แสงธรรมนำใจ > ศิษย์โง่ไปเรียนเซ็น

คัมภีร์เต้า เต๋อ จิง (เต๋า เต็ก เก็ง) : เหลาจื่อ

<< < (2/4) > >>

ฐิตา:




-16-
สรรพสิ่งล้วนกลับสู่ต้นกำเนิดเดิม

ครอบครองความเป็นสุญญตาไว้ รักษารากฐานแห่งความสงบไว้
สรรพสิ่งมากมายล้วนกำเนิดขึ้น และดำเนินไปตามวิถี
ข้าพเจ้าได้คอยเฝ้ามองสรรพสิ่ง กลับไปสู่ต้นกำเนิดเดิม

เพื่อพักผ่อนอย่างสงบ เหมือนกับพืชพันธุ์
ที่เติบโตผลิดอกออกผล แตกกิ่งและช่อใบมากมาย
ที่สุดก็ต้องกลับไปสู่รากฐานเดิม คือปฐพีที่ให้กำเนิด

การกลับไปสู่รากฐานเดิมที่ให้กำเนิด
คือ ความสงบ เรียกว่ากลับไปสู่ธรรมชาติเดิมของตน
กลับไปสู่ธรรมชาติเดิมของตน
ย่อมค้นพบกฎเกณฑ์อันไม่แปรเปลี่ยน จึงเรียกได้ว่า เป็นผู้รู้แจ้ง
หากไม่รู้กฎเกณฑ์อันไม่แปรเปลี่ยนนี้ ย่อมนำความเสื่อมสลายมาสู่ตน

ผู้ซึ่งรู้กฎเกณฑ์อันไม่แปรเปลี่ยนนี้ย่อมมีความใจกว้าง
เมื่อมีความใจกว้าง ย่อมมีความยุติธรรม
เมื่อมีความยุติธรรม ย่อมเป็นสากล
เมื่อเป็นสากล ย่อมกลมกลืนกับธรรมชาติโดยไม่ขัดแย้ง
เมื่อกลมกลืนกับธรรมชาติ ย่อมกลมกลืนกับเต๋าด้วย
เมื่อกลมกลืนกับเต๋า ผู้นั้นก็เป็นอมตะ
ตลอดชีวิตของท่านจะไม่มีภัยใดๆ มาแผ้วพานได้




-17-
ผู้ปกครองประเทศที่ดี

ผู้ปกครองที่ดีที่สุดนั้น ราษฎรเพียงแต่รู้ว่ามีเขาอยู่
ที่ดีรองลงมา ราษฎรรักและยกย่อง
ที่ดีรองลงมา ราษฎรกลัวเกรง
รองลงมาเป็นอันดับสุดท้าย ราษฎรชิงชัง

เมื่อนักปกครองขาดศรัทธาในเต๋า
ก็มักต้องการให้ประชาชนมาศรัทธาในตน

แต่สำหรับนักปกครองที่ยอดเยี่ยมนั้น
เมื่อภารกิจได้สำเร็จลงแล้ว การงานได้ลุล่วงลงแล้ว
ราษฎรต่างพากันภาคภูมิใจและกู่ก้องว่า
" การงานนั้นล้วนสำเร็จลงด้วยความสามารถของเรา "




-18-
เกิดขึ้นเพราะความเสื่อม

เมื่อสัจธรรมแห่งเต๋าเสื่อมโทรมลง
ความถูกต้องและความดีงามก็เกิดขึ้น
เมื่อความรอบรู้และความเฉลียวฉลาดเกิดขึ้น
ความหน้าไหว้หลังหลอกก็ติดตามมา

เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเครือญาติทั้งหก
ไม่เป็นไปโดยปรกติสุข
ก็เกิด " บิดาใจดี " และ " บุตรกตัญญู "
เมื่อประเทศชาติตกอยู่ในความยุ่งเหยิง
คุณค่าของขุนนางผู้ภักดีก็เกิดขึ้น




-19-
ธรรมชาติดั้งเดิมของมนุษย์

ละทิ้งความเฉียบแหลม ละเลยความรอบรู้
ประชาชนก็จะได้รับประโยชน์อีกร้อยเท่า
ละทิ้งความถูกต้อง ละเลยความยุติธรรม
ประชาชนก็จะปรองดองกันดุจเครือญาติ
ละทิ้งเล่ห์เหลี่ยม ละเลยผลประโยชน์ หัวขโมยก็จะหมดสิ้นไป

สิ่งทั้งสามนี้ คือกิริยาอาการภายนอก ที่เสแสร้งขึ้นอย่างไร้ประโยชน์
ราษฎรต้องการพึ่งพาใน การเป็นตัวของตัวเองอย่างง่ายๆ
สอดคล้องกับธรรมชาติดั้งเดิม
เพื่อขจัดความเห็นแก่ตัว เพื่อตัดรากเหง้าแห่งความโลภ




-20-
ผู้อื่นกับตัวข้าพเจ้า

เลิกการศึกษาเล่าเรียนเสีย ปัญหามากมายก็จะสิ้นสุดลง
ระหว่าง " ใช่ " กับ " ไม่ใช่ " นั้น แตกต่างกันมากน้อยเพียงใด
ระหว่าง " ดี " กับ " ชั่ว " นั้น แตกต่างกันมากน้อยเพียงใด
สิ่งที่ผู้อื่นกลัวนั้น ก็มักทำให้เราต้องกลัวด้วย นี่เรียกว่าเป็น ความหลับในความตื่น

ผู้คนในโลกพากันยิ้มแย้มเริงร่า
คล้ายกับกำลังร่วมอยู่ในงานเลี้ยงฉลอง
คล้ายกับกำลังนั่งอยู่บนหอสูง เพื่อชมความงามในฤดูใบไม้ผลิ
มีแต่ข้าพเจ้าเพียงผู้เดียวที่สงบเสงี่ยม
คล้ายกับผู้ตัดขาดจากความยินดียินร้ายทั้งปวง

คล้ายกับทารกแรกเกิดที่ยังไม่สามารถแม้แต่จะยิ้ม
ไม่ผูกพันอยู่กับสิ่งใด คล้ายผู้พเนจรที่ไร้บ้านเรือน
ผู้คนในโลกแม้เมื่อมีทรัพย์มากพอแล้ว ก็ยังเก็บงำสั่งสม
มีแต่ข้าพเจ้าจึงเป็นผู้สละละโดยสิ้นเชิง

ดวงใจข้าพเจ้าคล้ายกับผู้โง่งม ขุ่นมัวเคลือบคลุม
ผู้อื่นเป็นผู้รู้ เฉียบแหลม ข้าพเจ้าเพียงผู้เดียวที่งมงายสับสน
ผู้อื่นฉลาด มั่นใจในตน ข้าพเจ้าเพียงผู้เดียวที่ต่ำต้อย
อดทนเหมือนท้องทะเล ล่องลอยไร้จุดหมาย

ผู้คนในโลกล้วนมีจุดมุ่งหมาย ข้าพเจ้าเพียงผู้เดียวที่ดื้อดึงเซ่อซ่า
ข้าพเจ้าเพียงผู้เดียวที่แตกต่างจากคนอื่น
เพราะได้รับการบำรุงเลี้ยงด้วย คุณค่าอันสูงส่ง จากมารดาแห่งสรรพสิ่ง


ฐิตา:




21-
พลังแห่งเต๋า

รูปรอยแห่งคุณความดีอันยิ่งใหญ่
ล้วนถูกชักนำมาจากเต๋า
สิ่งที่เรียกว่าเต๋านี้ เห็นไม่ได้ จับต้องไม่ได้
เห็นไม่ได้ จับต้องไม่ได้ สิ่งที่แฝงเร้นภายในคือ
รูปที่ไร้รูป
เห็นไม่ได้ จับต้องไม่ได้

สิ่งที่แฝงเร้นภายในคือ แก่นที่ไร้แก่น
มืดมัว สลัวราง
สิ่งที่แฝงเร้นภายในคือ พลังแห่งชีวิต
พลังแห่งชีวิตนี้มีอยู่จริง
สิ่งที่แฝงเร้นนี้ปรากฏอยู่อย่างชัดแจ้ง

ตั้งแต่โบราณกาลจวบปัจจุบัน
นามที่ไร้สำเนียงของเต๋า
มิเคยถูกลบล้าง
จากสิ่งนี้เองเราก็อาจรู้แจ้ง
ในต้นกำเนิดแห่งสรรพสิ่ง
เหตุใดข้าพเจ้าจึงรู้ซึ้งถึงต้นกำเนิดเดิม
โดยอาศัยเต๋า




-22-
การไม่แก่งแย่งแข่งขัน

ยอมเป็นผู้ต่ำต้อย จึงรักษาตนไว้ได้
ยอมงอ จึงกลับตรงได้
ยอมว่างเปล่า จึงเต็มได้
ยอมเก่า จึงกลับใหม่
ผู้มีน้อยก็จะได้รับ ผู้มีมากจะถูกลดทอน

ดังนั้นปราชญ์ย่อมรักษาความเป็น
หนึ่งเดียว ไว้
ท่านจึงกลายเป็นแบบอย่างของโลก
ท่านมิได้แสดงตนให้ปรากฏ
ความรุ่งโรจน์ของท่านกลับปรากฏขึ้น
ท่านมิได้ผยองลำพอง ชื่อเสียงของท่านกลับลือเลื่อง

ท่านมิได้โอ้อวดตน ประชาชนกลับไว้วางใจ
ท่านมิได้ภาคภูมิใจ แต่กลับได้เป็น
ผู้นำของประชาชน
ด้วยเหตุว่าท่านมิได้แก่งแย่งชิงดีกับผู้ใด
จึงไม่มีใครในโลกมาแข่งขันกับท่าน

ตามที่โบราณได้กล่าวไว้ว่า
" ยอมเป็นผู้ต่ำต้อยจึงรักษาตนไว้ได้ "
นี้มิอาจนับได้ว่าเป็นความจริงหรือ ดังนั้นปราชญ์จึง
ดำรงตนไว้ได้
และโลกทั้งโลกก็ให้ความเคารพ




-23-
เข้าร่วมกับเต๋า

การพูดมากนั้นขัดกับธรรมชาติ แม้แต่พายุจัด
ยังพัดไม่ถึงเช้า
แม้แต่พายุฝนยังตกไม่ถึงวัน ใครเล่า
ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้
คือ ธรรมชาติ แม้แต่ธรรมชาติยังไม่อาจทำสิ่งใด
ได้ยาวนาน
แล้วคนเล่าจะทำได้น้อยกว่า ธรรมชาติ อีกสักเพียงใด

ดังนั้นผู้ที่ดำเนินตามทางแห่งเต๋า ก็จะได้ร่วมกับเต๋า
ผู้ที่ดำเนินตามทางแห่งคุณความดี
ก็จะได้ร่วมกับคุณความดี
ผู้ที่ละทิ้งหนทางแห่งเต๋า ก็จะหลงทางอยู่กับการละทิ้ง

ผู้ที่เข้าร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋า เต๋าก็ตอบสนอง
ผู้ที่เข้าร่วมกับคุณความดี คุณความดีก็ตอบสนอง
ผู้ที่เข้าร่วมกับการละทิ้ง การถูกละทิ้งก็ตอบสนอง
ผู้ที่ขาดศรัทธา จะสามารถ..
ทำให้ผู้อื่นเกิดความศรัทธาเชื่อถือในตนได้อย่างไร




-24-
กากเดนของคุณความดี

ผู้ที่ยืนเขย่งบนปลายเท้าจะยืนได้ไม่มั่นคง
ผู้ที่เดินเร็วเกินไปจะเดินไม่ได้ดี
ผู้ที่แสดงตนให้ปรากฏจะไม่เป็นที่รู้จัก
ผู้ที่ยกย่องตนเองจะไม่มีใครเชื่อถือ
ผู้ที่ลำพองจะไม่ได้เป็นหัวหน้าในหมู่คน

สิ่งเหล่านี้ในทัศนะของเต๋าแล้ว
ย่อมเรียกได้ว่า
กากเดนและเนื้อร้ายของคุณความดี
อันเป็นสิ่งที่พึงเหยียดหยาม
ดังนั้นบุคคลผู้ยึดมั่นใน
หนทางแห่งเต๋า
พึงหลีกเลี่ยงจากสิ่งเหล่านี้




-25-
ความยิ่งใหญ่สี่ชนิดในจักรวาล

ก่อนการดำรงอยู่ของฟ้าและดิน
มีบางสิ่งบางอย่าง
มืดมัวเคลือบคลุม
เงียบงัน โดดเดี่ยว อยู่เพียงลำพัง
ไม่แปรเปลี่ยน
เป็นอมตะหมุนเวียนไม่หยุดยั้ง
มีค่าควรแก่การเป็นมารดาของสรรพสิ่ง
 
ข้าพเจ้าไม่ทราบชื่อสิ่งนั้น
แต่ถ้าถูกบังคับให้เรียก
ก็จะเรียกว่า " เต๋า " และจะให้ชื่อว่า " ยิ่งใหญ่ "
ยิ่งใหญ่หมายถึงความต่อเนื่อง
ความต่อเนื่องหมายถึง ความยาวไกล
ความยาวไกลหมายถึง
การกลับสู่ต้นกำเนิดเดิม

ดังนั้นเต๋าจึงยิ่งใหญ่ ฟ้าจึงยิ่งใหญ่ ดินจึงยิ่งใหญ่
ปราชญ์จึงยิ่งใหญ่ นี่คือความยิ่งใหญ่สี่ชนิดในจักรวาล
และปราชญ์ก็นับเป็นหนึ่งในนั้น
คนทำตามกฎแห่งดิน ดินทำตามกฎแห่งฟ้า
ฟ้าทำตามกฎแห่งเต๋า เต๋าคงอยู่และเป็นไปด้วยตนเอง


ฐิตา:




-26-
ความหนักแน่นและความสงบ

ความหนักแน่นเป็นรากฐานแห่งความไม่มั่นคง
ความสงบเป็นนายของความรีบเร่งลนลาน

ดังนั้นปราชญ์จึงเดินทางไปตลอดวัน
โดยไม่เคยละทิ้งรถเสบียง
อันบรรจุความหนักแน่นและความสงบอยู่จนเปี่ยมล้น
ในท่ามกลางเกียรติศักดิ์และความรุ่งโรจน์
ท่านก็สามารถอยู่อย่างสงบโดยไม่ถูกรบกวน
ทำอย่างไรจึงจะทำให้จักรพรรดิผู้ปกครองประเทศ
หันมาใช้ชีวิตตามแนวทางแห่งปราชญ์นี้

ในท่ามกลางความไม่มั่นคง
ความหนักแน่นก็สูญสลายไป
ในท่ามกลางความรีบเร่ง ความสงบก็สูญสลายไป




-27-
ช่วยสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน

นักเดินทางที่ดีไม่ทิ้งร่องรอย
นักพูดที่ดีไม่มีข้อผิดพลาด
นักคำนวณที่ดีไม่ต้องใช้ไม้ติ้ว
บานประตูที่ดีไม่ต้องใช้สลักใช้กลอน
แม้กระนั้นก็ไม่สามารถเปิดออก
เงื่อนปมที่ดีไม่ต้องใช้เชือกมาผูก
แม้กระนั้นก็ไม่สามารถแก้ออก

ดังนั้นปราชญ์จึงมีความดีในการช่วยเหลือผู้คน
ไม่มีใครเลยที่ถูกท่านปฏิเสธ
ท่านมีความดีในการบำรุงเลี้ยงสรรพสิ่ง

ไม่มีสรรพสิ่งใดเลยที่ถูกท่านปฏิเสธ
นี่จึงเรียกว่าท่านเป็นผู้รู้แจ้ง
ดังนั้นคนดีจึงเป็นครูของคนชั่ว
คนชั่วจึงเป็นอุทธาหรณ์ของคนดี

คนใดไม่เคารพนอบน้อมต่อผู้ที่เป็นครู
หรือคนใดไม่มีความรักต่อผู้ที่เป็นอุทธาหรณ์
ถึงแม้จะมีความรอบรู้สักเพียงใด ก็ยังได้ชื่อว่า
เป็นผู้หลงทางผิด นี่คือความจริงอันล้ำลึกยิ่ง




-28-
แสดงออกด้วยความง่าย

ผู้มีความเข้มแข็ง
แต่แสดงออกด้วยความอ่อนโยน
ก็จะกลายเป็นลำธารของโลก
การเป็นลำธารของโลก
ก็จะได้รับทิพยอำนาจอันไม่มีสิ้นสุด
และกลับไปสู่สภาวะทารกอันไร้เดียงสา

ผู้มีความรู้กระจ่างดั่งสีขาว
แต่แสดงออกด้วยความคลุมเครือดั่งสีดำ
ก็จะกลายเป็นแบบอย่างของโลก
การเป็นแบบอย่างของโลก
ก็จะได้รับทิพยอำนาจอันไม่มีสิ้นสุด
และกลับไปสู่สภาวะอันสูงเยี่ยม

ผู้มีเกียรติและความรุ่งเรือง
แต่แสดงออกด้วยความถ่อมตน
ก็จะกลายเป็นหุบเขาของโลก
การเป็นหุบเขาของโลก
ก็จะได้รับทิพยอำนาจอันไม่มีสิ้นสุด
และกลับไปสู่ความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ ดังอดีต

ความง่ายนั้นเหมือนกับไม้ที่ยังมิได้แกะสลัก
เมื่อนำมาสลักเสลาก็จะกลายเป็นภาชนะอันมีประโยชน์
เมื่อปราชญ์รับอาสาเข้าปฏิบัติภารกิจ
ท่านจะเป็นเอกในหมู่เสนาบดี
มหาเสนาบดีผู้ยิ่งใหญ่จะไม่มีวันถูกโค่นล้ม




-29-
ใครจะเป็นผู้เปลี่ยนแปลงโลก

มีบางคนที่จะคิดยึดครองโลก
และจัดการเปลี่ยนแปลงไปตามที่ตนปรารถนา
ข้าพเจ้าทราบดีว่าเขาคงทำไม่สำเร็จเป็นแน่
ด้วยโลกนี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์
มนุษย์ไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวบิดเบือน

ผู้ที่พยายามเข้าไปยุ่งเกี่ยวเท่ากับทำลายมัน
ผู้ที่พยายามเข้าครอบครองจะต้องสูญเสีย
ดังนั้นปราชญ์ย่อมไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
ท่านจึงมิได้ทำลายมัน ไม่เข้าไปครอบครอง
จึงมิได้สูญเสีย

มีบ้างบางคนชอบไปข้างหน้า
บางคนติดตามมาข้างหลัง
บ้างชอบร้อน บ้างชอบหนาว
บ้างแข็งแรง  บ้างอ่อนแอ
บ้างเฟื่องฟู   บ้างตกต่ำ

ดังนั้นปราชญ์ย่อมละทิ้งความเกินเลย
ละทิ้งความฟุ่มเฟือย
ละทิ้งความผยองลำพอง




-30-
สงคราม

ผู้ที่รู้เต๋าและประสงค์จะเข้ามาช่วยเหลือกิจการบ้านเมือง
จะต้องคัดค้านการพิชิตด้วยกำลังทหาร
เพราะสิ่งนี้จะได้รับการตอบแทน
ยกทัพไปรุกรานผู้อื่นก็จะถูกผู้อื่นยกทัพมากระทำตอบ
เมื่อกองทัพยกไปถึงที่ใด
ดินแดนนั้นก็จะเต็มไปด้วยหญ้าและพงหนาม
เมื่อยกทัพใหญ่ไป
สิ่งที่จะตามมาก็คือช่วงเวลาแห่งความขาดแคลน
ความยากแค้น
และความอดอยาก

ดังนั้นเมื่อขุนพลทำการรบสำเร็จผลก็หยุดยั้ง
มิกล้าที่จะพึ่งพาความเข้มแข็งของกำลังทัพ
สำเร็จผลแล้วไม่ถือว่ารุ่งโรจน์
สำเร็จผลแล้วไม่โอ้อวด
สำเร็จผลแล้วไม่ลำพอง
ความสำเร็จผลนั้นถือว่าเป็นความจำเป็นอันน่าโศกเศร้า
ความสำเร็จผลนั้นเกิดขึ้นมิใช่ด้วยนิยมในความรุนแรง

เมื่อมีเวลารุ่งโรจน์ก็มีเวลาตกต่ำ
ด้วยความรุนแรงนี้ขัดกับเต๋า
ผู้ที่ขัดกับเต๋าจะจบสิ้นไปโดยเร็ว


ฐิตา:




-31-
ชัยชนะอันน่าโศกเศร้า

ศัตราวุธนั้นแม้จะมีลวดลายสวยงาม
แต่ก็นับว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายที่สุด
ผู้คนต่างเกลียดชังมัน
ดังนั้นผู้มีศาสนธรรมย่อมหลีกเลี่ยงการใช้อาวุธ

บุคคลผู้เจริญนิยมด้านซ้ายว่าเป็นด้านแห่งสวัสดิมงคล
แต่ในพิธีการทางการทหารนิยมทางด้านขวา

อาวุธนั้นเป็นสิ่งชั่วร้าย
หาใช่เป็นสิ่งที่บุคคลผู้เจริญสมควรใช้ไม่
เมื่อมิอาจหลีกเลี่ยงได้
ทางออกที่ดีที่สุดคือตั้งตนอยู่ในความสงบ

แม้ชัยชนะในการรบก็มิอาจนับว่าเป็นสิ่งดีงาม
และผู้ที่คิดว่ามันเป็นสิ่งดีงาม
คือผู้ที่ชื่นชอบในการฆ่าฟัน
ผู้ที่ชื่นชอบในการฆ่าฟัน
จะไม่ได้รับความสมปรารถนาใดๆ เลยภายใต้แผ่นฟ้า

ถือกันว่าสวัสดิมงคลนั้นอยู่ข้างซ้าย
ถือกันว่าอัปมงคลนั้นอยู่ข้างขวา
รองแม่ทัพจึงยืนอยู่ด้านซ้าย แม่ทัพจึงยืนอยู่ด้านขวา

นี่อาจกล่าวได้ว่าการรบเป็นพิธีของงานศพ
การล้างผลาญคนเป็นจำนวนมากมาย
ย่อมนำมาซึ่งการคร่ำครวญและโศกสลด
แม้ชัยชนะนั้นก็ต้องเฉลิมฉลองด้วยพิธีศพ




-32-
มหาสมุทรแห่งสรรพสิ่ง

เต๋าอันสูงสุดนั้นไร้ชื่อ
ท่อนไม้อันยังมิได้สลักเสลา
ก็จะไม่มีใครนำเอาไปใช้เป็นภาชนะได้
หากกษัตริย์และขุนนาง
สามารถรักษาความเป็นธรรมชาติอย่างง่ายๆนี้ไว้ได้
โลกทั้งโลกก็จะมานอบน้อมต่อท่าน

เมื่อฟ้าและดินเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน
สายฝนอันชื่นฉ่ำก็ตกลงมา
อยู่เหนือการบังคับบัญชาของทุกสิ่ง

เมื่ออารยธรรมของมนุษย์เกิดขึ้น
ชื่อสำหรับใช้เรียกสิ่งต่างๆ ก็เกิดขึ้นด้วย
และมีมาตั้งแต่นั้น

พึงรู้ว่าเมื่อใดถึงเวลาควรหยุด หยุดอะไรเล่า
หยุดความวุ่นวายความสับสน
หยุดความยุ่งยากซับซ้อน
หยุดความเปรื่องปราด
หยุดความเจริญในทางโลก
ผู้ที่รู้ว่าเมื่อใดควรหยุด ก็จะรอดพ้นจากภัยทั้งสิ้น

เต๋านั้นอาจเปรียบได้กับแม่น้ำทั้งหลาย
อันไหลไปรวมกัน ณ ท้องมหาสมุทร




-33-
รู้จักตนเอง

ผู้ที่เข้าใจผู้อื่นคือผู้รอบรู้ ผู้ที่เข้าใจตนเองคือผู้รู้แจ้ง
ผู้ที่มีชัยต่อคนอื่นคือผู้มีกำลัง
ผู้ที่มีชัยต่อตนเองคือผู้เข้มแข็ง
ผู้ที่มักน้อยคือผู้ร่ำรวย ผู้ที่มานะพยายามคือผู้มีความหวัง

ผู้ที่อยู่ในสถานะอันเหมาะสมของตน
ย่อมอยู่ได้ยาวนาน
ถึงแม้ผู้นั้นจะสิ้นชีวิตไปแล้ว แต่คุณความดียังคงอยู่สืบไป




-34-
เต๋าอันยิ่งใหญ่

เต๋าอันยิ่งใหญ่นั้นไหลบ่าท่วมท้นไปทุกแห่งหน
เหมือนกับสายน้ำอาจไหลไปทางซ้ายหรือทางขวา
สรรพสิ่งอุบัติขึ้นจากเต๋า จึงไม่มีสิ่งใดอาจฝ่าฝืนเต๋าได้
เมื่องานของเต๋าสำเร็จลุล่วงลง
ก็มิได้เข้าครอบครอง
เต๋าถนอมและบำรุงเลี้ยงสรรพสิ่ง แต่มิได้ตั้งตนเป็นเจ้าของ
การดูแลของเต๋าปราศจากกิเลสตัณหา

ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าเต๋าเป็นสิ่งเล็ก
และจากการเป็นที่อยู่อาศัยของสรรพสิ่ง
ก็อาจกล่าวได้อีกว่าเต๋าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่

ด้วยเหตุที่เต๋าไม่เคยประกาศความยิ่งใหญ่
ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงบั้นปลาย
ความยิ่งใหญ่ของเต๋าจึงปรากฏขึ้นและคงอยู่




-35-
ลักษณะเด่นคือความสามัญ

ยึดมั่นในหนทางอันยิ่งใหญ่ (เต๋า)
และโลกทั้งโลกก็จะดำเนินรอยตาม
ตามรอยนี้ก็จะนิราศจากภัย
มีชีวิตอยู่ด้วยความรุ่งเรือง สันติสุข และมั่นคง

ดนตรีเสนาะ อาหารโอชะ
มักทำให้ผู้เดินทางต้องหยุดยั้ง
แต่เต๋านั้น จืดชืด จนไร้รสชาติ มองหาก็ไม่อาจเห็น
ฟังดูก็ไม่ได้ยิน แต่เมื่อนำมาใช้
คุณประโยชน์นั้นจะไม่มีวันหมดสิ้น


ฐิตา:



-36-
ชนะแข็งด้วยอ่อน

ผู้ที่ถูกลดทอน จะต้องมีมากมาก่อน
ผู้ที่อ่อนแอ จะต้องเข้มแข็งมาก่อน
ผู้ที่ตกต่ำ จะต้องยิ่งใหญ่มาก่อน
ผู้ที่ได้รับ จะต้องให้มาก่อน
เหล่านี้คือ นัยที่แสดงออก ให้ปรากฏ

ความอ่อนละมุนมีชัยเหนือความแข็งกร้าว
ควรปล่อยให้มัจฉาอยู่ในสระลึกจะดีกว่า
เหมือนดั่งเก็บงำศัตราวุธทั้งมวล
ของบ้านเมืองไว้มิให้ใครแลเห็น




-37-
ปกครองด้วยความเรียบง่าย

เต๋าไม่เคยกระทำ แม้กระนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็สำเร็จลุล่วงลง
หากกษัตริย์และเจ้านครสามารถรักษาเต๋าไว้ได้
โลกก็จะเปลี่ยนแปลงไปโดยความต่อเนื่อง
เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงไปและเกิดการกระทำต่างๆขึ้น
จงปล่อยให้ความเรียบง่าย แต่บรรพกาล เป็นผู้ควบคุมการกระทำ
ความเรียบง่ายแต่บรรพกาลนี้ไร้ชื่อ
มันช่วย ขจัดความอยาก ทั้งปวง
เมื่อขจัดความอยากได้ ความสงบย่อมเกิดขึ้น
ดังนั้นโลกย่อมถึงซึ่งสันติสุข




-38-
เมื่อเต๋าสูญหายไป

บุคคลผู้ประกอบด้วยคุณธรรมสูงส่ง
มิได้รู้ว่าตนเองมีคุณธรรม
ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้มีคุณธรรม
บุคคลผู้ประกอบด้วยคุณธรรมเพียงเล็กน้อย
พยายามดิ้นรนรักษาคุณธรรมของตนไว้
กลับต้องสูญเสียมันไป
ผู้สูงส่งด้วยคุณธรรมดูคล้ายกลับเฉื่อยชา
แม้กระนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็สำเร็จเรียบร้อยลง
ผู้ต่ำต้อยด้วยคุณธรรมทำแล้วทำเล่า
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับไม่สำเร็จผล

ผู้มีเมตตายิ่งนั้นกระทำโดยปราศจากการกระตุ้นเตือน
ผู้มีความยุติธรรมยิ่งนั้นกระทำโดยการกระตุ้นเตือน
ผู้ยึดถือประเพณีอันเคร่งครัดกระทำโดยการกระตุ้นเตือน
ผู้ยึดถือประเพณีอันเคร่งครัดกระทำลงไป
เมื่อมิได้รับการตอบสนองต่อผู้ใด
ก็หันมาใช้วิธีการบังคับ
เนิ่นนานต่อมาผู้คนจึงค่อยๆ เชื่อถือตามอย่างประเพณี

ดังนั้นเมื่อเต๋าสาบสูญไป
คุณธรรมก็เข้ามาแทนที่
เมื่อคุณธรรมสูญหายไป
ความเมตตาก็เข้ามาแทนที่
เมื่อความเมตตาสูญหายไป
ความยุติธรรมก็เข้ามาแทนที่
เมื่อความยุติธรรมสูญหายไป
ประเพณีก็เข้ามาแทนที่

ประเพณีนั้นคือความภักดีและความสัตย์ซื่อ
ที่มีอยู่เพียงน้อยนิดในดวงใจ
และเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย
ความหยั่งรู้อย่างกระท่อนกระแท่น
เป็นเพียงภาพลวงของเต๋า
และเป็นจุดเริ่มต้นของความงมงาย

ดังนั้นมหาบุรุษย่อมธำรงความหนักแน่นไว้
มิกล้าเลินเล่อประมาท
อยู่ในความจริง ละทิ้งสิ่งมายา
ท่านปฏิเสธสิ่งหลังและยอมรับในสิ่งแรก




-39-
ขอเป็นระฆังหิน

ในอดีตกาลสิ่งเหล่านี้ได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว
จากความเป็นหนึ่งเดียวฟ้าก็กระจ่างแจ้ง
จากความเป็นหนึ่งเดียวพื้นดินก็มั่นคง
จากความเป็นหนึ่งเดียวดวงจิตก็ศักดิ์สิทธิ์
จากความเป็นหนึ่งเดียวแหล่งน้ำก็เปี่ยมล้น
จากความเป็นหนึ่งเดียวสรรพสิ่งก็ดำเนินไปและเติบโต
จากความเป็นหนึ่งเดียวกษัตริย์จึงได้ปกครองไพร่ฟ้า
นี่คือสาเหตุของความเป็นไป

หากฟ้าไม่กระจ่างแจ้งก็จะพังทลาย
หากพื้นดินไม่มั่นคงก็จะแตกร้าว
หากดวงจิตไร้ความศักดิ์สิทธิ์ก็จะดับสูญ
หากแหล่งน้ำไม่เปี่ยมล้นก็จะเหือดแห้ง
หากสรรพสัตว์ไร้พลังแห่งชีวิตก็จะแตกดับ
หากกษัตริย์ไร้อำนาจก็จะถูกโค่นล้ม

ดังนั้นการเป็นผู้สูงส่งต้องพึ่งพาคนสามัญช่วยสนับสนุน
ความรุ่งโรจน์ต้องอาศัยความต่ำต้อยเป็นพื้นฐาน

นี่คือเหตุผลที่อธิบายว่า
ทำไมกษัตริย์และผู้ปกครองจึงเรียกตัวเองว่า
ผู้กำพร้า ผู้โดดเดี่ยว ผู้ไร้คุณค่า
นี่มิได้หมายความว่า
ท่านถือเอาความต่ำต้อยเป็นรากฐานหรอกหรือ
สิ่งที่ผู้คนรังเกียจมิใช่
ความกำพร้า ความโดดเดี่ยว และความไร้คุณค่าหรอกหรือ
แม้กระนั้นกษัตริย์และผู้ปกครองก็ยังนำมันมาตั้งเป็นฉายาแห่งตน

เกียรติสูงคือความไร้เกียรติ
เพิ่มพูนด้วยการลดทอน
ลดทอนแต่กลับได้เพิ่มพูน

มิอาจทำตัวให้มีเสียงก้องกังวานเหมือนระฆังหยก
ในขณะที่ผู้อื่นมีเสียงเหมือนระฆังหิน




-40-
วัฏฏะ

การ ย้อนกลับ
คือการ กระทำ ของเต๋า
ความนุ่มนวลคือ
ส่วนประกอบของเต๋า
สรรพสิ่งในโลก กำเนิด มาจากความมี
และความมี
กำเนิดมาจาก ความว่าง

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version