ผู้เขียน หัวข้อ: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน  (อ่าน 17561 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ แก้วจ๋าหน้าร้อน

  • สิ่งใดคือธรรมะ สิ่งนั้นย่อมดีแล้วสูงสุด
  • ทีมงานกวาดลานดิน
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 6503
  • พลังกัลยาณมิตร 1741
  • ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครอง
    • kaewjanaron
    • facehot
    • ดูรายละเอียด
    • ใต้ร่มธรรม
Re: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กันยายน 22, 2012, 06:04:10 pm »
 :06: ขอบคุณครับพี่หนุ่ม ผมปฏิบัติตามกฏจราจรเสมอครับ
เรื่องการขับรถนี่ ต้องรอบคอบมากๆ เวลาถ้าผมเข้าซอยแคบๆ ผมมักจะถอยหรือหลีกทางให้รถคันอื่นก่อนประจำครับ เพราะคิดว่าเค้ามีธุระสำคัญกว่า
บางครั้งนี่ ผมถอยยาวสุดซอยเลย 55+ แหม๋ผมนี่ เกรงใจคนเก่งจริงๆ
รถผมก็เก๊าเก่า แต่ข้อดีคือ ตำรวจหรือคนทั่วไปๆไม่ค่อยสนใจ
ส่วนใหญ่จับมอเตอร์ไซต์กับรถปิ๊กอัพ แล้วก็รถใหม่ๆกัน สงสัย เห็นผมใช้รถเก่าไม่มีตังค์ 55+
ผมโชคดีมากๆที่ ผมทำใบขับขี่ก่อน กฏหมายใหม่ที่ต้องทำทุก 6 ปี
ใบขับขี่ตลอดชีพนี่ดีจริงๆ 55+
การโพสภาพโดยใช้เว็บฝากไฟล์ภาพ imageshack.us/ (เว็บกบ)
การปรับแต่งห้องสมาชิกไร้ขีดจำกัด Ultimate Profile + ห้องเพลงส่วนตัว
การตั้งกระทู้และการโพสกระทู้ในเว็บใต้ร่มธรรมครับ
การแก้ไข้ข้อมูล ชื่อ ระหัส ส่วนตัวของสมาชิกใต้ร่มธรรมครับ
การใส่รูปประจำตัวเรา Avatar รวมทั้งลายเซ็นต์ ในกระทู้หรือโพสของเราครับ
เพิ่มไอคอน ทวิสเตอร์ เฟชบุ๊ค ยูทูบ ในโปรโปรไฟล์ของเรา
การสร้างอัลบั้มภาพส่วนตัวในห้องสมาชิก Profile Pictures
การเพิ่มเพื่อน กัลยาณมิตรใต้ร่มธรรม ในห้องสมาชิกส่วนตัว
การดูกระทู้ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่านครับ
โค้ดสี bb color code ไว้สำหรับโพสกระทู้ครับ
*วิธีเคลียร์แคชในทุกเว็บเบราว์เซอร์ครับ เมื่อคอมอืด*

ห้องประชุมของทีมงาน
~ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ~

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กันยายน 22, 2012, 08:04:51 pm »
พี่ก็ขับรถให้ถูกกฎจราจรเช่นกัน

กฎจราจรมีไว้เพื่อป้องกันความเสียหายทั้งชีวิต และ ทรัพย์สิน

ที่สำคัญ  ไม่โดนใบสั่ง  กลัวเสียตัง

ใบสั่งส่งมาทางไปรษณีย์ เป็นใบสั่งพร้อมรูปด้วยครับ

 :36:  :36:  :36:
.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ตุลาคม 07, 2012, 10:13:51 am »
40 เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับการขับรถยนต์ที่คุณควรทราบ
-http://men.kapook.com/view47277.html-

40 เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับการขับรถยนต์ที่คุณควรทราบ (Men's Health)
เรื่อง Men’s Health US แปลและเรียบเรียง จิตติมา

          หากคุณไม่อยากเสียค่าซ่อมรถแพง ๆ หรือต้องการพัฒนาทักษะการขับรถ รวมทั้งเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนวันนี้เรามีคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องรถฉบับจัดเต็มมาฝากคุณ ถ้างั้นลองไปดูพร้อม ๆ กันเลยว่าจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง

 1. ขจัดสิ่งรบกวน

          เหมือนกับที่ครูสอนขับรถมักจะบอกย้ำ ๆ อยู่เสมอว่ามือของคุณจะหมุนไปตามทิศทางเดียวกับที่คุณหันไปมอง แค่คุณเปลี่ยนช่องวิทยุก็ใช้เวลา 5.5 วินาทีแล้ว ซึ่งนั่นเป็น 5.5 วินาที ที่คุณได้ละสายตาไปจากถนนและมือทั้งสองของคุณก็ไม่ได้อยู่บนพวงมาลัย แค่กดโทรศัพท์มือถือก็ทำให้คุณมีความเสี่ยงที่จะขับรถชนมากกว่าปกติถึง 3 เท่า หรือเพียงหันไปจับอะไรก็ตามที่เคลื่อนไหว คุณก็มีความเสี่ยงที่จะขับรถชนมากกว่าปกติ ถึง 9 เท่า ที่ร้ายที่สุดคือ การส่ง SMS ซึ่งทำให้คุณต้องเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติถึง 23 เท่า ทางที่ดีคุณควรลงทุนติดตั้งระบบแฮนด์ฟรีพร้อมบลูทูธไว้ใช้ในรถ และส่ง SMS เฉพาะเวลาที่คุณจอดรถแล้วเท่านั้น

2. สาดโค้งบนทางดิน

          รีส มิลเลน สตั๊นท์แมนขับรถผาดโผนบอกว่าการสไลด์ไปข้าง ๆ เป็นวิธีทำเวลาที่เร็วที่สุดในการสาดโค้งบนทางดิน เขาแนะนำให้เริ่มต้นสไลด์ผ่านการบังคับพวงมาลัยให้ท้ายปัดออกนอกโค้ง (ที่เรียกว่าโอเวอร์สเตียร์ในการเข้าโค้ง) แล้วหมุนพวงมาลัยไปในทิศทางตรงกันข้ามกับโค้งเพื่อเบรคไม่ให้ท้ายปัด หลังจากนั้นให้หักกลับมาในทิศทางตรงกันข้ามเพื่อสไลด์ไปในทิศทางที่คุณจะไป พอรถเริ่มสไลด์ก็ควบคุมโดยการเหยียบคันเร่งเพิ่มหรือผ่อนคันเร่ง การเหยียบคันเร่งมากหรือน้อยช่วยควบคุมมุมที่เข้าโค้งให้กว้างหรือแคบ ยิ่งเร่งมากจะยิ่งทำให้รถสาดไปข้าง ๆ มากขึ้น ถ้าคุณผ่อนเท้าออกจากคันเร่ง รถก็ยังสาดไปอยู่ตามแรงต้น แต่ความเร็วจะเริ่มลดลงและเข้าสู่ทางตรงอีกครั้ง ควรทดลองสาดโค้งแบบนี้บนทางที่มีดินเยอะ ๆ และไม่มีต้นไม้

3. มีสมาธิ

          ข้อมูลจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Human Perception and Performance ระบุว่า การจ้องมองถนนทางตรงเป็นเวลานานกว่า 5 นาที ทำให้สมองของคุณล้า ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณขับรถเร็วและประมาทในการกะระยะระหว่างรถคุณและคันหน้า ให้คุณคอยดูกระจกมองหลังทั้งกระจกตรงกลางซ้ายและขวา รวมทั้งหน้าปัดความเร็วทุกครั้งที่เพลงจบวิธีนี้จะช่วยให้สายตาและสมองทำงานได้ว่องไวขึ้น

4. ข้ามน้ำหรือลำธาร

          อย่าขับรถลุยลงไปในน้ำหากน้ำสูงกว่ากระจังหน้ารถซึ่งเป็นบริเวณที่มีการดูดอากาศจากภายนอกเข้ามาในเครื่องยนต์ ให้ขับรถลงน้ำตรงจุดที่กระแสน้ำดูไม่แรงเกินไปโดยขับทแยงลงไปเพื่อให้มีพื้นผิวที่จะต้องปะทะกับกระแสน้ำน้อยที่สุด ค่อย ๆ ขับลงไปในน้ำโดยเร่งความเร็วพอสมควร ความเร็วที่พอเหมาะจะทำให้เกิดระลอกคลื่นซึ่งช่วยผลักดันน้ำออกไป น้ำในบริเวณหน้ารถจึงตื้นขึ้น จากนั้นให้คอยควบคุมความเร็วรถให้สม่ำเสมอ

5. ลดระดับเบาะที่นั่ง

          เวลานั่งขับรถอยู่บนเบาะที่ปรับให้สูง จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนขับรถช้ากว่าปกติ ด้วยเหตุนี้ผู้ขับขี่รถเอสยูวีซึ่งเป็นรถที่มีความเสี่ยงที่จะหมุนได้ง่ายอยู่แล้ว จึงมักขับรถเร็วกว่าคนที่ขับรถประเภทอื่น เพราะเข้าใจว่ารถตัวเองกำลังคลานไปช้า ๆ ดังนั้นเจ้าของรถเอสยูวี ควรจะปรับเบาะที่นั่งให้ต่ำลงเพื่อที่จะได้รับรู้ความเร็วที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากขึ้น แต่อย่าปรับลดระดับเบาะที่นั่งลงมาจนต่ำสุด ๆ เหมือนนักขับรถซิ่งทั้งหลายที่ชอบหมุนรถโชว์ก็แล้วกัน อย่าลืมนะว่าคุณไม่ได้เป็นหนุ่มนักซิ่ง

6. เพิ่มแรงม้า

          หากคุณเป็นเจ้าของรถที่มีเทอร์โบมาพร้อม คุณคงไม่ต้องการอะไรมากไปกว่า การปรับแต่งโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อเพิ่มแรงม้า ไม่ว่าคุณจะขับรถเบนท์ลีย์ทวินเทอร์โบ หรือโฟล์คสวาเกนเครื่องยนต์ดีเซล 1.8 ลิตร ที่แสนจะธรรมดา ลองเสียเวลาแค่ไม่กี่นาทีให้ช่างปรับตั้งกล่องควบคุม รถคุณก็จะมีแรงม้าเพิ่มขึ้นได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์

7. คืนชีวิตให้กับแบตเตอรี่

          ถ้าสตาร์ทรถไม่ติดเพราะขั้วแบตเตอรี่เต็มไปด้วยตะกรันสนิม เพียงเปิดกกระป๋องโค้ก แล้วราดลงไปบนขั้วแบตเตอรี่ กรดในน้ำโค้กจะช่วยชะล้างตะกรัน ทำให้สามารถต่อและส่งกระแสไฟในการจั๊มป์สตาร์ทได้สำเร็จ เมื่อคุณกลับถึงบ้านให้เอาน้ำฉีดที่ขั้วแบตเตอรี่เพื่อล้างคราบน้ำโค้กที่ติดอยู่ แล้วใช้ผ้าเช็ดน้ำให้แห้ง

8. งดของหวาน

          ถ้าคุณไม่อยากเผชิญหน้ากับภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำซึ่งทำให้รู้สึกง่วงเวลาที่ขับรถ โมนีค ไรอันนักโภชนาการ ผู้แต่งหนังสือ Sport Nutrition for Endurance Athletes แนะนำให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดด้วยการกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูงอย่างลูกแพร์หรือแอปเปิล และดื่มน้ำเปล่า

9. หาแผ่นรองหลังมาหนุน

          ถ้าพนักพิงหลังในรถคุณไม่สามารถปรับความแข็ง-อ่อนได้ ให้ซื้อแผ่นรองหลังมาเสริมหรือจะให้ง่ายกว่านั้นก็แค่ม้วนผ้าเช็ดตัวและนำมาหนุนตรงที่มีช่องว่างระหว่างบั้นเอวกับเบาะก็โอเคแล้ว ยิ่งคุณประคองกระดูกสันหลังได้มากเท่าไรโอกาสที่จะปวดหลังยิ่งมีน้อยลงเท่านั้น

10. กำจัดของที่ไม่จำเป็นลงจากรถ

          เมื่อลดน้ำหนักบรรทุกของลงได้ทุก ๆ 50 กิโลกรัม รถคุณจะประหยัดน้ำมันลงไป 1-2 เปอร์เซ็นต์ให้เคลียร์ของในที่กระโปรงท้ายและเบาะหลังก่อนที่จะออกจากบ้าน และถ้ารถคุณมีตะแกรงบรรทุกสัมภาระบนหลังคาแต่ไม่ใช้ก็แค่ถอดออกซึ่งจะช่วยประหยัดน้ำมันลงได้ถึง 5 เปอร์เซ็นต์

11. เคลียร์กระเป๋ากางเกง

          โดยเฉลี่ยผู้ชายใช้เวลาขับรถวันละ 67 นาที ดังนั้นการที่คุณยัดกระเป๋าตังค์บวม ๆ ไว้ในกระเป๋ากางเกงที่อยู่ข้างหลังจะทำให้สะโพกสองข้างหนาไม่เท่ากัน เวลานั่งบนเบาะกระดูกสันหลังก็เลยคดและส่งผลให้กล้ามเนื้อหลังต้องทำงานหนัก นอกจากนี้สจ็วร์ต แมคกิจ อาจารย์มหาวิทยาลัยวอเตอร์ลู ออนแทรีโอ บอกว่า การใส่ของหนา ๆ เข้าไปในกระเป๋ากางเกงยังเป็นการเพิ่มแรงกดลงบนเส้นประสาทบริเวณกระดูกสะโพกซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดหลัง

12. คาดเข็มขัดนิรภัย

          ผู้ชาย 1 ใน 5 คนเข้าใจว่าเมื่อรถมีถุงลมนิรภัยแล้วก็ไม่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย ทั้ง ๆ ที่ความจริงการไม่คาดเข็มขัดนิรภัยอาจทำให้ถุงลมนิรภัยกลายเป็นเพชฌฆาตที่คร่าชีวิตคนได้ ทีมนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยพิตส์เบิร์กได้วิจัยข้อมูลย้อนหลัง 12 ปีจากอุบัติเหตุรถยนต์ที่ถุงลมนิรภัยทำงาน พบว่าผู้ขับขี่รถยนต์ที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยมีโอกาสบาดเจ็บที่คอและกระดูกสันหลังมากกว่าผู้ขับขี่รถยนต์ที่คาดเข็มขัดถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ทีมนักวิทยาศาสตร์อธิบายว่าถ้าคุณไม่คาดเข็มขัดขณะที่รถชน หัวของคุณจะพุ่งไปอัดกับถุงลมนิรภัยซึ่งถูกดันออกมาด้วยความเร็ว 322 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

13. ปรับแอร์ให้เป็นแบบหมุนเวียน

          การปิดแอร์ช่วยประหยัดน้ำมันเฉพาะเวลาที่คุณขับรถในเมือง แต่ถ้าคุณต้องขับรถบนไฮเวย์ การเปิดหน้าต่างขับรถยิ่งทำให้รถวิ่งได้ช้า ซึ่งส่งผลให้รถคุณยิ่งกินน้ำมันมากขึ้น ทางที่ดีคุณควรปรับระบบแอร์ให้เป็นแบบหมุนเวียนโดยใช้อากาศเย็นที่ได้รับการปรับอุณหภูมิแล้วภายในห้องโดยสาร วิธีนี้ช่วยประหยัดพลังงานลงได้มากกว่าเพราะแอร์ไม่ต้องทำงานหนักในการปรับอากาศร้อนจากภายนอกตลอดเวลา

14. ประหยัดคลัทช์

          อย่าเหยียบคลัทช์ค้างไว้นานก่อนที่จะเปลี่ยนเกียร์ คุณจะเร่งสปีดรถได้ดีกว่าและถนอมรักษาคลัทช์ไว้ให้มีอายุใช้งานได้นาน หากคุณรู้จักใช้คลัทช์อย่างประหยัด

15. ใช้พนักพิงศีรษะ

          ก่อนที่จะออกรถให้คุณนั่งหลังตรงแล้วยืดศีรษะขึ้นให้สูงที่สุดพร้อม ๆ กับดันศีรษะไปที่พนักพิง ทำท่านี้ค้างไว้ 5 วินาที จากนั้นค่อยผ่อนคลายลง ทำซ้ำทั้งหมด 5 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยปรับท่านั่งขับรถของคุณให้ถูกต้องขึ้น และช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อหลังให้ทำงานและปรับกระดูกสันหลังให้ตรงคุณจึงไม่เมื่อยคอขณะขับรถ

16. แต่งรถให้สวย

          ถ้าคุณอยากแต่งรถใหม่ให้ดูไม่เวอร์ควรเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนล้อแม็กซ์ นอกจากค่าใช้จ่ายจะไม่สูงแล้วยังรวดเร็วอีกด้วย แถมคุณก็ไม่ต้องเอารถไปทิ้งไว้ให้ทำนานเป็นอาทิตย์ ถ้ารถของคุณเป็นรุ่นหรูอยู่แล้ว คุณอาจจะไม่ต้องเปลี่ยนแม็กซ์ด้วยซ้ำ ลองเปลี่ยนสีล้อด้วยการทำสีพาวเดอร์โค้ดแค่นี้ก็ดูดีแล้ว

          ซื้อรถอย่างไรให้คุ้มค่า

17. ถามหารถทดลองขับ

          หากต้องการซื้อรถมือสอง รถตัวอย่างที่โชว์รูมใช้สำหรับให้ลูกค้าทดลองขับก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะรถพวกนี้จะไม่ได้ถูกใช้งานไปมากนักก่อนที่จะขาย และยังมีการเก็บข้อมูลอย่างดีเนื่องจากโชว์รูมจะต้องขายรถพวกนี้ออกไปเมื่อครบกำหนดเวลาหรือระยะการใช้งาน รถมือสองที่วิ่งน้อยและมีบันทึกการใช้งานจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุ้มค่า

18. เตรียมตัวให้พร้อม

          ก่อนที่จะไปโชว์รูมขายรถ อย่าลืมทำการบ้านเรื่องเงื่อนไขการผ่อนชำระและเช็คเครดิตของคุณไปให้พร้อมก่อน และอย่าเลือกผ่อนชำระนานกว่าระยะเวลาที่คุณตั้งใจจะใช้รถคันนั้น โดยทั่วไปหากยอดผ่อนรายเดือนที่คุณจ่ายไหวทำให้คุณต้องผ่อนเกิน 4 ปี แปลว่ารถคันนั้นราคาสูงเกินไปสำหรับคุณ

19. เลือกเวลาที่เหมาะสม

          พนักงานขายส่วนมากจะวุ่นอยู่กับการทำยอดขายให้ได้ตามแผนในช่วงปลายเดือน นั่นคือเวลาที่คุณควรจะไปซื้อรถ ยิ่งคุณไปถึงโชว์รูมแต่เช้าก็ยิ่งจะได้รับบริการเป็นอย่างดี เพราะพนักงานขายมักใส่ใจกับลูกค้ารายแรก ๆ ที่เข้ามาในโชว์รูม

20. ทดลองขับรถเป็นสิ่งสุดท้าย

          การทดลองขับรถเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเลือกซื้อรถ คุณควรลองขับรถหลังจากต่อรองทุกสิ่งอย่างจนพอใจเรียบร้อยแล้ว พนักงานขายมักจะคะยั้นคะยอให้คุณทดลองขับรถให้เร็วที่สุด เพราะเมื่อขับรถแล้วถูกใจ ก็ยิ่งมีความเป็นไปได้ที่คุณจะตัดสินใจซื้อรถ

21. เลือกรถในสต็อค

          ตัวแทนจำหน่ายรถบางรายได้เครดิตในการนำรถมาเก็บไว้ในสต็อคเพื่อขาย ถ้าอยากได้ข้อเสนอดี ๆ ลองเลือกดูรถที่อยู่ในสต็อค โดยเฉพาะรถที่เก็บมานานกว่า 3 เดือน เพราะตัวแทนจำหน่ายอยากจะขายรถพวกนี้ออกไปก่อนเพื่อนำเงินไปจ่ายให้แก่บริษัทแม่

22. รู้จักต่อรอง

          ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถที่โชว์รูมไหน คุณควรเช็คราคารถหลาย ๆ แห่ง เพื่อข้อเสนอที่ดีที่สุด เมื่อเลือกโชว์รูมได้แล้ว อย่าเพิ่งรีบตกลงปลงใจ เพราะคุณยังสามารถต่อรองขอส่วนลดเพิ่มหรือของแถมจากพนักงานขายได้อีก ให้ต่อรองจนกว่าคุณจะได้ข้อเสนอที่พอใจ

23. ระวังของลดราคา

          โปรโมชั่นประเภท "ซื้อตอนนี้รับส่วนลดทันที 20,000 บาท" อาจฟังดูน่าสนใจ แต่คุณต้องชอบรถคันนั้นจริง ๆ (เพราะเมื่อซื้อมาแล้วคุณจะต้องใช้รถคันนี้ต่อไปอีกหลายปี) รถที่มีราคาถูกมาก ๆ ตั้งแต่ตอนซื้อ จะราคาตกลงไปมากเวลาที่คุณขาย ส่วนพวกรถตกรุ่นที่จะไม่มีการผลิตแล้วก็ยิ่งไม่น่าซื้อ เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นรถคลาสสิก
 
24. เช็คข้อมูลในเน็ต

          ก่อนจะตัดสินใจซื้อรถให้หาข้อมูลเพิ่มเติมในเน็ต รวมทั้งลองดูความเห็นของคนที่ซื้อรถรุ่นนั้นไปแล้ว หนึ่งในเว็บบอร์ดที่ได้รับความนิยมคือ pantip.com

25. เอาตัวรอดเวลารถตกน้ำ

          สมัยนี้รถยนต์ส่วนใหญ่จะใช้กระจกไฟฟ้า ถ้าหากรถตกน้ำไฟฟ้าจะช็อตและเปิดกระจกไม่ได้ ให้ลงทุนซื้ออุปกรณ์อย่างค้อนหรือไขควงปากแบนขนาดใหญ่เก็บไว้ตามที่ใส่ของในรถ ถ้าเกิดมีอุบัติเหตุรถตกลงไปในน้ำจะได้มีอุปกรณ์ทุ่นแรงไว้ทุบกระจกให้แตก

26. เตรียมยาหรือขนมแก้เมารถ

          สำหรับคนที่ชอบเมารถ ให้ลองกินคุกกี้รสขิง (หากไม่มียาแก้เมารถ) เพราะการปล่อยให้ท้องว่างจะทำให้เมารถมากขึ้น และงานวิจัยพบว่าขิงช่วยป้องกันและบรรเทาอาการเมารถได้

27. ดูแลใบปัดน้ำฝน

          ปกติใบปัดน้ำฝนจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ได้รับการดูแล ทั้ง ๆ ที่เป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะช่วยให้คุณมองเห็นได้ชัดขึ้นเวลาฝนตก สมาคมรถยนต์อธิบายว่าใบปัดที่ดีจะต้องมีเฉพาะส่วนขอบของใบแนบอยู่กับกระจกหน้ารถ ถ้าหากเวลาคุณปัดน้ำฝนแล้วได้ยินเสียงดังหรือเห็นว่ามีการสะดุด ควรไปให้ศูนย์บริการปรับตั้งหรือเปลี่ยนใบปัดให้ใหม่จะดีกว่า

28. มองถนนให้ไกล

          อีกหนึ่งพฤติกรรมการขับรถที่ไม่ดีคือการจ้องมองพื้นถนนข้างหน้ารถหรือท้ายรถคันหน้า ทางที่ดีคุณควรฝึกมองไปข้างหน้าไกล ๆ อย่างเช่น ขณะที่เข้าโค้งก็ให้มองจุดออกจากโค้ง การมองแบบนี้ อาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนจะหลุดออกไปนอกถนน แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเพราะการมองเห็นทั้งโค้ง จะช่วยให้คุณเข้าโค้งตามไลน์ได้ถูกต้อง

29. เช็คลมยาง คริส โจแฮนสัน

          ผู้แต่งหนังสือ Auto Diagnosis, Service and Repair บอกว่า "เมื่อลมยางต่ำกว่าปกติ ยางจะสัมผัสและเกิดแรงเสียดทานกับพื้นถนนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ยางสึกเร็วกว่าที่ควร อีกทั้งยังทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักและสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น" ในทางตรงกันข้ามการเติมลมยางเกินกว่าที่กำหนดจะทำให้ยางแข็งและไม่ยืดเกาะถนน ควรตรวจสอบคู่มือการใช้รถของคุณและเติมลมยางให้ถูกต้อง

30. อย่าขับจี้ท้ายคันหน้า

          ทอม แวนเดอร์บิลต์ ผู้แต่งหนังสือขายดี ชื่อ Traffic บอกว่า การขับจี้ท้ายรถคันหน้าทำให้รถติด แวนเดอร์บิลต์อธิบายว่า คนขับรถจะต้องเหยียบเบรคบ่อยเกินเหตุเวลาขับจี้ท้าย ดังนั้นรถคันหลังที่ขับตามมาก็จะต้องเหยียบเบรคตามไปด้วย ทุกคนเลยขับรถกระตุกแบบเหยียบเบรคแล้วก็ปล่อยตามกันไปเป็นแถว

31.ถอยรถจอดขนานอย่างโปร

          คนที่ถอยรถจอดขนานไม่เก่งควรอ่านคำแนะนำนี้ ล้อแม็กซ์ราคาแพงจะได้ไม่ต้องเป็นรอยเพราะเบียดกับขอบฟุตปาธ ในกรณีที่ไม่มีอุปกรณ์เตือนเวลาถอยหรืออุปกรณ์ไม่ทำงาน ให้คุณปรับมุมกระจกมองข้าง ด้านคนนั่งเอียงลงให้เห็นขอบฟุตปาธและรถด้านข้าง เพื่อที่จะได้เห็นล้อและขอบฟุตปาธเวลาถอยจอดขนาน พอจอดเรียบร้อยก็ปรับกระจกมองข้างกลับมาไว้ที่มุมมองปกติ สำหรับรถรุ่นใหม่บางรุ่นจะมีกระจกมองข้างที่ปรับอัตโนมัติเวลาถอยจอดที่เรียกว่า "อินเดกซิ่ง" (Indexing)

32. เมาไม่ขับ

          เวลาที่คุณจะไปท่องราตรีกับเพื่อนหรือแฟนให้คุณทิ้งรถไว้ที่บ้านแล้วนั่งแท็กซี่แทนดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสี่ยงถูกตำรวจจับข้อหาเมาแล้วขับ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุด้วย

33. เร็วกว่าย่อมได้เปรียบ

          การเหยียบคลัทช์ค้างไว้ก่อนขณะที่เข้าเกียร์ช่วยให้รถวิ่งไปอย่างนุ่มนวลไม่สะดุด แต่ในเวลาเดียวกัน ก็ทำให้เกิดความร้อนจนรถอืด ดังนั้นอย่ามัวรอช้ารีบสับเกียร์แล้วถอนเท้าออกจากคลัทช์ให้เร็วที่สุด

          สอนลูกอย่างไรให้ขับรถเป็น

34. หาพื้นที่โล่ง ๆ ให้ฝึกขับ

          เด็กที่หัดขับรถใหม่ ๆ จะตกใจง่าย และทำอะไรไม่ถูกเมื่อรถพุ่งเข้าไปหาสิ่งกีดวางต่าง ๆ อย่างเช่น แผงกั้นตามที่จอดรถ ดังนั้นเวลาพาลูกไปหัดขับรถให้หาพื้นที่โล่ง ๆ สอนให้เขาหันไปดูตามทิศทางที่เขาจะเลี้ยว แล้วค่อยหมุนพวงมาลัยไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนั้นคุณต้องคอยฝึกลูกให้ขับรถไม่ให้ส่ายไปมาด้วย

35. เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก

          วัยรุ่นที่ขับรถไม่ดีมักจะมีพ่อแม่ที่ขับรถไม่ดีด้วย เพราะฉะนั้นการขับรถของคุณจะเป็นแบบอย่างให้กับลูกของคุณ อย่าขี้โมโห ให้ใจเย็น ๆ เวลาขับรถ ลูกคุณจะได้ขับรถอย่างใจเย็นเหมือนคุณ

36. อธิบายให้ลูกเห็นภาพ

          ควรอธิบายให้ลูกนึกภาพออก แทนที่จะไปนั่งอธิบายตัวเลขหรือทฤษฎี ตัวอย่างเช่น แทนที่คุณจะบอกว่า "ต้องใช้ระยะเพิ่มจากปกติอีก 25 เมตร เพื่อหยุดรถที่วิ่งมาด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพราะทุก ๆ วินาที ที่เบรคทำงานช้าจะต้องการระยะทางเพิ่มขึ้น" ลองบอกลูกว่า "หากรถวิ่งมาด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ต้องใช้ระยะทาง 85 เมตรในการเบรค ซึ่งเป็นระยะทางที่สั้นกว่าความยาวของสนามรักบี้อยู่แค่ 15 เมตร"

37. อย่าใช้นิ้วเท้าเหยียบคันเร่ง

          บางคนชอบใช้นิ้วเท้าเหยียบคันเร่ง ซึ่งทำให้ควบคุมความเร็วได้ไม่สม่ำเสมอและเปลืองน้ำมันเวลาขับ ควรสอนให้ลูกใช้ฝ่าเท้าเหยียบคันเร่งซึ่งจะทำให้ออกแรงได้สม่ำเสมอ และควบคุมความเร็วได้ดีกว่า

38. สิ่งที่รบกวนสมาธิ

          ควรอธิบายให้ลูกคุณเข้าใจถึงสิ่งที่จะรบกวนสมาธิเวลาขับรถ ไม่ว่าจะคุยโทรศัพท์มือถือ หรือแม้กระทั่งฟังเพลงที่ดังเกินไป และแย่ที่สุดคือการรับหรือส่ง SMS จากการศึกษาของสถาบันขนส่งเวอร์จิเนียเทคพบว่า คนที่ส่งข้อความขณะขับรถมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุมากกว่าคนขับรถปกติถึง 23 เท่า

39. ใช้ไฟตัดหมอก

          เรย์ ไทสัน อดีตโฆษณาของคณะกรรมการรณรงค์เพื่อความปลอดภัยในการจราจรของแอฟริกาใต้ บอกว่าไฟตัดหมอกสามารถส่องผ่านไอน้ำได้ดีกว่าไฟหน้ารถปกติ และโดยปกติไฟตัดหมอกจะถูกติดตั้งไว้ด้านล่างของกันชนหน้าเพื่อป้องกันแสงสะท้อน ในขณะที่ไฟสูงจะทำให้จ้าและมองไม่เห็นผ่านสายหมอก คุณควรแนะนำให้ลูกใช้ไฟตัดหมอกแทนการส่องไฟสูงเมื่อมีหมอกลงจัด

40. รีบนำรถไปซ่อมหากกระจกมีรอยร้าว

          ถ้าหากกระจกร้าวเพราะถูกหินกระเด็นใส่ คุณควรบอกให้ลูกรีบนำรถไปซ่อม เพราะรอยร้าวที่มีขนาดเล็ก ร้านกระจกมาตรฐานจะสามารถซ่อมได้ แต่หากทิ้งไว้แล้วเกิดรอยร้าวเพิ่มอาจทำให้ต้องเปลี่ยนกระจกใหม่ทั้งบาน



http://men.kapook.com/view47277.html


.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ตุลาคม 24, 2012, 05:52:14 am »
ปภ.แนะขับขี่ปลอดภัย เมื่อผ่านเส้นทางหมอกหนา
-http://travel.kapook.com/view49231.html-
-http://www.disaster.go.th/dpm/-

ปภ.แนะขับขี่ปลอดภัยเมื่อผ่านเส้นทางหมอกหนา (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)

          กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนขับรถช่วงหมอกลงจัดเสี่ยงอุบัติเหตุสูง พร้อมแนะผู้ขับขี่เปิดใช้ไฟตัดหมอก จะช่วยให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น

          นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ช่วงฤดูหนาวหลายพื้นที่โดยเฉพาะเส้นทางขึ้นเขาบริเวณยอดดอย มักมีหมอกหนาปกคลุมในตอนเช้า ส่งผลให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ดี จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนมากกว่าปกติ เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอแนะวิธีขับรถผ่านเส้นทางที่มีหมอกปกคลุม ดังนี้...

ก่อนเดินทาง

          ควรตรวจสอบและเตรียมสภาพรถให้พร้อมใช้งานอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะระบบสัญญาณไฟให้แสงไฟส่องสว่างชัดเจน

ขณะเดินทาง

          เปิดใช้ไฟหน้ารถและไฟตัดหมอก จะช่วยให้มองเห็นเส้นทางชัดเจน และผู้ร่วมใช้เส้นทางมองเห็นรถเราได้ในระยะไกล

          ห้ามเปิดใช้ไฟสูงเพราะแสงไฟจะสะท้อน ทำให้ผู้ขับขี่รายอื่นสายตาพร่ามัว ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้

          ไม่ขับรถด้วยความเร็วสูง เว้นระยะห่างจากรถอื่นให้มากกว่าปกติ

          ไม่ขับรถชิดท้ายรถคันหน้ามากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนท้ายได้  และหากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้สามารถหยุดรถได้ทัน

          ไม่แซงและไม่เปลี่ยนช่องทางกะทันหัน รวมทั้งไม่ขับรถชิดเส้นกลางถนนหรือคร่อมช่องทางจราจร ตลอดจนเพิ่มความระมัดระวังการขับรถผ่านทางร่วม ทางแยกเป็นพิเศษ

          เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ หากมีละอองฝ้าเกาะกระจกรถ ควรลดระดับกระจกหน้าต่างลง พร้อมเปิดที่ปัดน้ำฝน เพื่อไล่ไอน้ำที่เกาะกระจกหน้ารถออก หรือใช้ผ้าแห้งเช็ดกระจกที่เป็นละอองฝ้า สำหรับกระจกหลังให้เปิดปุ่มไล่ฝ้าจะช่วยไล่ละอองน้ำทำให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น

กรณีหมอกลงจัดจนมองไม่เห็นเส้นทาง

          ให้หาที่จอดรถบริเวณที่ปลอดภัยและพ้นจากเส้นทางเดินรถ หรือที่พักรถริมข้างทาง รอจนหมอกเบาบางค่อยเดินทางต่อจะปลอดภัยมากกว่า

ขอขอบคุณข้อมูลจาก -http://www.disaster.go.th/dpm/-


http://travel.kapook.com/view49231.html

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2012, 08:41:10 am »
สาวแม่ลูกอ่อน “ทวีต” ก่อนดับเพราะเมาแล้วขับ!
-http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9550000134238-
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    
2 พฤศจิกายน 2555 18:10 น.


ภาพสุดท้ายก่อนเสียชีวิตของ “แอนนา830321”








เอเจนซี/ASTVผู้จัดการ – อุทาหรณ์สอนใจคนขับรถ สาวแม่ลูกอ่อนสาวสวยชาวซัวเถา กวางตุ้ง ทวีตข้อความ-ภาพ ขณะสะลึมสะลือเพราะพิษแอลกอฮอล์ก่อนเสียชีวิตจาอุบัติเหตุ จราจรจีนยกเป็นกรณีตัวอย่างเตือนประชาชน
       
       วานนี้ (1 พ.ย.) สื่อจีนหลายแขนงรายงานข่าวระบุว่า เมื่อราวสองเดือนครึ่งที่แล้ว หรือเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2555 ช่วงเช้ามืดเวลาประมาณ 4 นาฬิกา ในมณฑลกวางตุ้ง หญิงสาวแม่ลูกอ่อนซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่เมืองซัวเถา ผู้หนึ่ง และใช้นามแฝงในเวยป๋อ (ไมโครบล็อกชื่อดังของจีน) ว่า “แอนนา830321 (安娜830321)” ได้ส่งข้อความสุดท้ายในชีวิตของเธอเมื่อเวลา 4.29น. ระบุ “เมาจังเลย, แต่ก็ต้องขับรถกลับบ้าน” พร้อมถ่ายภาพตัวเองในสภาพสะลึมสะลือ ก่อนเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในเวลาต่อมา
       
       สาเหตุที่เรื่องดังกล่าวกลับมาเป็นที่ฮือฮาในโลกสื่อสังคมออนไลน์และสื่อกระแสหลักของจีนอีกครั้ง เนื่องจากเมื่อวันที่ 31 ต.ค. เวยป๋ออย่างเป็นทางการของกองตำรวจจราจรหนิงปอได้ออกมาส่งข้อความดังกล่าวของเธอเพื่อย้ำเตือนให้ผู้ใช้รถใช้ถนนในเมืองจีนอย่าดื่มสุรา หรือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถ ส่งผลให้มีการส่งต่อข้อความดังกล่าวไปในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กในประเทศจีนเป็นวงกว้าง
       
       โดยข้อความที่ตำรวจจราจรหนิงปอเผยแพร่ระบุเนื้อหาว่า “คุณแม่ที่ยังสาวและสวยผู้นี้เนื่องจากดื่มสุราแล้วขับรถจึงลาจากโลกนี้ไป นี่คือข้อความชิ้นสุดท้ายของเธอ การเอาชีวิตมาเสี่ยงกับการดื่มแล้วขับช่างไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย ชีวิตมีค่า อย่าดื่มแล้วขับ!”
       
       อย่างไรก็ตามกลับมีชาวเน็ตขี้บ่นในเมืองจีนบางส่วนที่ออกมาเหน็บแนมว่า เรื่องนี้กลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์ก็เพราะผู้เสียชีวิตนั้นยังเด็กและมีหน้าตาสะสวย ขณะที่อีกส่วนหนึ่งกลับเห็นว่าเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ที่ดี เพื่อเตือนใจมิให้ผู้ขับขี่ดื่มสุรา
.

http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9550000134238

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ธันวาคม 30, 2012, 12:35:53 pm »
'เทคนิคขับ...กลับถึงบ้าน'
'เทคนิคขับ กลับถึงบ้าน'เตือนสติ10วันอันตราย : คอลัมน์ เปิดโลกยนตกรรม โดย... ยุทธพงษ์ ภาษี

-http://www.komchadluek.net/detail/20121230/148311/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A...%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99.html#.UN_SY3ed6So-


          "ไม่ว่าเราจะรณรงค์กันอย่างไร ขับเร็ว ขับช้า โอกาสการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ยังเกิดขึ้นเสมอ ช่วเทศกาลเป็นหนึ่งห้วงถนนอันตราย "เปิดโลกยนตรกรรม คมชัดลึก" นำเสนอเทคนิคขับรถ ผ่านคำแนะนำจาก "วณัฐสุข สงวนศิริ" ผู้เชี่ยวชาญการขับขี่ปลอดภัยจากศูนย์อบรมขับขี่ปลอดภัยเอดีทีซี เพื่อให้ทุกท่านขับรถไปและกลับถึงบ้านด้วยความปลอดภัย
 
          อุบัติเหตุทางถนนส่วนใหญ่เกิดจากเหตุหลักๆ ไม่กี่ประการเช่น การใช้ความเร็วเกินไป การมองไม่เห็นหรือมองเห็นในระยะกระชั้นชิด ต่อไปนี้คือเครื่องมือต่างๆ ที่ได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญว่า สามารถป้องกันเหตุต่างๆ ได้
ไม่ชนท้ายหรือถูกชนท้าย
 
          อุบัติเหตุชนท้ายรถคันหน้ายังมีเกิดขึ้นบ่อย แต่รถยนต์สองคันจะชนกันไม่ได้ ถ้าทั้งสองคันหรือคันใดคันหนึ่งมีพื้นที่ว่างเพียงพอ เราต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่าทุกครั้งก่อนที่รถจะชนกัน ผู้ขับขี่จะเหยียบเบรกเพื่อต้องการให้รถหยุด และการหยุดของรถก็ต้องมีพื้นที่ว่างรองรับ ส่วนมากเบรกแล้วถึงชน ก็หมายความว่าเบรกแต่รถไม่หยุดนั่นเอง รถแต่ละคันมีระยะเบรกหยุดไม่เท่ากันเพราะระยะของการเบรกหยุดจะแปรผันตามความเร็วในขณะนั้น การชนท้ายเกิดขึ้นเพราะเบรกไม่หยุด-เบรกไม่หยุดเพราะระยะเบรกไม่พอ-ระยะเบรกไม่พอเพราะเว้นระยะห่างน้อยเกินกว่าระยะเบรกหยุดนั่นเอง ดังนั้น ควรเว้นระยะห่างคันหน้าอย่างปลอดภัยคือควรเว้น 4 วินาที เพื่อผู้ขับขี่จะมีเวลาอย่างเพียงพอสำหรับการเบรกให้รถหยุดหรือสลับช่องทาง

000ไม่แหกโค้ง
          การขับด้วยความเร็วที่สูงมักก่อให้เกิดการแหกโค้ง เพราะว่า เข้าโค้งที่ความเร็วเกินโค้ง ดังนั้นเมื่อท่านต้องขับรถต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่า สภาพแวดล้อมของถนนเอื้ออำนวยให้ขับได้เร็วมากขนาดนั้นหรือไม่มีหลากหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาไตร่ตรองให้ความสำคัญของการขับเร็ว เช่น สภาพรวมของรถยนต์ ประสบการณ์ ในเส้นทาง และฝีมือของผู้ทำหน้าที่ขับรถการขับให้เร็วเท่าไรใครๆ ก็ขับได้ แต่คำถามที่น่าขบคิดคือ ต้องขับให้เร็วขนาดนั้นจนแหกโค้งหรือไม่

000ไม่กร้าวร้าว
          ถนนเป็นของทุกคน ต่างมีสิทธิ์ใช้เท่ากัน แต่บนถนนมีทั้งคนที่เพิ่งขับรถเป็น และคนที่มีความชำนาญ ดังนั้นเมื่อเข้าใจพื้นฐานนี้แล้ว การถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกันจึงเป็นสิ่งควรปฏิบัติ และเวลาขับรถพยายามชำเลืองมองกระจกส่องหลังบ่อยๆ เพื่อจะได้มีโอกาสเห็นแต่ไกลๆ ตา คือเครื่องมือที่สำคัญมากที่สุด การจะใช้ประโยชน์จากตาให้ได้มากๆ ก็จำเป็นต้องมีวิธีการใช้ ให้มองไปยาวๆ ไกลๆ ดูวิวทิวทัศน์รอบๆ รถของเรารวมทั้งมองข้างหลังด้วย ช่วยให้เห็นหลายๆ อย่างหลายๆ มุม รวมทั้งพฤติกรรมของรถแต่ละคันด้วยว่าคันไหนขับแบบไหน เมื่อเห็นก็ประเมิน ถ้าอันตรายมากๆ บรรยากาศไม่น่าเสี่ยง ก็หลบหลีกให้พวกที่รีบเร่งแซงขึ้นหน้าเราไปเถอะ

000ขับช้าชิดซ้าย
          การขับช้าในช่องทางขวาโดยเจตนาถือว่าไม่เหมาะสม เพราะกีดขวางเส้นทางของรถคันอื่นจำไว้ว่าช่องทางด้านซ้ายคือเส้นทางสำหรับรถช้าช่องขวาสำหรับรถวิ่งเร็ว (กว่ารถในช่องซ้าย) และถ้าหากเห็นว่ามีรถคันหลังวิ่งมาด้วยความเร็วสูง รถคันหน้าจะต้องหลบไปใช้ช่องทางด้านซ้ายการขับช่องทางขวาด้วยความเร็วมากกว่ารถในช่องทางด้านซ้าย ถือว่าไม่ผิดกฎหมาย ความเร็วในที่นี้หมายความว่าไม่เกินกฎหมายกำหนดหลายท่านคงกระจ่างมากขึ้นและคงจะไม่ถูกจับกรณีที่วิ่งขวา เพราะไม่ได้กีดขวางช่องทางเดินรถ และคำว่า "ใช้ความเร็วให้เหมาะสมกับกระแสการจราจร" หมายความว่า ถ้ารถคันหน้าวิ่งเร็วเราก็ควรจะวิ่งเร็ว รถในช่องทางขวาวิ่งเร็วเราก็ควรจะวิ่งเร็วตามกันไปถ้าใช้ความเร็วอย่างเหมาะสมกระแสการจราจรจะไหลลื่นไม่กีดขวางรถคันอื่นๆ ทุกวันนี้เราพบว่าต้องเสียเวลามากในการเดินทาง เนื่องจากมีรถหลากหลายพฤติกรรมร่วมใช้เส้นทางซึ่ง พฤติกรรมผิดๆ เหล่านี้ ผู้ขับขี่แต่ละคนสั่งสมมาเป็นเวลานานนับสิบปี การขาดข้อมูลข่าวสาร ไม่เข้าใจกฎจราจร ทางออกที่ดีคือ ต้องช่วยกันเป็นตัวอย่างที่ถูก ปัญหาต่างๆ ก็จะค่อยๆ ลดลง

000ไม่หลับใน
          อุบัติเหตุจากการหลับในนั้นสามารถป้องกันได้ หากเข้าใจสาเหตุของการหลับใน เมื่อเรานอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอวันละ 7-8 ชั่วโมงจะไม่มีความเสี่ยงเรื่องการหลับในร่างกายของคนเรามี วงจรเปรียบเทียบเฉกเช่นกับนาฬิการอบของนาฬิกาคือ 24 ชั่วโมง คนปกติต้องทำงานกลางวันและนอนในเวลากลางคืน ความเหนื่อยล้าหรือร่างกายต้องการพักผ่อนในช่วงเวลาตั้งแต่เที่ยงคืนถึงเช้าและเวลาบ่ายคือ ประมาณ 14.00-16.00 น. ระหว่าง 2 ช่วงนี้การขับรถช่วงหลังเที่ยงคืนถึงเช้าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากกว่าช่วงบ่ายการขับรถติดต่อกันประมาณ 5 ชั่วโมงแล้วเปลี่ยนให้คนอื่นขับต่อก็ไม่ได้หมายความว่าจะหลีกเลี่ยงการหลับในได้ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอของคนขับ ดังนั้นถ้าคนขับคนที่ 2 รับกะตอนเที่ยงคืน โดยที่ทั้งวันที่ผ่านมาไม่ได้นอนหลับพักผ่อนมาก่อน ก็ยังมีความเสี่ยงเช่นกันการเดินทางไปต่างจังหวัดในเทศกาล ซึ่งต้องขับรถไปไกลๆ ก็ขอให้ตระหนักถึงความเหนื่อยล้าของร่างกาย การเดินทางในช่วงกลางคืนก็ควรจะจอดพักทุกๆ 2 ชั่วโมง โดยพักครั้งละไม่น้อยกว่า 30 นาที (โดยเฉพาะช่วงตั้งแต่ 22.00 น.เป็นต้นไป) หากรู้สึกง่วงนอนก็ขอให้จอดงีบหลับแล้วค่อยขับต่อ และโปรดจำไว้ว่า กาแฟ มะนาว ยากระตุ้นหรือเครื่องดื่มต่างๆ ไม่สามารถจะสู้กับความเหนื่อยล้าได้ คงมีเพียงการนอนหลับอย่างเพียงพอและการงีบหลับในบางช่วงเท่านั้น ที่จะหลีกเลี่ยงการหลับในได้

000กรณีรถเบรกแตก
          รถวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถควบคุมให้รถหยุดได้ ถ้าคนขับมีประสบการณ์และควบคุมสติ เพราะรถเบรกแตกในทางราบควบคุมง่ายกว่ารถลงทางลาดชันแม้ว่าจะเป็นทางราบ แต่ไม่สามารถจะควบคุมให้รถหยุดได้ ถ้าหากว่าคนขับ รู้ว่ารถเบรกแตกภายในระยะไม่เกิน 10 เมตร ขณะต้องการเปลี่ยนทิศทางรถ การใช้เกียร์ต่ำเพื่อลดความเร็วของรถขณะเบรกแตก หรือ  การใช้เบรกมือ ช่วยได้ อย่างไรก็ตามใช้เบรกอย่างถูกวิธี หมั่นตรวจสอบสภาพเบรกให้ใช้งานได้อย่างสม่ำเสมอและขับรถที่ความเร็วไม่สูงเกินไป สามารถช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้จากอุบัติเหตุ

000จอดรถให้ถูกที่จอด
          การจอดรถ ต้องประเมินความเสี่ยง ก่อนจะกำหนดทิศทางหรือสถานที่สำหรับจอด ลักษณะการจอดที่ปลอดภัยมากที่สุด คือกำหนดทิศทางการจอด ให้ขนาน กับบริเวณหรือจุดเสี่ยงต่างๆ หากเป็นสระน้ำ ก็ควรจะให้ตำแหน่งรถ ขนานกับขอบสระ หรือถ้าเป็นถนนก็ให้ชิดขอบถนน  ซึ่งบางท่านอาจจะแย้งว่าการจอดในลักษณะนี้เสียพื้นที่มาก ตัวอย่างที่ดีๆ ที่พอมีให้เห็นคือปั๊มน้ำมันจำนวนหนึ่งออกแบบได้น่าปลอดภัย เพราะให้รถจอดขนานกับร้านสะดวกซื้อแนวทางป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ ก็มีหลากหลายวิธี ยกตัวอย่างเช่น ขึ้นเบรกมือทุกครั้งที่จอดรถ  เอากุญแจออกทุกครั้ง เปลี่ยนทิศทางการจอดให้ปลอดภัย และรวมทั้งประเมินความเสี่ยงด้วยสิ่งที่สำคัญที่สุด ควรจอดให้ถุกที่จอดด้วยการมีมารนาทในการจอดเช่น ไม่จอดปากซอยรถเข้าออก ไม่จอดทางร่วมทางแยก หรือจอดขวางทางเข้าออก รวมทั้งไม่จอดแบบคาเกียร์ P เมื่อต้องจอดบนช่องจราจร ต้องบอกรถคันหลังให้เห็นว่าเราจอดโดยการเปิดไฟจอด กระพริบสีเหลืองสองดวงพร้อมกัน สิ่งเหล่านี้จะทำให้ถนนปลอดภัยมากขึ้น

000ไม่ถูกชนซ้ำซ้อน
          การหยุดหรือจอด บนช่องทางจราจร ไม่ว่ากรณีใดๆ เช่นเพื่อเปลี่ยนยาง ชนท้ายคันอื่นๆ รถเสีย ควรหลีกเลี่ยงอยู่ในตำแหน่งที่มีภาวะเสี่ยง เช่นหัวโค้ง บนทางลาดลงสพาน  การป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ซ้ำให้วางสัญญาณเตือนภัยรถอื่นๆ อย่างน้อย 100 เมตรขึ้นไป บางท่านทำสัญญาณเตือนภัยก็จริงแต่ระยะใกล้มาก พอเห็นสัญญาณก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะว่าระยะชะลอรถไม่พอ เมืองนอกมีกฎหมาย หากรถเสีย ต้องวาง สามเหลี่ยมสะท้อนแสง คนที่จะออกนอกรถไม่ว่า คนขับรถคนกู้ภัยจะต้องสวมเสื้อสะท้อนแสงแต่เมืองไทยไม่ต้องพูดถึงการคิดฉลาดๆ แบบนี้

          ให้พยายามคิดเสมอว่าอุบัติเหตุสามารถป้องกันได้ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นส่วนมากล้วนเกิดจากพฤติกรรมของมนุษย์ดังนั้นมนุษย์เท่านั้นที่จะควบคุมอุบัติเหตุได้
.......................................
เข็มขัดนิรภัย
          ในการขับขี่รถยนต์ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ เข็มขัดนิรภัย เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเมื่อคุณเบรกอย่างรุนแรง เข็มขัดจะช่วยยึดลำตัวของผู้ขับหรือรัดให้แน่นขึ้น เพื่อให้แผ่นหลังชิดกับพนักพิงโดยไม่หลุดออกไปหน้ารถ เข็มขัดนิรภัย ยังมีส่วนช่วยให้การนั่งขับมีความมั่นคง ส่งผลถึงการควบคุมพวงมาลัยได้อิสระเมื่อรถมีแรงเหวี่ยงโดยไม่ต้องฝืนตัวต้านแรง เพราะเข็มขัดจะรั้งให้

ตำแหน่งการนั่งของคุณอยู่บนเก้าอี้อย่างมั่นคง
          1.เมื่อคาดเข็มขัด สายเข็มขัดควรจะแนบกับลำตัว (อย่าใช้อุปกรณ์เหนี่ยวรั้งอื่น ๆ)
          2.ตรวจสอบเข็มขัดโดยการดึง และระวังอย่าให้เข็มขัดบิด
          3.ควรปรับระดับเข็มขัดตรงสะโพก เพื่อให้เข็มขัด พาดอยู่ตรงกลางกระดูกเชิงกราน
          4.คาดเข็มขัดนิรภัยก่อนติดเครื่องยนต์เสมอ
.......................................
(หมายเหตุ 'เทคนิคขับ กลับถึงบ้าน'เตือนสติ10วันอันตราย : คอลัมนื เปิดดลกยนตกรรม โดย... ยุทธพงษ์ ภาษี)

-http://www.komchadluek.net/detail/20121230/148311/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A...%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99.html#.UN_SY3ed6So-
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: มิถุนายน 11, 2013, 11:37:15 pm »
อ่านเดี๋ยวนี้ ....เบรกแตกทำไงดี !!!

-http://auto.sanook.com/5570/%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%8B%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89-....%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B5/-


  รถยนต์ทุกรุ่นในปัจจุบัน ใช้น้ำมันเบรกเป็นตัวถ่ายทอดแรงดันระหว่างการกดของเท้าไปยังผ้าเบรก เสมือนเป็นระบบไฮดรอลิกส์ชนิดหนึ่ง ดังนั้น จึงอาจมีการรั่วซึมขึ้นได้จากการรั่วของลูกยางตัวใดตัวหนึ่งหรือท่อน้ำมันเบรกรั่ว การถ่ายทอดแรงดันก็จะสูญเสียลงไป

ระบบเบรกมักแบ่งการทำงานออกเป็น 2 วงจร อาจเป็นแบบล้อคู่หน้าและล้อคู่หลัง หรือเป็นแบบไขว้ล้อหน้าซ้าย-ล้อหลังขวา และล้อหน้าขวา-ล้อหลังซ้าย เผื่อว่าวงจรใดวงจรหนึ่งชำรุด เพื่อให้ระบบยังมีประสิทธิภาพการทำงานหลงเหลืออยู่บ้าง ดังนั้น เมื่อเบรกแตกหรือน้ำมันเบรกเกิดการรั่ว ส่วนใหญ่มักหลงเหลือประสิทธิภาพการทำงานอยู่หลายสิบเปอร์เซ็นต์ หรืออีกไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งในอีกวงจร

สิ่งสำคัญตั้งสติให้มั่นคง เมื่อเหยียบแป้นเบรกลงไปแล้วลึกต่ำกว่าปกติ ต้องเหยียบซ้ำแรงๆ และถี่ๆ เพื่อใช้แรงดันในวงจรที่เหลือยู่ ผ้าเบรกจะได้สร้างแรงเสียดทานขึ้นมาบ้าง พร้อมกับการลดเกียร์ต่ำครั้งละ 1 เกียร์ จนกว่าจะถึงเกียร์ต่ำสุด แล้วค่อยใช้เบรกมือช่วย โดยการกดปุ่มล็อกค้างไว้ให้สุด เพื่อไม่ให้เบรกจนล้อล็อก ดึงขึ้นแล้วปล่อยสลับกันไป เพื่อลดความเร็ว


คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: สิงหาคม 12, 2013, 08:59:51 am »
โดนใบสั่ง ไม่ไปจ่ายค่าปรับ จะเป็นอย่างไร!?!

-http://auto.sanook.com/5720/%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3/-


มีข้อถกเถียงสงสัยกันมานานแล้วว่าเมื่อได้รับใบสั่งให้ไปชำระค่าปรับ เวลาทำผิดกฎจราจร เช่น ขับรถฝ่าสัญญาณไฟ จอดรถในที่ห้ามจอด ตรวจจับความเร็ว ฯลฯ โดนใบสั่งแบบนี้ถ้าไม่ไปจ่ายจะเป็นไรไหม? ขยำใบสั่งทิ้งได้หรือเปล่า? วันนี้ Dealfish หาคำตอบมาให้

ถ้าไม่ไปชำระค่าปรับตามที่ระบุไว้ในใบสั่ง โดยไม่มีเหตุอันควร ถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนไม่ไปชำระค่าปรับตามใบสั่ง มีความผิดอีกข้อหาหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท (มาตรา 155 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ) นอกจากนี้พนักงานสอบสวนมีอำนาจจัดการกับผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถตามมาตรา 141 ทวิ ดังนี้

1. พนักงานสอบสวนมีอำนาจออกหมายเรียกผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนตามสถานที่ วัน และเวลาที่ระบุในหมายเรียกนั้น แล้วพนักงานสอบสวนจะเปรียบเทียบปรับตามกฎหมาย

2. ถ้าพนักงานสอบสวนใช้อำนาจออกหมายเรียกผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนแล้วส่งหมายเรียกไม่ได้ พนักงานสอบสวนจะแจ้งไปยังนายทะเบียนรถหรือนายทะเบียนขนส่งทางบกให้งดรับชำระภาษีประจำปีสำหรับรถคันนั้นไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าผู้ได้รับใบสั่งจะมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกและชำระค่าปรับให้เรียบร้อยเสียก่อน พนักงานสอบสวนจึงจะแจ้งไปยังนายทะเบียนให้ทราบเพื่อให้ผู้นั้นชำระภาษีประจำปีสำหรับรถนั้นต่อไป

ดังนั้น เมื่อคุณทำผิดกฎจราจร หรือได้รับใบสั่ง คุณก็มีหน้าที่ต้องไปชำระค่าปรับที่สถานีตำรวจในเขตท้องที่และภายในกำหนดเวลาที่ระบุไว้ ซึ่งปกติแล้วก็มักจะไม่เกิน 7 วัน หรือถ้าใครไม่สะดวกไปจ่ายเองก็อาจจะชำระทางไปรษณีย์ก็ได้ ส่วนกรณีโดนยึดใบขับขี่ไว้ ก็ให้ใช้ใบรับแทนใบขับขี่ไปพลางก่อน เมื่อไปชำระค่าปรับแล้วตำรวจก็จะคืนใบขับขี่ให้

หลายคนคิดว่าไม่ต้องไปจ่ายหรอก ข้อมูลคงไม่ถึง อันนี้ขอแนะนำว่าอย่าเสี่ยงเลยจะดีกว่า นอกจากจะไม่สามารถต่อทะเบียนรถยนต์ได้แล้ว ยังต้องอาจต้องโทษปรับเพิ่มขึ้นด้วย สรุปให้สั้นๆ นั่นคือ ทำให้ถูกต้องดีกว่าจะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง...

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: กันยายน 22, 2013, 09:53:46 am »
ขับรถช้า ต้องระวัง ผิดกฏหมายเช่นกัน!

-http://auto.sanook.com/5907/%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%8F%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99/-

   การขับรถช้า แล้วทิ้งระยะห่างรถคันหน้ามากๆ ใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไปนะครับ วันนี้ Sanook!Auto ขอยกตัวอย่างให้ดูกันครับ

     เริ่มแรกเลย หากว่าคุณขับรถทิ้งระยะมากๆนั้น รถคันหลังจะพยายามแซงคุณขึ้นมา เพิ่มโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุให้ผู้อื่นอย่างไม่รู้ตัว

     อุบัติเหตุบนท้องถนนกว่า 80% นั้น เกิดจากพฤติกรรมการใช้ถนนที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งกว่า 11 % มาจากการแซงซ้าย

     เหตุผลที่กฏหมายระบุว่าห้ามแซงซ้าย เพราะหากทิ้งระยะห่างคันหน้าอย่างเหมาะสม คงไม่มีผลอะไรมาก เนื่องจากทัศนะวิสัยทั้งซ้ายและขวาเอื้ออำนวย แต่หากขับชิดคันหน้ามากขึ้นเท่าไหร่ จะทำให้การมองเห็นรถทางฝั่งซ้ายลดลงไปมากเท่านั้น หากผู้ขับขี่ขับเบียดเลนซ้ายเพื่อเร่งแซง อาจทำให้เชี่ยวชนรถที่จอดอยู่ก็เป็นได้ ด้วยเหตุนี้ การแซงขวาจึงมีความปลอดภัยกว่า

     การแซงซ้าย ยังมีความผิด พรบ.จราจรทางบก ปี 2522 หมวด 2 มาตรา 45 ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ ขับรถแซงหน้ารถคันอื่นด้านซ้าย อีกด้วย

   

แล้วจะขับเว้นระยะมากๆกันทำไม? ตัวอย่างเช่น

    บางคนคิดว่าขับเร็วตามกฏหมายกำหนดแล้ว จึงคิดเข้าข้างตัวเองว่าทำถูกกฏ คันที่เร็วกว่าคือผิดกฏ อาจทำให้ผู้ที่ตกอยู่ในสถานการณ์เร่งด่วนจริงๆ ต้องเดือดร้อน เช่น รีบไปโรงพยาบาล หรือ ไปสนามบิน เป็นต้น

     ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ สถิติตำรวจจราจรช่วยทำคลอดบนท้องถนนสูงถึง 107 ราย/ปี ซึ่งถือว่ามากที่สุดในโลก

    บางคนไม่มองกระจกหลังเลย เนื่องจากปรับเบาะชิดพวงมาลัยมากเกินไป ทำให้มองกระจกหลังไม่สะดวก จึงเลือกที่จะไม่มอง (ซะงั้น?) ทางแก้สำหรับผู้ขับขี่ที่มีรูปร่างเล็ก หากกลัวว่าจะมองหน้ารถไม่ถนัด ก็ให้ปรับเบาะให้สูงขึ้น และปรับระดับพวงมาลัยให้พอดี เพื่อจะได้มองเห็นการจราจรได้รอบคัน

 

ทางแก้ทำอย่างไร?

    หากคุณเป็นผู้ที่ขับช้า ทางแก้ง่ายๆเลยคือ เร่งความเร็วตามคันหน้า เว้นระยะพอดีๆ แต่หากรู้สึกว่าเร็วเกินไป ก็เปลี่ยนมาใช้เลน ที่อยู่ทางซ้ายมือ ก็แค่นั้น

    หากคุณขับตามหลังรถที่ขับช้า อาจกระพริบไฟสูงอย่างสุภาพ แต่หากไม่หลบ เราก็เปลี่ยนช่องจราจรเองเสียเลยดีกว่า ไม่เสียอารมณ์ด้วย

     การขับช้าขวางเส้นทาง ผิดพรบ.การจราจรทางบก มาตรา 35 ระบุว่า รถที่มีความเร็วช้าหรือรถที่มีความเร็วต่ำกว่ารถคันอื่น ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ใกล้ขอบเดินรถทางซ้ายเท่าที่จะกระทำได้


     หากเลนซ้ายขรุขระอย่างกับทางเกวียนล่ะจะทำอย่างไร? ฉันก็รักรถเหมือนกันนะ! เพียงใช้ความเร็วในเลนขวาอย่างพอดีๆ ไม่ขับช้าจนเกินไป หมั่นมองกระจกหลังเป็นระยะ หากรถตามหลังขับเร็วกว่า ก็หลบซ้ายสักนิด เพื่อให้เขาแซงไปก่อน ซึ่งจุดนี้ต้องดูความเหมาะสมด้วย เนื่องจากกฏหมายระบุชัดว่า ช่องทางด้านขวา ใช้ได้ต่อเมื่อขับรถด้วยความเร็วสูงกว่าด้านซ้าย หรือเมื่อต้องการแซง ฉะนั้นการขับแช่เลนขวาจึงมีความผิดตามกฏหมาย

    อย่าลืมว่า ถนนมีไว้ใช้ร่วมกันนะครับ อาจมีผู้ที่เดือดร้อนรีบเร่งจริงๆอยู่ก็ได้ครับ

 

เชิญชมคลิป "การเว้นระยะการขับขี่"

การเว้นระยะการขับขี่

การเว้นระยะการขับขี่

-http://www.youtube.com/watch?v=J4DiEQQzDow&feature=player_embedded-

ขอขอบคุณ โครงการพัฒนาสังคม โดยการส่งเสริมการสร้างความเอื้ออาทรบนท้อ­งถนน www.ueaartorn.com


คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: ตุลาคม 17, 2013, 10:01:11 pm »
รู้ไว้ไม่เสียหาย “อัตราค่าปรับผิดกฏจราจร” ในยุคปัจจุบัน

-http://club.sanook.com/11138/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2-


รู้ไว้ไม่เสียหาย “อัตราค่าปรับผิดกฏจราจร” ในยุคปัจจุบัน

เนื่องจากตอนนี้มีนโยบายใหม่ๆด้านการจราจรออกมาให้เราได้ยินมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการจะปรับกฏจราจรหรือว่าปรับอัตราค่าปรับใหม่ ที่เค้าว่ากันว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงกัน ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือผลจะสรุปออกมาในแนวทางใด หรือเป็นจริงมากแค่ไหน ดังนั้นเรามาดูอัตราค่าปรับผิดกฏจราจรในยุคปัจจุบันกันก่อนดีกว่าค่ะ ว่าถ้าเราทำผิดกฏข้อไหนแล้วต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนเท่าใด

ซึ่งเรื่องกฏเหล่านี้จะไม่ใช่เรื่องไกลตัวเราอีกต่อไป แล้วถ้าเราเรียนรู้หรือจำไว้บ้าง ก็อาจจะเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างเราๆ ที่ใช้รถใช้ถนนกันอย่างแน่นอนค่ะ


ข้อหาหรือฐานความผิดตามกฎหมายที่ควรทราบ     

1. ข้อหา ฐานความผิด บทมาตรา และอัตราโทษ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 (แก้ไขเพิ่มเติมถึง พ.ศ.2538)และการเปรียบเทียบปรับผู้กระทำผิด นั้นให้เป็นไปตามข้อกำหนดของสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ (กรมตำรวจ) ฉบับที่ 3 ลงวันที่ 9 ก.ค. 40 และเพิ่มเติมฉบับที่ 4 ลงวันที่ 3 ธ.ค. 2540 ตามลำดับ   

ลำดับ     ข้อหาหรือฐานความผิด        อัตราโทษ               อัตราตามข้อ กำหนด 

1 นำรถที่ไม่มั่นคงแข็งแรงอาจเกิดอันตรายหรือทำให้เสื่อมเสีย สุขภาพอนามัย มาใช้ในทางเดินรถ                   >> ปรับไม่เกิน 500 บาท   ปรับ 200 บาท

2 นำรถที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาใช้ในทางเดินรถ
>> ปรับไม่เกิน 1,000 บาท   ปรับ 300 บาท

3 นำรถที่เครื่องยนต์ก่อให้เกิดก๊าซ ฝุ่นควัน ละอองเคมี เกินเกณฑ์ที่อธิบดีกำหนดมาใช้ในทางเดินรถ
>> ปรับไม่เกิน 1,000 บาท  ปรับ 500 บาท

4  นำรถที่เครื่องยนต์ก่อให้เกิดเสียงเกินเกณฑ์ที่อธิบดีกำหนดมาใช้ ในทางเดินรถ
>> ปรับไม่เกิน 1,000 บาท    ปรับ 500 บาท

5 ขับรถในทางไม่เปิดไฟ หรือใช้แสงสว่างในเวลาที่มีแสง สว่างไม่เพียงพอที่จะมองเห็นคน รถ หรือสิ่งกีดขวาง ในทางได้โดยชัดแจ้งภายในระยะ 150 เมตร
>> ปรับไม่เกิน 1,000 บาท        ปรับ 200 บาท

6 ใช้สัญญาณไฟวับวาบผิดเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด
>> ปรับไม่เกิน 500 บาท            ปรับ 300 บาท

7 ขับรถบรรทุกของยื่นเกินความยาวของตัวรถในทางเดิน รถไม่ติดธงสีแดง ไว้ตอนปลายสุดให้มองเห็นได้ภายใน ระยะ 150 เมตร
>> ปรับไม่เกิน 1,000 บาท ปรับ 300 บาท

8  ขับรถบรรทุกวัตถุระเบิด หรือ วัตถุอันตรายไม่จัดให้มีป้ายแสดงถึงวัตถุ ที่บรรทุก
>> จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000       ปรับ 300 บาท

9  ขับรถไม่จัดให้มีสิ่งป้องกันมิให้คน สัตว์ หรือสิ่งของที่บรรทุก ตกหล่น รั่วไหล ส่งกลิ่น ส่องแสงสะท้อน หรือปลิวไปจาก รถอันอาจก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญ ทำให้ทางสกปรกเปรอะเปื้อน ทำให้เสื่อมเสียสุขภาพ อนามัยแก่ประชาชนหรือก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน
>> ปรับไม่เกิน 500 บาท    ปรับ 200 บาท

10 ขับรถไม่ปฏิบัติตามสัญญาณจราจร หรือเครื่องหมายจราจรที่ได้ติดตั้งไว้หรือทำให้ปรากฏ ในทาง หรือที่พนักงานเจ้าหน้าที่แสดงให้ทราบ
>> ปรับไม่เกิน 1,000 บาท         ปรับ 300 บาท

11 ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง
>> ปรับไม่เกิน 1,000 บาท         ปรับ 300 บาท

12 ไม่หยุดรถหลังเส้น ให้รถหยุดเมื่อมีสัญญาณไฟแดง
>> ปรับไม่เกิน 1,000 บาท         ปรับ 300 บาท

13 ขับรถไม่ปฏิบัติตามสัญญาณจราจรที่พนักงานเจ้าหน้าที่แสดงให้ปรากฏด้วยมือ
>> ปรับไม่เกิน 1,000 บาท         ปรับ 300 บาท

14 ไม่หยุดรถหลังเส้นให้รถหยุด หรือหยุดรถห่างจากพนักงานเจ้าหน้าที่น้อยกว่าสามเมตร
>> ปรับไม่เกิน 1,000 บาท         ปรับ 300 บาท

15 ทำให้ปรากฏซึ่งสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรที่อธิบดีกำหนดในทางเดินรถโดยไม่มีอำนาจ
>> จำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ                -

16 ไม่ขับรถที่มีความเร็วช้าให้ใกล้ขอบทางด้านซ้ายในทางเดินรถที่มีสวนกันได้
>> ปรับตั้งแต่ 200-500 บาท              ปรับ 200 บาท

17  ไม่ขับรถบรรทุก รถบรรทุกคนโดยสารรถจักรยานยนต์ ที่มีความเร็วช้าในช่องเดินรถซ้ายสุด ในทางเดินรถที่แบ่งช่องเดินรถไว้ตั้งแต่สองช่องขึ้นไป
>> ปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท  -

18   เลี้ยวรถหรือเปลี่ยนช่องเดินรถโดยไม่ให้สัญญาณ
>> ปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท  ปรับ 400 บาท

19 ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น
>> จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000-20,000 บาท

20 ขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจร
>> จำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับตั้งแต่ 2,000 –10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ -

21 ขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจร
>> ปรับตั้งแต่ 400 – 1,000 บาท              ปรับ 400 บาท

22 ขับรถบนทางเท้าโดยไม่มีเหตุอันสมควร (เว้นแต่รถเข็นสำหรับทารก คนป่วย หรือคนพิการ)
>> ปรับตั้งแต่ 400- 1,000 บาท ปรับ 400 บาท

23  ขับรถแซงขึ้นหน้ารถอื่นทางด้านซ้ายมือโดยไม่มีเหตุอันสมควร
>> ปรับตั้งแต่ 400- 1,000 บาท ปรับ 400 บาท

24  ขับรถแซงขึ้นหน้ารถอื่นขณะขึ้นทางชัน ขึ้นสะพาน หรืออยู่ในทางโค้ง ซึ่งไม่มีเครื่องหมายจราจรให้แซงได้ >> ปรับตั้งแต่ 400- 1,000 บาท ปรับ 400 บาท

25 ขับรถแซงขึ้นหน้ารถอื่นภายในระยะ 30 เมตร ก่อนถึงทางแยก
>> ปรับตั้งแต่ 400- 1,000 บาท ปรับ 400 บาท

26 ขับรถออกจากที่จอดเมื่อมีรถจอดหรือสิ่งกีดขวางอยู่ข้างหน้า โดยไม่ให้ สัญญาณมือหรือแขน หรือสัญญาณไฟ
>> ปรับไม่เกิน 1,000 บาท                ปรับ 400 บาท

27   กลับรถในทางเดินรถกีดขวางการจราจร
>> ปรับตั้งแต่ 200 – 500 บาท   ปรับ 200 บาท

28   กลับรถในระยะ 100 เมตร จากเชิงสะพาน
>> ปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท  ปรับ 400 บาท

29  กลับรถที่ทางร่วมทางแยก(เว้นแต่จะมีเครื่องหมายจราจรให้กลับรถได้)
>> ปรับตั้งแต่ 400- 1,000 บาท ปรับ 400 บาท

30  หยุดรถหรือจอดรถในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรที่อธิบดีกำหนดในทางเดินรถโดยไม่มีอำนาจ
>> ปรับไม่เกิน 500 บาท                ปรับ 200 บาท

31  ไม่จอดรถทางด้านซ้ายของทางเดินรถ
>> ปรับไม่เกิน 500 บาท            ปรับ 200 บาท

32  จอดรถไม่ขนานชิดกับขอบทางหรือไหล่ทางในระยะห่างเกินกว่า 25 ซม.
>> ปรับไม่เกิน 500 บาท            ปรับ 200 บาท

33  หยุดรถบนทางเท้าโดยไม่มีเหตุผลสมควร
>> ปรับไม่เกิน 500 บาท            ปรับ 200 บาท

34   หยุดรถตรงปากทางเข้าออกของอาคาร หรือทางเดินรถ โดยไม่มีเหตุผลสมควร
>> ปรับไม่เกิน 500 บาท            ปรับ 200 บาท

35  จอดรถบนทางเท้า
>> ปรับไม่เกิน 500 บาท            ปรับ 200 บาท

36   จอดรถบนสะพานหรือในอุโมงค์
>> ปรับไม่เกิน 500 บาท            ปรับ 200 บาท

37  จอดรถในทางร่วมทางแยก หรือภายในระยะ 10 เมตรจากทางร่วมทางแยก
>> ปรับไม่เกิน 500 บาท            ปรับ 200 บาท

38  จอดรถในเขตที่มีเครื่องหมายห้ามจอด
>> ปรับไม่เกิน 500 บาท            ปรับ 200 บาท

39 จอดรถภายในระยะ 15 เมตร ก่อนถึงเครื่องหมายหยุดรถประจำทางและเลยเครื่องหมายไปอีก 3 เมตร
>> ปรับไม่เกิน 500 บาท            ปรับ 200 บาท

40  จอดรถในลักษณะกีดขวางการจราจร
>> ปรับไม่เกิน 500 บาท            ปรับ 200 บาท

42  ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งเครื่องมือบังคับ รถ มิให้เคลื่อนย้าย            จำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือ
>> ปรับไม่เกิน 5,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ        -

43 จอดรถในทางเดินรถหรือไหล่ทางโดยไม่เปิดไฟ หรือใช้แสงสว่างเพียงพอ ที่จะเห็นรถที่จอดนั้นได้ชัดแจ้งในระยะไม่น้อยกว่า 150 เมตร
>> ปรับตั้งแต่ 200 – 500บาท    ปรับ 200 บาท

44  ขับรถเร็วเกินอัตรากำหนด
>> ปรับตั้งแต่ 200 – 500 บาท   ปรับ 400 บาท

45  ไม่ยอมให้รถในทางร่วมทางแยกนั้นผ่านไปก่อน เมื่อขับรถถึงทางร่วมทาง แยกทีหลัง
>> ปรับไม่เกิน 500 บาท            ปรับ 200 บาท

46  ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล หรือทรัพย์สินของผู้อื่น แล้วไม่หยุดช่วยเหลือแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้ เคียง ทันที.
>> จำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับตั้งแต่ 2,000 –10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

47 ขับรถแท็กซี่ปฏิเสธไม่รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร (เว้นแต่ กรณีจะเกิดอันตรายแก่ตนหรือแก่คนโดยสาร)
>> ปรับไม่เกิน 1,000 บาท         ปรับ 300 บาท

48 ไม่เดินบนทางเท้าหรือไหล่ทางเมื่อทางนั้น มีทางเท้าหรือไหล่ทางอยู่ข้างทางเดินรถ
>> ปรับไม่เกิน 200 บาท            ปรับ 100 บาท

49 เดินข้ามทางนอกทางข้าม เมื่อมีทางข้ามอยู่ภายในระยะ100 เมตร
>> ปรับไม่เกิน 200 บาท            ปรับ 100 บาท

50 ขี่ จูงไล่ต้อนหรือปล่อยสัตว์ไปบนทาง ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร และไม่มีผู้ควบคุมเพียงพอ
>> ปรับไม่เกิน 500 บาท                ปรับ 200 บาท

51 วาง ตั้ง ยื่น หรือ แขวนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร โดยไม่ได้รับอนุญาต
>> ปรับไม่เกิน 500 บาท    ปรับ 200 บาท

52  ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัย (มิให้ใช้บังคับแก่ภิกษุสามเณร นักพรต นักบวช ผู้นับถือลัทธิศาสนาที่ใช้ผ้าโพกศรีษะตามประเพณีนิยม
>> ปรับไม่เกิน 500 บาท            ปรับ 200 บาท

53 โดยสารรถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัย (มิให้ใช้บังคับแก่ภิกษุสามเณร นักพรต นักบวช ผู้นับถือลัทธิศาสนาที่ใช้ผ้าโพกศรีษะตามประเพณีนิยม
>> ปรับไม่เกิน 500 บาท            ปรับ 200 บาท

54 ยินยอมให้ผู้อื่นนั่งตอนหน้าแถวเดียวกับคนขับเกิน 2 คน
>> ปรับไม่เกิน 500 บาท            ปรับ 200 บาท

55 เป็นผู้ขับรถโดยสารประจำทาง รถบรรทุกคนโดยสารรถโรงเรียน รถแท็กซี่ ยินยอมให้ผู้โดยสารขึ้นหรือลง รถยนต์ในขณะที่รถหยุดเพื่อรอสัญญาณไฟ หรือหยุดเพราะติดการจราจร
>> ปรับไม่เกิน 500 บาท            ปรับ 200 บาท

56  ขับรถตามหลังรถฉุกเฉินซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ในระยะไม่ถึง 50 เมตร
>> ปรับไม่เกิน 1,000 บาท         ปรับ 300 บาท

57  กระทำด้วยประการใด ๆ บนทางอันเป็นการกีดขวางของการจราจร
>> ปรับไม่เกิน 1,000 บาท         ปรับ 300 บาท

58 ฝ่าฝืนคำสั่งข้อบังคับหรือระเบียบของเจ้าพนักงานจราจรซึ่งสั่งหรือ ประกาศ ห้าม หยุดหรือ จอด
>> ปรับไม่เกิน 1,000 บาท         ปรับ 300 บาท

2. ข้อหา ฐานความผิด บทมาตรา และอัตราโทษ ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 (แก้ไขเพิ่มเติมถึง พ.ศ.2537) 

ลำดับ     ข้อหาหรือฐานความผิด                                       อัตราโทษ

1  ใช้รถไม่จดทะเบียน                                           ปรับไม่เกิน 10,000 บาท

2  ใช้รถไม่เสียภาษีประจำปีภายในเขตกำหนด          ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

3  ใช้รถไม่แสดงเครื่องหมายเสียภาษี                      ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

4  ใช้รถไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน                                 ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

5  ใช้รถที่มีส่วนควบหรือเครื่องอุปกรณ์ไม่ครบถ้วน     ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

6  เปลี่ยนแปลงสีของรถผิดจากที่จดทะเบียนไว้         ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

7  เปลี่ยนปลงตัวรถหรือ ส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดจากไปที่ จดทะเบียน      ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

8  ขับรถยนต์ที่มีไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อม (รถป้ายแดง) ระหว่างพระอาทิตย์ตกถึงพระอาทิตย์ขึ้น เวลากลางคืน) โดยไม่มีความจำเป็นและได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน           ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

9  ขับรถโดยไม่ได้รับอนุญาตขับรถ        จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

10 ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับรถที่จะแสดงได้ทันที (เว้นแต่ผู้ฝึกหัดขับรถตาม)     ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

11  ขับรถไม่มีสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถที่จะแสดงได้ทันที  ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

12  ยินยอมให้ผู้ซึ่งไม่มีใบอนุญาตขับรถ เข้าขับรถของตน      ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

13 รับจ้างรถบรรทุกคนโดยสาร โดยใช้รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร ไม่เกิน 7 คน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน     ปรับไม่เกิน 10,000 บาท

14 ขับรถระหว่างถูกยึดใบอนุญาตขับรถ ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

15 ใช้เครื่องหมายที่นายทะเบียนออกให้สำหรับรถคันหนึ่งกับรถ อีกคันหนึ่ง      ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

ข้อหา ฐานความผิด บทมาตรา และอัตราโทษ ตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบก พ.ศ.2522 (แก้ไขเพิ่มเติมถึง พ.ศ.2537)

ลำดับ     ข้อหาหรือฐานความผิด        อัตราโทษ

1 ประกอบการขนส่งประจำทางโดยไม่ได้รับอนุญาต
>> จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2 ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางโดยไม่ได้รับอนุญาต
>> จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3 ประกอบการขนส่งด้วยรถขนาดเล็กโดยไม่ได้รับอนุญาต
>> จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

4  ประกอบการขนส่งส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต
>> จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

5 เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งใช้รถผิดประเภท
>> จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

6 เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดจำนวนรถที่ต้องการใช้ใน การประกอบการขนส่ง ตามเส้นทางที่ใช้ในการประกอบ การขนส่ง
>> ปรับตามจำนวนรถที่ขาด คันละไม่เกิน 5,000 บาท ต่อหนึ่งวัน จนกว่าปฏิบัติให้ ถูกต้อง

7 เป็นผู้ได้รับอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด ลักษณะ ชนิด ขนาดและสีของรถ และเครื่องหมายของผู้ประกอบการขนส่งที่ต้องให้ปรากฏ ประจำรถทุกคัน
>> ปรับไม่เกิน 50,000 บาท

8  เป็นผู้ได้รับอนุญาตประกอบการขนส่ง


http://p3.isanook.com/cl/0/up/2013/10/Traffic-Rate.jpg

Credit : trafficpolice
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)