"พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า..."...พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าธรรมะของพระพุทธศาสนานั้น
สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ในปัจจุบัน
หากธรรมะในพระพุทธศาสนานั้นไม่มีคุณค่าแล้ว
การครองชีวิตอันประเสริฐในปัจจุบันก็มีไม่ได้
เหตุเพราะเป็นเหตุปัจจัยเป็นองค์ประกอบของโครงสร้าง
เมื่อเราสร้างเหตุใหม่ เราก็สามารถที่จะรับผลใหม่ในทันที…
... ดังเช่นตัวอย่างในพุทธกาลที่มีมากมายไม่ว่าเรื่องราวขององคุลีมาล
ซึ่งทำร้ายผู้คนมามากมายก็แล้วแต่ แต่เมื่อสร้างเหตุใหม่
ก็สามารถที่จะได้รับผลใหม่ กรรมนั้นคือเจตนาเป็นที่ตั้งของเวทนา
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า เรากล่าวว่า เจตนานั่นแหละคือกรรม...
... พุทธพจน์ดังกล่าวจะเห็นได้ว่าเราสามารถสร้างกรรมใหม่
ได้ด้วยการตั้งเจตนาที่ดี คิดดี ดำริดี เราก็จะเสวยเวทนา
คือ ความรู้สึกหรืออารมณ์ในทางที่ดี
กรรมใหม่ในปัจจุบันขณะจึงมีผลมาก
ปัจจุบันขณะเป็นเวลาอันประเสริฐสุดที่เราสามารถจะทำสิ่งใดก็ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำต่อจิตใจกับตัวเรา
ไม่ว่าเหตุการณ์เบื้องหน้าจะเป็นอย่างไร
แต่หากเราสามารถที่จะกระทำจิตใจเราให้มีความสงบระงับ
ปราณีตด้วยปัญญาแล้ว เราก็จะไม่ทำร้ายจิตใจตัวเอง
ไม่ก่อโทษให้กับจิตใจตนเอง
ด้วยการคิดที่เป็นอกุศลทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าเรา ...
... เราสามารถใช้โอกาสนั้นในการเรียนรู้
และสร้างกุศลให้เกิดขึ้นในจิตใจได้
อย่างทำให้หัวใจของเราเปรอะเปื้อนไปด้วยเปลวไฟ
หรือกลีบดอกไม้แห่งความลุ่มหลง
เมื่อเราสิ้นความเริงใจก็สิ้นการย้อมติด
เมื่อสิ้นการย้อมติดก็สิ้นการเริงใจ
เพราะเราเพลินไปในราคานุสัยก็ดี ในปฏิฆานุสัยก็ดี
จึงเกิดการย้อมติดขึ้นมาในหัวใจ
ความระเริงไปตามอำนาจแห่งการย้อมติดนั้น
ทำให้เกิดการปรุงแต่งไปในทิศทางที่จิตใจ
ถูกย้อมเอาไว้ขาดอิสรภาพ ขาดความบริสุทธิ์...
(พระครูใบฎีกา อำนาจ โอภาโส,
พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว, หนังสือคำตอบของชีวิต ปฏิจจสมุปบาท)
:http://nitipatth.blogspot.com/2010/03/blog-post_26.htmlอนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ