ประชาสัมพันธ์ > การเตือนภัยสังคมและกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ

ระวังถูกหลอกและเรื่องเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ของใกล้ตัว

<< < (31/38) > >>

sithiphong:
แจ้งเตือนหน้าเว็บไซต์หลอกลวง สวมรอยเว็บธนาคาร Online ในไทย


แจ้งเตือนหน้าเว็บไซต์หลอกลวง สวมรอยเว็บธนาคาร Online ในไทย

เว็บไซต์ ศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย หรือในชื่อย่อว่า ไทยเซิร์ต ได้แจ้งข่าวผ่านทาง Twitter ของตนเอง ให้ระวังหน้าเว็บปลอมของธนาคารหลายแห่งในประเทศไทย เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ และ ธนาคารกรุงไทย

โดยใน Twitter ของ Thaicert ได้จับภาพหน้าจอของหน้าเว็บไซต์ปลอมดังกล่าว ซึ่งประกอบไปด้วยธนาคารไทยพาณิชย์


รูปที่แนบไฟล์ รูปที่ 1

และธนาคารกรุงไทย


รูปที่แนบไฟล์ รูปที่ 2

ซึ่งลิงค์ดังกล่าว อาจจะเกิดจากการล่อหลวงให้ผู้ใช้หลงเข้าไปได้ ผ่านทาง E-mail หรือ ผ่านเว็บที่ไม่น่าเชื่อถือ ทำให้เกิดการขโมยชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน ของผู้ที่เผลอกรอกลงไป จึงต้องเป็นหน้าที่ของผู้ใช้ ในการระมัดระวังอย่างยิ่งกับการเข้าใช้งานเว็บไซต์ธนาคารผ่านอินเตอรเน็ต ที่ควรจะเข้าผ่านหน้าเว็บของธนาคารจริงๆ และตรวจดูที่อยู่ของเว็บไซท์ ต้องมีเครื่องหมายแสดงการรับรองความปลอดภัยในการเข้ารหัสเว็บไซต์ ที่มีสัญลักษณ์เป็นสากลคือ รูปกุญแจสีเขียวและตามด้วยชื่อบริษัทของเว็บไซต์ที่ได้รับการรับรองนั้นๆ รวมทั้งการเข้ารหัสเว็บไซต์ผ่าน HTTPS ที่จะแสดงให้เห็นอย่างเช่น


รูปที่แนบไฟล์ รูปที่ 3
ธนาคารกรุงไทย ktb ธนาคารไทยพาณิชย์ scb

ที่มา ThaiCERT Twitter รูปจาก www.flickr.com/photos/bankenverband/14568955953/

sithiphong:
กดเงินเจอของจริง! พบเครื่องสกิมมิง-กล้องรูเข็มตู้ ATM กสิกรไทย รามคำแหง 58/3 (ชมคลิป)
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    22 กันยายน 2557 01:02 น.

-http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9570000108665-


ลูกค้ากดเงินสดผงะ พบเครื่องสกิมมิ่งและกล้องรูเข็มบนเครื่องเอทีเอ็ม ธนาคารกสิกรไทย หน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ปากซอยรามคำแหง 58/3 ใกล้แยกลำสาลี เผยช่วงกดเงินสังเกตไฟช่องเสียบบัตรไม่กระพริบ เคาะออกมารู้สึกหลวมๆ ก่อนถอดออกมาเป็นเครื่องอ่านข้อมูล ส่วนด้านบนตู้พบกล้องรูเข็มยึดติดกับด้านบน แนะเวลากดเงินเอามือบังกันกล้องรูเข็ม
       
วานนี้ (21 ก.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก เข้าตรวจสอบตู้เอทีเอ็มธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ปากซอยรามคำแหง 58/3 ถนนรามคำแหง ขาเข้า เชิงสะพานข้ามแยกลำสาลี แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ หลังผู้เสียหายรายหนึ่งสังเกตความผิดปกติของช่องสอดบัตร ที่เกิดเหตุเป็นเครื่องเอทีเอ็มยี่ห้อ NCR พบกรอบพลาสติกสีเขียวโปร่งแสง ที่ออกแบบมาเพื่อประกบเข้ากับช่องสอดบัตร ด้านในบรรจุแผงวงจรที่เรียกว่าเครื่องสกิมมิง สำหรับอ่านข้อมูลจากแถบแม่เหล็กบนบัตรเอทีเอ็ม ส่วนด้านบนตู้เอทีเอ็มพบกล้องรูเข็มถูกติดเข้ากับท่อนพลาสติกสีเขียว ซึ่งเป็นสีเดียวกับเครื่องเอทีเอ็ม พร้อมถ่านสำหรับลักลอบดูรหัสบัตรเอทีเอ็มเวลาเหยื่อเข้ามาใช้บริการ
       
       ผู้เสียหายเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ขณะที่ตนเสียบบัตรเอทีเอ็ม สังเกตไฟบริเวณช่องเสียบบัตรไม่กระพริบ เมื่อลองเคาะออกมาจะรู้สึกหลวม คล้ายจะหลุดออกมา และเมื่อดึงออกมาเบาๆ จึงพบว่ามีคนร้ายทำกรอบพลาสติกสีเขียวครอบอีกชั้น ภายในมีวงจรที่เรียกว่าเครื่องสกิมมิง สำหรับอ่านข้อมูลจากแถบแม่เหล็กบนบัตรเอทีเอ็ม จากนั้นเมื่อสังเกตด้านบนเครื่องเอทีเอ็มพบกล้องรูเข็มขนาดเล็กถูกติดตั้งประกบเข้ากับก้านสีเขียวสำหรับติด้านบนเครื่องเอทีเอ็ม ซึ่งหากไม่สังเกตก็จะไม่รู้ คิดว่าเป็นของธนาคาร คาดว่าเป็นขบวนการโจรกรรมข้อมูลจากบัตรเอทีเอ็ม เพื่อปลอมแปลงบัตรนำไปกดเงินสดออกจากบัญชี
       
       "วิธีสังเกตง่ายๆ ปกติเวลาจะใส่บัตรเราต้องดูให้แน่ใจก่อนว่ามีไฟกระพริบหรือเปล่า เคาะๆ ดูว่ารู้สึกแน่นๆ ไหม ลองดึงออกมาดู ถ้าแน่นก็ไม่มีปัญหา ส่วนวิธีป้องกัน ต่อให้ได้ข้อมูลบัตรเราไป แต่ถ้าไม่มีรหัสกดบัตร 4 หลัก ก็เอาเงินไปไม่ได้ ดังนั้นเวลากดเงินให้เอามือปิดเลขด้วย ไม่ได้เพื่อป้องกันคนข้างหลัง แต่ป้องกันกล้องรูเข็มที่แอบติดไว้" ผู้เสียหายระบุ




sithiphong:
กดเงินเจอของจริง! พบเครื่องสกิมมิง-กล้องรูเข็มตู้ ATM กสิกรไทย รามคำแหง 58/3 (ชมคลิป)
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    22 กันยายน 2557 01:02 น.

-http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9570000108665-

ชมคลิป ตามลิงค์ครับ

sithiphong:
.


รู้ว่า เป็นสถานที่แห่งไหน  ก็อย่าไปใช้บริการ เนื่องจากไม่มีความปลอดภัย  นี่แค่ทรัพย์สินในล็อกเกอร์  ไม่ต้องคิดเรื่องอื่น




-------------------------------------------------------------



เตือนภัย โจรงัดล็อกเกอร์ฟิตเนสดัง ขโมยของลูกค้า

-http://hilight.kapook.com/view/109086-








เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ meawhoi สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
 

         เตือนภัยโจรงัดล็อกเกอร์ในฟิตเนสดังย่านบางกะปิ แต่ฟิตเนสกลับเพิกเฉย ไม่ยอมให้ตำรวจเข้าตรวจสอบ-ไม่รับผิดชอบของลูกค้า ชาวเน็ตวิจารณ์หนัก

         เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2557 มีรายงานว่า ในโลกออนไลน์ ได้มีการแชร์เรื่องราวร้องทุกข์ของลูกค้าในฟิตเนสชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งฟิตเนสแห่งนี้มีลูกค้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่มีความปลอดภัย เพราะลูกค้าคนหนึ่งของฟิตเนสกลับถูกงัดล็อกเกอร์ สูญเสียของมีค่าจำนวนมาก ทว่า ทางฟิตเนสเองกลับเพิกเฉยไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจ จนกลายมาเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์

          ทั้งนี้ คุณ meawhoi สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม  ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า มีลูกค้าคนหนึ่งไปใช้บริการฟิตเนสชื่อดังแห่งหนึ่งในย่านบางกะปิ แต่ล็อกเกอร์ของลูกค้าคนนั้นกลับถูกงัด สร้อยคอทองคำ 3 บาทและพระเครื่องหลวงปู่ทวด 2 องค์หายไป จนกระทั่งลูกค้าคนดังกล่าวต้องไปแจ้งความกับตำรวจ เมื่อตำรวจส่งหน่วยพิสูจน์หลักฐานมาที่ฟิตเนส เจ้าหน้าที่ฟิตเนสกลับไม่ยอมให้เข้าไป โดยอ้างว่ามีคนมาใช้บริการเยอะ กลัวว่าลูกค่าคนอื่น ๆ จะตกใจ เจ้าหน้าที่เลยต้องกลับไปก่อน ภายหลังทางฟิตเนสได้โทรให้กองพิสูจน์หลักฐานกลับมาใหม่ ก็ไม่มีคนรับสายอีก ทำให้เจ้าทุกข์ร้อนใจมาก จึงพยายามขอเบอร์สำนักงานใหญ่ แต่เจ้าของสาขากลับบ่ายเบี่ยง เพราะมองว่าอย่างไรเจ้าทุกข์ก็ต้องกลับมาที่ฟิตเนสอยู่ดี

          เรื่องนี้ผ่านมาประมาณ 1 อาทิตย์ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ซึ่งทำให้เชื่อว่า ทุกวันนี้โจรก็ยังคงอยู่ในฟิตเนสและคงรอจังหวะงัดแงะของมีค่าจากสมาชิกคนอื่น ๆ ส่วนทางฟิตเนสเองก็ไม่ได้รับผิดชอบกับมูลค่าความเสียหายของลูกค้า เนื่องจากอ้างว่าไม่มีนโนบาย

          เรื่องนี้ถูกส่งต่อและถูกเผยแพร่อย่างมากในสังคมออนไลน์ บ้างก็มีการเตือนให้ลูกค้าฟิตเนส ระมัดระวังการเข้าฟิตเนส และอยากให้มีการเสริมความปลอดภัยภายในฟิตเนสให้มากกว่านี้




sithiphong:
ทำไมไม่ดำเนินคดีกับ กลุ่มคนที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบ 


ไม่รู้ว่า เป็นเพราะอะไร


-----------------------------------------------------------------------------------


สาวใหญ่จุดไฟเผาตัวพ้นขีดอันตรายแล้ว “น้องสาว” เผยเจ้าหนี้ตะลึงไม่คิดว่าจะทำจริง
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม    16 ตุลาคม 2557 12:49 น.

-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000119214-


 แพทย์แถลงอาการสาวใหญ่เมืองลพบุรีจุดไฟเผาตัวเองพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่อาการอื่นต้องรอประเมินเป็นระยะ ทั้งความลึกบาดแผล-ปอด-ดวงตา ด้านน้องสาวเผยกู้ 2.5 แสน แต่ถูกทบสารพัดจนบานเป็น 3.5 ล้าน ล่าสุดเจ้าหนี้โทร.มาหาบอก ตกตะลึงไม่คิดว่าจะทำจริง เลยสวนอย่ามาซ้ำเติม
       
       จากณีกรณีนางสังเวียน รักษาเพ็ชร์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/4 หมู่ 2 ต.วังจั่น อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ใช้น้ำมันราดใส่ตัวเองก่อนจุดไฟเผาบาดเจ็บสาหัส ภายในศูนย์บริการประชาชน สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หลังมายื่นหนังสือร้องทุกข์ปัญหานี้สิน 1.5 ล้านบาท เหตุเกิดเช้าวันที่ 15 ตุลาคม ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
       
       วันนี้ (16 ต.ค.) ที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล นพ.ผลเลิศ พันธุ์ธนกุล รองคณบดีฝ่ายบริการ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เปิดเผยว่า คนเจ็บยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และไม่ได้มีอาการต้านเครื่องช่วยหายใจ แต่ยังไม่เคลื่อนย้ายไปไหน โดยเบื้องต้นอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังอยู่ในระดับทรงตัว และยังไม่สามารถระบุได้ว่าบาดแผลที่ถูกไฟไหม้ 50% ตั้งแต่ศีรษะลงมาถึงลำตัวว่ามีความลึกระดับไหน เนื่องจากแผลยังบวมอยู่
       
       “จุดนี้แพทย์ยังเป็นห่วง ต้องรอผลหลังผ่าตัดอีกครั้งช่วงบ่ายนี้ เพื่อประเมินอาการต่อไป ส่วนจะกลับมาปกติ อวัยวะใช้งานได้เหมือนเดิมหรือไม่ ต้องประเมินผลกันอีกครั้ง”
       
       นพ.ผลเลิศกล่าวว่า ตอนนี้แพทย์เป็นห่วงเรื่องปัสสาวะที่ขับออกมาน้อย เนื่องจากการไหลเวียนของเสียไปที่ไตน้อยกว่าปกติ ทำให้น้ำที่ให้คนไข้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แต่จากการวิเคราะห์ระบบไตพบว่ามีเกณฑ์ใช้ได้ปกติ ตอนนี้คนเจ็บมีขวัญกำลังใจดี ชีพจรและความดันอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ปลายประสาทยังใช้ได้ ส่วนปอดต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าต้องรับการเอกซเรย์หรือไม่ จากนี้ต้องคอยประเมินอาการอย่างใกล้ชิด
       
       “สำหรับดวงตาเบื้องต้นพบว่าอาการบวมยุบลงเล็กน้อย แต่เนื่องจากคนเจ็บใช้เครื่องช่วยหายใจ จึงไม่สามารถสื่อสารกับแพทย์ผู้รักษาได้ ทำให้ยังประเมินเรื่องการมองเห็นได้ไม่ชัดเจน”
       
       นพ.ผลเลิศกล่าวว่า ช่วงเช้าทาง ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์มาสอบถามอาการ ตอนนี้ทางโรงพยาบาลมุ่งรักษาคนเจ็บให้หาย โดยสามารถโอนสิทธิการรักษาที่ จ.ลพบุรี มารักษาที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาลได้ตามสิทธิฉุกเฉินซึ่งตามกฎหมายสามารถรักษาได้ 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน ถ้านานกว่านั้นต้องประสานสิทธิกันอีกครั้ง และดูว่าคนเจ็บมีความพร้อมที่จะย้ายโรงพยาบาลได้หรือไม่ ถ้าไม่ไหวก็จะดูแลจนกว่าจะอยู่ในภาวะปลอดภัย
       
       ด้าน น.ส.จันทร์จ๋า ทองอร่าม อายุ 41 ปี น้องสาวผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า เดินทางมาที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อวานนี้เพราะเป็นห่วงสุขภาพของพี่สาว เมื่อมาเห็นรู้สึกตกใจจนร้องไห้ออกมา อยากให้พี่สาวหายเร็วๆ วิงวอนขอความยุติธรรมให้พี่สาวด้วยว่าอย่าซ้ำเติม เพราะนิสัยของพี่สาวเป็นคนขี้กลัว คาดว่าที่ก่อเหตุคงจะมีความเครียดหาทางออกไม่ได้เพราะว่าถูกเจ้าหนี้ทวงถามอยู่ตลอดเวลา
       
       น.ส.จันทร์จ๋ากล่าวว่า เวลาประมาณ 02.00 น.วันที่ 15 ตุบลาคม พี่สาวโทรศัพท์มาชวนให้เข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาร้องทุกข์พร้อมกันซึ่งก็ได้พูดคุยกันตลอดเวลา พอเวลา 05.30 น.พี่สาวก็มาถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิด้วยรถตู้ ก่อนจะต่อรถเมล์มาที่เกิดเหตุ ปกติจะเป็นคนพาพี่สาวมาที่ศูนย์มา 6 ครั้งแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้าอะไร ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 7 โดยพี่สาวมาคนเดียว
       
       “ส่วนน้ำมันไม่ได้พกก่อนออกจากบ้าน น่าจะหาซื้อระหว่างทาง ส่วนมีดก็พกไว้ป้องกันตัว และที่นาทั้งหมดก็เป็นของเจ้าหนี้”
       
       น.ส.จันทร์จ๋ากล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการเป็นหนี้ครั้งนี้เกิดจาก 5 ปีก่อนได้ไปกู้เงินมาเรื่อยๆ รวม 250,000 บาท ก็เลยรับจ้างทวงหนี้เพื่อชดใช้หนี้เดิม แต่หลังๆทวงไม่ค่อยได้ เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ค่อยดี และคิดว่า 2 ปีที่ผ่านมาทำนาก็หวังจะได้เงินมาชดใช้หนี้ แต่ไม่เป็นดังที่หวัง เจ้าหนี้ก็เลยทบหนี้ต่างๆ นานา ทำให้หนี้ทั้งหมดรวม 3.5 ล้านบาท แต่ไกล่เกลี่ยลดเหลือ 1.5 ล้านบาทซึ่งมากกว่าเงินต้นจำนวนมาก ทำให้เกิดความเครียดและมาก่อเหตุ
       
       “หลังเกิดเหตุเจ้าหนี้โทรศัพท์มาหาบอกว่ารู้สึกตกตะลึง ไม่คิดว่าพี่สาวจะทำจริง ก็เลยบอกไปว่าอย่ามาซ้ำเติมอีก ก่อนจะวางสายไป หลังเกิดเหตุก็มีนักข่าวเดินทางไปที่บ้านของเจ้าหนี้ ซึ่งเจ้าหนี้ก็ปิดบ้านไม่ออกมาให้สัมภาษณ์ใดๆ เลย”

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version