เหลือเชื่อ! แค่เป็นหวัด ทำสาวเกือบพิการทั้งชีวิต
-http://health.kapook.com/view40336.html-
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Youtube.com โพสต์โดย DuangAesthetic
เมื่อถามว่า โรคอะไรที่เป็นแล้วมีโอกาสเสียชีวิตสูงที่สุด คนส่วนใหญ่ก็คงคิดไปถึง โรคเอดส์ โรคมะเร็ง ที่ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่า หากเป็นโรคเหล่านี้เมื่อไหร่ โอกาสรอดชีวิตมีไม่มากนัก แต่ในรายการตีสิบ เมื่อคืนวันอังคารที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้นำเสนอเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่เกือบพิการ และเกือบจะเสียชีวิต เพียงแค่เธอป่วยด้วยโรคหวัดธรรมดา
ฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อเลยว่า โรคหวัดธรรมดา ๆ ที่ใคร ๆ ต้องเคยเป็นจะมีพิษสงร้ายกาจถึงเพียงนี้ นี่คือเรื่องจริงที่คุณปูน สาธกา นำมาบอกเล่าต่อกัน
คุณปูน เล่าว่า สมัยก่อนเธอเคยมีน้ำหนักถึง 143 กิโลกรัม แต่ก็ยังเดินวิ่งได้สบาย ๆ และยังเคยไปประกวดราชินีช้างด้วย ซึ่งเธอก็ไม่ได้ห่วงเรื่องรูปร่างเลย เพราะมีความสุขกับการรับประทานอาหารมาโดยตลอด แต่อยู่มาวันหนึ่ง เธอเกิดเป็นหวัด มีอาการเจ็บคอ มีน้ำมูกเหมือนหวัดทั่ว ๆ ไป แต่เธอก็ไม่ได้ไปหาหมอ เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็คงหายเอง แถมยังคิดว่าสาเหตุของอาการเจ็บคอ เกิดจากที่เธอต้องใช้เสียงเรียนร้องเพลงอยู่ทุก ๆ วัน จึงไม่ได้คิดอะไร
คุณปูน เล่าว่า กระทั่งเวลาล่วงเลยมา 2 เดือน อาการหวัดก็ยังไม่หาย ช่วงนั้นเธอมีอาการไข้ขึ้น ไข้ลด สลับกัน ไม่ปวดหัว แต่มีน้ำมูก เจ็บคอ และไออยู่ตลอดเวลา ซึ่งคุณปูนก็ไม่ได้ทานยาอะไรรักษาเลย เพราะคิดว่ายังไงอาการแบบนี้ก็คงหายเองได้อยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาก็เป็นคนที่ป่วยบ่อย แต่ก็ไม่ได้เป็นหนัก และทุกอาการสามารถหายเองได้
แต่แล้ววันหนึ่ง คุณปูน ตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้าแล้วพบว่า อาการเจ็บคอและน้ำมูกหายไปหมดแล้ว แต่ร่างกายตัวเองกลับอ่อนแรง ลุกจากที่นอนได้ลำบาก ขึ้นบันไดลำบาก เธอจึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง หมอจึงนัดเธอตรวจ EMG หรือก็คือ การตรวจคลื่นไฟฟ้าของกล้ามเนื้อ แต่ต้องรอ 3 วัน เพราะคิวตรวจยาว
ระหว่างที่คุณปูนรอคิวตรวจ EMG นั้น เป็นช่วงเวลาที่เธอทุกข์ทรมานมาก เพราะอาการของโรคเริ่มปรากฏขึ้นอย่างเห็นชัด กล้ามเนื้อของเธออ่อนแรงลงไปเรื่อย ๆ จนไม่สามารถพยุงตัวเองเข้าห้องน้ำได้แล้ว แม้แต่เปลี่ยนเสื้อผ้าก็ทำไม่ไหว เพราะขาทั้งสองข้างฉุดให้เธอล้มลงไปเองราวกับไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออีกแล้ว
EMG การตรวจคลื่นไฟฟ้าของกล้ามเนื้อ
หลังจากทำ EMG เสร็จ แพทย์ก็วินิจฉัยว่า คุณปูนป่วยด้วยโรค GBS (Guillian-Barre Syndrome) ซึ่งเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองอย่างหนึ่งที่เกิดกับระบบประสาทส่วนปลาย แต่ที่ทำให้คุณปูนตกใจก็คือ คุณหมอบอกว่า โรคนี้เกิดจากการที่คนเป็นหวัดเรื้อรัง แล้วไม่รักษาให้หาย ทำให้เชื้อไวรัสหวัดที่เป็นอยู่กลายพันธุ์เป็นเหมือนเส้นประสาทในร่างกาย เลยทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายที่ปกติจะมีหน้าที่ฆ่าไวรัสไปทำลายเส้นประสาทด้วย เพราะคิดว่าเป็นไวรัส ทำให้ผู้ป่วยมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง
คุณปูน เล่าต่อว่า โรคนี้หากไม่รีบรักษา โรคก็จะดำเนินไปเรื่อย ๆ ที่โชคร้ายที่สุดก็คือ เชื้ออาจไปกินกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้ผู้ป่วยหายใจเองไม่ได้ และเสียชีวิตได้ ส่วนคนที่รักษาทันก็จะไม่หายกลับมาเป็นปกติ อาจจะมีความพิการหลงเหลืออยู่ เพราะเชื้อได้กินกล้ามเนื้อไปแล้วบางส่วน
สำหรับ คุณปูน นั้น เชื้อไวรัสได้กินกล้ามเนื้อส่วนขาไปแล้ว ทำให้เธอเดินเหินลำบากมาก แต่ครั้นจะรักษาก็ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล เพราะมีค่าใช้จ่ายถึง 5 แสนบาทต่อน้ำหนัก 50 กิโลกรัม ซึ่งในช่วงเวลานั้น คุณปูน มีน้ำหนักถึง 143 กิโลกรัม หากจะรักษาจริง ๆ ต้องใช้เงินกว่า 1.5 ล้านบาท ทำให้เธอต้องตัดสินใจย้ายมารักษาตัวที่โรงพยาบาลของรัฐบาลแทน
อย่างไรก็ตาม กว่าที่คุณปูนจะได้รักษาตัวในโรงพยาบาลรัฐบาล คุณปูน ต้องใช้เวลาอีกกว่า 10 วัน เพื่อรอตรวจวินิจฉัยอะไรหลาย ๆ อย่าง ช่วงระหว่างที่รอนั้น ก็ทำให้อาการของโรคดำเนินไปมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง คุณปูน ลุกไปเข้าห้องน้ำแล้วเกิดทรุดลงกับพื้น พยาบาลกว่า 10 คน ต้องมาช่วยกันอุ้มเธอขึ้นมา และหลังจากเหตุการณ์วันนั้น คุณปูน ก็ไม่สามารถยืนขึ้นมาได้อีกเลย
คุณปูน เล่าว่า เธอนั่งอยู่บนเตียงนานกว่า 1 เดือน โดยที่ไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้เลย ทำให้รู้สึกเบื่อมาก เธอจึงขออนุญาตคุณหมอว่าจะหัดเดินใหม่ คุณหมอจึงให้เธอไปทำกายภาพ พร้อมกับการรักษาด้วยการฉีดยาเข้าเส้นเลือด แต่อาการก็ยังไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่นัก เพราะเธอยังไม่สามารถพยุงตัวเองได้ คุณหมอจึงบอกให้เธอลดน้ำหนักลง เพราะหากยังมีน้ำหนักตัว 143 กิโลกรัมแบบนี้ ก็คงไม่สามารถเดินได้
หลังจากนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลนานกว่า 6 เดือน คุณปูน ก็ขออนุญาตกลับมาอยู่บ้าน และตั้งใจจะลดน้ำหนักลงให้ได้ เพื่อจะได้กลับมาเดินได้เหมือนเดิม ซึ่งความมุ่งมั่นของคุณปูนก็ทำให้เธอลดน้ำหนักลงได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ 5-6 เดือน จากน้ำหนัก 143 กิโลกรัม ก็เหลือเพียงแค่ 100 กิโลกรัม และเมื่อเห็นว่าตัวเองสามารถลดน้ำหนักได้สำเร็จ คุณปูน ก็เดินหน้าลดน้ำหนักลงอีก จนสุดท้าย เธอมีน้ำหนักเหลือเพียง 48 กิโลกรัมอย่างไม่น่าเชื่อ โดยใช้เวลาลดน้ำหนักแค่ปีกว่า ๆ เท่านั้น
โปรดติดตามต่อ
.