อิ่มกาย อิ่มใจ > สุขภาพกับชีวิต

108 เคล็ดกิน

<< < (17/85) > >>

แก้วจ๋าหน้าร้อน:
 :45: ขอบคุณครับพี่หนุ่ม

sithiphong:
รู้ทันโรคมะเร็ง - ผักผลไม้สีแดง : อาหารต้านอนุมูลอิสระคุณภาพสูง





คมชัดลึก : ตามที่เคยกล่าวไว้ในตอน “วันนี้คุณกินผักผลไม้ครบ 5 สีแล้วรึยัง” ว่าผักผลไม้มีสีต่างๆ มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ผู้บริโภคจึงควรบริโภคผักผลไม้ให้ครบทั้ง 5 สีในทุกๆ วัน อันได้แก่ สีเขียว สีม่วง สีแดง สีขาวและสีเหลือง เพราะผักผลไม้แต่ละสีช่วยป้องกันมะเร็งในประเภทที่แตกต่างกันไป ด้วยการกำจัดสารอนุมูลอิสระและเพิ่มเอนไซม์ที่กำจัดสารก่อมะเร็งออกจากร่างกาย บางสียังดีกับมะเร็งบางอวัยวะโดยช่วยลดการเจริญเติบโตของเซลมะเร็งให้ช้าลง วันนี้มาเริ่มที่ผักผลไม้สีแดงกันก่อน

ลองหลับตานึกถึงผักผลไม้ที่มีสีแดง ไม่ว่าจะเป็นพวกผัก เช่น มะเขือเทศ แครอท หอมแดง พริกหวาน พริกชี้ฟ้า หรือพวกผลไม้บ้านเรา เช่น แตงโม ทับทิม ส้มโอ มะละกอสุก ฝรั่งสีแดง แก้วมังกร หรือผลไม้ต่างชาติอย่างแอปเปิ้ล สตอรเบอร์รี่ บีทรูท ราสเบอร์รี่ บรรดาผักผลไม้สีแดงเหล่านี้มีสารที่มีชื่อว่า “ไลโคพีน” อยู่ในปริมาณสูง มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ โดยมีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระที่สูงมาก มีความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินอี 100 เท่า และมากกว่ากลูตาไธโอนถึง 125 เท่า สารไลโคพีนช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก

 มะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งปอด และยังช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเยื่อบุมดลูก นอกจากนั้นสารไลโคพีนยังช่วยให้หลายภาวะผิดปกติของร่างกายดีขึ้น เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน กระดูกพรุน และภาวะมีบุตรยากในเพศชาย ได้อีกด้วย

 พระเอกของเรื่องผักผลไม้สีแดงหนีไม่พ้นมะเขือเทศครับ จากงานวิจัยพบว่ามะเขือเทศสามารถลดโอกาสในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้ดีมาก และยังพบว่ามะเขือเทศที่แปรรูปแล้ว เช่น ซอสมะเขือเทศและน้ำมะเขือเทศ มีปริมาณสารไลโคพีนมากกว่ามะเขือเทศสด เนื่องจากสารไลโคพีนที่เกาะติดแน่นกับเนื้อมะเขือเทศจะละลายออกมามากขึ้นหลังผ่านกรรมวิธีทำให้สุก

 ในยุคข้าวยากหมากแพง น้ำมันแพง ไข่แพง อะไรๆ ก็แพงกันไปหมด อย่าไปเสียเงินเสียทองจำนวนมากไปซื้อวิตามินของนอกราคาแพงๆ มากินเป็นกำๆ โดยหวังว่าจะช่วยต้านสารอนุมูลอิสระหรอกครับ ทำประเทศชาติขาดดุลการค้าเปล่าๆ มิหนำซ้ำตับไตจะพังพินาศก่อนกำหนดอีกด้วย หาผักผลไม้สีแดงมารับประทาน อาหารสดยังไงก็ดีกว่ามีคุณภาพสูงกว่าผลิตภัณฑ์แปรรูป

 พวกวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารพวกนั้น ที่จริงแล้วเค้าผลิตมาให้คนที่ขาดสารอาหาร ไม่สะดวกหรือไม่สามารถรับประทานผักผลไม้สดได้ อีกอย่างหนึ่ง ประเทศเมืองหนาวเขาหาผักผลไม้สดลำบาก ไม่เหมือนบ้านเราเมืองร้อนมีผักผลไม้สดตลอดทั้งปี ผลไม้สีแดงบ้านเราที่มักถูกลืม เช่น ตะขบสุก ลูกตำลึงสุก เชอร์รี่สีแดงรสเปรี้ยวก็น่าสนใจนะครับ มีคุณค่าไม่ต่างจากผักผลไม้สีแดงที่ใครๆ นิยมกัน ที่สำคัญปลอดยาฆ่าแมลงแน่นอนครับ...ขอบอก


"นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ"



.

http://www.komchadluek.net/detail/20110610/99886/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87:%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87.html

.

sithiphong:
   วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7500 ข่าวสดรายวัน


กินข้าวโพดลดเสี่ยงตาบอด

คอลัมน์ เจ๊าะแจ๊ะวิทยาศาสตร์



นอกจาก "ข้าวโพด" จะมีรสหวานอร่อยและยังมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ ทั้งคาร์โบ ไฮเดรต ไนอะซีน วิตามินบี กรดไขมัน เส้ยใยผัก แล้วยังมีอะไรอีก รู้ไหมเอ่ย

ทอร์เบิร์ต โรชฟอร์ด ผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรกรรมและปฐพีวิทยา มหาวิทยาลัยเพอร์ดู ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำการ วิจัยข้าวโพดพันธุ์สีส้ม ที่มีแหล่งกำเนิดจากแถบแคริบเบียน แต่นิยมปลูกกันมากในทวีปเอเชียและอเมริกาใต้

พบว่าข้าวโพดเมล็ดสีส้มอุดมไปด้วยเบต้า-แคโรธีน และโปรวิตามินเอในปริมาณมากกว่าข้าวโพดทั่วไปถึงกว่าเท่าตัว เมื่อสารทั้ง 2 ชนิดเข้าสู่ร่างกาย มันจะทำปฏิกิริยาแล้วเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ พร้อมกระตุ้นให้เกิดสารซีแซนทีน องค์ประกอบสำคัญใน จอตา

โดยเฉพาะส่วนที่เรียกว่าโมคูลาหรือชั้นของเม็ดสี ซึ่งมีหน้าที่กรองแสงผ่านเข้าสู่จอตา รักษาส่วนรับภาพและช่วยป้องกันโรคตาบอดซึ่งเกิดขึ้นกับเด็กๆ ในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา ที่มีอาการตาบอดมากถึง 2.5-5 แสนคนต่อปีเลยทีเดียว

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURONWIzVXdNekV5TURZMU5BPT0=&sectionid=TURNeE1RPT0=&day=TWpBeE1TMHdOaTB4TWc9PQ==

.

sithiphong:
กิน “น้ำผึ้ง” ไม่แก่ แถมได้ประโยชน์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    
30 มิถุนายน 2554 14:55 น.

หลายคนคงรู้กันดีว่า “น้ำผึ้ง” เป็นอาหารที่มีคุณประโยชน์มากมาย แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะอีกด้วย ซึ่ง “108 เคล็ดกิน” ก็อยากจะมาเตือนความจำกันเสียหน่อยว่ามีอะไรบ้าง
       
       ใน “น้ำผึ้ง” อุดมไปด้วยวิตามินบี และ วิตามินซี และยังมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์ ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกับที่มีอยู่ในผักใบเขียว นอกจากนี้ก็ยังมีแร่ธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม และเกลือแร่ ที่ร่างกายต้องการ น้ำผึ้งมีคาร์โบไฮเดรตสูง แต่มีโปรตีนและไขมันในปริมาณน้อย ซึ่งก็อยู่ในรูปของกรดอะมิโนและกรดไขมันที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที
       
       ความหวานในน้ำผึ้งนั้นมีน้ำตาลที่ถูกย่อยมาแล้วโดยเอนไซม์ในตัวผึ้งให้มีขนาดของโมเลกุลเล็กลงมาแล้วหนึ่งรอบ ทำให้เมื่อเรากินเข้าไป ร่างกายของเราจึงสามารถดูดซึมได้ทันที จึงมีประโยชน์กับคนเรา โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาในการย่อยอาหาร
       
       และที่สำคัญ “น้ำผึ้ง” ยังช่วยในการชะลอความแก่ ซึ่งถูกค้นพบโดยนักวิจัยจากประเทศนิวซีแลนด์ ที่พบว่าน้ำผึ้งนั้นมีคุณสมบัติในการต่อสู่กับความชราได้ทั้งในเรื่องของความจำเสื่อม และความวิตกกังวล โดยมีการทำการทดลองกับหนู 2 กลุ่ม หนูกลุ่มแรกเลี้ยงด้วยอาหารที่มีน้ำผึ้ง 10% และซูโครส 8% อีกกลุ่มหนึ่งเลี้ยงด้วยอาหารที่ไม่มีน้ำตาลเลย เป็นเวลา 12 เดือน โดยใช้แบบทดสอบที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อวัดเรื่องความวิตกกังวลกับความจำในเรื่องระยะทาง
       
       ผลปรากฏว่า หนูที่เลี้ยงด้วยน้ำผึ้ง มีความวิตกกังวลน้อยกว่า และมีความจำเกี่ยวกับระยะทางดีกว่าอีกกลุ่ม จึงมีผลสรุปว่า น้ำผึ้งน่าจะมีประโยชน์ในการลดความวิตกกังวลและปรับปรุงความจำได้ในระหว่างที่ชรา โดยน้ำผึ้งอาจเข้าไปกระตุ้นความทรงจำ เนื่องจากมีแอนตี้ออกซิเดนท์ ซึ่งป้องกันเซลล์ในร่างกายถูกทำลาย ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรออีกด้วย


http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000079533

.

แก้วจ๋าหน้าร้อน:
 :45: ขอบคุณครับพี่หนุ่ม

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version