ผู้เขียน หัวข้อ: เล่าให้ฟัง-มนุษย์แท้? :PULING的主頁 [1]  (อ่าน 24409 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: จักรวาล ในสายตาปู่ลิง Heaven on earth :PULING的主頁
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: มกราคม 29, 2014, 01:33:11 pm »


ขอบคุณภาพ จากเวบลมหลวง

Heaven on earth
ค้นหาสวรรค์บนดิน
เพื่อสุขภาพจิต วิญญาน ที่ดี
//-นรก สวรรค์ มีจริง?
.............................
//-นรกในใจ สมองมนุษย์มีศูนย์ ความทรงจำ ให้รางวัล ลงโทษ
ทุกครั้ง ที่ รู้สึก ไม่สบายใจ ไม่สบายกาย
ร่างกายก็จะหลั่งฮอร์โมน ลดกิจกรรมชีวาในชีวิต
จนกว่า ความคิดจะชง อารมณ์ใหม่ มาทดแทน

//-นรกในสังคม
มนุษย์แม้นจะมีมโนธรรม
มีศาสนา วัฒนธรรม สอนให้ยับยั้งชั่งใจ อภัย สุขจากการแบ่งปัน
แต่แรงขับชีวิต ทำให้เราอยาก
ชนะ ยิ่งใหญ่ อมตะ พอไม่ล่ายดั่งใจก็"ทุกข์" ตกนรกในใจ
บางที แถม ไปล่า ไปไล่ ไปทำลาย ฉกฉวยผลประโยชน์
จากสังคมและ ระบบชีวาลัย



เพราะกำพืดมนุษย์คือ นักล่า นักเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
นัก ฉกฉวยผลประโยชน์จึง"สร้างนรกบนดินขึ้น"
//-นรกในสิ่งแวดล้อม
หลายแห่งไม่เหมาะแก่ ชีวิตมนุษย์อาศัย
แถมเรายังทำลายสิ่งแวดล้อม จนไม่เหมาะแก่ มนุษย์อาศัย
ในนาม"พัฒนา" อิๆ แบบ"อุสาหากรรม"
และเป็นทาสความคิดแบบ"จีดีพี"(จี้จนพัง)
//-นรกในอวกาศ
แน่นอน มนุษย์อยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีชุดอวากาศ
............................................




//-ทางสู่นรก หรือทางสู่อบายภูมิ
-คบคนชั่ว
-เป็นทาสสารเสพติด สมัยนี้มีวัตถุเสพติด
เช่นน้อง BB เข้าไปด้วยอิๆ
เมื่องไทย 80% เป็นทาสสุรา
-เล่นพนัน
-เที่ยวกลางคืน
-ติดเซ็กส์
-งานหนักไม่เอา รับจ๊อบ ก่อม๊อบดีก่า อิๆ
...สมัยนี้ ต้องเติม...ความหลงใน กะลา ครอบกะโหลกด้วย
...............................................



//-สมองมนุษย์มี โปรแกรม "จิตสำนึก" ชงบุคลิกภาพ จาก..
..ความคิด อารมณ์ อุดมการณ์ ความรู้ ตอนกลางวัน

-ตอนกลางคืน จะมีโปรแกรม ตุลาการ สถาปานิก วิศวะกร
เอาข้อมูล 7วันย้อนหลัง มาตัดสิน
สร้างร่างกายให้ทรุดโทรม หรือ ดีขึ้น ได้
-และ อารมณ์ร้าย ที่เราชงตอน"ขาดสติ"
เป็นอาหารชั้นดี ของ"น้องมะเร็ง"
..........................................
//-ไม่เชื่อนรก ก็ช่างหัว"คน"
.........................................
//-สวรรค์ภพหน้า............แสนไกล
สวรรคสังคมใด..............ใครบังคับได้นั่น
สวรรค์ในอก..................สติตื่นขจัดอาสวะ เห็นพลัน
เวลา กรรม มัจจุราช........บ่เคย คอยใครฯ อิๆ
...................................

จักรวาล ในสายตาปู่ลิง
Suraphol Kruasuwan originally shared to :G+



Universe จักรวาล
//-มองด้วย ตาเนื้อ
-มองด้วย ตาจินตนาการ
-มองด้วย ตาความรู้ ความเข้าใจ
-มองด้วย ตาจิต อันเมตตา อันหาประมาณมิได้
-มองผ่าน ตาอารมณ์ปืติสุข
-มองผ่าน ตาทิพย์
คุณเห็นอะไร?



"เดิม สรรพสิ่งไซร์..................หนึ่งเดียว
เคยเกาะเกี่ยว กลมเกลียว.......ผูกมั่น
มาแยก เป็นล้านแสน..............อนันต์
เป็นรูป นามขันธุ์ ต่างๆ...........อนิจจังฯ"

G+ Suraphol Kruasuwan
3.2.2557

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 27, 2014, 10:50:26 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2014, 11:35:51 pm »



Mark King
ตัวเลือกสำหรับเรื่องราวนี้
... บัวนั้นมีหลายเหล่า และบัวทุกเหล่า
ก็หาพ้น วัฏสงสาร ไม่



... ตัวเรา ก็เช่นกัน ชีวิตช่างสั้นนัก
ขอหลุด ขอพ้น ได้เบ่งบาน เบิกบานเป็นสุข
ใต้แสงแห่งธรรม พอแล้ว ....
มิช้ามินาน ก็เจ็บ ก็แก่ ก็ตายด้วยกันทั้งสิ้น .... สาธุ /|\
Feb 8, 2014
..
..



ปลายจีวร คนเมืองพระ -ทาน
หมายถึงการให้ การให้สิ่งของที่สมควรและจำเป็นแก่ผู้รับ
เพื่ออนุเคราะห์ให้เกิดความสุขก็ดี ให้เพื่อบรรเทา..
..มัจฉริยะ ความตระหนี่ที่มีอยู่ในใจก็ดี ให้เพื่อให้จิตใจ
อ่อนโยน เป็นบาทแก่ การเจริญสมถะ
และวิปัสสนาก็ดี ล้วนแต่ได้ชื่อว่าทานทั้งสิ้น

อภัยทาน การให้อภัยกันและกัน ไม่ถือโทษกัน
ไม่พยาบาทปองร้ายกัน ก็เป็นทาน
ธรรมทาน การให้ธรรมะด้วยประสงค์ที่จะให้ผู้อื่นเกิดปัญญา ก็เป็นทาน
และเป็นทานที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า เลิศกว่าทานทั้งปวง

ปัตติทาน การให้ส่วนบุญ การที่เราทำบุญแล้วอุทิศหรือแบ่งบุญให้ผู้อื่น
โดยไม่หวงแหน เป็นการสละมัจฉริยะ ความตระหนี่ออกจากใจ ก็เป็นทาน
ปัตตานุโมทนา การพลอยยินดีในบุญที่ผู้อื่นทำแล้ว เป็นการกำจัด
ความริษยาในใจ ก็เป็นทาน



และศีล ๕ ท่านก็เรียกว่า มหาทาน
เพราะให้ความไม่มีเวร ไม่มีภัยแก่สัตว์ทั้งหลาย /



สาธุ ให้โอกาส ชีวิตที่ด้อยโอกาส เป็นทักษิณาทาน
เพื่อประโยชน์และความสุข ตน สังคม ระบบชีวาลัย สาธุ
..
..



ปลายจีวร คนเมืองพระ -ตัวเลือกสำหรับเรื่องราวนี้
ตายแบบไหน ?
๑. ขณิกมรณะ
การตายชั่วขณะ หมายถึงการตายของรูปนามขันธ์ ๕
ซึ่งตายอยู่ทุกขณะจิต
สัตว์ที่ประกอบด้วยรูปนามขันธ์ ๕ จึงตายอยู่ทุกขณะเป็นธรรมดา
แต่หากตายแล้วไม่ตายกลับเกิดใหม่สืบทอดอยู่ทุกขณะ
สัตว์ทั้งหลายจึงดำรงชีวิตอยู่ได้จนหมดอายุ
๒. สมมติมรณะ
การตายโดยสมมติ การที่สัตว์ทุกชนิดตาย ชื่อว่าตายโดยสมมติ
การตายที่รู้จักกันทั่วไป และทุกคนยอมรับรู้ว่านี่แหละคือความตาย
แต่ความจริงยังหาตายจริงๆ ไม่ เพราะตายแล้วยังต้องเกิดอีก (เว้นพระอรหันต์)
๓. สมุจเฉทมรณะ
 ตายโดยสิ้นเชิง (ปรินิพพาน) ไม่มีการกลับมาเกิดใหม่อีก
การตายอย่างนี้มีเฉพาะพระอรหันต์เท่านั้น /



//-มุมมองของปู่ลิง
-ตายชั่วคราวเมื่อความคิดเปลี่ยน บุคลิกภาพเปลี่ยน
เป็นคนใหม่ในร่างเดิม
-ตายสมมุติ ตามมติชาวบ้านทั่วไป
-ตายถาวร คือ กิเลส ตัณหา อุปาทาน ตาย.. จากเหตุปรุงแต่ง
เพลิงอารมณ์ทุกข์ เพลิงกิเลส ก็ดับถาวร สาธุ
..
..



//-หนึ่งในความหมายของอนัตตาคือ
ทุกสิ่งกำลังเป็นไปตามกฎเหตุปัจจัยปรุงแต่งหาได้เป็นดั่งใจใคร
จิต เป็นสังขารธรรม การฉลาดเลือกปรุงจิต เป็นสิ่งที่ควรเจริญ
จิต...ปรุงอกุศลก็ได้ วิบาก วิบัติ ทุคติ
จิต..ปรุงด้วยกุศล ก็ได้ บุญ กุศล มงคล บารมี สุขคติ
จิต...ปรุงด้วยโพธิปักขิยะธรรม นิปปปัญจธรรม
ก็ได้ วิมุติ วิโมกข์ นิพพาน วิชชา วิสุทธิ์ วิเศษ วิเวก วิราคะ เป็นที่สุด สาธุ
Feb 8, 2014


 
ชีวิตนั้น งดงาม เปราะบาง
เวลา กรรม มัจจุราช ไม่เคยคอยใคร
สุขจาก คิดถึงความดี ทุกลมหายใจเข้าออกนะ
ถ้าชาติหน้ามี เราสู่สุคติแน่นอน
ถ้าชาติหน้าไม่มี พลัง ความจริง ดี งาม สุข
ย่อม อยู่กับเรา และเผื่อแผ่ สู่ชีวิตรอบตัวด้วย สาธุ

Life is beautiful, fragile
The fate of death wait for no man.
Think of the great joys of my breath.
If the Reincarnation We certainly rest in peace
If no national power actually pretty happy.
Dwell with us and generously to the world around them.
amen -Feb 10, 2014



แตกต่าง............ไม่จำเป็นแตกแยกเสมอไป
ความแตกต่าง......คือความงดงามที่ธรรมชาติมอบให้มา.
กิเลส และ อารมณ์ >>
>> ที่ไร้การควบคุม.. ทำให้เราเป็นทาส ทุกสิ่ง สาธุ
..
..



Wisdom is the light of life
ปัญญาญาณ เป็นแสงสว่างของชีวิตที่มีชีวา
OMAR AKRAM - Angel Of Hope

แสง สุริยัน จันทรา ดารา..............ส่องได้ วันคืน
ประทีบชื่น ส่องทาง....................มืดค่ำ
แสงสัมมาสติ โพธิปัญญา นำ.........ทางชีวิต ทุกขณะจิตกัน
ผู้รู้นั้น จึงเพียรเพ่ง.....................ฝึกฝน จิตตนฯ
Feb 19, 2014
..
..



เจริญธรรมไหน สังขารก็ปรุงแต่งชีวิตเราเป็นเช่นนั้น..
เรี่มต้นเปลี่ยนแปลงชีวิต ด้วยการเจริญวาจาสุภาษิต....
พูดความจริง
-ที่มีประโยชน์
-ไพเราะ ประกอบด้วยเมตตา
เหมาะสมกับผู้ฟัง
-รู้กาละที่จะกล่าวและหยุด...
วจีสังขารเปลี่ยน จิตสังขารก็เปลี่ยน กายสังขาร(บุคลิกภาพ)เราก็เปลี่ยน สาธุ
การเปลี่ยนแปลงภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา เริ่มจากฝึกเปลี่ยน
ความคิด คำพูด ที่เป็นมงคลแก่ตนเอง สาธุ
Feb 16, 2014

มงคลชีวิต
http://puling-222.blogspot.com/2011/01/blog-post_7277.html



"ปัจฉิมวาจา"
"ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราขอเตือนท่านทั้งหลายว่า
สังขารทั้งหลาย ย่อมมีความเสื่อม เป็นธรรมดา
เธอทั้งหลาย จงยังประโยชน์ตน และประโยชน์
ให้ถึงพร้อม ด้วย ความไม่ประมาทเทอญฯ"
ประโยชน์ตน คือ....ฝึกฝนตนเองให้พ้นเพลิงทุกข์ เพลิงกิเลส
ด้วยการทำอาสวะให้สิ้น
ประโยชน์ท่าน........คือมีจิตเอื้อเฟื้อ เมตตากรุณา ทักษิณาทาน
ต่อตนและโลกเสมอกัน
หรือ มี โลกุตรจิต กับโพธิจิต เจริญไปด้วยกัน
..
..



7.มองโลกด้วยความว่าง และถอน ตัวตูของตู เป็นสุขในโลก
"ดูกร โมฆราช เธอจงมองดูโลก อันงามประหนึ่งราชรถ
คนโง่หลงอยู่ ผู้รู้หาข้องไม่
และเป็นที่มัจจุราชหา เธอ ไม่พบ"
พระโมฆราช ป่วยเป็นโรคผิวหนังพุพอง
ทรมานทางกาย แต่ จิตวิญญาณเบิกบาน
เพราะ ฝึก มองโลกด้วยความว่าง
ว่างจาก การปรุงแต่งของ กิเลส ตัณหา อุปาทาน
ว่างจาก การยึดมั่นถือมั่นว่า ชีวิตนี้ เป็นตัวกู ของกูถาวร อิๆ



8.สุขใดเท่า สงัดในกิเลสไม่มี
ผู้แสวงหาเกียรติ..ย่อมทุกข์
ผู้แสวงหากามคุณ..ย่อมทุกข์
ผู้แสวงหา กินไม่รู้จักพอ ..ก็ทุกข์
ผู้ พ้นจากอำนาจหลอกลวง ของ เกียรติ กาม กิน(บริโภคนิยม)
ย่อม สงบ สงัด ในท่ามกลางความเคลื่อนไหว
ผู้นั้น จึงเป็นผู้ มีสุขที่แท้จริงในโลก
Feb 17, 2014



G+ Suraphol Kruasuwan
สนทนาธรรมตามกาล  - 


นกกางเขนข้างสีส้ม ( Orange-flanked Bush-Robin )
:lomluang.com/birdboard

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2014, 05:13:23 pm »



"ของขวัญวันวิสาขบูชา"
ชีวิต คือการเรียนรู้
การเรียนรู้สูงสุด ที่ให้คุณต่อชีวิตที่มีชีวาคือ
"เรียนรู้สร้างสุขภาพ กาย จิต วิญญาญ สังคม สิ่งแวดล้อมให้ดีด้วยกัน"
..
..
วิชชา ที่ดีต่อ สุขภาพ กาย จิต วิญญาญ
คือ"วิชชา ทำอาสวะให้สิ้น หรือวิชชา ล้างขยะปรุงแต่งในใจ"
"ของขวัญวันวิสาขบูชา"
ชีวิต คือการเรียนรู้
การเรียนรู้สูงสุด ที่ให้คุณต่อชีวิตที่มีชีวาคือ
"เรียนรู้สร้างสุขภาพ กาย จิต วิญญาญ สังคม สิ่งแวดล้อมให้ดีด้วยกัน"
.........................................



การมีเงื่อนไข (conditioning)
.
.....การเรียนรู้แบบมีเงื่อนไข (Conditioned reflex หรือ Associative learning) เป็นการเรียนรู้แบบที่มีต่อสิ่งเร้าสองสิ่ง สิ่งเร้า สิ่งหนึ่งเป็นสิ่งเร้าแท้ และสิ่งเร้าอีกสิ่งหนึ่งเป็นสิ่งเร้าเทียมโดยสิ่งเร้าเทียม จะทำหน้าที่แทนสิ่งเร้าแท้ได้ โดยที่มีผลตอบสนอง เช่นเดียวกับสิ่งเร้าแท้
.....อีวาน พาฟลอฟ (Ivan Pavlov) ได้ทดลองในสุนัข โดยให้อาหารสุนัข เมื่อสุนัขได้อาหารจะเกิดพฤติกรรมแบบรีเฟล็กซ์อย่างง่ายขึ้น คือ น้ำลายไหลออกมาขณะที่กินอาหาร ต่อมา พาฟลอฟ ให้อาหารพร้อมกับสั่นกระดิ่งไปด้วยหลายๆ ครั้ง สุนัขจะมีน้ำลายไหลออกมาด้วยเสมอ เพียงแต่ พาฟลอฟสั่นกระดิ่งเท่านั้น สุนัขก็เกิดอาการน้ำลายไหลแล้วทั้งๆ ที่ตามปกติ เสียงกระดิ่ง ไม่สามารถทำให้สุนัขน้ำลายไหลได้
http://www.thaigoodview.com/node/133302
..................................................................



พระพุทธเจ้าสอน ความรู้ที่ล้างเงื่อนไข(ทำอาสวะให้สิ้น)
1.หาที่สงบสงัด ปล่อยความคิด จูงอารมณ์ประทับใจทั้ง บวก ลบออกมา
2.หายใจอย่างมีสติรู้สึกผลอารมณ์นั้นที่ขั้วหัวใจ
3.หยุดคิด(แยกฟืนออกจากไฟ) เพ่งดูอารมณ์ ทุกลมหายใจเข้าออก
จะพบว่าอารมณ์ค่อยๆดับไป(เพราะถูกสติกำหนดรู้)
4.เอาความคิดเดิมฉายขึ้นมาอีก...อารมณ์เกิด แต่ เบาบางลง
(เพราะสิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ย่อมดับเป็นธรรมดา)
5.ทำซ้ำๆ...จนคิดแล้วเฉยๆ ขำๆ...คุณชนะอารมณ์ ยกที่หนึ่ง
ทำกับทุกความคิด อารมณ์ที่"เผาใจคุณ"
6.ฝึกคิดแต่ทางกุศล แทนอกุศล
7.ฝึกให้เหลือแต่ อารมณ์ปิติ สุข อุเบกขา เอกัคคตา(จิต สติ ธรรม เป็นหนึ่งเดียว)
.......................................



//"ชนะโลกเป็นจักรพรรดิ์
ชนะอารมณ์ทุกข์ กิเลสภายใน เป็นพุทธะ"
ดวงตาเกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ญาณ เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ปัญญา เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
วิชชา เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
แสงสว่าง เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ว่า
-ทุกข์....ควรกำหนดรู้ ได้กำหนดรู้ ได้กำหนดรู้แจ้งแล้ว
-เหตุแห่งทุกข์...ควรละ ได้ละแล้ว ได้ละจนหมดเชื้อมิเหลือสิ้นแล้ว
-อาการดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ควรทำให้แจ้ง ทำให้แจ้ง ทำให้แจ้งตลอดสายแล้ว
-ทางปฏิบัติเพื่อการดับทุกข์ ควรเจริญ ได้ เจริญ ได้เจริญแล้ว
...........................................



ตะโป จะ พรหมมะจะริยัญจะ
อะริยะสัทธานะ ทัสสะนัง
นิพพานะสัจฉิกิริยา จะ
เอตัมมัง คะละมุตตะมัง
//-อุดมการณ์เป้าหมายชีวิต สุงสุดที่ดีคืออะไร?
ชำระจิต ให้ สงบ................................สะอาดสว่าง
มีเมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา .............เป็นร่มเงาให้ชีวิตนั้น
เห็นแจ้ง ทางเจริญเสื่อม ......................ในใจทุกขณะจิตกัน
พบผล หลุดพ้นอุปทานตัณหา................ ด้วยทำอาสวะสิ้น ด้วยตนเองเอยฯ


Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  13.5.57 - 12:23 PM
- http://puling-222.blogspot.com/2011/01/blog-post_7277.html

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2014, 07:25:26 pm »


 
เจ้าเกิดมามีอะไรมาด้วยเล่า.
เจ้าจะเอาแต่สุขสนุกไฉน.
เจ้ามาเปล่าแล้วเจ้าจะเอาอะไร.
เจ้าก็ไปตัวเปล่าเหมือนเจ้ามา ...
บทธรรมกวีนี้ บางก็บอกว่า เป็นธรรมลิขิตของ"หลวงพ่อโต"
แต่ ผมพบครั้งแรก ในห้องสมุดวัดอุโมงค์เชียงใหม่ เมื่อ40ปี ยังทันสมัยเสมอ

-เรามาตัวเปล่า คนเดียว
-เราต้องจากไป ตัวเปล่า คนเดียว
-เราควรฝึก อยู่อย่างตัวเปล่า คนเดียว
-อยู่กับความเหนือ ทุกข์ สุข..อยู่กับความเย็น
...เย็นวาจา....ใจก็เย็น...กายก็เย็น...สาธุ
............................

การหมุน กาลจักรมีสองแบบ
1.-แบบ"ตามกระแส โลก ธรรม"
โดยมี อวิชชา นำพาให้เกิดการปรุงแต่ง
ความคิด อารมณ์ ปลุก กิเลส ตัณหา อุปทาน นำไปสู่ภพ ภูมิ
ที่สุดทำให้ จิตแล่นไปในภพภูมิ ที่มนุษย์ทั่วไป ทำอยู่เป็นปกติเช่น
-ฉกามาวจรภูมิ...คือ อบายภูมิ มนุษย์ เทวดา
-รูปภพ..คือรูปพรหม ทั้งหมด
-อรูปภพ..คือ อรูปพรหม ทั้งหมด

2.แบบ ทวนกระแสโลก
-โดยมิ"วิชชา" คือเห็นอดีต(ตกผลึกความคิด)
-รู้เท่าทันในปัจจุบัน(สติ กำหนดรู้ ทันความคิด อารมณ์ที่กำลังปรุงแต่ง)
-เห็นผลที่เกิดในอนาคต(รู้ทางที่ ความคิด อารมณ์ ที่ปรุงโดยขาดสติ ปัญญา พาไปเกิดในภูมิต่างๆ)
......................



//-เมื่อจิตใจ เกิด ความ ตื่นเต้น วิคกกังวล กลัว ย้ำคิด ย้ำทำ ย้ำแค้น
ให้หายใจยาวๆ ช้าๆ กำหนดรู้"รู้สึก" ของอารมณ์นั้น
จ้องหน้า ดูว่า หน้าตา อารมณ์นั้น จริงๆ เป็นอย่างไร?
ไม่คิด ไม่หนี ไม่สู้ ดู ให้เห็น
พระอนิจจัง
พระทุกขัง
พระอนัตตา
ทำลาย อารมณืนั้น(สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ย่อมดับ
ด้วยอำนาจไตรลักษ์ และอำนาจ จิตที่ฝึกดีแล้ว)
จนเห็นเป็นเรื่อง ขำๆ หรรษา เกิดปิติ
นั่นคือทาง"หมุนกาลจักร ทวนกระแส"

-ทุกข์นั้น.....ต้องกำหนดรู้
-เหตุแห่งทุกข์ คือ อุปทานในตัณหา ต้องละโดยเด็ดขาด
-ความเย็นแห่งชีวิต พ้นทุกข์ เหนือสุข
เพราะสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ เหตุทุกข์
ต้องประจักษ์ เป็นประสบการณ์ตรงแก่ตนเอง
-ทางแห่งการฝึกฝน ปัญญา วาจา กาย ใจ
ชำระใจให้เกิด เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ ทำอาสวะสิ้น ต้องรีบทำเอยฯ
เมื่อชนะอารมณ์ ตื่นเต้น กังวล กลัว ที่เป็นอาหารของอสูร ได้แล้ว
ก็ลองฝึกจัดการอารมณ์อื่นๆ ที่ไม่พึงปรารถนา ต่อไป สาธุ

"เวลา จากตื่น ถึงหลับ
เวลาจากเกิดถึงตาย
เราจะใช้ทำอะไร?
จะวิ่งหนีทุกข์ ซบออกความสุข
หรือ ทำความเย็นแห่งชีวิตให้ปรากฎ ด้วยตนเอง"
เวลา กรรม มัจจุราช ไม่เคยคอยใคร?
..................
สาธุ 


G+ Suraphol Kruasuwan
สนทนาธรรมตามกาล  -  May 6, 2014

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2014, 07:37:20 pm »


 
//-บุคคล ไม่พึง........คำนึงถึงอดีต ด้วยอาลัย
ไม่พึง.......................กังวลถึงอนาคต ที่ยังมาไม่ถึง
พึงทำปัจจุบัน...........ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทฯ
(พุทธพจน์)
.................................

ดังนั้นเราเป็นชาวพุทธ ผู้ใช้ สัมมาสติ โพธิปัญญา เคารพธรรม
ปลุกให้ตื่น มาปกครองชีวิต
ต้องฝึกสลัดตนออกจาก ความเชื่อ ที่ เป็นฐานล่างของศรัทธาชน
ที่มุ่ง ให้ ละชั่ว ทำดี แต่ไม่ได้สอนให้ พ้น ติดดี ล้างใจให้หมดขยะปรุงแต่งจิต
(ทำอาสวะให้สิ้น)
-เชื่อเรื่อง กรรมเก่า
-เชื่อเรือง ผู้มีฤทธิ์ จะบันดาลให้ตนพ้นทุกข์
-เชื่อเรื่อง ทุกอย่างเป็นเรื่องบังเอิญ
-เชื่อเรื่องทุกอย่าง เป็น ปฏิกริยาของธาตุ(ศีลธรรมไม่เกี่ยว)
...........................
แม้นแต่เรื่องกรรม ต้องทำความเข้าใจ"กรรมปัจจุบัน"
จะไปมัวอธิบายข้ามภพ ข้ามชาติ เสียเวลาชีวิต จิตตก
.........................

//-พุทธะเจ้าได้ สมญานามหนึ่งว่า
"กรรมวาที"
ในขณะที่ มีผู้เชื่อว่า ความเป็นไป ทั้งหลายเกิดจาก
-กรรมเก่า
-ผู้มีฤทธิ์บรรดาล
-เป็นเรื่องบังเอิญ
พระพุทธองค์ตรัสว่า "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
อาจมีผู้ชอบเรื่อง
กรรม2 กรรม3 กรรม4 กรรม12

//-ลองพิจรณา กรรม4 ดุ
1.กรรมเป็นกำเนิด...การกระทำพ่อแม่มีผลต่อลูกไหม พ่อที่ทำให้ลูกเกลียด ลูกก็จะแสดงปมด้อยนี้ออกมา อิๆ
2.กรรมเป็นเผ่าพันธุ์...กรรมพันธุ์มีผล ความรู้ด้าน กรรมพันธุ์ พบแผนที่ ชีวิต ยีนส์
ที่กำหนด ร่างกาย จิตใจ โรคภัย ในอนาคตได้
3.กรรมเป็นปฏิสารณะ..สิ่งแวดล้อม มีผลต่อชีวิตไหม? โลกร้อน เป็นไง
4.กรรมเป็นเจตนา..ทำอย่างไร ได้อย่างนั้น

//-ชีวิต จึงเป็น"ผลของการผสม ของกรรม ทั้งสี่"
แต่ข้อไหน จะมีอธิพลมากน้อย แล้วแต่
"กำลังสติปัญญา ในการเลือกด้วย"
เช่น
พ่ออาจโหด
กรรมพันธุ์ อาจปรุงมาแบบหล่อไม่เสร็จ
สิ่งแวดล้อม เจอแต่พวก มูลสุกรไหล
แต่ ตั้งเจตนาไว้ จะเป็นผู้มีความรู้คู่คุณธรรม
และเว้นที่ อโคจร อบายมุข ชีวิตก็ต่างออกไป
ลดอธิพล ของ กรรมอย่างอื่นได้ อิๆ
"ดังนั้น จะไหลตามกรรม ทวนกระแสกรรม
อยู่เหนือกรรม ด้วยสติปัญญา มนุษย์ธรรมที่ฝึกดีแล้ว อยู่ที่"เจตนาของเราเอง"
.......................................

"ลัทธิอื่น ที่มีมาก่อนพุทธศาสนา
สอนให้เชื่อเรื่อง กรรมลิขิต ผู้มีฤทธิ์บันดาล
พุทธศาสนา สอนให้ ลิขิตกรรม"
1.ศีล มีข้อเดียวก็พอ
รู้ว่าชั่ว เป็นอกุศล(ฉลาดแบบโง่ๆ) ก็ลด ละเลิก
2.ธรรม มีข้อเดียว
รู้ว่า เป็นสิ่งที่ จริง ดี งาม สุข เป็นกุศล(ฉลาดในทางพัฒนาทางดี)
ก็เจริญให้ยั่ง
3.วิมุติ มีข้อเดียว
เลิกเป็นทาส อารมณ์ทุกข์ อารมณ์สุข เป็นอารมณ์"เย็น"
....ดังนั้นเราต้องมาลิขิตกรรมให้ตนเอง.....
(พุทธทาส)
........................................

วิธีที่จะให้เย็น ดูจาก พุทธเจ้าสอนพระมหาโมคคัลลาน
1.เธอต้องไม่ชูงวง
คือต้องไม่ อวดเบ่ง พองลม มีนิสัยน้อมน้อมอ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ
2.เธอต้องไม่ปรุงวาทะ อันเป็นสื่อแห่งการทะเลาวิวาท โต้เถียงแบบไร้สาระ
3.เธอต้องไม่ สุมหัว มัวคลุกคลี กับหมู่คณะ จะเสียประโยชน์

-ประโยชน์ตน....ต้องฝึกทำอาสวะให้สิ้น
พ้นอำนาจ เพลิงอารมณ์ทุกข์ เพลิงกิเลส
-ประโยชน์สังคม ..ต้องมีธรรมบาล
-ประโยชน์เพื่อโอกาสโลก ระบบชีวาลัย คือโลกที่ลอยอยู่ในอวกาศ
ต้องศึกษาการรักษ์ สมดุลย์
.............................

วาจาเย็น..............จิตก็เย็น
จิตเย็น..................บุคลิกภาพก็เย็น
บุคลิกภาพเย็น......กายก็เย็น
ความเย็นก็จะโอบอุ้มชีวิตให้มีชีวา เผื่อแผ่ กับชีวิตรอบข้าง
สาธุ


G+ Suraphol Kruasuwan
สนทนาธรรมตามกาล  -  May 6, 2014
จากธรรมะวันละนิด จิต สงบ สะอาด สว่าง เย็น
- http://lomluang.com/birdboard/b1/5-3750/new/#new

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด


Good morning
หรรษากับวันใหม่
Suraphol Kruasuwan originally shared to
สมาคม คำฅน (สนทนาประสาคำฅน):
 
//-โลก ถูกปกครองด้วย ยุค
1.จอมเทพ
อะไรเกิดขึ้น เทพเจ้า อยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น
อ๋อลืมไปจักรวาลนี้ เทพ อสูรร่วมสร้างอิๆ



2.จอมศาสดา
ทุกศาสดา สอน ละชั่ว ทำดี
พุทธเจ้าสอน
-รู้ว่าชั่วก็ละ
-รู้ว่าเป็นกุศล(ฉลาดทางเจริญ พ้นทางเสื่อม) ก็เจริญให้ยิ่ง
-รู้วิธี ล้างใจพ้นขยะปรุงแต่ง อิๆ จนพ้นอุปทานอารมณ์ทุกข์ด้วยตนเอง
-มีจิตเอื้อเฟื้อ โลก เคารพกฎ กติกา มายาท ของธรรมชาติ

3.จอมทัพ
นอกจาก ครองโลก ยังเอาวัฒนธรรม ไปส่งมอบ สังเคราะห์ เร่งการ พัฒนาการ
4.จอมขมังเวทย์
มนุษย์ เป็น
-นักล่า
-นักเก็บเกี่ยว
-นักฉกฉวยผลประโยชน์
-นักรวบรวมทรัพยากร
-นัก สร้างสรร นวัตกรรม

นวัตกรรม ที่เปลี่ยน วัตถุ พลังงาน มาบริการมนุษย์ ให้ความสะดวก สบาย
ต่อความสามารถ มีสมองที่สอง(คอมพิวเตอร์)มาต่อยอด
จนมาถึงยุค ไอที ยุคโลกกาภิวัตน์
เพราะฝีมือจอมขมังเวทย์(วิทยาศาสตร์ประยุกต์ )ทั้งสิ้นอิๆ
และนักออกแบบ ระบบการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมด้วย

5.ยุคจอมนารี
ต่อไปนี้"จิตเอื้อเฟื้อ"(โพธิจิต) ดังมาดร รัก รักษ์ ลูกในครรภ์
จะครองโลก ต่อไป
ไม่เกี่ยวกับ นารีขี่ม้าขาว แล้ว น้ำท่วมโลก กิเลสท่วมใจนะ อิๆ

6.ยุคเติบโตแบบคู่ขนาน
มนุษย์จะแตกต่าง แต่ไม่แตกแยก
อำนาจคือ การเจรจา แบ่งปันกันฉันท์มิตร
30ปีต่อไป ใครที่ไม่สนใจรัก รักษ์โลก ย่อมพบวิปโยค อย่างแสนสาหัส
ใครหันมารัก รักษ์ ตน สังคม สิ่งแวดล้อม จะ"ดีด้วยกัน" สาธุ
อย่าเชื่อ เล่าให้ฟัง


Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  5:41 AM
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 14, 2015, 08:51:35 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: อย่าเชื่อ เล่าให้ฟัง :PULING的主頁
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2014, 08:05:30 am »

                   
 
ดูแลสมอง...นะครับ
บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด
ไม่มีใครอยากสมองกลวง ตีบ ตัน หรือสมองโดนทำลายจนร่างกายกลายเป็น "ผัก" เหี่ยวๆ บนเตียงคนไข้ แต่ตลอดชีวิตเราอาจจะไม่รู้ว่าพฤติกรรมหลายๆ อย่างของเรานั่นเองที่เป็นตัวทำลายประสิทธิภาพสมองทางอ้อม

คอลัมน์ "Health news" โดย "มินนี่"
ในนิตยสาร "VOLUME" ฉบับเม.ย.
นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับสมองน่าสนใจ ลองอ่าน...

สมองมนุษย์เปราะบางอ่อนไหวต่อสิ่งกระตุ้น ทั้งที่เป็นสารเคมี คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และกัมมันตภาพรังสี สิ่งเหล่านี้เสมือนไม่มีตัวตน แต่มีผลอย่างยิ่งต่อสมองทั้งความคิด อารมณ์ และความรู้สึก



โดยเฉพาะ 5 พฤติกรรมต่อไปนี้ จะทำลายสมองโดยไม่รู้ตัว
1. คิดในทางไม่ถูกต้อง
คือ ทำผิดทำนองคลองธรรม ผิดจริยธรรม ผิดศีลธรรม หรือผิดกฎหมาย เช่น คดโกง ประจบประแจง เอาดีเข้าตัว เอาชั่วใส่คนอื่น คอร์รัปชั่น การทำผิดประเพณีปฏิบัติของสังคม โดยที่ไม่ต้องได้รับการลงโทษ สิ่งเหล่านี้เป็นวิธีหนึ่งในการทำลายประสิทธิภาพการทำงานของสมองเรา

2. โกหกเป็นประจำ
การโกหกทำให้สมองต้องทำงานหนักกว่าปกติ จริงๆ แล้วสมองของเรายิ่งทำงานหนักก็ยิ่งดี แต่คนโกหกประจำสมองต้องทำงานหนักเป็นพิเศษในการพยายามจำสิ่งที่โกหกเอาไว้ นี่เป็นตัวอย่างชัดเจนของการใช้สมองทำงานหนักอย่างไม่สร้างสรรค์ และทำลายประสิทธิภาพการทำงานของสมอง



3. เจ้าคิดเจ้าแค้น
คนเจ้าคิดเจ้าแค้นเป็นประจำจะมีสภาพเป็นคนหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่ไม่เป็นมงคล สมองจะถูกทำลายเสมือนหนึ่งถูกอาบด้วยยาพิษเป็นประจำ อะไรที่ปล่อยวางได้ก็ปล่อยวางไปบ้างเถอะ

4. ความเครียด ความฟุ้งซ่าน
ทำให้สมองต้องทำงานหนักอย่างผิดทาง ทำให้สมองหลั่งสารหรือขาดสารบางอย่างที่หล่อเลี้ยง จึงกระตุ้นให้เกิดอาการซึมเศร้าหรือฟุ้งซ่านอย่างหนัก อาจถึงขั้นขาดสติยั้งคิด ทำร้ายตนเอง หรือฆ่าตัวตายได้



5. ไม่ยอมคิด
ตรงกันข้ามกับคนที่คิดมากอย่างผิดทาง ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงอย่างหนัก คนที่ไม่ยอมคิดอะไรเป็นพิเศษขึ้นมาเลย นอกเหนือไปจากการคิดเพื่อใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ เช่น การกินอาหาร การทำงานตามหน้าที่อย่างเคร่งครัดเท่านั้น ฟังเผินๆ อาจดูคล้ายผู้บรรลุในสัจธรรมแห่งชีวิต แต่นั่นก็เป็นสาเหตุในการทำลายประสิทธิภาพของสมองอีกทางหนึ่ง หรือเรียกง่ายๆ ว่า "สมองฝ่อ" นั่นเอง


Suraphol Kruasuwan
การสนทนา  -  Jun 26, 2014
แม้จะไม่มีข้อมูลแพทย์อ้างอิง แต่ก็เป็นข้อคิดเตือนใจที่ดี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

อ้างอิง เอเลี่ยน บนโลก
เอเลี่ยน หรือมนุษย์กลายพันธุ์
วิธีดูแลสมองที่ดี ต้องเว้นสิ่งที่มาทำลาย
และฝึก บริหาร กาย จิต วิญญาณ ปัญญา แผ่เมตตาให้ตนและผู้อื่นประจำ
รวมทั้งใช้ชีวิตแบบ ถูกสุขลักษณะด้วย


ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: อย่าเชื่อ เล่าให้ฟัง :PULING的主頁
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2014, 08:19:40 am »


//-วิธี จัดการกับความทุกข์อย่างเด็ดขาด
พระพุทธเจ้าแยก ความทุกข์เป็นสามสภาวะ
และใช้ปรีชาญาณจัดการ กับ ทุกข์นั้น

1.สภาวะทุกข์
ความลำบาก ไม่ใช่ความทุกข์
ดูภาพ ลำบาก แต่ทุกคนยิ้มแย้ม
ฝึกทำใจรับสภาพ

2.เวทนาทุกข์
ตราบใดที่ระบบ รับรู้ร่างกายทำงานผิดปกติ ก็รู้ถึง เวทนานั้น
ฝึกอดทน พันเท่า

3.อารมณ์ทุกข์ จิตเราชงเอง กินเอง
ก็ฝึกชงอารมณ์ฌานมากินแทน
กินแค่ปิติ สุข อุเบกขา เอกัคคัตตา ก็พอ
รัก โกรธ โลภ หลง กลัว อิจฉา บ้าอำนาจ ฉลาดโกง เป็นทาสลัทธิบ้าๆ
กินมานานแล้ว ถ้าเบื่อ โยนทิ้งเสียบ้าง
จะได้ไม่เสียเวลา กับการชื่นชม ชีวาในชีวิตนะ
(วรธัมโม สวนโมกข์)
.................................

//-ฝึกทำใจรับสภาพ
-ฝึกอดทน
-ฝึกชงอารมณ์ฌานมาเสพ แทนขยะอารมณ์แบบชาวโลกย์
ฝึกสามอย่าง เกิดมามีกำไร
เพราะชนะเพลิงอารมณ์ทุกข์เพลิงกิเลส ในชาตินี้ สาธุ
..............................



เอกัคคัตตา คือ"จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ"
จิตเห็น สมมุติสัจจะ ธรรมสัจจะ อริยสัจจะ..ปรมัตถสัจจะ
พร้อมกัน..จิตไม่หลงผิด จากความเป็นจริง ของธรรมชาติแล้ว
.............................
//-มรรคมีองค์เดียว คือสัมมาทิฐิ
-ศีลมีข้อเดียวรู้ว่าชั่วก็ละโดยเด็ดขาด
-ธรรมมีข้อเดียว รู้ว่าเป็นกุศล ก็เร่งเจริญ
-ใจมันรก ก็ทิ้งขยะปรุงแต่งออกให้ชิวๆใสๆ
-ของกล้วยๆ แต่ มีใครทำบ้างหนอ? อิๆ
..................................



ธรรมชาติมีสี่มิติเสมอ.
1.มีแย่..
2.มีดี..
3.มีเย็น...
4.มีสติปัญญาปรีชาญญาณที่ตื่น
มาเบิกบาน ขำๆกับลีลา มายา อนัตตา ของธรรมชาติ สาธุ
...............................



พระอจลนาถ "จิตพระผู้ไม่หวั่นไหว"
พระพุทธเจ้ามีคุณสมบัติจิตที่ เหนือ อบาย มนุษย์ เทวดา พรหม ห้าประการ

1.ทรงเป็นผู้ข้ามห้วงน้ำข้ามยากได้แล้ว(กาม ภพ ทิฎฐิ อวิชชา)
2.เป็นผู้อยู่เหนือภพ(กามภพ รูปภพ อรูปภพ)
3.เป็นผู้รักษาโรค(มีสุขภาพกาย จิต วิญญาณดี ไม่มีกิเลส ตัญหา อุปาทานรบกวนแล้ว)
4.เป็นผู้เปล่งแสงแห่งความสุขจากความเมตตากรุณาอันหาประมาณมิได้ แด่ทุกสรรพชีวิต
5.ทรงเปล่งแสงแห่งการรู้แจ้ง อยู่เหนือ ปรีชาญาณ ทั้งปวง
ด้วย สัมมาสติโพธิปัญญา ที่ตื่นแล้ว
.................................



จิตของพระองค์จึง เปลี่ยนจาก
1.-จิตแผลเก่า(หวั่นไหวเพราะอุปกิเลส ที่จรมา)
2.-เป็นจิตแบบสายฟ้า(พลิกจิตจากสภาพอกุศล ตกต่ำ สู่ กุศล วิมุติทันที)
3.-เป็นจิตแบบเพชรมณี..แข็งแรง มั่นคง ไม่เก็บสิ่งใดๆไว้ แม้นแต่แสงสว่าง

ดังนั้น สาธุชนจึงขนานพระนามพุทธองค์ว่า"พระอจลนาถ"
พระผู้ไม่หวั่นไหว..สาธุ "โอมมณีปัทเมฮุ้ม" เพชรมณีที่อยู่เหนือดอกบัว
จิตแท้จิตเดิมเหมือนเพชร จิตปรุงแต่งด้วยกุศล ดุจดอกบัวที่บาน สาธุ
เมื่อชีวิตเราตกต่ำ พึงนึกถึงพุทธคุณทั้งห้าของ"จิตพระผู้ไม่หวั่นไหว"
และน้อมนำมาสู่จิตเรา เทอญ สาธุ

Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  Jun 26, 2014






เดินทางหมื่นลี้ มีก้าวแรกเสมอ(เหมาเจต๋ง)
การเดินทางที่ยิ่งใหญ่คือ
"ความกล้าหาญที่จะเปลี่ยนนิสัยตนเอง"
"จักขุมา.......................มีวิสัยทัศน์ ที่เที่ยงตรง ชัดเจนไม่ลำเอียง
วิธุโร............................บริหารจัดการชีวิตและงาน อย่างโปร่งใส
นิสสยสัมปันโน.............มีนิสัยดี จนไม่ขาดผู้อุปถัมภ์"
รีบทำนะสหาย ถ้ายังหายใจอยู่
เวลา กรรม มัจจุราช ไม่เคยคอยใคร


Suraphol Kruasuwan
originally shared to สมาคม คำฅน (สนทนาประสาคำฅน):
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 09, 2015, 10:46:05 am โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2014, 05:34:46 pm »

 
มนุสโสสิ.....ท่านเป็นมนุษย์หรือเปล่า?
ถ้าเป็นต้องรู้จัก ธรรมะที่ทำให้เราเป็นมนุษย์
มนุษย์ เป็นบุตรพระมนู คือภาคหนึ่งของพระนาราย์อาวตาร
เมื่อ ผ่านแม่น้ำที่แบ่งภพ ก็ลืม ว่าตนเป็นลูกมหาเทพ
ฤาษีทั้ง7 ก็ส่งสารมาสอน"ความเป็นมนุษย์"ให้
เพราะ กิน นอน สืบพันธุ์ กลัวภัย คนกับเดียรัจฉานเสมอกัน
"มนุษย์ธรรม ทำให้ คนเป็นมนุษย์"

วิชาที่สอนประกอบด้วย
1.จักรสี่
-ภาษา
-วรรณคดี
-ประเพณี
-มนุษย์ธรรม

2.มนุษย์ธรรมสี่
-คุณธรรม
-จริยะธรรม
-วัฒนธรรม
-ปรมัตถธรรม

3.อาศรมสี่
วัยเรียน ศาสตร์ ศิลป์ ทักษะ ปฏิสันฐานธรรม พันธมิตร
วัยล่า แสวงหา ชีวิตที่ดี ผลประโยชน์ ความเพลินในการเสพหรรษาธรรม
วัยละ ละจาก กาม ภพ ทิฎฐิ อวิชชา อุปทานในตัณหา
วัยหลุดพ้น จุดตะเกียงส่องทางให้ชาวโลก

4.อริยะสัจสี่
ทุกข์ ปัญหา
สมุทัย เหตุแห่งปัญหา
นิโรธ การดับสิ้นแห่งปัญหา
มรรค วิธีทางปฏิบัติ เพื่อแก้ ป้องกัน บันเทา ยอมรับผล การแก้ปัญหา
สาธุ


Suraphol Kruasuwan
สนทนาประสาคำฅน  -  Aug 5, 2014



 
//-ลำดับ คำสอน ที่พระพุทธเจ้า สอนมากที่สุดคือ
พระศาสดาตรัสเทศนาอนุปุพพีกถา คือถ้อยคำที่ กล่าวโดยลำดับ
1.ทาน....สุขจากการแบ่งปัน พัฒนาสู่จาคะ
สละ ทั้งอกุศล และกุศล เพื่อ"สิ้นอาสวะ"
มีทั้ง
-วัตถุทาน ปัจจัยดำรงชีพ ทั้งสงเคราะห์ และอุปการะ แก่ผู้ด้อยศักยภาพ กว่าตน
-ธรรมทาน ความรู้ โอกาสในการพัฒนาชีวิต
- อภัยทาน

2.ศีล......ควบคุมกิเลส
ประเภค
- ก่อนกวน
-ก่อการ
-สั่งการ
ที่เป็นสัญชาติญาณดิบ ไปทำสิ่งดีแก่ชีวิต และสหาย

3.สัคคะ...สวรรค์บนดิน คือทำหน้าที่ดีๆ(มงคล)
ดูแลสังคมด้วยธรรมาภิบาล
-เคารพกฎหมาย
-มีมโนธรรมสำนึก ที่เข้มแข็ง
-ทำงานด้วยความโปร่งใส
-ประชาชนมีส่วนร่วม
-รับผิด ชอบ ร่วมกัน
-คำนึงถึงคุณค่า ผลประโยชน์ สังคม ชาติ เหนือ ส่วนตน
โลกก็เป็นสวรรค์บนดินได้

4.กามฑีนพ..โทษของความติด
(รวม พยาบาท เบียดเบียน หดหู่ ฟุ้งซ่าน เหงา เศร้าซึม )

5.เนกขัมะ...เทคนิคฝึกให้พ้นจาก ความติด
และกุญแจไขความสุขที่มีเงื่อนไข(ได้คือสุข เสียคือทุกข์)
พบสุขจาก สงบ สงัด สันโดษธรรม หรือพบนิรามิสสุข สุขที่ไม่มีเงื่อนไข(อามิสสุข ได้คือสุข เสียคือทุกข์)

6.ปัญญา....ปัญญาในพุทธศาสนาคือ
"วิสัยทัศน์" และหลักบริหารจัดการ อย่างรอบรู้ รอบคอบ ประกอบแล้ว"ดี"
-พุทธปัญญา..ใช้สติปัญญา แทนอารมณ์
-ญาณปัญญา..ปัญญาจากความรู้ หยั่งลงในปัญหา
-ธรรมะปัญญา..ใช้ความเข้าใจ ธรรมชาติ มาพิจารณา ความพอเหมาะพอดี
-สมันตะปัญญา..ใช้ความรอบรู้ ทุกสาขาวิชา ศาสตร์ และ ศิลป์ ทักษะดีๆมาช่วยคิดตัดสินใจ
-ทิพย์ปัญญา..ความรอบคอบลึกซึ้ง เห็นผลกระทบ ทั้งสามกาล
-โลกุตตระ ปัญญา...ปัญญาที่เป็นแสงส่องใจ ยามกระทบผัสสะโลกและธรรม
ที่ทำอาสวะให้สิ้น พ้น เพลิงกิเลส เพลิงทุกข์ จากการปรุงแต่งจิตตน
-โพธิปัญญา....ปัญญา ที่ปลุกจิตเอื้อเฟื้อ ให้ตื่น
ให้มาดูแล ชีวาในชีวิต ให้แสงส่องใจ ส่องโลก และให้ร่มเงา แก่ชีวิตตน สังคม โลก
...............................

//-ดังนั้นอภัยทาน จึงมีคุณค่าต่อชีวิต ที่ต้องการพัฒนา
ยกระดับ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา สู่"ผู้ชนะ เพลิงกิเลส เพลิงทุกข์ในตน"
อภัยให้ผู้อื่น......เพราะ เขามี กรรม วัฒนธรรมต่างจากเรา
อภัยให้ตนเอง...เพราะ ความผิดพลาด เป็นจุดเรี่มต้นของการพัฒนาสู่ทางดี
.............................

สาธุครับผม
//-ทุกคนเกิดมามีหน้าที่
-หน้าที่ ต่อตนเองคือ"ทำอาสวะให้สิ้น"
-หน้าที่ ต่อสังคมคือ "รักษ์ ธรรมภิบาล"
-หน้าที่ ต่อโลกคือ "ดูแลรักษา โลก ให้งดงาม ยั่งยืน นานเท่านาน"
สาธุ


Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  Aug 5, 2014
originally shared to ชาวพุทธ (สนทนาธรรมตามกาล):

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2014, 08:55:14 pm »

 
//-ชีวิต เขียนบทโดย
1.กฎ วิวัฒนาการ พัฒนาการของจักรวาล
2.ชีวิตเขียนบทโดย"การเรียนรู้" จากวัฒนธรรม มนุษย์
3.ชีวิตเขียนบท ด้วย สติปัญญาฉลาดเลือกของเราเอง
...........................

ชีวิตเรา เป็น ชีวะยนต์ ขันธุ์ห้า
เครื่องยนต์ คอมพิวเตอร์ มีชีวิต ที่มีชีวา อิๆ
..........................

//-การจะอัพเกรดชีวิต ที่มีชีวา
เช่นเดียวกับ การบริหารจัดการ คอมพิวเตอร์
-สะแกนไวรัส
-ขจัดขยะข้อมูล
-เรียบเรียงข้อมูลให้กระทัดรัด
-โล๊ะโปรแกรม ที่ล้าสมัย
-ใส่โปรแกรมใหม่ๆ ที่มีประสิทธิ์ภาพ
-แล้วก็"ฝึก" จนเกิดทักษะ อิๆ
-และ อัพเดทโปรแกรม ล้างไวรัส ขยะ จัดระเบียบข้อมูล, ตามเวลาที่ควรทำ อิๆ
...........................

//-มีหลักคิด ที่ โลกตะวันตก บอกว่า"เป็นกฎของจักรวาล"
จะถอดความ มาเล้าสู่กันฟัง"แต่อย่าเชื่อ" อิๆ

1.กฎของแม่เหล็ก
แม่เหล็ก เกิดจากการจัดระเบียบ โมเลกุลอะตอม ให้เรียงตามขั้ว เหนือใต้
จนเกิดพลังดึงดูด โลหะหลายชนิด
เหล็กธรรมดา เอากระแสไฟฟ้าหมุนรอบ ก็จะกลายเป็นแม่เหล็กได้
ชีวิต จะเป็นคนธรรมดา ไม่ธรรมดา
อยู่ที่เรา เลือกที่จะฝึกฝนตนเอง อิๆ

2.กฎของการให้และรับ
ผู้ให้คือผู้รับ ลองให้ความเอื้อเฟื้อที่ดีแก่ ตน คนรอบข้าง ระบบชีวาลัยดู อิๆ

3.กฎแห่งกรรม
ทำอย่างไร เจตนาอย่างไร รับผลอย่างนั้น
-เจตนาของบุพการี
-เจตนาของระหัสกรรมพันธุ์
-เจตนาของ สิ่งแวดล้อม
-เจตนาของเราเอง เมื่อ เปลี่ยนความคิด อารมณ์ ความอยาก อิๆ
มีผลต่อเราทั้งสิ้น ฝึกควบคุมเจตนาตนเอง เป็นศรีแก่ชีวิตอิๆ

4.กฎแห่งจิตเหนือจิต
จิตที่มีศักยภาพ เหนือกว่า ย่อม ควบคุม จิตที่อ่อนกว่า
จิตที่เป็นสากลจักรวาล เช่น กฎธรรมดาของธรรมชาติ จึงเหนือ ทุกธรรมชาติ

5.กฎ ความสั่นสะเทือนของคลื่น
ลองฝึก หายใจช้าๆ ทำสมาธิสวดมนต์ คิดทางบวก
คลื่นสมองคุณก็จะเปลี่ยนในทางให้คุณ

6.กฎของจังหวะ เวลา โอกาส
โชค วาสนา มีแรงเหวี่ยงของตนเอง
ใจไม่ฟู ประมาท เมื่อได้ ไม่ร้องไห้เมื่อสุญเสีย อิๆ

7.กฎการหมุนเวียน พลังงาน
กามรมณ์คือพลัง เปลี่ยนเป็นพลังจิตได้ ถ้าคุณรู้วิธีฝึก
เปลี่ยนเป็นพลังสติ ปัญญาฉลาดเลือกได้ เมื่อจิตคุณกลับเป็นเด็กอีกครั้งอิๆ
และพลังจาก กาย กาม จิต ปัญญา ก็จะสว่างเป็นปรีชาญาณ
กลับมาดู ร่างกายให้เยาววั์ย มีชีวิตให้มีชีวา สาธุ



8.กฎ ของคู่ ทวิลักษ์
จากแรงโน้มถ่วง กับคลื่น ดึงกันอยู่
จากเวลา และอวกากาศ
จาก กฎธรรมชาติ และมโนธรรม
สร้าง"ความรู้สึกว่า เรามีอยู่"
ลองเรียนรู้จาก"เต๋า" ดู อิๆ
ทุกสิ่ง หมุนเวียน...เกิดดับ...สมดุลย์

9.กฎของทักษะ ความอดทน พากเพียร
คนออกกำลังก็ได้กำลัง
คิดได้ ลงมือฝึก รู้ผลด้วยตนเอง อิๆ

10.กฎสัมพันธภาพ
ทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับ ใครเป็นผู้สังเกตุการณ์
เหตุผลเรา กับเหตุผลผู้อื่น ขึ้นกับ
จุดยืน วิสัยทัศน์ และทฤษฎีที่ใช้
บางที่ ทำตัวเป็นคนไร้เหตุผล"รับฟังได้ทุกเรื่อง"
แต่ไม่เอามาปรุงแต่ง ดุจแสงสว่างผ่านเพชรใส
ชีวิตอาจมีชีวา ถาวร อิๆ

11.กฎปฏิกริยาลูกโซ่
จากจุดเล็กๆ มีแรงเสรีม ให้รุ่ง เจริญที่สุด มีแรงตัดรอนให้อ่อน มีแรงตัดขาดให้ดับ
เพราะสิ่งที่เป็นเหตุปัจจัย ปรุงแต่งแก่กันจึงเกิดขึ้น
ดังนั้นต้อง"ไม่ประมาทให้เหตุเล็กน้อย"

12.กฏแห่งความแตกต่าง
มนุษย์เท่าเทียมในความเป็นมนุษย์
แต่ไม่เท่าเทียม ในความสามรถ โอกาส
แต่ละชั้น ของธรรมชาติ จะใช้กฎเฉพาะ ที่แต่งต่างกัน

13.กฎใหญ่ มีกฎเล็กซ่อนอยู่ อิๆ
เช่นกรรมอันหนัก หากมีการให้อภัย รับกันได้
ก็"ไม่มีกรรมค้างคาใจต่อกัน" อิๆ

14 ธรรมชาติทุกอย่าง "มันเป็นของปลอมโว้ย"(อตัมมยตา)
นี่ ปู่ลิงแถมให้
แต่การจะอยู่กับของปลอม ที่ มายา ลีลา อนัตตา สร้างขึ้น
ก็ควร เป็นคนมีมโนธรรม และศักยะภาพ ในการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ
ไม่ใช้ตนเอง เป็นวัวควาย ตั้งความหวังไล่จับอิๆ
..............................

1.ความสุขจาก เพลินในกิจ
ที่เราชอบ เราเชื่อ
2.ความสุข จากการใฝ่รู้ฝึกฝนทักษะดีๆ
3.ความสุขจากการ ฝึกหายใจช้าๆ จนเกิดสมาธิ ฌาน
4.ความสุขจากการ เฝ้าศึกษาใจตนเอง
เข้าใจ เห็นใจ ล้างใจ สร้างใจมีคุณภาพ และ"ไม่มีใจอาลัยในเหยื่อโลก"
5.ความสุขที่ไร้กุญแจ
เมื่อฝึก ล้างขยะปรุงแต่ง จิตได้แล้ว
6.ความสุขที่มีมิตรแท้
เมื่อ อภิจิต(จิตปรุงแต่ง) กับโพธิจิต(จิตเอื้อเฟื้อ ต่อทุกมิติ ธาตุ ธรรม)
เป็นเพื่อน ทำหน้าที่ ดีๆ ต่อ ตน สังคม ระบบชีวาลัย อิๆ
......................................
สาธุ


Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -  Aug 7, 2014
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 14, 2015, 08:56:21 pm โดย ฐิตา »