถ้าจะทำ จงรู้ว่า การกระทำทั้งหมด ทั้งหมดปราศจากการมีส่วนร่วมหรือบังคับบัญชาไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
ทำสักว่าทำทำตามบทตามความเคลื่อนใหวอันเป็นไปโดยอัตโนมัติ ของกาย และจิต
ไม่ได้ทำเพราะเห็นดีไม่ได้ทำเพราะชอบ ไม่ได้ทำเพราะ ถูกใจเรา
ไม่ได้เป็นเราเราไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ กับการกระทำนั้นๆ เลย แม้ยักคิ้ว กระพริบตา

ที่สุดของธรรมะ

ธรรมะเป็นของว่างเปล่าในตัวเอง ตั้งแต่เดิม แต่ใหนแต่ไรมา
ให้ไปแสดงไป ก็ไม่มีใคร ได้อะไรสักอย่างไม่ได้ว่างขึ้นไม่ได้ว่างลง
แต่ถ้ามีใครมีตัวตนคนนั้นก็ได้ไปคนนั้นก็ยึดถือไป

ความว่าง หรือธรรมะมีอยู่เต็มเปี่ยมอยู่แล้ว ในจิตหนึ่ง ในทุกคน
แต่เมื่อ ไม่ได้มีความเป็นคนไม่ได้มีความเป็นตัวตน
เลยไม่มีใครได้อะไรเพิ่ม ไม่ได้ลดอะไรไป
เป็นของว่างเปล่าแท้จริง


คำเตือน

การแสดงธรรม ของใครก็ตามเป็นความสามารถเฉพาะตัว ห้ามลอกเลียนแบบ
บทบาทใครบทบาทคนนั้น
ธรรมชาติของคน ๆ ผู้แสดงธรรมนั้นเป็นเช่นนั้นเอง
เป็นธรรมชาติที่ แม้แต่ผู้แสดงธรรมเองก็ไม่อาจบังคับบัญชาไม่ได้แม้แต่คนเดียว แม้แต่นิดเดียว
ทั้งคำพูดและธรรมที่แสดง
ไม่ว่าจะแสดงเช่นไรย่อมเป็นไปตามอัตโนมัติ
ธรรมชาติ ของผู้ฟังธรรม ย่อมเป็นไป โดยบังคับบัญชา ตัวเองไม่ได้เช่นการยักคิ้วกระพริบตาเช่นกัน
เข้าใจ ไม่เข้าใจ ถึงใจ ไม่ถึงใจ ย่อมเป็นเช่นนั้นเอง

เสื้อผ้าที่สวม จะห่มจีวร หรือจะแก้ผ้า
ไม่มีใครสักคนเดียวที่จะเลือกเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มได้เอง แม้แต่คนเดียว

รู้บทบาทของตนเองรู้บทบาทของแต่ละคน
รู้ความเป็นออโตเมติก ของบทบาท และความเคลื่อนใหวของตัวเอง และของคนอื่นๆ
นั้นคือรู้ธรรมชาติ ความเป็นไปของธรรมชาติ ความเป็นตถตา ของสิ่งทั้งหลาย

ไม่ได้เข้าไปมีส่วน กับสิ่งใดๆเลย
เหมือนกับการยักคิ้วกระพริบตา
บทบาททุกคนย่อมต่างกันไปตามจริตของ กายา และใจ เป็นไปอย่างอัตโนมัติ

บิดาหนูคือท่านวิมลเกียรติธรรมชาติที่แท้จริงของท่านคือความว่าง
มารดาคือท่านปารามิตา คือความว่าง
ครูบาอาจาย์ คือท่านสังฆปรินายก คือความว่าง
อาจารย์ที่ปรึกษา คือ พระองค์เจ้ากฤษณะ คือความว่าง
ธรรมชาติที่แท้จริงของท่านทั้งหมดคือความว่างมีแต่จิตหนึ่งเท่านั้น

จึงปราศจากเครื่องข้องทั้งมวล

จึงไม่มีทั้งต้นโพธิ์ ไม่มีทั้งกระจกไม่มีแม้แต่ฝุ่นละออง แม้แต่ปรมาณูเดียว ที่หลวงปุ่ดุลย์กล่าวว่า มีเทวดาอยู่ได้ ถึง 8 องค์

มีแต่จิตหนึ่งเท่านั้น

(น้องมารน้อย)

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด

มาถึงบทนี้ ก็จะใช้ต้นโพธิ์ สรุป
โดยไม่เกี่ยวข้อง กับจิตสรุปและฝุ่นละออง

ฝุ่นละอองคือความคิด
เมื่อยังลอยล่องอยู่เกิดดับอยู่จึงไม่อาจเข้าถึงความบริบูรณ์ได้
ฝุ่นละออง แม้จะไม่มีค่าเลิศเลอ เช่นเพชรพลอยที่หลายคนพยายามหามาใช้ เอาไปประดับบนความว่าง

แต่ ปรมาณูเดียวของฝุ่นละออง ที่หลวงปู่ดุลย์ ท่านกล่าวว่ามีเทวดาอยู่ได้ถึง 8 องค์
ก็สามารถบดบังความว่างให้มัวหมองได้เช่นเดียวกันเฉกเช่นเพชรพลอย

ที่ท่านเว่ยหล่างได้ให้คนเขียนโศลกกล่าวว่า
ไม่มีต้นโพธิ์ไม่มีกระจก ฝุ่นจะเกาะอะไร

แต่ ท่านสังฆปรินายก กลับมองเห็นฝุนละอองที่ล่องลอย เกิดดับอยู่ในความว่างจากโศลกนั้น

และ เหตุนี้เอง จึงได้เรียกท่านเว่ยหล่างเข้าไป

จากวัชรสูตรที่กล่าวถึงลักษณะทุกลักษณะ อันเป็นมายาเฉกเช่นความว่าง
และเมื่อท่านเว่ยหล่างได้ฟังพระสูตร ถึงบทที่ว่า
ควรดำรงจิต ในวิถีทาง ที่จะปราศจากเครื่องข้องทั้งปวง

เมื่อต้นโพธิ์ และกระจก ที่ว่างเปล่าจากข้อเท็จจริงกระทบกับเครืองข้อง ที่ว่างเปล่าจากข้อเท็จจริง
มากระทบกัน
การกระทบ ของความว่าง ทั้งหลาย ที่กระทบกันจะบังเกิดได้แต่เพียงความว่าง เท่านั้น
ไม่ได้เกิดฝุ่นละออง หรือความคิดแม้แต่ปรมาณูเดียว
ทั้งเหตุและปัจัย ต่างว่างเปล่าเสมอกัน

ฝุ่นละอองทั้งหมดจึงไม่อาจเกิดได้อีกเลย

ความสว่างไสวของจิตเดิมแท้ จึงปรากฎ ณ แต่นั้นเป็นต้นมา

(น้องมารน้อย)

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด

อนุโมทนา สาธุ ครับ

(ขาจร)


----------------

วิเศษมากเลยขอรับ
สิ่งที่ไม่เคยได้ยินได้ฟัง ได้ปรากฎที่นี่แล้ว
ไม่เคยเจอบทสรุปที่ว่างและสมบูรณ์เช่นนี้เลย
ไม่มีกาย ไม่มีจิต แต่ฝุ่นละอองยังเกิดดับปลิวว่อน อยู่ในความว่าง
ความคิดอ่านทั้งหลายต่างเกิดดับไมหยุดหย่อน
จึงไม่เป็นความว่างที่สมบูรณ์ อย่างที่กล่าวจริงๆ

แม้จะเห็นจิตเดิมแท้อยู่ แม้จะสัมผัสถึงจิตเดิมแท้ แม้ความคิดอ่านทั้งหลายจะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดจากการปฎิบัติ แต่ยอมรับจริงๆ ว่า ความคิด ยังมีเกิดและดับเสมอๆ
โดยถึงแม้ว่า จะเห็นเป็นของว่าง ไม่ยึดถือในความคิดที่ออกมา แต่ยังเกิดดับ ไม่หยุดหย่อน
บางคราว ก้กลายเป็นความรู้สึกค่อนข้างรำคาญอยู่เหมือนกัน ขอรับ
แม้จะเข้าใจว่าบังคับบัญชาไม่ได้ แต่เห็นได้ชัดว่า เมื่อเกิดความคิดขึ้นมา ความว่างจึงเสียรูปไปอย่างเห็นได้ชัดเจน ขอรับ จริงขอรับ

ความไม่เสมอทัดเทียมกัน จึงบังเกิดเครื่องข้อง ต่อเมื่อเครื่องข้องทั้งหลาย กลับกลายเป็นความว่าง
การกระทบ การดึงดูด การผลักดัน การพัวพัน ก็มีแต่ว่างๆๆๆๆๆๆ หาความแตกต่าง หาแรงต่างๆไม่ได้เลย
ความคิดทั้งหลายจึงสิ้นสุดลง เป็นความว่างอันบริบูรณ์จริงๆขอรับ


ขณะที่ผมปฎิบัติอยู่ ณ ตอนนี้ ได้ลองปรับการดำรงจิตใหม่
เพราะเริ่มเข้าใจในสภาวะของเครื่องข้องทั้งหลาย ที่กรุณาชี้แจงถึงความไม่มีในสิ่งนี้น เปรียบได้กับความว่าง
เมื่ออายตนะและขันธ์ รวมทั้งจิตที่ว่าง กระทบกับเครื่องข้องและสิ่งแวดล้อมที่เป็นความว่าง
มันกลับไม่เกิดความคิดใดๆเอง โดยไม่ต้องบังคับ ไม่ได้กด แต่กลับไม่เกิดความคิดใดๆ ว่างไปได้เอง อย่างมหัศจรรย์ ขอรับ
ความคิดไม่ได้เกิดขึ้น เมื่อเห็นสิ่งใด ไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งใด ความคิดก็ไม่ได้เกิดขึ้น
มันเหมือนจะดับไปอย่างที่ว่าจริงๆขอรับ
แต่พอเห็นสิ่งแวดล้อมทั้งหมด เป็นตัวตนขึ้นมา เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นบ้าน ความคิดเกิดขึ้นทันที ที่กระทบ
พอสติกลับมา เห็นเครื่องข้องทั้งหมดเป็นของว่าง เป็นของไม่เที่ยง ความคิดกลับดับ มหัศจรรย์มากขอรับ
เมื่อมีสติรู้ภายใน ภายนอก ว่าเป็นของว่าง ตลอดเวลา ความคิดอ่านกลับหายไป นานๆมากๆ ขอรับ

และนี่เอง เปรียบได้กับมหาสติปัฎฐาน อย่างแท้จริง รู้นอก รู้ใน รู้ตัว รู้ทั่ว รู้พร้อม รู้ว่าทั้งหมด คือความว่าง
รู้เช่นนี้ตลอดเวลา ความคิดดับไปได้ และสิ้นสุดลงได้ จริงๆ ขอรับ
สมกับที่เซนกล่าวว่า เมื่อความคิดปรุงแต่งสิ้นสุดลง ธรรมะทั้งหมดจะมีประโยชณ์อะไร
อย่างนี้นี่เอง

พอเห็นแล้ว ขอรับ
ไม่มีใครเคยชี้ได้ชัดเจน เช่นนี้เลยขอรับ
ขอบพระคุณมากๆ ขอรับ สาธุๆๆ

(ขาจรจัด)

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด

คุณมะลินี่ใช่คุณน้องมารน้อยหรือเปล่า ขอรับ

(ขาจรจัด)

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด

มะลิจะเป็นมารได้อย่างไรเจ้าค่ะ
คนละคนกัน นะเจ้าค่ะ

แล้วคุณขาจรจัด จะดำรงจิต แบบใหนอีกล่ะค่ะ
ใครเป็นผู้ดำรงจิต
จิตเป็นของผู้ใด

แบบนี้ เรียกว่า มาถึงขอบบ่อแล้วกระโดดถอยหลัง

เวลาของกาย และจิต ย่อมเป็นไปโดยออโตเมติกบังคับไม่ได้
เห็นเวลายังมีเวลา
มืดและสว่างย่อมสับเปลี่ยนหมุนเวียน
เวลาว่าง เมื่อไร หมดเวลา


อยู่เหนือการเวลา

(น้องมารน้อย)