ประชาสัมพันธ์ > การเตือนภัยสังคมและกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ

ระวังถูกหลอกและเรื่องเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ของใกล้ตัว

<< < (26/38) > >>

sithiphong:
เตือนภัย! แอปธนาคารปลอมระบาดใน Playstore
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    26 มีนาคม 2557 23:35 น.

-http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9570000034392-



 ธนาคารไทยเร่งออกโรงเตือนลูกค้าทุกช่องทางให้ระวังแอปปลอมระบาดในกูเกิล เพลย์สโตร์ บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ย้ำทางแก้ไขก่อนดาวน์โหลดควรดูชื่อผู้พัฒนาให้แน่ชัด ป้องกันอันตรายจากกลุ่มมิจฉาชีพได้


       ธนาคารไทยเริ่มประกาศออกทุกช่องการสื่อสารเพื่อให้ลูกค้ารับทราบถึงแอปพลิเคชันปลอมที่กำลังระบาดอยู่ Playstore ของระบบแอนดรอยด์ โดยรายชื่อธนาคารที่มีการปลอมแอปพลิเคชันมี 5 ธนาคารได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรี และสุดท้ายธนาคารธนชาติ


       โดยธนาคารกรุงไทยมีข้อความเตือนผ่านระบบไลน์ว่า “โปรดระวัง!!! App.ปลอมบนระบบปฏิบัติการ Android หากต้องการดาวน์โหลด หรือทำธุรกรรมผ่าน App : KTB netbank โปรดสังเกตชื่อผู้ผลิต app. ของจริงคือ Krung Thai Bank PCL. เท่านั้น หากพบ App.ต้องสงสัย อย่าดาวน์โหลด หรือติดตั้ง และโทรแจ้ง 1551 เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สิน ทราบแล้วอย่าลืมบอกต่อเพื่อนๆ นะครับ”


       ขณะที่ธนาคารไทยพาณิชย์ก็ออกข้อความเตือนผ่านระบบไลน์และทวิตเตอร์เช่นกันว่า “ขณะนี้มี mobile app Internet Banking ปลอมของหลายธนาคารที่ไม่ได้ทำโดยธนาคารเอง อยู่บน Google Play Store แนะวิธีสังเกตตามภาพ” โดยธนาคารไทยพาณิชย์แจ้งผ่านทวิตเตอร์ว่ากำลังอยู่ระหว่างประสานงานกับทางกูเกิลเพลย์
       
       ทั้งนี้บริษัทที่ทำแอปดังกล่าวขึ้นมามีชื่อผู้พัฒนาว่า ‘SCIENTIFIKA MEDIA’ โดยแอปพลิเคชันทั้งหมดของ 5 ธนาคารเริ่มเผยแพร่เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2557 วันเดียวกันทั้งหมด โดยจำนวนการดาวน์โหลดยังเป็น 0 ครั้ง และในรายละเอียดแจ้งว่าเป็นเพียง Launcher สำหรับการเข้าสู่หน้าเว็บของธนาคาร พร้อมรายละเอียดที่แจ้งว่าสามารถทำธุรกรรมต่างๆไว้อย่างครบถ้วน โดยเวอร์ชันที่เผยแพร่ล้วนเป็นเวอร์ชัน 1.0 ทั้งสิ้น



http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9570000034392

sithiphong:
ยอด ATM ถูกแฮกเกอร์ดูดเงินพุ่ง 40 ราย เสียหายเกือบ 7 แสน

-http://hilight.kapook.com/view/100534-



ยอดATMถูกแฮกเกอร์ดูดเงินประชาชื่นพุ่ง40ราย  (ไอเอ็นเอ็น)

          ยอดผู้เสียหายจากแก๊งคนร้ายแฮกบัตรเอทีเอ็ม เพิ่มสูงขึ้นเป็น 40 ราย เสียหายเกือบ 7 แสนบาท ขณะที่ตำรวจ ร่วมประชุมหามาตรการป้องกัน

          วันนี้ (9 เมษายน 2557) ร.ต.ท.คมสัน ทุติยานนท์ พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น เปิดเผยความคืบหน้า เหตุแก๊งคนร้ายแฮกบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายเพื่อนำไปกดเงินในพื้นที่ต่าง ๆ ตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมาว่า ในขณะนี้มียอดผู้เข้าแจ้งความเพิ่มเป็น 40 ราย รวมมูลค่าประมาณ 679,900 บาท ซึ่งในส่วนเจ้าหน้าที่ทราบจุดหมายปลายทางของตู้เอทีเอ็มที่เงินได้ถูกกดออกตามต่างจังหวัดนั้น ได้มีการประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่นั้น ๆ เพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิด ในการหารายละเอียดคนร้ายต่อไป

          โดยวันพรุ่งนี้ (10 เมษายน 2557) เวลา 10.30 น. พ.ต.อ.ณัฏฐ์ภาณพ วัชรเสวี ผกก.สน.ประชาชื่น พ.ต.ท.ณัฐวัฒน์ เกศะรักษ์ พงส.ผนพ. (หน.) สน.ประชาชื่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) และเจ้าหน้าที่ธนาคารทุกแห่งที่รับแจ้ง จะร่วมประชุมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อประชุมเร่งรัดคดีดังกล่าว และหามาตรการในการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ

          ในส่วนของคดีนั้น ในขณะนี้ตำรวจได้รวบรวม รหัสตู้เอทีเอ็ม ที่ถูกกดเงินไปอยู่ ซึ่งในวันที่ 10 เมษายน นี้ จะนำไปให้เจ้าหน้าที่ธนาคารตรวจสอบว่ารหัสใดและเป็นธนาคารใดบ้าง
 
INN News

แก้วจ๋าหน้าร้อน:
 :30: แอปธนาคารปลอมระบาดใน Playstore น่ากลัวมากครับพี่หนุ่ม
ผมเองไม่ลงแอพธนาคารเลยครับ เสียวๆ
มือถือมันถึงตัวเราง่ายครับ เวลาทำธุรกรรมออนไลน์ มันก็แจ้งsms ในมือถือเลย


sithiphong:
พี่เองก็ไม่เคยลงเช่นกัน ไม่ไว้ใจ

sithiphong:
ไม่ตกเป็นเหยื่อการโฆษณา รู้ให้ลึกกับการทำ “ประกันชีวิต”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    15 เมษายน 2557 01:06 น.

-http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9570000041107-

เคยไหมที่ทำประกันเพราะเกรงใจ และเคยหรือไม่ทำประกันชีวิตแต่ไม่รู้ว่ากรมธรรม์คุ้มครองอะไรบ้าง ...วันนี้ทีมงาน “ASTVผู้จัดการ” จะพาไปรู้จักประกันชีวิต และไม่ลืมที่จะบอกถึงเทคนิคดีๆ ในการทำประกันอีกด้วย....
       
       โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ.นิยามว่า“การประกันชีวิต” เป็นวิธีการที่บุคคลกลุ่มหนึ่งร่วมกันเฉลี่ยภัยอันเนื่องจากการตาย การสูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ และการสูญเสียรายได้ในยามชรา โดยที่เมื่อบุคคลใดต้องประสบกับภัยเหล่านั้นก็ได้รับเงินเฉลี่ยช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ตนเองและครอบครัว โดยบริษัทประกันชีวิตจะทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการนำเงินก้อนดังกล่าวไปจ่ายให้แก่ผู้ได้รับภัย
       
       โดยการประกันชีวิตแยกออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
       
       1. ประเภทสามัญ เป็นการประกันชีวิตที่มีจำนวนเงินเอาประกันภัยค่อนข้างสูง ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไป ในการพิจารณารับประกันชีวิตอาจจะมีการตรวจสุขภาพหรือไม่ตรวจสุขภาพ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของบริษัท และมีการชำระเบี้ยประกันภัยเป็นรายปี, ราย 6 เดือน, ราย 3 เดือน หรือรายเดือน
       
       2. ประเภทอุตสาหกรรม เป็นการประกันชีวิตที่มีจำนวนเงินเอาประกันภัยต่ำ โดยทั่วไปตั้งแต่ 10,000-30,000 บาท เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลางถึงรายได้ต่ำ การชำระเบี้ยประกันภัยจะชำระเป็นรายเดือน และไม่มีการตรวจสุขภาพ ฉะนั้นจึงมีระยะเวลารอคอย คือ ถ้าผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บตามธรรมชาติ บริษัทจะไม่จ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยให้ แต่จะคืนเบี้ยประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยได้ชำระมาแล้วทั้งหมด
       
       3. ประเภทกลุ่ม เป็นการประกันชีวิตที่กรมธรรม์หนึ่งจะมีผู้เอาประกันชีวิตร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ส่วนมากจะเป็นกลุ่มของพนักงานบริษัท ในการพิจารณารับประกันอาจจะมีการตรวจสุขภาพหรือไม่ตรวจก็ได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของบริษัท การประกันชีวิตกลุ่มนี้อัตราเบี้ยประกันชีวิตจะต่ำกว่าประเภทสามัญและประเภทอุตสาหกรรม
       
       สำหรับรูปแบบของการประกันชีวิตที่เป็นแบบพื้นฐานนั้นมี 4 แบบ คือ
       
       1. แบบตลอดชีพ เป็นการประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองตลอดชีพ ถ้าผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตเมื่อใดในขณะที่กรมธรรม์มีผลบังคับ บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์ วัตถุประสงค์เบื้องต้นของการประกันภัยแบบนี้เพื่อจัดหาเงินทุนสำหรับจุนเจือบุคคลที่อยู่ในความอุปการะเมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต หรือเพื่อเป็นเงินทุนสำหรับการเจ็บป่วยครั้งสุดท้ายและค่าทำศพ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ตกเป็นภาระของคนอื่น
       
       2. แบบสะสมทรัพย์เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทจะจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยเมื่อมีชีวิตอยู่ครบกำหนดสัญญา หรือจ่ายเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตลงภายในระยะเวลาประกันภัย การประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์เป็นส่วนผสมของการคุ้มครองชีวิตและการออมทรัพย์ ส่วนของการออมทรัพย์ คือส่วนที่ผู้เอาประกันภัยได้รับคืนเมื่อสัญญาครบกำหนด
       
       3. แบบชั่วระยะเวลาเป็นการประกันชีวิตที่บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตในระยะเวลาประกันภัย วัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองการเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร การประกันชีวิตแบบนี้ไม่มีส่วนของการออมทรัพย์ เบี้ยประกันภัยจึงต่ำกว่าแบบอื่นๆ และไม่มีเงินเหลือคืนให้หากผู้เอาประกันภัยอยู่จนครบกำหนดสัญญา
       
       4. แบบเงินได้ประจำ เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเท่ากันอย่างสม่ำเสมอให้แก่ผู้เอาประกันภัยทุกเดือน นับแต่ผู้เอาประกันภัยเกษียณอายุ หรือมีอายุครบ 55 ปี หรือ 60 ปีเป็นต้นไป แล้วแต่เงื่อนไขในกรมธรรม์ที่กำหนดไว้ สำหรับระยะเวลาการจ่ายเงินได้ประจำนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เอาประกันชีวิตที่จะเลือกซื้อ
       
       ทั้งนี้ รูปแบบของกรมธรรม์จะมีหลายรูปแบบและตั้งชื่อเป็นนามเฉพาะของแต่ละบริษัท ทุกรูปแบบพร้อมอัตราเบี้ยประกันภัยจะต้องได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียนประกันชีวิต (อธิบดีกรมการประกันภัย) ก่อนจะนำเสนอขายแก่ประชาชน แต่โดยหลักวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นกรมธรรม์รูปแบบใดหรือชื่ออะไรก็ตาม จะอยู่ภายใต้แบบของการประกันชีวิตรวม 4 แบบ คือ
       
       1. แบบชั่วระยะเวลา ให้ความคุ้มครองในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ โดยบริษัทจะจ่ายเงินตามจำนวนเงินเอาประกันภัยให้ผู้รับประโยชน์ ถ้าผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้นั้น
       
       2. แบบตลอดชีพ บริษัทจะจ่ายเงินตามจำนวนเงินเอาประกันภัยให้ผู้รับประโยชน์ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต ไม่ว่าจะเสียชีวิตเมื่อใดก็ตาม
       
       ทั้งแบบ 1 และแบบ 2 เป็นการจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตแล้วเท่านั้น
       
       3. แบบสะสมทรัพย์ บริษัทจะจ่ายเงินตามจำนวนที่เอาประกันภัยไว้ให้แก่ผู้รับประโยชน์ถ้าผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ หรือจ่ายเงินเอาประกันชีวิตให้แก่ผู้เอาประกันภัยในกรณีที่มีชีวิตอยู่รอดพ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้
       
       4. แบบเงินได้ประจำ บริษัทจะจ่ายเงินได้ประจำ หรือเงินบำนาญให้แก่ผู้เอาประกันภัย โดยเริ่มจ่ายตั้งแต่วันที่ผู้เอาประกันภัยไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติเนื่องจากความชรา ไปจนถึงวันที่กำหนดไว้ (อาจเป็นชั่วระยะเวลาหนึ่ง หรือตลอดอายุก็ได้)
       
       แบบ 3 ส่วนท้าย และแบบ 4 เป็นการจ่ายเงินโดยมีเงื่อนไขว่าผู้เอาประกันภัยต้องมีชีวิตรอดอยู่จนพ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้
       
       สำหรับเทคนิคการทำประกันชีวิตให้คุ้มค่าและให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของการทำประกันชีวิตได้แก่
       
       1.ทำความเข้าใจ เรียนรู้ และศึกษาประกันชีวิตมีหลากหลายประเภท และหลากหลายความคุ้มครอง ผู้ที่ต้องการทำประกันควรศึกษาข้อมูลให้ดี โดยเฉพาะเรื่องของผลประโยชน์และเบี้ยประกันที่ต้องจ่าย นอกจากนี้เราไม่ควรมองข้ามเรื่องการเปรียบเทียบกรมธรรม์ประเภทเดียวกันแต่คนละบริษัท แน่นอนว่ากรมธรรม์เหมือนกันแต่อาจจะแตกต่างกันในเรื่องของค่าใช้จ่าย
       
       2ไม่ควรมองข้ามการตรวจสุขภาพการทำประกันชีวิตโดยเฉพาะประกันสุขภาพนั้น การตรวจสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะโรคบางชนิดนั้นจะไม่ได้รับความคุ้มครองจากประกัน และเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาเกี่ยวกับการเคลมประกันในอนาคต
       
       3.ซื้อประกันให้ครอบคลุมหนี้ที่มีการทำประกันชีวิตที่ดีควรที่จะรู้ความเสี่ยงและภาระที่เรามีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นภาระในการผ่อนรถ ผ่อนบ้าน หรือค่าเล่าเรียนบุตร รวมถึงการประเมินสวัสดิการที่เราได้รับ และเมื่อคำนวณทั้งหมดแล้วก็จะได้ตัวเลขหรือจำนวนเงินที่ควรจะมีหากเราเกิดเสียชีวิตขึ้นมา ซึ่งการทำประกันก็ควรจะครอบคลุมหนี้ที่เรามีเพื่อไม่เป็นภาระให้แก่คนที่อยู่ข้างหลัง
       
       4. รายได้เพิ่มควรเพิ่มทุนประกันแน่นอนว่าหากรายได้เพิ่มเราก็ควรที่จะเพิ่มทุนประกัน ซึ่งในทุนประกันที่มีอยู่ในปัจจุบันอาจจะไม่พอในอนาคต
       
       5. จ่ายเบี้ยพอดี ไม่เป็นภาระอย่าลืมว่าการทำประกันส่วนใหญ่เป็นภาระระยะยาว การจ่ายเงินที่ยาวๆ นั้นอาจจะมีความเสี่ยงที่เราไม่อาจรับรู้ได้ในอนาคต ซึ่ง ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ตลาดทุน หรือ TSI แนะนำว่า เบี้ยประกันชีวิตต่อปีไม่ควรเกิน 10% ของรายได้ต่อปี
       
       ขอบคุณข้อมูลจาก คปภ.
       และ TSI

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version