ผู้เขียน หัวข้อ: เล่าให้ฟัง-มนุษย์แท้? :PULING的主頁 [1]  (อ่าน 24411 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด


เล่าให้ฟัง-มนุษย์แท้? :PULING的主頁

ความแตกต่าง ระหว่างมนุษย์ และสัตว์
“กิน นอน ขับถ่าย สืบพันธุ์ กลัวภัย เสมอกัน ต่างกันที่มนุษย์มี มโนธรรม”
โดยร่างกาย มนุษย์ อ่อนแอกว่าสัตว์ โดยน้ำหนักเท่ากัน
แต่มนุษย์ มีระบบ
-เซนเซ่อร์ (อวัยวะรับรู้สึก)
-ประเมินผล สั่งการ (จากสมอง)ที่

“สามารถเรียนรู้ คาดการณ์ ปรับปรุงและ ใช้เครื่องมือ สื่อสาร แบ่งปันความรู้ และทำงานเป็นทีมได้”
“”””””””””””””””””””””””””””””””



สัมมาทิฐิ ในพุทธศาสนา มีสองระดับ
-ระดับ เพื่อให้ ยกระดับ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา โดยการ ”ละชั่ว เจริญกุศลให้ยิ่ง
ใช้ทิฐิของ สัสสตทิฐิ (เชื่อว่า ตายแล้วเกิด) มีลักษณะคือ

-เชื่อว่า ชาตินี้มี (และยังมีชาติภพ ของจิตที่เกิดจากการปรุงแต่ง ของจิตสำนึก อันมี ความคิด อารมณ์พาไป เกิดดับวันหลายพันรอบ)
-เชื่อว่าชาติหน้ามี (คือมีการเกิดใหม่ ตามแรงกรรม ที่ อกุศล กุศล ศูนย์ให้รางวัลลงโทษ แรงขับชีวิต พาไป)
-เชื่อว่า บุญคุณบุพการีมี (ตั้งแต่ระบบชีวาลัย ที่ให้โอกาสเราเกิด พ่อแม่ ศาสดา ครูบาอาจารย์ ผู้ทำคุณให้เราก่อน)
-เชื่อว่า ทานมีผล (ทานเป็นการ ฝึกให้มีสุขจากการให้ พัฒนาเป็นจาคะ ขูดเกลากิเลส ออกจากชีวิตต่อไป)
-เชื่อว่าพิธีกรรมมีผล ( พิธีที่เปลี่ยนแปลง กายกรรมสาม วจีกรรมสี่ มโนธรรมสาม มีผลต่อชีวิตจริง)
-เชื่อว่า ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีคุณธรรมสูงส่งเป็น อริยะบุคคลมี
-เชื่อว่า การเกิดโดยผุดขึ้น เป็นตัวเต็มวัยทันทีมี (เช่นปรุงจิตด้วยความสุขเป็นเทวดา ปรุงจิตด้วยความทุกข์ทรมาน เป็นสัตว์นรกเป็นต้น

“”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””



สัมมาทิฐิ ที่”ทำนิพพานให้แจ้ง
คือพัฒนาชีวิต พ้นทุกข์ สุข สู่ความเย็น กาย เย็นใจ เย็นปัญญา โดยการ มี

-เจโตวิมุติ......หลุดพ้น จากราคะ โทสะ ด้วย ความหนักแน่นมั่นคงอารมณ์ของจิต ที่ฝึกดีแล้ว
-ปัญญาวิมุติ...หลุดพ้นจาก โมหะ ความหลงในสมมติโลก ด้วยญาณปัญญา
 ที่อยู่เหนือ สัญชาติญาณ จิตวิญญาณ  โลกียะปัญญา

-ทำอาสวะให้สิ้น..หลุดพ้นจากขยะปรุงแต่งจิต
ที่เป็นความรู้ จากภายนอก ที่เราเลียนแบบ
ที่เป็น แรงขับ สัญชาติญาณชีวิต และการให้รางวัล ลงโทษ ของเราเอง
ที่เป็นความทรงจำ ที่เราประทับใจ ผ่านการมองวัฒนธรรม
ที่เป็นทักษะ  ”วิธีการคิด”  การชงอารมณ์ของเราเอง
...........................



ทั้งหมด ต้องเอามา
-แยกการเรียนรู้ ที่เป็นเงื่อนไข
แยกอารมณ์ ออกจากความคิด ด้วยการหายใจทิ้งความรู้สึก จากทุกอารมณ์

-ล้างเงื่อนไขเดิม
จนอารมณ์ ไม่อยู่ในอำนาจ ความคิด อีกต่อไป เป็นเสรีภาพของชีวาในชีวิตที่แท้จริง อิๆ


-และปรุงใหม่ทั้งหมดแบบ ”เย็นๆ มีมโนธรรมอันดีงาม“ อิๆ
นิพพานนั้น ไม่ทุกข์ ไม่สุข แต่เย็น (พุทธทาส)
นิพพานนั้น อยู่ไม่ไกล จากปลายจมูก หายใจ ถึงขั้วหัวใจ ที่เย็น (หลวงปู่แหวน)
สาธุ


                       มนุษย์มีตาเนื้อ และตาปัญญา ด้วย อิๆ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 12, 2016, 04:45:09 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด




//-การมองสามชั้น   ในการอ่านนิทานไซอิ๋ว
1.สนุก  หรรษา ขำขัน มันส์ในอภิจินตนาการเกินจริง
2."เห็น" ความหมายธรรมะ ที่ซ่อนเร้นอยู่

การจะเห็นได้ ต้องอาศัย"ตาปัญญาห้า"
2.1-พุทธะจักขุ
.....ปัญญา ที่ประกอบด้วยสติ กุมสภาพจิต เห็นการปรุงแต่งจิตตนเสมอ
2.2-ธรรมจักขุ
......ปัญญา ที่เห็นธรรมชาติตามจริง
ทั้งนิรมานธรรม..ธรรมชาติที่เกิด และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
กายธรรม.........ธรรมชาติ
ที่เป็นกฎ(ธรรมฐิติ)



วิวัฒนาการ(ธรรมนิยาม)
เป็นเหตุปัจจัยปรุงแต่งต่อเนื่อง(อีทัปปัจจยตา)
และธรรมที่พ้นอุปาทาน ทุกข์ โดยไม่เนิ่นช้า(นิปปปัญจธรรม)

-สัมโภคกายธรรม
กายแห่งความสุข
สุขใน มนุษย์สมบัติ(เป็นที่ยอมรับ ในสังคม มีมนุษย์ธรรม)
สุขในสวรรค์สมบัติ(หรรษา ภาคภูมิ สมใจ สะใจ )
สุขในพรหมสมบัติ(เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา สันโดษ สมถะ)
สุขในนิพพานสมบัติ(วิมุติสุข) พ้นจากเพลิงทุกข์ เพลิงกิเลส ทำอาสวะสิ้นแล้ว

2.3-สมันตะจักขุ
......ปัญญาที่เป็นความรู้รอบตัว หลากหลายสาขา ทั้งศาสตร์และศิลป์
2.4-ญาณ ฌานจักขุ
.....ปัญญา ที่เกิดจากองค์ฌาน ญาณ ที่ได้จากการทำ สมถะ วิปัสสนา
2.5-ทิพย์จักขุ
.....ปัญญา ที่เห็นธรรมชาติ เรื่องราว อันละเอียด ลึกซึ้ง เกินกว่ามนุษย์ทั่วไปจะเข้าใจได้
..................................................




ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: หงอคง ก็คือ"โพธิ์ปัญญา" :PULING的主頁
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มีนาคม 02, 2013, 04:20:48 pm »


ฝึกจิต แบบลิง คือแบบไซอิ๋ว
   //-ตอนนี้ มาแทนค่าของ ท่านมาร ที่ใครๆก็ ทั้งเกลียดทั้งกลัว
-เทวบุตรมาร............(ความต้องการ สมใจ สะใจ ในชีวิต)
เป็นซูโม่หรือนักยูโดก็แล้วกัน
ที่ชอบโยนชีวาในชีวิต ไปสู่ภูมิจิตต่างๆ ตามอารมณ์พาไป อิๆ

-กิเลสมาร................(แรงขับชีวิต ได้คือสุข เสียไปคือทุกข์)
เป็นนักวางเพลิง เผลอไม่ได้
ท่านชง ราคะ โทสะ โมหะ เผา หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ
ให้หาเรื่องใส่ตน และคนรอบข้าง อิๆ

-อภิสังขารมาร.........(ความคิด แบบ ขาดสติกุมสภาพจิต...หดหู่ ฟุ้งซ่าน พายเรือในอ่าง)
เป็นพ่อมด แม่มด ที่ชอบลองสร้าง เคมีแปลกๆ ปรุงยาพิษเล่นอิๆ
-ขันธ์มาร...............(ชีวะยนต์ คอมพิวเตอร์มีชีวิต ที่ปรุงแต่งเป็น”เรา”)
เป็นแฮกเกอร์ เจ้าปฏิบัติการ คอมพ์ที่มีชีวิต คิดค้นไวรัส เจาะสมองเล่น อิๆ

-มัจจุราชมาร..........(เวลา)
เป็นกระต่ายแสนกล ในนิยาย เอลีส ในเมืองมหัศจรรย์ ที่ชอบ"มาสายทุกที"
-ทรัพย์..................เป็นของเฮเดส เจ้านรก อิๆ ใครคิดว่าเป็นของตู โดนบีบหัวใจแน่ๆ
และท่านยังมี...........ธิดาฤดูใบไม้ผลิ เป็นศรีภิริยา ที่ยั่วยวนใจด้วย ระวังเดี๋ยวผิดศีลข้อกามาฯอิๆ
............................

      //-แทนค่าได้หมด แล้วลิง จะจัดการ อยู่ร่วม อยู่รอด กับ เจ้าพวกนี้ได้ไง
ต้องฝึกๆๆๆ สติไวดั่งสายฟ้า
ใช้กระบองยืดได้หดได้ ของหงอคง(ควบคุมจินตนาการ)ให้เป็น
................................

//-มาถึงวันนี้ แม้นจิตยังไม่แกร่งดังเพชร
แต่ก็มีสายฟ้าฟาด พลิกจิต ได้ทันเป็นส่วนใหญ่
แต่ก็ไม่ประมาท ฝึกทุกอย่าง ให้เป็นทักษะ ฝีมือ อิๆ

-ทักษะ ในการดูแลชีวิตชีวาให้แข็งแรง แฮงบ่ตก ว่าซั่นอิ
-ทักษะอาชีพสุจริต
-ทักษะ จิตที่ เอื้อเฟื้อ และห่าง อุปทานทอารมณ์ทุกข์
-ทักษะการ สื่อสารทางบวก กับสังคม
-ทักษะ ในการ"พลิกจิต" และปรุงคำพูดที่เป็นวาจาสุภาษิต สอนตนเอง อิๆ
บาย

(รู้จัก..จิต....และวางแผน ฝึกจิตแบบลิง)
(อ่าน ภาษาคน ภาษาธรรม จากไซอิ๋วประกอบ ต่อนะครับ)
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=maekai&group=15
*************************



//-ไซอิ๋ว "เดินทางสู่ตะวันตก"
เป็นนิทานธรรมะ ที่ลิขิตจาก ประวัติศาสตร์จริง
ในยุคราชวงค์ถัง
ที่พระถังซำจั๋ง เดินทางไป ค้นหา "หลักการที่ถูกต้องของพุทธศาสนา" ในดินแดนชมพูทวีป
ใช้เวลาเดินทาง ศึกษา และกลับมา 19ปี

//-เมื่อ ท่านเขมานันทะ(ขณะเขียน เดินทางไกลกับไซอิ๋ว)
เป็นผู้เปิดมิติ ธรรมวิภาค ว่า"ไซอิ๋วซ่อนปริศนาธรรม เดินทางภายในสู่นิพพาน"
ดช.ปู่ลิง ก็แกะ หาความหมาย ในทัศนะของลิงบ้างอิๆ
อาจตรงกับท่านอ.เขมานันทะ หรือต่าง
ก็เป็นเพียง"อัตโนมติ"(ความเห็นส่วนตัว)
พวกเรา ควรลองหัด ตีความหมายจาก
บุคลาธิฐาน(ภาษาอภิจินตนาการ) มาเป็น ธรรมาธิฐาน(ภาษาหลักการเหตุผล) ด้วยตนเองบ้าง
เพื่อ ปลุก สัมมาทิฐิ โพธิปัญญา(ปัญญาที่ให้แส่งส่องทางชีวิตและร่มเงาที่เย็นแก่ชีวิต)

//-กำลังคิดรวบรวมไซอิ๋วที่กระจัดกระจาย มารวมไว้ที่เดียวกัน
และอ่าน ประกอบดนตรี ไว้ให้พวกเราฟัง ครับผม
เป็นพุทธะโพธิสัตว์บูชา ในเทศกาล เข้าพรรษา 2011 นี้

//-ปัญญามนุษย์มีสาม -โลกียะปัญญา -โลกุตตระปัญญา -โพธิปัญญา
****************************



PULING 2011-08-09 08:51
//-ปัญญาสาม
1.โลกียะปัญญา
ปัญญาเพื่อ อยู่รอด อยู่ร่วม สุขกับโลกธรรม
2.โลกุตตระปัญญา
ปัญญา ที่ล้างขยะปรุงแต่ง และเครื่องผูกมัด(สังโยชน์)
จนจิต ความสุขพบอิสระภาพ
ยกระดับ ภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา ให้ยิ่ง
3.โพธิปัญญา
ปัญญาฉลาดเลือก
ให้แสงสว่าง ความสุขไร้เงื่อนไข ร่มเงา แก่ทุกชีวิต
......................

//-ปัญญามีสาม
ร่างกายมนุษย์ มีสำรองให้ใช้ ห้าร่าง
เรารู้จักวิธี ปลุก ปัญญา กาย เราตื่นมา เป็นประโยชน์หรือไม่ อิๆ
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""



//-ตราบใดที่โลกยังไม่แตก ไซอิ๋ว ก็คงมีการเล่าขาน...สร้างใหม่
//-ดูไซอิ๋วแล้ว มาปราบปีศาจในใจตนด้วย อิๆ
-พลาด.......ลงโทษ
-พลาด.......ทำคุณไถ่โทษ
-พลาด........กลับร้ายเป็นดี
-ชีวิตแท้คือ.........ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่
-เมื่อจบบทบาท.....ต้องกลับบ้าน

จากว่าง...............สู่ว่าง
จากอนัต์..............สู่อนันต์
หนัก..................ก็วาง
วางก็..................เบา
ไม่เอา.................ก็หลุดพ้น จากสังโยชน์ทั้งปวง
ไม่มีที่ให้เอง.........(กิเลส ตัณหา อุปาทาน กรรม วิบาก วิบัติ อาศัยได้อีกแล้ว) อิๆ

ไม่มี...................กาล สถานที่ ขวางกั้น ได้อีกต่อไป
เป็นเสรีชน คนปนลิง.....ตีลังกา ท่องทุกมิติธาตุธรรม ด้วยใจเอื้อเฟื้อ อิๆ
ดังนั้นชีวิต.................. พบกันแล้วต้องจาก
มีวาสนา......................จึงมาพบกัน
จะจากเป็น.................. หรือจากตาย.....ต้องฝึก
ความตายอยู่ที่...............ปลายจมูก
หมดลม.......................ก็ต้องลงจากเวที อิๆ
จบ..ลงเวทีให้เป็น....ดีกว่า"โดนไล่ลง" อิๆ
....................................................

//-อันโชคลาภ......... วาสนา
ดุจเมฆา..................หน้าฝน
เชือกผูก ................ไว้ไม่ได้ รั้งไว้ก็ไม่อยู่
หมดฤดู..................ก็จากไป
.........................................



//-ตอนหน้า เล่า เครื่องมือชมไซอิ๋ว
เพื่อ
ไพเราะเบื้องต้น................สนุกกับเรื่องราว อภิจินตนาการ
ไพเราะเบื้องกลาง..............รู้ความหมายที่ซ่อนไว้
ไพเราะในที่สุด..................เอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง อิๆ บาย

โพสต์เมื่อ 23rd August 2011 โดย puling222
ป้ายกำกับ: ไซอิ๋ว นิทานธรรมะ ปู่ลิง
- http://www.appreciative-community.com/appreciative-community/home/space.php?uid=21&do=blog&id=521




//-หงอคง ก็คือ"โพธิ์ปัญญา"
ต้องใช้เวลา พัฒนา"บวช" เข้าสู่ทางกุศล มรรค(พบทางสว่าง) ผล(รับผลสำเร็จ)
และต้องมีทีม ที่เป็น "อินทรีย์ ที่เปลี่ยนเป็นพลังชีวิตชีวา" มาช่วย
เป็น"อินทรีย์ห้า เจริญเป็นพละห้าคือ"

-ศรัทธา............คือพระถัง
ที่ตั้งใจไปค้นหาหลักการจริงๆ ของพุทธศาสนา มาเป็นหลักการของชีวิต

-วิริยะ.............คือม้าขาว ความวิริยะพากเพียร
ต้องมีธูปหอม (ให้กำลังใจตนเอง)
แส้ที่ทำจากเอ็นเสือ (ดูถูกตนเองให้เกิดมานะพยายาม)
"วันคืนที่ผ่านมาเรา ยกระดับภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญา ได้มากน้อยแค่ไหน?"



-สติ............ตือบ่วยก่าย ต้องมีศีลกำกับ(มีคราดเก้าซี่ สังฆคุณ)
และเฝ้ากระแส ปิติสุขภายใน ไม่หลงในกุญแจความสุข ที่เป็นมายาภายนอก
-สมาธิ..........ซัวเจ๋ง สมาธิที่เกิดจากสมถะ ช่วยให้"อารมณ์หนักแน่น"
มี พลั่วพระธรรม ด้านหนึ่งเป็นเสียมแบนรูประฆัง(มีสติในหน้าที่)
ด้านหนึ่ง เป็นรูปจันทร์เสี้ยว (หมายถึงเวลา)
วิปัสสนา (หนุนปัญญา สู่ความรู้แจ้ง)
**********************************



//-ไซอิ๋ว เป็นอาหารอร่อย ของ""โลกจินตนาการ"
-เป็นอาหารทิพย์ ของ ปัญญา
-เป็นความเข้าใจดี ระหว่างวัฒนธรรม
-เป็นสื่อการการ ค้นคว้า สร้างสรร นวัตกรรมใหม่ๆ
.........................
//-ดังนั้น ไพเราะในเบื้องตน จาก จินตนาการเกินจริง
-ข้างในยังอิงธรรมะ ปลุกให้ มโนธรรมตื่น
-และเอา ไปปรับใช้ เมื่อเราผัสสะโลกธรรม ได้ ตามกำลังสติปัญญาที่ ฝึกดีแล้ว อิๆ
........................

//-ถ้ามองผ่าน"วัฒนธรม"
ไซอิ๋ว มีส่วนผสม วัฒนธรรมกรีกแบบเทวะนิยม
ที่เข้ามาสู่อินเดีย กับกองทัพอเล็กซานเดอร์มหาราช
และผสมกับวัฒนธรรมภารตะ
เป็นรามายณะ มีหนุมาน ลิงที่ภักดีต่อสัจจะ(ราม)
แสงแห่งโลกุตระธรรม ที่แผ่ไพศาล เป็น

-เถรวาท (ภิกษุ ขนของ เทียมแพะ ขึ้นทางลัด)
-มหายาน(ภิกษุ ขนของ เทียมโค ไปทางราบยาวไกล)
ตอนเมืองฆ่าพระ
-เซน (สมณะโอเช้า ผู้มีนิวาสอยู่บนรังกา)สอน ขันธุ์ห้าเป็นของว่าง แก่พระถัง
....มาผสมกับ...เต๋า....ขงจื้อ
มาเป็น"ไซอิ๋ว" นิทานการเดินทางสู่ตะวันตก(นิพพานภายในใจ)
อย่างมหัศจรรย์ อิๆ
................................

//-ดังนั้น ตัวละคร สถานที่ อาวุธวิเศษ พฤติกรรม เนื้อเรื่อง
มีปริศนาธรรมซ่อนไว้ ตลอดอิๆ
และยังเป็น"สื่อโฆษณา" แนะนำ เซียน พระโพธิสัตว์ อย่างเป็นทางการ
ที่สำคัญคือ มหาโพธิสัตว์กวนอิม หรือ"พระอวโลกิเตศวร"
คู่กับ"โพธิปัญญา"(ปัญญาที่เอื้อเฟื้อต่อสามโลก หรือ หงอคง)
ให้ชาวโลกได้รู้จัก อิๆ
...............................



//-ปฐมบท
1.เรี่มจากการประชุมสภา พุทธจักร
พระถังในอดีต หลับขณะ พระยูไลเทศน์
เลยต้องมาเกิด เพื่อ"ทำคุณไถ่โทษ" เดินทางไปอัญเชิญ
หลักการของพุทธธรรมมาให้แผ่นดินถัง (มหาปรัชญาปริมิตาสูตร)

2.กำเนิดโพธิจิต โพธิปัญญา
หงอคง(ว่างอย่างยิ่ง)
จากไข่หิน ที่กาลเวลา แสงสุริยันจันทรา เห่กล่อม มานานเป็นล้านๆปี
ระเบิด มีลิงเผือกน้อย
อาศัยที่ภูเขา บุปผา ผลาผล อันงาม และพบถ้ำม่านน้ำ(ทางสู่สวรรค์)
และแสวงหาอมฤตธรรม(ทำอย่างไรจะไม่ตาย)

เรียนวิชาเซียน และวิชาอมตะ แต่ต้องคำสาปในวิชาว่า
500ปี จะถูก "ภัยสาม"สายฟ้าฟาด ไฟสวรรค์เผา และลมกรดพัด ฉีกร่างเป็นชิ้นๆ
และรับวิบากกรรม"ร้อยแปด"(ตัณหาร้อยแปด?)
....จากนั้น ได้อาวุธคู่มือ จากแดนบาดาล(จิตในสำนึก)
กระบองอู่ยี่(ปลอกทองสมใจนึก)"จินตนาการ"
เสื้อเกราะทองคำ(พาหุสัจจะ ศิลป์) ความรอบรู้ และลึกซึ้งในสาขาวิชาการ

รองเท้าไยบัว (ความใฝ่รู้)
หมวกหางหงส์(วิสัยทัศน์)
....อาละวาดนรก ทำลายบัญชี เกิดตาย จึงเป็นอมตะ
"โพธิจิต ไม่มีวันตายจากใจมนุษย์ แต่บางคนจะหลับจนตายก็ไม่รู้จัก" อิๆ

....อาละวาดสวรรค์
เข้าใจมโนธรรม และดูถูก ว่าเป็น แค่ ของเล่น อิๆ
....พบพระยูไล ถูกจองจำใต้ภูเขาห้ายอด
พบโลกุตระธรรม เริ่มรู้ว่า "ขันธุ์ห้า เป็นของหนัก"
....พระโพธิสัตว์กวนอิม ให้รอพระถัง
ต้องรวมทีม อินทรีย์ภายใน
ศรัทธา....พระถัง
วิริยะ......ม้าขาวเจ้าชายมังกร
สติ.........ตือบ่วยก่าย(ศีล?)
สมาธิ......ซัวเจ๋ง
โพธิปัญญา....ตัวหงอคงเอง

เข้าไป จัดระเบียบ ชีวิตชีวา
"สร้างจิตภาพ กายภาพใหม่"
ด้วยการ ไปเปลี่ยน กิเลสให้เป็นโพธิ
กลับร้ายเป็นดี ตามเนื้อเรื่อง ในไซอิ๋ว อิๆ
......................

จากจิต...............โลกียะ
มาพบจิต.............มโนธรรม
มาพบจิต.............โลกุตระ
มาพบจิต..............โพธิจิต
มาพบจิต..............สากลจักรวาล


พบเสรีภาพความสุข ท่องโลก ธรรม แบบ คนดี อยู่ที่ตัวเราเอง
ต้องลงไปชำระจิต ให้หมดอาสวะ อิๆ.

Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  Sep 22, 2013
:https://plus.google.com/u/0/102795770125676715056/posts
:http://www.dhammathai.org/webboard/view.php?No=5888&visitOK=1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 09, 2015, 11:42:58 am โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: พ้นอุปาทานตัณหา :PULING的主頁
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มีนาคม 02, 2013, 04:27:31 pm »




-ปัญญา.......ต้องยกระดับ
โลกียะปัญญา (ปัญญารอบรู้โลก ทำมาหากิน)
สู่ โลกุตระปัญญา (ปัญญายกชีวิตชีวา พ้นอุปาทานตัณหา )
สู่โพธิ์ปัญญา(ปัญญาที่ให้แสงสว่าง เบิกบาน ร่มเงาแก่ชีวิตตน และคนรอบข้าง)
3.เห็นวิธี ที่เอาหลักการเหตุผล ไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
.......



//-สหายเอ๋ย หรรษาขำขัน.................................ในนิทานธรรม
เห็นสัจจะธรรมซ่อน..........................................เป็นสุขี

เอาไปใช้ เป็นประโยชน์ตนท่าน...........................อัศจรรย์ในชีวาในชีวี
การพบไซอิ๋วนี้.................................................ย่อมมีแต่คุณเอยฯ
.........................



//-อ่านแล้วสนุก............เพลินใจ
อ่านแล้วปัญญาเห็น.......ปรมัตถธรรมซ่อนในนั่น
เอาไปปรับใช้...............ฝึก สัมมาสติ โพธิปัญญา เห็นทั้งนอก ใน แจ้งด้วยกัน
ใครทำได้อย่างนี้นั่น.......ชีวิต พึงรื่นรมย์ เป็นมงคลชีวาในชีวิตเอยฯ
สาธุ
PULING 2012-04-13 04:04


-http://www.appreciative-community.com/appreciative-community/home/space.php?uid=21&do=blog&id=695


ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2013, 07:06:49 am »




//-การเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าในโลกนี้ เพื่อ อนุเคราะห์ สามโลก
1.สังขารโลก
โลกที่เกิดจากการปรุงแต่ง เป็น"เรา" แต่ละคน
ด้วยการ ฝึกเจริญสติ ล้างจิต พ้นขยะปรุงแต่งจิต
เลิกชงอารมณ์ทุกข์ ซ้ำเติมเวทนาทุกข์
และปรับตัว อยู่ร่วม อยู่รอด กับ สภาวะทุกข์ อย่างมีมโนธรรม

2.สัตว์โลก
เพื่อน สังคม เกิดแก่เจ็บตาย
ด้วย"ธรรมบาล"
ส่งเสรีมให้มีคน ประเภค
-เป็นบุพการี มีกตัญญู(ทำคุณและตอบแทนคุณ)
-มีหิริ โอตัปปะ(ละอาย เกรงกลัวต่อผลความชั่ว)
-มีมงคล และทักษิณาทาน(สุขจากการทำหน้าที่ดีๆ โชคดี สุขจากการแบ่งปัน)

3.โอกาสโลก
ระบบชีวาลัยอันเปราะบาง ที่ลอยในอวากาศ
ช่วยกันรักรักษ์ สมดุลย์ ให้ยั่งยืน
สาธุ




ทางแห่งการบรรลุธรรม
//-พระพุทธเจ้า บรรลุธรรม และสรุปว่า
-ดวงตา ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง เกิดขึ้นแก่พระองค์
ใครจะพ้นเพลิงกิเลส เพลิงทุกข์ ด้วยการทำอาสวะให้สิ้น
ก็เดินตามทางสว่างนี้

-ทุกข์นั้น.......................................ได้กำหนดรู้แล้ว
-เหตุแห่งทุกข์.................................ได้ละแล้ว
-การหลุดพ้นอารณ์ทุกข์ อย่างสิ้นเชิง.....เป็นประสบการณ์ตรงด้วยตนเอง
-ทางแห่งการดับไม่เหลือแห่งทุกข์(มรรคแปด)..ต้องเจริญให้ยิ่ง
//-หากใครเอาไปทำให้พอกพูนอาสวะ ก็คงไกลเป้าหมาย
พิจารณาเองเอานะ อิๆ

1.สภาวะทุกข์
ฝึกทำใจให้ยอมรับ ในกฎไตรลักษ์

2.เวทนาทุกข์
ฝึกอดทน
-ทนต่อคำสรรเสริญ นินทา
-ทนต่อการฝึกตน ยกระดับภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิปัญญาให้ยิ่ง
-ทนต่อ การนำตน ครอบครัว ชุมชน สังคม สู่ทางสว่าง

3.อารมณ์ทุกข์
ฝึกเลิกชงอารมณ์ทุกข์ซ้ำเติมเวทนาทุกข์
ฝึกเลิกชง ความคิด อารมณ์ อุดมการณ์ ความรู้
ที่สร้างอารมณ์ทุกข์ ด้วย การ
ปลุก สัมมาสติ โพธิปัญญาตื่น
กำหนดรู้ ทุกอารมณ์ และทิ้ง
.........................................................

"การปฏิบัติธรรมคือ มีสติปัญญารักษา ไม่ให้อารมณ์ทุกข์เกิด
เมื่อเกิด ก็กำหนดรู้และละเสีย"
(วรธัมโม สวนโมกข์)




ทุกข์ที่ประสบ แยกเป็นสาม เช่นนั้นเอง
ปลุกสัมมาสติโพธิปัญญาตื่น มากุมสภาพจิต พลิกจิตสู่ทางกุศล วิมุติ
ไม่ทุกข์ ไม่สุข แต่"เย็น"
1.สภาวะทุกข์..............มองเห็น ยอมรับสภาพ
2.เวทนาทุกข์..............ฝึกให้อดทน
3.อารมณ์ทุกข์.............ปลุกสัมมาสติ โพธิปัญญาตื่น
เลิกชงอารมณ์ทุกข์ซ้ำเติมเวทนาทุกข์




No mud no lotus
(zen)
ไม่เจอทุกข์ ไยจะพบธรรม




"ธรรมชาติ มนุษย์คือ
คืนสู่ ความสงบ สว่าง ว่าง เย็น




อย่าให้"มูลค่า" สมมุติโลก หลอกใช้เราจนตาย
กลับมาสู่โลกของ"คุณค่า" ของธรรมชาติ ที่แท้จริง นิรันดิ์ นะครับ



นาญฺโญ อญฺญํ วิโสธเย
ผู้อื่นพึงทำให้ผู้อื่นบริสุทธิ์ไม่ได้
ผู้รู้จึงเร่ง
ละ กรรมดำ
เจริญ กรรมขาว
ทำจิตให้วิสุทธิ์ ด้วยการทำอาสวะให้สิ้น
จึงได้ชื่อว่า เป็นผู้ฉลาดในการประพฤติธรรม



ชีวิตเป็นสิ่งปรุงแต่ง
ชงความคิด อารมณ์ อุดมการณ์ ความรู้ ความอยาก
แรงขับชีวิตอย่างไร
"อัตตา" เราก็เป็นอย่างนั้น
แต่ธรรมชาติที่แท้จริง
เป็น"อนัตตา"
คือเป็นไปตาม กฎ เหตุ ปัจจัยปรุงแต่ง
ไม่ได้เป็นดังใจ
สติปัญญามองเห็น มายาลีลาโลก เป็นปราญ์
ฉลาดพลิกจิตตน สู่กุศล เย็นดุจสายฟ้า เป็นพุทธะ



"ปรารถนาใด...............ในใต้หล้า
มิผิดฟ้า ........................ทำนองธรรม
สมมโนรส.....................ทุกวารวัน
สุขภาพดีนั้น..................นิรันดร์ นิรันดร์เอยฯ"



สาธุ
Suraphol Kruasuwan


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 01, 2013, 12:10:22 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด




วันสำคัญ ของชาวพุทธ
คือวัน วิสาขบูชา
วันประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน
คำสอนสำคัญ ในวันนี้คือ
"ธรรมจักรกัปวัตนสูตร"
การหมุนของ วงล้อแห่งอริยะธรรม
หมุนเพื่อทำลาย อวิชชา ความไม่รู้ สามประการ
-ไม่สามารถ จำอดีต เอามาตกผลึกชีวิตได้
-ไม่รู้ว่า การปรุงแต่ง วจี จิต กาย จะนำไปสู่อนาคตอย่างไร?
-ไม่รู้วิธี ตั้งสติกุมสภาพจิต ทุกปัจจุบันขนณะ

............................................

-ทุกอารมณ์ทุกข์...........................................ต้องกำหนดรู้
-เหตุแห่งการปรุงอารมณ์ทุกข์......................ต้องละให้สิ้น
-ความเย็นแห่งชีวิต เพราะการเข้าใจแจ้ง.....ต้องทำเป็นประสบการณ์ตรงด้วยตนเอง
-วิถีชีวิต ที่เดินด้วยปัญญา ศีล สมาธิสู่วิมุติ.....ต้องเจริญให้ยิ่ง




//-ปฏิบัติธรรม ไปทำไม?
-เพื่อฝันถึงสวรรค์ หนีจากนรก
-เพื่อเอา "ความจริงของธรรมชาติ ที่มีอยู่แล้ว
"มาปรับใช้กับชีวิตประจำวัน
ให้เราเบียดเบียน ซึ่งกันและกันน้อยลง
ระบบชีวาลัยน่าอยู่ สมดุลย์ยั่งยืนขึ้น
และไม่เป็นทาส กิเลส ตัณหาอุปทาน




//-เลือกทางเอาเอง อิๆ
-บางคนชอบ ไหลตามกระแสโลก
-บางคนชอบ ทวนกระแสโลก
-บางคนชอบ ขวางโลก
-บางคนชอบ ข้ามและอยู่เหนือกระแสโลก
แต่ลิง ยังเต็มไปด้วยความรักใน
กิเลส ตัณหาอุปาทาน ว่าเป็น"แรงขับของชีวิต"
จึงชอบขี่มัน ไปทำสิ่งดีๆให้แก่ตนและระบบชีวาลัย อิๆ



G+ Suraphol Kruasuwan
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 28, 2013, 01:17:49 am โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2013, 06:41:56 pm »


                 

//-กิจกรรม มนุษย์ ที่ต้องแสวงหา
ตามสายตาฤๅษี วัฒนธรรมภารตะ
1."กิจกรรม มนุษย์ใน กามาฉวจรภูมิ"
คือยังอาศัย กิเลสกาม วัตถุกาม เสพ ปรุงแต่งชีวิต
" อบายภูมิ มนุษย์ เทวภูมิ " ต่างต้อง มี"กามเป็นเครื่องอยู่"



จึงต้องแสวงหา
-ชีวิตที่ เอาตัวรอด ดี สะดวกสบาย เป็นที่ยอมรับ มีผู้ชื่นชม(ชีวะ)
-ผลประโยชน์(อรรถะ)
-ความติดใน หรรษาธรรม(กาม)
2."กิจกรรม ของ รูปาวจร อรูปาวจรภูมิ"
คือผู้เปลี่ยน ความต้องการ กาม เป็น พลังจิต พลังสติปัญญา
-เป็นนักปรัชญา (ทิฐิ)
-เป็นนักธรรมชาติวิทยา(มายะ)
-เป็นผู้แสวงหาทางสว่างของชีวิต(โมกษะ)
3."กิจกรรม ของผู้พัฒนา เพื่อพ้น อำนาจ กระแสโลก และแรงขับธรรมชาติ"
หรือ อริยะภูมิ



//-มนุษย์จะใช้ชีวิต พัฒนาตนเองตามวัย
-วัยเรียน
-วัยล่า
-วัยละ
-วัยหลุด พ้นจาก ความติด
ก็จะได้ความสุข จากกุญแจความสุข
-จาก กามสุข........เสพกิเลสกาม วัตถุกาม
-จากญาณสุข........เสพความรู้เป็นอาหาร
-จากฌานสุข........เสพผลสมาธิ เป็นอาหาร
-จากวิมุติสุข.........เสพ ความหลุดพ้น จาก โลกียะธรรม เป็นอาหาร



//-ชีวิต จึงเฉกเช่น การพัฒนาการของผีเสื้อ
-เป็นไข่หนอน
-เป็นหนอน
-เป็นดักแด้
-เป็นผี้เสื้อ ผู้เสพแต่น้ำหวาน จากดอกไม้ และมีปีกแห่งเสรีภาพ ที่จะโบยบิน



ชีวิต ใครชีวิตมัน เลือกเอาเอง อิๆ
"บัดนี้ เราขอเตือนท่านทั้งหลายว่า
สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
จงยังกิจของตน(ละอกุศล เจริญกุศล สู่วิมุติชีวิตที่เย็น
ด้วยการ ล้างขยะปรุงแต่งชีวิตให้หมด
หรือ ทำอาสวะให้สิ้น) ด้วยความไม่ประมาทเถิด"
นี่เป็นปัจฉิมวาจา พุทธเจ้า
สาธุ พระผู้มีพระภาค พระองค์นั้น ด้วย กตัญญู




ฝนรั่วรด หลังคาที่มุงไว้ไม่ดีฉันใด
กิเลส ก็ทำให้จิตผู้ประมาทที่ไม่ได้ฝึกแปดเปื้อนฉันนั้น
(พุทธสุภาษิต) สาธุ




Blitz with good eyesight would see everything.
Spiritual practice,
then it's because the emotional distress. And before the fire.!
บรุษสายตาดี เห็นทุกสิ่งกระจ่าง ชั่วที่มีแสงฟ้าแลบ
จิตที่ฝึกดีแล้ว
ย่อมเห็นเหตุ สร้างอารมณ์ทุกข์ และ ดับเหตุชั่วพริบตา!



"การปฏิบัติธรรมคือ ใช้สติปัญญา รักษาใจไม่ให้(อารมณ์)ทุกข์เกิด
เมื่อเกิด ก็กำหนดรู้และละเสีย(โดยฉับพลันทันที)"
.....วรธัมโม สวนโมกข์....

-จิตปถุชน.........คือจิตแบบแผลเก่า เต้นไปตามกระแส อกุศล กุศล กระแสโลก วิบาก กรรม
-จิตพระเสขะ....คือจิตแบบสายฟ้า พลิกสู่ทางกุศล วิมุติ ได้รวดเร็วดุจสายฟ้า
-จิตพุทธะ..........คือจิตแบบเพชร แข็งแกร่ง ไม่หวั่นไหวต่อโลกธรรม
ดุจเพชรไม่เก็บแสงใดๆไว้ในตนเลยฯ




พระพุทธเจ้าในอดีต......ปรินิพพานไปแล้ว
พระพุทธะเจ้าอนาคต....ยังมาไม่ถึง
พึ่งแสง สุทธิ ปัญญา เมตตา ขันติในตน...คือพุทธคุณที่แท้จริง
สาธุ

               
                   G+ Suraphol Kruasuwan

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 06, 2013, 01:53:16 am โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: ความจริง ของผู้ชนะศัตรูภายในตนเอง :PULING的主頁
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2013, 11:38:23 am »



ความจริง ของผู้ชนะศัตรูภายในตนเอง
-ทุกข์...ต้องกำหนดรู้
-เหตุแห่งทุกข์ คือ อุปาทานในตัณหา และ อุปาทานในขันธ์ห้า..ต้องละ
-ความเย็นที่เกิดจากความดับไม่เหลือเหตุทุกข์..ต้องทำประจักษ์ด้วยตนเอง
-วิถีชีวิตเพื่อชนะอุปสรรค์ภายใน..มี ปัญญา ศีล สมาธิ วิมุติ ต้องเพียรเจริญให้ยิ่ง
...............................................



ทุกข์ที่ควรกำหนดรู้ และ พิจารณา เห็นความจริง
มี
1.สภาวะทุกข์(ความเปลี่ยนแปลงไม่อาจทนอยู่ในสภาพเดิม
เพราะต้องเป็นไปตาม กฎเหตุปัจจัยปรุงแต่ง)
2.เวทนาทุกข์ จากระบบประสาททำงาน
ต้องฝึกให้อดทน ปรับตัวกับสิ่งแวดล้อม ได้ดี
3.อารมณ์ทุกข์ ต้องฝึกพลิกจิต สู่กุศลวิมุติ
เลิกชงอารมณ์ทุกข์ซ้ำเติม เวทนาทุกข์
และหวั่นไหวต่อ สภาวะ ทุกข์
.......................................



ทุกข์ทั้งสิบประการที่พระพุทธเจ้าค้นพบ
จากออกบรรพชาจนตรัสรู้คือ
1.เกิดแก่ เจ็บตายเป็นทุกข์
2.ดินฟ้าอากาศแปรปรวน ก็เป็นทุกข์
3.มีพยาธิรบกวน เจ็บไข้ได้ป่วย ก็เป็นทุกข์
4.ความหิว ดิ้นรนหาอาหาร(ปัจจัยดำรงชีพ) ทำมาหากิน ก็เป็นทุกข์
5.สวมหัวโขน(ความแตกต่าง ในฐานะ อาชีพ หน้าที่)ก็เป็นทุกข์จาก( โลกธรรมแปด)



6.ทะเลาะวิวาท สงคราม ก็เป็นทุกข์
7.ระคะ โทสะ โมหะ เผาใจก็เป็นทุกข์
8.วิบาก ผลจาก กิเลส กรรม ตามมาย่ำยี ก็เป็นทุกข์
9.ปรารถนา สิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์
10.อารมณ์ทุกข์ เกิดจาก อุปาทาน ยึดติดว่า ตัณหา
และรูปนามที่ปรุงแต่ง เป็นตนของตนที่แท้จริง ก็เป็นทุกข์




ตัณหาที่ มีอุปาทานไปยึดแล้วเกิด อารมณ์ทุกข์คือ
-ความอยากยึดติดในสิ่งที่ติดหลงใหล(กามตัณหา)
-ความอยากทะยานอยาก เป็นใหญ่ให้ยิ่ง
เป็นทาสความสมใจสะใจ(ภาวะตัณหา)
-ความปรารถนา ทำลายล้างสิ่งที่ไม่ถูกใจ(วิภาวะตัณหา)
.............................



อุปาทาน ในชีวิตที่ประกอบด้วยรูปกับนาม
ทำงานกัน เป็นชีวะยนต์(เครื่องยนต์ คอมพิวเตอร์ที่มีชีวิต)
ว่าเป็นตัวตนที่เที่ยงแท้ถาวร
ซึ่งจริงๆ แปรเปลี่ยนตามเหตุปัจจัยปรุงแต่ง
เหตุปัจจัยปรุงแต่งชีวิตที่ดีกว่า

พ้นอำนาจอุปาทานคือ 
-รู้ว่าเป็นอกุศล ก็ละ
-รู้ว่าเป็นกุศล ก็ เจริญให้ยิ่ง
-ชำระใจ ให้ วิสุทธิ์ วิเศษ วิเวก วิราคะ
วิสังขาร วิมุติ วิโมกข์ นิพพาน(ไม่ทุกข์ไม่สุข แต่เย็น)
ด้วยการ อยู่ในที่สงบสงัด

-  เอาอดีตมาถอดบทเรียน
-ตกผลึกเห็นเส้นทาง การเกิดดับอารมณ์
-ทิ้งเหตุปรุงแต่งที่ทำให้ใจเศร้าหมอง
-ประกอบจิตใหม่ ที่มีสติปัญญา เห็นกฎเหตุธรรมชาติ
มีสติ สมาธิ เบิกบานในปัญญาเห็นเคารพกฎธรรมชาติ
ฝึกฝน จน
"ผัสสะโลกธรรม.........ด้วยสติ กุมสภาพจิต



จิตยัง...........................เบิกบาน ในปัญญา เสมอนั่น
จิตยังมั่นคง.................อยู่ในมโนธรรม ที่จริงดีงามกัน
ใครทำได้อย่างนี้นั้น....ชีวิตย่อมประสบพบโชคดี"



สาธุ
G+ Suraphol Kruasuwan


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 28, 2013, 12:44:51 am โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: ลาภ.. อันประเสริฐ :PULING的主頁
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2013, 06:38:21 pm »



//-สุขภาพดี........คือประเสริฐลาภ
มีมิตรอุปการะ........เป็นยิ่งกว่า..
..ญาตินั่น




อิ่มใจทุกขณะจิต......คือยอดทรัพย์ที่แท้จริงกัน
พ้นเพลิงทุกข์...
เพลิงกิเลสนั้น... คือยอด บรมสุขเอยฯ




//-สุขภาพดี คือ ไม่เป็น...
-โรคทางกาย....เรียนรู้สุขนิสัย และ..
เอามาปรับใช้
-โรคจิต........เรียนรู้วิธี อบรมจิต..
ให้พ้น อำนาจ กิเลส ตัณหา อุปาทาน
-โรควิญญาณ.....ปรับปรุงอัพเดทความรู้ใหม่
ทั้งมองโลก และ มองใจปรุงแต่งตน




สันโดษ หรืออิ่มใจทุกขณะจิต..
คือยอดทรัพย์
-ถ้ามีผู้เมตตาให้... ต้องมี ยถาลาภสันโดษ
ไม่เรียกร้อง
-ถ้าทำงาน..........ต้องมี พละสันโดษ
ทำเต็มกำลังความสามารถ




-ถ้ามีครอบครัว..... ต้องมีสาทาระสันโดษ..
อิ่มใจในคู่ครอง บริวารของตน
-ถ้ามีความสามารถไม่จำกัด.. ต้องมี สารุปสันโดษ
ต้องรู้จักพอดี
ไม่งั้นใช้ตนเองเป็นวัว เป็นควายจนตาย
-ถ้าดูแลสังคม มีหัวโขนสวม.. ต้องมี สาธารณะสันโดษ
ไม่โลภ... เอาสาธารณะสมบัติ เป็นของตน.. พวกตน




เพลิงทุกข์เพลิงกิเลส พ้นได้
-รู้ว่าชั่ว......ต้องรีบ ลด ละ เลิก
-รู้ว่าเป็นกุศล..ต้องเร่งเจริญให้เกิดพลังชีวิต
-ชำระจิต.....ให้ สงบ สะอาด สว่าง พ้นอาสวะทั้งปวง




Suraphol Kruasuwan

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 29, 2014, 03:52:01 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: มนุษย์แท้? :PULING的主頁
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2013, 08:11:28 pm »




//-ธรรมะของพุทธเจ้า
นอกจากอิงสติปัญญา ที่ฝึกดีแล้ว
ยังมี"ความคิดสูตรสำเร็จ" หลากหลาย




//-หัวใจเศรษฐี
ที่ท่านสาระเนยก มาเป็นตัวอย่างที่ดี
อุ อา กา สะ
..............................




//-สำหรับการทำธุระกิจ ที่ดช.ปู่ลิงใช้ มาตลอดคือ
1.จักขุมา
มีวิสัยทํศน์ จากสี่ตาปัญญา
-พุทธจักขุ
ใช้สติปัญญา แยกแยะ ตรวจสอบ วางแผน




-ธรรมจักขุ
มองธรรมชาติทั้งด้าน คุณ โทษ ธรรมชาติธรรมดา
-สมันตะ จักขุ
มองด้วยความรู้รอบตัวหลากหลายสาขา แบบ"ตาสับประรด"
-ทิพย์จักษุ
ใช้ความละเอียดรอบคอบ มองผลกระทบ ก่อนตัดสินใจ




2.วิธุโร
บริหารจัดการแบบโปร่งใส โปร่งแสง
โดยเฉพาะผลประโยชน์ ต้องตกลงกันก่อนทำงานร่วมกัน
ได้มาต้องแบ่งทันทีไม่มียึกยักอิๆ

3.นิสัยดี จนไม่ขาดผู้อุปถัมภ์
ตามปกติลิงชอบ ยอมเสียเปรียบ
มากกว่า ที่"ชนะ"ทุกเรื่องอิๆ
..................


//-ขอบคุณที่เอาสิ่งดีๆมาฝากกัน
Suraphol Kruasuwan