ริมระเบียงรับลมโชย > รับสายลมเย็นหน้าระเบียง
ร่วมกัน รณรงค์ขับรถ ถูก กฎจราจร กัน
sithiphong:
ว่าด้วยเรื่องของ "ทางเดินรถ" ตามกฎหมายจราจร เข้าใจง่ายแต่หลายคนยังไม่เข้าใจ (ยานยนต์)
-http://car.kapook.com/view89226.html-
ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเรื่องของกฎหมายการจราจรกันนักทั้ง ๆ ที่เราก็ใช้รถใช้ถนนและต้องเกี่ยวข้องกับกฎหมายและผู้รักษากฎหมายในด้านการจราจรอยู่ทุกวัน เลยอยากนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวกับกฎหมายประเภทนี้ให้ผู้ใช้รถได้รู้ไว้บ้าง "เพื่อเป็นแนวทางและนำไปใช้ในชีวิตประจำได้อย่างถูกต้อง"
โดยเรื่องแรกที่จะนำพูดนั่นคือ เรื่องของ "ทางเดินรถ" ซึ่งทางเดินรถสามารถแบ่งออกเป็นแบบใดได้บ้าง และทางเดินรถแบบไหนที่สามารถขับรถเข้าไปได้ อันนี้ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาโดนจับปรับดำเนินคดีหรือเกิดอันตรายจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
เมื่อสิ่งสำคัญต่อการใช้รถคือ ถนน เพราะรถทุกคันจำเป็นต้องวิ่งอยู่บนถนน ทว่าถนนไม่ได้สร้างมาเพื่อใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น การที่ทุกคนออกมาใช้ถนนร่วมกันจึงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ และการขัดแย้ง แก่งแย่ง เอาเปรียบก็เกิดขึ้น และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจึงต้องมีข้อบังคับให้ทุกคนอยู่ในกรอบและทิศทางเดียวกันเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน ซึ่งตามกฎหมายถนนที่ใช้กันเรียกว่า "ทางเดินรถ" ที่หมายความถึง พื้นที่ที่ทำไว้สำหรับการเดินรถ ไม่ว่าในระดับพื้นดิน ใต้หรือเหนือพื้นดิน แต่ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันด้วยว่า "ทางเดินรถนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับคำว่า เลน (Lane)"
ขับรถสวนกันให้ถูกต้อง
การขับรถบนถนนทุกวันนี้ หลายคนมีข้อสงสัยว่าแท้จริงแล้วจะต้องขับอย่างไรจึงจะถูกต้อง สิ่งแรกที่ทุกคนต้องจำคือผู้ใช้ทางต้องวิ่งในส่วนที่กำหนดและจะต้องระมัดระวังไม่ให้รถที่ขับไปชนหรือเฉี่ยวชนคนเดินเท้า ไม่ว่าจะอยู่ในส่วนใดของทาง ที่สำคัญต้องให้สัญญาณเตือนแกคนเดินเท้าด้วย
รถทุกคันจะต้องขับรถทางด้านซ้ายและต้องไม่ล้ำเส้นกึ่งกลางที่แบ่งไว้ (ด้านซ้ายในที่นี้ไม่ใช่เลนซ้ายตามที่เข้าใจ แต่เพราะบ้านเราถูกกำหนดให้รถวิ่งด้านซ้าย ต่างจากต่างประเทศที่วิ่งด้านขวา จึงเรียกว่าด้านซ้าย) แต่มีข้อยกเว้นหากด้านซ้ายของเลนวิ่งมีสิ่งกีดขวาง ถูกปิดกั้นการจราจร หรือถูกกำหนดให้เป็น ทางเดินรถทางเดียว (One Way) รวมถึงทางเดินรถที่กว้างไม่ถึง 6 เมตร แต่ในกรณีที่ไม่ได้กำหนดให้เป็นทางเดินรถทางเดียวแล้วมีสิ่งกีดขวาง ผู้ขับขี่ต้อง "ลดความเร็วหรือหยุดรถ เพื่อให้รถที่สวนมาผ่านไปได้ก่อน"
ส่วนในกรณีที่ทางเดินรถแคบมาก ๆ แต่ต้องขับรถสวนกันผู้ขับขี่คันอื่น แต่ละฝ่ายต้องลดความเร็วของรถเพื่อให้รถสวนกันได้โดยปลอดภัย แต่หากไม่สามารถขับสวนกันได้ผู้ขับขี่รถคันที่ใหญ่กว่า ต้องหยุดรถและชิดขอบทางด้านซ้าย ให้ผู้ขับขี่รถคันที่เล็กกว่าผ่านไปก่อน ทุกอย่างที่กล่าวมานี้ผู้ขับขี่สามารถเดินรถล้ำไปทางด้านขวาหรือล้ำเส้นแบ่งออกไปได้โดยไม่มีความผิด แต่ต้องขับด้วยความระวัง
ซึ่งลักษณะการใช้ทางแบบนี้จะเป็นการวิ่งแบบสวนกันซ้ายขวา หรือวิ่งได้ฝั่งละเลนเดียวนั่นเอง ปัญหาแบบนี้มักเกิดในตรอกซอกซอยที่หากไปเจอกับผู้ขับขี่ที่ดึงดันเอาแต่ใจตัวหรือเห็นแก่ตัว ไม่รู้จักการกะจังหวะหรือไม่มีความอะลุ้มอล่วย ก็จะเกิดเหตุเฉี่ยวชนหรือลุแก่โทสะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้
ขับรถตามกันให้ถูกต้อง
ส่วนเรื่องการใช้ทางที่แบ่งเป็นเลนโดยวิ่งไปในทิศทางเดียวกันคือ ทางเดินรถที่มีตั้งแต่ 2 เลนขึ้นไป และกำหนดให้เลนซ้ายสุดมีไว้สำหรับรถประจำทาง "ผู้ขับขี่ต้องขับรถในเลนที่ใกล้กับช่องเดินรถประจำมากที่สุดโดยเฉพาะ รถบรรทุก รถบรรทุกคนโดยสาร รถจักรยานยนต์ รวมถึงรถที่ใช้ความเร็วช้ากว่ารถคันอื่น" พูดง่าย ๆ คือเลนที่สองจากซ้ายนั่นเอง
หลายคนเข้าใจว่าจะต้องวิ่งเลนซ้ายสุดอันนี้เข้าใจผิด "เพราะเลนดังกล่าวมีไว้สำหรับรถประจำทางเท่านั้น" และหากว่าเลนที่สองไม่สามารถวิ่งได้ ผู้ขับก็สามารถเปลี่ยนไปวิ่งในเลนที่สามได้แต่ต้องอยู่ในข้อกำหนดที่ว่า เลนที่สองนั้นมีสิ่งกีดขวางหรือถูกปิดการจราจร และทางเดินรถนั้นเจ้าพนักงานจราจรกำหนดให้เป็นทางเดินรถทางเดียวไม่มีรถวิ่งสวนทางกลับมา
อีกกรณีที่สามารถใช้เลนที่สามได้ก็ต่อเมื่อต้องการจะแซงขึ้นหน้าคันอื่น จากนั้นก็ให้กลับเข้ามาในเลนเดิม และจะต้องเข้าเลนให้ถูกต้องเมื่อเข้าบริเวณใกล้ทางร่วม ทางแยก
ที่สำคัญผู้ขับขี่ต้องรับรถให้ห่างหรือเว้นระยะจากรถคันหน้าพอสมควร เพื่อที่จะหยุดรถได้ทันเมื่อจำเป็น ไม่ควรขับชิดคันหน้ามากเกินไป และต้องไม่คร่อมหรือทับเส้นแนวแบ่งเลน เว้นแต่เมื่อต้องการเปลี่ยนเลน เลี้ยวรถ หรือกลับรถ หากผู้ขับขี่ต้องการจะเลี้ยวรถ ต้องให้รถคันอื่นผ่านหรือแซงขึ้นหน้าไปก่อนจึงจะเปลี่ยนเลนได้ จะต้องลดความเร็ว และต้องให้สัญญาณเป็นระยะทางไม่น้อยกว่า 30 เมตร ก่อนถึงทางเลี้ยว
ทว่าหลายคนยังใช้สัญญาณแบบผิดอยู่ในความเป็นจริงแล้วการให้สัญญาณในระยะทางที่มากกว่า 30 เมตรนั้นก็สามารถทำได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเร็วที่ใช้ในขณะนั้น การให้สัญญาณแบบกระชั้นชิดนับว่าเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือเปลี่ยนเลนแล้วค่อยให้สัญญาณแบบนี้ไม่มีผล แถมยังเป็นตัวก่อให้เกิดปัญหาการจราจรมากขึ้นไปอีก อันนี้สามารถพบเห็นได้ง่าย ตามบริเวณเชิงสะพานและใกล้ทางแยกหลายคนที่ยังใช้สัญญาณไม่ถูก อันนี้ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร แต่ก็ดีกว่าพวกที่ไม่ใช้เลย หรือไม่จริง?
ลองพิจารณาดูได้ว่าส่วนใหญ่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากการทำอะไรที่ "กะทันหันและกระชั้นชิด" ว่ากันตั้งแต่ เบรกกะทันหัน เปลี่ยนเสนกะทันหัน ข้ามถนนติดหน้ากระชั้นชิด ผู้ขับขี่คนอื่นไม่สามารถรู้ได้ว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นก็หนักหน่อย จึงควรให้ความระมัดระวังกับเหตุการณ์แบบ Unforeseen นี้ไว้ด้วย
สรุปแล้วว่ารถทุกคันถูกกำหนดมาว่าจะต้องขับอยู่ในเลนที่สองไม่ใช่เลนซ้ายสุดสำหรับทางที่มีหลายเลน มีเงื่อนไขว่าเลนซ้ายสุดนั้นเป็นทางของรถประจำทางนะ แต่สามารถเปลี่ยนจากเลนสองไปเป็นสามได้เมื่อมีสิ่งกีดขว้างด้านหน้า หรือต้องการแซงขึ้นคันหน้าเท่านั้น นอนเหนือจากนี้ต้องวิ่งเลนซ้ายสุด เท่านั้นไม่ว่าจะเป็นทางแบบไหนก็ตาม ทำความเข้าใจไว้จะได้ไม่ต้องมีปัญหาถกเถียงกับพี่เจ้าหน้าที่เขา
อ้อ...เกือบลืม ในขณะขับรถผู้ขับต้องนำใบอนุญาตขับขี่ (ที่ไม่หมดอายุ) ติดตัวไปด้วยนะครับ ถ้าไม่มีใบขับขี่ก็ไม่ต้องขับออกมาบนถนนสาธารณะ และใบอนุญาตขับขี่ที่ท่านพกไปนั้นจะต้องถูกต้องตามชนิดและประเภทของรถ พร้อมสำเนาคู่มือจดทะเบียนรถติดตัวไปด้วย แต่อย่าเก็บสำเนาคู่มือจดทะเบียนไว้ในลิ้นชักรถล่ะ เพราะหากรถถูกขโมยไปพวกมิจฉาชีพก็สามารถเอาไปแอบอ้างได้เมื่อถูกตรวจคัน เพราะอันที่จริงสำเนาคู่มือทะเบียนรถมีไว้ใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันการโจรกรรมรถ เพราะหากเจ้าของรถเก็บไว้กับตัวแล้วเมื่อคนร้ายขโมยรถมาก็จะไม่มีสำเนาคู่มือจดทะเบียนรถแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ตำรวจสามารถยึดรถไว้เพื่อให้เจ้าของรถตัวจริงนำหลักฐานมาขอรับรถได้นั่นเอง อย่าลืมนะว่าสำเนาถ่ายไว้แล้วเก็บไว้กับตัวส่วนเอกสารตัวจริงก็เก็บไว้ที่บ้านเท่านั้นครับ
การใช้ทางเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่ทุกคนจำและทำตามจนเป็นนิสัย สิ่งที่ได้กลับมาคือ ปัญหาการจราจรทั้งหลายจะลดลงไป อุบัติเหตุการเฉี่ยวชนจะลดน้อยลง ผลพวงที่ตามมาคือเรื่องการทะเลาะเบาะแว้งก็น้อยลง อีกทั้งไม่ต้องไปเสียเวลากับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่หลายคนพูดแล้วชาวบ้านตาดำ ๆ ฟังไม่เข้าใจ
เรื่องกฎหมายการจราจรนี้ไม่ได้นำมาเพื่อเป็นเครื่องมือในการต่อรองกับใคร แต่เพื่อให้ทุกคนได้ใช้ทางร่วมกันอย่างมีความสุขเท่านั้น เรื่องดี ๆ แบบนี้ไม่ต้องไปบอกให้คนอื่นทำตามหรอก แค่ตัวเองทำได้ก็มากพอแล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือยานยนต์
ปีที่ 46 เล่มที่ 572 มกราคม 2557
.
sithiphong:
ตำรวจฮึ่มล็อกล้อทั่วกรุง 18 ส.ค. จอดรถผิดที่ โดนแน่
-http://car.kapook.com/view95835.html-
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ตำรวจนครบาลเริ่มปฏิบัติการล็อกล้อทั่วกรุง 18 สิงหาคมนี้ จอดรถในที่ห้ามจอด โดนแน่ เน้นกวดขันตามถนนสายรอง หลังพบจอดรถตามซอยหนีตำรวจ
วันนี้ (15 สิงหาคม 2557) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล จะเริ่มปฏิบัติการ "ล็อกล้อทั่วกรุง" ในวันที่ 18 สิงหาคมนี้ โดย พลตำรวจตรี อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า หลังจากดำเนินการกวดขันวินัยจราจรตามนโยบาย 5 จริง และ 5 จอม มาระยะหนึ่ง ยังพบว่ามีการกระทำผิดเรื่องการจอดรถผิดกฎหมายในหลายจุดอยู่ โดยเฉพาะในเส้นทางรองและตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ ซึ่งผู้ใช้รถพยายามหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่เข้าไปจอดในเส้นทางดังกล่าว ส่งผลให้เส้นทางหลักรถติดบ่อยครั้ง
ดังนั้น กองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงเตรียมเปิดปฏิบัติการ "ล็อกล้อทั่วกรุง" ดำเนินการล็อกล้อผู้กระทำผิดกฎจราจร จอดรถผิดกฎจราจร จอดรถในที่ห้ามจอด พร้อมเริ่มปฏิบัติการพร้อมกันทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ในวันที่ 18 สิงหาคมนี้ โดยจะยังคงเน้นย้ำนโยบาย 5 จอม ได้แก่
- จอมปาด
- จอมล้ำ
- จอมขวาง
- จอมย้อน
- จอมปลอม
และยังคงลุยมาตรการ "จับจริงจอมแชท" อย่างต่อเนื่อง ใน 90 ทางแยกสำคัญทั่วกรุงเทพมหานคร สำหรับผลการดำเนินการ "จับจริงจอมแชท" จะเตรียมสรุปผลการดำเนินงานในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ โดยประชาชนทั่วไปสามารถติดตามได้ทางเว็บไซต์ของกองบังคับการตำรวจจราจร
sithiphong:
จอมแชต
จอมแชต
-http://www.youtube.com/watch?v=QAs7T3lVXWk-
sithiphong:
ไฟฉุกเฉิน ใช้ไม่ถูกหลักอาจถึงตาย
-http://car.kapook.com/view95440.html-
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ Chevrolet Thailand สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
ไฟฉุกเฉินหรือไฟผ่าหมาก เป็นอุปกรณ์ที่มีติดในรถทุกคัน ที่ใช้ในกรณีรถยนต์เสียหรือมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นขณะอยู่บนเส้นทางจราจร เมื่อทำการเปิดไฟผู้ร่วมเส้นทางจะสังเกตเห็นได้อย่างเด่นชัด
แต่ดูเหมือนในปัจจุบันนักขับหลายท่านมักจะนำมาใช้ผิด ๆ และเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายคือการ "เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อข้ามแยก" ทำให้รถที่มาจากทางซ้ายจะเห็นว่ารถคุณเปิดไฟเลี้ยวซ้าย จึงไม่ได้ชะลอรถขณะถึงทางแยกและเกิดอุบัติเหตุในที่สุด
หากนักขับทั้งหลายเข้าใจแล้วว่าการเปิดไฟฉุกเฉินเพื่อข้ามแยกจะเกิดอุบัติเหตุได้มากขึ้น เรามาช่วยกันบอกต่อ และปรับเปลี่ยนวิธีการขับที่ผิด ๆ แบบนี้กันเถอะครับ
http://www.youtube.com/watch?v=LuPpoH6d9wo#t=15
-http://www.youtube.com/watch?v=LuPpoH6d9wo#t=15-
Chevrolet Drive Through EP 4: ถ้าต้องการขับรถทางตรงผ่านสี่แยก ต้องเปิดไฟผ่าหมาก ถูกต้องหรือไม่?
คลิป ต้องเปิดไฟผ่าหมาก ถูกต้องหรือไม่? เปิดตัวแล้ววันนี้! พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ โพสต์โดยคุณ Chevrolet Thailand สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
sithiphong:
คลิปเตือนสติเวลาเจอช้าง อย่าใช้แตรรถ - อย่าดับเครื่องยนต์ (ชมคลิป)
-http://auto.sanook.com/8327/%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%96-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B/-
เตือนสติเวลาเจอช้าง ช้างป่าละอู ดูไว้เตือนสติ
-http://www.youtube.com/watch?v=MhpMyDMVd1s-
โพสต์ยูทูบโดย Ibaike Magnum
Published on Jan 14, 2014
วิธีปฏิบัติเมื่อพบช้างป่าบนถนนนะค่ะ (ข้อมูลจาก อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่)
1. หยุดรถให้ห่างจากช้างอย่างน้อย 30 เมตร หากช้างเดินเข้าหา ให้เคลื่อนรถหนี รอจนกว่าช้างจะหลบจากถนน จึงเคลื่อนรถผ่านไป
2. อย่าใช้แตรรถ หรือส่งเสียงดังรบกวนช้างหรือไล่ช้าง เพราะอาจทำให้ช้างโกรธ และตรงเข้ามาหาเราได้
3. งดการใช้แฟลชถ่ายรูป เพราะอาจทำให้ช้างตกใจและตรงเข้ามาทำร้ายได้
4. ให้ติดเครื่องรถยนต์ไว้เสมอ เพื่อให้สามารถเคลื่อนรถหนีได้ทันท่วงที
5. หากพบช้างในเวลากลางคืน ให้เปิดไฟรถไว้เสมอ เพื่อให้สามารถสังเกตอาการของช้างและระยะห่างระ
หว่างรถกับช้างได้โดยสะดวก
6. เมื่อตกอยู่ในวงล้อมของช้าง ตั้งสติให้มั่น หากเป็นเวลากลางคืน ให้ใช้ไฟสูง แล้วเลือกเคลื่อนรถไปในทางที่มีช้างอยู่น้อย แม้บางครั้งจำเป็นต้องเข้าใกล้หรือเบียดโขลงช้างไปก็ตาม อย่าดับเครื่องยนต์ และปิดไฟรถเป็นอันขาด ค่อยๆเคลื่อนรถ ให้เสียงเครื่องยนต์นิ่งมากที่สุด
7. ไม่ควรจอดรถดูช้าง เพราะอาจมีรถคันอื่นตามมา แล้วรถของคุณกีดขวางรถผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ถูกทำร้ายแทนรถของคุณได้
8. ไม่ควรจอดรถแล้วลงไปถ่ายรูปช้างในระยะใกล้ เพราะอาจทำให้คุณวิ่งหนีขึ้นรถไม่ทัน ควรระลึกอยู่เสมอๆว่า โดยทั่วไปช้างมักจะอยู่รวมกันเป็นครอบครัวหรือโขลง ขณะที่คุณเจอช้างเพียงตัวเดียว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีช้างตัวอื่นๆ อยู่ในบริเวณนั้น โขลงช้างอาจจะกระจายกันหากินอยู่ในบริเวณป่าข้างๆทางนั้นก็เป็นได้
วิธีสังเกตุอารมณ์ของช้างอย่างง่าย ๆ
- เมื่ออารมณ์ดี หูจะสะบัดไปมา หางจะแกว่งและใช้งวงสะบัดไปมา หรือเกี่ยวดึงต้นไม้กิน ไม่ค่อยสนใจเรา
- เมื่ออารมณ์ไม่ดี หูจะตั้งกาง ไม่สะบัดหาง งวงจะนิ่งแข็ง และอยู่นิ่งจ้องมองมาทางเรา...
ปกติช้างจะวิ่งไล่ผู้รบกวนเป็นระยะทางสั้น ๆ เพียง 2 -- 3 ครั้ง หากวิ่งตามผู้รบกวนไม่ทันก็จะเลิกวิ่งไล่ไปเอง ช้างเมื่ออารมณ์ดี จะไม่ทำร้ายแม้รถจะวิ่งเข้ามาใกล้ก็ตาม
แต่หากช้างโกรธ หรือไม่ไว้ใจสิ่งใด เช่น ช้างแม่ลูกอ่อน อาจตรงเข้าทำร้ายผู้รบกวนได้ในระยะไกล จึงพึงสังเกตอารมณ์ และอาการของช้างไว้ประกอบการตัดสินใจด้วยครับ
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version