ประชาสัมพันธ์ > การเตือนภัยสังคมและกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ
ระวังถูกหลอกและเรื่องเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ของใกล้ตัว
sithiphong:
--- อ้างจาก: ♥ MusicZ ™ ที่ กรกฎาคม 24, 2011, 08:23:56 pm ---ขอบคุณค่ะพี่หนุ่ม เยอะแยะมากมายจนอ่านไม่หมดเลยค่า :14:
แต่อิ๋มอ่านอันนึงที่เกี่ยวกับ รายจ่ายของตัวเองค่ะ ตรงดี :44:
--- End quote ---
รายได้ - เงินออม = ค่าใช้จ่าย
อิอิ
.
Plusz:
--- อ้างจาก: sithiphong ที่ กรกฎาคม 24, 2011, 09:00:47 pm ---
--- อ้างจาก: ♥ MusicZ ™ ที่ กรกฎาคม 24, 2011, 08:23:56 pm ---ขอบคุณค่ะพี่หนุ่ม เยอะแยะมากมายจนอ่านไม่หมดเลยค่า :14:
แต่อิ๋มอ่านอันนึงที่เกี่ยวกับ รายจ่ายของตัวเองค่ะ ตรงดี :44:
--- End quote ---
รายได้ - เงินออม = ค่าใช้จ่าย
อิอิ
.
--- End quote ---
จ่ายไปต่ายมาเดี๋ยวก็หมดตัวละ เศร้า :11: :11:
sithiphong:
หลบลี้หนี'หนี้'และ'ลูกหนี้'
วันอาทิตย์คิดเรื่องเงิน : หลบลี้หนี 'หนี้' และ 'ลูกหนี้'โดย...ขวัญชนก วุฒิกุล k_wuttikul@hotmail.com
ด้วยความที่เป็นคน “อ่าน” ได้เรื่อยๆ ทำให้หลายๆ ครั้ง เพื่อนสนิทมิตรรักหรือคนรอบข้างมักจะมีหนังสือติดไม้ติดมือมาฝากอยู่บ่อยๆ ถูกจริตบ้าง ไม่ถูกจริตบ้าง แต่ก็ไม่เกินความสามารถหรือความพยายาม เพียงแต่เล่มที่ “ชอบน้อย” ก็อาจจะใช้เวลานานกว่าเล่มที่ “ชอบมาก”
ส่วนตัวแล้ว คิดว่า “หนังสือ” ทำหน้าที่หลายอย่าง ทั้งช่วยคิด ช่วยหาคำตอบ ทางออก รวมทั้งยังช่วยให้ผ่อนคลาย บรรเทาเบาบางจากภาวะรอบข้าง มีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งที่ได้รับเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อหลายปีมาแล้ว เป็นหนังสือแนววัยรุ่น (ไม่รู้เหมือนกันว่าคนให้คิดยังไง) เป็นหนังสือแนวให้กำลังใจ ให้มองเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น ซึ่งมีหลายเรื่องที่น่าสนใจ เช่น เสื้อผ้าหน้าผมมีส่วนอย่างมากกับชีวิตประจำวัน การแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าๆ สีหม่นหมอง หรือออกมาทำงานด้วยสภาพหัวฟู หน้าตาไม่แต่ง จะทำให้การใช้ชีวิตหดหู่ไปด้วย หนังสือยังยกตัวอย่างของผู้หญิงญี่ปุ่นซึ่งเน้นการแต่งตัวออกนอกบ้านที่ต้อง ยึด “แฟชั่น” ไว้ก่อน อย่างน้อยก็ทำให้คลายหดหู่ และชีวิตดูมีสีสันขึ้น
หรืออีกบทหนึ่งที่ว่าด้วย “สถานที่แห่งที่สามในชีวิต” นอก เหนือแห่งแรก คือ บ้าน และแห่งที่สอง คือ ที่ทำงานหรือโรงเรียน ผู้เขียนแนะนำให้เราเก็บสถานที่แห่งที่สามไว้ใน “จินตนาการ” เวลาจากปัญหา เครียดจากปัจจัยลบที่รุมเร้า ก็หาที่เงียบนั่งหลับตาคิดถึง “สถานที่” แห่งนั้น จะหลับตาเห็นทะเลกว้างไกล แม่น้ำสายยาวที่สงบนิ่ง หรือสนามหญ้าสีเขียวที่กว้างไกลสุดสายตา ใช้เวลาไม่นานก็จะฟื้นพลังชีวิตให้กลับคืนมาได้ไม่ยาก
ที่ยกตัวอย่างมาทั้งหมด เพราะรู้สึกว่า เราตกอยู่ในโหมด “สับสนวุ่นวาย” ตามกระแสแห่งโลกยาวนานเหลือเกิน จนบางทีเราอาจจะอยากปล่อยชีวิตให้ “อ้อยอิ่ง” บ้าง
เช่นเดียวกับ “วันอาทิตย์คิดเรื่องเงิน” ที่สัปดาห์นี้อยากลอง “หลับตา” แล้วคิดถึงสถานที่แห่งที่สามหรือคิดเรื่องเงินอย่างสบายๆ เพื่อฟื้นพลังจากความยากในการบริหารเงิน ท่ามกลางความอลหม่านแห่งสถานการณ์ดูบ้าง
และไหนๆ ก็ว่าด้วยเรื่องของ “หนังสือ” ตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว ดังนั้น วันนี้จึงขอต่อเนื่องเรื่องหนังสือที่เพิ่งได้รับจาก บริษัท ไพลินบุ๊คเน็ต จำกัด (มหาชน) ที่กรุณาส่งมาให้อ่าน ซึ่งจะว่าไปแล้ว ต้องยอมรับว่า หนังสือพวกนี้เหมาะกับการพาเราออกจากความวุ่นวายมาก เพราะนอกจากราคาไม่แพงแล้ว ยัง “อ่านง่าย เข้าใจง่าย” ไม่ต้องตีความให้ยากเกินเข้าใจ
ที่เหมาะกับ “วันอาทิตย์คิดเรื่องเงิน” ก็ต้องยกให้เล่มนี้ “เคล็ดวิธีออมเงินให้ร่ำรวย” เขียนโดยนันทกานต์ ทรัพย์สุวรรณ ซึ่งจุดเด่นของหนังสือนอกจากจะ “อ่านง่าย” อย่างที่บอกไว้แล้ว หนังสือยังหยิบยกจากเรื่องใกล้ตัวที่เป็นลักษณะของการนำไปใช้ได้จริง ซึ่งต้องยอมรับว่าหลายครั้ง “ความเรียบง่าย” ก็กลายเป็นเสน่ห์ โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่ชีวิตไม่ต้องการความซับซ้อน การใช้ภาษาง่ายๆ เข้าใจง่าย ไม่ต้องปีนบันไดอ่าน แม้ว่า ไม่ได้แนะนำเทคนิคเลิศหรู หรือแนะนำการลงทุนชั้นเซียน แต่ก็ยังคงความมี “สาระ” ไว้ได้อย่างไม่พร่อง
หนังสือเล่มนี้มีหลายบทหลายตอนที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นหัวข้อ “เทคนิคการใช้จ่ายและการออม” ซึ่งมีบัญญัติเรื่องนี้ถึง 19 ประการ หรือหัวข้อ “8 วิธีการออมเงินอย่าง ชาญฉลาด” รวมถึงหัวข้อ “11 วิธีคิดเพิ่มความรวย” ซึ่งเน้นเรื่องของการสร้างทัศนคติด้านบวก เช่น คิดว่าความรวยเกิดขึ้นได้เสมอ หรือการไม่ปล่อยให้ความจนมาครอบงำ ตลอดจนการสร้างความมั่นใจให้แก่ตัวเอง
แต่ที่จะขอหยิบยกมาฝาก เพราะรู้สึกว่า จะเหมาะกับคนหมู่มาก มีอยู่ 2 เรื่อง นั่นคือ 5 วิธีห่างไกลจากหนี้สิน ซึ่งได้แก่ การลดปริมาณบัตรเครดิตลง ยิ่งมีมาก แล้วยิ่งไม่มีวินัยในการใช้จ่าย ก็ทำให้มีความเสี่ยงด้านเครดิตสูงและแน่นอนว่าหนี้สินจะตามมา การฝึกนิสัยการชำระหนี้ให้ตรงเวลา ซึ่งผลกระทบจากการผิดนัดชำระหนี้ไม่ใช่แค่ต้องเสียค่าปรับและดอกเบี้ยเพิ่ม ขึ้น แต่ยังหมายถึงการสร้างปัญหาให้แก่ตัวเองในการกู้ครั้งต่อไป เพราะเท่ากับประวัติการชำระหนี้ไม่น่าไว้ใจเสียแล้ว
เรื่องที่ 3 คือ รู้จักตรวจสอบก่อนจ่าย โดยเฉพาะในกรณีของบัตรเครดิตที่ควรตรวจสอบค่าธรรมเนียมรายปี ซึ่งจริงๆ สามารถขอยกเว้นจากผู้ให้บริการบัตรเครดิตได้ เลือกสิ่งที่ดีในการออม ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการฝากเงินเพื่อกินดอกเบี้ยเงินฝาก กับการนำเงินนั้นไปชำระหนี้เพื่อลดดอกเบี้ยเงินกู้ ว่าแบบไหนได้ประโยชน์กว่ากัน
และสุดท้ายคือ รู้จักปรึกษาเมื่อมีปัญหา หมายถึงการปรึกษาเจ้าหนี้ เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น เพื่อที่จะได้หาทางออกร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือการยืดอายุหนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ลูกหนี้จะมีความคิดผิดๆ นั่นคือ หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้ในทุกรูปแบบ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นสามารถที่จะหาทางออกร่วมกันได้
อีกหัวข้อในหนังสือเล่มนี้ที่คิดว่าหลายคนคงสนใจ เพราะมักประสบปัญหาแบบนี้เหมือนกัน และไม่ตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นั่นคือ เมื่อถูก “ยืมเงิน” หนังสือเล่มนี้แนะนำเทคนิคหลีกเลี่ยงพวกที่ชอบยืมเงิน 4 ข้อ นั่นคือ 1.ให้ปฏิเสธว่าไม่มี แล้วแกล้งขอยืมกลับ ว่ากันว่าได้ผลทีเดียว 2.กรณีที่ถูกยืมเป็นประจำ แล้วของเก่าก็ไม่ได้คืนสักที ก็ให้พูดตรงๆ ไปเลยว่า ถ้าของเก่าไม่คืน แล้วจะเอาที่ไหนไปให้ยืมอีก 3.คือ ต้องรู้จักพูดจาปฏิเสธ โดยอ้างเหตุผลเดือดร้อนของตัวเองบ้าง เช่น มีเรื่องต้องใช้เงิน ต้องจ่ายค่าเทอมลูก ญาติป่วยเข้าโรงพยาบาล ฯลฯ และข้อสุดท้าย คือ ให้เปิดบัญชีใหม่สำรองไว้ แล้วโชว์ให้คนที่ขอยืมดูบัญชีเก่าว่าไม่มีเงินเหลือจริงๆ ข้อนี้อาจทำให้หลุดพ้นจากข้อหา “คนไร้น้ำใจ” ได้
แต่ทั้งหลายทั้งปวงแล้ว คงต้องพิจารณาตามความจำเป็น ซึ่งคนถูกขอยืมจะรู้จักคนที่มายืมดีที่สุด ว่าเขาเป็นคนประเภทไหน เชื่อถือได้หรือไม่ ถ้าพิจารณาแล้วว่าไม่ควรให้ความช่วยเหลือ เพราะเขาจะใช้เงินในทางที่ผิด การปฏิเสธอย่างเข้มแข็ง ก็น่าจะดีที่สุด
หลังจาก “ลงลึก” เรื่องการลงทุนและการบริหารจัดการเงินมาหลายสัปดาห์ต่อเนื่องกันแล้ว สัปดาห์นี้ว่ากันเรื่องบ้านๆ ทั้งลดหนี้และลดจำนวนคนขอยืมเงิน ถือเสียว่า เป็นช่วง “หลับตา” ให้ผ่อนคลาย ตุนพลังไว้รับมือกับคลื่นลูกใหม่ที่จะถาโถมเข้ามา
http://www.komchadluek.net/detail/20110918/109418/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89.html
sithiphong:
แนะเก็บทอง-ลุยตลาดเกิดใหม่ หนีปัญหาหนี้ยุโรปไม่คืบ-USยังไม่ฟื้น
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 กุมภาพันธ์ 2555 14:08 น.
นักวิเคราะห์กองทุนรวม แนะนักลงทุนลงทุนในทองคำและสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่ เหตุครึ่งปีแรกสินทรัพย์เสี่ยงยังผันผวนหลังปัญหาหนี้ยุโรโซนยังไม่ชัดเจน และเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังไม่ฟื้นตัว
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มราคาสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ หลัง FED ยังคงผ่อนคลายนโยบายการเงินไปจนถึงปี 2557 เพื่อให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวต่อไปได้ และทำให้สภาพคล่องไหลกลับเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้ำโภคภัณฑ์อย่างทองคำที่ได้รับผลดีไปเต็มๆ ราคาปรับตัวขึ้นทะลุแนวต้านสำคัญมีโอกาสปรับขึ้นทดสอบ 1,750 - 1,800 US$/oz. ได้
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในยุโรปยังไม่แน่นอน เรากำลังรอดูบทสรุปการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ที่คาดว่าจะรู้ผลในไม่ช้านี้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ายุโรปจะรอดพ้นจากวิกฤตหนี้ครั้งนี้แล้ว หากเรากลับไปดูอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของโปรตุเกสที่กำลังปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง สะท้อนความกังวลที่ว่ามีความเป็นไปได้ที่โปรตุเกสอาจเลียนแบบกรีซ ในการขอเจรจาลดหนี้กับเจ้าหนี้เอกชน นอกจากนี้ ยิ่งการเจรจาระหว่างกรีซและเจ้าหนี้ยืดเยื้อต่อไปก็จะยิ่งสร้างความกังวล เพิ่มขึ้น ทำให้เรายังคาดว่าครึ่งปีแรกของปี 2555 ราคาสินทรัพย์เสี่ยงมีโอกาสที่จะต้องเผชิญกัลความผันผวนอยู่ ดังนั้นเราจึงแนะนำให้ทยอยลดพอร์ตการลงทุนลงเพื่อรับความผันผวนในระยะกลาง ซึ่งหากนักลงทุนลดพอร์ตแล้วให้รอดูสถานการณ์ไปก่อน สำหรับเงินใหม่ที่จะนำมาลงทุนเราคงคำแนะนำให้ลงทุนพักเงินใน Money Market Fund ก่อน
โดยกองทุนตลาดเงินที่แนะนำยังเป็นPCASH ของ บลจ. ฟิลลิป และรอจังหวะความผันผวนเพื่อเก็บสะสมกองทุนที่ลงทุนในตลาดเกิดใหม่เป็นหลัก สำหรับการลงทุนระยะยาวโดยกองทุนรวมที่เราแนะนำได้แก่ ABAPAC (Aberdeen Asia Pacific ex Japan), T-Global Bond ของ บลจ. ธนชาต และกองทุนทองคำ T-Gold Bullion-H ของ บลจ. ธนชาต ที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับนักลงทุนกองทุน LTF สัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์แรกที่เริ่มงดการซื้อและสับเปลี่ยนเข้ากองทุน KSDLTF แต่การสับเปลี่ยนออกยังคงทำได้ อย่างไรก็ตามเราแนะนำให้นักลงทุนอยู่ใน KSDLTF ไปก่อน และสับเปลี่ยนออกเมื่อมีโอกาส
ทั้งนี้ เรายังคงต้องเน้นย้ำให้ระมัดระวังความผันผวน ท่ามกลางความไม่แน่นอนของปัญหาหนี้ยุโรป และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยช่วงต้นสัปดาห์ราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้รับแรงหนุนจากการขยายเวลาผ่อนคลาย นโยบายการเงิน คงอัตราดอกเบี้ยต่ำใกล้ 0%(0 - 0.25%) ไปจนถึงปี 2557 และตลาดความคาดหวังว่าจะได้เห็นบทสรุปของการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ระหว่าง กรีซ และเจ้าหนี้เอกชน
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ออกมาน่าผิดหวัง ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นเป็น 377,000 ราย มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐในไตรมาส 4/54 ออกมา 2.8% ต่ำกว่าที่คาดกันไว้ที่ 3%นอกจากนี้ การเจรจาระหว่างกรีซ และเจ้าหนี้เอกชนยังไม่ได้ข้อสรุป ทำให้นักลงทุนกลับมากังวลอีกครั้ง ขณะที่ Fitch ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศยุโรป (อิตาลี, สเปน, เบลเยียม, สโลวีเนีย และไซปรัส)
นอกจากนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมา FED ได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0 - 0.25% ต่อไปอีกจนถึงปี 2557 ซึ่งทำให้แนวโน้มค่าเงินดอลล่าร์ในระยะยาวคาดว่าจะอ่อนค่าลงอีก และมีความคาดหวังว่าจะได้เห็นมาตรการ QE เพิ่มเติม เป็นตัวกระตุ้นให้นักลงทุนกลับมาสนในสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น ดันราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงอีกสัปดาห์โดยวันศุกร์ราคาทองคำปิดที่ 1,737.20 US$/oz. (+4.25% WoW) อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังคงทรงตัวแถวระดับ 100 US$/bbl. ตามเดิม โดยปัจจัยหลักยังคงเป็นความขัดแย้งระหว่างชาติตะวันตก กับอิหร่านภาวะตลาดประจำสัปดาห์
-http://www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9550000015564-
.
sithiphong:
สร้างทั้งพอร์ตให้เป็นกองทุนรวม(ภาค 2)
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 กุมภาพันธ์ 2555 14:04 น.
โดยโครงการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้มาเรียนรู้วิธีสร้างความมั่งคั่งด้วยวิธีนี้ได้ ด้วยการประดิษฐ์ “พอร์ตลงทุน” ของตัวเอง โดยใช้กองทุนรวมแต่ละประเภทเป็นเครื่องมือหรือสินทรัพย์ลงทุนกันไปแล้วซึ่ง ในสัปดาห์นี้ เรามาเรียนรู้ 2 ขั้นตอนหลัก การสร้างพอร์ตการลงทุนให้เหมาะกับตัวคุณ ที่จะพาคุณไปสู่ความสำเร็จในการลงทุน กันก่อนนะครับ
ขั้นที่ 1.สร้างเป้าหมาย สร้างนโยบายตามสไตล์ของคุณเอง
เพราะคนเราอยากมีเงินออมไว้ใช้ในวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ในเวลาที่ไม่เหมือนกัน ในขณะที่เงินลงทุนก็มีปริมาณแตกต่างกัน ดังนั้น การออกแบบพอร์ต จึงต้องเริ่มจาก “แผนการลงทุน” ของแต่ละคนก่อน เช่น พอร์ตของคนทำงาน พอร์ตของคนโสด พอร์ตของคนสูงวัย ในขั้นตอนนี้ ถือว่าเป็นการสำรวจตัวเอง ว่าเรามีเป้าหมายทางการเงินอย่างไร มีรายได้ ภาระ หรือแผนชีวิตเช่นไร ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ คือเงื่อนไขสำคัญเพื่อการกำหนดรูปแบบพอร์ตลงทุน ที่จะต้องสร้างผลตอบแทน ให้สนองตอบต่อแผนชีวิต เพราะอย่าลืมว่า “แผนชีวิต เป็นจริงได้ ใช้เงินทำ” อย่างไรก็ดี ส่วนใหญ่แล้วพอร์ตลงทุน มักมีรูปแบบนโยบาย ดังต่อไปนี้
- แบบปกป้องมั่นใจ-Capital Preservation : คือให้พอร์ตมีสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่เน้นให้เงิน
ต้น หรือเงินลงทุนไม่สูญหาย ซึ่งการลงทุนแบบนี้ จะลดโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนสูงๆ เพราะต้องมีต้นทุนในการปกป้องเงินทุนไม่ให้หดหาย กองทุนรวมที่ตอบโจทย์วัตถุประสงค์แบบนี้ อาทิเช่น กองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น เป็นต้น
- แบบสร้างรายได้ประจำ-Current Income : ด้วยวัตถุประสงค์ที่คุณอยากได้กระแสเงินสดรับ
หรือรายได้ที่แน่นอน อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นรายได้ประจำกลับมาใช้หมุนเวียน หรือมาลงทุนเพิ่ม กองทุนรวมที่ให้ดอกผลแบบนี้ ก็เช่น กองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีการจ่ายเงินปันผล กองทุนรวมหุ้นที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เป็นต้น
- แบบเพิ่มค่าเงินทุน-Capital Appreciation : เพื่อให้เงินลงทุนมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น มากกว่าเงินเริ่มลงทุนเริ่มต้น หรือเรียกอย่างง่ายๆ ว่า คุณมุ่งหวังให้ได้รับผลตอบแทนจำนวนมาก จากพอร์ตการลงทุน และสามารถยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ โดยกองทุนรวมที่ตอบความต้องการแบบนี้ เช่น กองทุนรวมหุ้นสามัญที่เน้นลงทุนในกิจการที่เติบโต เป็นต้น อย่างไรก็ดี คนที่เลือกนโยบายพอร์ตแบบนี้ ต้องยอมรับว่า มีโอกาสทั้งได้ผลตอบแทนสูงและขาดทุนได้เช่นกัน
- แบบผลตอบแทนรวม-Total Return : เพื่อ ให้ได้รับผลตอบแทนที่ดี จากการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ผสมผสานกันไป เพราะแต่ละรูปแบบกองทุนที่นำเงินไปลงทุน มีหลากหลายสินทรัพย์ ที่มีธรรมชาติของการเพิ่มค่า ความผันผวน ความมั่นคง ที่แตกต่างจากกัน หรืออีกนัยหนึ่ง คือเน้นให้มีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ โดยกองทุนรวมที่อยู่ในพอร์ตของคุณอาจเป็น กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมหุ้น กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ เป็นต้น
ขั้นที่ 2.สร้างความรู้ ดูทางเลือก
เมื่อมีแผนการลงทุนของตัวเอง เลือกวัตถุประสงค์ และนโยบายการลงทุนของตนเองได้แล้ว ในขั้นตอนต่อไป เราต้องเตรียมความรู้ให้กับตัวเองเพิ่มเติม โดยสำรวจและวิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมการลงทุน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการสร้างพอร์ตการลงทุนของเรา อาทิเช่น
สำรวจช่องทาง ตัวเลือกการลงทุน : เพราะสมัยนี้เป็นยุคของผู้บริโภคที่สามารถเลือกการลงทุนได้หลากหลายรูปแบบ คล้ายๆ กับการสั่งตัดเสื้อผ้า เพราะความหลากหลายของสินค้าก็ดี บริการทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การซื้อขายหน่วยลงทุน ทั้งช่องทางปกติที่มีอยู่ตามเคาน์เตอร์ธนาคารพาณิชย์ บริษัหหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม ซึ่งมีถึง 21 แห่ง หรือแม้กระทั่งโบรเกอร์ก็ยังให้บริการซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวม หรือการให้บริการทางการเงิน ผ่านช่องทางอิเล็คทรอนิคส์ต่างๆ
ในขณะที่ กองทุนรวมก็มีหลากหลายนโยบาย ทั้งลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ในทองคำ หรือในน้ำมัน ซึ่งมีผลตอบแทนและความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป ขั้นตอนนี้ จึงถือว่าสำคัญมาก เพราะอย่างน้อยเราต้องเข้าใจธรรมชาติพื้นฐานของสินทรัพย์ที่บริษัทหลัก ทรัพย์จัดการลงทุน นำเงินไปลงทุน ว่าให้ผลตอบแทนและมีความเสี่ยงเป็นอย่างไร ซึ่งสามารถศึกษาหาข้อมูลได้ที่ Thai Mutual Fund ::AIMC:: หรือ website ของบริษัทจัดการทั้ง 21 แห่ง รวมถึงหนังสือชี้ชวนลงทุนของแต่ละกองทุนด้วย
ประเมินภาวะตลาด : อีกปัจจัยที่ต้องลงมือทำความเข้าใจ คือการศึกษาถึงสภาพเศรษฐกิจ ทั้งในระดับใหญ่หรือมหภาค และระดับย่อยคือจุลภาค ที่รายล้อมการลงทุนอยู่ เพื่อให้เราทราบว่าเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมระดับโลกและระดับประเทศเป็นอย่างไรบ้าง รวมถึงคาดการณ์เศรษฐกิจในอนาคตด้วย เพราะตัวแปรทางเศรษฐกิจ บางตัวก็ส่งผลกระทบกับทุกธุรกิจ ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่จะเป็นผลกระทบเชิงบวกหรือเชิงลบ ก็ต้องพิจารณาในรายละเอียดกันต่อไป แต่บางตัวแปรอาจส่งผลกระทบกับบางธุรกิจเท่านั้น เช่น เมื่อเกิดสึนามิที่ประเทศญี่ปุ่นขึ้น ธุรกิจส่วนมากได้รับผลกระทบในทางลบ เช่นกลุ่มยานยนต์ต้องหยุดผลิตชั่วคราว แต่ขณะเดียวกันอาจเป็นผลดีกับบางธุรกิจเช่น กลุ่มวัสดุก่อสร้าง อาจจะมีคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม สามารถส่งออกอาหารไปยังญี่ปุ่นได้มากขึ้น เป็นต้น ดังนั้น ภาพรวมของเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ที่มีผลกระทบต่อผลประกอบการของหน่วยธุรกิจต่าง ๆ จึงเป็นอีกปัจจัยสำคัญ ที่เราต้องเรียนรู้และติดตาม เพื่อประเมินความเสี่ยงและพยากรณ์อัตราผลตอบแทนที่น่าจเกิดขึ้นและควรได้รับ โดยอาจอาศัยเครื่องมือต่างๆ ในการประเมินภาวะตลาด เช่น ความเห็นของเสียงข้างมาก หรือ ตัวแปรทางเศรษฐกิจมหภาค (อัตราเงินเฟ้อ, อัตราดอกเบี้ย, การเติบโตของ GDP) เป็นต้น
ในสัปดาห์หน้ามาพบกับ 2 ขั้นตอนสุดท้าย ในการทำให้พอร์ตการลงทุนของคุณ ก็จะออกดอกออกผลได้ตามแผนที่วางไว้ กันนะครับ
-http://www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9550000015555-
.
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version