ใต้ร่มธรรม

ประชาสัมพันธ์ => โครตเกรียนล้างโลก - ลงชักโครกซะ ! => ข้อความที่เริ่มโดย: บัวผ่อง ที่ สิงหาคม 27, 2012, 10:55:26 pm

หัวข้อ: บ่นเรื่อยเปื่อย...เมื่อยก็พัก...ตามประสา นักปฏิบัติไม่เอาไหน ฯ ( Episode 4 )
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ สิงหาคม 27, 2012, 10:55:26 pm
บ่นเรื่อยเปื่อย...เมื่อยก็พัก...
ตามประสา นักปฏิบัติไม่เอาไหน
ก๊ะ เสือใบลานไม่เอาถ่าน ( Episode 4 )



(http://celinescorner.punt.nl/upload/Celine2.jpg)


อืม... หลังจากที่ Episode 3 โดนอุ้มไปจากห้อง พรรณาอักษร
ตอนนี้ ก็เลย ข้ามห้วย มาเปิด Episode 4 ที่ห้องโครตเกรียน แทนจร้าาา
แบ่บว่า ตั้งใจจะเอาไว้ แพล่มนู้นแพล่มนี่ ระบายฟามเก็บเกด
แล้วก็จะได้ใช้เป็น คลังแสง สะสมยาเบื่อ เอาไว้แจกชาวบ้าน ด้วยอ่ะ
เวลานึกครึ้ม อยากจะหยิบเอา ตัวหนังสือยาว ๆๆๆๆ
ไปอวดแควนขับ ที่อื่นจะได้  โยงลิงค์  จาก กระทู้นี้ ได้เรย สะดวกดีจะตาย
ไม่ต้องกลัวว่า โพสแล้วจะทำให้ กระทู้ + บล็อกชาวบ้าน มันอึด หรือโหลดนานด้วย อิอิ



เอาล่ะ ประเดิม  ด้วยการบ่นเรื่องนี้ ก็แระกัน เน๊าะ  :12:


(http://image.blingee.com/images16/content/output/000/000/000/5a8/480994050_1163936.gif)


บ่นเรื่อยเปื่อย...เมื่อยก็พัก...ตามประสา นักปฏิบัติไม่เอาไหน ก๊ะ เสือใบลานไม่เอาถ่าน ( Episode 4 )

หัวข้อ: อสุภะ - ราคะ - กามา แอนด์ เสน่หายาใจ (โอ๊ยย กรู จะ เขี่ยมันทิ้งยังไงดีวะเนี่ย ?)
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ สิงหาคม 27, 2012, 11:02:23 pm
อสุภะ - ราคะ - กามา แอนด์ เสน่หายาใจ
(โอ๊ยย กรู จะ เขี่ยมันทิ้งยังไงดีวะเนี่ย ?)


(http://farm5.static.flickr.com/4080/4753293358_1ac90f1294.jpg)


อืม...หลายคืนก่อนนู้นนนนนนนน
 ไปอ่านเจอกาทู้เนี๊ยะ

 http://board.palungjit.com/f10/อย่าไปยึดเลยกับร่างกายผู้หญิง-354130-2.html (http://board.palungjit.com/f10/อย่าไปยึดเลยกับร่างกายผู้หญิง-354130.html)

อ้างถึง

Prophecy  ว่า

(http://www.coolfunnyanimals.com/thumb/funny-animal-monkey-2.jpg)

เปิดกระทู้ คนยึดกามราคะ ยังหลงผู้หญิง มาฟังผมเถอะครับ ท่าน
ผู้หญิงไม่ได้น่าสนใจอย่างที่คิดหรอกครับ โคตรเหม็นครับ มีแต่ขี้ข้างในตัว พอเราไม่อยู่ตดเอา ตดเอา นึกว่าผู้หญิงไม่ตดเหรอครับ ตดทั้งนั้นครับ จะดารา นักร้อง ก็ขี้ก็ตดทั้งนั้นแหละ ครับ ในตัวก็มีแต่ขี้


สิ่งที่ผมพูดไม่ผิดหรอกครับ ร่างกายมันทุเรศครับ ผมบอกว่าร่างกายผู้หญิงสกปรก ไม่ได้หมายความว่ามีความเห็นว่าร่างผู้ชายงามครับ สกปรกทั้งนั้นครับ

อันนี้ post แรก ผมยกตัวอย่างผู้หญิงเพราะผมพูดกับคุณผู้ชายครับ แต่ถ้าจะพูดกับผู้หญิง ก็คงจะบอกเหมือนกัน อย่าไปยึด ไปหลง เลยครับ ผู้ชาย มีแต่ขี้ครับ เหม็นครับ สกปรก ทำเป็นแต่งหล่อ จริงๆ ก็เหม็นเน่ากันทั้งนั้นครับ

ถ้าจะรักก็รักแบบเมตตาครับ อยากให้เขาได้ดี แต่อย่าไปหลงรักครับ ตามนั้น

ผมตั้งกระทู้นี้มา เจตนาคือ เห็นว่าคนยึดร่างกายกันมาก อยากให้เข้ามาอ่านให้เห็นความจริงครับ ยินดีสำหรับทุกท่านที่มาแสดงความเห็น

อยากให้ช่วยๆ กันครับ สำหรับคนที่ได้เห็นความจริงแล้วว่า ร่างกายมันทุเรศ สกปรก ขนาดไหน ยิ่งยึดยิ่งทุกข์ครับ บางคนเห็นกระทู้ ก็รู้เจตนาผมแล้วครับ ว่าไม่ได้คิดไม่ดี ตรงกันข้าม อยากช่วยให้พี่น้องพลังจิตไม่ยึดกับร่างกายนั้นๆ

การคุยเรื่องความสกปรก น่าเกลียด ของร่างกาย เป็นเรื่องดีครับ



เก๊าะเรยนึกครึ้มอ่ะเจ้าค่ะ
เก๊าะเลยไปแจม ด้วย แบบเนี๊ยะ

(http://celinescorner.punt.nl/upload/Celine2.jpg)

อ้างถึง

นู๋บีว่า...

อืม... จะว่าไปการปลง อสุภะ ประมาณนี้น่ะ มันช่างเหมาะสม
แล คู่ควร ก๊ะ ไอ้พวกอิอ่อน เอ๊ย นักปฏิบัติ ชั้น ธรรมมานุบาล เสียนี่กระไร
แต่ ถ้ายังมีจิตนาการบรรเจิด เปรียบเทียบปรุงแต่ง ไปว่า
โน่นมันสกปรก นี่มันน่าเกลียดดดดดดดดด
แล้ว เมื่อไร มันจะ เก็ทสะเทือน กับ คำว่า ตถตา ล่ะหว่า ?


จะบอกอะไรให้ นะ การ ปลง อสุภะ น่ะ
มันเหมือนการพยาม ใช้ความฟุ้งซ่าน เพื่อ ตัดกาม นะ
มัน ใช้ได้ผลดีกับ การ ตัด กาม ในระดับ กระจอก ๆ
อาทิเช่น เรื่องของ ทวารทั้ง 5
( รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส )เท่านั้นแหล่ะ


แต่การตัด ทวารที่ 6 ( มโนทวาร )
ในเรื่องของการรู้สึกสนิทเสน่หาผูกพันธ์
ที่เกิดจาก การพอใจใน นิสัยใจคอ ความคิด ความดี
และ ปัญญาแหล่ม ๆ ของเพศตรงข้ามน่ะ
การปลง อสุภะ น่ะ เอาไม่อยู่หรอกจร้าาาา
เพราะว่า ไอ้เจ้า มโนทวาร น่ะ ถ้ามันถูกใจใคร ขึ้นมา
บางที มันถึงกับทำให้เรา เปลี่ยนแปลงความชอบแบบเดิม ๆ ได้เลยนะ
เคยมาแระ สยองชะมัดเรยตรู


นี่ ๆ จะบอกให้นะ ตอนอิฉัน หน้ามืด
เผลอไป ติดแร้วเสน่หาครั้งแรก
เพราะดันไป ติดเนื้อต้องใจ กับ พ่อดอกมะลิสุดหล่อ น่ะ
อิฉันอาศัย หลัก อิทัปปัจจัยตา มาโยนิโส
ค้นหารากเหง้า แห่ง ความหลงในรูป มาแก้ไข การกระเพื่อมในจิต ว่ะ


ส่วน เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตอนที่ อิฉัน หน้ามืด
เผลอไปติดแร้วเสน่หา อีกครั้ง กับ ไอ้หนุ่มอีกคน
เพราะดันไป ถูกตาต้องใจ ใน ความคิด นิสัย และ ปัญญา ของมัน
ปรากฏว่า คราวนี้ การใช้ แค่ หลัก อิทัปปัจยตา
มาโยนิโส นี่ มันไม่พอซะแล้ว แฮะ
อิฉัน เก๊าะเลยงัด เอา หลักไตรลักษณ์ มาเจริญสติ
ให้เกิด อนิจจัง ลงใจ เอาว่ะ ก็เวิร์คดีนะ อิอิ


ปรากฏว่า แพล่มได้ไม่นานเท่าไร
ไอ้ตี๋จิกตีนฯ มันก็มา บ่นพึมพำเป็น หมีกินผึ้ง
ให้ฟังเกี่ยวกับเรื่อง นี้ ที่ บล็อกสุมหัวนินทาชาวบ้าน  (http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=bsonjb&group=1&month=11-07-2012&gblog=11) ให้ว่า



อ้างถึง

ฮาโหย
ตรงนี้จากที่เคย สู้มา ทั้งถลอกและเลือดซิบ งัดทุกอย่าง
เจ้ว่าอะไรที่ยั้งได้ ดีที่สุด
สติครับ แม้รสมันเย้ายวน แม้กลิ่นมันติดตรึง แหะๆ
ยิ่งกว่าตอนเลิกบุหรี่เสียอีก พอยกธรรมข้ออื่น มันหน้ามืดไปหมด
สมองตื้อ ร่างกาย ใจ มันเรียกร้อง รสสวาท
ตอนนั้น สติมันยั้งเอาไว้ว่าให้ตายก็จะต้องสู้กันให้ได้
พอผ่านศึกนั้นได้ เรื่องละเมิดในกายหมดจด
แต่หากใจมันยังมี เหอๆๆ ตายังดู คิดยังทำงาน มันตัดไม่ขาดขอรับ แม้นจะให้เด้งเป็นอสุภะคาตา ต่อมามันก็เอาอีก
ยิ้มรับ ยอมรับ และเพียร ต่อไปๆ
ปล.บทพิสูจน์เทือกนี้ มาเรื่อยๆขอรับ ว่ารับได้ป่าวๆ
   

โดย: จิกตีน(ป.ปราบ ฝากแบรนนน ) IP: 113.53.208.142 วันที่: 23 สิงหาคม 2555 เวลา:19:39:13 น.    

(http://www.dailyhaha.com/_pics/monkey_friend.jpg)




(http://cl.jroo.me/z3/g/2/Y/d/a.baa-monkey-hair-style.jpg)


อ่านแล้วก็อยากจะ บอกเหลือเกินว่า
สำหรับ นักปฏิบัติตัวแม่ อย่างอิเจ้น่ะ
คิดว่า ไอ้เรื่อง พรรณนี้น่ะ อิตั้วเจ้ รับไหว  และ เอาอยู๊  จร้าาาา
แบ่บว่า คนอย่าง อิตั้วเจ้ น่ะ มัน แฮงดี บ่มีตก อยู่แว้ววววววววววววว (http://drama-addict.com/wp-includes/images/smilies/icon_twisted.gif)



อืม...บางที อาจจะเป็นเพราะ บุญเก่าเจ้แยะด้วยมั้ง
พื้นฐานทางจิต อันเป็นต้นทุน ในการปฏิบัติ ของเจ้
จึงมีค่อนข้างบริบูรณ์ตามสมควรแก่การฝึกฝน
แถมสันดานเจ้ มันก็เป็นพวกลัทธิ เสพสุข แต่ ไม่ยอม เสพติด น่ะ
จึง ไม่ยอมให้ กามคุณระดับกระจอก ๆ ทั้ง 5
มามีอิทธิพลเหนือชีวิต  ความคิด
และ จิตใจของเจ้ เด็ดขาด ( ถ้าเจ้ไม่เอ่ยปาก อนุญาต ! )



แต่ก็ไม่ใช่ ว่า จะเป็นนักปฏิบัติ ที่เก่งฉกาจ
จนสามารถ ตัดสังโยชน์เบื้องต่ำจนเหี้ยนเตียน ได้แล้วนะ
แต่ พอถือศีล 6 แล้ว ก็รู้สึกว่า ตัวเองมีศักยภาพ
ในการตัด กามคุณทั้ง 5 ได้ดีขึ้นว่ะ
ทั้งในเรื่องของ รูป-รส-กลิ่น-เสียง-สัมผัส
บทมันจะตัด มั๊นก็ตัดฉับ ลด ละ และ เลิก ได้เลยทันทีว่ะ
ไม่ค่อยจะเกิดอาการข้างเคียง เรื่อง ทุกขัง กะละมัง เท่าไร อ่ะ


คือ เวลาผัสสะอะไร มากระทบ
จิตมันจะปรุงต่อถึงระดับความพอใจ ไม่พอใจอ่ะ
ทว่าจะไม่ กระสันอยาก แล้ว ทุรนทุราย
จนต้อง กระเสือกกระสน ขวนขวาย
ไปหา สิ่งนั้น มาไว้ในครอบครอง เพื่อ เสพสม น่ะ
แต่ จะ เสพแบ่บตามมีตามเกิด เท่าที่อยู่ในขอบเขตที่กำหนด น่ะ

หัวข้อ: Re: อสุภะ - ราคะ - กามา แอนด์ เสน่หายาใจ (โอ๊ยย กรู จะ เขี่ยมันทิ้งยังไงดีวะเนี่ย ?)
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ สิงหาคม 27, 2012, 11:03:31 pm
ยกตัวอย่างนะ อย่างเช่น ตอนเย็น ๆ
ไปซื้อ เสบียงที่ตลาด ตอนซื้อ ลูกชิ้นทอดหอมฉุย
มาเก็บไว้หม่ำในมื้อเช้าของวันพรุ่งนี้( เพราะเจ้ งดฉัน ยามวิกาล )
เจ้ก็จะชอบพิสูจน์ความเจ๋งของตัวเอง
ด้วยการ เล่นเกมส์ ไม่ได้กิน  ดมกลิ่น ก็ยังดี
แหย่ ไอ้เจ้าตัวตัณหา เล่นว่ะ
ประมาณว่า จะยกถุงลูกชิ้นทอดขึ้นมาใกล้ ๆ จมูก
แล้วสูดดม ดื่มด่ำไปกับกลิ่นหอมอันเย้ายวนของน้องลูกชิ้น
จากนั้น เก๊าะดูสภาวะจิตตอนนั้นนะ ว่าเป็นไง
สามารถพอใจแค่นั้น โดยที่ไม่ปรุงต่อ แล้วเกิดเป็นความอยากกิน
จนต้องทรมานใจ ได้หรือไม่  ?



ส่วนเรื่อง แอบเหล่ ไอ้หนุ่มหุ่นดี ๆ หน้าหล่อ ๆ
หรือ ดีเทลสาวนมขาว ๆ  ตู้ม ๆ ที่แวะมาหา ทั่น หน. ที่ห้องยา เนี่ย
เจ้ ก็ดูเล่นเป็นอาหารตาให้กระชุ่มกระชวยเฉย ๆ อ่ะ
อารมณ์ประมาณเดียวกับ ศิลปิน ที่ กะลังเสพชิ้นศิลปะ
อัน เกิดจากเรือนร่างของมนุษย์ มั้ง
แต่ เวลามอง จิตมันก็ไม่เคยปรุงต่อ จนฮิสทีเรียกำเริบ
แล้ว เกิดเป็น ความอยาก คิดจะลากใครไปข่มขืน
ให้ต้องฝืนจิตห้ามใจ จนเกิดทุกขังกาละมัง
เพราะความอยากที่ไม่สมหวังซะทีนะ


แม้แต่ เวลาคิดถึง พ่อดอกมะลิ
ไอ้หนุ่มคนแรกที่ เจ้แอบชอบ
หรือ ไอ้หนุ่มคนอื่น ๆ ในคอลเลคชั่น
มันก็จะออกไปในลักษณะ ของการระลึกนึกถึง
ด้วยความ เอื้อเอ็นดู นะ ประมาณเดียวกับ
เวลาที่ อิหม่ามี๊ นึกถึง ฮาร์ทจัง เรยมั้ง อิอิ
ซึ่งเวลาที่เราเกิดความรู้สึกปรารถนาดีให้ ใครสักคน เนี่ย
มันก็ครึ้มอกครึ้มใจ พิลึกว่ะ  เอิ๊ก ๆ


เนี่ย ขนาด นึกถึง ไอ้เจ้าเสือจำศีล ที่เคยทำให้เจ้ เฮิร์ทขึ้นมาทีไร
เจ้ยัง แอบอมยิ้มอย่างนึกเอ็นดูมัน เสมอเรยนะ 
ยังคิดอยู่เลยว่า ตรูทำงอน ไม่ได้ติดต่อเสวนาธรรมกะมันมา ตั้งนาน
ป่านฉะนี้ ไอ้หมอนี่ จะก้าวหน้าในการปฏิบัติ ไปถึงไหนแล้วน้าาาา


ซึ่งจาก เหตุการณ์ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
ที่เจ้สามารถรับมือ กับมันได้อย่าง ชิล ๆ เหล่านี้
ทำให้ เจ้ รู้สึกแปลกใจ อยู่เสมอ นะ
เวลาที่เห็น ไอ้พวกขี้เหล้าเมายา
มันทำท่าลงแดง จะเป็นจะตาย
เวลาพยายามเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ น่ะ
หรือแม้กระทั่ง เวลาเห็น พวกไอ้หนุ่มคลั่งรัก มันทุกข์ทรมานเจียนจะขาดใจ 
เพราะเสือกไปคิดถึงอิสาวที่หักอกมัน ก็เหอะ


นี่ยังคิดในใจเรยว่า ทำไมพวกมันถึงได้ ไม่เอาไหน บ่ มีไก๊ กันนักวะ
ถ้าเป็น ตรูนะ คงจะสามารถ หักดิบ เลิกได้ แบ่บชิล ๆ เลยด้วยซ้ำ
แบ่บว่า เจ้มันพวก อัตตาจ๋า มานะจัด แบ่บ บักเหลิม ร่องขุ่น น่ะ
บทจะเลิก ก็เลิกได้ทันที  ไม่มีการอาลัยอาวรณ์ให้ทุกข์ทรมานใจ
ก็แค่ อาศัย กิเลสตัดกิเลส เอา มานะ ไป ตัด ตัณหา แค่นั้นเอง
มันเป็นอะไรที่ ง่ายมั่ก ๆ พอ ๆ กับตัดหยวกกล้วยเยยย (http://drama-addict.com/wp-includes/images/smilies/icon_mrgreen.gif)


(http://4.bp.blogspot.com/-YUOeogscXzc/Td0tAHb4F7I/AAAAAAAAX5c/yJbbMtZQ2nY/s1600/monkey%2Bfriend4.jpg)


หัวข้อ: Re: อสุภะ - ราคะ - กามา แอนด์ เสน่หายาใจ (โอ๊ยย กรู จะ เขี่ยมันทิ้งยังไงดีวะเนี่ย ?)
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ สิงหาคม 27, 2012, 11:05:18 pm
(http://tips21.com/videos/images/sexy-gorilla-funny-monkey-pics.jpg)


ส่วนไอ้เรื่องที่เจ้ บ่นเรื่อยเปื่อย
เรื่องที่ เจ้เสือกหน้ามืด หลงไปติดแร้ว เสน่หา
ก๊ะ ไอ้หนุ่มคนล่าสุดเนี่ย
มันก็ไม่ได้ทรมานจะเป็นจะตาย
จนเลือดไหลซิบ ๆ อะไรหรอกนะ
เพียงแต่ รู้สึกว่า มันน่ารำคาญใจ
คล้าย กำลังโดน เสี้ยนตำตรีนน่ะ


คือ พอต้องมาหน้ามืดนั่งน้ำลายไหลยืด คิดถึงไอ้เวรนั่นบ่อย ๆ เข้า
เจ้ก็ชักจะ รู้สึกรำคาญกับความงี่เง่าของตัวเอง ว่ะ
เพราะ ปัจเจกอย่างเจ้ ไม่ชอบ ให้ ไอ้หน้าไหน
บังอาจมาสะแหล๋นแจ๋น สาระแนมาแผ่อิทธิพลมืด
ครอบงำความรู้สึกนึกคิด ของเจ้ มากเกินกว่า ที่เจ้จะเอ่ยปากอนุญาต อ่ะ


ยิ่งเห็นว่า ตัวเองเริ่ม ขุ่นมัว ขวางหูขวางตา
เวลาที่มองดูมัน ไปพูดคุยกระหนุงกระหนิงก๊ะ อิสาว อื่นอี๊กก
อะโหย เริ่ม ตระหนักขึ้นมาทันทีว่า
วงจรอุบาทว์ ของ ความยึดมั่นถือมั่น ของจิต
มันเริ่มวนลูป มาเกิดขึ้นกับกรู  แบบในหนังเรื่อ เดอะ ริง อีกแว้วววววว


พอ เจองี้ หลาย ๆ ครั้งเข้า
ระบบเซนเซอร์ อันเป็นกลไกการป้องกันตัวเอง
มัน เก๊าะเลยเริ่มได้กลิ่นทะแม่ง ๆ ของอันตราย
รู้สึกว่า  เฮ้ย อิ๋บอ๋ายแล้ว ไอ้5 นี่ มันชักเริ่มจะล้ำเส้น
กลายมาเป็น บ่วงรัดคอหอย เข้ามาคุกคามชีวิตอันแสนสุข
ในกะลามหาสนุก ของตรู ซะแระ  สมควรที่ต้องหาทาง กำจัดทิ้ง !


อืม...ไม่รู้ดิ มันมีสัญชาตญาณ บางอย่าง
ทำให้ เกิดความรู้สึกอึดอัด เหมือนสัตว์สักตัว หนึ่ง
ที่กำลังจะ ติดแหง่ก ๆ  อยู่ในบ่วงในแร้ว ที่มองไม่เห็นว่ะ
ก็เลยต้อง พยาม ตะเกียกตะกาย
หาทางหลุดออกจากบ่วงจากแร้วนั้น ให้ได้
เลยต้อง งัดเอา สารพัดวิธี มารับมือ ง่ะ


ไอ้ครั้นจะใช้ วิธีหลีกเลี่ยง
เบี่ยงไปโคจร คนละจักรวาลก๊ะมัน
แบบที่เคย ใช้ได้ผล ตอน ลงทุน เดินอ้อมโลก
เพื่อหลบหน้าหลบตา จะได้ไม่ต้องผ่านไปเจอหน้าใครบางคน ที่เริ่มรู้สึกว่า
มันก๊ะเจ้ เริ่มเกิดความรู้สึกชอบพอ ซึ่งกันและกัน
จนมันเริ่ม จะเป็นอันตราย กับ สวัสดิภาพและสงบสุขในชีวิต ของเจ้
แต่ คราวนี้ มันดันจบเห่ ไม่ยักกะเวิร์ค เหมือนครั้งนั้น ว่ะ
แมร่ง ถึงจะไม่เห็นหน้ากัน ไอ้หอยนี่ มั๊นก็ยังเข้ามาป้วนเปี้ยน
วิ่งเล่นอยู่ในความคิดของเจ้ตลอด ๆ



ไอ้ครั้นจะใช้หลัก อิทัปปจยตา มาโยนิโสฯ
หาความไม่เที่ยง ใน นิสัย ใจคอ แล สติปัญญา ของมัน
แบบตอนที่ เคยใช้ได้ผล เมื่อครั้งยัง หลงรูป พ่อดอกมะลิ
แมร่ง มันก็ดันไม่เวิร์ค ซะงั้นว่ะ เพราะไม่ว่าจะชำแหละแทะทึ้งไง
นิสัยใจคอ มันก็ยังเสือกถูกสเปค ถูกตาต้องใจ อิเจ้ไปซะโม๊ดดด
เลย อดที่จะคิดถึงมันมิด้ายยยย อ่ะซิก ๆ (http://drama-addict.com/wp-includes/images/smilies/icon_evil.gif)



สุดท้ายพอหักห้ามไอ้เจ้าความคิดถึงนั่นไม่ได้
ก็เลยได้แต่ มานั่งทอดอาลัย ปลอบใจ ตัวเอง อย่างปลง ๆ
ประมาณ ว่า เอาวะ ในเมื่อ จิตมันอยากจะคิดถึง
เมิงก็จงปล่อยให้มันคิดถึงไอ้หมอนั่นต่อ ไป
แต่ไงซะ เมิงก็จง สำเหนียก สำนึก และ ระลึก เอาไว้เสมอว่า


ไอ้เจ้าความคิดถึงพวกนี้ มันเกิดขึ้นเองได้
เดี๋ยวมั๊นก็จะต้อง ดับลงเองได้ ตามกฏแห่งไตรลักษณ์ เหมือนกัน ล่ะวะ
เช่นเดียวกับ ครั้งก่อน ๆ  ที่มันเคยเกิด ๆ ดับ ๆ งี้เสมอแหล่ะ



เฮ้ออ น่าแปลกชะมัดเรยวุ้ย  พอบอกตัวเองงี้ปุ๊บ 
ไอ้เจ้าสติสตังมันก็มี แฮง กระชากตัวเองให้หลุดจากบ่วงจากแร้ว
เลิกแตกแถว และ เดินพาเหรด กลับมาเข้าที่เข้าทาง
อยู่ในระบบระเบียบ ในเมทริกซ์ที่สร้างไว้ได้เหมือนเดิม เรยว่ะ
ไอ้เจ้าความรู้สึก คิดถึงผลุ่บ ๆ โปล่ ๆ
ที่ห้ามแทบตาย มันก็ห้ามไม่เคยได้
จู่ ๆ มันก็ หายวับไปเฉย ๆ
รู้สึกเหมือน บ่วงรัดทั้งหลาย ที่เผลอเอามาผูกรัดไว้
มัน ค่อย ๆ คลายตัว ให้เราได้เป็นอิสระ
โดยที่เราไม่ต้องใช้ความพยามอะไรเลยอ่ะ
เล่นเอา งงเป็นไก่ตาแตกเรยนะ คิดแล้วก็ขำดีว่ะ  อิอิ

(http://1.bp.blogspot.com/_61y3ygVi0L4/SzxMme4RZEI/AAAAAAAACLk/xqL5ISktMjc/s400/Monkey%2BLove.jpg)
หัวข้อ: Re: อสุภะ - ราคะ - กามา แอนด์ เสน่หายาใจ (โอ๊ยย กรู จะ เขี่ยมันทิ้งยังไงดีวะเนี่ย ?)
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ สิงหาคม 27, 2012, 11:07:53 pm
อ้อ ส่วนไอ้เรื่อง ที่ไอ้ตี๋ มันบอกว่า
สิ่งที่ ยับยั้ง กามา ทั้ง 5  ได้ดี ที่สุดนั้น คือ สติ นั้น
เจ้ เห็นด้วยกับลื้อแค่บางส่วนนะ
และ จะขอ เสริมเพิ่มเติม เพื่อเตือน ลื้อ ด้วย ว่า


สติ อย่างเดียว อย่างเดียว มันอาจจะ เอาไม่อยู่
จนเกิดปรากฏการณ์ แตกแล้ว
แบ่บเมื่อครั้งน้ำท่วม กรุงเต้ปได้นะจ๊ะ อิอิ
มันต้องมี สัมปชัญญะ กำกับ ด้วยว่ะ


เคยป่ะ ตอนที่ กำลังหน้ามืด สมองตื้อ ร่างกาย ใจ มัน ชี้ชวน
ให้ลิ้มลอง เสพสมรสชาดในกามคุณอันเย้ายวน ทั้งหลายแหล่
แต่จู่ ๆ ขณะที่ กำลังนึกครึ้ม พอ กรึ่ม ๆ นั้น
ก็รู้สึก เหมือน กับว่า จิตมัน หยุดปรุง ไปในเสี้ยวนาที
แล้วก็เกิดการเว้นวรรคจากความฟุ้งซ่าน
เปิด โอกาสให้เรา ได้เลือกทางเดินของชีวิต น่ะ


ตอนนั้น อารมณ์มันจะ กรุ่น ๆ เหมือน
คนที่ กำลังยืนอยู่บนทางสองแพร่ง
แล้ว ตัดสินใจ ว่าจะ กรูจะเดินตุรัดตุเหร่
แล้ว ฟุ้งต่อไป ในไปทางไหนดี ?
เจ้เอง ก็เคยเป็นงี้ เหมือนกันนะ


มันไม่ใช่ การต่อสู้กัน ของ จิตใต้สำนึก ( Id )
กับ จิตเหนือสำนึก ( Super Ego )ว่ะ
แต่ มันเป็น การโยนกลอง มาให้ จิตสำนึก ( Ego ) เป็นผู้เลือก น่ะ
ว่าจะ อนุญาต ให้เดินไปทางไหน
ซึ่งไม่ว่า เจ้าจิตสำนึก มัน ตัดสินใจ ไง
ไอ้เจ้าคิตตี้ ก๊ะ อิการ์ฟิล์ด มันก็พร้อมจะปฏิบัติตามนะ
( ซึ่งส่วนใหญ่ มันก็ค่อนข้างจะหลงคารม อิการ์ฟิลด์ ว่ะ แหะ ๆ) (http://drama-addict.com/wp-includes/images/smilies/icon_cry.gif)


แต่ถึงงั้น มันก็ยังมี การกำหนดขอบเขตที่ยอมรับได้อยู่นะ
นั่นก็คือ ไม่ว่า จะโอนเอน เอียงกระเท่ไปทางไหน
ทุกอย่างที่จะกระทำ ต้อง ไม่ก้าวล่วง ศีล 5 !
ม่ะงั้น ไอ้เจ้า จิตสำนึก มัน เก๊าะ ไม่ยอมอนุมัติ ว่ะ เอิ๊ก ๆ


อืม...นอกจากนี้ การจะตัดกามา ทั้งหลายทั้งพวงนั้น
มันต้องคำนึงถึง ศักยภาพ ( กำลังแห่งจิต ) ด้วยนะ
ถ้าเป็นพวก ฮาร์ดคอร์ ก็อาจจะใช้วิธีหักดิบ เอาแบบเจ้ ได้
แต่ถ้า เป็น พวก อิอ่อน อาจจะต้อง ค่อย ๆ ผ่อนปรน
แบ่บ ค่อยเป็นค่อยไปนะ  ไม่งั้น อาจ ลงแดง ตายได้ เอิ๊ก ๆ


ที่สำคัญ เรา ต้อง ตระหนัก
ถึง สถานะภาพ  ของเราด้วย 
ว่า เราอยู่ใน สถานะใด 
เป็น สมณะ  หรือ ฆราวาส 
เป็นผัว หรือ เป็นเมียใครอยู่ไหม ?


ถ้าทะลึ่งหน้ามืด ไปสร้างพันธะอะไรกับใครเอาไว้แล้ว
ก็ต้อง ก้มหน้าก้มตา รับผิดชอบในหน้าที่ของตน หลักทิศ 6 ด้วย
ไม่ใช่ว่า พอมีความประสงค์จะ ฝึกตนเพื่อ ตัดสังโยชน์
ก็กระโดดเข้าไป ทำเลย โดยไม่นึกถึงหัวอกของคนรอบข้าง
ขืนเป็นแบบนี้ มันจะไม่หมดจดและงดงามตามธรรม
และ อาจนำมาซึ่ง การเกิด ปฏิฆะ ระหว่างกันได้นะ
อันนี้ เตือนไว้ ด้วยความหวังดี
เพราะ ไม่อยากให้มีนักปฏิบัติคนไหน
ต้องมาเสียหมา โดนเมียฟ้องหย่า
ด้วยข้อหา บ่ มีไก๊ ไร้น้ำยา อ่ะ หุหุ (http://drama-addict.com/wp-includes/images/smilies/icon_lol.gif)

(http://www.flixya.com/files-photo/a/v/e/avenriyanto-1975547.jpg)
หัวข้อ: Re: อสุภะ - ราคะ - กามา แอนด์ เสน่หายาใจ (โอ๊ยย กรู จะ เขี่ยมันทิ้งยังไงดีวะเนี่ย ?)
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ สิงหาคม 27, 2012, 11:09:31 pm
(http://4.bp.blogspot.com/__36pn2PXqbY/TUPAFbIlWxI/AAAAAAAABdc/vOBXYS4_ATw/s1600/foto-lucu.jpg)

อืม...พูดถึงเรื่องนี้  แล้วก็นึกให้ถึง
เรื่องที่ พี่ อ. ( คนที่แซวว่า เจ้เป็นฤาษีชีไพร )
เคยบ่นให้เจ้ ฟังแฮะ  ประมาณว่า


ตะแกนั่งสมาธิไม่ได้ เพราะ สังขารไม่อำนวย
ก็ เลยพยาม ปฏิบัติธรรม ด้วยการ นอนสมาธิ
แต่ปรากฏว่า เมียอีดันหวาดระแวง ไปว่า
ที่ผัวตัวเองนอนนิ่ง ๆ ทำตัวแข็งๆ อยู่บนเตียง
ไม่ยอมหันมากอดเมียหมือนเช่นเคยนั้น
เป็นเพราะ ผัวตรูกำลังเบื่อน้ำพริกถ้วยเก่า
แล้ว กำลังวางแผนจะไปมีกิ๊ก
อีก็เรย น้อยอกน้อยใจ วีนใส่พี่แกยกใหญ่


พี่ อ. เองก็จะพยายามพร่ำ อธิบาย บอกว่า
เฮ้ยยยย กรู กำลังปฏิบัติธรรม อยู่ จริงจริ๊งงงง
ไม่ได้ คิดจะ นอกใจไปมีหญิงอื่น เล๊ยพับผ่าสิ
แต่ คุณศรีภรรเมียบังเกิดเกล้า ก็ ไม่ยอมเข้าใจ
หาว่า ผัวตัวเอง ตอแหล้ ซะงั้น
อีบอกประมาณว่า ถุยส์ น้ำหน้าอย่างเมิงเนี่ยนะ จะปฏิบัติธรรม (http://drama-addict.com/wp-includes/images/smilies/icon_confused.gif)



สุดท้าย เพื่อเป็นการ ลดความร้าวฉาน ในครอบครัว
คุณผัวก็เลยต้อง กลับไปนอนกอดเมียตามเดิม
พี่แกบอกอย่างปลง ๆ ประมาณ ว่า


พี่ก็หลับหูหลับตากอด ๆ มันไปงั้นแหล่ะ
แล้ว ก็พยาม คิดว่า อีกำลังกอดท่อนไม้
จะได้ไม่ตบะแตก เมื่อเนื้อแนบเนื้อ  เอิ๊ก ๆ



อืม.... ฟัง พี่ อ. เล่าถึงอุปสรรค
ในการปฏิบัติ ของ ตะแกแล้ว
แทนที่ อิเจ้ จะเห็นใจอ่ะนะ 
เปล๊าาาาาาา ดัน หัวเราะก๊าก แทบตกเก้าอี้
แถมยังพูด สมน้ำหน้าพี่แกไป
โดยไม่คิดจะรักษาน้ำใจ อีกตะหาก  ประมาณว่า



ช่วยไม่ได้อ่ะ ก็พี่อยู่ดีไม่ว่าดี
ดั๊นไปหาห่วงมาผูกคอ เองนิหว่า
ก็คงต้อง ก้มหน้าก้มตาชดใช้ วิบากกรรม
จนกว่ามันจะหมดนั่นแหล่ะ  โฮ่...โฮ่....(http://drama-addict.com/wp-includes/images/smilies/icon_twisted.gif)




เฮ้อออ แต่เห็น ชะตากรรมของ คุณพี่ อ. แล้ว
ก็ เกิดซาโตริ เลยว่ะ  ที่ พระท่านว่า


อภรรยา ปรมา ลาภา 
สามีมา ปรมา ทุกขา
ราหุล ชาตะ มรณะ


นั้น มันเป็นเรื่องจริง ! 5555555555


เฮ้อออ ....บางครั้ง พันธะ เรื่องครอบครัวผัวเมีย
มันก็ทำให้เกิดอุปสรรคอันหลากหลายอย่างในการปฏิบัติ นะ
ดูอย่าง อิพี่ อ. นั่นประไร ดันมาเห็นดวงตาธรรม ตอนที่ มีครอบครัว ไปแล้ว
การแผ้วถางเพื่อสร้างทางไปสู่มรรคผล ก็เลยต้องลำบากลำบน 
จะทำปฏิบัติธรรมอะไรตะละที ก็ไม่สะดวกง่ายดาย
และ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เหมือนของ อิเจ้ ว่ะ อิอิ  (http://drama-addict.com/wp-includes/images/smilies/icon_twisted.gif)


(http://terri0729.files.wordpress.com/2011/09/funny_monkey_model.jpg)


(http://www.eylence.az/blogs/media/blogs/eylence/2007/09/qubaninagalmasi.jpg)
หัวข้อ: ข้อคิดโดนใจ จากไอดอลของ อิช้าน ณ พันติ๊ปปปปป
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ สิงหาคม 27, 2012, 11:13:09 pm
ข้อคิดโดนใจ จากไอดอลของ อิช้าน ณ พันติ๊ปปปปป

(http://rob.nu/wp-content/uploads/2011/07/XjXdm.jpeg)


อ้างถึง

ผู้ทำความชั่ว มีนิสัยชั่วช้าเลวทราม  จึงมิควรมีสิทธิ์ใด ๆ ที่จะเอ่ยอ้างเรื่องเพศ อ่อนแอ ของตน มาเป็นข้อต่อรองเลย  ไม่ว่ากรณีใด ๆ

  ในประเทศที่เจริญแล้วนั่นเอง ก็ยังมีการตัดสินประหารชีวิตสตรี ที่ประพฤติชั่วช้า เลวทราม ตามปกติอยู่....

  เป็นที่น่าสังเกตว่า...สตรีที่เป็นวิญญูชนโดยทั่ว ๆ ไป หามีใครที่จะมาขออ้างสิทธิ์ความเป็นสตรีของตน เพื่อมิให้โดนตำหนิไม่ (หากตนละเมิดสิ่งที่สังคมเห็นว่าเลวทราม)

 ....แต่ผู้ที่พยายามมาอ้างเพศอ่อนแอของตน เพศมารดา เพศภรรยา เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนตำหนิ นั้น กลับกลายเป็นว่า "เธอเหล่านั้น คงจะไม่ได้มีคุณงามความดีอื่นใด  หลงเหลืออยู่อีกแล้ว หรือไฉน..จึงได้คอยแต่จะอ้างสิทธิ์ ความเป็นผู้อ่อนแอ ขึ้นมา เพื่อหลบเลี่ยง ความเลวร้ายของตน มิให้โดนตำหนิ....?

   นี่ต่างหาก กระมัง  ที่ควรจะเป็นเรื่องแปลก และน่าสังเกต  ในสังคมปัจจุบัน !!!

จากคุณ    : รถเรณู [Bloggang]
เขียนเมื่อ    : 19 ส.ค. 55 00:39:33



กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด เห็นด้วยอย่างแร๊งส์
เขียนได้ แทงใจดำเป๊ะ ๆ เยยยยยยยยย
เพราะ รู้สึก คันปากยิก ๆ และ ทะแม่ง ๆ เสมอ
เวลาที่มี เพศแม่ เพศเมีย เพศอาเหล่าม่า ฯลฯ
มาร้องตีโพยตีพายหาว่า พวกเมิง ไม่ให้เกียรติ ผู้หญิง 
เวลาที่พวก She โดนผู้ชาย อ้าปากด่า อ่ะเจ้าค่ะ


น่าขำนะ บางครั้ง She ทั้งหลาย
ก็ออกมาร้องเย้ว ๆ เรียกร้อง สิทธิสตรี
แต่ใน บางที She เก๊าะ ออกมาโวยวาย
บอกว่า ไอ้พวกผู้ชาย มันไม่ให้เกียรติ (http://drama-addict.com/wp-includes/images/smilies/icon_sad.gif)
 


เฮ้อออ ไม่รู้สินะ สำหรับ อิฉันแล้ว
เกียรติ ของเรา มันต้องสร้างเอาเอง
จาก 1 สมอง และ 2 มือเจ้าค่ะ
ไม่ใช่ ชะเง้อ คอ รอให้ ไอ้หน้าตัวผู้ ที่ไหน
มาอุ้มชู หรือ คอยหยิบยื่นให้


และหาก เราเจ๋งจริง เด๋ว บารมี ที่สั่งสม ไว้
มันก็จะ เปล่งประกายเกียรติยศ ออกมาทางผิวหนัง
มาแยงตา คนรอบข้าง ทั้งผู้หญิงผู้ชาย
ทำให้เขาเกิดอาการเกรงใจ
จนไม่กล้าใช้ วาจาจาบจ้วง กับเราเองอ่ะเจ้าค่ะ อิอิ

(http://3.bp.blogspot.com/_M0cuxJsSjdU/RwflYbUorOI/AAAAAAAABOE/GIdszaI6XhI/s400/Orangutan2_468x619.jpg) (http://3.bp.blogspot.com/_M0cuxJsSjdU/RwflYbUorOI/AAAAAAAABOE/GIdszaI6XhI/s400/Orangutan2_468x619.jpg)


เออ จริงสิ ฟัง เฮียรถเรณู เม้งแตก เรื่องนี้
แล้วนึกถึง คำพูดของสตรีนางหนึ่ง จัง เยยอ่ะ




เพราะ She เคยกู่ก้องร้องบอกโลก เอาไว้ว่า

อ้างถึง

"สตรีพอจะไม่ถือคุณธรรมเลย
นี่คือสิทธิของสตรีที่มีมาแต่กำเนิด
ธรรมชาติของบุรุษเข้มแข็งกว่าสตรี
ดังนั้น สมควรอ่อนข้อให้สตรีสักหลายส่วน"


ลิ้มเซียนยี้ 

(http://2.bp.blogspot.com/_z2_Clhd4U68/StamB3UGSWI/AAAAAAAAAKQ/kFPP7cuGDek/s320/chinese6.jpg)



แหม๊ ? ถ้า เวรกรรมมัน ชักนำ ให้แม่หญิงคนนี้
โคจร มาอยู่ใน จักรวาล เดียวกับ เฮียรถฯ
อยากรู้จริงจริ๊งงงงงงงง ว่า ใครจะอยู่ ใครจะไป หุหุ

(http://cs304814.userapi.com/u7070808/-14/x_5a36f0a7.jpg)
หัวข้อ: Re: ข้อคิดโดนใจ จากไอดอลของ อิช้าน ณ พันติ๊ปปปปป
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ สิงหาคม 27, 2012, 11:16:33 pm

 ข้อคิดโดนใจ จากไอดอลของ อิช้าน ณ พันติ๊ปปปปป


(http://94.100.115.2/1403450001-1403500000/1403461301-1403461400/1403461394_5_wZN4.jpeg)

อ้างถึง

[ผมมันคนที่ไม่สนใจมีเพื่อนในเวปบอร์ด ผมไม่ชักชวนใครมาร่วมให้โดนด่า และทำนองเดียวกัน ผมก็จะไม่ชวนใครมาร่วมด่าคนอื่น ๆ (แบบสตรีอาวุโสขี้เหงา  ที่ชอบหาพวก มารุมอัดคนที่เห็นต่างจากเขา)  และผมคิดว่า การมีเพื่อนในเวปบอร์ดนั้น คล้าย ๆ จะเป็นอุปสรรค์ขวางกั้นอุดมการณ์ ของเราเอง  เพราะเราอาจจะไม่สามารถพูดอะไรได้เต็มปากนัก หากสิ่งนั้น เพื่อนเราหลงไหลอยู่ งมงายอยู่.....

   ผมจึงตัดสินใจ ตั้งแต่แรกว่า ยอมที่จะไม่มีเพื่อนดีกว่า  ขอพูดเองเขียนเอง อย่างเป็นอิสระเสรี โดยที่จะวิพากย์ วิจารณ์ อะไรที่ไม่ถูกต้องได้ อย่างสะดวกใจ โดยไม่ต้องมัวระวังว่าจะต้องกระทบเพื่อนคนนั้น คนนี้ ฯลฯ

  ที่ผมยืนยันว่า ผมไม่มีเพื่อน ก็เพราะ ผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับล๊อกอินไหน ๆ ว่าจะต้องชื่นชมสรรเสริญกันตลอดไป  ผมจะชื่นชมเฉพาะเวลาที่เขาพูดถูก คิดถูก แล้วแสดงออกมาถูกต้องในเวปบอร์เท่านั้น หากพูดผิด เห็นผิด ก็ไม่สามารถชื่นชมได้

  ดังจะเห็นได้ว่า แม้แต่เอิงเอย ระนาด ชาวมหาวิหาร หรือใครต่อใคร ผมก็เคยกด like ในบางความเห็น เพราะผมเชื่อว่า แม้แต่กองอาจม ก็สามารถทำตนให้มีประโยชน์ได้ โดยเป็นปุ๋ยคอก ให้ดอกไม้งดงาม ฯลฯ

   ดังจะเห็นได้ว่า แม้แต่คุณ ยี้ 501 และคุณใบไม้กำนั้นเอง เขาก็เคยต่อว่าผมแรง ๆ มาหลายครั้ง ผมก็ต่อว่าท่านแรง ๆ มาหลายครั้ง เช่นกัน

  ดังนั้น เป็นอันเชื่อได้ว่า ผมไม่มีเพื่อนเลิฟแบบต้องมายอมเป็นยอมตายให้กันได้ ในสังคมมายานี้แน่นอนครับ ...ผมจึงเชื่อและรู้ได้แน่นอนว่า สาเหตุใด ที่คนอย่าง ท่านใบไม้ และท่าน ยี้ 501 จึงกล้าที่จะเข้ามาเปลืองตัว ในกระทู้นี้ .....ไม่ใช่เพราะเพื่อน หรือเพราะอะไรอื่นแน่ ๆ นอกจาก ความรู้สึกเป็นกลาง ๆ และต้องการเตือนสติพวกเราทั้งสองฝ่าย เท่านั้น
 
   ก็เพราะท่าน ไม่ได้คิดว่าใครเป็นเพื่อนไงครับ ..ผิดก็ผิด ถูกก็ถูก..ก็แค่นั้น

จากคุณ    : รถเรณู
เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 12:28:16



อันนี้ ก็โดน !  :24:
จนชักเริ่มสงสัยตะหงิด ๆ ว่า
ไอ้หมอนี่ มันแอบไป ก๊อปปี้ ความคิดตรูไว้ ตอนไหนกันหว่า ?
อืม..เห็นด้วย กับ คำพูดของอิตานี่ นะโดย เฉพาะ ที่ มันบอกว่า


อ้างถึง

ผมคิดว่า การมีเพื่อนในเวปบอร์ดนั้น คล้าย ๆ จะเป็นอุปสรรค์ขวางกั้นอุดมการณ์ ของเราเอง  เพราะเราอาจจะไม่สามารถพูดอะไรได้เต็มปากนัก หากสิ่งนั้น เพื่อนเราหลงไหลอยู่ งมงายอยู่.....

   ผมจึงตัดสินใจ ตั้งแต่แรกว่า ยอมที่จะไม่มีเพื่อนดีกว่า  ขอพูดเองเขียนเอง อย่างเป็นอิสระเสรี โดยที่จะวิพากย์ วิจารณ์ อะไรที่ไม่ถูกต้องได้ อย่างสะดวกใจ โดยไม่ต้องมัวระวังว่าจะต้องกระทบเพื่อนคนนั้น คนนี้ ฯลฯ



อืม...จริงอยู่ ที่มิตรภาพ ระหว่าง  กัลยา ณ มิตร นั้น
มันเป็นสิ่งที่มีล้ำค่า และ งดงาม เสมอ
แต่ ทว่า บางที สิ่งเหล่านี้
มันก็ทำให้เกิด ความยึดมั่นถือมั่นในจิต
จนทำให้เรา ไม่สะดวกใจ
ที่จะ วิพากษ์ วิจารณ์ อะไรซึ่งไม่ถูกต้อง ได้ เหมือนกัน แฮะ


เฮ้ออ น่าเสียดาย ตะหงิด ๆ นะ
ที่อิฉัน ใจไม่แข็งพอ ที่จะ ตั้งปณิธาน
สร้างเงื่อนไข ให้ตัวเอง ทำได้ อย่างเช่น ไอ้หมอนั่น
ไม่งั้น ป่านฉะนี้ คงจะได้ตำแหน่ง ฮาร์ดคอร์ ตัวแม่ คู่ ก๊ะ มันแหง๋ ๆ (http://drama-addict.com/wp-includes/images/smilies/icon_eek.gif)

 
(http://i.verylol.com/1/funny_monkey_exchange_roses.jpg)
หัวข้อ: เมื่อ บัวเหล่าที่ 5 เสวนาธรรม ก๊ะ ซ้อ 7 อิอิ
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ สิงหาคม 27, 2012, 11:19:00 pm
เมื่อ บัวเหล่าที่ 5 เสวนาธรรม ก๊ะ ซ้อ 7 อิอิ

(http://image.ohozaa.com/ii/dua02.jpg)

อ้างจาก:

ซ้อ 7 ว่า...

เหตุผลใดถึงไม่มีศาสนา ศานาพุทธไม่ดีหรือครับ  หรือคิดว่าตัวเองไม่ดีพอที่จะนับถือศาสนาพุทธ  ถ้าใครคิดดูถูกความดีของตัวเองแบบนี้ไม่ถูกนะครับ  ไม่ใช่ว่าคิดว่าตัวเองดีแล้วจึงจะมีศาสนาได้  ศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ  โดยเฉพาะศาสนาพุทธทำให้จิตใจคนดีขึ้นในหลายระดับ



นู๋บี ว่า...


อืม...ก็ สาวสวยผู้ทรงศีล อย่างอิฉัน น่ะ
มัน ตีค่า จากทุกสิ่งทุกอย่าง ที่อยู่รอบ ๆ ตัว
จาก ประโยชน์ใช้สอย นี่เจ้าคะ
ไม่ว่า จะเป็น  ผู้ชาย หรือว่า ศาสนา ก็เหอะ


และ ในสายตาของอิฉัน แล้ว
ศาสนาพุทธของคุณก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดี
ไม่มีคุณค่า หรือ ไม่มีประโยชน์ หรอกนะ
เพียงแต่ มันยังดีไม่พอ และ ไม่มี คุณค่าคู่ควร
ที่ จะทำให้ ปัจเจก อย่างอิฉัน จะ ลดตัว ลงไปนับถือ อ่ะค่ะ


เฮ้ออ  ถ้าจำไม่ผิด อิฉันเคยบอก ใครหลาย ๆ คนว่า
ศาสนาพุทธของคุณ มันก็เหมือนกับ ยารักษา มะเร็ง พวก เคมีบำบัด นั่นแหล่ะ
และ มีเหตุปัจจัยอะไร ที่ จะต้องมาคะยั้นคะยอ
ให้ หญิงสาวที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง อย่างอิฉันต้องหันมาใช้ ยาพวกนี้ ด้วยล่ะ
ก็ในเมื่อ อิฉันไม่ใด้เป็น มะเร็งหัวใจ แบบพวกคุณ ซะหน่อยนิ



และ ถ้าจะเปรียบ พุทธศาสนาเป็น หนังสือ 
มันก็คงเหมือน หนังสือ ฮาว ทู สักเล่ม
ที่ถูกอิฉันหยิบเอามาอ่าน แล้ว จนปรุ แล้วนั่นแหล่ะ
อ่านจบเก็บเกี่ยวความรู้เสร็จแล้ว
หนังสือเล่มนั้นมันก็หมดความหมาย สำหรับอิฉัน แล้วอ่ะ
จะให้ เก็บมันไว้บนหิ้ง คอยกราบไหว้บูชา ทำไมให้เมื่อย
ก็แค่ โล๊ะมันทิ้ง ด้วยการเอาไปชั่งโลขาย หาตังค์กินหนม
หรือไม่งั้น ถ้านึกครึ้ม ก็ เอาไป บริจาคให้ พวกเด็กด้อยโอกาส มันอ่าน เป็น ทาน ก็แค่นั้นแหล่ะ


อุปมา เหมือน แพและค้ำถ่อ ที่เราเอาไปใช้ประโยชน์
ส่งเรา ถึงฝั่ง จนเสร็จกิจแล้ว  เราก็แค่ ถีบหัวส่ง อ่ะ
มีความจำเป็นอะไร ที่ต้องแบกมันไปไหน ต่อไหน
ให้ถ่วงความเจริญในชีวิตล่ะ ?



เฮ้อออ ไบเบิ้ล เคยกล่าวเอา ไว้ว่า

ผู้ที่เห็น ความจริง  ศรัทธา ย่อมไม่จำเป็น  นี่นะ


ในเมื่อ อิฉัน ยอมรับกับ ความจริง ที่เห็น
ในเรื่องของ ไตรลักษณะ แห่งนิยามทั้ง 3
คือ พีชนิยาม กรรมนิยาม และ ธรรมนิยาม แล้ว
จะ มีความจำเป็น อะไรล่ะ ที่จะ ต้องยอมรับนับถือ
ก้มหัวไปศรัทธา ไตรสรณะ แบบตะพืดตะพือ น่ะ
ก็ในเมื่อ มันไม่ใช่ ปัจจัยที่ 5 ในการดำรงชีวิต ของอิฉันนิหว่า


อีกอย่างนะ คนอย่างอิฉัน สามารถเป็นคนดีได้
โดยไม่จำเป็นต้องแบกศาสนาไว้บนหัว ด้วย
พิณา ได้จาก ภูมิศีล ที่แสนจะเลิศเลอ เปอร์เฟค ของ อิฉัน
ที่มัน ผุดผ่องเป็น ยองเป็นใย ยิ่งกว่า พุทธมามกะจ๋า หลาย ๆ คน น่ะนะ


แล้ว นอกจากนี้  อิฉันก็ คิดว่า ตัวเอง เจ๋งพอ
ที่จะสามารถ ยืนหยัดบริหารจัดการความทุกข์ ณ ปัจจุบัน ขณะ ได้ ด้วยตัวเอง
โดยไม่จำเป็น ต้องหา อะไร มาเป็น ที่ ยึดเหนี่ยว จิตใจ ด้วย วะ
แล้ว งี้ จะให้อิฉัน ไปนับถือศาสนา ทำติ้ง อะไรล่ะเจ้าคะ
ถ้าไม่ศรัทธา แล้วเอา สถานะพุทธมามกะ แปะไว้ในบัต ประชาชน
อิฉัน มิกลายเป็นคนโกหกจน ศีล ข้อ 4 มันถลอก หรอกหรือ ? (http://board.palungjit.com/images/smilies/cry-smile.gif)

เอาล่ะ อิฉันแพล่มซะขนาดนี้ แล้ว
หวังว่า คนที่ถาม อ่านแล้วคงจะเก็ทขึ้นมามั่งนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: เมื่อ บัวเหล่าที่ 5 เสวนาธรรม ก๊ะ ซ้อ 7 อิอิ
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ สิงหาคม 27, 2012, 11:22:05 pm
 
นู๋บี ว่า....


1.เอ ? แล้ว ถ้าเรารู้ทั้งรู้ว่า ในสนามหญ้า นั้น
ไงซะ มันก็คือ ระบบนิเวศน์ ที่ประกอบด้วยเหล่ามด
เหล่าแมลงตัวเล็กตัวน้อย อาศัยอยู่ในนั้นแน่ ๆ
แต่เราก็ยังทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินเหยียบหญ้า กันอยู่ร่ำไป
เพราะ เห็นแก่ความมักง่ายสะดวกสบาย
แล้ว เอา เรื่อง อาบัติปาจิตตีย์ แบ่บจิ๊บ ๆ มาเป็นไม้กันหมานี่
ถามหน่อยจิ ว่า ทำงี้ ศีลข้อปาณาติบาท มันจะขาดไหมเจ้าคะ
 



ซ้อ 7 ว่า ...


ถามเพราะอยากรู้เพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องเหมาะสม พอดีๆ หรือเพื่อลองภูมิผู้อื่น หรือคุยว่าตัวเองถือศีลoverดี

ถ้ามีเจตนาดีผมก็โมทนาด้วยจริงๆครับ ถ้าไม่ก็ลองดูลองคิดใหม่ ถ้าชอบกลางๆพอดีๆ ธรรมชาติๆ ปกติๆ ก็ลองปรับให้ถูกต้อง ถ้าชอบแบบมั่นๆแบบเดิมก็เก็บไว้ทำคนเดียว

หาตรงกลางให้เจอ อย่าซ้ายสุด ขวาสุด มันจะเศร้าหมอง แต่การมีศีลต้องควบพรหมวิหาร4ด้วยจะทำให้ทรงศีลได้ดี 



นู๋บี ว่า...

อิฉัน ก็ไม่ได้คิดจะโอ้อวด ภูมิศีลในตน อะไรนักหนาหรอกจร้าาา
เพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันก็ผุดผ่องเป็นยองเป็นใย
เปล่งรัศมีธรรมโม๊ะมากมาย
จนเบื่อที่จะเป็น ปูชนียบุคคล จะแย่อยู่แระ :'(
( อยากเป็น นางในฝันร้าย ของ ผู้ชายทั้งโลก มากกว่า อิอิ ):cool:


อ้อ แล้ว ก็ไม่ได้ คิดจะ ลองภูมิ ใครใน ห้องนี้ ด้วย
เพราะ เท่าที่ ดู แล้ว เก๊าะเห็น ๆ กันอยู่  นี่นะ
ว่า ภูมิศีล ของ นักปฏิบัติ แถวนี้ น่ะ มัน อนุบาล แค่ไหน
เลยไม่รู้จะเสียเวลา ลองภูมิ พวกมัน ทำติ้ง อะไร



อิอิ  หมาน( พ่อฉัน ) เคยสอนเอาไว้เสมอ อ่ะ
ว่า คนดีชอบแก้ไข คนจัญ...ชอบแก้ตัว
อิฉัน ก็เลยมองโลกในแง่ดี คิดไปเองว่า
ณ ห้อง อภิญญาแห่งนี้คงจะมี นักปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ  อยู่มั่งอ่ะค่ะ
ก็เลย โยนหินถามทาง ไปงั้นเองอ่ะจร้าาาาาาา
เผื่อว่า น้ำลายที่อิฉันปากเปียกปากแฉะ แพล่ม ๆ ออกไปนั้นน่ะ
 มันจะทำให้ ใครต่อใคร ฉุกคิด สำเหนียก สำนึก
และ ระลึก อะไร ขึ้นมาได้มั่ง
( ถ้าคนฟัง ยังมิใช่ พวก มือถือสากปากถือศีล ที่ยากเกินเยียวยา อ่ะนะ )



แล้ว ถ้าอยากจะ ทรงศีลได้ดีน่ะนะ
แค่ พรหมวิหาร 4 กระจอก ๆ เนี่ย คงไม่พอหรอกมั้ง
มันต้องรู้จัก โยนิโสฯ  แล้วใช้ สัมมาวายามะ (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B0)
โดยมี สัมมัปปธาน 4 (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%9B%E0%B8%9B%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%99_%E0%B9%94)  เป็นตัวกำกับ ด้วย
มันถึงจะเป็น สัมมาศีล ไม่ใช่ ศีลพรตปรามาส
หรือว่า ศีลแบ่บตามใจฉัน ที่สักแต่ว่า ถือตามกัน
โดยไม่รู้ถึงที่มาที่ไป ของ ศีลในข้อนั้น ๆ



ใครคนหนึ่ง เคยบอก อิฉันว่า
เมื่อวาน เหยียบมด ไปตัวหนึ่ง รู้สึกจิตตกมากมาย
อิฉันเลย ถามกลับไปว่า จิตตกเพราะกลัวตัวเองจะบาปที่ทำผิดศีล
หรือ จิตตก ที่ตนนั้นได้ไปกระทำการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น ?
รู้ไหม เขาตอบ อิฉันว่าไง  เขาบอกว่า เขาจิตตก เพราะกลัวตัวเองจะบาป อ่ะค่ะ


ศีลน่ะ ถ้า ถือให้มัน ถูกที่ ถูกท่า และ ถูกทาง
   มันก็จะมีกลไกแบบออโต้ มากระตุกหาง คอยเตือนเรา
   เวลาที่ เรากำลังจะ ก้าวล่วงศีล นะ
   แถม ครึ้ม ๆ มันยังจะ หาทางหนีทีไล่
   ที่ทำให้เรามีทางออก ที่ หมดจดงดงาม 
   และ  ปลอดโปร่งโล่งฉะบาย ได้เสมอจร้าาา
  ทำแล้ว ชีวิตจะมีแต่ความปกติ ไม่มีเศร้าหมองหรอกนะ
หัวข้อ: Re: เมื่อ บัวเหล่าที่ 5 เสวนาธรรม ก๊ะ ซ้อ 7 อิอิ
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ สิงหาคม 27, 2012, 11:24:10 pm
ซ้อ 7 ว่า ...


สนามหญ้าก็มีสัตว์ มีเชื้อโรค บนดินก็มี บนซิเมนต์ก็มี บนตัวเราก็มีไรกินเนื้อผิวหนังที่ตาย ในอากาศก็มีเชื้อโรค ถ้าเราเห็นเราก็อย่าเหยีบเขาแค่นั้น ไม่เห็นก็จบ
แล้วไม่ต้องเอากล้องจุลทรรศน์ไปส่องแล้วบอกว่ามีนะ ถ้าทำอย่างนั้นตอนเดินส่องกล้องไปเห็นไปแล้วไปฆ่ามันก็บาปแน่ แล้วใครจะปัญญา?อย่างนั้นเล่า
ใครจะยืนอยู่เฉยไม่ทำอะไรเลย เพราะขยับตัวอาจมีเจ้าแมลงน้อยที่ตัวเราตายได้ กินยารักษาก็ฆ่าเชื้อโรคนะ คิดมากอีกหรือเปล่า ยังนี้คนขายยาให้เขาจะคิดว่าเราขายยาสำหรับฆ่าเชื้อโรคหรือเปล่า เขากินแล้วฆ่าเชื้อโรคหนะเขาเจตนารักษาตัวเองหรือเขาคิดพยาบาทอยากฆ่าเชื้อโรค เข้าใจหรือยังครับว่าตรงกลางอยู่ตรงไหน
เห็นหรือยังความไม่พอดีทำให้เศร้าหมอง ทำแล้วไม่ปกติ ไม่ผ่องใส มัวแต่จะวิตกจริตคิดแต่ว่าจะฆ่าสัตว์จะเหยีบมันไหม ตรงนี้มีพวกมันอยู่ไหม มันมีอยู่ทุกที่แหละ แต่ถ้าเราเผลอฆ่ามาแล้วโดยไม่ได้เจตนา แต่ดันคิดมากถึงมันบ่อยๆก็สะสมอกุศลกรรมอีก ใจเศร้าหมองอีก ทางที่ดีเราขออโหสิกรรมเขา แผ่กุศล แล้วคิดแต่สิ่งดีๆที่ตัวเองทำ ทาน ศีล ภาวนา


นู๋บี ว่า...

อืม...สมณะโคดม สอนพวกคุณ มาแบบนี้ล่ะหรือ
เบียดเบียนชีวิตอื่น แล้ว ทำไม่รู้ไม่ชี้ คิดถึงแต่สิ่งดี ๆ
พร้อมกับ แสร้งทำมาเป็น ขออโหสิกรรม อุทิศส่วนบุญไปให้ทีหลัง
โดยอ้างว่า มันเป็นเหตุสุดวิสัย จริงจริ๊งงงงงงงงงงง งั้นหรือ ?
แหม ? นี่ ถ้ามีผู้ชายคนไหน ยกแม่น้ำทั้ง 5
มาสาธยาย ให้ฟังแบบนี้ แถวบ้านอิฉัน เขาจะบอกว่า
ไอ้หมอนี่ มันเป็น พวกผู้ชายมักง่าย
ขาดสำนึกรับผิดชอบในการกระทำของตัวเองค่ะ
อนาคต มีแนวโน้ม จะเป็นพวก ชอบฟันแล้วทิ้งงงง :'(



เอ้า เอา กระทู้เนี้ยะ (http://board.palungjit.com/f181/%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B9%86-%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B9%8B%E0%B8%B2%E0%B8%B2%E0%B8%B2-%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%B2%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A8%E0%B8%B5%E0%B8%A5-5-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%B2%E0%B8%B2-349227.html#post6489776) มาให้อ่าน
เผื่อจะ สำเหนียก สำนึก
และ ระลึก อะไรขึ้นมาได้มั่ง อิอิ



นู๋บีว่า ....

2.เอ ? แล้ว ถ้าเรารู้ทั้งรู้ว่า
คอมพิวเตอร์ของตัวเอง มีโปรแกรมละเมิดลิขสิทธิ
แต่ก็ยังบ่มเพาะความตระหนี่ถี่เหนียว คิดเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้
เทียวไล้เทียวขื่อ ใช้ของโจร อยู่ร่ำไป งี้
ศีลข้ออทินนา จะมัวหมองป่ะคะ
 


ซ้อ 7 ว่า ...

ถ้าซื้อComมาเขาจัดอะไรมาก็ใช้ไปอย่างนั้น ดันคิดมากก็เอามันออกไป แล้วอย่านำเข้ามาใหม่อีก หาของฟรีมาใช้แทน


นู๋บี ว่า ...

ปัญหา มันไม่ได้อยู่ที่ คิดมาก หรือ คิดน้อย อ่ะดิ
ปัญหา มันอยู่ที่ เรามองเห็น รากเหง้า ของมโนกรรม
อันเป็น เจตนา ที่แท้จริง ของเรา ได้หรือไม่ ตะหาก
ที่สำคัญ  เจตนานั้น มันเป็น กุศล จริงๆ
หรือว่า มันมีวาระซ่อนเร้น แอบแฝงอยู่กันแน่ ?
 
 
อิฉัน จึงมักจะย้ำให้ชาวบ้านชาวช่อง ฟัง เสมอ ๆ ไง
ว่า การซื่อสัตย์กับตัณหา และ อัตตา ตัวเอง นั้น
มันเป็น กฏมณเฑียรบาล ของการเป็นนักปฏิบัติ
ถ้า ทำตาม กฏมณเฑียรบาล อันนี้ ไม่ได้ ก็ตัวใครตัวมัน


อ่ะ  เพื่อให้เข้าถึง อรรถรสของเรื่องที่กำลังถกกัน
ขอ อนุยาด แถม กระทู้นี้  (http://board.palungjit.com/f13/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%88-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81-%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B8%81-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0-%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B6%E0%B8%81-%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B9%89-351291.html#post6462318) ให้อ่านเล่น ๆ  จะได้เห็นภาพ
หัวข้อ: Re: เมื่อ บัวเหล่าที่ 5 เสวนาธรรม ก๊ะ ซ้อ 7 อิอิ
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ สิงหาคม 27, 2012, 11:25:26 pm
นู๋บี ว่า...
 
แล้ว ถ้า ศีลข้อ 5 รวมไปถึง การไม่เสพสิ่งเสพติดต่างๆด้วย
งั้น ไอ้พวกที่ ชอบ เอา บุหรี่ยาเส้น ไปถวายพระนี่
มันเป็นการส่งเสริมให้พระผิดศีล ข้อ 5 ไหมเจ้าคะ
เออ แล้ว ถ้าพระท่านรู้ทั้งรู้ว่า มีสารก่อมะเร็งในควันบุหรี่ ที่สูบ
แต่ก็ยัง พ่นควันให้เราสูดดม งี้ ถือว่าท่านทำผิดศีลข้อ 1
เข้าข่ายมีส่วนสมรู้ร่วมคิด กระทำการอันเบียดเบียนชีวิต
ด้วยการยัดเยียด มะเร็งปอดให้เรา โดยเจตนา ได้หรือไม่คะ



ซ้อ 7 ว่า...

คุณอยู่ของคุณดีๆแล้วท่านเดินมาหาคุณแล้วสูบบุหรี่ข้างคุณหรือ หรือท่านก็อยู่ของท่านแต่พวกเราเข้าไปหาท่านหล่ะ
 
สิ่งเสพติดมีหลายประเภท ถ้ามันทำลายประสาท กล่อมประสาทมันก็คล้ายเหล้าได้ ทำให้สูญเสียสติ มึนเมา พวกกัญชา ผงขาว โคเคน ยาบ้ายาโง่
บุหรี่ ยาเส้น ยังไม่เคยเห็นใครเสียสติเพราะไอ้นี่ เสียแต่ตังกับสุขภาพ ท่านที่เป็นพระอริยเจ้า จิตท่านไม่ติด แต่อาจสูบด้วยหลายสาเหตุ เช่นให้ลูกศิษย์เกิด
ปิติ เกิดสุขที่ท่านเมตตารับไว้ใช้ ชินกับเวลาที่สูบ ชินรสที่สูบ เหมือนชินรสกินข้าว จิบน้ำชา ชินกิจวัตรประจำวัน ปกติผู้ใกล้ชิดท่านจะไม่คิดอคติ คิดปรามาส ถ้าผู้อื่นคิดท่านอาจพูดเตือน บางท่านถ้าเป็นพระสอนปฏิบัติต้องพบกับคนหมู่มาก ท่านเมตตาไม่อยากให้ผู้อื่นปรามาสท่านจะไม่สูบเลยครับ ส่วนท่านที่สูบแล้วคนเห็นแล้วไม่ศรัทธาท่าน ท่านก็ไม่สนใจอยู่แล้ว ถ้าคนสนใจธรรมที่ท่านมีย่อมอยากให้ท่านสอนโดยไม่สนใจเปลือกคือกายท่าน กริยาของท่านครับ
กินหมากก็เหมือนกัน แต่กินหมากไม่เหมือนบุหรี่ หมากเหมือนเป็นการให้เกียรติ
เคารพบูชา นับถือกัน หรือแสดงมารยาทไมตรีจิตร คนโบราณเขาต้องจัดชานหมากและน้ำเพื่อต้อนรับแขก พระราชาก็ใช้ พระสงฆ์สมัยก่อนก็ใช้ จะเห็นว่าการทำพิธีบูชาครูอาจารย์จะมีหมากด้วย บูชาเทวดาต้องมีหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่คิดว่าน่าจะมีด้วยเหตุผลข้างต้น บูชาปู่โตนี่น่าจะต้องมีหมากเป็นต้น ถ้าดูหนังพระนเรศวร คุณจะเห็นในที่ประชุมเขาจะมีหมากด้วย ใครมาหาที่บ้านต้องต้อนรับด้วยหมาก ทางทิพย์เขาตัดมานะก็จริง แต่จริงๆก็มีอวุโส มีคุณธรรมอันดับที่เขาทำความเคารพนับถือกันอยู่ แสดงความเคารพนับถือกัน แสดงความนอบน้อมต่อกันแต่ไม่ได้ถือมานะ
 
ส่วนเรื่องร่างกายท่าน ถ้าท่านมาทางนิพพานก็ไม่สนใจการเจ็บป่วยกายแล้ว
 

นู๋บี ว่า ...

ถ้า คิดงี้ แล้วมันทำให้ คุณ รูสึกดี รูสึกสบายใจ
ก็ตามฉะบายจร้าาาาาาาาาาาา าาาาาาา
อ้อ แล้วถ้ามีโอกาส ช่วยจุดธูปถาม พระคุณเจ้า ทั้งหลายให้ทีสิเจ้าคะ
ว่า ภิกษุ แปลว่า อะไร  แล้ว สะกดคำว่า โลกวัชชะ เป็นไหม ?


อืม...บางที สังคมพุทธแท้ แบบไทย ๆ
มันก็มักจะเอาแต่เทิดทูน พะเน้าพะนอ 
เอาอกเอาใจ เหล่าสมณะ กันจนเหลิง
แล้วเลยเถิดจนมองข้ามความเหมาะสม ไปเรยแฮะ
แหม ? แต่มีพระสงฆ์องคเจ้า
ที่ทำให้เกิด โลกวัชชะ บ่อย ๆ งี้ก็ดีเหมือนกันนะ
อิฉันจะได้ มีโอกาสนั่งบนภู ดู ปาหี่วิถีพุทธสุดมันส์
แล้ว เพลิดเพลินกับ การคอยรับชม ปรากฏการณ์

สนิมเกิดแต่เนื้อ  ในตน   
กินกัดเนื้อเหล็กจน กร่อนขร้ำ


จนหนำใจไปเล๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :cool:

แหม ? แพล่มเรื่องนี้แล้ว คิดถึง โพลเนี้ยะ (http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2009/04/Y7795780/Y7795780.html) จังแฮะ  :25:




ซ้อเจ็ด ว่า....

ที่ผมถามไม่ได้ชักชวนมานับถือศาสนาพุทธ ถามเพราะคุณบอกว่าไม่มีศาสนา เห็นสนใจศีล5ผมเลยถามเรื่องนี้ตามที่กล่าว เพราะใครจะนับถือหรือไม่ หรือนับถืออะไรผมไม่สนใจ ผมมีเพื่อนได้ทุกศาสนา มีหรือไม่มีมันก็ไม่เกี่ยวกับเรา
ผมพอจะเข้าใจความคิดของคุณ ส่วนผมจะเห็นด้วยหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องนึง
ผมรู้แต่ว่าเรามีความเห็นต่างกันมากอย่างสุดขั้ว จนไม่สามารถไปทางเดียวกันได้ คุณจะมีความเห็นอีกมุมมองที่แตกต่างกันไปก็เป็นส่วนบุคคลของคุณผมไม่ต่อต้าน แชร์ความคิดเห็นกันเท่านั้น


ที่มา :
http://board.palungjit.com/f4/ศีล-5-a-355144.html#post6579504 (http://board.palungjit.com/f4/%E0%B8%A8%E0%B8%B5%E0%B8%A5-5-a-355144.html#post6579504)

(http://blog.gaiam.com/wp-content/uploads/2010/05/monkeyWEB.jpg)
หัวข้อ: The letter : จม. เปิดผนึก ถึง อิเจ้รองสันขวาน และ อิหม่ามี๊
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ สิงหาคม 27, 2012, 11:32:11 pm
The letter : จม. เปิดผนึก ถึง อิเจ้รองสันขวาน และ อิหม่ามี๊

(http://www.dailyhaha.com/_pics/monkey_funny_looking.jpg)


อ้างถึง

อิเจ้รองฯ ว่า

   
คุยเรื่องกิเลส อิเจ้รองฯมีชาดกเด็ดๆ มาฝาก
หาริตชาดก (http://www.84000.org/tipitaka/attha/jataka.php?i=271246) (แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของกิเลสที่ครองใจพระโพธิสัตว์)
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑

อรรถกถา หริตจชาดก
ว่าด้วย กิเลสที่มีกำลังกล้า

โดย : อิเจ้รองสันขวาน วันที่: 24 สิงหาคม 2555 เวลา: 12:49:02 น.



อ้างถึง
   
อิอิ
ถึงแม้ อินู๋บีจะนอกใจฮาร์ทจังไปหาคนอื่น
อิหม่ามิ๊ก็ไม่ว่าไรจ้ะ
เพราะ อะไรๆ มันก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน
ยึดมั่นถือมั่นให้คงอยู่ถาวรกะสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นมันขัดกับ
ธรรมชาติของสรรพสิ่งอะจ้ะ
การเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เป็นเรื่องปกติ เนาะ
ฮาร์ทจัง เขาก็คงไม่ว่าไรเหมือนกัน มั้ง

เรื่องมหากาพย์ดราม่าของพ่อรถเรณู ก็ตามอ่านมั่งไม่อ่านมั่ง
หุหุ เพราะหาความจริงในหม้อมาม่าต้มยำกุ้งไม่เจอเจงๆ
เรื่องนิสัยใจคอ คารี้คารี้คารม นี่เจ้ว่าก็พอตัวกันทุกคนอะ
แต่ความจริงนี่ดิ ไม่รู้จะมีให้คนอื่นได้ไหม
พอขาดเรื่องความจริง ซะแล้ว
อย่างอื่นมันก็ด้อยค่าไปหมดอะ เหลือแต่การรักษาหน้าตา
ชื่อเสียง ที่ยืนในสังคม รักษาพวกพ้อง ถล่มกันไปถล่มกันมา
มีแต่สำนวนโวหาร หาฟามจริง และความจริงใจที่จะให้
ประโยชน์กับคนอ่านไม่มีเล้ย มีแต่ตั้งวงเลี้ยงมาม่าต้มยำ
หุหุ

เพียงแต่ถ้ามีใครซักคนยอมรับความจริงของตัวเองได้
ก็คงจะน่าสนใจและน่าติดตาม มากกว่านี้นะ
อย่างเรื่อง ชาดกที่ยกมา อะ คำสัตย์ คำจริง คือสิ่งที่ต้องมี
ศีลข้ออื่นจะพลาดบ้างก็เพียงแต่เสื่อมลงไปชั่วคราว
มีสติกลับมาได้ก็กลับตัวกลับใจ คิดใหม่ทำใหม่ได้
ไม่ถึงกับทำให้จิตตัวเองต้องเสื่อมจากความบริสุทธิถาวร

คนจริง ความจริง ความซื่อสัตย์ต่อตัวเอง คือสิ่งที่ต้องมี
ถ้าไม่มีแล้ว ก็ไม่น่าคบหาสมาคม อะ

ไม่ได้จะว่าคุณรถเรณู นะ
เพียงแต่ว่าไม่เข้าใจเจตนาของเขา
ว่าจะสานเสวนาต่อไปเพื่ออะไร ถ้าต้องการบอกความจริง
ก็ค่อยน่าสนใจติดตาม หน่อย แต่ถ้าไม่มีความจริงให้อ่าน
ก็ไร้ค่าไร้ฟามหมาย อะนะ



โดย : อิหม่ามิ๊ วันที่: 24 สิงหาคม 2555 เวลา: 13:17:22 น.



นู๋บี ว่า...

อะโหยยยย  แต้งกิ๋วคร้าาาา อิเจ้รองขราาาา
ที่แวะ เอา หาริตชาดก มาฝากกัน
ม่ะอยากจะบอกเรยว่า อิการ์ฟิลด์ มัน อ่านแล้วก็ร้องยี้
บ่นง้องแง้ง ก๊ะ อิคิตตี้ บอกว่า หาริตดาบส มันไม่เจ๋ง อ่ะ
แมร่ง กะอีแค่  เจอ กามราคะ กระจอก ๆ
อย่างมนต์เสน่ห์แห่งมาตุคาม
โค้งหนอ เว้าหนอ  อวบ ๆ ตู้ม ๆ แค่เนี๊ยะ
ก็ เสียหมา ตบะแตก ซะแระ ช่าง บ่ มีไก๊ เอาซะเรย


พิณา จาก ที่ชาดก มันบอกว่า
หลังจากที่ หาริตดาบส ไปจู่จุ๊กรูก๊ะเมียชาวบ้าน ครั้งแรกแล้ว
ก็ยังมี ครั้งที่ 2 - 3 -4 -5 จนถึง ครั้งที่ n ต่อไปเรื่อย ๆ งี้
ถึงจะ พยามรักษาความสัตย์
ตอบคำถามพระราชา ตามความจริง แค่ไหน
มันก็ยังไม่แหล่ม ตามสแตนดาร์ด
ของนักปฏิบัติตัวพ่อตัวแม่ เฟร้ยยยยยยยย
ถ้าเจ๋งจริงอ่ะนะ  มันต้อง ซื่อสัตย์ต่ออัตตาตัวเอง
แล้ว ต้อง ปฏิบัติ หลัก สัมมัปธาน 4 ได้ด้วยว่ะ


เนี่ย ถ้า อิตาดาบส นี่  มันตระหนักถึงความสำคัญ ของ สังวรปทาน  ( เพียรระวัง )
คือ เพียรระวัง ระงับการกระทำอกุศล ไม่ให้เกิดขึ้น ได้ ตะแต่แรกอ่ะนะ
ป่านฉะนี้ก็คงจะ กลายเป็น เสือ ติดปีก แบ่บลั้ลลา ไปแย้ววว
และ  หาก อดใจไม่ไหว ถูก เล่ห์ราคะแห่งมาตุคาม ตีแตก ในด่านแรกได้
ไอ้ เสือลำบาก ก็ต้องรู้จักเจริญสติ  งัดแผน 2  คือ ปหานปทาน ( เพียรละ )
คือ เพียรละเลิกอกุศลที่กำลังกระทำอยู่ เอามาใช้ด้วย มันถึงจะ รบชนะในทุกๆทิศ



แล้วก็ ไม่เห็นจะต้องรอให้ ใครมาถามไถ่ข้อสงสัย
ถึงในอาศรม ก่อน แล้วค่อยสารภาพบาป เลย
น่าจะ แอ่นอกเดินไปแสดงความรับผิดชอบต่อ ความระย้ำ ที่ได้กระทำ
แล้วยอมรับโทษทัณฑ์ อย่างแมน ๆ น่าจะเท่ห์ กว่า อ่ะ หุหุ (http://drama-addict.com/wp-includes/images/smilies/icon_lol.gif)



ส่วนเรื่อง บักรถเรณู น่ะ 
ฝากไปบอก อิหม่ามี๊ที
ว่า อิฉันก็ ม่ะรู้ เหมือนกัน ว่า
จะมีความจริงอะไร หมกเม็ด ไว้ในกอไผ่
รอให้เราไป ค้นหา อยู่หรือไม่นะ
รู้แต่เพียง ว่า ม่าม่า อาหย่อย  แผล่บ ๆ (http://drama-addict.com/wp-includes/images/smilies/icon_neutral.gif)



อืม...และ เท่าที่ทราบเลา ๆ
เรื่องนี้ มันเริ่มมาจากการท้าแปลบาลี มั้ง
แล้ว บักรถฯ ดันอวดร่ำอวดรวย
ว่าจองคอนโด 30 ล้าน ให้ลูกสาว
ชาวบ้านก็เรยหมั่นไส้ ในความโม้เหม็น
แถม บักระนาด มันก็ดันจับเอามาเล่นเป็นประเด็น
เลยโดน บักรถ ตลบหลัง แล้ว หักคอจิ้มน้ำพริก จนดิ้นไม่หลุด
ด้วย ข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้
ทำให้ กลืนไม่เข้า คายไม่ออก อยู่นี่ไง


เฮ้อออ พูดถึงเรื่องนี้ แล้ว
ก็นึกสงสาร บักระนาดเอก ขึ้นมาตะหงิด ๆ ว่ะ
เฮ้ออ ไม่น่า มานะจัด แบกศักดิ์ศรีเอาไว้บนหัว
จนหน้ามืดตามัวงี้เยยย  สุดท้าย ก็เลยเบลอจัด
โดน บักรถฯ มันเล่นทีเผลอ เอาซะงั้น


บอกได้คำเดียวว่า งานนี้ มีแต่ เสีย กับ เสีย
ถ้า ปฏิเสธข้อเสนอของ บักรถ หรือ
ก็จะต้อง เสียหน้า โดนหาว่าป๊อด
ไอ้ครั้นจะ ยอมจ่าย 5 % เป็นค่าดูใบจองคอนโด
สนองความอยากรู้อยากเห็น หรือ
ก็ มีแต่เรื่องให้ต้อง เสียกะตังค์ ไปเปล่า ๆ ปลี้ ๆ
ทำไมมันไม่รู้จักฉุกคิด ซะมั่งว้าาาา
ไอ้เรื่อง ใบจองคอนโด จริง ๆ เท็จ ๆ เนี่ย
รู้แล้วได้อะไร  ไม่รู้แล้วได้อะไร


อืม...ไอ้เทคนิค จิกเอา ศักดิ์ศรีที่ค้ำคอ ของฝ่ายตรงข้ามมาเป็นตัวล่อ
หลอกเอา ผู้รู้ในรูจอมปลวก  ไปเชือด เอ๊ย ไปเข้าโปรแกรมดัดสันดาน น่ะ
อิฉันเองก็มักจะเอามาใช้อยู่บ่อย ๆ เหมือน บักรถ นะ
ยิ่งเห็น ท่าทีอวดดีชอบยกตนข่มท่าน
และการหาเรื่องเหยียบหัว ชาวบ้าน เวลาที่บักรถมันโพสทีไร
ก็ยิ่งทำให้นึกถึง ตอนที่อิฉันแสดงทีท่ากรีดกราย  ยักย้ายส่ายสะโพก
โอ้อวดภูมิศีลอันแข็งโป๊ก ของตัวเอง ให้ชาวบ้านชาวช่องมัน ริษยา เล่นว่ะ


ก็เลย พอจะเข้าใจ ถึงเหตปัจจัย
ที่เป็นแรงขับเคลื่อนของพฤติกรรม
ว่า ทำไมบักรถ ฯ มันถึงทำตัวเป็นจิ๊กโก๋ งี้น่ะ
เรื่องของเรื่อง มันก็แค่ เกิดจาก ความหมั่นไส้ ล้วน ๆ ง่ะ งิงิ
 


แถม บักระนาด มันก็พลาดจังหนับ
ตั้งแต่ตอนที่มันหน้ามืด
เสือกไปตกปากรับคำ
ยอมทำตามเงื่อนไขของ บักรถแระ
แมร่ง ช่างเดินหมาก แบ่บไม่ดูตาม้าตาเรือ เอาซะเรย
เนี่ย ถ้าอิฉันเป็น บักระนาด อ่ะนะ 
อิฉันก็จะไม่ บ้าจี้ห่วงศักดิ์ศรีบ้า ๆ บอๆ จนเกินพอดี งี้หร็อก


ถ้าโดน บักรถยื่นข้อเสนอแบบนี้มาให้
อิฉันจะตอกกลับ บักรถฯ ไปว่า
อย่าว่า แต่ ล้านห้า เล๊ยยยยยย
สลึงเดียว ตรูก็ไม่คิดจะควักกระเป๋าจ่าย
เป็นค่าธรรมเนียมในการเข้าชมใบจองฯ ของเมิงหรอกนะจ๊ะ
ถึงแม้ตรูจะอยากรู้อยากเห็น เรื่องเงินในกระเป๋าชาวบ้าน มากแค่ไหน
แต่ไหหน่อไม้ดอง ของเมิง ก็ไม่มี คุณค่าทางโภชนาการเพียงพอ
ที่จะทำให้ตรูรู้สึกว่า มันน่าจะ ควักกระเป๋า จ่ายเป็นค่า มุดรูดูไห ว้อยยยย
( สู้เอาไปจ่ายเป็นค่าตั๋ว ดู เมียงู ยังจะเวิร์ค กว่า ) อิอิ



อืม...แต่ถึงงั้น ถ้ามองถึงแต้มต่อ
อิฉันว่า บักรถฯ น่ะ เก๋าในเกมส์
มาก กว่า บักระนาด เยอะเลย นะ
อันนี้ พิณาดูจาก ความรอบคอบ และ ระดับความนิ่ง ในการตอบ
ตลอดจน รังสีอำมหิตที่เปล่งออกมา จากผิวหนังของเฮียแกน่ะ
แมร่ง อำมหิตได้ไง พอ ๆ ก๊ะ ทั่นด๊อก ฯ เรยวุ้ย

และ อิฉัน ก็ยัง เชื่อมั่น ในตัว บักรถฯ
มัน ค่อนข้างมาก อยู่นะ
ว่า ไอ้เจ้าผู้ชายปากหมาคนนี้
มัน ก็เป็นคนจริง คนหนึ่งเหมือนกันว่ะ
ไม่รู้สินะ  จากการอ่านตัวหนังสือของมัน แล้ว เซ้นส์ มันบอกงี้ อ่ะ


อีกอย่าง ไอ้เฒ่าสับฯ มันเคยบอกไว้ว่า

อ้างถึง

ภาษาอักษร สำนวน ความคิด
ที่พิมพ์โพสต์ออกมาทุกตัวของแต่ละคน ในทุกความคิดเห็น
มันแฝง "นิสัย และพฤติของใจ ของคนพิมพ์เสมอ"...?

ภาษาที่โพสต์ออกมาจากสมองหรือใจสู่จอคอมฯ..
จะเจตนาหรือเผลอก็ตาม..ช่องว่างระหว่างตัวอักษรและบรรทัด..
ทุกตัวอักษรและวรรคตอน มันมีกริยา นิสัย ความประพฤติ
ดั่งวิญญาณของคนพิมพ์สิงสถิตย์อยู่ด้วย..มันจึงมีชิวิต

ดังนั้น จะพิมพ์อักษรภาษาให้ดี แก้ตัว เสแสร้ง แกล้งบ้า..ยังไง
ใครๆเขาก็อ่านออก บางครั้งไม่จำเป็นต้องเคยสัมผัสกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ..

 


อืม...เรื่องนี้ อิฉันและ ทั่นด๊อกฯ เห็นด้วยกับมันนะ
แม้อิฉันเองยังอ่านคน จากตัวหนังสือ ได้ไม่เชี่ยวเท่าท่านด๊อกฯ  ก็ตาม
แต่ก็อาจจะเป็นอย่างที่ บักรถมันบอกนั่นแหล่ะมั้ง
 "ทิโส ทิสํ... โจโร โจรํ ฯลฯ"   ( โจร ย่อมเห็นโจร ด้วยกัน อิอิ )
และถึง จะ อ่านบักรถฯ พลาดไป
เพราะมันดันเสือกไปตัดไส้ติ่งทิ้ง(แบบอาเจ่กเสกสรร)
ก็ช่างมันอ่ะ  เก๊าะ อิหม่ามี๊ เคยสอนไว้นิคร้าาาา ว่า

อ้างถึง

อะไรๆ มันก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน
ยึดมั่นถือมั่นให้คงอยู่ถาวรกะสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น
มันขัดกับธรรมชาติของสรรพสิ่ง นี่นะ
การเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เป็นเรื่องปกติ




แหม๊ นี่ ถ้าป๊ะป๋าโจ เกิด อนิจจังลงใจ
ได้ อย่าง นู๋บี ก๊ะ ฮาร์ทจัง ก็คงดีเน๊าะ
ป๋าแกจะได้ เลิกวิตกจริตคิดมาก
เรื่องเมียรัก จักหนีตามชายอื่นนนนน (http://drama-addict.com/wp-includes/images/smilies/icon_sad.gif)


(http://www.dailyhaha.com/_pics/strange_monkey_face.jpg)
หัวข้อ: Re: บ่นเรื่อยเปื่อย...เมื่อยก็พัก...ตามประสา นักปฏิบัติไม่เอาไหน ฯ ( Episode 4 )
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน ที่ สิงหาคม 27, 2012, 11:57:13 pm
 :13: คุณแม่เขียนได้ ดุดันเช่นเดิมครับผม
ในความรู้สึกผมนะ หลังๆนี่ คุณแม่เขียนแบบกลีบบัวครับ ^^ ผมก็อธิบายไม่ถูก นึกถึงกลีบบัวซะงั้น

รักษาสุขภาพนะครับคุณแม่
ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ
หัวข้อ: Re: บ่นเรื่อยเปื่อย...เมื่อยก็พัก...ตามประสา นักปฏิบัติไม่เอาไหน ฯ ( Episode 4 )
เริ่มหัวข้อโดย: magicmo ที่ สิงหาคม 28, 2012, 01:17:59 pm
ขอบคุณมากๆเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: บ่นเรื่อยเปื่อย...เมื่อยก็พัก...ตามประสา นักปฏิบัติไม่เอาไหน ฯ ( Episode 4 )
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ สิงหาคม 28, 2012, 09:23:33 pm
:13: คุณแม่เขียนได้ ดุดันเช่นเดิมครับผม
ในความรู้สึกผมนะ หลังๆนี่ คุณแม่เขียนแบบกลีบบัวครับ ^^
ผมก็อธิบายไม่ถูก นึกถึงกลีบบัวซะงั้น

รักษาสุขภาพนะครับคุณแม่
ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ

(http://img.kapook.com/image/menu/1D10975877-22.jpg)


:12:  :12:  :12:



เมี่ยงบัวหลวง เคล็ดลับ ดูแลสุขภาพ


(http://www.oknation.net/blog/home/user_data/file_data/201207/22/5903529f.jpg)

           เมื่อเอ่ยถึง ดอกบัว หลายคนคงคิดแต่เพียงว่า มีไว้สำหรับการไหว้พระเท่านั้น
           แต่ผลงานวิจัยจากต่างประเทศที่ได้ศึกษาเฉพาะด้าน "บัว" พบว่า

           กลีบบัว มีสรรพคุณ บำรุงร่างกาย ห้ามเลือด อีกทั้งยังมีไฟเบอร์สูง
           เกสรบัว เป็นยาสมานแผลในร่างกาย บำรุงหัวใจ บำรุงประสาท

(http://www.ejobeasy.com/media/km/thumbnail/16/90723110616/nw-90723110616.jpg)

ที่มา : www.oknation.net/blog/print.php?id=814834 (http://www.oknation.net/blog/print.php?id=814834)


หัวข้อ: ปริศนา ดอกบัวพันชั้น...
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ สิงหาคม 28, 2012, 09:52:26 pm
ปริศนา ดอกบัวพันชั้น...

(http://www.dmc.tv/forum/uploads/monthly_03_2009/post-15721-1237783686.jpg)

อ้างถึง

เมื่อคืน ผมตีปริศนา ดอกบัวพันชั้น
เห็นลาง ๆ ในกลีบ มี พันดอก
เข้าไปในดอก มี พันกลีบ
เข้าไปใน กลีบ เจอ พันดอก
พอเข้า ไปใน ดอกเจออีกพันกลีบ ...........
เข้า ๆ ไป เข้า ไป เรื่อย ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คือ อะไร แว๊บ ๆ เป็นชั้น ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 
โลก อนุภาค และ กาลเวลา เป็นหนึ่งเดียวโยงใย
ความว่าง เล่นตลก ...

มดเอ๊กซ์   


:12: :12: :12:
หัวข้อ: ► ►►. . ....จะเลือกรักษา ใคร ก่อน ?.... . .◄ ◄◄
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ สิงหาคม 29, 2012, 07:42:39 pm
► ►►. . ....จะเลือกรักษา ใคร ก่อน ?.... . .◄ ◄◄

(http://lh5.ggpht.com/_2MdJ6BRhzjE/S9OtDdb4RkI/AAAAAAAAAZE/ZL9S785zGVw/MonkeyToilet.jpg)


อนึ่ง เนื่องจาก ตัวหนังสือที่ อิฉันอุส่านั่งหลังขดหลังแข็ง
เอาไปโพสแปะไว้ ในกระทู้ "..จิต..จะตั้งมั่น" ของ ไอ้เจ้าสับฯ
ได้ถูก ทำให้ดับสูญ ไปซะแหล่ววววว
เก๊าะเรยรู้สึก เสียดาย เลยเอามาโคลนนิ่งไว้ที่นี่ ก็แล้วกันเน๊าะ(http://board.palungjit.com/images/smilies/cry-smile.gif)





อ้างถึง

สับสน! ว่า...

ใน ยุคที่สับสน ผู้คนหวาดระแวงกัน สังคมแตกแยกการทำจิตให้ดิ่งในความดีนั้นต้องอาศัย หลักปัญญา..ใคร่ครวญก่อนที่จะให้..ใคร่ครวญ..ก่อนครับ
การทำบุญ-ทำทาน หลักการคือผู้ให้ต้องบริสุทธิ์ทั้งทรัพย์ที่หามาได้และจิตใจที่ให้ โดยปราถนาให้ผู้อื่นมีสุขบ้างตามอัตภาพ..
ผู้รับผู้ให้ต้องใคร่ครวญว่าควรให้แก่ผู้นี้รึไม่เขา น่าสงสารปราถนาให้เขามีสุขบ้าง หรื่อต้องการรักษาองค์กรศาสนา ประเพณี วัฒนะธรรม ต้องใคร่ครวญว่าผู้รับบริสุทธิ์ ยังประโยชน์สูงสุดแก่ผู้รับ..นี่คือหลักปัญญาในการทำบุญ-ทาน..
จิตจะตั้งมั่นใน ความดี เป็นพื้นฐานที่สงบและสำคัญยิ่ง จิตจะสงบเมื่อระลึกถึงบุญ-ทาน ที่ทำด้วยปัญญานี้อย่างมีเหตุผลด้วยพลังแห่งปัญญาโยนิโสให้ดีครับจิตจะสงบ นานเป็นฐานให้เกิดสมาธิ
..เมื่อถึงจุด จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิจิตบุญ-ทาน จิตเขาก็จะทิ้งจะวางจะตัดเองแม้กระทั่งความดี ก็จะวางไปเองเพราะ"รู้" ซะแล้วก็ไม่อยากได้แค่สภาวะนี้ จิตเขาจะวางเองไม่ต้องไปตั้งท่า ละวางอะไรเลยครับ..เมตตา ให้ด้วยปัญญา จิตจะตั้งมั่นด้วยกำลังบุญ-ทานนี้ครับ สาธุครับ ชวนสนทนาธรรม นานๆมาครั้ง
ท่านขันธ์ หากมาได้ช่วยชี้แนะด้วยครับ สาธุอนุโมทนาล่วงหน้าครับ


..บางคนเขามองแค่ มีคนเดือดร้อนมายืมเงิน นั่นกำลังเดือดร้อนจริงๆได้โอกาสทำบุญแล้ว..ดูอีกนิดโยนิโสอีกหน่อย ให้โอกาสเขาได้ไหม..ประวัติดี ก็ให้ไปเลยประวัติไม่ดี
ก็ไตร่ตรองให้โอกาสเขาไหม..ใช้ปัญญาครับ เราเสียเงิน แต่ได้ใจได้สติได้บุญได้กำลังจิตเพราะไม่หวังได้คืน หากได้คืนนั่นกำไรบุญ2ต่อเลยครับ
แต่การช่วยคนอื่นในเพศฆราวาสตนเองต้องไม่ลำบากด้วยนะครับไม่งั้นบาป..



อ้างถึง

สับสน! ว่า
ผมตัวนิดเดียว.ท่านขันธ์ไม่มา ทุกคนหายเงียบ ตัวแสบก็หาย ..ผมมาหาความรู้และเพลิดเพลินในธรรม..แต่เงียบไปหมดเลย คิดถึงท่านขันธ์ครับ






นู๋บี ว่า....


แหม๊ ? เอะอะ ๆ หล่อน ก็พิลาปรำพัน
บ่น คิดถึง แต่ ป๋าขันๆๆๆๆๆๆๆๆ
ม่ะเห็น จะ บ่นคิดถึง นู๋บี กัลยา ณ มิตร ที่แสนดี คนนี้มั่ง เรยอ่ะ
อะซิก ๆ ชักน้อยใจแระน้าาาา โอ๊ยยยย งอน เว้ย งอน


อืม... สงสัย ป๋าขันธ์ อีจะ งดเม้าส์ เข้าพรรษา มั้ง
เรยยัง ไม่ออกมาเต้น แร่พโยวโชว์ สเตป น่ะอิอิ
เออ แล้วจะบอก อะไร ให้นะยะ
ไอ้เรื่อง ทำบุญทำทาน เนี่ย
เชื่อ ป่ะ ถ้า มีคนตั้งกระทู้ถาม ว่า

ระหว่าง ขอทานหิวโซใกล้ตาย กับ พระอรหันต์
ท่านจะเลือก หยิบยื่น อาหารที่มีอยู่เพียงอันเดียว ให้กับใคร ?


ส่วนใหญ่ไอ้พวกพุทธแท้แบ่บไทย ๆ
มันก็เลือกให้ พระอรหัต์ กันทั้งนั้นแหล่ะ
อะไร คือ รากเหง้า อันเป็นแรงขับเคลื่อนในการตัดสินใจเช่นนี้ล่ะ
เฮ้ออ สามัญสำนึก น่ะ มันยังสอนกันได้นะ
แต่ จิตสำนึก นี่ สอนกันยากส์ อิ๊บอ๋ายเรยว่ะ



เออ ชั้นว่า เรื่องนี้ ระบบการศึกษา ก็มีส่วนเหมือนกันนะ
ศาสนาพุทธน่ะ เป็น ศาสนาแห่งปัญญา ก็จริงอยู่
แต่ เท่าที่ตรูเห็น คนที่นับถือส่วนใหญ่ น่ะ
แมร่ง ศรัทธาจริต จ๋า กันทั้งน้านนน
ฝันไปเต๊อะ ว่าอิพวกนี้จะยอมหยิบยก
เอา กาลามสูตร มาเป็น สรณะ น่ะ
แค่ แหย่ ศรัทธา มันเล่นนิด ๆ หน่อย ๆ
พวกมันก็ดิ้นพล่าน ยังกะ ไส้เดือนถูกขี้เถ้า แระ อิอิ



ที่สำคัญ คนพวกนี้มักจะถูก ปลูกฝัง
ความเชื่อ ใน เรื่อง เนื้อนาบุญอันไพศาล
โดยไม่มีใครสอนให้รู้จักสังวร สำรวม ระวัง
เกี่ยวกับเรื่อง ความละโมบโลภมาก ในการสะสมบุญ น่ะ
การ ทำทานบารมี ของพวกเขา จึงมักจะเป็นไป
ในรูปแบบ ของ การทำทานยังไงก็ได้ให้ตัวกรูมีกำไร สูงสุด
ไม่ใช่ เป็นการทำทาน เพื่อการสละออก ซึ่งสิ่งของอันเป็นตัวกรูของกรู น่ะ
เพราะงี้ไง ไอ้ลัทธิ การทำบุญเงินผ่อน
มันถึงได้เฟื่องฟูจนกู่ไม่กลับน่ะ หุหุ



เฮ้ออ ก็ในเมื่อ อิพวกพุทธมามกะจ๋า แบบไทย ๆ
มันชอบ ดีด ลูกคิดรางแก้ว แบบนี้ไง
จิต มันถึงไม่ได้คิดที่จะ ปล่อย จะวาง
แต่ เสือก คิด แต่จะเอา ๆๆๆ อยู่งี้ ง่ะ
แล้ว จะให้ จิตมัน ตั้งมั่น ได้ไงกันวะ
ถ้า ฐาน มันยัง ง่อนแง่น เต็มที เช่นนี้ อ่ะ






นายรักดี ว่า...

คนที่ให้กับพระอรหันต์อาจจะไม่ต้องโลภบุญอย่างเดียวก็ได้นะ คำว่าเนื้อนาบุญ ไม่ใช่แค่เราไปทำบุญได้บุญมากตกแก่เราอย่างเดียว

แต่ยังหมายถึงเป็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อโลกด้วย เป็นผม ผมก็เลือกให้พระอรหันต์ครับ ให้อาหารพระอรหันต์เพื่อกำลัง ท่านทำอะไรได้อีกเยอะ สอนหมู่สัตว์ได้อีกเยอะ รักษาธาตุขันธ์ท่านก็เป็นบุญต่อผลขันธ์ของสัตว์โลก (ไม่แน่ว่าท่านจะเอาไปให้ใครต่อ หรือบริโภคพอประมาณเพื่อเหลือไว้โปรดสัตว์ ก็เป็นเรื่องของท่าน แต่ไม่ว่าทางเลือกใด ผมให้ท่านก่อนเป็นแน่)

ไม่แน่นะ คนที่ฐานง่อนแง่น อาจจะไม่ใช้คนอื่นหรอกครับ แต่อาจเป็นตัวเจ้าของโพสเอง ที่เที่ยวร้อนมองแต่คนอื่น เห็นคนอื่นโง่ไปซะหมด แต่เรื่องของตัวกลับไม่เคยมีสติพอที่จะมองดูตัวเอง ^ ^





อ้างถึง

สับสน! ว่า

นางblank123..ต้องให้ขอทานซี่ เขาจะอดตาย อรหันต์ท่านไม่ฉันท่านก็ไม่ตายหรอก อย่าตั้งปัญหาแบบเปิดโลกทัศน์มากนัก คนเขาไม่อยากเปิดก็เยอะ..อิอิ






นู๋บี ว่า...

อ้าวววว เฮ้ย ตอบงี้ ระวังจะโดน ค่อนขอด
ถูกครหาว่า เป็น คนที่ฐานง่อนแง่น นะเว้ยเฮ้ยยยยย
เด๋ว จิตก็ ตั้งโด่ เอ๊ยยย ตั้งมั่น บ่ ได้ เด้อออ เหอ...เหอ....


เออ นี่ ๆ หล่อน เคยดู ซีรี่ซ์เกาหลี เรื่องนี้ป่ะ



(http://4.bp.blogspot.com/-AeADkLKZcO0/T9TV7UAQk7I/AAAAAAAAEI8/CS8nyXDvuJw/s1600/21.jpg)

----------------------------------------------------------------
หมออัลเลนจึงถามฮวางจอง
ว่ายังอยากจะเป็นผู้ช่วยอยู่หรือเปล่า

“ครับ ผมอยากเป็นมาก”


“ถ้าหาก คนไข้ที่อยู่ตรงหน้า
เป็นขุนนางใหญ่...กับสามัญชนล่ะ
คุณจะเลือกรักษาใครก่อน”


“เลือกรักษาคนที่มีอาการหนักก่อน”


“แล้วถ้าหากเป็นคนดีกับคนเลวล่ะ?”


“ก็ต้องช่วยคนที่มีอาการหนักก่อนเหมือนกัน”


“ดีมาก สิ่งที่ผมต้องการ..มีเพียงอย่างเดียว
คือเป็นหมอจะต้องไม่ปฏิเสธคนไข้
นี่เป็นจรรยาบรรณของคนที่เป็นแพทย์...ต้องจำไว้”

“ข้าจะจำเอาไว้”


“นับจากนี้ไป คุณฮวาง คุณเป็นผู้ช่วยของผม
คุณฮวาง คุณจะกลายเป็นหมอที่ดีได้แน่นอน”




นี่ ๆๆๆๆๆ พ่อกัลยา ณ มิตร คิดไม่ซื่อ เจ้าขราาาา
วานไปจุดธูปถาม หมอ ชีวกโกมารภัจจ์ ให้ทีดิ ว่า

"ถ้าหาก คนไข้ที่อยู่ตรงหน้า
คือ สมณะโคดม...กับ อิเถรเทวทัต แล้วไซร้

ท่านจะเลือกรักษาใครก่อน"
 




อ้างถึง

สับสน ว่า...

..นู๋บี..เขาสอนคนไม่ให้ติดอานิสงส์ ในการทำบุญจะละความโลภได้เด็ดขาดนัก..ไม่เชื่อก็ลองทำดูนะ
 ..แต่ตัวอย่างเธอยังไขว้เขวในตัวอย่างที่ยกมาไม่เหมาะสม เช่น ..หากตถาคตป่วย กับ เทวทัติ ป่วยจะรักษาใครก่อน การทำบุญไม่ใช่หน้าที่ จะยกเอาตัวอย่างนั่นมาถามไม่ถูกต้อง
     อีกอย่าง การทำบุญมีหลักว่าต้องทำด้วยปัญญา ผมก็ต้องทำบุญกับคนดีก่อน คนชั่วหากไปทำบุญกับมันผลจะได้น้อยแต่นี่มิใช่หวังอานิสงส์เพื่อส่วนตัว แต่เป็นการหวังประโยชน์เพื่อส่วนรวม คนส่วนใหญ่ ..มันจะทำลายคำสอนที่ว่า ทำบุญต้องโยนิโสมนะสิการก่อน ต้องใคร่ครวญแล้วจึงให้ต้องมีเจตนาที่จะทำเพื่อจิตใจตนเองหรือผู้อื่น





นู๋บี ว่า...

เฮ่ย ? คนสวยปัญญาดีอย่างชั้น
ไม่ได้ สับสนในชิวิตเหมือนหล่อนนะยะ
แล้วที่ยกตัวอย่าง ให้ หมอชีวกฯ ต้องเลือกรักษา
ระหว่าง สมณะโคดม กับ อิเถร เทวทัต ที่กำลังป่วย น่ะ
ก็แค่ จงใจ ปาหินข้างทางเล่นเฉย ๆ ว่ะ เอิ๊ก ๆ


แหม ?การเปรียบเทียบงี้ น่ะ ชั้นว่ามัน ลุ่มลึก
และ ช่วยทำให้เราเห็น รากเหง้าของการกระทำ
ตลอดจน อคติ 4 ในตน ได้แบบชัดแจ๋ว ดีออกนะ
ว่าจริง ๆ แล้ว สิ่งที่เราคิดว่า เป็น การทำบุญ นั้น
มันมี วาระซ่อนเร้น อะไร แอบแฝง อยู่ในจิต บ้าง
และมันเป็น การรักษาผลประโยชน์ของพวกพ้องตัวเอง หรือไม่ ?


อืม...เห็นหล่อน เลคเชอร์ให้ฟังว่า
การทำบุญไม่ใช่ หน้าที่  มีหลักว่าต้องทำด้วยปัญญา
งั้น ลองโยนิโสฯ  ตอบคำถาม ให้ชั้นชื่นสะดือ หน่อยเด๊ะ


"ถ้าหาก คนไข้ที่อยู่ตรงหน้า
คือ ลูกสาวฝาแฝดของหล่อน...กับ พระปราโมช แล้วไซร้
 
 หล่อนจะเลือก รักษาใครก่อน "



ตอบเสร็จแล้ว ก็ลองบอกถึง เหตุปัจจัย
ที่หล่อนเลือกที่จะกระทำเช่นนั้นด้วย ว่ามันเกิดจากสิ่งใด ?
มี อคติ 4 และ ผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง หรือไม่ ?
แล้วลองถามใจตัวเอง อย่างตรงไปตรงมาด้วย นะว่า
สิ่งที่ทำ มันเป็น บุญเปื้อนบาป ไหม ?




จิตจะตั้งมั่น ได้  ส่วนใหญ่มันไม่ได้เกิดจาก การทำบุญ หรอกนะ
แต่ มันเกิดจากการ สร้างกุศล ต่างหาก
ทำบุญ กับ สร้างกุศล มันต่างกันไง
ชั้นคงไม่ต้อง สอนไอ้เข้ อย่างหล่อนว่ายน้ำหรอกนะ


เฮ้ออ การทำบุญ มันเป็นเรื่องของ โลกียะ
 แต่ การสร้างกุศล น่ะ มันเป็นเรื่องของโลกุตระ ว่ะ
 แล้ว สิ่งไหน มันช่วยให้ ฐานของจิต ตั้งมั่นได้ดีกว่ากันล่ะ ?
 การทำบุญ ก็เหมือน คนโง่ ที่สร้างบ้านอยู่บนหาดทรายนั่นแหล่ะ
ถ้าฟังแล้วไม่เก็ท ก็ลองฟัง เพลงนี้ (http://youtu.be/e2b4pNwUhoY) ดู
แล้วเลือกเอาเอง ว่า คิดจะสร้างบ้าน ไว้ที่ไหน หุหุ
 
 
อืม...การทำบุญ ในความหมายถึงการช่วยเหลือผู้อื่นนั้น
 มันควรเป็นการกระทำแบบ หว่านพืชโดยไม่หวังผลนะ
ที่สำคัญ ต้องทำโดยปราศจาก  อคติ 4
และ การเห็นแก่ผลประโยชน์ ต่อพวกพ้อง ด้วย


 จริงอยู่ การทำบุญสร้างกุศล มันไม่ใช่หน้าที่
 แต่ถ้าจะ ให้จิตตั้งมั่น ได้ บนฐานที่สมดุล
 ก็ต้องทำเรื่องเหล่านี้ ให้มันฝังรากลึกไปใน จิตสำนึก ว้อยยย
 ไม่ใช่ ผิวเผิน แค่ระดับ สามัญสำนึก ที่หล่อนพยามจะสอนชาวบ้าน


และ ในโจทย์ ที่ชั้น ตั้งกระทู้ถาม นั้น
ถ้า หล่อนเลือกช่วย ลูกสาวของหล่อน ก่อน
เพราะเห็นแก่ความผูกพันธ์ทางสายเลือด
มันก็แค่ สามัญสำนึกสั่วๆ  ที่ปุถุชนทั่วไป มันก็ทำกัน
จนเหมากันเอาเองว่า สิ่งนี้เป็นความถูกต้องชอบธรรม น่ะ


แต่ ถ้าใน ระดับของจิตสำนึก
เวลาเลือกจะช่วยเหลือใคร มันต้องดูให้ลึกกว่านั้น นะ
และ หากยัง ยุติกรรม ไม่ได้  หล่อนต้องช่วยเหลือผู้คน
บน บรรทัดฐาน แห่งความยุติธรรม
อันเป็นที่ยอมรับทั้งทางโลกและทางธรรมด้วยด้วย


บรรทัดฐานที่ว่า คือ บุคคลทุกคน
ล้วนมีสิทธิที่จะได้รับความช่วยเหลือ อย่างเท่าเทียมกัน
โดย ปราศจาก อคติ 4 และ ผล ประโยชน์ มาเกี่ยวข้อง
ไม่ว่า เขาจะเป็น คนดี คนเลว คนรวย คนจน
กิ๊กเรา เมียเขา ลูกสาวศัตรู 5เหวไงก็ตาม


ดังนั้น เราจึงควรช่วยคน โดยดูจาก ระดับความทุกข์ของเขา
ถ้า อาการโคม่า  ก็ควรจะได้รับการรักษาก่อน
และ ต้องพิณาตามสภาพ ที่สามารถทำได้เฉพาะหน้า ณ ปัจจุบันขณะ ด้วย
ไม่ใช่ มัวแต่ มานั่งวิตกจริต คิดถึง แต่ผลประโยชน์ในภาคหน้า
แล้วมาริดรอนสิทธิ ในการได้รับความช่วยเหลือของเขา
เฮ้ออ ไอ้ศาสนาพุทธของหล่อนเนี่ย
มันสอนให้ อยู่กับเรื่องในปัจจุบันขณะ
หรือว่า อยู่กับ หวังประโยชน์ในอนาคต วะ


หมายเหตุ :

อันนี้ ชั้นหมายถึง เหตุการณ์
ที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขอันเป็นสภาวะวิฤกติฉุกเฉิน
จนเป็น อัตรายต่อชีวิต นะยะ
แต่ถ้า เป็นเรื่อง ยืมตงยืมตังค์ ไปนวดกระปู๋
หรือ ไปหม่ำปลาบู่นึ่งซีอิ้ว อะไรเนี่ย
จะสมณะโคดม หรือ อิเถร เทวทัต ตรูก็ไม่ให้ยื้มว้อยยย (http://cdn.palungjit.com/images/smilies/angry-smile.gif)







jittinon  ว่า...


วาระซ่อนเร้น นั่นศัพท์การเมืองหรือไม่ มีมูลไหม
หากโคม่า เจ้ใช้ซีม่าไหวป่ะ
เขาให้เรียกญาติมาดูแล้ว หากเจ้เป็นหมอว่าไป หากเจ้เป็นพยายมว่าอย่าง นี่เจ้เป็งเจ้นู๋บี จึงอาศัยเรื่องรักษาได้ ชิมิ
มาขำๆรอลูกค้ายามดึก




ดูงาน  ว่า...

นี้ รู้มั๊ย นู่บีนี้เขามีเสรีภาพประชาธิปัตไตยเป็นศาสดารู้มัย
เขาให้ความสำคัญเป้นอันดับต้นๆเลยนะรู้มัย






Supop ว่า...


ขออนุญาตเสวนา

เรื่องที่คุณสับสนกล่าวเรื่องการทำบุญนั้น ผมขอแจกแจงเล็กน้อย รู้แล้วก็ผ่านเลยไปนะครับ

ตามหลักศาสนาพุทธที่มีกล่าวไว้นั้น การทำบุญให้ได้บุญนั้น ต้องทำด้วยใจที่บริสุทธิ์นั้น คือ ทำด้วยใจคิดอย่างนั้นจริงๆ ต้องการอย่างนั้นจริงๆ

เหมือนเราทำบาป ทำไมเราถึงทำบาปแล้วได้ผลบาปเต็มที่ แต่ทำบุญกลับได้ไม่เต็มที่

เพราะเราไปนึกถึงคำบัญญัติเกินไป ไปนึกถึงคำว่าบุญเวลาทำบุญ โดยที่คำว่าบุญนั้นไม่ใช่สิ่งที่จิตเราจะรู้จัก แต่เป็นผลของการกระทำเท่านั้น เวลาคนเราทำบาป ไม่เคยมีใครนึกถึงบาป หรือคิดว่าทำเพื่อต้องการบาป

นั่นเป็นเพราะเวลาเราทำสิ่งที่ให้ผลเป็นบาปอกุศลนั้น เราไม่ได้คิดถึงบาปแต่เรานึกถึงสิ่งที่เรากระทำ

คือ เวลาเราโกรธใครมากๆ จนถึงขนาดไปฆ่าเขาตาย นั่นก็เพราะเราต้องการให้เขาตาย เราขโมยเงินเขา ก็เพราะเราอยากได้เงินของเขา เราไปผิดลูกผิดเมียเขาก็เพราะตัณหาราคะในใจของเรามันต้องการ แล้วที่เขาโกรธเราแช่งเรานั้น เขาก็โกรธเราแช่งเราจากใจจริง สิ่งเหล่านี้ก็คือทำไปด้วยใจที่บริสุทธิ์เช่นกัน

ทำไปด้วยใจที่บริสุทธิ์ก็คือ การทำไปด้วยความต้องการนั้นๆ หรืออารมณ์นั้นๆจริงๆและเป็นหนึ่งเดียวในอารมณ์ ไม่มีความต้องการอื่นหรืออารมณ์อื่นเกี่ยวข้อง

ที่เราทำแล้วไม่ค่อยได้บุญเต็มอานิสงค์ก็เพราะเวลาเราทำ เราไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่เราไปคิดถึงเรื่องบุญ

การทำโดยที่ต้องการผลอย่างนั้นจริงๆ เช่นเวลาใส่บาตรพระ ก็เพราะเราต้องการให้ท่านได้ฉันอาหารที่เราชอบที่เราคิดว่าอร่อยจริงๆ เพื่อให้ท่านได้ฉันเพื่อประครองชีวิต ให้ได้ปฏิบัติได้ศึกษาในพระธรรม เพื่อที่จะเป็นเนื้อนาบุญให้แก่สัตว์ทั้งหลายต่อไปนานๆ

หรือการฟังธรรมก็เพราะเราต้องการรู้ในธรรมนั้นๆ ต้องการใคร่ครวญในธรรมนั้นๆ จริงๆ เราจึงจะได้พระธรรมจริงๆ

เปรียบไปก็เหมือนฟังวิทยุอยู่แล้วมีคลื่นรบกวนนั่นนี่มาแทรกอยู่เรื่อย ก็ฟังไม่ได้ใจความ ฟังไม่รู้เรื่อง

ขออภัยที่ผมเองแม้จะปฏิบัติมาตั้งนาน ก็พึ่งจะรู้ว่า การทำด้วยใจที่บริสุทธิ์แท้จริงเป็นเช่นไรมาไม่นานนี้เอง

ก็แค่นำมาเสวนากันครับ เห็นเรื่องเข้าประเด็นพอดี

ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านครับ





อ้างถึง

สับสน! ว่า...

เรื่องที่นางblank123 ถามนั้นไม่ยาก ฉันก็รักษาลูกฉันก่อน-ตามหนักเบาของอาการ เพราะฉันไม่ใช่อรหันต์ ที่เธอยกตัวอย่างมา การปราศจากอคติ4 นั่นมันองค์คุณของอริยะแล้ว ท่านก็ต้องเลือกไปตามกรรมของสัตว์ แต่ปราศจากอคติ4

อย่างท่านsupop ตอบมานั่นน่าสนใจยิ่งในสภาวะ "จิตบริสุทธิ์" คงหมายถึงจิตเป็นสมาธิ ขณะทำบุญเพราะสติต้องจดจ่อในทาน-บุญที่ทำ กำลังสติใครแกร่ง แรง ก็ปราถนาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ หากถึงตรงนั้นก็ระวังจะถอน บุญ-ทาน ตัวเองลำบากเพราะไปหวังไว้ซะแน่นเลย อย่างที่บอกหากโยนิโส ใคร่ครวญการให้ดีๆจิตจะสูง จะสูง จะละเอียดกว่ากันก็ตรงนี้แหละ ความปราถนานี่แหละ..บางครั้งบุญกุศล เรายังต้องเสียสละเลยเราไม่อยากได้เราทำเพราะอยากทำ อยากปราถนาดีต่อผู้อื่น ไม่หวังอะไรแต่เจตนามี
การที่จิตจะวางบุญ-กุศล เองไม่ต้องไปตัด ละ อะไรนั้น จิตต้องมีการเรียนรู้มาจากแผนที่พระไตรฯลก่อนครับ สภาวะที่จิตละเอียด เราจะเสพได้ เข้าใจได้ ในชั้นของมนุษย์นี่แหละครับ แผนที่พระไตร ครูอาจารย์ สำคัญจริงๆครับ ท่านต้องชี้ทางเพราะท่านผ่านมาก่อนครับหากเราไม่มีคนแนะ เรา..หลงสภาวะล้านเปอร์เซ็นต์
น้องนราสภา..ก็พูดถูก แรกเริ่มจำเป็นต้องใช้กิเลสความอยากเป็นสะพานในการสร้างบุญ-กุศล ที่สูงขึ้นไปก่อน เมื่อถึงเวลาจิตได้เรียนรู้มากเข้า ใคร่ควญโยนิโสมากขึ้น ความรู้เกิดขึ้น ได้เสพสภาวะที่จิต ละเอียดกว่าบุญกุศลนั้นๆแล้ว จิตเราจะวางบุญ-กุศลเอง มุ่งสู่สภาวะที่เลยสวรรค์ ทั้ง6..ออกไป ผมพูดตามเหตุผล ไม่เคยไปหรอกนะครับ
 




นู๋บี ว่า

อืม...อันนี้ก็ ข้ออ้างยอดฮิต ของสานุศิษย์ตถาคต
แหม๊ ? ไม่เห็นต้องอ้างสถานะ อรหันต์ -โซดาปั่น
มาเป็น ไม้กันหมา...เอ๊ย... มาปลอบใจตัวเองเลยนิ
เรื่องนี้ มันแค่เอาเรื่องของ มโนสำนึก+มนุษยธรรม มาจับก็พอแล้ว


เอาง่าย ๆ เลยนะ  ถ้าลูกหล่อน กับ พระปราโมช กำลังจะจมน้ำตาย หล่อนจะตัดสินใจกระโดดลงไปช่วยใครก่อนฟระ
ถ้า ตำแหน่งที่ พระปราโมช จมน้ำ นั้น
อยู่ใกล้จุดที่หล่อน กระโดลงไป มากกว่า
หรือว่า หล่อน จะใจดำแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
ทำเป็นมองไม่เห็นจีวรสีเหลืองอ๋อยของหลวงพี่
แล้วรีบว่าย ผ่านหน้าสมณะ ที่กำลังจะจมน้ำตาย
เพื่อตรงรี่เข้าไปช่วยลูกสาวสุดที่ร้ากกก ฟระ


เฮ้ออ จำไว้นะไอ้เกิดเป็นบ่าง

สิ่งที่สอนกันไม่ได้ คือ สามัญสำนึก
แต่ ในส่วนของ จิตสำนึก มันฝึกกันได้ ว้อยยยยยยย
มันขึ้นอยู่กับว่า เมิงจะยอม ฝึกจิตฝึกตน อ๊ะปล่าวววว  (http://cdn.palungjit.com/images/smilies/angry-smile.gif)


ปอลิง.

เออ เฮ้ยยย นี่ ๆ นังสับฯ
ชั้นเพิ่งถอย บล็อกใหม่ มาว่ะ
วานหล่อน และ ท่านผู้อ่านใจดี
ช่วยไปเจิม เพิ่มเรทติ้ง ใน ลิ้งค์เนี๊ยะ (http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=bsonjb&group=1&month=28-08-2012&gblog=12) ให้ทีจิ
เนี่ย ชั้นกำลัง อยากได้คำแนะนำ
จาก ไอ้เฒ่าที่มันสามารถแขวนกางเกงใน
มาได้เป็น 10 ปี แล้ว สักหน่อย ว่า

อสุภะ - ราคะ - กามา แอนด์ เสน่หายาใจ 
(โอ๊ยย ตรู จะ เขี่ยมันทิ้งยังไงดีวะเนี่ย ? )


น่านะ ช่วยหน่อย นึกซะว่า เป็นการ ทำบุญทำทาน
ด้วยการชี้ทางสว่าง ให้คนที่กำลังจะหลงทาง
และ ตาบอดเพราะฟามร้ากกกกก (http://cdn.palungjit.com/images/smilies/cry-smile.gif)


(http://www.buzzinn.net/img/fun/monkey-face/monkey-face14.jpg)
หัวข้อ: ► ►►. . ..The Letter : จม. เปิดผนึก ถึง อิหม่ามี๊ ะ วิทูรบัณฑิต.. . .◄ ◄◄
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ สิงหาคม 31, 2012, 12:02:07 am
The  Letter  :  จม. เปิดผนึก ถึง อิหม่ามี๊  ก๊ะ วิทูรบัณฑิต

(http://3.bp.blogspot.com/_W21-jYwPikA/Rx-gGO454SI/AAAAAAAAGhE/Ppilt-bQ4p8/s400/6.jpg)

อิอิ แท้งกิ๋วสำหรับ วิทูรชาดก (http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%81) เจ้าค่ะ อิหม่ามี๊


อืม...เคยอ่านผ่าน ๆ ตามาบ้างเหมือนกัน
ชอบ คำพูด ในชาดก พวกนี้ จังอ่ะ
โด๊นโดนนนนนนนนนนนนนนนนนน 555

วาจา อันไพเราะนั้นจะมีค่าก็ต่อ เมื่อประกอบ ด้วยหลักธรรม


ข้าพเจ้า ไม่เกรงกลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้น
ข้าพเจ้าไม่เคย ทำความชั่ว ไว้ในที่ใด
จึงไม่เคยรู้สึกกลัวว่า ความตายจะมาถึงเมื่อไร


ข้าพเจ้าไม่เคยทำความชั่วจึงไม่กลัวความตาย
ข้าพเจ้ามีหลักธรรม และมีปัญญา เป็นเครื่องประกอบตัว
จึงไม่หวั่น เกรงภัยใดๆ ทั้งสิ้น



รู้ป่ะ เพราะ คอนเซ็ปต์เฉกนี้ นี่แหล่ะ
ที่ทำให้  นู๋บี กล้าที่จะ ตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก
ยืนหยัด ไล่กัด เหล่า พุทธมามกะจ๋า
ในเวบบอร์ดธรรมมะ ได้ โดย ไร้รอยขีดข่วน อิอิ


และ ก็เพราะ คอนเซ็ปต์นี้ อีกนั่นแหล่ะ ที่คอยคุ้มกะลาหัว
ทำให้ นู๋บีไม่ต้องรู้สึกนึกหวาดกลัว ผี สาง นางตานี จนหัวหด
แถม คอนเซปต์นี้ ยัง ทำให้ นู๋บี ไม่สะทกสะท้าน คร้านคร้ามใจ
เวลาที่ต้องไป รับประทานดินเนอร์ กับ ด๊อกเตอร์ เลคเตอร์ ด้วย !


อ้อ แต่ ถึงงั้น นู๋บีก็ยังรู้สึกว่า วิทูรบัณฑิต นั้น
มันยังไม่เจ๋งเข้าตา ตามมาตรฐานนู๋บี ว่ะ
ขัดหูขัดใจ กับ ประโยคนี้ ของไอ้หมอนี่ ชะมัด

ข้าพเจ้า เป็นทาสของพระราชา
พระราชาตรัสสิ่งใด ข้าพเจ้าก็จะทำตาม



ฮ่วย ! ขืนสะสม สัจจะบารมีแบบบ้องตื้น งี้
มันก็ไม่ต่างอะไรกับ การรักษา สัจจะ ของบักขงเบ้ง
ก๊ะ ไอ้เจ้าก้วยยี้ ที่มันให้เข็มทอง ก๊ะ อินู๋ก๊วยเซียง
โดยที่ไม่รู้จักคิดหน้าคิดหลังไห้ดี หรอกนะ


จริงอยู่ การรักษาวาจาสัตย์ นั้นย่อมเป็นสิ่งที่ดี
แต่มัน ต้อง ใช้ปัญญา มา โยนิโส  เพื่อกำกับเอาไว้ด้วย
ไม่ใช่ เอะอะก็จะรักษา วาจาสัจ ตะพืดตะพือ
จน ขาดจิตสำนึก และ หลงลืม หลักมนุษยธรรม 
แล้ว ล้ำเส้นของ ศีล 5  ไปละเมิดเบียดเบียนผู้อื่น น่ะ


แหม ? อยากรู้จังเรย อ่ะ ว่า 
ถ้า พระราชาทรงพระหมั่นไส้ชาวบ้าน
แล้ว ตรัสให้ทั่นวิทูร ไปขย้ำคอหอยพวกมัน
ผู้ที่ถวายตัวเป็นทาสรองบาทของพระราชา อย่างเฮียแก
จะยอมทำตามคำสั่ง นั้นหรือไม่ ?


อืม..นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า
ควรจะ ชั่งใจไตร่ตรองให้ดี ๆ
ก่อนที่จะ อ้าปาก ให้สัจจะวาจาอะไร ก๊ะใครไว้
ไม่งั้นเราอาจจะ เสียหมาได้ อิอิ



อ้อ และที่ ข้องใจอีกอย่างนะ
เฮียวิทูร แก มีปัญญา ภาษาอะไรกันวะ
ถึงได้ ยอมปล่อยให้ตัวเองตกเป็น ทาส เช่นนี้ นะ
ยี้ คำว่า ทาส เนี่ย มันเป็นไรที่ น่าขยะแขยง
ดู โลโซ โนคลาสมากมาย เลยอ่ะ
เพราะมัน หมายถึง การ หน้ามืด จนเกินลิมิต
แล้วยินยอม ให้ สิ่งหนึ่งสิ่งใดเข้ามามีอิทธิพลมืด
คอย บงการชีวิต และ ความคิดของเราจนเลยเถิด


ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็น  ทาสสินไถ่ 
ทาสในเรือนเบี้ย ทาสร้ากทาสหัวใจ
หรือ แม้แต่การถวายตัวเป็น พุทธทาส  ธรรมทาส  และ สังฆทาส ก็เหอะ
ถ้าลงได้หน้ามืดไปเซ็นสัญญา รับปากไว้
ว่า จะเป็นทาสของใคร  ก็ย่อม ไม่น่าพิสมัย ทั้งนั้นว่ะ
( ยกเว้น อัตตาทาส อันนี้ อิการ์ฟิลด์มันบอกว่า พอหยวน ๆ ได้ง่ะ งิงิ )



เออ อีกอย่างนะ ไอ้คำตัดสินของป๋าวิทูร
เรื่อง  ศีลของใครประเสริฐที่สุด น่ะ
ขอบอกว่า แมร่งตัดสินได้บ้องตื้น มากเลยฮ่ะ
ไอ้การพูดจาภาษาดอกไม้ รักษาน้ำใจกัน แบบนั้น
แมวที่ไหน ก็ พูดตามสคริปต์โลกสวยแบบนี้ได้ว่ะ
แหม๊ ถ้าเป็น นู๋บี ตัดสิน อ่ะนะ
นู๋บีจะ ตบกระโหลก ไอ้ 4 ตัว นั่นคนละที
แล้ว ชี้หน้าด่าพวกมันว่า


ปั๊ดโธ่  ! อิพวกคางคกขึ้นวอ
นังแมงปอใส่ตุ้งติ้งเอ๊ยยย
กะอีแค่มีศีลเฉย ๆ แค่นี้นี่นะ
ดันเจื๋อกแค่นหยิบยก
เอามาประกวดประขัน อวดกัน อยู่ ได้
ว่า ศีลของใครประเสริฐเลิศสะแมนแตน กว่ากัน ?
เนี่ย ถ้า ดันมีมานะ เกิดขึ้น เพราะ การถือศีล   น่ะ
มันจะมี ความประเสริฐ ได้ไงกันฟระ (http://drama-addict.com/wp-includes/images/smilies/icon_confused.gif)


เฮ้ออ เรื่องของศีล เนี่ย มันก็เป็นแค่เรื่อง ของความ ปกติ เท่านั้น
อย่าได้สะแหล๋นแจ๋น บังอาจคิดจะเอาศีลทั้งหลายแหล่
มาเป็น บันไดเหยียบ ไว้ยกตนข่มท่าน
ให้ดูว่า ตรูข้านั้นมันประเสริฐเลอเลิศ
กว่าชาวบ้านชาวช่องนักเลยว่ะ
ศีลน่ะ เขามีไว้ เพื่อฝึกให้ เพียรละ เพียรระวัง ว้อยยย
ไม่ได้มีเอาไว้  เพียรเอามาอวด กันงี้ แว้ด ๆ ฉอด ๆ


อะโหย เผลอ พูดตามใจปากอีกแร้วตรู
ขออภัยเจ้าค่ะ อิหม่ามี๊ ที่ นู๋บีเผลอ เม้งแตก
วีนแหลกอีกแระ แบ่บว่า องค์ลง แหะ...แหะ...

(http://www.bewell.co.th/pictures/Be-Learning/witoon.jpg)


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เออ จริง ดิ เห็น อิหม่ามี๊ พูดถึง
ป๋ารถฯ ( ว่าที่ พ่อสามีในอนาคต ของนู๋บี  ) ว่า


อ้างถึง

เรื่องที่บักระนาดเอากฏหมายมาขู่เนี่ย อิหม่ามิ๊มันเฉยๆนะ
เพราะมันเป็นขั้นตอนสุดท้ายสำหรับกรณีตกลงกันไม่ได้
และต้องการข้อยุติแบบที่อีกฝ่ายจะหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ถ้าตกลงรอมชอมกันได้ มันก็จบไม่ต้องไปถึงศาล
เพราะเรื่องทั้งหมดมันก็ไม่เห็นมีอะไร เขาแค่อยากดูตัวจริง


ส่วนอีกคนก็พยายามหลีกเลี่ยงหาเหตุไม่ไปตามนัด
จนบานปลายกลายเป็นสินสอดขอดูตัวด้วยแคชเชียร์เช็ค
1.5 ล้าน ไม่รู้อิหม่ามิ๊อ่านจับใจความถูกรึป่าวนะ ว่าเช็ค
1.5 ล้าน ที่จะเอาไปบริจาคให้องค์กรการกุศลเนี่ย
ถ้าพ่อสังข์ทองไม่มีสัญญาจองคอนโดมูลค่า 30 ล้านมาแสดง
คนจ่ายเงินบริจาคต้องเป็นพ่อหอยสังข์รถเรณู ตามเงื่อนไข
ที่บักระนาดเขาตั้งไว้ตั้งกะตอนยังไม่ไปซื้อเช็ค 1.5 ล้าน
อะนะ ไม่รู้ว่า พ่อหอยสังข์รถเรณู จะเข้าใจตรงกับบักระนาด
รึป่าวนะ เพราะเล่นใช้แทคติคเบี่ยงเบนประเด็นและ
เงื่อนไขกันตลอด


เรื่องนี้ทดสอบปัญญาการอ่านกับปัญญา
การเอาตัวรอดจากความจริงที่หลุดออกจากปากกันเลยนะ
ว่าจะแถ จะหาเหตุให้ตัวเองรอดจากการพิสูจน์ทราบ DNA
ตัวจริงเสียงจริงกันอย่างไร พูดมั่วๆตั้งเงื่อนไขมั่วๆ ไม่คิดว่า
จะมีคนอื่นบ้าเอาจริงทำตามอีก เพียงแค่ว่า อยากพิสูจน์ว่า
ความจริงคือจั๋งใดกันหว่า เรื่องมันก็ไม่เห็นมีอะไรในกอไผ่


ถ้าพ่อหอยสังข์รถเรณูเขายอมรับผิดชอบทำตามคำพูดที่
เรียกร้องให้คนอื่นเขาลำบากยอมทำให้แล้ว แต่คนที่ทำให้
เรื่องมันเยอะไม่จบไม่สิ้น ก็มีแต่พ่อหอยสังข์รถเรณู นี่แหละ
ที่ไม่ยอมจบง่ายๆ เรื่องมากทำงู้นก็ไม่ถูกใจ ทำงี้ก็ไม่ใช่อีก
พูดออกมามากก็มีแต่คำพูดรัดคอตัวเอง แค่ยอมทำตาม
คำพูดและเงื่อนไขที่ออกตัวไว้ มันก็จบตั้งกะปีมะโว้แระ


เอ หรือว่า อิหม่ามิ๊ อ่านหนังสือของพวกเขาไม่แตก
ไม่เข้าใจประเด็นของพวกเขา ไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้จะจบลง
อย่างไร จะเป็นอวสานของเซลล์แมน
หรืออวสานของบักระนาด กันหว่า

หุหุ
   
        

โดย: อิหม่ามิ๊ IP: 115.87.103.228 วันที่: 30 สิงหาคม 2555 เวลา:10:41:51 น.



อันนี้ ขอนุยาด แก้ตัว เอ๊ย เป็นทนายแก้ต่าง
ให้ ป๋ารถ ฯ ของนู๋บี หน่อยน้าาา


อืม...ก่อนอื่น ต้อง ขอออกตัวไว้ก่อน ว่า
จริง ๆ แล้ว นู๋บีก็ไม่ได้มี เรื่องบาดหมางใจ อะไร
ก๊ะทั้ง บักระนาด และ ป๋ารถฯ หรอกนะ
และ ถึงแม้จะมีใจ ให้ ป๋ารถ ฯ ในฐานะ ดิ ไอดอลคนโปรด
( ที่นู๋บีอยากจะถวายตัวเป็นลูกไป๊ คริ คริ )


แต่กับ บักระนาด นั้น  นู๋บีก็ถือว่า
มันเองก็ เป็น มิ่งมิตรที่ดีคนหนึ่ง อ่ะ
( ใครที่เคยแจกลูกยอ ให้กัน นู๋บีก็เห็นว่ามันดี เสมอแหล่ะ อิอิ )
ดังนั้น ปฏิฆะ ระหว่างกัน จึงไม่มี


อืม...เรื่องที่ บักระนาดเอากฏหมายมาขู่เนี่ย
นู๋บี รู้สึก แม่ง ๆ อยู่ นะ เจ้าคะ
ถึง ในทางโลก จะถือว่ามันเป็นขั้นตอนสุดท้าย
สำหรับกรณีตกลงกันไม่ได้และต้องการข้อยุติ
แบบที่อีกฝ่ายจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็เหอะ
แต่นั่นมันเป็น วิถีทางของ ปุถุชน
หาใช่ ปฏิปทา ของ นักปฏิบัติผู้ฝึกตน ไม่


เฮ้อออ...กฏมณเฑียรบาลอีกข้อ
สำหรับ คนเป็นนักปฏิบัติก็คือ แม้จะปรี๊ดแตก ยังไง
ก็จะต้องรักษาฟอร์มของนักปฏิบัติเอาไว้
ไม่กระทำตัวเป็น อิบ่างช่างฟ้อง อ่ะ อิอิ


ไม่ว่าจะ เป็นการ ขี่ม้าสามศอกไปฟ้องอิพวกมอด
เวลาเจอ ข้อความไม่ถูกใจจ๊อด
หรือ การวิ่งปอดแหกไปฟ้อง ศาลโลก ก็ตาม
คนเป็นนักปฏิบัติ ก็ทำมิได้ ทั้งน้านนนนจร้าาา
เพราะถ้าทำงี้ไป  มันจะเสียฟอร์ม นักปฏิบัติ ว่ะ 55555


และ ที่สำคัญ คนเป็นนักปฏิบัติน่ะ
ถ้า ถูกฝ่ายตรงข้ามถากถางย่ำยีหัวใจ ยังไง
หาก ยัง ทำใจ ยุติกรรม เลิกแล้ว ต่อกันไม่ได้
เวลาที่เกิดอาการขุ่นมัว เราก็จะต้อง ย้อนกลับมาดูที่ตัวเองเสมอ นะ
ว่า อะไร คือเหตุปัจจัย และ จะ แก้ไขไง
เพื่อให้ปฏิฆะในใจ มันบรรเทาเบาบาง ลง


ไม่ใช่ว่า พอชิงไหวชิงพริบ ตบตีกันแค่ 2 คน
แล้วก็ยังไม่หนำใจ ดัน เสือกไปลาก บุคคลที่ 3
อาทิเช่น ศาลชั้นต้น หรือ ศาลพระภูมิ
ให้ต้องมา ลำบากลำบน กะเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง ไปกับเราด้วย
อีแบบนี้ มันผิดวิสัยของการเป็นนักปฏิบัติ ว่ะ
ก็เลยชักไม่แน่ใจ ซะแระ ว่า บักระนาด ยังเป็น นักปฏิบัติ อยู่หรือไม่
( รู้สึกว่า อีปรี๊ดแตกง่าย มั่ก ๆ เลยนะ เวลาที่ถูก ป๋ารถ เอาไม้แยงตรูด น่ะ )



ส่วนเรื่องทั้งหมดนั้น  อิฉันก็เห็นต่างกับ อิหม่ามี๊ว่ะ
เพราะรู้สึกว่า เรื่องนี้ มันไม่ใช่แค่ อยากดูตัวจริง กันเฉย ๆ แระ
แต่ มันมี อะไร ๆ เป็น วาระ ซ่อนเร้น แอบแฝงอยู่อ่ะ
ที่ บักระนาดขอดู ใบจองคอนโด เนี่ย
อีเองก็คงอยากชำแหล่ะแทะทึ้ง
และ หมายมั่นปั้นมือ จะ กระชากหน้ากากป๋ารถ มากกว่านะ
เรียกว่า ถ้าพลาดท่าเมื่อไร 
เมิงโดนตรูฆ่าหมกบ่อเกรอะแหง๋ ๆ เหอ...เหอ...



ไม่รู้ดิ เห็นเรื่องนี้ แล้ว
นึกถึง ตอนที่ นู๋บี ตั้งกระทู้เกี่ยวกับ ศีล 5
แล้วมีคนมาโพส ถามว่า

นู๋บี ถือศีล 5 หรือไม่  ?
แล้ว คอมพ์ที่ใช้ มีโปรแกรม ละเมิด ลิขสิทธิ ไหม ? น่ะ


เชื่อ ขนมกินได้เลยว่า สิ่งที่ เขาถาม นั้น
หาได้ เป็น แค่ เพียง การอยากรู้เฉย ๆ นะ
ก็คล้าย ๆ กับ การถามของ บักระนาด นั่นแหล่ะ
ประมาณว่า กะจะลากไปเชือด
( แต่ก็ไม่เห็นพวกมันจะปาดคอหอยนู๋บี ได้ซะทีนะ อิอิ )


และเชื่อเหอะว่า ต่อให้นู๋บีท้า มันไปปักตระไคร้
เพื่อ พิสูจน์ความบริสุทธ์เป็นยองเป็นใย ในภูมิศีลของตน
คนถามก็คงจะไม่เชื่อน้ำยา ในตัวนู๋บี อยู่ดี
ว่า อินังโหดนี่ จะถือศีล 5 ได้ เพราะเวทนาสัตว์โลกตาดำ ๆ
เผลอ ๆ คงจะแอบนินทาในใจ ด้วยว่า นู๋บีเป็นพวก ขี้โม้ อีกตะหาก เอิ๊ก ๆ


อืม...นู๋บีมีลางสังหรณ์ว่า
เรื่องนี้ มันก็ คล้าย ๆ กับเคส ป๋ารถนั่นแหล่ะ
ส่วน อิป๋า มันก็สันดานเสียชอบกวนซ่งติง (เหมือนใครก็ไม่รู้ อิอิ)
เลย แกล้งทำงอแง ยื่นข้อแม้ ทั้งหลายแหล่  ปั่นหัวชาวบ้าน น่ะ
อิอิ เห็นป๋ารถ อีทำ หมาหยอกไก่ กะ บักระนาดแล้ว
ก็นึกถึง เวลาที่ เสือมันกำลังเล่นสนุกกับเหยื่อ
ก่อนที่จะตะปบคอหอย รับประทานเป็นดินเนอร์ ว่ะ
คนประเภท ดร.เลคเตอร์ น่ะ มักจะมีความปราณีต
ในการลงมือสังหารเหยื่อ เพื่อเสพ เสมอนะ
และ อิฉันคิดว่า ป๋ารถฯ ก็เป็นหนึ่งในคนประเภทนี้ซะด้วย สิ


อืม..ความสำราญในการโขกหมากรุกนะ
ไม่ได้อยู่ที่ การแพ้/ชนะ กันในชั่วเสี้ยววินาที หรอกนะ
แต่ มันอยู่ตรงที่ การชิงไหวชิงพริบ
แล้ว ค่อย ๆ รุก ค่อย ๆ ต้อนคู่ต่อสู้ บีบให้จนตรอก
แล้ว จึง ออกหมัดรุกฆาต ให้กระอักเลือดตายคากระดาน ตะหาก
แหะๆ ก็ไม่ใช่ เซียนหมากรุกนะเจ้าคะ
แต่ ก็อย่างที่บอกนั่นแหล่ะ  โจร ย่อมเห็น โจร ด้วยกัน หุหุ

 

และ เท่าที่ ประมวลผลได้ในตอนนี้ อ่ะนะ คือ

บักระนาด ยินยอมรับคำท้า
ทำแคชเชียร์เชคค่าสินสอด 1.5 ล้าน
เพื่อขอเข้าไป มุดรูดูไห ของ ป๋ารถเรณูแระ
ว่ามี หน่อไม้ อยู่ในนั้น จริงอ๊ะปล่าวววววว


แต่ นู๋บี เห็น ความไม่โปร่งใส ตรงที่
บักระนาด เหมือนจะเล่นตุกติก
เริ่ม ทำหัวหมอ ขอใช้ กฏหมาย เป็น ไม้กันหมา อ่ะ
สุดท้ายเลยต้องเดือดร้อน กันไปทุกหย่อมหญ้า
ตั้งแต่ คุณตำหนวด  ศาลโลก พี่พัน
( ยัน  ศาลพระภูมิต้นกล้วย ) หุหุ



จริง ๆ ถ้าจะเล่นกันแบบตรงไปตรงมา อ่ะนะ
ในเมื่อ บักระนาด อยากรู้อยากเห็น
จะขอดูทรัพย์สิน อันเป็น เรื่องส่วนตัวของชาวบ้าน
ที่ป๋ารถฯ มีสิทธิจะ อนุยาดให้ดู หรือไม่ก็ได้ นั้น
บักระนาดจึงต้องปฏิบัติตามเงือนไข
ที่ตัวเองกับ เจ้าของทรัพย์ได้ตกลงกันไว้


ซึ่ง เงื่อนไขนั้นก็คือ เขียนเชค
โดยระบุ ชื่อผู้รับเป็นองค์กรการกุศล ฯ
ไม่ใช่ ออกให้ ผู้รับในนาม ป๋ารถฯ  นะ
อีแบบนี้ มันผิดเงื่อนไข ที่คุยกันไว้
ส่วนทำไม บักระนาด จึงทำแบบนี้
ก็เห็นจะเดาได้ไม่ยาก ก็คงอยากจะดัดหลัง
ลาก ป๋ารถฯ เข้าคุก ด้วยข้อหา ล่อลวง ให้เสียทรัพย์ มั้ง
เห็น เกริ่น ๆ ข่มขู่ไว้แล้ว นิ ว่า


อ้างถึง

ระนาดเอก ว่า..

รถเรณูและพวก ก็ใช้ถ้อยคำ คำกล่าว
ที่มีลักษณะ ยั่วยุ ดูหมิ่น เยาะเย้ย เหยียดหยาม ฯลฯ
ให้เกิดผลทางจิตใจต่ออีกฝ่าย เพื่อให้หลงผิด ขาดสติ
ไปกระทำการให้เสียทรัพย์ของเขา

มันไม่สำคัญว่า ระนาดเอก โดนคำพูดหยามหมิ่นแล้วขาดสติ จริงหรือไม่
( ยิ่งไม่สำคัญว่า ระนาดเอก ได้ซ้อนกลวางแผนไว้ตั้งแต่ทีแรก
ที่จะล่อให้อีกฝ่ายเดินลงหลุม หรือเปล่า )

ความสำคัญอยู่ที่ว่า ถ้าจะดำเนินคดีกับพวกล่อลวงให้เสียทรัพย์นั้น

ครบองค์ประกอบความผิดนั้น หรือไม่ ดำเนินคดีได้หรือไม่ ก็เท่านั้นเอง!

ตัวตัดสินความผิดคือ เจตนา ..



แหม๊ โฉ่งฉ่าง ซะขนาดนี้
มีหรือ นกรู้อย่างป๋ารถ จะยอมกระโดดฮุบเหยื่อ น่ะ
ถ้า บักระนาด ระบุชื่อผู้รับในเชค ให้ตรงไปตรงมา
แล้ว บอกป๋ารถฯ ไปว่า เพื่อเป็นการยื่นหมูยื่นแมว
ไม่ให้เสียค่าโง่ เอ๊ย เสียเปรียบกันจนเกินไป
บักระนาดจะส่งเชคใบนี้ไปบริจาค เงิน ให้มูลนิธิพุทธทาส
ในวันที่เห็น หลักฐานทรัพย์สิน ของป๋ารถ แล้วเท่านั้น
และ ถ้าป๋ารถ หา หลักฐานมาให้ดูไม่ได้
ป๋าก็ต้อง เป็นคน บริจาคเงินส่วนนี้ แทนเขา ฯลฯ


จากนั้น พอเคลียร์ค่าสินสอดตามเงื่อนไข กันได้แล้ว
ก็เข้าสู่ขั้นตอนการ มุดรูดูไห  ส่วนผลจะเป็นไง ก็ว่ากันไป
ถ้า ทำให้มันตรงไปตรงมา ไม่มี ตุกติก แค่นี้มันก็จบ นะ
ยกเว้น ป๋ารถ อีจะไม่ใช่ลูกผู้ชายตัวจริงกระทิงแดง
ถ้า บักระนาด เขียนเชค ให้ตามเงื่อนไข แล้ว
ป๋ารถ ยังท่ากระทั่วเปลี่ยนเงื่อนไขมั่วซั่วไป เรื่อย ๆ  อีก
อืม...ถ้าเป็นงั้น ป๋ารถฯ ก็คงหมดวาสนา
ที่จะได้ นู๋บี ไปเป็น ลูกไป๊ แล้วอ่ะ 5555


แต่ก็นั่นแหล่ะนะ  ไอ้เจ้า ด. กิ๊กเก่าสมัยพระเจ้าเหา ของนู๋บี
เคยบอกให้ฟังเสมอว่า ถ้าสงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร
ก็คงต้องคอยดูกันต่อไป กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ให้เรารู้ว่า
บักระนาด จะได้ มุดรูดูหอย เอ๊ย มุดรูดูไห ป๋ารถสังข์ ไหม
และ เมื่อ ชะโงกหน้าเข้าไปดูแล้ว จะเจอ หน่อไม้ดอง หรือไม่
แล้ว ใครจะได้มีโอกาสทำบุญ บริจาค 1.5 ล้านบาท ให้การกุศล
อาห์ ดราม่านี้ ยังอีกยาวไกล ตราบสิ้นกาลปวสาน หุหุ

(http://4.bp.blogspot.com/-YUOeogscXzc/Td0tAHb4F7I/AAAAAAAAX5c/yJbbMtZQ2nY/s1600/monkey%2Bfriend4.jpg)

หัวข้อ: ► ►►. . .ข้อคิดโดนใจ จากไอดอลของ อิช้าน ณ พันติ๊ปปปปป. . .◄ ◄◄
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ สิงหาคม 31, 2012, 12:06:50 am
ข้อคิดโดนใจ จากไอดอลของ อิช้าน ณ พันติ๊ปปปปป

(http://www.thehotmobile.com/newthumbwall/7302.gif)


อ้างถึง


บัดนี้...."ต้นไม้ใหญ่ ที่ชื่อว่าต้นไม้พุทธทาส 
ได้เวลารับการเติมปุ๋ยคอก เพื่อดอก ใบ (นิดหน่อย) แล้ว"

  ธรรมดาของต้นไม้นั้น แม้จะมีสิ่งปฏิกูลสกปรกเพียงใด ที่คน (ทั้งดีทั้งชั่ว)  เอามาราด รด ที่โคนต้นของมันนั้น  มันไม่เคยรังเกียจ รังงอน  และในที่สุด สิ่งปฏิกูลนั้น ก็จะกลายเป็นปุ๋ย บำรุงต้นไม้ นั้น นั่นเอง

   เชื่อเถอะครับ ว่า...ในความชั่วร้าย หรือความเลวทราม แห่งจิตใจของมนุษย์นั้น หากโฟกัสไปหาพระอริยเจ้า ความชั่วร้ายเลวทรามนั้น ๆ ก็พลันกลายเป็นปุ๋ยคุณภาพดีไปโดยพลัน


   เงินจากคนที่มีจิตใจหยาบช้า ไม่สะอาด คอยก่นด่าพระสงฆ์องคเจ้า ผู้มีวัตรปฏิบัติที่งดงาม บัดนี้ กลับต้องถูกความโกรธ ความหลง ความอาฆาต พยาบาท ในใจของเขาเอง ได้มาเป็นแรงผลักดันบังคับ ให้เขาต้องจ่าย เพื่อเป็นเงินบริจาค โดยสมัครใจ จากเขาเอง

    แท้จริง การบริจาคเพียงเล็กน้อยนี้ หาได้มีมูลค่าคู่ควรแก่ สถาบัน หรือองค์กรที่มีเกียรติคุณงดงาม และสูงส่ง เช่น หอจดหมายเหตุ ท่านพุทธทาส หรือแม้แก่เวปบอร์ด พันทิป แห่งนี้ไม่

    แต่อย่างไรก็ตาม ก็อย่างที่เกริ่นไว้แต่ต้นแล้วว่า  แม้จะมาจากสิ่งปฏิกูลใด ๆ ก็ตาม  หากถาโถมเข้าใส่ ต้นไม้ใหญ่ อันมีคุณูประการ ต่อมวลมนุษย์นั้น  สิ่งปฏิกูลนั้น ก็พลันกลายเป็นปุ๋ย อันยังประโยชน์ ให้สำเร็จได้ ในการบำรุงแก่รากไม้ใหญ่ต้นนั้น  แม้จะเพียงน้อยนิดก็ตาม

   บัดนี้  ถึงเวลา ที่สิ่งปฏิกูล จะทำตัวเองให้เป็นปุ๋ย บำรุงต้นไม้ใหญ่ ที่ชื่อว่า หอจดหมายเหตุท่านพุทธทาส และเวปบอร์ดที่ทรงคุณค่า เช่นเวปพันทิป แล้วล่ะครับ

   บัดนี้  ถึงเวลา ที่ ไฟในใจของคนเขลา (โทสัคคิ โมหัคคิ) ได้เผาใจคนเขลา จนเร่าร้อน ทุรนทุราย และบีบบังคับ ให้เขาต้อง ทำตัวเองให้เกิดประโยชน์ ต่อไม้ใหญ่ต้นนั้นแล้ว

    แท้จริง หาใช่ใครบังคับไม่  หาใช่สำนวน ลีลา ยั่วยุ จงใจกวนโทสะ ของรถเรณูไม่  หาใช่ ต้นไม้ใหญ่ไม่ หาใช่ องค์กรใด ๆ ไม่ ที่มีความสำคัญเหนืออื่นใด จะไปบังคับคนเขลาเหล่านั้น ให้จำต้อง บังคับตนเองให้ทำตัวเอง เป็น "ปุ๋ยคอก"  ในการบำรุงต้นไม้ใหญ่ในที่สุด

       แต่.....แท้จริงแล้ว สิ่งนั้น ก็คือ  โทสัคคิ โมหัคคิ  ในใจของเขานั้น นั่นเอง

จากคุณ    : รถเรณู [Bloggang]
เขียนเมื่อ    : 29 ส.ค. 55 00:11:58



อ้างถึง



สายน้ำมันจะยังคงไหลเรื่อยไป 
มิใยดีที่คนบางคน ว่ายน้ำไม่เป็น จะต้องจมน้ำตายไป
สายน้ำก็ไม่ยอมหยุดไหลเลย 
คนดี ๆ มีโชค ที่อาศัยสายน้ำก็ยังมีมากมาย-


ธรรมชาติแสงสว่าง มันก็ต้องส่องสว่างอยูร่ำไป 
มิวายที่ผีสาง จะกลัวแสงแดด กรีดร้องโหยหวน ......
แสงสว่าง ก็ยังคงส่องแสงต่อไป 
ผู้ที่รับไปได้ประโยชน์ และมีโชค ยังมีอีกมากมาย-

ส่วนอภัพพบุคคล ผู้ไม่ยอมรับแสงสว่าง หรือจงใจจะกระโดดน้ำตายนั้น..

ก็หาใช่ความผิดของ สายน้ำ หรือแสงสว่างไม่

จากคุณ    : รถเรณู
เขียนเมื่อ    : 29 ส.ค. 55 02:33:39



 
(http://image.blingee.com/images16/content/output/000/000/000/5a8/480994050_1163936.gif)
หัวข้อ: ► ►►. . .The letter : จม. เปิดผนึก ถึง ป๋ารถสังข์ . . .◄ ◄◄
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ กันยายน 04, 2012, 11:19:04 pm
► ►►. . .The letter : จม. เปิดผนึก ถึง ป๋ารถสังข์ . . .◄ ◄◄

(http://www.khoahoc.com.vn/photos/Image/2010/11/04/Halloween-02.jpg)

หวัดดีค่ะป๋า

ก็ไม่รู้ว่า หลังจากเกิด ปรากฏการณ์ ลิงตกต้นไม้
ใน กระทู้ อวสานเซลล์แมน (http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/08/Y12573750/Y12573750.html) แล้วไซร้
ป๋าจะได้มีวาสนา เอ๊ย ได้มีโอกาส
มานั่งอ่าน เดอะ เลตเตอร์ ฉบับนี้ไหม ?
แต่ถึง ป๋าจะไม่ได้อ่าน นู๋บีก็คงจะยังโพสมัน
ให้ชาวบ้านชาวช่องได้รับรู้อยู่ดี
ว่า ตอนนี้ นู๋บี รู้สึกยังไง ก๊ะ ไอดอลคนนี้


เฮ้ออ  อยากจะบอกป๋ารถสังข์จังเรยว่ะ
ว่า ไอ้ที่ นู๋บีเคยแอบปลื้ม ชื่นชมป๋าไว้
บอกว่า ป๋านั้น แข็งโป๊ก ทั้งนอก ทั้งใน
ประหนึ่งเป็น โคลนนิ่งของนู๋บี เนี่ย
นู๋บีขอ  ถอนคำพูด  นะว้อยยยยยย


แมร่ง คนอย่างป๋า นี่มันก็ บ่ มีไก๊
เป็นได้แค่ อิพวก แข็งนอก อ่อนใน
แบบป๋าหมัก ก๊ะ ไอ้ โซ๊ยตี๋ เท่านั้นแหล่ะ
ทำไมถึงได้เป็นคนใจอ่อนเหยาะแหยะได้ถึงเพียงนี้ว้าาาาาา
อืม..แต่ พูดก็พูดเถอะนะ  แม้ป๋าจะเป็นแบบนี้
นู๋บีก็ไม่ได้รู้สึก ผิดหวังในตัวป๋า เลยน้าาา
และถึงใครจะรู้สึกว่า  บักระนาด เป็นผู้มีชัย ในการ ประชัน ก็เหอะ
ไง นู๋บี ก็ยัง จะเดินตามต้อย ๆ คอยถือหางเข้าข้าง ป๋ารถ ฯ
( และ ยังคงเต็มใจ จะพลีกายเป็น ลูกไป๊ ป๋า อยู่ดี )


อืม...รู้ไหม สิ่งที่ทำให้ นู๋บี รู้สึกประทับใจ ป๋า มว๊ากกกกกก
ไม่ใช่ คอนโดเลี่ยมทองมูลค่า 30 ล้าน หรือว่า หมาในปาก ของป๋าหรอกน้าา
แต่ นู๋บี ประทับใจ ที่ คนจองหองพองขนอย่างป๋า เลือก ที่จะหยุด
และ เลือก ที่จะยอมแพ้ ยอม กล้ำกลืนศักดิ์ศรี ของตน
เพื่อ ปกป้อง ชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ให้พ้นจากลูกหลง ของ ทิฐิมานะ
ที่ บักระนาด มันพยามจะเอาฟาดงวงฟาดงา เอาชนะคะคาน กัน ตะหาก



เนี่ยเรื่องนี้ มันก็เหมือน เรื่องการดวลกัน
ของเซียนไพ่ ในบ่อน ล่ะมั้ง 
ถ้า ดวลกัน ซึ่ง ๆ หน้า นู๋บีว่า
ป๋ารถฯ มี แต้มต่อ เหนือคู่แข่งนะ
ทว่า อิป๋าก็ดันเสือกชะล่าใจ
ไปเปิดหน้าไพ่ โชว์ มากไปหน่อยว่ะ
คู่ต่อสู้ เห็นท่าไม่ดี ก็เลย แอบส่งซิก
ให้ลูกน้อง โทรแจ้งตำรวจบุกมาทลายวงไพ่


ส่วนตัวมันเอง ก็ เกิด อาการคลุ้มคลั่ง
หันไปจับ เจ้าของบ่อน ก๊ะ พระสงฆ์องคเจ้า มาเป็นตัวประกัน
เพื่อ เอามาข่มขู่ ผลักดันให้ ป๋าต้องยอมศิโรราบ น่ะ
แหม๊ ? น่าเสียดายนะ ป๋ากำลังจะเปิดป๊อก 9  2เด้ง
ร่ำๆ จะได้กินรวบรอบวง อยู่แร้วแท้ ๆ ไม่น่าเลย อิอิ



เฮ้ออ  แต่จะว่า ไป ไอ้การ ฟ้องร้อง
คดีล่อลวงให้เสียทรัพย์ที่ป๋า เจอ นั้น
มันก็น่าขบขัน พอ ๆ กับ คดี นายก ทำกับข้าวนั่นแหล่ะ
และ ดูท่า หลาย ๆ คนก็ สนุกกับการเอากฏหมาย มาปู้ยี้ปู้ยำ
เพื่อ เป็นเครื่องมือในการเอาชนะคะคาน ซึ่งกันและกัน อีกด้วย
ทั้ง ๆ ที่ เจตนารมณ์ ที่แท้จริงของ กฏหมาย
คือ การสร้างความยุติธรรม ให้กับสังคม และ เยียวยาผู้ถูกกระทำ
แต่ บางคนก็พอใจ กับได้อาศัยช่องโหว่ทางกฏหมาย
เอามาทำร้ายคู่ต่อสู้  เพื่อก้าวไปสู่ ชัยชนะ อ่ะ


เฮ้ออ เห็นแล้ว ก็สงสารศาลพระภูมิต้นกล้วย จังเรยว่ะ
แหม๊ ? นี่ถ้า ทั่นศาลพระภูมิฯ ที่เคารพ มี เจโตฯ ก็ดีสิเน๊าะ
เพราะ ขนาด เด็กประถม มันยังรู้เลยว่ะ
ว่า เจตนาในการ รีดทรัพย์ เอ๊ย เรียกทรัพย์ 5 %ของป๋า เนี่ย
มัน เข้าข่าย ล่อลวง หรือไม่ ?



เนี่ย ถ้าดูจากรูปคดีกระโหลกกะลา 
ที่ บักระนาด มันคิดจะฟ้อง อ่ะนะ
ถ้าป๋าจะเอาจริง  ขึ้นมา
นู๋บีเชื่อว่า ปลาไหลตัวพ่ออย่างป๋า
ก็สามารถ หลุดคดี ได้อย่างไร้รอยขีดข่วน ว่ะ
เพียงแต่ว่า ที่ป๋าเลือก ที่จะไม่สู้ต่อนั้น
มันก็เป็นเพราะ ป๋าไม่ต้องการให้ พี่พัน และ  หอจดหมายเหตุฯ
มาพลอยซรวย เดือดร้อนไปกับป๋าด้วยใช่ป่ะ ?



เฮ้ออ ในขณะที่ ใครบางคน เที่ยวไปลากผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
เข้ามาสู่ วงจรกรรม สังเวย ทิฐิมานะแห่งตน เพื่อจะเอาชนะคะคาน
แต่ ใครอีกคน กลับเลือกที่ จะทำในสิ่งตรงข้าม
เขายอมที่จะเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอโทษ แล้วขอยอมเป็นผู้แพ้
เพียงเพื่อไม่ให้ ใครต้องมาเดือดร้อน เพราะความคะนองของเขา


ขอนั่งยัน ยืนยัน และ นอนยัน ตรงนี้เลยว่า
ถึง ป๋าแกจะ กลายเป็น ไอ้หมาขี้แพ้ ในสายตาใคร
ป๋าฯ ก็ยังคงเป็น  ผู้ชนะ ในสายตาของนู๋บี เสมอ ว่ะ
อืม...ที่พูดนี่ไม่ได้ พูดโดยมี อคติ 4 อันได้ แก่ ฉันทาคติ มาชี้นำ น้าาาา
( แม้ว่า ลึก ๆ จะแอบหวัง ว่า จะได้เป็น ลูกไป๊ ป๋า ก็เหอะ หุหุ)


(http://3.bp.blogspot.com/_J54aQUHXOUk/TSKXf5N4WiI/AAAAAAAAAHM/oHAMpHpoJjE/s320/5.jpg)

(http://sportzfun.com/photo/cache/boxing/monkey-business-ring_500_copyright.jpg)

(http://i.chzbgr.com/completestore/2012/2/15/3b24b631-b05a-4f8a-bb9f-b19ff4ca2a61.jpg)




ปอลิง 1


อ่ะ  เอา ลิงค์เนี้ยะ (https://palungjit.org/threads/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99-%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%A3-%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88-%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B9%89-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%99.345489/#post-6304223) มาฝาก ป๋า คร้าาาาาาาาาาา
ไม่รู้สิ อ่านเรื่องราวของป๋าแล้ว
นึกถึง เรื่องที่เคยเม้าส์ก๊ะ ไอ้เจ้ามดเอ๊กซ์  เรื่องนี้ อ่ะ
อืม.. ขอให้ ป๋า กล้าที่จะมีชีวิตอยู่อย่างอดสู  แล ไร้ซึ่งศักดิ์ศรี
แล้ว นอนตาย5 เอ๊ย นอนตายตาหลับ คาบ่อขรี้ ได้เหมือนท่านคัตสึ นะเจ้าคะ


อนึ่ง ข้าน้อย ขอ ก้มหัวคาราวะ ในความกล้า
ที่ป๋าสามารถ เอาชนะ ทิฐิมานะแห่งตน ได้
และ ขอ อนุญาต เลี้ยง กาแฟขี้ชะมด 1 จอก
เอ้า ชนแก้วววววววววววว  :45:

(http://i.imgur.com/ABClF.jpg)


ปอลิง 2

เอ๊ะ หรือว่า หลังจากการ มุดรูดูหอย ป๋า
ในหลายครั้งที่ผ่าน ๆ มานี่
นู๋บี อ่านเกมส์ ผิดพลาดไปเองล่ะหว่า
จริง ๆ แล้ว ที่ป๋ารถสังข์ ยกธงขาว ยอมแพ้
ทั้ง ๆที่กำลังจะ ป๊อกเก้า 2 เด้ง กินรอบวงนั้นน่ะ
อาจจะ เป็นเพราะ ว่า ป๋า กลัวโดนเมียด่า ที่หาเหาใส่หัว
และ ถือคติที่ว่า เป็นความกินขี้หมา ดีกว่า  ก็ได้มั้ง
( ถ้าเป็นงั้น นู๋บีก็คงต้องพยาม ปลงอนิจจัง ลงใจ 
กับ ไส้ติ่งที่ถูกตัดไป ของป๋ารถฯ แระอ่า อ่ะซิก...อ่ะซิก... :26:)

(http://gifs.gifbin.com/3sw420787yu4.gif)
หัวข้อ: ► ►►. . .The Letter : จม. เปิดผนึก ถึง อิหม่ามี๊ . . .◄ ◄◄
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ กันยายน 04, 2012, 11:23:27 pm
► ►►. . .The  Letter  :  จม. เปิดผนึก ถึง อิหม่ามี๊   . . .◄ ◄◄

(http://animationsa2z.com/attachments/Image/monkey/monkey20.gif)

อ้างถึง

อิหม่ามี๊ ว่า...

มาลงชื่อว่า อิหม่ามิ๊ ตามไปอ่านทีใต้ร่มธรรม แระนะ
อ่านแล้วก็ ยิ้มเฉยๆ ง่ะ โนพลอมแพลม
เพราะแต่ละคนก็มีสติปัญญาและภูมิปัญญาต่างๆกัน
ก็เผชิญปัญหาและแก้ไขไปตามสภาพของตน
ส่วนใครจะทำได้ดีกว่า แย่กว่า ก็แล้วแต่วาสนาบารมีเนาะ
แต่ตอนจบของแต่ละเรื่องจะเป็นตัวตัดสินการกระทำ
ของเราเอง ว่าสมควร เหมาะแก่กาล ถูกต้องตามธรรม
หรือป่าว ส่วนเราก็ดูเรื่องคนอื่นไว้เพื่อศึกษาและโยนิโสฯ
มาปรับปรุงตัวเรา มาปรับใช้กับตัวเราเพื่อจะได้มีโอกาส
ทำให้ถูกต้องเหมาะสมกับเราต่อไปนิ


เรื่องป๋ารถสังข์กับบักระนาด และคนอื่นๆ ก็โนพลมแพลม
อะจะ เพราะเป็นเรื่องของเขา เราแค่รู้และเลือกว่าเป็นเรา
อยู่ในสถานการณ์แบบนี้เราจะทำแบบเขาหรือทำแบบอื่น
ถ้าอิหม่ามิ๊เป็นบักระนาดนะ อิหม่ามิ๊เลือกคว่ำบาตร
ป๋ารถสังข์ไปตั้งแต่นัดแล้วไม่มาแระ แปลว่าไม่จริงใจ
ที่ช่วยจะกันไขปัญหาข้อข้องใจ มีแต่จะเล่นสำนวนโวหาร
ไปวันๆแค่นั้น ป๋ารถสังข์จะแปลบาลีได้หมดหรือไม่
ก็ไม่ได้อยากรู้แล้ว และป๋าจะพูดจริงหรือพูดเท็จก็
ไม่ได้ใส่ใจด้วยเพราะไม่ได้มีฟามผูกพันธ์ต่อกัน
ไม่เดือดร้อนไปกับป๋ารถรสังข์ไง ป๋าจะขึ้นสวรรค์หรือ
ตกนรก เราก็ไม่ได้เดือดร้อนด้วยอะ แบบว่า อิหม่ามิ๊
มันเป็นคนใจดำเป็นปกติง่ะ ไม่ค่อยอยากไปผูกกรรม
ผูกเวร กะใคร ไม่ใส่ใจเรื่องของคนอื่น อิอิ
ชอบแต่รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหลัก
และหลีกเลี่ยงเรื่องที่ทำให้ตัวเองเดือดเนื้อร้อนใจ
หลีกเลี่ยงที่จะทำให้ตัวเองต้องลำบาก แหะ แหะ

โดย : อิอิ วันที่: 31 สิงหาคม 2555 เวลา: 12:38:41 น.




(http://i.chzbgr.com/completestore/2012/2/8/4abf2d63-9605-4fb5-a45c-96f3f99a5a05.jpg)

แหม๊ ? ม่ะเชื่ออ่ะ ว่า  อิหม่ามี๊ เนี่ยนะ จะ ใจดำปิ๊ดปี๋ ?
( ถ้าเป็น อิพวกแข็งทั้งนอก แข็งทั้งใน แบ่บ นู๋บี ก็ว่าไปอย่าง หุหุ )
อืม... ไหน อิอ่อนทั้งนอกอ่อนทั้งใน ลองตอบให้ฟังหน่อยดิ๊ ?


ถ้า เห็น  ฮาร์ทจัง / ป๋าโจ / พระปราโมช
และ อิตาสับสนในชีวิต กำลังจะจมน้ำตาย
อิหม่ามี๊ จะตัดสินใจกระโดดลงไปช่วยใครก่อน ?
ถ้า ตำแหน่งที่ ไอ้สับฯ จมน้ำอยู่นั้น
มันเอื้อแก่การช่วยเหลือ มากกว่า
( เพราะอยู่ใกล้จุดที่อิหม่ามี๊ กระโดดลงไป ที่สุด ? )

(http://chzgifs.files.wordpress.com/2012/03/funny-gifs-swimming-monkey.gif)




และ ถ้าถาม คนสวยใจดำ ตัวจริงเสียงจริง อย่างนู๋บีอ่ะนะ
นู๋บีม่ะคิดจะ กระโดดลงไปช่วยไอ้หน้าไหนสักคนอ่ะ
( เพราะว่า กรู ว่ายน้ำไม่เป็น ! 5555 )
และ ถึงจะว่ายน้ำเป็น ก็ต้อง ชั่งใจดูด้วย ว่า
ถ้ากระโดดลงไปช่วยแล้ว กรูจะพลอยซรวยไปด้วยไหม
เกิดโดดลงไปแล้ว จุดนั้นดันเป็น วังน้ำวน ขึ้นมา
แทนที่จะได้ ช่วยกระเตงกันข้ามห้วงทุกข์
เก๊าะกลายเป็น กอดคอกันตายหมู่ ปะไร


อืม...และถ้าในเมื่อ พยามอย่างเต็มที่แล้ว
แต่ก็ยังช่วย พวกมันไม่ได้จริง ๆ
นู๋บี ก็คงต้องพยามทำใจวางให้ลงปลงให้ได้
แล้ว ร้องถามพวกมันอย่างห่วงใยไปอ่ะ ว่า

เฮ้ยยยย พวกเมิงชอบกินไร อ่า เด๋วตรูจาทำบุญไปหั้ยยย    เอิ๊ก ๆ

เฮ้ออ คงทำได้แค่นี้แหล่ะ 
ไอ้ครั้นจะให้ใจดี กระโดดไปร่วมหัวจมท้าย
แล้วสำลักน้ำตายเป็นเพื่อนใคร
มันก็ผิด วิสัย คนสวยใจดำอย่าง นู๋บี บรรลัยฮ่ะ อิอิ

(http://gifs.gifbin.com/122011/reverse-1325608762_monkeys_crossing_the_water.gif)





อืม..และ ถ้าคนว่ายน้ำไม่เป็นอย่างนู๋บี
ต้องมาเจอ บททดสอบเรื่อง การตัดสินใจ
กระโดดลงไปช่วย คนที่กำลังจะ จมน้ำ งี้  นะ
นู๋บีก็คงจะต้องเมียง ๆ มอง ๆ
จด ๆ จ้อง ๆ มองดูรอบ ๆ ตัว
เพื่อ หาอุปกรณ์เสริม มาช่วย
( อาทิเช่น กิ่งไม้ เชือก ฯลฯ )
แล้วหลับหูหลับตายื่นส่ง ๆ ไปให้คนที่อยู่ใกล้
และ มีโอกาสอำนวย ต่อการได้รับการช่วยเหลือ ณ ขณะนั้น มากที่สุด อ่ะ


ส่วน คน ๆ นั้น จะเป็นใคร 
จะเคยเขม่นขี้หน้ากันไหมอันนี้ ก็ไม่เป็นไรนะ   
ถึงจะขุ่นใจตะหงิด ๆ ที่ต้องช่วยชีวิตศัตรูคู่อาฆาต
ที่เคยจองเวรพยาบาทกันมาเป็นร้อยชาติ ก็เหอะไงมันก็ ต้องทำละวะ
เพราะ ถ้าจะปล่อยให้มันต้องมาตาย5 ต่อหน้าต่อตา
ทั้ง ๆ ที่เราสามารถช่วยมันได้ ณ ตอนนั้นนี่
ก็ รู้สึกตะขิดตะขวงใจ ทำไม่ลง แฮะ
( อันนี้ พูดถึงความคิดในตอนนี้ อ่ะนะ
แต่พอถึงเวลาจริง ๆ นี่ก็ไม่ชัวร์ หรอก
ว่าจะ ตัดสินใจทำได้เหมือนที่บอกไว้ไหม
เก๊าะ ยถาสภาวะอันเป็น เหตุปัจจัยทั้งหลายแหล่
มัน เที่ยง ซะที่ไหน ล่ะ แหะ...แหะ... )


(http://netanimations.net/Moving-animated-picture-of-monkey-pushing-monkey-in-water.gif)



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




(http://media.snimka.bg/s1/0132/026507219.jpg?r=0)

อ้างถึง

อิหม่ามี๊ ว่า

ส่วนเราก็ดูเรื่องคนอื่นไว้เพื่อศึกษาและโยนิโสฯ
มาปรับปรุงตัวเรา มาปรับใช้กับตัวเรา
เพื่อจะได้มีโอกาสทำให้ถูกต้องเหมาะสมกับเราต่อไปนิ


เรื่องป๋ารถสังข์กับบักระนาด และคนอื่นๆ ก็โนพลมแพลม
อะจะ เพราะเป็นเรื่องของเขา เราแค่รู้และเลือกว่าเป็นเรา
อยู่ในสถานการณ์แบบนี้เราจะทำแบบเขาหรือทำแบบอื่น
ถ้าอิหม่ามิ๊เป็นบักระนาดนะ อิหม่ามิ๊เลือกคว่ำบาตร
ป๋ารถสังข์ไปตั้งแต่นัดแล้วไม่มาแระ แปลว่าไม่จริงใจ
ที่ช่วยจะกันไขปัญหาข้อข้องใจ
มีแต่จะเล่นสำนวนโวหารไปวันๆแค่นั้น

ป๋ารถสังข์จะแปลบาลีได้หมดหรือไม่
ก็ไม่ได้อยากรู้แล้ว และป๋าจะพูดจริงหรือพูดเท็จก็
ไม่ได้ใส่ใจด้วยเพราะไม่ได้มีฟามผูกพันธ์ต่อกัน
ไม่เดือดร้อนไปกับป๋ารถรสังข์ไง ป๋าจะขึ้นสวรรค์หรือ
ตกนรก เราก็ไม่ได้เดือดร้อนด้วยอะ



อืม..เห็นด้วยกะ คำแนะนำของอิหม่ามี๊น้าาาาา
เรื่อง  ดูหนังดูละคร แล้วให้ย้อนดูตัว อ่ะ
แต่ถ้า นู๋บีเป็นบักระนาด อ่ะนะ นู๋บี เลือกที่จะ ยุติกรรม
ไม่กระโดดเข้าไปสร้างเวรสร้างกรรมต่อกัน
และ ไม่ไป ท้าตบท้าตี เอ๊ยท้า แปลบาลี ตะแต่แรกแว้ววววววว
เพราะ การไปร้องท้าตีท้าต่อย กะชาวบ้านเหย็ง ๆ นี่
มันก็ ผิด กฏมณเฑียรบาล ของการเป็นนักปฏิบัติ อีกแระ ว่ะ
ขืน หน้ามืดตามัว คิดแต่จะเอาชนะคะคานกัน โดยไม่ระวังให้ดี
เด๋วก็ได้มี ไอ้ตัวมานะ มาร้องเจี๊ยก ๆ
เกาะหัวเกาะหู ซะแน่นจนแกะไม่ออกอ่ะดิ
อิคิตตี้มันสอนนู๋บีไว้ ว่า 

เมิงจงยอมให้คนทั้งโลก ตราหน้า
ว่าเมิง เป็น อิหมาขี้แพ้ แล ขี้ขลาดตาขาว
ดีกว่า จะยอมให้ มี อิตัวมานะ มาเกาะ อยู่บน กบาล อ่า



(http://3.bp.blogspot.com/--rncxDaEuW8/TvFYZLjfg4I/AAAAAAAAB4s/txxBOvW_nmA/s400/tumblr_ky9t6xVy3P1qzvqipo1_500.jpg)





เออ แต่พูดถึง ดราม่า ของ ป๋ารถสังข์ ก๊ะ บักระนาด
ตอนนี้ เห็น ป๋ารถสังข์ กลายเป็นลิงตกต้นไม้
โดนบักระนาด แอบตลบหลัง
ด้วยการอาศัยยืมมือ บุคคลที่ 3
มา ทุบซะหอยแตกกระจุย เลยวุ้ย
เล่นเอา ป๋ารถสังข์ เสียงอ่อยจ๋อย ไปเรยง่ะ


อะโหยย สงสัย มหากาพย์ดราม่าเรื่องนี้
คงใกล้จะเข้าสู่ปัจฉิมบท แห่งกาลอวสาน ซะแล้วมั้ง
ส่วนจะเป็น กาลอวสานของ ระนาดเอก
หรือ อวสานของเซลแมน นั้น
ก็คงต้องวัดดูจาก ปริมาณ มานะ
ที่เกาะอยู่บนหัวของเจ้าตัวอ่ะ อิอิ

(http://globworld.com/wp-content/uploads/2011/10/gallery_2425_19_98861.jpeg)



แต่ก็นะ  เห็นสารรูปป๋ารถสังข์ตอนนี้
นู๋บีสงซ้าน สงสารคุณป๋าจังเรยว่ะ
ที่โดนบักระนาด ขึงพืด ตบกบาลกลางเวบ แบบนั้น
แถมเคราะห์ซ้ำกรรมซัด
ป๋ารถฯของนู๋บียังโดน โจทก์เก่าเจ้าประจำ
อาศัยกินตามน้ำ มาร่วมสามัคคีธรรมมารุมสกรัม
จนแบนแต๊ดแต๋ คาตรีนอีกตะหาก
โธ่เอ๋ย ไม่น่าเลย ป๋ารถฯของตรู ช่างน่าสงสารเสียนี่กระไร


และเหนือ สิ่งอื่นใด นู๋บี สงสารตัวเอง ที่ซู๊ดดดดเยยยย
เนี่ย ถ้าป๋ารถฯ กลายเป็นคนหงิม ๆ สนิมสร้อย เหมือนเป็น แมวนอนหวด งี้
แล้วต่อไป จะมีใครมาต้ม มาม่าแซ่บ ๆ ให้นู๋บีกินวะ  ฮือ...ฮือ... (http://drama-addict.com/wp-includes/images/smilies/icon_sad.gif)



เฮ้ออ แต่ช่างมันเหอะเน๊าะ   
เพราะ ถึงจะไม่มี ป๋ารถ ฯ ก๊ะ บัก ระนาด
มาต้มมาม่าแซ่บ ๆ ให้หม่ำอีกแล้ว
เด๋วมันก็ต้องมี  คนอื่น มา ต้มมาม่า
ให้นู๋บี แดร่กอยู่ดี  นั่นแหล่ะ
แบ่บว่า ในกระแสของโลกธรรมแปดนั้น
ดราม่า เนเวอร์ ดาย 5555555555


อืม... ตราบเท่าที่ พวกมันยังไม่สำเหนียก สำนึก
คอย ระลึกถึง สัมมัปปธาน 4
แล้ว นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน อ่ะนะ
วงจรดราม่า ก็ยังคงวนลูปมาให้นู๋บี ได้ เสพกำซาบ
จนเเสร็จสมอารมณ์หมาย อยู่ ซาเหมอ แหล่ะ แผล่บ ๆ

นู๋บี ก็แค่ เก็บมันไว้ ดูเล่น ๆ เวลาครึ้ม ๆ
แก้หง่อมไปงั้นเองว่ะ หนุกดี อิอิ
นี่ตอนนี้ก็กำลัง ติดตาม  ดราม่า ของผู้ชายคนนี้  อยู่อ่ะ

(http://upic.me/i/1c/eben2.gif)

ม่ะอยากบอกเรยว่า ดู ดราม่าของป๋าเหม่ง
แล้ว ทำให้ นู๋บี ลุ้น ยิ่งกว่า ดูดราม่าของ ป๋ารถสังข์ อีกว่ะ
หวังว่า วันดีเดย์ ในเดือนกันยานี้
ป๋าเหม่ง คงจะไม่ดราม่ากระจาย
ทำให้ นู๋บีต้องเจ๊งบ๊งจนหัวใจสลาย
เพราะ น้ำลายป๋าน้าาาาาาาาา เฮ้ออ คิวอี 3 เจ้าขราาาา
โผล่หน้าออกมาจากหอย ซะทีสิว้อยยย สาธุ สาธุ๊

(http://lh6.ggpht.com/-kEB6fFmX4Vw/Tn497ibhaJI/AAAAAAAARRA/DvkkVCLTcHo/bernanke-ben-printing-money-dollars-silver-gold-no-idea-sir-sad-hill-news1.jpg)



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เออนี่ ๆๆๆ เห็น อิหม่ามี๊ บอกว่า

อ้างถึง

เหมือนคนที่ชอบกินหวานรู้ทั้งรู้ว่าอาจทำให้เป็นบาวหวาน
ก็ยังชอบกินอยู่เลิกหรือลดไม่ได้เพราะยังไม่เป็นบาวหวาน
วันไหนเป็นบาวหวานแล้วโทษมันส่งผลแล้ว
ถึงได้รู้จักพิษภัยของความหวานของน้ำตาล
แต่ก็นะยังมีบางคนขอยอมตายไปพร้อมกับน้ำตาลและความหวานก็มี หุหุ

อยู่ที่เราจะมีสติปัญญาเลือกแบบไหนให้ตัวเราเอง

(http://www.funnypictures24.com/fp/funny_animals/funny_animals/monkey/funny_monkey_picture_79.jpg)





อิอิ อ่านเรื่องที่ อิหม่ามี๊ แพล่ม แล้ว
นึกถึง คำบาลี อันนี้จัง อ่ะ

มธุวา มญญตี พาโลยาว ปาปํ น ปจจติ
 ยทา จ ปจจติ ปาปํอถ (พาโล) ทุกขํ นิคจฉติ.

ตราบเท่าที่บาปยังไม่ให้ผล คนเขลายังเข้าใจว่ามีรสหวาน
แต่บาปให้ผลเมื่อใด คนเขลาย่อมประสบทุกข์เมื่อนั้น



แล้วก็นึกถึง เรื่องที่ เคยโม้กับน้อง ๆ จัง
นู๋บี บอกพวกมันว่า กับคนไข้เบาหวานน่ะ
พี่เตือนเขาให้ งดอาหารพวกแป้งและ น้ำตาล ก็จริง
แต่ ถ้าพี่เป็นโรคเบาหวานนะ
พี่ก็ยังจะกิน ทองหยิบ ฝอยทอง
แอนด์ ทุเรียน ของชอบอยู่ดีว่ะ มีปัญหา อะไรป่ะ ?
และ พี่ก็ไม่กลัว เบาหวานจะกำเริบ ด้วยนะ
เพราะ พี่มีปัญญาพอที่จะปรับลดสัดส่วนอาหาร ที่กิน
จนรักษาปริมาณน้ำตาลในเลือด ให้มันสมดุล
และ ไม่เกิดอันตราย กับตัวเองได้ว้อยยยย


อืม...ไม่รู้สินะ สำหรับ นู๋บี แล้ว
น้ำตาลกับความหวาน มันก็เหมือน กามราคะ ล่ะมั้ง 
ไม่ถึงกับต้อง งด แต่ต้อง เสพ มัน ในปริมาณที่เหมาะสม + ถูกกาลเทศะ
และ คุมไว้ให้อยู่ในขอบเขตที่ สมควรแก่สภาพ 
มีก็เสพ ไม่มีก็ไม่เสพ ไม่ต้องไปทุรนทุราย ดิ้นรนขวนขวาย
ถ้าทำงี้ได้ มันก็ไม่ต้องเกิดทุกขังกาละมัง อะไร อ่ะ
อารมณ์ ก็ประมาณ กะลังกรึ่ม ๆ แล้ว นึกครึ้ม
เลย กรึ๊บเหล้า สักเป๊กสองเป๊ก แก้กระสัย มั้ง อิอิ



แต่สิ่งที่ ทำให้ ชาวบ้าน มันกลัวกัน
ก็เป็นเพราะ มันไม่รู้ แทคติก และ หลักการยืดหยุ่น
ในการรักษาความสมดุล เกี่ยวกับการบริโภคกาม ไง
สุดท้ายก็เลย ต้องทุรนทุราย เพราะ การพยายามหักดิบ
ฝืนจิตหักห้ามกามราคะ น่ะนะ
( ยกตัวอย่าง ให้เห็น ภาพชัด ๆ 
อาทิเช่น ไอ้ตี๋จิกตรีน เป็นต้น อิอิ )
นี่ยังขำไม่หายเลยอ่ะ ที่มันมาบ่นกระปอดกระแปด
เรื่องที่มัน ต้องเกิดทุกขังกาละมัง
เพราะ พยามตัด กามราคะ น่ะ
แมร่ง มันช่างไม่เจ๋ง เหมือน อิตั้วเจ้ เลยว่ะ 
ทำไมไม่รู้จัก ใช้ แทคติก ซะมั่ง ฟระ หุหุ



อ้อ จริงดิ เห็นพูดเรื่อง เบาหวาน
มีเรื่องจะเล่า ด้วยแหล่ะ
เมื่อตะเช้า เม้าส์กะน้องมัน อ่ะ
เรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับ ความหวาน และ น้ำตาล เท่าไรนะ
แต่มันเกี่ยวกับ เรื่องของ ความมันส์ ก๊ะ โคเลสเตอรอล ล้วน ๆ อ่ะ เอิ๊ก ๆ
คือ อาทิตย์ก่อนนู้น โรงบาลมีตรวจสุขภาพ น่ะ
พี่พยาบาลเลยโทรมาถาม น้ำหนัก ก๊ะ ส่วนสูง นู๋บี ไปลงข้อมูล


พอนู๋บีบอกไปว่า ตอนนี้ สูงประมาณ 150 ซม.
น้ำหนักชั่งเมื่อเช้า 49 กก. คร้าาาาาาาาาาาาา
เท่านั้นแหล่ะ คนฟัง ไม่ยอมเชื่อเว้ยเฮ้ย
ไม่งั้นคงคิดว่า เครื่องชั่งเสียมั้ง
เลย จิกหัว เอ๊ย จุดธูปอัญเชิญ นู๋บี
ไปชั่ง น้ำหนักต่อหน้าพี่เขาอีกครั้ง (ตามหลักกาลามสูตร ) อ่า 
พี่แกถึงจะยอมเชื่อ อย่างสนิทใจ อ่ะ
ว่า นู๋บี นน. 49 กิโล จริงจริ๊งงงงง


แต่พี่แกก็ไม่วายพูดเปรย ๆ เข้าหูนะ
ประมาณว่า เป็นเพราะนู๋บีชอบใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่ ๆ
ชาวบ้านชาวช่องเก๊าะเลยมองว่า ไม่น่าจะตัวน้อย
แถมยังแนะนำเพิ่มเติม ว่า
ถ้าใส่เสื้อผ้าพอดีตัว สารรูปจะดูดีกว่า นี้ว่ะ


ฟังคุณพี่พยาบาลเจ้าของบูติกหญ่าย แนะนำ
แล้วเล่นเอา ขำพิลึก เลยว่ะ
แต่คงทำใจ ทำตามไม่ลงหรอกนะ
เพราะว่า มันผิดคอนเซปต์ของนู๋บีอ่ะ
ใส่เสื้อผ้าพอดีตัว แล้วมันขาดความมั่นใจว่ะ
ชอบใส่เสื้อผ้าหลวม ๆ โคร่ง ๆ
ปิดนมปิดตรูด มากกว่านะ
เวลาจะทำอะไรมันมั่นใจดี ว่ะ
เผื่อกางเกงตรูดขาดขึ้นมากะทันหัน
จะได้ไม่เสียเซล์ฟไง หุหุ



อิอิ...ฝอยไปโน่น เลย วุ้ย แค่อยากจะบอกเฉย ๆ ว่า
ถึงจะ ถือ ศีล 6 ฉัน 2 มื้อ จนน้ำหนัก ลดฮวบไปหลายโล
แต่ โคเลสเตอรอล ของนู๋บี เก๊าะ ยังคงสวนกระแส
ปาเข้าไป ตั้ง 272 โน่น แหน่ะ ( ปกติ ไม่ควรเกิน 200 )
เล่นเอาโดนเอาชื่อไปติดบอร์ดประจานซะทั่วโรงบาลเลยว่ะเอิ๊ก ๆ


เนี่ยอินังคิตตี้ มันเก๊าะกะลังหาเรื่อง
จะเปลี่ยน วิกฤต เป็น โอกาส นะ
แมร่ง มันอ้อน สะกิด ชวน อิการ์ฟิลด์ ยิก ๆ เรยว่ะ มันบอก ว่า


นี่ ๆ ไหน ๆ ช่วงนี้ เก๊าะ ไขมันในเลือดมันจุกอก
จนเสี่ยงจะเป็น สโตรค งี้ แล้ว
หันมา ฉันมื้อเดียว ดีป่ะ ?
ปฏิปทาในการปฏิบัติ จะได้แจ่มขึ้น
แถม ยังช่วยรักษา สุขภาพ อีกด้วย น้าาาาาา


ตอนแรก อิการ์ฟิล์ด มันก็ส่ายหัวดิก ๆ เลยนะ
มันบอกว่า เฮ่ย ที่ โคเลสเตอรอล ของนู๋บีสูง เนี่ย
เป็นเพราะช่วงนั้น อินู๋บี มันเอนจอย อิทติ้ง
เจี๊ยะ ทั้ง หนังไก่ปิ้ง ก๊ะ ปลาหมึกย่าง
ตบท้ายด้วย น้ำสลัด เจ็ดวันรวด 
ก่อนไปเจาะเลือด ตรวจสุขภาพ ตะหากว้อยยย
โคเลสเตอรอลมันถึงได้กระฉูด จนเสียประวัติ
เด๋ว พอเข้าสู่วงจรการกินแบบเดิม ๆ
ไขมันในเลือดมันก็ปกติ แระ


แถม อิการ์ฟิลด์มันยังบ่นกระปอดกระแปด อีกว่า
เนี่ย แค่กิน 2 มื้อ มันก็อดอยากปากแห้งจะแย่อยู่แระ
ยังจะมาใจร้ายกลั่นแกล้งให้มัน หม่ำแค่มื้อเดียวอี๊กกกกกก
ถ้าเป็นวันหยุด ก็ยังพอหลับหูหลับตาหยวน ๆ ให้ได้นะ
เพราะว่า มันไม่ได้ทำงานใช้แคลอรี่ แต่นี่ ขืนฉันมื้อเดียวทุกวัน
ตอนบ่าย ตรูจะเอา สารอาหารที่ไหนมาใช้เป็นพลังงานล่ะ
รู้ป่ะ มื้อเที่ยงน่ะ มันช่วยบำรุงสมองนะว้อยยยย แว้ด ๆ ฉอด ๆ


อิอิ ก็ 2 จิต 2 ใจ อยู่พักใหญ่ เลยนะ
แต่สุดท้าย เจอลูกอ้อน ของ อิเจ้าคิตตี้ หนักเข้า
อิการ์ฟิลด์ มันเก๊าะใจอ่อนอีกตามเคย
เลย กัดฟัน ยอมหยวน ๆ ให้อ่า
ว่า  เออ ๆๆ ต่อไปตรูจะทดลองฉัน มื้อเดียวดู ก็ได้ฟระ
ส่วน มื้อเที่ยงน่ะ  อนุโลม ขอ ดื่มน้ำหวานเป็น น้ำปานะ
เพื่อเพิ่ม น้ำตาลไปเลี้ยงสมอง สัก แก้วสองแก้ว ก็แล้วกันนะเธอว์
จะได้ไม่ เบลอ แล้ว เอ๋อ จนทำงานไม่ได้


เฮ้ออ นี่ก็ไม่รู้ว่า โปรเจค ฉันมื้อเดียว นี่ จะไปรอดไหมนะ
ไง แควน ๆ ก็ช่วยเป็น กำลังใจให้กันมั่งเน้ออออ
เฮ้ออ นี่ครึ้ม ๆ อิเจ้าเงาะ มันก็ว่า จะส่งเทียบเชิญ
ไป ชวน อิรจนาของป๋าโจ 
มา ฉันมื้อเดียว  เป็นเพื่อนกันด้วย อ่ะ 
อิการ์ฟิล์ด จะได้ไม่เหงา อิอิ

เอ่อ...ไม่ทราบว่า อิรจนา จะสนใจ
มาร่วม โปรเจค ลดโคเลสเตอรอล ด้วยกันไหมน้ออออออออออออ

(http://monkeybrandz.com/wp-content/uploads/2012/01/Monkey-Eating-Birthday-Cake.jpg)


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อ้างถึง

อิหม่ามี๊ ว่า...

จะว่าไปโจรที่สำนึกตัวและกลับใจเลิกเป็นโจรได้นี่ก็น่านับถือนะ
เพราะเป็นเรื่องที่ทำได้ยากส่วนใหญ่ก็ทำได้แต่ปาก หุหุ
ส่วนพฤติกรรมสันดานก็ยังเหมือนเดิม
หาคนจริง ทำได้จริง ยากแท้น้อ แต่ก็คงมีคนทำได้อยู่แหละ
ก็โลกนี้มันไม่เที่ยงงงงงง อะไรๆก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
มีทั้งมาเกิดแล้วสันดานแย่ลง กับสันดานดีขึ้นเป็นกองหุหุ
อยู่ที่เราจะมีสติปัญญาเลือกแบบไหนให้ตัวเราเอง


+++++++++++++++++++++++++


อืม....มีเรื่องของ นางโจรี คนนึงมาเล่าให้ฟังโตย
เช้านี้ เม้าก๊ะ รุ่นน้องตอนไปออกหน่วย น่ะ
น้องมันมาเปรย ๆ เชิงปรึกษาว่า พี่บีรู้สึกไหม 
ว่า มีบางคนในห้องยา ชักจะมาทำงานสายจนเกินงามแล้วนะ


นู๋บีก็เลยบอกกับมันไป ประมาณ ว่า


----------------------------------------------------
เออพี่รู้ว่ะ  แต่ตอนนี้พี่ยังไม่สามารถจะ ไปตักเตือนอะไรมันได้
เพราะ ว่า พี่เองก็มาสายเหมือนกันวะ
ถึงแม้ พี่จะ ทดเวลาบาดเจ็บ ชดใช้คืนให้โรงบาล
ด้วยการ ไม่ลงเวรบ่ายไปพักแล้ว
แต่ การมาสาย ก็คือ การมาสาย อยู่ดี
ถึงแม้มันจะแค่ 10 นาที 15 นาที ก็ตาม

และ ตราบใดที่ พี่ยัง แก้ไขความระยำในส่วนนี้ ของตัวเองให้หมดจด ไม่ได้
พี่ก็คงไม่มีหน้าไปเตือน ใคร ๆ เรื่องมาทำงานสาย ว่ะ
รอให้พี่ปรับปรุงตัวเองเสร็จก่อนนะ
แล้ว เด๋วพี่จะไปเตือนมันให้ แหะ ๆ
-------------------------------------------------------------------------



เฮ้ออ นี่ก็เป็นกฏมณเฑียรบาลอีกข้อ
ของการเป็นนักปฏิบัติ สำรับนางโจรีอย่างนู๋บีนะ
อะไรที่เรายัง ประพฤติปฏิบัติไม่ได้
เราก็จะไม่สะแอ๋งไปว่ากล่าวตักเตือน
หรือ อ้าปากสั่งสอนคนอื่น ในเรื่องนั้น ๆ อ่ะ
แต่ถ้าเรื่องไหนทำได้แร้ววว ตรูก็พร้อมที่จะ ยกตนข่มท่าน
เอามาโอ้อวดชาวบ้าน ให้มัน อิจฉาเล่น ทันที เยยย
( อันนี้ มันก็เป็น สันดาน นางโจรี ที่แก้ไม่หายซ้าที แหะ...แหะ.... ) :10:

(http://static.stuff.co.nz/1243202135/360/2438360.jpg)
หัวข้อ: Re: ► ►►. . .The Letter : จม. เปิดผนึก ถึง อิหม่ามี๊ . . .◄ ◄◄
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ กันยายน 04, 2012, 11:30:45 pm

-------------------------------------------------
อ้อ จริงดิ เห็น อิหม่ามี๊ พูดถึง โคธชาดก
เลยเอาเรื่องนี้ มาฝาก จร้าาาา 5555
-------------------------------------------------






นี่ ๆ เหล่านักปฏิบัติจ๋า เชื่อป่ะ ว่า
สมณะโคดมนั้นหนา  คือ ตัว เ  - ี้ ย กลับชาติมาเกิด


(http://board.palungjit.com/customavatars/avatar263865_10.gif) (http://board.palungjit.com/members/5th-lotus-263865)

อ้างถึง


1. กุ เชื่อ  ชัวร์ ๆ
 
2. กุ ไม่เชื่อ ชัวร์ ๆ
 
3. อื่น ๆ  ( โปรดระบุ  อาทิเช่น  กุไม่ตอบ  เพราะ กุไม่รู้ ! ฯลฯ )



 
อืม... ช่วงนี้ busy มั่ก ๆ เรยฮ่ะ
พอดี เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง และสถาปนา
ติดยศเลื่อนตำแหน่ง เป็น สมาชิกผู้มีแบรนด์ เอ๊ย สมาชิกผู้มีแบน
จึงได้รับเชิญไปกินข้าวแดง บน  ตะแลงแกง ณ คุกขี้ไก่
ครั้น พอแกว่งปากหาเท้าในเวบพังจิตมิได้
ว่าง ๆ เก๊าะเรย เสิร์ชอากู๋ เพื่อ ไปจู๋จี๋กับ น้องเอี้ยก้วย
แล้ว ดันมาเจอนิทานหลอกเด็ก เอ๊ย นิทานชาดก เรื่องนี้ ง่ะ
 
 
 http://board.palungjit.com/f2/เจาะลึก-มังกร-มหาสัตว์-ใน-ตำนาน-8917.html#post82611 (http://board.palungjit.com/f2/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B6%E0%B8%81-%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3-%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C-%E0%B9%83%E0%B8%99-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99-8917.html#post82611)
 
 
อ่านแร้วก็ตลกดี
แถม มีคิดเล็กคิดน้อย ต่อยอดอีกนิดหน่อย
ตามประสาพวกฟามรู้น้อยด้อยปัญญา
อิฉัน จึงปรุงแต่ง แล  เข้าใจไป ว่า
 
 
อพิโถ โถ ๆ  สมณะโคดมนั้นหนา
คือ ตัว เ  - ี้ ย กลับชาติมาเกิด นี่เอง
 
 
อืม... แล้วทั่นผู้อ่านล่ะเจ้าคะ ?
อ่านเรื่องในลิงค์ นั่นแร้ว
เชื่อ และ เห็นด้วยกะอิฉัน ไหมเอ่ย ?  ว่า
 
สมณะโคดมนั้นหนา คือ ตัว เ  - ี้ ย กลับชาติมาเกิด
 
จริงหรือมั่ว   ชัวร์หรือไม่ ?
 
 
ไง ก็ วานบรรดาท่าน กูรู ที่ห้องอพินยา
ช่วยใช้วิปัสนึก ตรึกธรรมแนะนำ
และ โหวตถ้อยคำให้อิฉันได้สดับรับฟัง
เป็น วิดทะยานทานมั่งเถิดเจ้าค่ะ
 
แหม ๆ ด้วย ตรรกะที่แพล่มมา นี้
ก็น่าจะเชื่อถือ อยู่หรอกเน๊าะ
เพราะข้อมูลเหล่านี้มีพระไตรปิฎก  เป็น back up เชียวน้าาา
เป็น พุทธมามกะจ๋าาาาา ก็ต้องเชื่อ ตะกร้าสามใบ สิเน๊อะ
หรือเธอว์จะ เชื่อเฉพาะ ตำนานเรื่องทศบารมีล่ะหว่า ?
แหม ? นี่ถ้า ตำนาน พุทธอวตารที่เล่าขาน
มันเป็นเรื่องจริง คงสนุกพิลึก เหอ ๆ )
 
 
 อืม.....แร้ว เมื่ออิฉันนึกสนุก  เสริ์ช อากู๋
ขุดคุ้ย มหากำพืด( แปลว่ากำเนิดเบื้องลึกในหลาย ๆ ชาติ )
 ของสมณะโคดม ต่อไปอีก อิฉันก็มานั่งขำก้าก อีกครั้ง
ประมาณว่า อะโหย ก่อนหน้านี้ สมณะโคดม
ก็มิใช่ เปอร์เฟค แมน โคตร ๆ อะไรนักหนานี่หว่า
 
 
บาปกรรมต่าง ๆนานาในอดีตชาติ
ที่ทั่นเคยสะสมเล่นก็ยังทำให้เวียนว่ายในวัฏฏะ
เกิดมา เป็น สารพัดสัตว์เดรัจฉาน อีกมากมาย
ทั้ง วัว  ทั้งควาย หมู  หมา กา ไก่ ฯลฯ
 
 
แหม ๆ อย่าว่า แต่ ตัว เ - ี้ ย เล๊ยยยยย
ขนาด  สัตว์นรก   สมณะโคดม ก็ยังเคย เป็น มาแล้ว
( ไม่เชื่อ ถาม คนขี้เหล้าที่ชื่อ  ปุนาลิ ดูจิ อิอิ )
 
 
เฮ้อ จะว่าไป เยซู แห่งนาซาเรธ ยัง ดูดี ซะกว่า มั้งเนี่ย
เพราะ ไบเบิ้ลไม่เห็นจะเคยเอ่ยเรยแฮะ
ว่า พระบุตร ทรงเป็น ตัวเ - ี้ ย กลับชาติมาเกิดดดด
 

แต่ก็นั่นแหล่ะนะ
อิทัปปัจจัยตา สิ่งนู้นมี สิ่งนี้จึงมี
กมฺมุนา  วตฺตตีโลโก กุ๊ก ๆ
สิ่งมีชีวิตทุกตัวล้วนเป็นไปตามกรรม นี่นะ
แล้วจะแปลกอะไร ล่ะ

 
ถ้า เ - ี้ ย บางตัว มันจะทำกรรมดี
สะสมบารมีได้มากกว่า ฤาษีบางตน
จนสามารถ กลับชาติมาเกิด
ถือ กำเนิดเป็นสัมมาสัมพุทธะ ได้
ด้วยประการฉะนี้...แล
 
 
 (http://www.porchlightlearning.com/imgs/clip_image010_0000.png)
 
 
 
ปอลิง 1
 
อืม... จิง ๆ อิฉันตั้งใจว่า
ตอนนี้กะ จะงดตั้งกระทู้สักระยะ
เพื่อหันหน้าไปรจนา ศีล 5 ในฮาเร็ม ให้เสร็จ
 
แต่ทว่า ไหน ๆ ก้อ เพิ่งได้ ติดแบน มา 1 ดอก
ออกจากคุกขี้ไก่ คราวนี้
เรยโพสแกว่งปากหาเท้า เอ๊ย เสวนาธรรม
บ่นกับชาวบ้านจั๊กหน่อย ดีฝ่า
เพื่อเป็นการฉลอง ที่ได้ตำแหน่ง
สมาชิก ผู้มี แบน  ( สมใจอยาก )  แร้ว เหอ ๆ
 
 (http://www.animaltalk.us/images/uploads/iguana-1479652i.jpg)
 
 
 
ปอลิง 2
 
ถ้า ใครอ่านกาทู้นี้ แร้ว ซาบซึ้ง
เกิดกำลังใจในการปฏิบัติ
ประมาณว่า
 
ขนาด เดรัจฉานอย่าง เ - ี้ ย บางตัว
มันยังไม่หน้ามืดตามัว สามารถตะเกียกตะกาย
โผล่หัวมาเวียนว่ายตายเกิด จนทะลุธรรม ได้ 
แร้วทำไม มนุษย์ขี้เหม็นอย่างตรู
จะเจริญตามรอย ตัว เ- ี้ ย มั่งมิได้
 
 
ไอ้ฉัน ก็ อนุโมทนา ด้วยเจ้าคะ สาธุ ๆ
 
อนึ่ง อานิสงค์ ผลบุญใด ๆ ที่ ได้จากการเขียนกระทู้นี้
มอบให้แก่ ไอ้มดเอ๊กซ์ หลานชายนอกไส้คนโปรด
ในฐานะที่ มันทำให้ อิฉันปิ๊ง จนเกิดไอเดียบรรเจิด
ก่อเกิดเป็นกาทู้นี้ขึ้นมา หลังจาก ได้อ่านโพสของมัน
 
 
ส่วน  ถ้าครายอ่านแร้วขุ่นมัว
อานิสงค์ผลบาปใด ๆ ที่ได้จากกาทู้นี้
อิฉันไม่ขอรับไว้ หรอกนะจ๊ะ ตัวเอง
เพราะ ว่า บาป อยู่กับคนทำ กรรม อยู่กับ คนกิน 
กระเตงกันเองแระกัน กำใครกำมัน  ง่ะ
คนไม่ใช่แควนรับแทนให้กันไม่ได้หรอกจ้า งิงิ
 
 
อ้อ แล้วถ้า ใคร เป็นห่วงเป็นใย
กัวว่า อิฉันจะบาปหนา
เพราะ ตั้งกาทู้ก่อกำทำเข็ญ
ล้อเล่นกับสมณะโคดม
ก็โปรดอย่าได้ วิตกจริตคิดมากให้ปวดหัวไปเยย
ตราบใดที่ สมณะโคดม มีเจโตฯ
อิฉันก็มิมีอารายให้เป็นห่วง
 
 
บาป คือ อะไร  บุญ คือ อะไร
ธรรมใดเป็น กุศล   ธรรมใดเป็น อกุศล
อิฉันก็พอลู้ อยู่บ้างพอเป็นกระสาย แหล่ะนะ
เอาเป็นว่า  เรื่อง การปรามาส เนี่ย
ขอให้ มันเป็น ธุระกรรม
ระหว่าง อิฉัน กับ สมณะโคดม
แค่สองต่อสองก็พอเถอะนะ
ได้โปรดอย่ามาโดดเข้าร่วม สังฆกรรม ด้วยเล๊ย
 
 
แต่ถ้า ทั่นไหน อยากเข้าร่วมก่อกรรม ด้วยกันจนตัวสั่น
ก็ตามฉะบาย แระกันนะจ๊ะ
คงไม่ห้ามหรอกเจ้าค่ะ
บอกแระ ว่า กำใคร กำมัน  งิงิ
กรรมนิยาม นั้น จ่ายปันผล ให้สิ่งมีชีวิตทุกตัว
อย่างยุติธรรมถ้วนทั่ว ซำเหมอแหล่ะ เหอ ๆ
 
 (http://www.samsamurai.com/images/main_1229057811/_DSC4088fromdigitalslr.jpg)
 

ปอลิง 3
ขอ อำภัย ที่ ใช้ รูปปลากรอบ ไม่เข้ากับเนื้อหา
ใครคนหนึ่ง บอกอิฉันว่า
 
 อย่าโกรธถ้าถูกด่าว่า "เ- ี้ ย" ด่าว่ากิ้งก่า ท่าจะเจ็บกว่านะ  (http://terasphere.exteen.com/20091208/entry)
 
 
ดังนั้น ถ้า โพส รูปน้อง เอี้ยก้วย
แร้วได้ใบแดงซ้ำซากไร้การครีเอท อย่างงี้
ตูโพสรูปกิ้งก่า แทนก็ได้ฟระ เหอ ๆ
 
 
 (http://images.stanzapub.com/readers/2009/06/15/iguana_1.jpg)
 
 
 
ปอลิง 4
เออ   กาทู้นี้ อิฉันขอนุยาด
งดตอบ จม. แควน ๆ ชั่วคราว นะเจ้าคะ
เพราะโพสเสร็จ กะว่า เด๋วจะ หาเรื่อง แบน ( ตัวเอง)
 จากเวบนี้สัก 2 เดือนง่ะ
แบ่บว่า ได้ ติดแบน ไป 1 ดอก แร้ว ช้อบชอบ
เรยอยากได้อีกสักดอก งิงิ
 
 
เอาล่ะ เด๋ว ขอนุยาด ไปเซย์ฮัลโหล กะอัศวินเจได
ที่ กาทู้ใบแดง อีกสักแป๊บ นึงก่อนนะ
แร้วเด๋วอิฉันก็จะหายหัวไปแบบยาว ๆ แระ
หวังว่า ไม่เจอหน้ากันนาน ๆ  คงไม่มีใคร
ลงแดงตายเพราะฟามคิดถึงอิฉันหรอกน๊าาาา แง้ว ๆ
 
กุสลา ธรรมา ๆ อัญเชิญเทพเทวดา
มาพา น้องเ- ี้ ย ไปนิพพาน ชะเอิงเอย


ที่มา
http://board.palungjit.com/f181/โพสเรื่อยเปื่อย-เมื่อยก็พัก-^-0-^-322353-5.html#post6012795 (http://board.palungjit.com/f181/%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%81-%5E-0-%5E-322353-5.html#post6012795)


หัวข้อ: ► ►►. . ..The Letter : จม. ปิดผนึก ถึง ทั่นดาญาณ.. . .◄ ◄◄
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ กันยายน 06, 2012, 12:08:33 am
► ►►. . ..The  Letter : จม. ปิดผนึก ถึง ทั่นดาญาณ.. . .◄ ◄◄

(http://4.bp.blogspot.com/_plV_5m21feI/TJVpTzrhzRI/AAAAAAAABZw/jGnB2CbUN9I/s400/virgin1.jpg)
 
เอิ่ม ...ไม่ทราบว่า ทั่นดาญาณยังมี ล็อกอิน
ที่ พันติ๊ป อยู่ อ๊ะปล่าวคร้าาาา
นู๋บี อยากจาขอ นุยาด หลอกใช้ เอ๊ย ไหว้วาน อ่ะค่ะ แหะ ๆ
เนี่ย ฝากช่วยเป็นร่างทรง ส่งหลังไมค์
เอา ลิงค์เนี๊ยะ (http://www.tairomdham.net/index.php/topic,7725.msg30815/topicseen.html#msg30815) ไปให้ ล็อกอิน รถเรณู
แทนนู๋บีหน่อยจะได้ไหมคร้าาาา
 
 
คือว่า เห็น ป๋ารถสังข์ อีกะลัง เฮิร์ท
ที่โดนบักระนาด มันเบิ๊ดกระโหลก
ดีดกระโปกกลางเวบบอร์ดอ่ะคร้าาา
นู๋บี ก็เรยอยากจา ส่งกำลังใจ
ไปให้ ไอดอลของตัวเอง ง่ะ
วานทั่นดาญาณ ช่วยเป็น ร่างทรงให้ นู๋บี ทีสิเจ้าคะ
 
 
น่านะนะ เขาว่า การช่วยเหลือ สตรีผู้ทรงศีล เนี่ย
อานิสงค์มันแร๊งส์ นะเจ้าคะ
เผื่อว่า บางทีบุญกุศล มันอาจจะหนุนนำ
ทำให้ทั่น ดาญาณ ได้เจอเนื้อคู่ ที่หน้าตาดี
เหมือน น้องแคทริยา มารศรี เอ๊ย แคทริยา อิงลิช ก็ได้น้าาาาาา อิอิ(http://board.palungjit.com/images/smilies/cool.gif)
 
(http://celinescorner.punt.nl/upload/Celine2.jpg)

 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


หูยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ปาฏิหารย์มีจริงวุ้ย อะซิก...อะซิก...(http://board.palungjit.com/images/smilies/cry-smile.gif)
อืม...แท้งกิ๋วเจ้าค่ะ ทั่นดาญาน
ไงก็ ขออนุยาด เอาเรื่องนี้ 
ไปโพทนา อวดชาวบ้านสักหน่อยนะเจ้าคะ
เพราะนาน ๆ ที จะมีคนใจดี
ยอมหลวมตัว มาเป็นนอมินี ให้นู๋บี  อ่ะแหะ...แหะ...

(http://board.palungjit.com/images/smilies/cool.gif) (http://board.palungjit.com/images/smilies/cool.gif) (http://board.palungjit.com/images/smilies/cool.gif)


(http://bloguderas.files.wordpress.com/2011/05/5.gif)
หัวข้อ: ► ►►. . ..The Letter : จม. เปิดผนึก ถึง อิหม่ามี๊.. . .◄ ◄◄
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ กันยายน 06, 2012, 12:17:25 am
► ►►. . ..The  Letter : จม. เปิดผนึก ถึง อิหม่ามี๊.. . .◄ ◄◄


(http://smilepost.ru/uploads/posts/2011-04/thumbs/1302765718_1302762076_8.jpg)

อิอิ คืนนี้ขึ้นเวรบ่ายคร้าาาาา อิหม่ามี๊
พอดี ว่าง ๆ ไม่มีคนไข้ แล้ว
เก๊าะ เรย เอาเวลาหลวง แอบแว้บ เข้ามา เม้าส์ แหะ ๆ

อืม...แท้งกิ๋ว สำหรับ คอมเม้นท์ของลุงสม
ที่อิหม่ามิ๊ เอามาโพสท์เป็นน้ำจิ้ม  เกี่ยวกับ อุทาหอน
เรื่อง ดาราหญิงคนดังหลั่งน้ำตา ก๊ะ ข้อหา หนีภาษี อ่ะ 
เฮ้ออ นู๋บีเอง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า  ป๋ารถสังข์จะเข้าใจอ๊ะปล่าวววว


แต่ในฐานะ ที่ นู๋บี รู้สึกว่า
อิป๋ารถสังข์มัน โขก นู๋บี มาอย่างก๊ะโคลนนิ่ง  น่ะนะ
ขอ อนุยาด ตอบ แทน อิป๋ามันว่า
ป๋าแกก็คงจะเก็ท ก๊ะ น้ำลายลุงสม แหล่ะ
แต่คงจะ ไม่คิด ที่จะมองตัวเอง
จากที่คนอื่นเค้ามอง หรอกมั้ง


เพราะ ถ้าขืนเอาคนอื่นมาเป็นกระจกสะท้อนตัวเรา
มันก็มีทั้ง กระจกนูน กระจกเว้า
หรือ อย่างมาก ก็เป็นได้แค่กระจกเงา
ซึ่ง คงจะเอามาใช้ ส่องหารากเหง้า
แห่งความระยำ เอ๊ย แห่งพฤติกรรม
แล้วนำมาทำให้เกิด มรรคเกิดผล ได้
อย่างไม่ค่อยจะเต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่าไร นัก


ขืนมัวแต่มา นั่งส่องดูภาพสะท้อนอันบิดเบี้ยว
ตามการปรุงแต่ง สังขารขันธ์ ของชาวบ้าน
มันก็เป็นได้แค่การหยิบเอาการปรุงแต่ง ตัวเรา
ผ่านสายตาของคนอื่น (ตามจริตและ ประสบการณ์ของเขา)
แล้วเอามาปรุงต่อ เท่านั้น


แต่ถ้าอยากเห็นตัวเอง แบบชัดๆ  แจ่ม ๆ
สู้เราเดินเข้าไป สำรวจตัวตน ของตัวเอง จากภายใน
โดยอาศัย หลัก อิทัปปัจยตา น่าจะเวิร์ค กว่า ไหม ?
จริงอยู่ ไม่มีใคร รู้ตัวไปเสียหมดทุกเรื่อง
แต่ถ้า เมื่อไร เรา ซื่อสัตย์กับ อัตตา ของตัวเอง อย่างเพียงพอแล้ว
เมื่อนั้น เราก็จะเห็น กิเลสตัณหาของตัวเอง ได้ตามจริง


ตลอดจนสามารถตัดสินความระยำของตนได้ โดยปราศจาก อคติ 4
นอกจากนี้  เราก็จะรู้เองว่า การเลือกที่จะหยุดของเรานั้น
มันเป็นไปเพื่อหลบลี้หนีความจริง  / เพื่อขอลดหย่อนโทษ
หรือ เป็นการละทิ้งศักดิ์ศรีของตน เพื่อ ปกป้อง ผู้อื่นกันแน่ ?
เรื่องนี้ ไม่มีใครตอบแทน ใครได้ เพราะมันเป็น ปัจจัตตัง
อีกทั้ง ปุถุชน อย่างเรา มันก็ไม่มี เจโต ซะด้วยดิ
ก็คงได้แต่ด้นเดากัน ไปตาม ความเก๋า และ ประสบการณ์ ที่มีอ่ะ
อิหม่ามี๊ ก็คาดเดา ไปอย่างนึง  นู๋บีก็เดาไปอีกอย่างนึง
แต่ จะมีเจตนาอะไรซ่อนเร้นอยู่ในหอย ของ ป๋ารถสังข์ นั้น
ก็คงจะมีแต่ ป๋า รถสังข์ เท่านั้นแหล่ะมั้ง ที่ รู้ดีที่สุด


กระนั้น นู๋บี ก็มีข้อสังเกต อยู่จิ๊ด นึงส์
นั่นก็คือ ถ้า บักระนาด มันไม่เมายาบ้า
จนไป จับ พี่พัน ก๊ะ ผอ. หอจดหมายเหตุพุทธทาส เป็นตัวประกัน
ป๋ารถฯ จะยอมอ่อนข้อให้ ไหม ?
เพราะ เท่า ที่ตาม ๆ ดู นั้น
ก็เห็นป๋าแกทำปากเก่ง ร้องท้าเหย็ง ๆ
ไม่ได้กลัวที่จะไปขึ้นโรงขึ้นศาลเรยนิ

แถมป๋ายังเริ่มจะจัดหนัก
เปิดหน้าไพ่โชว์หลักฐานความล่ำซำ ด้วย
แต่ ป๋าแกก็มาเปลี่ยนคอนเซปต์
ตอนที่ บักระนาด มันไปอาละวาด
จน พี่พัน ก๊ะ หอจดหมายเหตุฯ ต้องเดือดร้อน อ่ะ


แล้ว ไอ้เรื่องมีมูลฟ้อง เพียงพอไหมเนี่ย มันไม่ใช่ประเด็นหลักอ่ะ
อิหม่ามี๊เคยดู ดคีเด็ด ทาง ช่อง 7 ป่ะ
ถ้าเจ้าทุกข์ มันจะเอาเรื่อง เอาราวกันจริง ๆ อ่ะ
ถึงเป็น เรื่อง กระโหลกกะลาปัญญาอ่อน แค่ไหน
ไงซะ คุณตำหนวด ก็ต้องยอมรับแจ้งความแล้วลงบันทึกประจำวัน ให้
ซึ่ง สิ่งเหล่านี้ สามารถเอาไปเป็นหลักฐาน ฟ้องศาลได้ทั้งนั้นว่ะ
ทีนี้ล่ะ เหล่าพยาธิ และ พยานปากเอก ได้เดือดร้อนกันระนาววว
แล้วการถูกหมายเรียกให้ไปเป็น พยานในศาลเนี่ย
มันไม่ซาหนุกเรยนะจ๊ะ เสียเวลาโคตร ๆ เหอะ ๆ


นู๋บีคิดว่า ถ้าขึ้นโรงขึ้นศาลกันจริง ๆ
ป๋ารถฯ แกน่าจะ ห่วงประเด็นนี้ ตะหากมั้ง
คงไม่อยากให้ ชาวบ้านเดือดร้อนไปด้วย อ่ะ
ส่วนไอ้เรื่อง กลัวติดคุกติดตะราง
หรือ เสียเวลาไปขึ้นโรงขึ้นศาลเนี่ย
เขี้ยวลากดินอย่างป๋าแก คงไม่สะทกสะท้าน ว่ะ



ปอลิง


อ้อ แท้งกิ๋ว น้าาาา อิหม่ามี๊
ที่เป็นห่วงเรื่องการ ไดเอท เอ๊ย การฉันมื้อเดียว ของนู๋บี
อืม..วันนี้ นู๋บี เริ่มดีเดย์ ฉันมื้อเดียว แระ อ่า
แถม อิการ์ฟิล์ดมันก็เสือกหน้าใหญ่ใจโต
ตอนเที่ยงนี้ มันก็ใจเด็ด ไม่ยอม แตะน้ำหวาน สักหยด
ทำเอาตอนบ่าย ๆ  งี้  ตรูทั้งหิว ทั้งฉิว (แถม ขำ ตัวเองอีกตะหาก )
เคยป่ะ ที่ท้องมันอยู่ในสภาวะหิว แล้วก็นึกครึ้มมานั่งดูหิว
แล้วก็ไม่ได้ปรุงต่อ เป็น ความอยาก จน เกิดทุกขังกะละมัง น่ะ
( ไว้ครึ้ม ๆ จะมาโม้ให้ฟัง 55555555555 )

 :12:  :12:  :12:

(http://monkeybrandz.com/wp-content/uploads/2011/12/Hungry-Monkey-Eating-Banana-168x300.jpg)(http://monkeybrandz.com/wp-content/uploads/2011/12/Hungry-Monkey-Eating-Banana-168x300.jpg)(http://monkeybrandz.com/wp-content/uploads/2011/12/Hungry-Monkey-Eating-Banana-168x300.jpg)
หัวข้อ: ► ►►. . ..กามา-เสน่หา แล พรหมวิหาร 4.. . .◄ ◄◄
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ กันยายน 11, 2012, 10:34:54 pm
อ้างจาก:

หลบภัย ว่า...

หูย มีใครแแถวนี้ ไม่รักแบบปุถุนมั้งอ่ะ ชักอยากรู้ซะแระ
"เคยได้ยินคำนี้ไหม  มีคนที่เรารัก ก็สุขอยู่แล้ว "แบบนั้นที่ทำให้ตัวเอง ไม่ลื่นแบบนั้นแระ
คือหนทางเดิน ไม่หล่อ ไม่สวย แต่เลือกได้ อยู่ี่ที่ใจ


อิตั้วเจ้ นู๋บี ว่า....

อืม...ไว้ครึ้ม ๆ จะมาโม้
เรื่อง ฟามร้ากกก หั้ยฟัง นะจ๊ะ อินู๋ หุหุ
เฮ้ออ สำหรับปุถุชนอย่างเจ้  น่ะ
เจ้ ถือว่า การเสพกามคุณทั้งหลาย
ไม่ว่าจะ จากทวารทั้ง 5 และ เซ็กส์
หรือ  สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่า ฟามร้ากกก  นั้น



มันก็เป็นเรื่อง ปกติธรรมดา ๆ นะ
ครึ้ม ๆ เจ้เองก็มักหาเรื่องเสพสิ่งเหล่านี้เล่น ๆ เสมอ
โดยไม่เห็นว่า มันจะผิดบาปอะไรด้วยนะเธอว์
การหักห้ามใจ จากเรื่องพรรณนี้ ไม่เคยมีอยู่ในสมอง เจ้ เรยอ่ะ


เอ ? งี้ เรียกว่า เจ้เป็นพวก มิจฉาทิฐิ ตัวแม่ ไหมน้อออ หุหุ


เฮ้ออ ไม่รู้สิ แบ่บว่า เผอิญเจ้ คิดว่า
ตัวเองมี สารพัดพิษ เป็นชาติตระกูล
และ  เจ๋งพอ อ่ะจร้าาาาาาาาาาาาาา
เลยสามารถบริหารจัดการความระย้ำของตัวเองได้
โดยไม่เกิดเป็นโทษแก่ตน แล้วกลายเป็นทุกขังกะละมัง


ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็น  กามคุณทั้ง 5 แล เสน่หายาใจ
หรือ แม้กระทั่ง ตะบองเพชร ซ่กเล็ก
เจ้ ก็แหล่กได้โม๊ดดดดดดด
โดยไม่สะเทือนซางว่ะ เอิ๊ก ๆ



อนึ่ง อันกามคุณทั้งหลายนั้น
ถ้าเสพแต่พอดี ๆ มันก็ เหมือน..
การ กรึ๊บยาดองเหล้าแก้กระสัย มั้ง
ทำให้กระชุ่มกระชวย ดีออก หุหุ


ที่สำคัญ ไอ้เรื่องธรรมมะ เนี่ย
เขา เรียนรู้ และ ฝึกปฏิบัติกัน
เพื่อจะเอามาใช้บริหารจัดการความทุกข์ ในชีวิตประจำวัน
( ตาม ยถาสภาวะ ณ ปัจจุบันขณะ) ตะหากจร้าาา
ไม่มีใครมันบ้า เอาธรรมะ มาใช้เพื่อเอาชนะคะคาน
หรือ งัดข้อกับ ความรัก หรอกน้าาา


เจ้ว่า ธรรมมะ กับ ความรัก น่ะ มันไปด้วยกันได้นะ
ถ้า รู้จัก รักให้เป็น  คีย์เวิร์ด มันอยู่ที่ ความคาดหวัง มั้ง
ถ้า ตราบใดที่ ยังมีความคาดหวัง ในความรัก
ฉันทาคติก็จะเกิด พรมหมวิหาร 4 มันก็จะเตลิดเปิดเปิง
แล้วเอียงกะเท่เร่  ไม่สามารถเกิดสมดุลในใจ
จึงตั้งอยู่ได้อย่างไม่มั่นคง ครบทั้ง 4 เสา
สุดท้ายจึงเกิดเป็น ทุกขังกาละมัง


อ้อ อีกอย่าง ที่อยากจะเตือน อินู๋ก็คือ
ถ้ามัววิตกจริตคิดมาก เอาแต่   สังวร สำรวม   ระแวง เอ๊ย ระวัง มากไป
บางทีอาจจะโดน ไอ้เจ้าหิริโอตตัปปะ มันทิ่มแทง
จนเลือดไหลซิบ ๆ ได้นะจ๊ะ ทูนหัววว :'(

ด้วยฟามปาดถะหนาดี จาก พี่ ศิราบี คนดีที่น่าร้ากกก (k)

(http://i.verylol.com/1/funny_monkey_exchange_roses.jpg)


ปอลิง

เฮ้ออ  นี่ ๆ รู้แล้ว เหยียบไว้เรยน้าาาาาาาา
เวลา เห็นนักปฏิบัติคนไหน
 มันเจื๋อกทะลี่งไปติดบ่วงเสน่หายาใจ
แล้วหน้ามืด เผลอแต่งงานไปมีครอบมีครัว
จนเกิดมี ราหุล ชาตะ พันธนะ เป็นตัวเป็นตน เนี่ย
เจ้มักจะรู้สึก เวทนา( แกมสมเพช ) เสมอนะ
แล้ว ก็อดสงสัย มิได้ ว่า

เฮ้อออ พวกมันเป็นนักปฏิบัติภาษา5อะไรฟระ
แค่ ขันธ์ 5 ใบ ของตัวเอง ก็หนักจะแย่อยู่แล้ว
ยังเจื๋อก แค่น ไปหา ขันธ์ ใบที่ 10 มาแบกเพิ่มอีก
แมร่ง ...โง๊ โง่....เสียฟอร์มนักปฏิบัติหมดเยยย อิอิ   :36:

(http://celinescorner.punt.nl/upload/Celine2.jpg)


+++++++++++++++++++++++++

เอิ่ม...อินู๋หลบเอ๊ยยยย
เจ้ เชื่อว่า ความรักน่ะ เป็นสิ่งที่งดงาม เสมอนะ
ถ้ามันเป็น ความรักที่ ไร้ซึ่งเงื่อนไข
และ ปราศจากความคาดหวังอันเป็นวาระซ่อนเร้นในใจ
ที่จะนำมาซึ่ง ความยึดมั่นถือมั่นแห่งจิต


ขออนุยาด ยกตัวอย่าง ฟามร้ากกก
ที่ ปนเปื้อน ไปด้วย ความคาดหวัง
แล้ว เกิดเป็น ทุกขังกาละมังงงงงงงงงง
( เด็ก ๆ อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง นะจ๊ะ :'( )


(http://1.bp.blogspot.com/_61y3ygVi0L4/SzxMme4RZEI/AAAAAAAACLk/xqL5ISktMjc/s400/Monkey%2BLove.jpg)

ความรักคือการรอคอย....

รอตั้งแต่เอ็งนั้นยังเดินไม่ได้
รอจนใหญ่เริ่มเป็นสาววัยขบเผาะ
รอจนสาวพราวร่างช่างเอ๊าะ...เอ๊าะ...
พอเริ่มเหมาะ ข้าเสือกแก่ แย่จริง ๆ  :30:




ที่มา :

http://board.palungjit.com/f4/การเอาชนะความรัก-ด้วยธรรม-358406-2.html#post6680936 (http://board.palungjit.com/f4/การเอาชนะความรัก-ด้วยธรรม-358406-2.html#post6680936)
หัวข้อ: ► ►►. . ..The Letter : จม. เปิดผนึก จาก ลิ้มเซียนยี้ ถึง ไอ้เฒ่าทารก.. . .◄ ◄◄
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ กันยายน 13, 2012, 10:16:30 pm
► ►►. . ..The  Letter : จม. เปิดผนึก จาก ลิ้มเซียนยี้  ถึง ไอ้เฒ่าทารก.. . .◄ ◄◄


(http://www.bartcop.com/monkey-mail-20.jpg)


เอิ่ม...คือว่า เห็นไอ้นกตะกรุมที่ไหนก็มิลู้
มันมาบ่นแง้ว ๆ ถึง แม่นางลิ้มเซียนยี้  ใน กระทู้เนี๊ยะ (http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12643656/Y12643656.html#13) ว่ะ

อ้างถึง

เจ้าเฒ่าทารก ว่า....

ความคิดเห็นที่ 13    

หนูบี...เอ็งโกวเนี้ย ม่วยๆยังไม่เลิกเสี้ยม

จิวแป๊ะทงเฮียอยู่ที่นี่ มือที่สามไม่เห็นมี
วิชาเราล่อหลอกย้อนสู้ความไร้สำนึก
ปรากฎมายาเป็นมือมากมาย
แท้จริงมีเพียงสองฝ่ามือโคจรพลังอย่างอิสระ
ไร้ผู้ต้านทานแม้แต่จอมยุทธอินทรี

ไปดีเถิด...ม่วยๆ

จากคุณ    : จิวแป๊ะทง (JitZungkabuai)
เขียนเมื่อ    : 12 ก.ย. 55 19:11:46

(http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2009/05/Y7843155/Y7843155-3.jpg)



เฮ้ออ อ่านแล้ว เจ้าตัวผู้รู้
ที่กำลังจะจำศีลอยู่ในรูจอมปลวก ของอิช้าน
ก็เลยต้อง ขออนุญาต ออกมา
ใช้สิทธิพาดพิง สักหน่อย ว่า

นี่แหน่ะ เจ้าจิวแป๊ะทงเอ๋ย
ไม่ว่า กาลเวลาจะผ่านไปกี่ปี
ท่านก็ยัง ฟังไม่ได้ศัพท์
แล้ว จับเอาไปกระเดียด  เหมือนเดิ้มมมม
นี่ ๆ จงไป ลงทะเบียนเรียน
วิชา ทักษะภาษาไทย เสียใหม่ เลย นะยะ ไอ้เฒ่าทารก 
เผื่อมันจะช่วยให้เกิดมรรคผล จนเห็นดวงตาธรรม
แล อ่านหนังสือได้แตกฉาน  มากกว่าที่เป็นอยู่


อืม... ที่อิฉัน พูดถึง นั้นน่ะ 
ไม่ใช่ พูดว่า มีผู้เป็น มือที่ 3   นะยะ
แต่ หมายถึง  การยืมมือ บุคคลที่ 3 ตะหากว้อยยย
แล้ว ลักษณะของ ไอ้เจ้ามือที่ 3 กับ บุคคลที่ 3 นี่
มันต่างกัน ในส่วนของ วงปฏิจฯ ตรงไหน 
ขอเชิญเมิงไป เสิร์ช ถาม ิอากู๋ เอาเอง แระกัน เช๊อะ !


เออ แล้ว ทั่นมาพูดว่า

" ม่วยๆยังไม่เลิกเสี้ยม"


ในเวบบอร์ดสารธณะ เยี่ยงนี้
ถือว่า ทั่นเฒ่าทารกกำลัง กล่าวใส่ความ
ทำให้ เซียนยี้ ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง นะว้อยยย
แมร่ง จะพูดจะจาอะไร  ก็ระวังปากหน่อยสิยะ ทูนหัววว
( โจทก์เก่า เซียนยี้ ในห้องนี้ ยิ่งยั้วเยี้ย อยู่ด้วย อิอิ )
เนี่ย เกิดพวกมัน อ่านข้อความที่ทั่น เปรย ๆ ขึ้นมา นี้
แล้วเสือก วิตกจริต คิดเป็นจริงเป็นจัง
เสือกสะสม อคติ   มาแทนที่ สัมมัปปทาน 4
จนเกิดมี การจงเกลียดจงชัง  ในตัว เซียนยี้ เพิ่มขึ้น
ทั่นจะรับผิดชอบยังไงฟระ ?


และ ถ้าหาก  ตะละแม่เซียนยี้
อีเกิดมีลูกบ้า บู้ระห่ำ เหมียนบักระนาดขึ้นมา
เด๋ว ทั่นจะโดน ฟ้อง ข้อหา
หมิ่นประมาท (ทำให้ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง)

เอาได้น้าาาา ทั่นเฒ่าชรา นัยน์ตาทาร๊กกก


อิอิ  ล้อเล่นจร้าาาาาาาาาา พ่อจิวแป๊ะทงจ๋าา
ม่ะต้องทำท่าหวาดกลัวจนตัวสั่นขนาดน้านนนก็ได้
เฮ้ออ ถึงแม้ เซียนยี้ จะชอบ อ่อยผู้ชายเล่นเป็นงานอดิเรก
แต่ก็ ไม่เคยอยากให้ มี บุคคลที่ 3 ซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่
ต้อง ถูกลากเข้ามาร่วม วงจรกรรม ก๊ะพวกเรา
ด้วยเรื่องจิ๊บจ๊อยเกี่ยวกับ ปฏิฆะเล็ก ๆ น้อย ๆ
ในการชกต่อยข้างสนามมวย ระหว่างพวกเราหรอกจร้าาา


ลูกผู้หญิงอย่างข้าฯ น่ะ
ชอบที่จะ ต่อสู้ชิงไหวชิงพริบ
แบ่บตัวต่อตัว ก๊ะ เหล่า จอมยุทธ มากกว่า 
ไม่อยากพาโลโฉเก จนพลาดพลั้งไปทำให้ คนบริสุทธิ
ต้องกลายมาเป็๋นเหยื่อ ในสนามอารมณ์ของพวกเราน่ะ


ดังนั้น ทั่นจง จิบ เหล้านารีแดง อย่างชิล ๆ
แล้ว กระดิกตรีน อยู่ในรู อย่างฉะบายใจเถิดหนา
ไม่ต้อง กลัว หรอกนะ ว่า
จะโดน แม่นางเซียน ฟ้องคดีหมื่นฯ

เฮ้ย พูดจริง น้าาาา
( ถือศีลอยู๊ โกหก ไม่ได้หรอกจร้าาา )
และต่อให้ ทั่น ด่าว่า กล่าวหา ข้าฯ กลางเวบบอร์ด
ว่า ข้าคือ แม่นางดอก(บัว)ทอง(คำ) ลูกช๊อกการี
หรือประณามว่า ข้าเป็น สตรี ปากเหม็น
เป็น นางคณิกา ผู้ต่ำช้าเลวทราม ยังไง ก็เหอะ


ถึง ข้าฟังแล้ว ข้าจะแค้นจนกระอักเลือด
อยากจะกระโดfเตะก้านคอ ทั่นแค่ไหน
ข้าก็ไม่คิดจะ ไปฟ้อง อะไร ทั่นหรอกน้าาาาาาาาาา
( เพราะว่า ทำงั้นมันเสียฟอร์มนักปฏิบัติ ว่ะ เอิ๊ก ๆ  )
ที่สำคัญ ทองแท้ย่อมไม่แพ้ ไฟ นี่นะ
แล้วทำไม คนอย่างข้า ถึงจะต้องสะดุ้งสะเทือน
หวาดกลัวว่า จะมี น้ำลายของใคร
มาทำให้ รัศมีธรรมโม๊ะอันผุดผ่องเป็นนยองเป็นใย ของข้า ต้องมา มัวหมอง ได้ล่ะ ?


อนึ่ง แม้ ดอกบัวจะมีเหตุให้ ไปเกลือกกลั้ว กับโคลนตม
แต่ ความสกปรกแห่งโคลนตม ทั้งหลายเหล่านั้น
มันก็  แตะต้อง แปดเปื้อนกลีบบัว ไม่ได้หรอกนะ
นี่แหล่ะ คุณสมบัติที่ทำให้ดอกบัว
แตกต่างจาก ดอกไม้ดาษ ๆ บ้าน ๆน่ะ


ฉะนั้น สำมะหา อะไร กะอิแค่ลมปาก เหล่านั้น
น้ำลายของผู้ชายไม่เอาไหนเช่นทั่น ?
มันไม่แตกต่างจากขี้โคลนโสโครก นั่นหรอกนะ
พยามให้ตาย ก็ทำลายคุณค่าแห่งดอกบัว ไม่ได้หรอกจร้าาอิอิ


(http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2009/05/Y7843155/Y7843155-13.jpg)


อ้าวเฮ้ยยยย ไม่ใช่รูปนั้น รูปนี้ ตะหาก หุหุ

(http://mblog.manager.co.th/uploads/105/images/condor12wj8.jpg)

(http://www.thaimtb.com/webboard/371/185986-97.jpg)
หัวข้อ: ► ►►. . ..The Letter : จม. เปิดผนึก จาก นู๋บี ถึง บักระนาด.. . .◄ ◄◄
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ กันยายน 13, 2012, 10:25:33 pm
► ►►. . ..The  Letter : จม. เปิดผนึก จาก นู๋บี  ถึง บักระนาด.. . .◄ ◄◄

(http://s7.orientaltrading.com/is/image/OrientalTrading/70_5934?$VIEWER_IMAGE$)

อืม...รู้ไหม อ่านกระทู้ล่าสุด ของคุณแล้ว
อิฉัน ขำกลิ้ง ลิงกับหมา จนแทบตกเก้าอี้เลยว่ะ เอิ๊ก ๆ
เฮ้ออ จริง ๆ ช่วงนี้ ก็ไม่ค่อยได้ ย่างกราย
เข้า มาอ่านอะไรในห้อง ศาสดา เท่าไรนะ
เพราะ มัวแต่ไป เกาะติดสถานะการณ์ น้องทองม้วน
เรื่อง ป๋าเหม่ง กะ QE3 ที่ห้องสินธร น่ะ อิอิ


แต่บังเอิญว่า มีสาย คาบข่าว
เอา ลิงค์กระทู้ของคุณมาให้อ่าน น่ะ
เฮ้ออ อ่านตอนแรกงี้ ทั้งขำทั้งฉิว
แต่พอ นาน ๆ เข้า ก็ชักจะเริ่มงอน  ว่ะ
แมร่งอุส่า ให้เกลียด เอาล็อกอินในตำนานอย่างนู๋บี ไปพาดพิง
แต่ไง๋ ไม่รู้จัก เอา ลิ้งค์ เจ้าปัญหาที่ เวบใต้ร่มธรรม
มาโพสโปรโมทในกระทู้แนะนำ ให้อิฉันมั่งฟระ
ไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ข้อหา ไม่ช่วยเพื่อนทำมาหากิน ดีไหมเนี่ย อิอิ


อ้อ แล้วก็อยากจะบอกว่า

หลักฐานที่คุณไปพื้นฝอยหาตะเข็บ
เก็บน้ำลายนู๋บี จากเว็บ tairomdham.net นั้นน่ะ
คุณจะปรุงแต่งฟุ้งซ่านไปไง ก็ตามใจเหอะ
แต่ จะขอตะโกนดัง ๆ ให้ สำเหนียก ไว้ว่า


แม้คุณ จะคิดว่า การที่ถูกผู้อื่นดูหมิ่นเกลียดชัง นั้น
มันเป็นไปตามที่ป๋ารถสังข์ ได้ใส่ความและหมิ่นประมาทไว้
แต่สิ่งหนึ่งที่ นู๋บี อยากจะบอกก็คือ
ไอ้น้ำลายที่นู๋บีแพล่มๆ ออกไป ในเวบใต้ร่มธรรม นั้นน่ะ
หาได้ เป็นความรู้สึกดูหมิ่นเกลียดชัง บักระนาด
อันเกิดจาก ถ้อยคำหมิ่นประมาท ของ ป๋ารถสังข์ เลย
แต่เกิดจาก การที่ นู๋บี ค้นหารากเหง้าของการกระทำ
ตามหลัก อิทัปปัจจยตา แล้วโยนิโส
ไปเจอ วาระซ่อนเร้นที่มันแอบแฝงอยู่ ตะหาก


เฮ้ออ  ป๋าหมานเคยสอน นู๋บีเสมอว่า

สูงต่ำ อยู่ที่ทำตัว  ดีชั่ว อยู่ที่ตัวทำ


แต่ บางครั้ง กรรม มันก็ไม่ได้เป็นเครื่องชี้วัด เจตนา เสมอไปหรอกนะ


ที่สำคัญตอนที่เขียนโพสออกไปใน เวบใต้ร่มธรรม นี่
อิฉันก็แค่รู้สึก ขับขันแกมเอ็นดู (และ เอือมระอา)
กับปาหี่วิถีพุทธ ชุด ขำกลิ้ง ลิงติดคุก
ที่ คุณ กะลังพยามจะรุกฆาต ฝ่ายตรงข้าม ตะหาก
ความรู้สึก มันก็ ประมาณ เดียว กับ ตอนที่ ได้ดู คลิปนี้ (http://youtu.be/orknGpNSq90) ล่ะมั้ง


และ ไม่ว่า จะฟ้องครูอังคนา หรือว่า ฟ้องศาลพระภูมิ
อิฉันก็ยังรู้สึกว่า  บักระนาดคนนี้มันก็ยังน่าเอ็นดู
เหมือน ๆ กับ ไอ้เด็กในคลิปนั้น แหล่ะ


อิอิ ฝอยไปโน่น เรย ตรู
แค่ อยากจะบอกให้ รับรู้ อ่ะเจ้าค่ะ
ว่า น้ำลายป๋ารถสังข์ นั้น ไม่ได้ทำให้
อิฉันรู้สึก นึกดูหมิ่นเกลียดชัง บักขอมดำดิน เล๊ย พับผ่า
เนี่ย ผู้หญิงน่ะ มักจะปากไม่ตรงกับใจเสมอแหล่ะจร้าาา
โบราณเค้าถึงว่า ผู้หญิงด่า แปลว่า ผู้หญิงร้ากกกก ไง เอิ๊ก ๆ


ดังนั้น  อย่าได้ น้อยอกน้อยใจ นู๋บี ไปเลยน้าาา
ที่ ดัน หน้ามืดตามัว ไปปลื้ม ป๋ารถสังข์ มากกว่า บักขอมดำดิน น่ะ
และถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงจนเกินไป
ไอ้คดีกรณีป๋ารถสังข์หมิ่นประมาท บักระนาด เนี่ย

นู๋บี ขอได้ป่ะ ?

อ๊ะ  ๆๆ ไม่ได้ คิดจะให้ บักระนาด ใจดี
ยกฟ้อง ป๋ารถสังข์ เพื่อเห็นแก่ อิฉัน หรอกนะ
เนื่องจาก ป๋ารถสังข์ไม่ใช่ผัวอิฉันนี่หว่า
ต่อให้ป๋าแกโดนตัดสินให้โดนประหารชีวิต 7 ชั่วโคตร
อิฉันก็ไม่แคร์ หรอกจร้าาา


แต่ ว่า ไอ้เรื่อง จะให้ไปเป็น พยานปากเอก เนี่ย
ไม่เป็นได้ป่ะ ไปหาคนอื่นแทนก็แระกันเน๊าะ ? แหะ ...แหะ...
แหม๊ ? ก็อิฉันขี้เกียจถ่อสังขาร
ไปให้ปากคำกับคุณตำหนวด นิหว่า
ไหนจะต้องเสียทั้งเงินค่ารถค่ารา
ค่าทางด่วน แอนด์ ค่าน้ำชาโอเลี้ยง ฯลฯ
แถมที่สำคัญ มันยังทำให้อิฉันเสียเวลาจู๋จี๋จีบ หนุ่ม ๆ ในเนตด้วยอ่ะ
ถ้าอิฉัน พลาดรถด่วนขบวนสุดท้าย กลายเป็น เดอะ ทึนทึก ขึ้นมา
ใครจะชดใช้ค่าเสียโอกาสให้วะเนี่ย ?


อืม...แต่ถ้าหาก บักระนาดเห็นว่า 
การที่อิฉันต้องถ่อสังขารไปเป็น พยาน ให้คดีนี้ นั้น
จะช่วยทำให้ บักระนาด รู้สึกดี  มีความสุข
ทำให้สบายใจ ลดความร้อนรุ่มในดวงจิต ขึ้นมาได้มั่ง ก็ไม่เป็นไรนะ
เด๋วอิฉันจะพยามเคลียร์คิวจู่จุ๊กกรู ก๊ะ หนุ่ม ๆ
เจียดเวลา ไปให้ปากคำ เพื่อบักระนาด ก็ได้ วะ
ไงซะ อิฉันก็ยังเห็น บักระนาดเป็น เพื่อนที่ดีของตัวเองเสมอนะ
ถึงแม้ จะรู้สึกว่า เพื่อนคนนี้ มันกำลังเมายาบ้า
แล้วทำท่าจะฆ่าปาดคอนู๋บี ก็ตาม

เอ้า เอา ดาร์ค ชอกโกแลต
มาเซ่นไหว้ เป็น สินบน...เอ๊ย... เป็นของกำนัล
เผื่อว่า หม่ำของโปรด แล้ว
บักระนาดจะ ได้ใจร่ม ๆ อมยิ้มได้
ที่สำคัญ จะได้สร่างเมา  เลิกเอามีดมาจี้คอหอย นู๋บีซะที 
อ่ะซิก...อ่ะซิก....(http://drama-addict.com/wp-includes/images/smilies/icon_redface.gif)

(http://s3.amazonaws.com/bistipweb/suggested_item_pictures/221/original/lindt-excellence-chili.jpg?1329661998)

(http://www.funny-potato.com/images/easter/chocolate-bunny.jpg)


ปอลิง

อ้อ แต่ถ้า ชอคโกแลตนั่น มันขมปี๋เกินไป
หม่ำ ไอ้นี่ แทนดีไหมล่ะ  ท่านไซโก ?
เผื่อว่าจะได้ เข้าใจ ท่านคัตสึ ได้มากขึ้น อิอิ

(http://p.s1sf.com/ca/0/ud/189/946483/r_37495.jpg)

เฮ้ออ  อิฉันเชื่อเสมอนะ ว่า
การยอมที่จะ ยุติกรรม  นั้น ย่อม งดงามและล้ำค่า
มากกว่า การเรียกร้องหาความยุติธรรม เสมอว่ะ 


(http://www.inspirationalspark.com/image-files/hanging-on-quote.jpg)

 :13: :13: :13:

หัวข้อ: ► ►►. . ..The Letter : จม.เปิดผนึก ถึง ไอ้เฒ่าซังกาบ๊วย ! .. . .◄ ◄◄
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ ตุลาคม 05, 2012, 08:27:10 pm
The  Letter : จม.เปิดผนึกจาก ม่วยม่วยคนสวย
 ถึง ไอ้เฒ่าซังกาบ๊วย ! ( JitZungkabuai )



(http://www.thaimtb.com/webboard/371/185986-97.jpg)

ว่าไงยะ พ่อนกฮูกขนฟู ยู้ฮู ผู้ไม่ประสา
จำตะละแม่นู๋บี ลิ้มเซียนยี้ คนสวยได้ไหมเอ่ย ?
แหม๊ ? ม่ะอยากจะบอกเรยว่า พอ ไปปะเหลาะ
ขอ ล็อกอินป๊ะป๋าหมาน มาเป็นนอมินีได้ เนี่ย
อิช้าน ก็ประเดิมด้วยการ โพสที่กระทู้ของบักระนาด
ถึง พ่อกิ๊กเก่า...เอ๊ย...เกลอ เก่า อย่าง เจ้าเฒ่าทารก เป็นคนแรก เรยน้าาา (http://drama-addict.com/wp-includes/images/smilies/icon_wink.gif)


ว้าาา ไม่แพล่มมากดีกว่า ว่ะ
เด๋วจาถูก ไอ้จิวแป๊ะทงมันแจ้งจับคดีหมิ่นฯ
ข้อหา แพล่มแต่ข้อความอันเป็นเท็จ
ทำให้มันเสื่อมเสียชื่อเสียง
จนถูก อภิภรรยา หาเรื่องฟ้องหย่า
เพราะอีนึกว่าถูกผัวนอกใจ เอิ๊ก ๆ


แหม๊ ? ฝอยอีกแระตรู เข้าเรื่องดีกว่า เน๊าะ
เด๋วชาวบ้านชาวช่อง เขาจะมองไม่ดี
แล้ว ครหาเอาได้ ว่า นู๋บี แพล่มแต่เรื่องไร้สาระ อ่ะ
( เฮ้ออ ? แต่ก็นั่นแหล่ะนะ ถ้ามีแต่เนื้อหาสาระ
ก็ผิด คอนเซ็ปต์ น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง
อันเป็นหลักการประจำตัว ของ อะฮั้น อ่ะดิ อิอิ )


แหม ? ก็ ยี่ห้อนู๋บี น่ะ  มันต้อง...
พูดร้อยคำ อ้างอดีตสักแปดสิบคำ
ที่เหลืออีกยี่สิบคำ กระตุ้นผู้อื่นคุยเสียห้า
อีกสิบห้าที่เหลือ พร่ำเพ้อแต่ตะกร้าสามใบนั้น นี่เน๊าะ อิอิ


อืม...นี่แหน่ะ เจ้านกตะกรุมหัวเหม่ง เอ๋ย
เห็นที่ผ่านมา เคยพล่าม เรื่อง กฏหมายเสียเป็นวรรคเป็นเวร
ว่าง ๆ ก็ช่วยเจียดเวลาเกาฝ่าตรีนให้ภรรเมีย
มาตอบ คำถาม ใน 2 กระทู้ข้างล่างเนี่ย ให้ ฟัง หน่อย จิ
เผื่อว่า คำตอบของท่าน จะทำให้ สมณะโคดม จะชื่นสะดือ ขึ้นมามั่ง !

กฏหมู่...กฏหมาย...แล...กฏแห่งกรรม
สิ่งใดนำมาซึ่ง ความ ยุติธรรม(ตามจริง) มากที่สุด ?


 "http://board.palungjit.com/f181/?-กฏหมู่-กฏหมาย-แล-กฏแห่งกรรม-สิ่งใดนำมาซึ่ง-ความ-ยุติธรรม-ตามจริง-มากที่สุด-?-360006.html" (http://board.palungjit.com/f181/%E2%96%BA-%E0%B8%81%E0%B8%8F%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B9%88-%E0%B8%81%E0%B8%8F%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B9%81%E0%B8%A5-%E0%B8%81%E0%B8%8F%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1-%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1-%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87-%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94-%E2%97%84-360006.html)


หากทั่นถูกย่ำยี...เฉกเช่น...พระอุบลวรรณาเถรี แล้วไซร้ ทั่นจะทำอย่างไร ?

"http://board.palungjit.com/f10/?]http://board.palungjit.com/f10/?หากทั่นถูกย่ำยี-เฉกเช่น-พระอุบลวรรณาเถรี-แล้วไซร้-ทั่นจะทำอย่างไร-?-360002.html" (http://board.palungjit.com/f181/%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%81-%5E-0-%5E-322353-7.html#post6732978)


(http://mblog.manager.co.th/uploads/105/images/condor12wj8.jpg)



ปอลิง 1
อนึ่ง ถึงทั่นผู้อ่าน จะไม่ใช่ อิตานกตะกรุมฯ
ก็แวะเข้ามา ตอบไว้ เป็น วิทยาทาน มั่งก็ได้น้าาา
เรทติ้ง กาทู้ของอิฉันจะได้วิ่ง ๆ อิอิ


ปอลิง 2
จิงดิ...วันเสาร์ที่ผ่านมานี้
ไปนั่งเม้าส์ก๊ะ ไอ้น้องชายบังเกิดเกล้า มาอ่ะ
เรื่องที่ เม้าส์ ก็หนีไม่พ้น ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ในห้องสาดหนา
ก็ ปาหี่...เอ๊ย...ซีรี่ซ์มหากาพย์อวาสานเซลแมน
ของบักระนาด ก๊ะ ป๋ารถสังข์ นั่นแหล่ะ

และที่น่าขำกว่านั้น ก็คือ
นั่งถกกันเพลินตั้งแต่ 1 ทุ่ม ยัน 5 ทุ่ม ได้
โดยไม่ต้องกินข้าวกินปลา ด้วยว่ะ
แมร่ง ก็ไม่รู้นะ ว่า เรื่องนี้
มันมี 5 อะไร ให้ขุดคุ้ย ได้มากมาย
ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ ตอนนั้นก็แค่ ...
พยามจะชำแหละ เอ๊ย วิแคะแกะเกา
วิเคราะห์หารากเหง้าของการกระทำของทั้ง 2 ฝ่าย


แล้ว ก็มองหาเหตุปัจจัยที่ใช้ขับเคลื่อนวงจรกรรม
ตลอดจน การพยามใส่ factor ต่าง ๆ
แล้วลองสมมุติตัวเอง ให้เป็นหมาก ในกระดาน ดู
ว่า ถ้าเป็น กรู  กรูจะแก้เกมส์ ยังไง ? มันก็แค่นั้นแหล่ะ
บังเอิญ ทั่นน้อง กะลังเรียน กฏหมายทางไปรษณีย์ อยู่อ่ะ
ก็เลยนึกครึ้ม เอาเรื่องนี้มานั่งถกกันเล่น ๆ อิอิ


แต่ที่จำได้ ไม่ลืมก็ คือ พอน้องชาย
มันเห็น กลหมาก ในกระดาน แล้ว
มันก็ถึงกับอุทานประมาณ ว่า
โหย คนห้องสาดหนา นี่มันเล่นกันแรง
เจ้าเล่ห์เพทุบาย และ เหลี่ยมคูแพรวพราย กันขนาดนี้ เลยหรือวะ ?
( แถมมันยังตั้งข้อสงสัย หาว่าอิฉัน เป็น ล็อกอิน รถเรณู
ปลอมตัวไปเล่นเนตที่ห้อง สาดหนา อีกแหน่ะ (http://drama-addict.com/wp-includes/images/smilies/icon_arrow.gif)  )


เฮ้ออ นี่ ฤกษ์งามยามดี นึกครึ้มเมื่อไร
ก็ว่าจะ โพสกระทู้ วิแคะ แกะเกา มหากาพย์ดราม่า นี้
ให้ชาวบ้านอ่านเล่น ๆ เหมือนกันว่ะ
( ถ้าไม่โดนเจี๋ยนอมยิ้ม ซะก่อนอ่ะนะ  อิอิ )
เพราะพอถกเรื่องนี้กับน้อง แล้ว
มันช่วยให้เรามองเห็นรากเหง้าของการกระทำ
และ เหตุปัจจัยตามหลัก อิทัปปจยตา ได้ดี ทีเดียว



ปอลิง 3

เออ นี่ ๆ อิเจ้าเฒ่าทารกเจ้าขราาาาา
นู๋บีขออนุญาตปรึกษา ปัญหาหัวใจ หน่อยดิ
เนี่ย เมื่อไม่นานมานี้นะ มีผู้ชายใจร้ายคนนึง
มันพยามจะยัดเยียดตำแหน่งพยานบาป เอ๊ย พยานปากเอก ให้นู๋บี อ่ะ
เฮ้อออ ถูกกระชากลากถู ให้ต้องมาซรวย
โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ด้วยงี้ เล่น เอา เซ็งจิตบรรลัยเลย (http://drama-addict.com/wp-includes/images/smilies/icon_arrow.gif)


เนี่ย ไอ้เจ้ากัลยา ณ มิตร คิดไม่ซื่อ อย่างไอ้บักเกิดฯ
มันก็เคยนินทา บักระนาด แอนด์ พยามปลอบอกปลอบใจ นู๋บี ใน   กระทู้เนี๊ยะ  (http://board.palungjit.com/f4/มาถอนรากถอนโคนกันครับ-อารมณ์-การปรุงแต่ง-360444-3.html#post6741255)เหมือนกันนะ  ประมาณว่า

อ้างถึง
"นู๋บี..แค่ไปเป็นพยาน ทำใจ ถือว่า ไปโชว์ความสวย ..อิอิ"

เฮ้ออ ยิ่งฟังมันปลอบงี้
ไง๋ ตรูยิ่ง กุ้มใจ มากกว่าเดิมฟระเนี่ย
นี่ ๆๆๆๆ  เจ้าเฒ่าทารกจ๋าาา
ช่วยใช้ ปัญญา มาโยนิโส บอกนู๋บีทีจิ
ว่า ถ้าเกิดโชคร้าย ต้องไปโชว์ความสวย...เอ๊ย..ไปเป็นพยานในศาลจริง ๆ
นู๋บีจะทาปากสีแดงเพลิง หรือ สี ช๊อกกิ้ง พิ้งค์ ดี วะ


แล้วยัง เสื้อผ้า หน้า ผมอีกเล่า ? 
อะโหย จะใส่ มินิสเกิ๊ต สายเดี่ยว
หรือว่า ซีทรู ก๊ะ จีสตริง ดีน๊อออ
ถึงจะ สวยแบบโดดเด้งเปล่งรัศมี
กระแทกตาเหล่าผู้พิพากษาและอัยการ
แบบ ไม่ น้อยหน้า อิสาวไหน
โอ๊ยยยย กุ้มใจ๊ กุ้มใจ อะซิก...อ่ะซิก...(http://drama-addict.com/wp-includes/images/smilies/icon_sad.gif)

(http://2.bp.blogspot.com/_z2_Clhd4U68/StamB3UGSWI/AAAAAAAAAKQ/kFPP7cuGDek/s320/chinese6.jpg)
หัวข้อ: ► ►►. . .ว่าด้วย กฏหมู่ กฏหมาย กฏแห่งกรรม และ คดีปากพาจน . . .◄ ◄◄
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ ตุลาคม 05, 2012, 08:32:43 pm
► ►►. . .ว่าด้วย กฏหมู่ กฏหมาย  กฏแห่งกรรม และ คดีปากพาจน  . . .◄ ◄◄

(http://movie.mthai.com/wp-content/uploads/2010/12/fak.jpg)

อ้างถึง

ไอ้ตี๋ ว่า

อีเจ้เอ๋ย อั้วก็บอกก่อนแล้วว่า อย่าคุยเรื่องการเมือง
ลื้อมันก็เกรียนแตก แล้วทีนี้มากลัว ต้องกรั่นกรอง
จะบอกให้ลื้อไม่ต้องกลัวอั้วหรอก ลื้อรู้มั้ยว่าอั้วเรียนอะไรมา
เรียนกฎหมายมานะจะบอกให้

ไอ้ทีควรกลัวก็คือคำพูดของลื้อเองนั้นแหล่ะ
ทั้งรูปทั้งคำพูดมันเข้าข่ายหมิ่นประมาทเต็มๆ
ลื้ออาจจะแย้งว่า เอามาจากหนังสือพิมพ์ ใช่!
รูปเอามาจากหนังสือพิมพ์ แต่คำพูดประกอบ
มันเป็นคำพูดของลื้อ ลื้อเอาคำพูดกับรูปที่มัน
เกิดคนละเหตุการณ์ มาต่อเติมเสริมแต่งมันผิด
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์และผิดกฎหมายอาญา(หมิ่นฯ)



อิตั้วเจ้นู๋บี ว่า...



อ้าววววว ทำไมมาคิดเองเออเองงี้ล่ะยะ
อย่างเจ้ นี่นะเกรียนแตก
เจ้ว่า ลื้อมากว่ามั้ง ไอ้ตี๋ที่ เกรียนแตกง่ะ
เจ้ก็บ่น ง้องแง้ง ๆ แหย่ชาวบ้านไปเรื่อย แค่นั้นเองอ่ะ
ไอ้ที่โพส ๆ ไปเนี่ย ก็ไม่ได้โพสด้วยฟามรู้สึกขุ่นมัวอะไรซะหน่อยนิ
ลื้ออย่าทะลึ่งมา ทักวาระจิต ของเจ้ แบ่บมั่วซั่วงี้ดิ อิอิ
มันก็แค่ อารมณ์ขันพิเรนทร์ โดยไม่บันยะบันยังเท่านั้นเอ๊ง
ขนาดนั่ง อ่านตัวหนังสือลื้อที่เข้ามาบ่นหงุงหงิง
เจ้ยังอ่านไป ขำไป แล้วแอบชมในใจเล๊ย
ว่า เออ เฮ้ย ไอ้โอวทึ้งมันเขียนได้มันส์ดีว่ะ
น่าจะไปเป็น คอลัมภ์นิสต์ให้ บางกอกโพสต์ เอิ๊ก ๆ


แล้วลื้อ ก็ม่ะต้องเอา กฏหมู่ เอ๊ย กฏหมาย
มาข่มขู่กรรโชกให้เจ้เสียขวัญเรยนะยะ
แหม ๆ ถือว่าเรียนกฏหมายมาหรือ ไงยะเจ้าคนหัวหมอจ้อความ
ถามจิง ๆ เหอะ ตำราทางนิติสาด ม่ายได้สอนลื้อรึไงจ๊ะ ไอ้ตี๋
ว่า กฏหมายคือ เครื่องมือ ที่  ผู้ชนะ
สร้างขึ้นเพื่อใช้สำหรับปกครอง ผู้แพ้น่ะ


ไม่เคยมีคนบอกลื้อ หรือไง ว่า
กฏหมาย คือ กฏหมู่ที่ผู้มีอำนาจ
พยามทำให้มันดูเหมือนจะชอบธรรม ที่จะนำมาปฏิบัติ
ดังนั้น กฏหมายมีไว้เพื่อละเมิด ?
อุ๊ย ไม่ใช่สิ เจ้หมายถึงว่า
กฏหมายมีไว้เป็นเหมือนแค่เป็น ไม้กันหมา
ในสังคมที่ยังมี จิตสำนึกไม่แข็งแรง ง่ะ


อ้อ แล้ว เห็นขู่ซะ จริงจัง งี้
แร้ว ไหนล่ะยะ เจ้าทุกข์ น่ะ
ลื้อจะแปลงร่างเป็น นอมินี ให้ลุงหมัก มาเข้าทรงฟ้องเจ้หรือไง ?
หรือ ลื้อจะยุให้ อาซ้อมหาภัย ของลื้อมาเฉ่งเจ้แทนวะ
( ฟังวีรกรรมของอี แร้ว ชักเสียวว่ะ เหอะ ๆ )

แต่ถึงไง ถ้ากล้าทำ เจ้ก็ กล้ารับอยู่แย้ววววว่ะ
ทำไมเจ้ต้องกัวด้วยล่ะ ?


ก็ในเมื่อ ซือแป๋ลื้อ บอกเองนิ ว่า

ความกลัวทำให้ เสื่อม
(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/148/148/blog_entry1/blog/2008-09-10/comment/315323_images/8_1221055920.jpg)


แล้วจะกัวทำไม ฤา
ในเมื่อ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก
ล้วนเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย
ถ้าความปากหมาและ อารมณ์ขันพิเรนทร์ของเจ้
มันช่วยดลบันดาลให้เจ้มีโอกาส
ได้เปลี่ยนสถานที่ปฏิบัติธรรม
ก็ไม่เห็นต้องนำพาอะไรนิ


สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว  สิ่งนั้นดีเสมอนี่นะ

จะหมู่บ้านพลัม หรือ จะ ในห้องขัง
มันก็ฝึกเจริญสติปัฏฐาน ได้ทั้งนั้นแหล่ะ ลื้อเชื่อดิ
ว่า อิเจ้ทำด้ายยยยยย  อิอิ

ที่สำคัญ จะสุข หรือ ทุกข์ ไม่ได้อยู่ที่ คนอื่นทำ
แต่อยู่ที่เราเลือกนะจ๊ะ ทูนหัววววววววว
คุกน่ะมันขังได้แต่ตัวว่ะ แต่ขังใจเราไม่ได้
ตราบใดที่เรา มัสติรู้เท่าทันอุปทานขันธ์ทั้ง 5 ใบ
ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดเราก็จะไม่ทุกข์ว่ะ


เอ ? แต่ เค้าว่า ข้าวแดงในคุก ไม่อร่อยนี่หว่า
ไง ว่าง ๆ ลื้อก็ แวะมาเยี่ยมเจ้มั่งก็แระกัน
( แล้ว อย่าลืม หิ้วของฝากมาด้วยล่ะ
เจ้ขอเป็น ว้อดก้าก๊ะคาร์เวียร์
แล้วเก๊าะ ขอสลิ่มกะทิสด เป็นของหวานตบท้ายด้วยนะ 555 )


เฮ้อออ  แต่ โบราณว่า  ไว้
เป็นความกินขี้หมาดีกว่า นี่เน๊าะ
ดังนั้น ทั่นผู้อ่านทุกทั่น ก็อย่าได้
ไปพื้นฝอยหาตะเข็บขึ้นโรงขึ้นศาล
ให้เสียเวลาทำมาหารับประทานเรยฮ่ะ
คดีหมิ่นฯ น่ะ จะซักเท่าไรกั๊นเชียว
เห็๋นลุงหมักแกก็เจอมาหลายคดี
แร้วยังลอยชายชิมไปบ่นไปได้เรยนิ อิอิ


ดังนั้น อย่าไปลาก กฏหมู่ เอ๊ย กฏหมาย
มาทำให้ศาลทั่นต้องปวดหัว กับเรื่องกระจุ๋มกระจิ๋ม
อย่างคดีปากพาจนของ อิเจ้ เรยจร้าาาา
ในโลกนี้ยังมีคดีอุฉะกัน อีกมากที่ ศาลทั่นต้องมาสะสาง
(อิเจ้เกรงว่า ศาลทั่นจะเหนี่อย อิอิ )


ดังนั้น ปล่อยให้ กฎแห่งกรรม
มันทำหน้าที่ของมันเองเหอะจร้าาาา
เจ้เชื่อว่า กฏแห่งกรรม น่ะ ยุติธรรมเสมอนะ
ถ้า อิเจ้ผิดอะไรผิดจริง เด๋ว กรรมมันก็ตามทันเองแหล่ะว่ะ

เพราะฉะนั้น อย่าทะลึ่ง แกว่งหน้าหาเท้า
เข้ามาร่วมในวงจรกรรมก๊ะอิเจ้เรยว่ะ
เด๋วจะเป็นหนี้เวรหนี้กรรมผูกพันธ์ช้ามภพข้ามชาติ อีก เอิ๊ก ๆ

(http://www.bloggang.com/data/b/bsonjb/picture/1319040509.jpg)
หัวข้อ: เรื่องอื้อฉาววววววของคุณป้าบัวเกรียน กับการติดโทษแบน 4 เวบรวดดดด
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ ตุลาคม 10, 2012, 11:29:23 pm
อิฉันขออนุญาตสอบถามเพื่อน ๆ มุสลิม
เกี่ยวกับ วิถีอิสลาม (เพิ่มเติม )เจ้าค่ะ ^ ^



1. ถ้าอิฉันเข้าใจไม่ผิด รู้สึกว่า
ในวิถีอิสลาม จะไม่มีผู้ที่มีสถานะ คล้าย ๆ  พระสงฆ์
เหมือน ในวิถีพุทธ ใช่ไหมคะ ?

แล้วงี้เวลาที่ ต้องทำพิธิกรรมทางศาสนา
ใครเป็นผู้ดูแลจัดการคะ ใช่บุคคลที่เป็น "อิหม่าม" หรือเปล่าคะ ?
แล้ว อิหม่าม เนี่ย ได้รับการคัดเลือก หรือว่า แต่งตั้ง มาจากทางใด
ต้องมีคุณสมบัติยังไง  มีหน้าที่ทำอะไรบ้างคะ
( หรือว่า มีสถานะ คล้าย ๆ พระสงฆ์ ใน ศาสนาพุทธ คะ )

อ้อ และ ท่านอิหม่ามทั้งหลายเนี่ย
จะต้อง ได้รับการศึกษาเกี่ยวกับศาสนา อิสลาม
มากน้อยแค่ไหน ถึงจะมีสิทธิ ได้เป็น อิหม่าม ?


คือ รู้สึกแปลกใจ อ่ะค่ะ ที่ปกติ มักจะเคยเจอแต่...
"ข่าวอื้อฉาวของนักบวชบางศาสนา " อยู่บ่อย ๆ
แต่ไม่ค่อยได้ข่าวทำนองนี้ จากบรรดาอิหม่ามทั้งหลาย เลย
จึงอยากจะเรียนรู้เอาไว้ ว่า ศาสนาของท่าน อบรมสั่งสอน เหล่าสาวก กันมายังไง
ถึงได้ มีวัตรปฏิบัติที่ปราศจาก ข้อตำหนิติเตียน จากชาวบ้านชาวช่องได้ อย่าง หมดจดเช่นนี้อ่ะคะ


2. การทำซะกาต ของเพื่อน ๆ มุสลิม นี่
ถือเป็นการกระทำที่ช่วยให้ทรัพย์สินของตนนั้น
มันมีความบริสุทธิ์มากขึ้น ใช่ไหมคะ ?
เพราะ เท่าที่เคยอ่านๆ แล้วเอามาวิเคราะห์ดูแล้วก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่า
หลักการและเหตุผล ของการซะกาต ที่เพื่อน ๆ มุสลิม ทำนั้น
มันมีคอนเซปต์ คล้าย ๆ การบริจาคของ อิฉัน โดยมิได้นัดหมาย เลยอ่ะ ค่ะ



3.ขอข้อมูล เกี่ยวกับ หลักปฏิบัติ ในเรื่องเกี่ยวกับ เงิน ๆ ทอง ๆ ของ พี่น้องมุสลิม หน่อยได้ไหมคะ 
คืออยากเรียนรู้ หลักการของธนาคารอิสลาม อ่ะค่ะ
เท่าที่ทราบมา อิสลาม ปฏิเสธ เรื่อง ดอกเบี้ย ใช่ไหมคะ
เพราะ ดอกเบี้ย เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความละโมบ
และ เป็นการขูดรีดผู้ที่เดือดร้อนที่มาขอกู้ยืม

ส่วน ธนาคารอิสลาม ก็ เป็นการ เน้นการลงทุนร่วมกัน 
โดยจ่ายปันผล คล้าย ๆ สหกรณ์ อะไรประมาณนั้น
และเน้นการเอาเงินฝากของลูกค้า ไปใช้ให้กู้ลงทุน ต่อ
ใน กิจการที่ ไม่ใช่ มิจฉาอาชีวะ( อาทิเช่น อาบอบนวด บาร์ บ่อน และ โรงงานสุรา ฯลฯ )


อิฉันเข้าใจถูกต้อง หรือไม่เจ้าคะ
คือ รู้สึกว่า หลักการของ ธนาคารอิสลาม นี่
น่าสนใจที่จะเอาเงินไปฝาก ดีอ่ะค่ะ
อย่างน้อย อิฉันก็จะได้สบายใจได้
ว่าเงินฝากทุกบาททุกสตางค์ของอิฉันนั้น
มันจะไม่ได้มีส่วน ที่ถูกเอาไปส่งเสริม การลงทุนในทางที่ไม่ดี
เออ ว่าแต่ ธนาคารอิสลามเนี่ย รับฝากเฉพาะ เงินของ เพื่อน ๆ มุสลิม
หรือว่า เปิดโอกาสให้ คนนอก ไปขอใช้บริการ ได้ด้วยคะ



4.วิถีอิสลามเกี่ยวกับ หลักปฏิบัติ ในเรื่อง สุขอนามัย นี่  มีอะไรอีกบ้างคะ
เพราะเท่าที่พอจะรู้มาบ้าง อิฉันค่อนข้างชอบใจ
กับการบัญญัติเรื่องการขลิบของผู้ชายในศาสนาอิสลามมากเลยนะเจ้าคะ
เพราะสิ่งนี้ แสดงถึงความใส่ใจ และ การห่วงใย ที่เพื่อนๆ มุสลิม มีต่อผู้หญิงของเขา
ไม่ใช่เอาแต่ใจเสาะกลัวเจ็บ แบบผู้ชายบางคน
แล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยให้ ผู้หญิงของตน ต้องทนเผชิญหน้ากับความเสี่ยง
ในการติดโรคร้ายต่าง ๆ  ทางเพศสัมพันธ์ ไปตามยถากรรม



5. การที่ มีผู้เอ่ยพาดพิง แล้ว เผยแพร่ข้อมูลออกไปว่า

"มีบางคนก็ด่าศาสดาบางศาสนาว่า ไอ้แมงดา เพราะเกาะแม่ม่ายกินก็มี "

นั้น มันเกี่ยวข้องกับศาสนาของเพื่อน ๆ หรือไม่เจ้าคะ
และ มีรายละเอียดที่เป็นข้อเท็จ -จริง ประการใดคะ

อืม....กับคำถามข้อนี้ ชั่งใจอยู่นาน เหมือนกันนะว่าจะถามดีไหม
เพราะ กลัวว่า ถ้า ถามออกไปโดยไม่ระวัง ให้ดี
ก็อาจจะทำให้ อิฉันเกิดข้อบาดหมางกับ เพื่อน ๆ มุสลิม
จนกลายเป็น การขุ่นข้องหมองใจ กันได้


แต่ว่า คนนอกที่ได้รับฟังข้อมูลตรงนี้มา อย่างอิฉันนั้น
ก็อยากได้รับฟังคำอธิบายจากผู้ที่ รู้จริง ในเรื่องนี้
เพื่อให้เกิดความกระจ่าง เช่นกันอ่ะค่ะ


เพราะ ตอนนี้ อิฉัน ก็เริ่มเปลี่ยนจากคนที่เคยแอนตี้ อิสลาม
มาเป็นคนที่เริ่มจะเห็นดีเห็นงาม จนถึงขั้นชื่นชม
กับ วิถีปฏิบัติหลาย ๆ อย่าง ของเพื่อน ๆ มุสลิม แล้ว
ก็เลย อยากจะเคลียร์ข้อสงสัยที่ค้างคา ในประเด็นนี้ ออกไปเสีย
จะได้ สามารถ ชื่นชมความงดงามของวิถีอิสลาม ได้อย่างเต็มที่
 โดยไม่ต้องมีการตะขิดตะขวงใจ กับ ข้อมูลในทางไม่ดี ที่ได้รับฟังมา


เนี่ยอิฉันเคย ไปตั้งกระทู้ ถาม เจ้ากรมข่าวลืท คนนั้นแล้ว
แต่แทนที่เขาจะมี คำอธิบายในเรื่องนี้ให้ เค้ากลับ แบนตัวเองหนีปัญหา ซะงั้น
อิฉัน ก็เลย ต้องตัดสินใจ บากหน้ามาตั้งกระทู้ถาม เพื่อน ๆ มุสลิมแทนอ่ะค่ะ
เพราะว่า นอกจาก ไอ้เจ้าเสือใบลาน คนนั้นแล้ว ก็เห็นจะมีแต่เพื่อน ๆ มุสลิมนี่เหล่ะเจ้าค่ะ
ที่น่าจะ อธิบาย " อะไร ๆ" ให้ อิฉันรับฟังจนเกิดความกระจ่าง ได้บ้าง


และก็ไม่ต้องกังวล กับ อิพวกปากหอยปากปูปากเสือปากไอ้เข้
ที่ จะมาแอบซุบซิบนินทา หาว่า การอธิบายขยายความของพวกท่าน นั้น
มันเป็นการ ร้อนตัว จึงออกมาแก้ข่าว หรอกนะเจ้าคะ
ให้ถือซะว่า  ท่านกำลังเมตตาให้ความรู้อิฉัน เป็นวิทยาทาน ก็แล้วกันเน๊าะ
เพราะโดยส่วนตัว ลึก ๆ แล้ว  อิฉันก็ไม่ค่อยจะเชื่อ น้ำลาย ไอ้เจ้าเสือใบลานคนนั้น เท่าไหร่หรอกค่ะ


ก็ ในเมื่อ วิถีอิสลามนั้น สนับสนุนการเป็น ผู้ให้
มากกว่า การเที่ยวไป งอมืองอเท้าขอใครกิน นิหน่า
ฉะนั้น อิฉันจึง สันนิษฐาน เอาเองว่า ท่านศาสดาของท่าน
คงไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกอิพวกปากตลาด มันเอามาป่าวประกาศ หรอกเจ้าค่ะ
ยังไงซะ อิฉัน ก็เชื่อมั่นเสมอนะว่า ทองแท้ ย่อมไม่แพ้ ไฟ
แต่เพื่อความไม่ประมาท ถ้าได้รับการ คอนเฟิร์มจาก เพื่อน ๆ มุสลิมอีกครั้ง
ก็คงจะเรียก ความรู้สึก มั่นใจ กลับคืนมาได้อีกโข เลยทีเดียวเชียวคร้าาาา แหะ...แหะ...^ ^


(http://f.ptcdn.info/150/001/000/1357993835-5-o.gif)



ปอลิง 1


เฮ้อออ จริง ๆ ตั้งใจ จะโพสกระทู้นี้ ตั้งนานแล้วล่ะเจ้าค่ะ
แต่ว่า มัวไป ตบตี ติดพัน เอ๊ย มัวแต่หลงโง่ไปเสวนาธรรม กับ อิพวกคนพุทธ อ่ะ ค่ะ
ครั้นพอ โดนตนพวกนั้น ลบกระทู้ทิ้งบ่อย ๆ เข้า
ก็เลยชักจะเกิด ซาโตริ อ่ะค่ะ ว่า ตอนนี้ คงจะถึงเวลาแล้ว
ที่อิฉัน ควร จะหันมา ตั้งกระทู้ถามไถ่ข้อสงสัย กับเพื่อน ๆ มุสลิมเสียที
เพราะอย่าง น้อย ตั้งกระทู้คุยกับเพื่อน ๆ มุสลิม นี
ก็ทำให้ อิฉันรู้สึกดี กว่า ที่เวลา ตั้งกระทู้ คุยกับพวกคนพุทธ แยะเลยอ่ะ
อย่างน้อย ก็ไม่ต้องคอย รู้สึกหวาดระแวงว่า จะถูกแทงข้างหลัง
แล้วต้องมาคอยระวัง ว่าจะถูกอุ้มกระทู้ หรือว่า ถูกฟ้องจนโดนเจี๋ยนล็อกอิน



ปอลิง 2


อ้อ จิงสิ ไหน ๆ อิฉัน ก็ตัดสินใจ ตั้งกระทู้นี้ ขึ้นมาแล้ว
ขออนุญาต โคลนนิ่ง ตัวหนังสือ ที่ เคยเขียนไว้
ในกระทู้ ซะกาต ก๊ะ ทองคำ
มา แปะไว้ ในกระทู้นี้โตยเน้ออออ
เพราะตอนนั้น ตั้งใจจะ โพสขอบคุณทุกท่าน
ที่เข้ามาแจมตอบกระทู้อยู่เหมือนกัน
แต่น่าเสียดายที่กระทู้นั้นโดยลบทิ้งไปเสียก่อน

ตอนนี้ ก็เลย ขออนุญาตโคลนนิ่ง เจ้าค่ะ

.

[spoiler]

อิฉัน รบกวนขอความรู้ เกี่ยวกับ วิถีอิสลาม ในเรื่อง เกี่ยวกับ ซะกาต กับ ทองคำ หน่อยเจ้าค่ะ

คือว่า อ่านความเห็น ของ คุณลองตอบ ใน ลิ้งค์นี้ อ่ะค่ะ

http://pantip.com/topic/30393899/comment4 (http://pantip.com/topic/30393899/comment4)

เลยรู้สึกทึ่ง กับความรอบคอบ และ ความละเอียดละเอียดละออ
ในการคำนวณ ซะกาต ของ วิถีอิสลาม มาก
โดยเฉพาะ ที่กำหนดให้ใช้ ทองคำ มาเป็นเกณฑ์
ในการ พิจารณา การจ่ายซะกาต เพื่อ ป้องกันเงินเฟ้อ/การแข็งค่าของเงิน


แต่ อิฉันมี ข้อสงสัยเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่อง ซะกาต
ที่ จะรบกวนขอความรู้จากเพื่อน ๆ มุสลิม เพิ่มเติม ดังนี้ ค่ะ

ที่ บอกว่า

มูลค่าที่ต้องนับซะกาตควรนับรวมกับเงินสด เงินในธนาคาร มูลค่าคงคลังสินค้า
หรือ ทองที่คุณเป็นเจ้าของ นั้น

ในกรณีที่ เป็นการลงทุนเพื่อเก็งกำไร เช่น ที่ดิน หุ้น ทอง ( ซึ่งราคามันผันผวนมาก  )
แล้ว ตอนสิ้นปี เราขาดทุนป่นปี้จากการเก็งกำไรมาก ๆ จนแทบหมดตัว
เราจะต้องจ่าย ซะกาตไหมคะ หรือว่า ขอค้างไว้ก่อนสะสมไว้จ่ายในปีที่ สามารถมีกำลังทรัพย์จ่ายได้



ขอตัวอย่าง ให้เห็นภาพ ชัดเจน เช่น


ถ้ามี ทองเพื่อเก็งกำไร ไว้ในครอบครอง
สมมุติ ซื้อมา ตอนต้นปี ราคา 26,000 บาท/ 1 บาททอง
เป็น จำนวน 200 บาททอง  ตอนนั้นจ่ายเงินซื้อทอง
 =  26000*200 บาท=5,200,000 บาท


แต่พอ สิ้นปี ราคาทองลดลงเหลือ 20,000 บาท / 1บาททอง
มูลค่าทอง ณ ตอนนั้น = 20,000 บาท * 200 = 4,000,000 บาท
ซึ่งก็เท่ากับว่า ณ สิ้นปี ขาดทุน =  6,000*200 บาท = 1,200,000 บาท


ตอนสิ้นปี เมื่อ คำนวณ มูลค่าที่ต้องนับซะกาต
จึงต้องจ่าย 2.5 % ของมูลค่าทองที่มี = 2.5 % * 20,000*200 = 100,000 บาท
แต่ ณ ขณะนั้น เราอยู่ในสภาวะขาดสภาพคล่อง ไม่มีเงินสดพอที่จะจ่าย ซะกาตเลย
บัญชี รายรับ-รายจ่าย ขาดทุนติดลบ ( แต่ก็ยังมี จำนวนทอง 200 บาท ซึ่ง มากกว่า 5.6 บาทอยู่ดี )
แต่ถ้า ขายเอามาจ่ายเป็น ค่าซะกาต ก็คงขาดทุนยับเยิน
เราจะต้องจ่าย ซะกาตไหมคะ หรือว่า ขอค้างไว้ก่อนสะสมไว้จ่ายในปีที่ สามารถมีกำลังทรัพย์จ่ายได้

แล้ว มูลค่าที่ต้องนับซะกาต นั้น
เวลา คำนวณ สามารถเอา ส่วนของมูลค่าเงินที่ลดลง
เช่น เงินส่วนที่ ขาดทุนจากการเก็งกำไร ทอง มูลค่า 1,200,000 บาท
มา หักลบเพื่อลดหย่อน จาก  มูลค่าที่ต้องนับซะกาต ได้หรือไม่

เช่น ในครั้งนี้

ตอนซื้อทองมา มูลค่า= 26,000*200 บาท = 5,200,000 บาท

ตอนสิ้นปี มูลค่าลดลง เหลือ = 20,000*200 =4,000,000 บาท
( โดยขาดทุนจากการเก็งกำไร ทอง มูลค่า 1,200,000 บาท )


1. มูลค่าที่ต้องนับซะกาต คือ
20,000*200 =4,000,000 บาท
หรือ 4,000,000 - 1,200,000 = 2,800,000 บาท  คะ ?


2 หรือว่า  ปีนั้น อนุโลม ไม่ต้องจ่าย ซะกาต เลย เพราะถือว่า เป็นผู้มี หนี้สิน )
หรือ  ขอค้างไว้ก่อนสะสมไว้จ่ายในปีที่ สามารถมีกำลังทรัพย์จ่ายได้

3.แล้ว ในกรณีที่ ต้องค้างไว้ก่อนสะสมไว้จ่ายในปีที่ สามารถมีกำลังทรัพย์จ่ายได้
ถ้าทรัพย์สินที่มีนั้น มันไม่มีการ งอกเงย หรือ ทำกำไรเลย
( เช่น ทองที่เก็งกำไร ไว้ ขาดทุนยาวเป็น 10 ปี รวด )
ถ้า ดูจาก มูลค่าสะสมของการจ่ายซะกาต ก็จะมีการสะสม แบบแบบต้นทบดอก
เช่นนี้ ผู้ที่เจอสภาวะแบบนี้ จะต้องปฏิบัติอย่างไร จึงจะไม่ขัดกับหลักอิสลาม คะ



ขอบคุณค่ะ ^^

(http://f.ptcdn.info/150/001/000/1357993835-5-o.gif)

หมายเหตุ

เคยตั้งกระทู้ไปแล้ว รอบนึง แต่ยังไม่ทันได้อ่านคำตอบเลย
กระทู้ก็โดนลบทิ้งไปเสียแล้ว ก็เลยขออนุญาต ตั้งใหม่เจ้าค่ะ แหะ...แหะ.... ^ ^


อ้อ ต่ออีกนิด ตอนนี้ อิฉันยังไม่ใช่ มุสลิม นะเจ้าคะ เป็นแค่คนไม่มีศาสนาอ่ะ
บอกไว้ก่อน เพราะ ไม่อยากจะทำให้ใครมาเข้าใจผิด จนมีผลกระทบไปถึงเพื่อน ๆ มุสลิม
( ชื่อเสียงอิฉันมันค่อนข้างอื้อฉาว อ่ะค่ะ  แหะ...แหะ...)
เพียงแต่ว่า ตอนนี้รู้สึกมีความสนใจ ต้องการจะศึกษาหาความรู้ในเรื่อง ซะกาต และ วิถีอิสลาม น่ะเจ้าค่ะ
เพราะรู้สึก ว่ามีหลายอย่างที่มัน สามารถเอามาใช้เป็นแนวทาง
เพื่อประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติ ของตัวเองได้ ^^


[/spoiler]



ส่วนอันนี้ คือ ตัวหนังสือสุดท้าย ที่อิฉัน ตั้งใจจะโพส ในกระทู้นั้น
แต่ กระทู้ ก็มามีอันเป็นไป โดนอินังญ๋งเล็กใจร้ายลบทิ้ง ซะก่อน


.

[spoiler]

อะโหล จขกท. เองคร้าาา
( อวตาร อันใหม่ อ่ะ อันเก่าแกว่งปากหาเท้ามากไป เลยโดนเจี๋ยนไปแระ แหะ...แหะ... )
เฮ้อออ ..หยุดยาว 3 วันนี้ ไม่ได้ เสนอหน้าเข้ามาเล่นเนตเลยอ่ะ
ลุ้นอยู่เหมือนกัน ว่า กระทู้นี้ ของอิฉัน มันจะ อยู่ยั้งยืนยงหรือไม่ แหะ...แหะ...


อืม...ไม่รู้สินะ อิฉันมีความรู้สึกว่า
เพื่อน ๆ มุสลิม หลาย ๆ คนในห้องนี้ ดูจะเกร็ง ๆ กับ อิฉันนะ
ค่าที่ คงเคย เห็น อิฉันสำแดงกฤษดาอภินิหาร เอาไว้ แยะ
คงจะไม่แน่ใจมั้ง ว่า ที่มันตั้งกระทู้ถามงี้ อินี่ มันจะมาไม้ไหน - - "


เลยอยาก จะบอกว่า ก็ไม่ได้ มา ไม้ไหน หรอกน้าาาา
แล้ว ก็ไม่ได้คิดจะ เสี้ยม ให้ ใครตีกับใคร ด้วย
แค่สงสัยเฉย ๆ เก๊าะเลยถาม อ่ะค่ะ
อีกอย่าง ก็เหมือนที่ อิฉัน เคย บอกนั่นแหล่ะ
ว่า อิฉันตั้งใจจะเขียน


"เมื่อ อิฉันเริ่มเห็นความงดงาม ตามวิถีอิสลาม เมื่อเปลี่ยนใจหันไปปฏิบัติธรรม"


ซึ่ง หนึ่งในเรื่องที่ คิดจะเขียน เกี่ยวกับ ความงดงามของวิถีอิสลาม
ก็คือ เรื่อง ซะกาต นั่นแหล่ะ เจ้าค่ะ 
ทว่า ก่อนที่จะเขียน อิฉันก็ต้อง ศึกษาหาข้อมูลในเรื่องนี้
ให้มันเคลียร์ เกิดความกระจ่าง แจ้งแก่ใจเสียก่อน
เพราะใครก็ไม่รู้ เคยเตือนเอาไว้ว่า


[spoiler]

ลิงจ๋อ เจียก ตั้งกระทู้ชื่นชมอิสลามได้ครับ
แต่ต้อง อธิบายเหตุผลด้วย ถ้าไม่มีเหตุผลชมเฉยๆ  ถือว่าไร้สาระ

เหมือนกับคนติ  ติลอยๆ ไร้หลักการ ก็ไร้สาระเช่นกันครับ

ดังนั้นจะติ จะชม ต้องยืนบนพื้นฐาน ตรรก ไม่ใช่พื้นฐานของอารมณ์ นั่นเองครับ 
ชมโดยไม่มี ตรรก ที่มาที่ไป เดว จะโดนข้อหา ยกหาง ซวยไปอีกนะ แม่ลิงจ๋อ  เจียกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

[/spoiler]


ฉะนั้น ก่อนที่ คนปากหนัก อย่างอิฉัน จะ เอ่ยชม สิ่งใดนั้น
อิฉัน ต้องศึกษาให้รู้ลึก รู้จริงเสียก่อน 
เพราะถ้า แจกลูกยอ เรื่อยเปื่อย
มันก็ผิดคอนเซปต์ อิฉัน เหมือนกัน อ่ะ


แต่ คำตอบ ของคุณ ตาลโตน ( คห. 2 ) ที่บอกว่า


[spoiler]

กำไรมากก็แบ่งปันมาก กำไรน้อยก็แบ่งน้อย
ขาดทุนหมดตัวก็เป็นผู้รับแทนผู้ให้

อิสลามไม่ต้องออกมาประกาศให้ใครรู้ว่า
ทำบุญมากน้อย เพราะไม่ต้องการเอาหน้ากับคน
แต่ทำด้วยใจ อย่างซื่อสัตย์ต่อพระองคอัลเลาะฮ์เท่านั้น

ดั่งคำที่ว่า " ทำบุญด้วยมือขวา อย่าให้มือซ้ายรู้ "

[/spoiler]


ก็ทำให้อิฉัน เข้าใจแง่มมุมที่งดงามตามวิถีอิสลาม มากขึ้นกว่าเดิมนะ
ศรัทธาอันมั่นคง ของพวกคุณ เป็น สิ่งที่น่าทึ่งมาก
ในสายตา คนไม่มีศาสนา ที่ไร้ศรัทธาจริตโดยสิ้นเชิงอย่างอิฉัน อ่ะ
เพราะจาก ปฏิปทาในการปฏิบัติ เท่าที่เห็น นั้น รู้สึกว่า
พวกคุณไม่ได้ มีศรัทธาแต่เพียงลมปาก
ประเภท มือถือสาก ปากถือศีล แบบบางศาสนา เลย


ซึ่งกับผู้ที่มี ศรัทธา ประเภทนี้ นั้นน่ะ 
มันทำให้อิฉันค่อนข้างจะให้ความเกรงใจ ค่อนข้างมาก
และ ระมัดระวังที่จะเผลอไปพูดพล่อย ก้าวล่วง หรือ ลบหลู่ ในศรัทธา ของท่านนะ ^ ^

[/spoiler]

.

(http://f.ptcdn.info/847/000/000/1357231514-monkeyWEB-o.jpg)




ปอลิง 3



ส่วนอันนี้ก็ ขออนุญาต แปะไว้ในกระทู้นี้
เป็นของแถมคร้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
( จะได้ครบเซต แหะ....แหะ.... ^ ^ )


.

[spoiler]


อิฉันขออนุญาตสอบถามเพื่อน ๆ มุสลิม เกี่ยวกับ วิถีอิสลาม หน่อยเจ้าค่ะ ?



อืม... ก็อย่างที่เคย เกริ่น ๆ ไว้ ใน กระทู้นี้

http://pantip.com/topic/30198334 (http://pantip.com/topic/30198334) 

อ่ะ เจ้าค่ะ ว่า ตอนนี้ อิฉันกะลังคิดจะลงมือเขียนกระทู้ชื่นชมศาสนาอิสลาม
ผ่านกระทู้ชื่อ....

" เมื่ออิฉันเริ่มเห็นความงดงามตามวิถีอิสลาม เพราะเปลี่ยนใจหันไปปฏิบัติธรรม"


แต่เนื่องจาก อิฉัน ตระหนักดี ว่า 
ภูมิรู้ในเรื่องเกี่ยวกับ ศาสนาอิสลาม ของตนนั้น
มันก็มีแค่งู ๆ ปลา ๆ เลยกลัวว่า ถ้านั่งเทียนเขียนกระทู้โดยไม่ปรึกษาผู้รู้เสียก่อน
เขียนไปเขียนมา อิฉัน อาจจะ เผลอปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มเทิ่ม ก็เป็นได้ แหะ ...แหะ...
ด้วยเหตุนี้ อิฉัน จึงขออนุญาตสอบถามเพื่อน ๆ มุสลิม เกี่ยวกับ วิถีอิสลาม
เพื่อ นำไปเป็นข้อมูลประกอบการเขียนกระทู้ สักหน่อย  ดังนี้เจ้าค่ะ ?


1.ในเรื่องเกี่ยวกับ อาหาร ฮาลาล ตามความเข้าใจของอิฉันนั้น
มีการกำหนดวิธีฆ่าสัตว์ ที่นำมาบริโภค โดยกำหนดลักษณะการฆ่า
ที่ทำให้ สัตว์ เหล่านั้น ทุกข์ทรมาน น้อยที่สุด ใช่ไหมเจ้าคะ ?
( แล้ว นอกจากนี้ มีข้อดีอื่น ๆ อีกไหมคะ ? )


2.ในเรื่องพิธีทำศพตามวิถีอิสลามตามความเข้าใจของอิฉันนั้น
เป็นการจัดงานที่ รวดเร็ว และ เรียบง่าย ไม่มีการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
( ถ้าจำไม่ผิด เสียชีวิตแล้ว ให้รีบจัดพิธีศพทันที ไม่ต้องมีการพิรี้รำพัน )
และ ไม่เกิด กรณี คนตายขายคนเป็น แบบที่เห็นบ่อย ๆ ในบางศาสนา ใช่ไหมคะ


3.ในเรื่อง การแต่งงานตามวิถีอิสลามตามความเข้าใจของอิฉันนั้น
นอกจากเน้นความเรียบง่าย ไม่ฟุ่มเฟือย แล้ว
การที่ ผู้ชาย จะ มี ภรรยามากกว่า 1 คน ขึ้นไป ได้นั้น
จะต้อง ได้รับ การยินยอม +อนุญาต จาก ภรรยาคนก่อนหน้า เสียก่อน ใช่ไหมคะ
และ ฝ่ายชายต้องดูแลและยกย่องภรรยาทุกคนโดยเท่าเทียมกัน
ขนาดที่ว่า ถ้า สามีซื้อ แตงโม มาให้ภรรยากิน ก็ควรต้องแบ่งให้ภรรยาเท่า ๆ กัน
และ ต้อง แบ่งจาก แตงโมลูกเดียวงกัน เพื่อไม่ให้เกิด ความลำเอียงเลือกที่รักมักที่ชัง ใช่ไหมคะ


4.ในเรื่องการเลือกคู่ครอง ของเพื่อน ๆ มุสลิมตามความเข้าใจของอิฉันนั้น
วิถีอิสลาม แนะนำ ให้เลือกผู้มีศรัทธาเสมอกัน ( คือ มีศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวกัน )
เพื่อปกป้องสาวกของตน ไม่ให้ต้องเกิดความร้าวฉานในครอบครัว เพราะ ได้คู่ครองที่มีศรัทธาความเชื่อที่ขัดแย้งกัน 
แต่  ก็ไม่ได้ไปกะเกณฑ์ ให้ใคร ต้องมาเปลี่ยนศรัทธา เพื่อให้ได้แต่งงานกับสาวกของตนใช่ไหมคะ
ถ้าเขาไม่สมัครใจจะเปลี่ยนศาสนา อิสลามก็ไม่ได้ ไปบังคับขู่เข็ญอะไร เขา
เพียงแต่  แนะนำสาวกของตนว่า ไม่ควรเลือกผู้ที่ศรัทธาไม่เสมอกัน
และ นี่ ก็ คือ อีกบททดสอบศรัทธา ว่า สาวกของตน นั้น
 มีจิตใจที่โลเล เห็น แก่ ราคะกำหนัด และ ตัณหาสารพัด
จนยอมละทิ้ง พันธะสัญญา และ ศรัทธาอันบริสุทธิ  ที่มีต่อ พระเจ้า ไป ไหม ?
( อิฉันเข้าใจถูกต้องไหมคะ ? )


5.ในเรื่อง การแต่งกาย ของสตรี ทั้งในส่วนของ ฮิญาบ , อบายะห์
และ การงดเว้นการประทินโฉม ( แต่งหน้าแต่งตา ) ตามความเข้าใจของอิฉันนั้น
เป็นเพราะ อิสลาม ต้องการปกป้องผู้หญิงของตน จากภัยคุกคามทางเพศ อันตรายทั้งหลายทั้งปวง
และ พยามขัดเกลาฝึกฝนให้ สาว ๆ มุสลิมะ  กำจัด ราคะ ตัณหา ในเรื่องการรักสวยรักงามอันเป็นวิสัยของ อิสตรี ใช่ไหม คะ ?


6.จุดประสงค์หนึ่งของการถือศีลอด ตามวิถีของ อิสลาม ตามความเข้าใจของอิฉันนั้น
คือการ ฝึกให้เหล่าสาวกทั้งหลาย มีความ อดทนอดกลั้น และช่วยบ่มเพาะความเข้มแข็งทางจิตใจ
ในการรับมือกับความอยาก ความกระหาย ทางกาย ใช่ไหมคะ


7.ในศาสนาอิสลาม มีการกำหนดให้ เหล่าสาวก ได้มีโอกาสกำจัดความตะหนี่
ด้วยการบริจาคทานทุกปี ( ที่เรียกว่า ซะกาต ใช่ไหมคะ )
นอกจากนี้ ธนาคารอิสลาม ยังเป็นตัวอย่างอันดี ของการประกอบสัมมาอาชีวะ
งดเว้นไม่ขูดรีดดอกเบี้ย จากผู้อื่น ด้วยความละโมบ ใช่ไหมคะ


8.อันนี้ไม่ใช่ ข้อสงสัย แต่ อยากศึกษาเพิ่มเติม อ่ะค่ะ
ว่า นอกจาก สิ่งที่ อิฉัน สังเกต เห็น เหล่านี้
ในวิถีอิสลาม มีการกำหนดข้อปฏิบัติ อะไร
ที่เป็นไปเพื่อ การฝึกตน ให้หลุดพ้นจาก กิเลสตัณหา อีกบ้างเจ้าคะ
รบกวนขอความรู้เป็นวิทยาทาน ด้วยค่ะ


ปอลิง


[spoiler] อนึ่ง เพื่อป้องกัน ข้อครหาว่า เหตุไฉน
นังนู๋บี-บัวเหล่าที่ 5 ถึงได้เปี๋ยนนนนนไป๊ ทำไมจึงหันมา อวยฯ อิสลาม นัก
( ทีกับ บางศาสนา มันกลับ จิกด้วยปากถากด้วยตา หาเรื่องก่นด่าสารพัดด ฯลฯ)
ก็ต้อง ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ที่เป็นงี้ไม่ใช่ เพราะว่า ...
มีไอ้หนุ่มอิสลามที่ไหนมาตามเทียวไล้เทียวงขื่อ ขายหนมจีบ ให้หรอกคร้าา


แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งของ ผู้เป็น บัวเหล่าที่ 5 ก็คือ
บัวเหล่านี้ มักจะหมั่นไส้ พวก ดีแต่ปาก และ มักง่ายเป็นนิสัย
เอะอะ ๆ  ก็ เอา คำว่า ปล่อยวาง มาถือไว้เป็น ไม้กันหมา อ่ะค่ะ
ฉะนั้น พอ มาเห็น วิถีปฏิบัติ ตามหลัก อิสลามที่เปี่ยมไปด้วยวินัย
พูดจริง ทำจริง และ ปฏิบัติให้เห็นจริงได้เป็นรูปธรรม ก็เลยรู้สึก ชื่นชม อ่ะเจ้าคะ
( อ้อ ที่ แพล่ม ๆ มานี่ แค่ออร์เดิร์ฟ นะเจ้าคะ ไว้โอกาสเหมาะ ๆ
จะโพส กระทู้พูดถึง มุมมอง เกี่ยวกับความงดงามตามหลักอิสลาม แบบฟลูออปชั่น ให้ได้ทัศนา จร้าา ^ ^

(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao16.png)



[spoiler]

เอ่อ...จิงดิ... ไหน ๆ อิฉัน ก็ แวะมา วิสัชนา ตอบกระทู้แล้ว
ขอ อนุญาต หอบเอา ตัวหนังสือ ที่ตั้งใจจะโพส ในกระทู้ที่ดับสูญ เมื่อวาน
มาแปะไว้ในกระทู้นี้ เพื่อ แจ้งข่าวให้เหล่าแควนขับ ได้รับรู้ หน่อยน้าาาาา
เฮ้ออ อุส่า จิ้มดีด ไว้ตั้งแยะ ยังไม่ทันได้โพสเลย กระทู้ก็โดนอุ้มซะงั้น - - "

[spoiler]

อนึ่ง ข้อความข้างล่างนี้ คือ สิ่งที่อิฉันตั้งใจจะโพสไว้ ในกระทู้ล่องหน เมื่อตะวานคร้าาา

ขอบคุณ สำหรับทุก ๆ คำชี้แนะ และ ทุก ๆ คำตอบ
ที่เพื่อน ๆ ช่วยมาโพสให้อ่าน เป็น วิทยาทาน เจ้าค่ะ
แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกคะแนนโหวต ที่ทำให้ กระทู้นี้ ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำคร้าา
แหม๊ ? ตะกี้ เปิดเวบมาดู เซอร์ไพร๊ซ์ เหมือนกันนะเนี่ย  ^ ^
( เพราะปกติ กระทู้ของอิฉัน มักจะเป็นกระทู้ใต้ดิน มากกว่า กระทู้แนะนำอ่ะ แหะ ...แหะ... ) (http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

อืม...แล้วถ้ามีฤกษ์งามยามดีเมื่อไร  อิฉัน จะโพส ...

" เมื่ออิฉันเริ่มเห็นความงดงามตามวิถีอิสลาม เพราะเปลี่ยนใจหันไปปฏิบัติธรรม"

มาให้ทุกท่าน ได้อ่านนะคร้าาาา
เฮ้อออ คิด ๆ แล้วก็น่าขำนะ
ในขณะที่ชาวบ้านชาวช่อง เขาปฏิบัติธรรม
แล้วก็ยิ่งเกิดศรัทธาใน ไตรสรณะ มากขึ้น ตามลำดับ
ไง๋ ทำไปทำมา อิฉัน กลับ ไม่ยัก กะเกิด ความรู้สึก พวกนี้ ก็ไม่รู้แฮะ
แต่ดัน กลับไปมองเห็นความงดงาม ตามวิถีอิสลาม ขึ้นมาซะงั้น


จะว่า ปฏิบัติ มาไม่ถูกทาง หรือ ก็ไม่น่าจะใช่นะ
เพราะ ถ้า สอบทวนสภาวะ เพื่อหาระดับ ภูมิธรรม ของตนแล้ว
ก็พบว่า รัก โลภ โกรธ หลง ในตัว มันก็ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญนะ
ก็ อยู่ในระดับที่ สามารถรักษาถือศีล 6 ได้อย่างชิล ๆ จนเป็นปกติ
เจริญสติปัฏฐาน 4 เล่นเป็นงานอดิเรกได้ แถม ยังเห็น การเกิดดับของไตรลักษณะ
แล้วก็ เกิด สภาวะ ตถตาลงใจ อยู่บ่อยครั้ง ด้วยอ่ะ


เฮ้ออออ แต่ก็นั่นแหล่ะนะ เรื่องของ ความรู้สึก ความศรัทธา
มันคงจะมาบังคับใจกันไม่ได้ หรอกเน๊าะ
ปฏิบัติธรรมมาตั้งหลายปี แต่ ไม่รู้สึกศรัทธา ในไตรสรณะ ก็ไม่เป็นไรอ่ะ
จะข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า หรือว่า ฝืนใจไปคงก็เปล่าประโยชน์
แต่สิ่งที่ทำให้ อิฉัน รู้สึก นึกฉงนสนเท่ห์ ก็คือ


ทำไมยิ่งปฏิบัติธรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ
อิฉัน กลับรู้สึก ว่า ในเรื่อง ธรรมมะ ก๊ะ อิสลาม นั้น
มันมี ปฏิปทาในการปฏิบัติ(ในแง่ของการฝึกตนเพื่อลดกิเลสตัณหา )
ที่มีความเชื่อมโยงและสอดคล้องต้องกัน มากเลยอ่ะ
สุดท้าย จากสิ่งที่ได้รับรู้ เหล่านี้  ก็เลยทำให้ คนที่เคย แอนตี้อิสลาม อย่างฉัน
ต้อง หันกลับมา ทบทวนทัศนคติ ที่มีต่อ ศาสนาอิสลามอีกครั้ง น่ะ
แถม ทบทวนอีท่าไหนก็ไม่รู้  ทำไม๊ ยิ่งดู ยิ่งรู้สึกว่า วิถีปฏิบัติ แบบอิสลาม นั้น
มันถึงได้ ถูกหู ถูกตา ถูกใจ มากมายขนาดนี้ ว้าาาาาาา * 0 *

และ นี่ล่ะ คือ อีกหนึ่งเหตุปัจจัย ที่ทำให้ อิฉัน คิดจะ ตั้งกระทู้

" เมื่ออิฉันเริ่มเห็นความงดงามตามวิถีอิสลาม เพราะเปลี่ยนใจหันไปปฏิบัติธรรม"

(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao19.png)

[/spoiler]


[/spoiler]

[/spoiler]


(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao27.png)


[/spoiler]

.

(http://f.ptcdn.info/847/000/000/1357231186-monkeysfun-o.jpg)


หัวข้อ: Re: บ่นเรื่อยเปื่อย...เมื่อยก็พัก...ตามประสา นักปฏิบัติไม่เอาไหน ฯ ( Episode 4 )
เริ่มหัวข้อโดย: Pure+ ที่ ตุลาคม 22, 2012, 07:07:12 pm
เรื่องยาวมากนะครับ อ่านได้แค่สองสามโพส
แต่ชอบเจ้นู๋บีนิ วันหลังจะมาขอคำแนะนำนะครับ :19:
หัวข้อ: Re: บ่นเรื่อยเปื่อย...เมื่อยก็พัก...ตามประสา นักปฏิบัติไม่เอาไหน ฯ ( Episode 4 )
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ ตุลาคม 30, 2012, 08:21:43 pm
เรื่องยาวมากนะครับ อ่านได้แค่สองสามโพส
แต่ชอบเจ้นู๋บีนิ วันหลังจะมาขอคำแนะนำนะครับ :19:

อุุ้ยต๊ายว้ายกรี๊ดดดดดดดดดดด
ดีใจ๊ดีใจ ได้แควนขับ มาสะสม
ในคอลเลคชั่นเพิ่มขึ้นอีกตั้ง 1 คน แหน่ะ :25:
อืม...จะขอคำแนะนำอารัย ก็ตามฉะบายจร้าาา
( แต่ว่าจะตอบได้ไม่ได้นี่ อีกเรื่องนะ อิอิ  :12: )

ปอลิง

แล้วเด๋วจาเขียน เรื่อง พุทธอวตาร ก๊ะ สัมมาฯสไตล์
ในแบบฉบับ ของ อิปลาไหลไฟฟ้า มาหั้ยอ่าน นะจ๊ะทูนหัวววว
แต่ตอนนี้ ขอตัวไปผลิตระเบิด เอ๊ย ผลิตน้ำลาย ก่อนจร้าาาา หุหุ  :36:
หัวข้อ: หลังไมค์ เดอะ ท็อปซีเคร็ต ! # เทียวเสี้ยม & ไซซี #
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ ธันวาคม 24, 2012, 10:57:11 pm




เรื่องอื้อฉาววววววของคุณป้าบัวเกรียน
กับการติดโทษแบน 4 เวบรวดดดด  :10:


"http://bbs.drama-addict.com/showthread.php?4180-เรื่องอื้อฉาวววววว-ของคุณป้าบัวเกรียน-กับการติดโทษแบน-4-เวบ-รวดดดด" (http://bbs.drama-addict.com/showthread.php?4180-เรื่องอื้อฉาวววววว-ของคุณป้าบัวเกรียน-กับการติดโทษแบน-4-เวบ-รวดดดด)

 :12:   :12:   :12:

(http://www.bloggang.com/data/i/itoursab/picture/1304750917.jpg)





หลังไมค์ เดอะ ท็อปซีเคร็ต !

# เทียวเสี้ยม & ไซซี #



อ้างถึง

To : ไซซี [22 ธันวาคม 2555 15:56]

อืม...เห็นตัวหนังสือ ในกาทู้เกี่ยวกับเรื่อง ศีล


http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y13094375/Y13094375.html (http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y13094375/Y13094375.html)


เจ้เลยเอา ลิงค์มาฝาก แม่นางไซซี จร้าาา
ส่วน ลิ้งค์ อันล่าง ไอ้โซ๊ยตี๋ มันเคยเขียนไว้
อ่านแร้วค่อนข้างเข้าท่าทีเดียว อิอิ (http://www.pantip.com/cafe/toy/image/wink.gif)


"http://board.palungjit.com/f10/รักษาศีล-5-แล้วได้อะไร-154838.html#post3078496" (http://board.palungjit.com/f10/รักษาศีล-5-แล้วได้อะไร-154838.html#post3078496)


ปอลิง

ช่วงนี้เจ้โดน มอดเวบ จับขังคุกขี้ไก่อยู๊เรยโพสหน้าบอร์ด บ่ ได้ T - T
ส่งความเห็นมาหั้ยอ่านทางหลังไมค์ก็แล้วกัน เน๊าะ แหะ ๆ




อ้างถึง

From : ไซซี [22 ธันวาคม 2555 16:33]

อร๊ายยย เซอร์ไพร์ส :-)))))

ขอบคุณมากค่ะพี่นู๋บี

หายไปหลายวัน (ออนทัวร์) พอเข้ามาก็แปลกใจว่าพี่หายไปไหน เห็นเงียบๆ
ที่แท้เจอขังนี่เอง แล้วเขาจะขังกี่วันคะพี่ บอกเขาจิพี่กินข้าวแดงเปลืองน๊าาาา 5555+++

ว่าแต่มาขังด้วยข้อหาไรอ่ะ อย่างทู้ที่ย้ายไปนอกเรื่อง ตอนแรกก็ งง ว่าทู้หายไปไหน
แต่รีบๆ ด้วย ก็นึกว่าตัวเองหาไม่เจอเอง ที่ไหนได้เจอย้ายซะนี่
แล้วมันย้ายด้วยเหตุผลไรอ่ะ งงได้อีก เพราะทู้โหวตทู้นั้น มันโอเคนี่นา

ว่าแต่ใครไปแจ้งอ่ะคะพี่



อ้างถึง

To :ไซซี  [ 24 ธันวาคม 2555 ]


อิอิ ก็ถือว่ายังดีน้าาาา ที่เจอหลังไมค์ของพี่
แร้ว อินู๋ ยัง ร้องได้ ว่า  อร๊ายยย เซอร์ไพร์ส  :-)))))
เพราะส่วนใหญ่ เวลาที่ หนุ่ม ๆ ทั้งหลาย
มันได้ หลังไมค์จาก คุณพี่เทียวเสี้ยม ทีไร
รู้สึกว่า มันทำท่า อยากจะร้องว่า เสียวว้อยยยยย !  ซะมากกว่า นะ
( ทั้ง ทั่นสุมาอี้ แล ทั่นตั๋งโต๊ะ เรยอ่ะ โฮ่ ๆ )
เฮ้ออ ก็มิรู้เหมือนกันว่า ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หุ่นเช้งกระเด๊ะ อย่างคุณพี่ไปแพล่มอิท่าไหน
ถึงทำให้พวกผู้ชายอกสามศอก อย่างพวกมันรู้สึกเสียเซ๊ล์ฟ ได้ขนาดน้านนนนน หุหุ


ส่วน ไอ้ข้อหาที่ ทำให้ โดนขังคุกขี้ไก่เนี่ย
ก็เป็นไปตามคำชี้แจง ในหลังไมค์ จากคุณหญิงแม่
ใน สองฉบับข้างล่าง ที่โพสไว้ ต่อจากนี้ นั่นแหล่ะจร้าาาา


ซึ่ง การโดน ขัง 8 หนนี้ ก็ คาดว่า ก็คงเหมือนเคยนั่นแหล่ะ
แบ่บว่า โดน ขังลืมมมมมมมมมมมม แบ่บไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน อ่ะซิก ๆ
เฮ้อออ แต่ไอ้เรื่อง ที่คุณพี่พจมานโดนคุณหญิงแม่ จับขังคุกขี้ไก่
จนกลายเป็นจำเลยร้ากกก  แล้วต้องกินข้าวแดง ในตะแลงแกง นั้นน่ะ
มันก็ถือเป็น เรื่องปกติ ของพี่ แระ อ่ะจร้าาาา



อืม...หญิงแม่ คงใช้สไปนอล คอร์ด  มาโยนิโสฯ เป็นอย่างดีแร้วมั้ง ว่า
ตรูยอมกระเป๋าฉีก กับการซื้อหา ข้าวแดง  มายัดปาก อินังพจมาน จอมตะกละ
ให้มันสวาปาม จนพุงแตกตาย คาตะแลงแกง เหมือนตาเฒ่าชูชก
คงจะได้มรรคผลมากกว่า ปล่อยให้มัน ออกไป สาธกยกประจาน แล้วเพ่นพ่าน หน้าบอร์ด อ่ะ
เด๋ว ถ้าเกิดมันหน้ามืด ไปหาเรื่อง ขม้ำ ขมองคน เป็นมื้อดินเนอร์
แบบ ดร. ฮันนิบาล  เลคเตอร์ ขึ้นมา อาจจะเกิด มิคสัญญี ใน ห้องศาสดา แห่งนี้ ได้ อิอิ


ส่วน ไอ้เรื่องที่ กาทู้นี้

http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/11/Y12935907/Y12935907.html (http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/11/Y12935907/Y12935907.html)

โดนย้ายอ่ะนะ อย่า ได้ งงงวย ไปเรยนะจ๊ะ แม่สาวยิ้มสวย
ให้ เจริญสติจนเกิด ตถตาลงใจ  แล้ว ถือว่า ....เป็นเรื่องสิว ๆ
คือเป็นเรื่องธรรมซาดดดดด ของพี่อีกเช่นกันอ่ะจร้าาา
ที่โพสกาทู้แล้ว มักจะถูกอุ้ม โพสแล้วไม่ถูกอุ้มดิ
คุณพี่จะเกิดอาการ กินมิได้นอนไม่หลับ 55555


แต่ที่น่าแปลก และ งงโคตร ๆ ก็คือ
ไง๋ไป ๆ มา ๆ ความเห็นของบางคน
ถึงได้ พลอยฟ้าพลอยฝน โดนลบไปด้วยก็มิลู้แฮะ
เพราะ เท่าที่ดู ๆ อยู่ ความเห็นที่ถูกลบไป
มันก็เป็นข้อความทักทายกันธรรมดา ๆ อ่ะ
ม่ะรู้หมือนกันว่า ตัวหนังสือพวกนั้น ( หรือว่า รูปม้าก๊ะสาวน้อย )
ดันไป แทงใจดำ หรือ เหยียบหางใครเข้า เลยถูกทำให้ดับสูญ อย่างนั้น อ่ะ


อ้อ จิงดิ ตะละแม่ไซซี รู้แร้วเหยียบไว้ เรยน้าาา
เนี่ย คุณพี่เทียวเสี้ยม เห็น กาทู้
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y13101974/Y13101974.html (http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y13101974/Y13101974.html)

ของ อินู๋ยิ้ม แล้ว ขำกลิ้ง เรยอ่า
เนี่ย ขนาดเจออาถรรพณ์ความเฮี้ยน
ของ พี่ซ่าส์มหาภัย เข้าไปซะหลายดอกส์
จนเรทติ้งกาทู้ มันแป้ก ออกตัวไม่กระฉูด เหมือน กาทู้ก่อน ๆ แร้วแท้ ๆ
ยัง อุส่า มีแควนขับ มาเทคะแนนดันให้ มันขึ้น เป็น กาทู้แนะนำ จนได้วุ้ย
อะโหยยย สมแร้วที่ อินู๋ยิ้มมันเป็น ขาหมู...เอ๊ย...ขาหญ่าย ขาโจ๋ประจำห้องศาสดา จิง ๆ


เฮ้ออ คิดแร้ว ก็ ชักจะเริ่ม อิจฉาตาร้อนขึ้นมาตะหงิด ๆ อ่ะ
เมื่อไร คุณพี่เทียวเสี้ยม คนนี้จะมีเสน่ห์นางโอมมหาระรวย
ได้เหมือน อินู๋ยิ้มคนสวย มั่งน้าาาาา
แมร่ง ! ตรูตั้งกาทู้ทีไร นอกจากจะไม่มีคนกดไลค์ ให้ เป็น กาทู้แนะนำ แล้ว
ยังถูกเคราะห์ซ้ำกรรมซ้อน ให้โดนคุณหญิงแม่
ถีบหัวส่งออกจากบ้านทรายทอง อีกตะหาก อะซิก ๆ  :27:


เนี่ย  ครึ้ม ๆ เมื่อไร คุณพี่ ก็ยังว่า
จะ ลอง งัดมารยาหญิงหมื่นเล่มเกวียน มาใช้ฮ่ะ
ไว้ฤกษ์งามยามดีก่อนนะ บางทีคุณพี่อาจจะลอง ถอดรูปเงาะ
แล้ว เต๊าะล็อกอินชาวบ้านมาใช้ 
จากนั้นก็แกล้งปลอมตัวเป็น สาวน้อยไร้เดียงสา
ผู้เปล่งรัศมีธรรมโม๊ะ  โชว์ความ ผุดผ่องเป็นยองเป็นใย
หั้ย หนุ่ม ๆ ที่ห้องศาสดา น้ำลายหก เล่น ๆ อ่า :08:


อิอิ คุณน้องไซซี คิดว่า
ถ้าคุณพี่เทียวเสี้ยม ลองหว่านเสน่ห์นางดูบ้าง
จะ So Hot สูสีก๊ะ อินู๋สไมลลิ่ง ฯ อ๊ะปล่าวจ๊ะ
ถึงแม้จายิ้มสวยสู้ แม่นู๋นั่นไม่ได้
แต่ ไอ้เรื่อง กวนซ่งติงชาวบ้าน เอ๊ย ความเซ็กซี่ นี่
เทียวเสี้ยมคนนี้ ก็ไม่เป็นรองใคร นะจ๊ะ 5555  :12:


ปอลิง

อ่ะ  เอา เดอะ ลิง สองอันนี้ มาฝาก ผู้หญิงปัญญาดี
แบ่บ ตะละแม่ไซซี จร้าาาาาาา
เผื่อว่าจะให้ข้อคิด อะรัยในการถือศีลได้มากขึ้น อิอิ

"http://board.palungjit.com/f10/ศีลเท่านั้น-เป็นเลิศในโลก-231038.html#post3111754" (http://board.palungjit.com/f10/ศีลเท่านั้น-เป็นเลิศในโลก-231038.html#post3111754)



"http://board.palungjit.com/f181/นี่-ๆ-เหล่านักปฏิบัติจ๋าาา-ใครบ้างคร้าาา-ที่ยังถือศีล-5-อยู่มั่ง-ขอเสียงหน่อยจร้าาา-349227.html" (http://board.palungjit.com/f181/นี่-ๆ-เหล่านักปฏิบัติจ๋าาา-ใครบ้างคร้าาา-ที่ยังถือศีล-5-อยู่มั่ง-ขอเสียงหน่อยจร้าาา-349227.html)

(http://2.bp.blogspot.com/_fvbjT_p04RQ/STa7FAmNM_I/AAAAAAAAAAM/SwU7fHdkVpM/S220/%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A7.bmp) (http://2.bp.blogspot.com/_fvbjT_p04RQ/STa7FAmNM_I/AAAAAAAAAAM/SwU7fHdkVpM/S220/%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A7.bmp) (http://2.bp.blogspot.com/_fvbjT_p04RQ/STa7FAmNM_I/AAAAAAAAAAM/SwU7fHdkVpM/S220/%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A7.bmp)

ส่วน อันนี้  ไม่เกี่ยวกับก๊ะเรื่องถือศีล
แต่  ดูแล้ว รู้สึกว่า มันเข้าท่า ดีอ่า
เรยหอบเอามาฝาก อ่ะจร้าาาาาา อิอิ

เจจุงวอน ตำนานแพทย์แห่งโชซอน ตอนที่ 29

http://luvasianseries.blogspot.com/2012/10/29.html (http://luvasianseries.blogspot.com/2012/10/29.html)


อืม...อินู๋รู้ไหม  พอมีโอกาสได้ดูซีรีซ์เกาหลี เรื่องนี้ ในวันเสาร์ที่ผ่านมา
ซีนไหน ที่โดนใจ อิตั้วเจ้นู๋บี มากที่สุด ?
อิตั้วเจ้ มัน ปลื้ม ซีนที่ คุณหนูซ๊อกรัน คุย กับ คุณชาย โดยัง
เรื่อง การวิ่งแข่ง กัน ของ คน 2 คน
แล้ว ซ๊อกรัน เอ่ยถึง ปรัชญา ของอยู่หลุนหวี่ อ่ะ


" รู้ในสิ่งนั้น ไม่สู้รักในสิ่งนั้น
รักในสิ่งนั้น ไม่สู้มีความสุขกับมัน

คนที่เข้าใจในสิ่งนั้น ก็ไม่สู้ไปรักในสิ่งนั้น
คนที่รักในสิ่งนั้น ก็ไม่สู้ไปรู้จักที่จะมีความสุขกับสิ่งนั้น
คนที่รักในการวิ่งจริงคงจะไม่ได้สนใจ
ว่าใครจะอยู่ข้างหน้า หรือว่าข้างหลังหรอก
แค่ตัวเองมีความสุขก็พอแล้ว
จะเอาใจที่ไหนไปสนใจคนอื่น
เพราะตัวเองก็มีความสุขแล้ว นั่นเป็นความคิดของข้า"



เฮ้ออ ก็ไม่รู้ว่า อินู๋จะ เก็ท กับ ข้อคิดของ ซ๊อกรัน
เหมือนกับที่ คุณชายโดยัง และ อิตั้วเจ้นู๋บี มันเก็ทสะเทือน หรือเปล่านะ
ถ้า ไม่เก็ท ไง ก็ลองไปถาม เพื่อนคนหนึ่ง ที่อินู๋รู้จัก ดูสิจ๊ะ
คลับคล้ายคลับคลา ว่าอินู๋เอง ก็เคยเล่าไว้ในกาทู้ที่ พันติ๊ป นี่หน่า ว่า

นู๋มีเพื่อนผู้หญิงที่รู้จักคนหนึ่ง
เธอคนนั้นคอยช่วยเหลือเเป็นธุระ
เทียวไปรับไปส่ง หญิงแก่ คนนึง
ให้ได้มีโอกาสไปโบสถ์ทุกอาทิตย์
ทั้ง ๆ ที่ แม่เฒ่าคนนั้นไม่ใช่เป็นญาติโกโหติกา อะไรของเธอเลย

แล้ว เจ้าหล่อน ก็พูดประมาณว่า   
สำหรับเธอแล้ว สิ่งที่กำลังกระทำอยู่นั้น
เธอ ไม่เคยคิดว่ามัน เป็น หน้าที่  หรือ ภาระ เลย
แต่มันเป็น สิ่งที่เธอต้องการจะทำ
เนื่องจากมันทำให้เธอ รู้สึก มีความสุข ทุกครั้ง ที่ได้ทำ


อืม...ด้วยเหตุนี้ไง คุณพี่ จึงคิดว่า เพื่อนคนนี้ของอินู๋
น่าจะ อธิบาย ในสิ่งที่ ซ๊อกรัน และ พี่ ต้องการจะบอกนู๋ได้ อ่ะ
จำไว้น้าาาา อินู๋จ๋าาาาาาาาาาาาาาาาาาา 

คนที่เข้าใจในสิ่งนั้น ก็ไม่สู้ไปรักในสิ่งนั้น
คนที่รักในสิ่งนั้น ก็ไม่สู้ไปรู้จัก ที่จะมีความสุขกับสิ่งนั้น
และ คนที่รักในการรักษาศีลจริง น่ะนะคงจะไม่ได้สนใจ หรอกว่า
ใครจะ ปฏิบัติได้ก้าวหน้า หรือว่า ล้าหลัง กว่าตน

แค่ตัวเอง มีความสุข ...
กับการได้ละเว้นการเบียดเบียนผู้อื่น ในเรื่องทั้ง 5 ก็พอแล้ว
จะเอาใจที่ไหนไปคิดประชันขันแต่งแข่งดีกับคนอื่น เขา
เพราะตัวเราเอง ก็มีความสุขเสมอ กับ สิ่งที่ได้กระทำไง
นั่นเป็นความคิดของพี่อ่ะ

จำไว้นะอินู๋ ไอ้ตัว มานะน่ะ 
มันไม่ได้เกิดเพราะ ปริยัติ อย่างเดียว ว่ะ
บางครั้ง เมื่อ ปฏิบัติมาก ๆ เข้า
เจ้าตัว มานะ มันก็หาเรื่อง
กระโดดเข้ามาเกาะหัวเกาะหูเราได้เสมอ
ถ้าเราเผลอเอาการปฏิบัติของตัวเอง ไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น


ฉะนั้น .....
อย่าเพียรรักษา ศีล 5 เพียงเพราะ ตระหนักว่า ...
สิ่งนี้เป็นภาระหน้าที่  ซึ่งสมควรต้องกระทำ


อย่าเพียรรักษาศีล 5 เพียงเพราะ หมายใจว่า ...
สิ่งนี้ จะเป็นหนทางปิดอบาย อันนำไปสู่นรกภูมิ

อย่าเพียรรักษาศีล 5 เพียงเพราะ ใฝ่ฝันว่า
สิ่งนี้ จะทำให้ เราได้ไปเกิดในสรวงสวรรค์ชั้นดุสิตบุรี


อย่าเพียรรักษาศีล 5 เพียงเพราะ คิดว่า
สิ่งนี้ จะทำให้เรา ก้าวหน้าในการปฏิบัติ มากกว่า ใครเขา


อย่าเพียรรักษาศีล 5 เพียงเพราะ มุ่งหวัง ว่า ...
สิ่งนี้ จะเป็นเส้นทางอริยมรรค อันนำมาซึ่ง นิพานัง ปรมัง สุขขัง


แต่จงพากเพียรรักษาศีล 5 เพราะว่า
สิ่งนี้ ทำให้เรา รู้สึกดีและมีความสุขเสมอ เมื่อได้กระทำ




อุ๊ยต๊ายยยยยยย ไง๋พูดไปพูดมา
ชักรู้สึกทะแม่ง ๆ ว่าจะผิด คอนเซปต์ พี่ซ่าส์มหาภัย ฟระ
ฉงฉัย วิญญาณ คุณหนูซ๊อกรัน จะเข้าสิง ว่ะ เรยเล่นผิดสคริปต์ 55555  :29:


(http://img.kapook.com/u/nidnoy/drama/jejungwon_tn-16.jpg) (http://img.kapook.com/u/nidnoy/drama/jejungwon_tn-18.jpg)




หัวข้อ: รักในสิ่งนั้น ไม่สู้มีความสุขกับมัน ?
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ ธันวาคม 24, 2012, 10:59:47 pm

รักในสิ่งนั้น ไม่สู้มีความสุขกับมัน ?


(http://4.bp.blogspot.com/-TDPNpnLIN1A/UHcVMCUkbQI/AAAAAAACzSw/7cOHoK09fDM/s200/156.jpg) (http://1.bp.blogspot.com/-9GwmpsJyFx4/UHcVNani7AI/AAAAAAACzS4/_3uq-ty_78s/s200/157.jpg)

"อ้อ ซ๊อกรัน เอ่อ ข้าอยากจะถามอะไรเจ้าเรื่องนึง
คืออย่างนี้ ข้าอ่านจากหนังสือพิมพ์ มีคนสองคนวิ่งแข่งกัน
ธรรมดาก็ต้องมีคนนำหน้าและตามหลังใช่มั้ย?"

"ใช่แล้วค่ะ"

"แต่คนที่วิ่งตามหลัง ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถตามคนข้างหน้าทัน
แต่คนข้างหลังอยากจะเอาชนะคนที่นำอยู่ให้ได้ เค้าควรจะทำยังไง?"


"คนตามหลังน่าสงสารจัง"

"หรือว่าจะขัดขา ให้คนข้างหน้าล้ม แค่นี้ก็ชนะได้แล้ว" โดยังพูดเป็นนัย ๆ กับเรื่องอียงอิก

"ทำไม่ได้หรอกค่ะ เพราะมันผิดกติกา" ซ๊อกรันบอก

"ผิดกติกา?"

"ค่ะ ต่อให้ขัดขาจนคนนั้นล้ม ในสายตาคนอื่นอาจจะดูเหมือนว่าชนะ แต่ตัวเองก็ไม่มีทางหลอกตัวเองได้ คุณชายคะ ข้าขอเรียกว่าคุณชายเหมือนเมื่อก่อนได้มั้ย?"

"ได้สิ ข้าก็คิดว่าดีกว่า"

"ถ้างั้นข้าขอฝากคำพูดประโยคนึงให้คุณชายละกัน

 รู้ในสิ่งนั้น ไม่สู้รักในสิ่งนั้น
" ซ๊อกรันพูดเป็นปรัชญา

"รักในสิ่งนั้น ไม่สู้มีความสุขกับมัน
เป็นประโยคของอยู่หลุนหวี่ "  โดยังต่อให้

"ค่ะ คนที่เข้าใจในสิ่งนั้น ก็ไม่สู้ไปรักในสิ่งนั้น
คนที่รักในสิ่งนั้น ก็ไม่สู้ไปรู้จักที่จะมีความสุขกับสิ่งนั้น
คนที่รักในการวิ่งจริงคงจะไม่ได้สนใจ
ว่าใครจะอยู่ข้างหน้า หรือว่าข้างหลังหรอกค่ะ
แค่ตัวเองมีความสุขก็พอแล้ว จะเอาใจที่ไหนไปสนใจคนอื่น
เพราะตัวเองก็มีความสุขแล้ว นั่นเป็นความคิดของข้าค่ะ"

"ขอบคุณมาก" โดยังกล่าว ซึ่งเขาได้ข้อคิดจากคำพูดของซ๊อกรัน


(http://static.weloveshopping.com/portal/static/thumbs/600x600/44/99/23111835_4499776a47e8367dac82d3bb4d398e84.jpg)

หัวข้อ: หลังไมค์ เดอะ ท็อปซีเคร็ต ! # น้องพจมาน & คุณหญิงแม่ #
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ ธันวาคม 24, 2012, 11:07:52 pm
หลังไมค์ เดอะ ท็อปซีเคร็ต !

# น้องพจมาน & คุณหญิงแม่ #

(http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/11/Y12926336/Y12926336-3.jpg)

(http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/11/Y12926336/Y12926336-1.jpg)


http://www.youtube.com/watch?v=M0JB2n9bprc#ws (http://www.youtube.com/watch?v=M0JB2n9bprc#ws)


อ้างถึง

From : คุณหญิงแม่ [12 พฤศจิกายน 2555 15:08]

สวัสดีจ้ะ แม่พจมาน

คุณหญิงแม่ ได้ทำการลบความเห็นของหล่อน
เช่น 12909430#10  ในกาทู้

http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/11/Y12909430/Y12909430.html (http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/11/Y12909430/Y12909430.html)

 
=============================
อืม...ในสายตาของอิพวกสังคมแสร้งจริต...เอ๊ย...ยึดติดก๊ะศรัทธาจริตจ๋านี่
อิพวกนั้นมันจะคิดไง ม่ะลู้นะ
แต่ในสายตาของคนที่ชอบเสพย์สิ่งรอบตัวเป็นงานศิลปะแนวอินดี้
ชิ้นงานนี้ มันก็แหวกแนว มีไอเดียสร้างสรรน์
แปลกใหม่ กิ๊บเก๋ ไม่ซ้ำซากจำเจ ดีนิ
แต่ อิฉันชอบ พระเครื่องรุ่นโคโยตี้รูดเสา มากกว่าว่ะ
ปอลิง
เอ ? แล้วเมื่อไร จะมีคนริเริ่ม
ทำ พระสีวลี ปางถือดูเร็กซ์ มั่งว้าาาาา

=================================


และ(2)12909430#21


=================================
 อืม...ขออนุยาด ยื้ม คำพูด คห.14 มาแพล่ม

เพื่อ ปลอบใจ อิพวกไฮโซไฮซ้อ

ที่อยู่ใน แวดวง สังคมแสร้งจริต หน่อยนะจ๊ะ
หลักธรรม คำสอน ของพระพุทธเจ้า ก็ยังคงเดิม
พระ ก็ยัง เป็น พระ
คนห่มผ้าเหลือง ก็ยังเป็นคนห่มผ้าเหลือง

แล ลิง ห่มผ้าเหลือง ก็ยังคง เป็น ลิงห่มผ้าเหลือง เช่นกัล คร้าา

================================
 



ของหล่อนนั้นออกไปจากระบบ
เนื่องจากหล่อนแสดงความคิดเห็นโดยใช้คำหยาบคายก้าวร้าว
การลบความคิดเห็นออกไปนั้นเพื่อรักษาบรรยากาศ
การแลกเปลี่ยนความเห็นในเว็บบอร์ดให้กับเพื่อนสมาชิกอื่น
ซึ่งทำให้บรรยากาศพูดคุยเสียไป
ถือเป็นการรบกวนการใช้งานของเพื่อนสมาชิก
ตามที่ได้ประกาศไว้ในไกด์ไลน์


คุณหญิงแม่ จึงทำการลบกระทู้ดังกล่าวออกไปนะคะ
และเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการที่หล่อนจะถูกระงับการใช้งาน
คุณหญิงแม่ จึงขอความร่วมมือจาก หล่อน โปรดงดโพสต์กระทู้ที่มีเนื้อหาคำหยาบคายก้าวร้าวค่ะ





อ้างถึง

From : คุณหญิงแม่  [20 พฤศจิกายน 2555 14:19]

สวัสดีจ้ะ แม่พจมาน

ตามที่คุณหญิงแม่ ได้เคยเรียนแจ้งถึง กฏ กติกา มารยาท
เกี่ยวกับการโพสต์กระทู้ หยาบคายก้าวร้าว แก่หล่อนไปแล้ว
คุณหญิงแม่ ยังพบว่าการโพสต์ความเห็นของหล่อนในกระทู้ 12954538#2

http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/11/Y12954538/Y12954538.html (http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/11/Y12954538/Y12954538.html)

 
=============================

อิฉันเก๊าะเรย ต้อง สนองพระเดชพระคุณ เสียหน่อย
ด้วยการหลีกลี้หนีหน้า มา ตั้งกาทู้ใหม่ ในนี้แทนเจ้าค่ะ
อ้อ ส่วน ข้างล่างเนี๊ยะ เป็นความเห็นของ หมาหัวเน่า
ที่ บ่ ช่าย ชาวพุทธ แต่เสนอหน้า และ ซ่งติง
ไปแกว่งปากหาเท้า ใน กาทู้นู้น อ่ะ อิอิ
================================



เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยใช้คำหยาบคายก้าวร้าว
ซึ่งถือเป็นการผิดกฏ กติกา มารยาท
ตามที่หล่อนเคยยืนยันรับทราบกับทางทีมงานไว้แล้ว
จึงมีความจำเป็นต้องระงับการใช้งานของหล่อนชั่วคราว
เพื่อทำการแจ้งให้หล่อนรับทราบเงื่อนไขในการใช้งานของเว็บพันทิปอีกครั้ง

ทั้งนี้หากหล่อนทราบอย่างชัดเจนแล้ว
ว่าการแสดงความคิดเห็นโดยใช้คำหยาบคายก้าวร้าว
เป็นการกระทำที่ผิดกฏ กติกา มารยาท
และรบกวนการใช้งานโดยปกติของเพื่อนสมาชิกอื่นๆ
คุณหญิงแม่ขอความกรุณาให้หล่อนยืนยันรับทราบ
เพื่อจะได้ดำเนินการเปิดให้หล่อนใช้งานได้ตามปกติต่อไปค่ะ


ทั้งนี้หากทีมงานพบว่าท่านยังทำผิดกติกา หยาบคายก้าวร้าว อีกครั้ง
คุณหญิงแม่ มีความจำเป็นต้องงดให้บริการกับท่านอย่างถาวรค่ะ



อ้างถึง
To : คุณหญิงแม่ [20 พฤศจิกายน 2555 19:53]


เรียน คุณหญิงแม่ที่เคารพ

พจฯ ต้องขออภัยเป้นอย่างยิ่ง สำหรับทุกๆ สิ่งที่ได้กระทำลงไป
แล้วก่อให้เกิดผลกะทบต่อบรรยากาศในการสนทนาในเวบบอร์ด
อันเป็นเหตุให้ ท่านผู้ดูแลฯ ต้องมารู้สึกลำบากใจ

ขอขอบคุณสำหรับคำชี้แนะ และ ขอน้อมรับคำตักเตือน ต่างๆ เอาไว้
เพื่อเอาไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขตัวเอง
และหาก ต่อไปยังทำอะไรให้ท่านลำบากใจ อีก
ก็ขอให้ท่าน โปรดพิจารณาลงโทษล็อกอินหม่ามี๊แก้ว
ตามแต่จะเห็นสมควรเจ้าค่ะ

ด้วยจิตคาราวะ




อ้างถึง

From : อิอ่อน ( สอนอาเหล่าม่า แอนด์ น้องนู๋พจมาน )
วันที่: 22 พฤศจิกายน 2555 เวลา:11:14:27 น.

ขอมาแพล่มฟามในใจต่ออาเหล่าม่านิสนุง
ความเห็นเรื่องอาเหล่าม่าโดนตามล้างตามเช็ดนั้น
เป็นเพราะอาเหล่าม่าขาดออร่าที่สว่างไสว
ไม่สามารถทำให้เหล่ามาเฟียขาใหญ่ที่เฝ้าคอกนั้น(ญิ๋งเล็ก)
และญิ่งแม่ผู้คุมกฏ มาหลงไหลในหน้าตาและน้ำคำ
จะว่าไปก็เหมือนคนขาดบารมีไง พวกจ้าวเค้าไม่ร๊ากกก 55
พวกจ้าวที่กุมอำนาจในคอกนั้น เขาไม่ให้ฟามสนใจ
ไม่เห็นหัว แถมยังจ้องจะกีดกันไม่ให้เข้าไปในคอกของเขา


อีกด้วย คงเกรงว่าอาเล่าม่าจะไปปั่นจิ้งหรีดในคอกเขาทำให้
แกะน้อยหัวอ่อนมาเห็นดีเห็นงามกับอาเหล่ามาแล้วเขา
จะเสียแกะเอาได้ อาเหล่าม่าเข้าใจฟามชอบและไม่ชอบไหม
ถ้าจ้าวคอกเขาชอบ ต่อให้เลวเขาก็ว่าดี ถ้าจ้าวคอกเขาชัง
ต่อให้ดียังไงก็เป็นเลวในใจเขา ดังนั้นถ้าอาเหล่าม่าทำให้
ญิ๋งเล็กและญิ๋งแม่รักชอบไม่ได้ ก็จะโดน 2 มาตรฐานแบบนี้
ไปตลอด อะ ฟามยุติธรรมไม่มีในโลกเบี้ยวนะฮ้า มีแต่
กฏแห่งกรรม อาเหล่าม่าไปสร้างกรรมทำให้ญิ๋งเล็กและ
ญิ๋งแม่เกลียดขี้หน้าและน้ำคำเสียแล้ว ก็โดนกาหัวเลือก
ปฏิบัติไปตามแต่ใจของจ้าวของคอกแหละฮะ

การที่คนอื่นเขาไม่โดนบี้แบบอาเหล่าม่าจากคำพูดที่โพสท์เหมือนๆกัน
ก็โดนเหตุผลประมาณนี้แหละ อยู่ที่ฟามชอบและชังของเขา
ถ้าชอบๆกันอยู่เขาก็ปล่อยผ่าน ถ้าชังๆกันอยู่ก็จะโดนแจ้ง
สอยหมด ญิ๋งแม่(มอดเว็บใช่ปะ)เขาไม่มาสอดส่องทุกเม็ด
หรอกมั้ง แต่ถ้ามีคนแจ้งเขาก็สอยออกไป ถ้าไม่มีคนแจ้งเขาก็ปล่อยๆไว้บ้าง


ถ้าอาเหล่าม่ารักจะเล่นนอกกรอบ ทำตัว
คาบลูกคาบดอก ก็ต้องสร้างบารมีไว้คุ้มตัวนิสนุง
หรือสร้างเสน่ห์มัดใจญิ๋งแม่ให้ได้ ญิ๋งแม่จะได้ไม่หูเบาเชื่อ
แต่น้ำคำญิ๋งเล็กไง แต่เรื่องแบบนี้ อาเหล่าม่าก็รู้ๆอยู่แล้วนิ แต่ไม่ทำเอง เพราะอยากโดนแบนชิมิ หุหุ
อีกอย่าง อาเหล่าม่าไม่ได้ทำตัวเป็นแม่เหล็กดูดแกะเข้าคอก
ให้เขาไง จ้าวของคอกก็เลยไม่ใส่ใจจะเลี้ยงดูอุ้มชูให้เป็น
เกลียดประวัติแก่คอกของเขา 555 พอมีคนมาบอกให้ไล่
ออกจากคอกจ้าวเขาก็จัดเต็มให้ตามคำขอทันทีเป็นเรื่องปกติของโลกเบี้ยวๆ
และอาจสมใจตะละแม่คิตตี้ด้วยม้างงงง
ที่อาเหล่าม่าจะได้ไม่มีที่วิ่งเปี้ยวโชว์จ้ำบ๊ะ 555


ต้ากงเริ่น กล่าวกับขงจื๊อว่า
“ที่แล้วมาข้าพเจ้าเคยบอกเหตุผล
ของการหลีกเลี่ยงการถูกประทุษร้ายแก่ท่านแล้วมิใช่หรือ?
ทางทะเลตะวันออกมีนกอยู่ตัวหนึ่งเรียกว่าอี้ไต้
นกตัวนี้ดู ๆ ไปคล้ายกับไม่มีความสามารถอะไร
ในขณะที่บินมันต้องให้ตัวอื่นนำทางให้
ในขณะที่หยุดพักมันก็ปะปนอยู่ในฝูงนก
ในขณะที่กินอาหารมันก็ไม่กล้าแย่งกินก่อน
เพราะฉะนั้นคนภายนอกจึงไม่อาจจะทำร้ายมันได้

ต้นไม้ที่มีลำต้นตรงจะต้องถูกโค่นก่อน
บ่อน้ำที่มีน้ำใสสะอาดจะต้องถูกขอดจนแห้งก่อน
นี่เป็นเหตุผลที่แจ่มชัดมากเหลือเกิน
บัดนี้พฤติการณ์ของท่าน ก็เหมือนหนึ่งถือแสงสว่างแห่งปัญญา
ไปส่องความโสมมอื่น ๆ เพื่อแสดงให้เห็นความบริสุทธิ์ผุดผ่องของท่าน
การทำเช่นนี้ก็ย่อมจะไม่มีใครยอมอดกลั้นให้แก่ท่าน”

ขงจื๊อได้ฟังดังนั้น ก็เกิดความสำนึกในทันที
จึงล่ำลามิตรสหาย แยกตัวออกจากลูกศิษย์
ไปบำเพ็ญพรตในป่าเขาตามลำพัง

สติปัญญามิพึงเผยให้ปรากฏยังภายนอก
มิฉะนั้นแล้ว หากผู้อื่นมิได้กลัวท่าน
ก็จะต้องริษยาท่านเป็นแน่

- -"

หรืออย่างเรื่อง 3 ก๊ก ที่กุยแก เป็นบัณฑิตมากปัญญา
คิดไปทำงานให้อ้วนเสี้ยว แต่เพราะอ้วนเสี้ยวไม่เห็นค่า
ไม่ให้โอกาสแสดงฝีมือ กุยแกก็ละทิ้งอ้วนเสี้ยว ไปอยู่กับ
โจโฉ ที่มองเห็นออร่าเอ๊ยคุณค่าของกุยแก ไง ก็เลยให้
โอกาสกุยแกได้แสดงปัญญาและฟามสามารถจนเป็นที่
ประจักษ์ใจ กลายเป็นตัวละครที่มีคนพูดถึงและเป็นที่
ประทับใจกับใครหลายๆคน

แต่อย่างไร ก็ตาม ทุกคนมีเป้าหมายอยู่แล้ว
อาเหล่าม่าก็เหมือนกัน ถ้าบรรลุเป้าหมายไม่ได้มันก็ไม่สงบ
เป้าหมายของอาเหล่าม่าที่มีต่อคอกศาสดาของจ้าวพันดิ๊พ
เป็นไง ก็ตามนั้น บรรลุเป้าหมายได้ก็ดี บรรลุเป้าหมาย
ไม่ได้ก็เฟลล์ไป ไม่มีใครเขารู้เป้าหมายของอาเหล่าม่านิ
ญิ๋งเล็กเขาก็มีเป้าหมายเหมือนมั้ง คือ เฉดหัวอาเหล่าม่า
ออกจากคอกศาสดาพันดิ๊บให้ได้ แถมเพียรเป็นเลิศแบบ
ไม่รู้จบซะด้วย 555 ส่วนญิ๋งแม่ เป้าหมายเขาก็ทำตามหน้าที่
รักษาฟามสงบให้ญิ๋งเล็กได้ฉะบายใจกะการเป็นขาใหญ่
ของคอกฯ หุหุ

สรุป อาเหล่าม่าบรรลุเป้าหมายยังอ่า อาทิเช่น ...
ได้สร้างแบรนด์ ทุกล๊อกอิน ได้เป็นตำนานเรื่องเล่า หุหุ
นานๆโผล่หัวไปที่คอกที ก็มีญิ๋งเล็ก ขาใหญ่คอยบริการ
เอากระทู้ที่ติดป้ายเป็นเกลียดอมตะ มาโชว์ให้เหล่าแกะ
รุ่นเก่าและใหม่ได้รับแซ่บฟามเป็นมา โดยละเอียด เหมือน
ประกาศกิตติคุณ โดยไม่ได้จัดตั้ง มีน้ำใจจัดเต็มให้ทุกเวลา
ญิ๋งเล็กเขาตั้งใจทำทานกะอาเหล่าม่าไง ที่คอยเชิดชู
วีระเวรอมตะนิรันดร์กาลเป็นที่ประทับใจทุกคน 555
ถึงแม้จะมีลูกแกะนอกคอกบางตัวมาชื่นชมวิถีของอาเหล่าม่า
ตามไปกรีดเลือดสาบานกันหลังไมค์ตกลงปลงใจเป็นแควน
ขับเคลื่อนที่แบบกองโจร เห็นฟามงามของน้ำคำอาเหล่าม่า
และฟามแปลกฟามแซ่บที่หากินได้ยาก เป็นอาหารจาน
แปลกไว้กินเป็นอาหารว่าง

ปล. ที่แพล่มๆนี่ก็มั่วๆเอานะอาเหล่าม่า หุหุ
ไม่รู้จะโดนอาเหล่าซักอดอกสองดอกส์ไหม
หรือว่าฟาวล์ทุกดอกส์ ก็มะรู้ 555

1795
   
        

โดย: อิอ่อน IP: 124.122.171.42 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2555 เวลา:11:14:27 น.





อ้างถึง

From : น้องนู๋พจมาน ถึง อิอ่อน
แท้งกิ๋วคร้าาาาา
สำหรับคำแนะนำ เรื่อง ยัยหญิงเล็ก ก๊ะ คุณหญิงแม่
อะโหยยยยยยย โดนใจมากมายเยยยยย
โดยเฉพาะ ที่บอกว่า

----------------------------------------
ถ้าอาเหล่าม่ารักจะเล่นนอกกรอบ ทำตัว
คาบลูกคาบดอก ก็ต้องสร้างบารมีไว้คุ้มตัวนิสนุง
หรือสร้างเสน่ห์มัดใจญิ๋งแม่ให้ได้ ญิ๋งแม่จะได้ไม่หูเบาเชื่อ
แต่น้ำคำญิ๋งเล็กไง แต่เรื่องแบบนี้ อาเหล่าม่าก็รู้ๆอยู่แล้วนิ
แต่ไม่ทำเอง เพราะอยากโดนแบนชิมิ หุหุ

เป็นเรื่องปกติของโลกเบี้ยวๆ
และอาจสมใจตะละแม่คิตตี้ด้วยม้างงงง
ที่อาเหล่าม่าจะได้ไม่มีที่วิ่งเปี้ยวโชว์จ้ำบ๊ะ 555
-------------------------------------------------


อ่ะนะ หูยยยย โดนใจไปหลายดอกส์

เอ้า เอา เดอะลิง มาฝากอีกแระ อิอิ

"http://th.uncyclopedia.info/wiki/2011_ล้างพันธุ์อมยิ้ม" (http://th.uncyclopedia.info/wiki/2011_ล้างพันธุ์อมยิ้ม)



ที่มา

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=bsonjb&group=1&month=21-11-2012&gblog=16 (http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=bsonjb&group=1&month=21-11-2012&gblog=16)


(http://picpost.postjung.com/data/156/156473-5-5419.jpg)
หัวข้อ: หลังไมค์ เดอะ ท็อปซีเคร็ต ! # เทียวเสี้ยม & ขงเบ้ง #
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ ธันวาคม 24, 2012, 11:13:23 pm
หลังไมค์ เดอะ ท็อปซีเคร็ต !

# เทียวเสี้ยม & ขงเบ้ง #

อ้างถึง

From : ขงเบ้ง [12 ธันวาคม 2555 20:05] 

นู๋ บี คนจ๋วย ขงเบ้งฝากข้อความ ไปบอกพ่อลิโป้ หน่อยนาจร้า
ว่าขงเบ้งขอโทษ แล้ว 2 ครั้ง ทั้งๆที่กาพ้มไม่ได้ทำผิด
ไม่มีครั้งที่ 3 นาก้าบถ้าอยากมีปังหากะเฮียขงเบ้งได้เลยนาก้าบ
เฮียขงเบ้ง ปากส้วมไม่ใช้ ตั๋งโต๊ะ นาก้าบที่มีบ่งกรรม ชื่อเสียง
เฮียขงเบ้ง มะแคร์สื่อนาก้าบ





อ้างถึง

To : ขงเบ้ง [12 ธันวาคม 2555 22:28] 


แหะ ๆ อย่าดีกว่า อ่ะ ทั่นขงเบ้ง
ถึงอิฉันจะ ชอบ เล่นบท เทียวเสี้ยม มาแว้งกัด ก๊ะชาวบ้าน
แต่ อิฉัน ก็ ไม่ต้องการจะ เล่นบทนี้
ไปปั่นจิ้งหรีด เสี้ยม ให้ผู้ที่ อิฉัน เห็นว่า
เป็น กัลยา ณ มิตร ก๊ะ อิฉัน
อย่าง ทั่นขงเบ้ง และ ทั่นลิโป้
มากัดกันเอง ให้ชาวบ้านดูว่ะ

มีไร ไป จับเข่าเคลียร์กันเอง ที่หลังไมค์ดีกว่า น้าาาาา - -"
( อยากถูกเอาไปพาดหัวข่าว ในเวบดราม่า หรือไงกันเนี่ย เฮ้ออ )

ปอลิง

อืม...บางที นี่ อาจจะเป็น
อีกหนึ่งบททดสอบ ของ อัลลอฮฺ ก็ได้น้าาา
ทำใจให้ร่ม ๆ ดีกว่า น่าทั่นขงเบ้ง แหะๆ






อ้างถึง

From : ขงเบ้ง [12 ธันวาคม 2555 22:40]  เ
   
ขอบคุณก้าบ ผมให้ ตา....ช่วยเคลียร์ จนเค้าส่ายหน้า
ผมนะไม่อยากเป้นสงครามศาสนา
แต่ทำไมผมไม่เข้าใจนะว่า
ทำตัว พุทธจ๋า บาลีแม่น
แต่ศาสนาไม่ได้ซึมใส่กบาลเลย





อ้างถึง

To : ขงเบ้ง [12 ธันวาคม 2555 23:05]

อืม...ไอ้แง่บ หลานชายนอกไส้
มันเคยเสี้ยมสอนอิฉัน ไว้ว่า

"ใจคับแคบดั่งถ้วยชา
ใส่เกลือเม็ดเดียวก็เค็มได้

ใจกว้างดั่งนที เทเกลือทั้งนา
น้ำนั้นก็ไม่กระผีกรสเค็ม"


ส่วน ป๊ะป๋าหมาน พ่ออิฉัน ก็ สอนเอาไว้ ว่า

"ทะเลาะก๊ะ บัณฑิต
ดีกว่าเป็น มิตร ก๊ะ อันธพาล "

อ่ะนะ

ฉะนั้น ทั่นขงเบ้ง ก็จง ภูมิใจเหอะ น่า
ที่ได้ ทะเลาะ ก๊ะ บัณฑิต ผู้เป็นดั่ง มหานที อิอิ

ปอลิง
อืม..ตกลงนี่ อิฉัน ชม หรือ ด่า ทั่นลิโป้ มันวะเนี่ย
ชักเสียวจะโดนมันเตะไส้แตก อีกแระ แหะ ๆ




อ้างถึง

From : ขงเบ้ง [12 ธันวาคม 2555 23:52] 

กร้ากกก กลัวว่าจะทะเลาะกะ อันธพาล ปากซอย ห้องศาสนามะว่า





อ้างถึง

To :ขงเบ้ง [13 ธันวาคม 2555 22:01]
   1

อืม...ไอ้โซ๊ยตี๋ก้วยยี้ มันเคยเลคเชอร์
เสี้ยมสอน อิตั้วเจ้นู๋บีของมัน เอาไว้อ่ะ ไอ้ตี๋มันบอกว่า....

++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปรัชญาของตรูผู้ได้ฉายาว่า มหาแหวนทองเหลืองมีว่า
"ตรูเป็นมิตรกับอันธพาล ดีกว่าทะเลาะกับบัณฑิต"
++++++++++++++++++++++++++++++++++

ฉะนั้น ถ้า ทั่นขงเบ้ง วิตกจริต
กลัวว่า อาจจะเผลอตัว(และหัวใจ)
พลั้งปากไป ทะเลาะ ก๊ะ อันธพาล ปากซอยห้องศาสดา
ทั่นขงเบ้ง เก๊าะต้องตั้งสติให้ดี ๆแล้วหมั่นท่องจำ ปรัชญา อันนี้
ของไอ้โซ๊ยตี๋ เอาไว้ วันละ 5 เวลาหลังละหมาด น้าาาาาาาาาา

และ ถ้าจะให้ เวิร์คมากขึ้น อ่ะนะ
ต้องหัด ยิ้มหวาน ๆให้คู่กรณี
แล้ว ตั้งกาทู้ ส่งเทียบเชิญ พ่อเจ้าประคุณ
ไป รับประทาน ไอติมบ้านหม้อ เพื่อ ขอผูกมิตร ด้วยอ่ะ
แค่นี้ ก็ม่ะต้องกัวว่า จะ ทะเลาะก๊ะ อันธพาล แระอ่า
เนี่ย นู๋บีขอท้า 10 เอา 1 ไอติมลุงบ้านหม้อ
หรือ ทั่นขงเบ้ง จะรอง ? อิอิ (http://www.pantip.com/cafe/toy/image/wink.gif)





อ้างถึง

From : ขงเบ้ง [13 ธันวาคม 2555 22:16]

ขอบคุณนู๋ บีคนจ๋วนมากๆๆนาก้าบ
ผมไม่เสียตังค์เลี้ยงข้าวพวกเนี่ยหรอกเปลืองข้าวสุก
สู้ ชวนนู๋บีไปเที่ยว Yes indes ดี กว่า

ส่วนการต่อกรกะนพวกนี้ มะต้องห่วงนาจร้า เพราะขงเบ้งโรคจิต
คือเห็นการต่อกร เหมือนเล่นมเกมส์ตู้ ถ้ากวนตีนมา ถึงเตะคืนไม่กวนใครก่อน
มันเปงความสุขเล็กของผม ที่ได้ด่าคนด้วยความชอบธรรม
เพราะมันสะแหลนหน้ามาใก้ด่าเองช่วยมะได้ ว่างมะใดบอกได้เลนะก้าบ
มีอีกร้านนึงน่าสนใจ เลอปลาแดก หินส้มตำ กะขนมปังกระเทียมหน้าหอ ลาย อร่อย เหาะเลยละ

ก่อนผูกมิตรกะอันธพาล ต้องขอ เตะอันธพาลสักป้าบสองป้าบก่อน
แก้คัน ซ้งตีน แล้ว ค่อย เชิญมันไปกิน ส้มตำถ่างขา หน้า รพ รามา นะ นู๋บี



อ้างถึง

To : ขงเบ้ง [13 ธันวาคม 2555 23:24] 

อิอิ แท้งกิ๋วเจ้าค่ะ ทั่นขงเบ้ง เจ้าขราาาา
ตะละแม่เทียวเสี้ยมคนนี้ รู้สึกเป็นเกียตริ ยิ่งนัก
ที่ทั่น อยากไปจกข้าเหนียว ส้มตำ กับ ข้า ฯ
มากกว่า จะไป รับประทาน ไอติม ก๊ะ ทั่นลิโป้

ว้าาา น่าเสียดายจังอ่ะ ที่ม่ะได้อยู่ กรุงเทพ น่ะเจ้าค่ะ
ม่ะงั้นอาจโชคดี มี ลาบ ลอย ( พร้อม ด้วย ส้มตำแซ่บ ๆ )
ให้ชิมไป บ่นไป และ นั่งเม้าส์มอยกันไป จนอร่อยปากไปแระ อิอิ

ปอลิง

แล้วจะคอยเสพย์ ภาพ..... นะคร้าาาาาาาาา
แหม๊ ดราม่า เอ๊ย..งานศิลป์ขั้นเทพ เยี่ยงนี้
ข้าน้อย จะพลาดได้ไงล่ะค๊ะ แบ่บว่า มาม่า อาหย่อยยย 55555





อ้างถึง

From : ขงเบ้ง [14 ธันวาคม 2555 05:28] 

มา กทม มะใด อย่าลืม กริ้งๆๆๆๆๆ มาหานาจร้า
รับรองว่ามะมีคิดามกจกเปรต แบบ อีตาสุมาอี้ นาจร้า
แต่เพราะตามผลงาน เจี้ยกคร้อกๆๆ มาตั้งนานแล้วจร้า
081XXXXXXX





อ้างถึง

To : ขงเบ้ง [14 ธันวาคม 2555 16:23] 

แท้งกิ๋วคร้าาาา (http://www.pantip.com/cafe/toy/image/wink.gif)




(http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/10/Y12762691/Y12762691-16.jpg)

หัวข้อ: หลังไมค์ เดอะ ท็อปซีเคร็ต ! # เทียวเสี้ยม & ตั๋งโต๊ะ #1
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ ธันวาคม 24, 2012, 11:22:22 pm
หลังไมค์ เดอะ ท็อปซีเคร็ต !

# เทียวเสี้ยม & ตั๋งโต๊ะ #

อ้างถึง

From : ตั๋งโต๊ะ [22 พฤศจิกายน 2555 22:52]
   
ก็สนใจอ่าน สนใจติดตามเหมือนกันครับ
แต่บางช่วงก็อ่านไป งง ไป เหมือนกันครับ.
เพราะว่าไม่ค่อยรู้ว่าใครเป็นใคร
ในกรณีที่เทียบกับตัวละคร ในหนังกำลังภายใน.
เอาไว้คุณว่างๆ ก็ช่วยมาอธิบายด้วยแล้วกันครับ




อ้างถึง

To : ตั๋งโต๊ะ [9 ธันวาคม 2555 23:22] 

1
อะโหลลลลลล ทั่นตั๋งโต๊ะเจ้าขราาาาาาาา
อินังเฒ่าเทียวเสี้ยม มันว่าง ๆ บ่ ได้ขึ้นเวรบ่าย
เก๊าะเรยแวะมา สาธยาย เอ๊ย อธิบาย
ตามที่สัญญาไว้แระน้าาาา จาได้ม่ะผิดศีล อิอิ


เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เสียเวลาอันเป็นเงินเป็นทอง
ของนักธุรกิจหญ่ายอย่างคุณป๋า
อิฉันขออนุยาด ปีนหน้าต่าง แอบลัดคิว
มาเข้าพบ ทั่นตั๋งโต๊ะ และ จะขอ สรุปให้ฟัง
ว่า ไผ เป็น ไผ ในมหากาพย์หนังกำลังภายใน
ที่มันเคยโม้ ไว้ ดังนี้ อ่ะคร้าาาาาาาาาาาาาาาาา
   
   
   2
อืม...ส่วนใหญ่ เวลา จะดึงชื่อ ตัวละครตัวไหน
มาตั้งเป็นฉายา ให้ใคร นี่ ก็จะหยิบเอา จุดเด่นของความสัมพันธ์
และ คาเรคเตอร์สำคัญ ของตัวละครในเรื่องนั้น ๆ มาใช้สอยอ่ะ
แต่ บางที ก็เปลี่ยนชื่อ ไปเรื่อย ๆ ตาม ฟิลลิ่ง ในช่วงนั้นอ่ะ
ขึ้นอยู่ก๊ะว่า ช่วงนั้น จะพูดเรื่องอะไร ก๊ะ ใคร อิอิ


โอทึ้งใน บล็อกสุมหัวนินทาชาวบ้าน
= ล็อกอิน บุญพิชิต ที่เวบพลังจิต = ล็อกอิน โฮฮับ ที่เวบลานธรรมจักร
= ไอ้โซ๊ยตี๋ = ก้วยยี้ = งักปุ๊กคุ้ง

อิตั้วเจ้นู๋บี ใน บล็อกสุมหัวนินทาชาวบ้าน
= บูรพาไม่แพ้ ตงฟางปุ๊ป้าย
= อิเจ้เทพธิดาไหมแดง (ลี้มกโชว)
= ลิ้มเซียนยี้ = ตะละแม่เทียวเสี้ยม
= อาเหล่าม่า = ทั่นด็อกฯ = เจ้าเงาะ
   
   
   3
อิเจ้รองสันขวาน=อิหม่ามี๊ =อิอ่อน = อิเพิ้ง
= อิรจนา ใน บล็อกสุมหัวนินทาชาวบ้าน = หุหุ
= อึ้งย้ง = แม่นางเซียนซือเซวียน
= ล็อกอิน K.Kwan ที่เวบพลังจิต ( ช่วงที่โพสก่อนจะเซ้งล็อกอิน ให้อิฉัน อ่ะ)

เอาล่ะ อ่านแร้ว หวังว่า คุณป๋าน่าจะ เก็ทสะเทือน
และ อ่านตัวหนั่งสือ ที่อิฉัน พ่นน้ำลายไว้ ได้อย่างชิล ๆ
โดย ไม่งง เป็น ไก่ตาแตก แล้วนะเจ้าคะ
บ๊ายบายคร้าาา เด๋วจาไป โพสทิ้งทวน
ที่ บล็อกสุมหัวนินทาชาวบ้าน
ก่อน จะ หุบเข้ากะลา แระคร้าาาา อิอิ (http://www.pantip.com/cafe/toy/image/wink.gif)


อ้างถึง

From : ตั๋งโต๊ะ [10 ธันวาคม 2555 10:06]

   เห็นบอกว่า ขึ้นเวรบ่าย...
คุณทำอะไรหรือครับ เป็นหมอ เป็นพยาบาล หรือเป็นอะไรที่ต้องมีเวร?

ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องหนังจีนมากนัก ก็ยัง งง งง อยู่เหมือนเดิมครับ.
แต่ตัวละครหลักๆ ในสามก๊ก. ก็รู้อยู่ครับ เช่นสุมาอี้. ตั๋งโต๊ะ. ลิโป้ ฯลฯ




อ้างถึง
To : ตั๋งโต๊ะ [10 ธันวาคม 2555 23:59] 
   1
อะโหยยยย คุณป๋าล่ะก้อ
คราวหน้าคราวหลัง อย่าเผลอไปหลุดปาก
บอกครายเชียวน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา
ว่า ไม่ค่อยจะรู้เรื่องหนังกำลังภายใน

แหม ? ที่ผ่าน ๆ มา
อ่านตัวหนังสือของ คุณป๋าในกาทู้
อิฉันรึอุส่า แอบปลื้ม คิดว่า
คุณป๋า เป็น แก้วรอบโลก
รู้ไปโม๊ดดด แม้กระทั่ง มดไม่ฉะบาย 5555
   

นี่ ๆ วันหลังเอาอย่าง อิฉันดิ
ประมาณว่า ไม่รู้เราก็ต้องเหยียบไว้คร้าาาา
แอ๊บเนียน ยิ่มกรุ่มกริ่ม ทำเป็นว่า กรูรู้แระ ไว้ก่อน
หลังจากนั้น สงสัยอะรัย
ค่อยแอบไปใช้บริการ อากู๋ กูเกิ้ล เอาจิค๊ะ
จะได้ไม่เสียฟอร์ม ทั่นเจ้าคุณตั๋งโต๊ะ ผู้ทรงภูมิ ของอินู๋ยิ้ม อิอิ


แหม ? นี่ถ้าคุณป๋า ไปอ่านเรื่อง แรงเงา เวอร์ชั่น ห้องศาสดา
ที่ อิฉัน รจนา เอาไว้ ใน บล็อกสุมหัวนินทาชาวบ้าน ฯ
สงสัย คงจะงง เป็นไก่ตาแตก แหง๋ ๆ เรย
ว่า ทำไม ต้อง มุตตา ก๊ะ มุนินทร์ แล้ว นพนภา นั้น มันคือใคร
นี่แหล่ะน้าาาา ผลของการไม่ยอมดูละครไทยหลังข่าว 555


อืม...ขออนุยาด สอนหนังสือ สังฆราช หน่อยก็แระกันเน๊าะ
ก้วยยี้ นี่เป็น ตัวละคร ใน เรื่อง มังกรหยก วีรบุรุษจ้าวอินทรีย์อ่ะ

คือ ไอ้ตี๋โอทึ้ง มันชอบ จินตนาการบรรเจิด
ชอบคิดว่า บล็อกสุมหัวนินทาชาวบ้าน คือ สุสานโบราณ
ส่วน มันเป็น ไอ้เอี้ยก้วย(ก้วยยี้ ) จอมยุทธจ้าวอินทรีอ่ะ
จากนั้นก็ มาอุปโลก ยัดเยียดให้ อิฉัน เป็น เซียวเหล่งนึ้ง
นางเอกในเรื่อง อีกแหน่ะ เอิ๊ก ๆ


ฟังแร้วก็ครึ้ม ดีนะ แต่เพื่อ ม่ะให้มัน ปรุงแต่งจิตสังขารจนฟุ้งซ่าน
ฉันก็เรย ต้อง เบรค ๆ มันไว้ ด้วยการเตือนกลับไป
โดย บอกว่า อิฉัน บ่ ใช่ เซียวเหล่งนึ้ง นะว้อย
แต่เป็น นางมารลี้มกโชว ตะหาก
อ่ะ เผื่อ สนใจ ลองไปหาดูเนื้อเรื่องใน ลิงค์เนี๊ยะ

http://www.yodyut.com/ (http://www.yodyut.com/)
   
   
   4
ส่วน งักปุ๊กคุ้ง นี่ ก็คือ วิญญูชนจอมปลอม
เป็นตัวโกงจากเรื่อง ยิ้มเย้ยยุทธจักร
( หรือ ภาพยนตร์จีน เรื่องเดชคัมภีร์เทวดา )อ่ะ
อันนี้ ก็เอามาหยิกแกมหยอก ไอ้ตี๋โอทึ้งมัน
โทษฐานที่ มันเจื๋อกลามปามเป็นขี้กลาก
ทำท่าจะเล่นหมาหยอกไก่ สไตล์ลูกศิษย์คิดล้างครู
หาเรื่องมาจู่จุ๊กกรู ก๊ะ อิฉัน อ่ะ 555



อ้ออ แล้วเรื่องนี้ มีตัวโกงอีกคน ชื่อ ตงฟางปุ๊ป้าย ( ตึงฮุงปุกป้าย)
ที่ยอมตอนตัวเอง จนกลายเป็น กระเทย เพื่อให้สำเร็จเคล็ดวิชา
ซึ่ง สมัย ที่ ฉีเคอะ จับ อิเจ้หลินชิงเสีย เล่นบทนี้ ในหนัง
ก็ ตีบทแตกกระจุย ตัวละครดูมีมิติ และ ฉลาดร้ายลึก มีเสน่ห์มากมาย
อิฉันก็เรย ประทับใจ ตัวละครตัวนี้ มั่ก ๆ อ่ะ
พอ ยกให้ ไอ้โอทึ้ง มันเป็น งักปุ๊กคุ้ง
อิฉันก็เรย สวมบท ตงฟางปุ๊ป้าย กระเทยแปลงเพศ เอิ๊ก ๆ

http://olarnn.multiply.com/journal/item/11/11 (http://olarnn.multiply.com/journal/item/11/11)
   
   
   5
ส่วนลิ้มเซียนยี้ นี่ก็ นางมารร้ายจอมสาไถย
ผู้มีมารยาหญิง หมื่นเล่มเกวียน จากเรื่อง ฤทธิมีดสั้น อ่ะ

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=79913 (http://www.oknation.net/blog/print.php?id=79913)


ชอบคาเรคเตอร์ของตัวละครตัวนี้มากมาย
ยิ่งได้ยิน คำพูดของนาง ที่บอกว่า

"สตรีพอจะไม่ถือคุณธรรมเลย
นี่คือสิทธิของสตรีที่มีมาแต่กำเนิด
ธรรมชาติของบุรุษเข้มแข็งกว่าสตรี
ดังนั้น สมควรอ่อนข้อให้สตรีสักหลายส่วน"

"...ข้าพเจ้าฆ่าคน มิเพียงไม่เห็นโลหิตเท่านั้น (หาก)แต่ยังไม่ต้องใช้มีด กระบี่อีกด้วย.."

แล้วยิ่งมาได้อ่าน เทคนิคการ อ่อยผู้ชายของลิ้มเซียนยี้

http://tungting.exteen.com/20050719/entry (http://tungting.exteen.com/20050719/entry)
   
   6
อะนะ หูยยยยย ยิ่งรู้สึกตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้ จนหัวปักหัวปำ
เพราะ อิเจ้เซียนยี้ มันทำให้ อิฉันเห็น สัจธรรม
ของ ความเป็น มาตุคาม ตัวแม่ ก็เรยเกิดอารมณ์ขันพิเรนทร์
สถาปนา ให้ตัวเองเป็น ตะละแม่ ลิ้มเซียนยี้ ซะเรย
เพราะ ไม่ชอบผู้หญิงแหย ๆ เอ๊ย ดี ๆ แบบ เซียวเหล่งนึ้ง 5555


ปอลิง
เออ เห็นคุณป๋า ถาม มาเรื่อง ขึ้นเวร
ก้เรยเอา หลังไมค์ เดอะ ท็อปซีเคร็ต มาฝากคร้าาาา

"http://board.palungjit.com/f181/โพสเรื่อยเปื่อย-เมื่อยก็พัก-^-0-^-322353-11.html#post7110129" (http://board.palungjit.com/f181/โพสเรื่อยเปื่อย-เมื่อยก็พัก-^-0-^-322353-11.html#post7110129)

เฮ้ออ ช่วงนี้ รู้สึกว่า มีคนสงสัยถามไถ่อิฉัน
ในเรื่องทำนองนี้ ซะหลายคนเรยวุ้ย
เอ ? สงสัยพวกมันท่าจะอยากศึกษา คัมภีร์เบญจพิษ
แทน คัมภีร์ เทวดา ซะละมั้ง อิ...อิ...


หัวข้อ: หลังไมค์ เดอะ ท็อปซีเคร็ต ! # เทียวเสี้ยม & ตั๋งโต๊ะ #2
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ ธันวาคม 24, 2012, 11:25:28 pm
อ้างถึง

From : ตั๋งโต๊ะ [11 ธันวาคม 2555 03:01]


   เออ...ตกลงคุณเป็นผู้หญิงจริง ๆ ใช่ไหมนี่?
แต่ช่างเถอะ ๆ ไม่สำคัญ เพราะผมไม่ได้เคยคิดจะหยอกไก่ หยอกเป็ด อะไรกับคุณหรอก...
ดังนั้น เรื่องเพศ ก็คงไม่ใช่ประเด็นแต่ก็ รู้สึกทึ่ง กับความเป็นผู้รอบรู้ของคุณนะ


รู้สึกว่ารู้รอบ รอบรู้ไปทุกเรื่องอายุเท่าไหร่นี่? (ชักหยาบคายแระ)
บอกได้ก็บอก บอกไม่ได้ ก็ควรบอก
อ่านไม่หวาดไม่ไหวจริง ๆ ไอ้ลิ้งค์ที่ส่งมา
แต่จะพยายามอ่านให้หมดนะ อ่านเพลินเลย

ปล. ในอดีต เราเคยสนทนา หรือเคยทะเลาะกันมามั่งไหมเนี่ย?
หากเคย ก็ขอยอมแพ้ย้อนหลังแล้วกัน....
ความรู้รอบตัวขนาดคุณนี่ ใครขืนดันทุรังลากยาว ก็คงเจ็บมิใช่น้อย




อ้างถึง

To :ตั๋งโต๊ะ [12 ธันวาคม 2555 00:34]
1
อ้าววววว เฮ้ยๆๆๆๆ ๆ ไง๋ยอมยกธงขาว
ยอมรับความพ่ายแพ้กันง่าย ๆ งี้ล่ะเจ้าคะ ทั่นตั๋งโต๊ะเจ้าขราาา

ไหนว่า...รถ...คันนี้ มีที่ช่างชั้นดี มีประกันชั้นหนึ่ง
มีโรงงานผลิตรถใหม่ จะให้แรงกว่าเดิม ให้เร็วกว่าเดิม ก็ย่อมได้ ไง
แต่ทำไม แค่เริ่ม... รันอิน...ไม่เท่าไร เหตุใดจึงถอดใจ ง่าย ๆ เช่นนี้หนอ
แหม๊ น้องนู๋บี มิใช่ ตอระนาด หรือว่า ตอแห่งวัฏฏะ ซะหน่อยนิ
อย่ากัวไปหน่อยเรยคร้าา


เอ...แต่พูดก็พูดเหอะนะ
คุณป๋าเป็นผู้ชายคนที่ 5 แล้วน้าาาา
ที่ พูดประมาณว่า แม่นางลิ้มเซียนยี้ เป็นคนน่ากลัว
คนแรกที่พูด นี่ อิอ้าดดดด อดีตสามีเก่าที่เคารพ
ไอ้เจ้าผัวบังเกิดเกล้าของอิฉันเองคร้าาามันบอกประมาณว่า
ถ้า ผู้หญิงบางคนน่าเกลียดน่ากัวเหมือน อินังงูเห่าสารพัดพิษ
แบ่บอิฉันนี่  มัน ยกนิ้วให้เป็น แม่งูจงอาง ว่ะ 555

2
อืม...ตอนแรกก็ไม่ชัวร์ อ่ะนะ
แต่พอเห็น บักเกิดฯ ก๊ะ บักสุมาอี้
มันทำท่า ขยาดหวาดกลัว จนตัวสั่น
แถม ยัง มี ทั่นตั๋งโต๊ะ มา การันตี
ด้วยการ ยกธงขาวยอมแพ้ งี้
ก็ร่ำ ๆ จะเชื่อ อิอ้าด มันซะแระ ดิ
ว่า ตัวเอง เป็น แม่งูจงอาง กลับชาติมาเกิด หุหุ 55555


นี่ ๆ คุณป๋าเจ้าขราาาาาาาาาาาาาาาาาา
แค่ อิฉัน เคี้ยวหมากฝรั่งหยับ ๆ
ยืนเท้าเอวอยู่โบก...รถ...อยู่ข้างทาง
แล้ว นึกครึ้มอกครึ้มใจ ถลกชายกระโปรง
ยื่นท่อนขาอวบ ๆ ไปขวางทาง...รถ... แค่เนี๊ยะ
ถึงกับ ต้องเหยียบเบรคจนตัวโก่ง แล้ว ดริฟรถ
เลี้ยวไปทางอื่น เรย เลยเชียวหรือ เจ้าค๊ะ คุณป๋า
ว้า นึกว่าจะ แก่ ใจดี สปอร์ต กทม. ซะอีก ไง๋ ป๊อดจังเรยอ่ะ (http://www.pantip.com/cafe/toy/image/wink.gif)

3
เอาล่ะ เพื่อความ สบายใจ ของคุณป๋า
อิฉัน ขอตอบว่า ในอดีต ( เฉพาะชาตินี้ )
เราไม่เคยสนทนา หรือเคยทะเลาะกัน เรยคร้าาาา
แต่ ชาติที่แล้ว นี่ไม่ชัวร์นะ รู้แต่ว่า...
การที่เราได้โคจรมาเสวนากัน ทางหลังไมค์ งี้
แสดงว่า ชาติใด ชาติหนึ่ง ใน 500 ชาติ ที่ผ่านมา
พวกเราคงเคยมีกรรม ต่อกัน ว่ะ


อืม...แต่ ถ้า รู้สึกว่า ถูกชะตา กันงี้
แสดงว่า กรรมที่เคยมี คงเป็นเรื่องที่ เกื้อกูลกัน มามั้ง
ดังนั้น อิฉันคงไม่เล่นบท เภสัชกรสาวโหด
แอบลอบวางยาเบื่อ แล้ว ถอดชิ้นส่วน รถ
ไปขายที่เขมร หรอกน่า ( ถ้าไม่พลั้งมือ อ่ะนะ เอิ๊ก ๆ )


อืม...ถ้าจำไม่ผิด อิฉัน รู้จัก ...รถ....คันนี้ครั้งแรก
จาก ลิงค์เนี๊ยะ มั้ง

"http://drama-addict.com/2012/02/18/อัตตาอัตต้า/" (http://drama-addict.com/2012/02/18/อัตตาอัตต้า/)

หูย ไม่อยากจะบอกเรย อ่านตัวหนังสือ ในนั้น
แล้วเห็น ...รถ... บางคัน
มันเร่งสปีดดับเครื่องชน ก๊ะ ตอ ระนาด
แล้ว ขำกลิ้งแทบตกเก้าอี้ เรยมั้ง อิอิ
ยังแอบคิดในใจเล๊ย ว่า แมร่ง ไอ้ 5 นี่ เป็นใครฟระ
ทำไมถึงได้ ช่างกล้าขนาดนี้ หนอ
ตอระนาดนั้นน่ะ ตัวพ่อ ในห้องศาสดา เชียวนะ
ที่สำคัญ มันยัง ยียวน กวนซ่งติง ชาวบ้าน ได้เด็ดสะระตี่ ดีจิง ๆ ว่ะ


แถม ยิ่งมาอ่านความเห็น ของ รถ คันนี้ ในห้อง ศาสดา อ่ะนะ
รู้สึก เหมือน เห็น ...โคลนนิ่ง...ของตัวเอง ในภาค ผู้ชาย อ่ะ
หูยยย เหมือนกันในระดับ ยีน ดีเอ็นเอ และ ขันธสันดาน เลยว่ะ
ถ้าจะเป็นรองกันอยู่บ้าง ก็คงจะมีอยู่เรื่องเดียว มั้ง คือ
รถคันนี้ มัน บ่ มีไก๊ ไร้ซึ่งมารยาหมืนเล่มเกวียนบรรทุกท้ายรถมาด้วยอ่ะ
เรย โดน ตอระนาด ล็อกสเปค แล้วเป็นฝ่าย วิ่งเข้าชน รถ ซะเอง อะคริ ๆ
   
   5
เนี่ย ดูอย่าง อิฉันดิ อุส่า เดินร้องไห้ขี้มูกโป่ง
แก้ผ้าวิ่งโทง ๆ แบบอิสมทรง เดินตรงดิ่ง เข้าชาร์จ ตอระนาด
ทั้งให้กิ๊บหน้าไมค์ ก็แร้ว  หลังไมค์ ไปแหย่ ก็แร้ว
ตอระนาด ก็ยัง เฉย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
ไม่ยอมใจอ่อน พลีกาย...เอ๊ย ไม่ยอมใจอ่อนเปลืองเนื้อเปลืองตัว
มา จรเข้ฟาดหาง กระโดด เตะ อิฉัน จนไส้แตก ซะทีเรยอ่ะ
แหม ?ลุ้นแทบแย่ นึกว่าจะต้องงัด มารยาญิ๋งหมืนเล่มเกวียน มาใช้ซะแระ อิอิ
เฮ้ออ ฉงฉัย มันจะกัวอิฉันเอาเหรียญบาทจะไปขูด ตอ มัน
แร้ว ตีเป็นเลขท้ายสามตัว เอาไปแทงหวย มั้ง 555


เออ ว่าแต่ ถ้า ใครที่โดนคุณป๋า ชื่นชม นี่
ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ที่จะถูกชาวบ้าน รุมยำ อ่ะนะ
แล้ว ถ้า อืฉัน โดน คุณ ป๋า มา รู้สึกทึ่ง อึ้ง เสียว จนระทึกระทวย งี้
อิฉัน ต้องเตรียมตัว ไปเจอชะตากรรมเฮงซรวย แบบไหน ดีล่ะหว่า เอิ๊ก ๆ
   
   
   6
เออ นี่ ๆ ถามจริง อ่านตัวหนังสือ อิฉัน แร้ว
คุณป๋าคิดว่า อิฉัน เป็น ผู้สาว หรือ ผู้บ่าว และ อายุเท่าไร ล่ะหว่า ?
เฮ้ออ อยากรู้มากมายเรยคร้าาาา เพราะ สงสัยมานานแระ
ว่า เวลาชาวบ้าน ชาวช่อง มันอ่านตัวหนังสือ อิฉัน เนี่ย
มันคิดว่า อิฉัน เป็นผู้หญิงหรือไม่ และ อายุเท่าไร ?
เพราะ เห็นหลาย ๆ คน แสดงความกังขา เกี่ยวกับเรื่อง หลายคนแระ
เฮ้ออ สำนวนอิฉันนี่ มันเหมือน กระเทย มากเรยหรือเจ้าคะ
ช่างน่าเศร้าใจ จิง ๆ เรย อะซิก ๆ


อิอิ แต่ก็นั่นแหล่ะนะ ขนาด บูเชคเทียน เอง
สมัย เมื่อยังเป็น เด็ก ก็ยังมี ซินแส เข้าใจผิด
มาทึกทัก หาว่าเป็น เด็กผู้ชาย เรยนิ
แถมยัง ทำนายว่า ต่อไปภายภาคหน้า
จะได้เป็น จักพรรดิ ผู้นั่งเหนือ บัลลังค์มังกร ด้วย
เอ ? ไม่แน่นา ถูกเข้าใจผิด คล้าย ๆ กันงี้
ต่อไป อิฉัน อาจจะได้ เป็นนางพญาหงส์เหนือ มังกร
แบบ บูเชคเทียนก็ได้นะนี่อิอิ
   
   
   7
อืม...ก็ดีเหมือนกัน นะ
เพราะ ถึงจะชอบ ผู้หญิงปัญญาดี อย่างไซซี
ที่ สามารถตบหัว ซุนวู กลางเวที ดีเบต ได้
และ ทึ่งกับ ความเสียสละ
ประหนึ่งดังแม่พระผู้อารี ของ หวังเจาจวิน
แต่ ยอดหญิงเพียงหนึ่งเดียว
ที่ อิฉัน อยาก วัดรอยตรีน เอ๊ย เจริญรอยตาม
เก๊าะ คือ แม่นาง บูเม่ยเนียง นี่แหล่ะ หุหุ


ว้า แพล่ม ไป โน่น เรยวุ้ย
เอาล่ะ ในเมื่อ ทั่นตั๋งโต๊ะ เสนอคำถาม
ที่ ไม่อาจปฏิเสธ ได้ อย่าง


"อายุเท่าไหร่นี่? (ชักหยาบคายแระ)
บอกได้ก็บอก บอกไม่ได้ ก็ควรบอก "


มาให้ทั้งที ตะละแม่เทียวเสี้ยม คนนี้ มีหรือ จะกล้าหุบปากเงียบ
ในเมื่อคุณป๋ากล้าถามอิฉัน ก็กล้าตอบเสมอแหล่ะ เหอ...เหอ....
   

   8
อืม....อิฉันขอ นั่งยัน ยืนยัน และ นอนยัน ว่า
อิฉัน เป็น ผู้หญิงทั้งแท่ง จิง ๆ คร้าาา
แล้ว โมเดส ก็ยังคงเป็น ปัจจัยที่ 5
ในการดำรงชีวิตของอิฉัน ในทุก ๆ รอบเดือน นะเจ้าคะ
ส่วนปีหน้า นี่ก็คงต้อง ทำใจต้องไปประเดิม ขึ้นขาหยั่ง
เพื่อ ตรวจแป๊บ สเมียร์ แระอ่า
อิอิ เชื่อป่ะ ? น่าเชื่อเหอะน่า
อิฉันถือศีล อยู่น้าาา โกหก ได้ที่ไหนกันล่ะ หุหุ


อ่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แถม เวลา ตกฟาก ให้ด้วยเรยดีป่ะ ?
เผื่อว่า คุณป๋า จะเอาไป ให้ หมอดูอีที จับยามสามตา
ว่า ฤกษ์เกิด ของ ตะละแม่เทียวเสี้ยมคนนี้
ที่จะทู้ซี้ รับไว้ เป็น ลูก สะใภ้ ไหวไหม อิอิ

นู๋บี เกิดตอน ตี 2.26 น.
วัน พฤหัส ที่ 12 ต.ค. 2521 ปีมะเมีย อ่ะ
เนี่ย ยังเคยมีคน เสนอตัวมาดูดวง ให้น้องนู๋บีด้วยน้าา 555

"http://board.palungjit.com/f181/นี่-ๆ-เหล่านักปฏิบัติ-จ๋าาา-ช่วยวิสัชนา-ตอบ-นู๋บี-ทีซิ-ว่า-ขรัวตาจะตีไหมค้าาาาาาาา-209696-24.html#post3134655" (http://board.palungjit.com/f181/นี่-ๆ-เหล่านักปฏิบัติ-จ๋าาา-ช่วยวิสัชนา-ตอบ-นู๋บี-ทีซิ-ว่า-ขรัวตาจะตีไหมค้าาาาาาาา-209696-24.html#post3134655)
   
   
ปอลิง
ว่า แต่ คุณป๋า ม่ะคิดจะ มาแจม
ตอบ คำถาม ในกาทู้ นี้ ให้อิฉัน จั๊กหน่อย หรือคร้าา

http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/10/Y12789559/Y12789559.html (http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/10/Y12789559/Y12789559.html)

อยากรู้อ่ะ ว่า ป๋าจะตอบ คำถามนี้ ไง ?

คราวก่อนนั้น เห็น คนบางคนเข้ามาชี้โพรงให้กระรอก แค่ ดอกส์ เดียว
แล้วก็ ทำตัวเป็น เท้าแชร์เชิดเงินหายจ้อย ไป ซะงั้น
ก็เรย ไม่ได้รู้กันพอดี ว่า เลขท้าย สามตัวตรง ๆ
ของ หวยกินรวบ งวดนั้น มันคือ อะไร
ถ้าพอจะมีเวลา วาน คุณป๋า ลองมาเฉลย ให้ฟัง หน่อยจิค๊ะ
จะได้ รู้กันซะที ไอ้ที่ อิฉัน เคยบอกว่า
คุณป๋า เหมือน โคลนนิ่ง ของ อิฉัน นั้นน่ะมัน ชัวร์ หรือ มั่วนิ่ม ?
หรือว่า แท้จริงแล้วคุณป๋า คือ อินังมุตตา ที่ บังเอิญว่า ฟ้าส่งเกิด
แล้ว เสกให้ หน้าตา เหมือน มุนินทร์ แค่นั้น ล่ะหว่า ? หุหุ



(http://2.bp.blogspot.com/-jR7kYMTdjhs/UIlxrPSBrjI/AAAAAAAAGGo/cH1n_EHSq50/s400/cqkh7.jpg)
หัวข้อ: หลังไมค์ เดอะ ท็อปซีเคร็ต ! # เทียวเสี้ยม & ตั๋งโต๊ะ #3
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ ธันวาคม 24, 2012, 11:26:48 pm
อ้างถึง
From :ตั๋งโต๊ะ [12 ธันวาคม 2555 03:03]

ยอม(โว้ย)หากคุณเป็นชาย ก็คงเป็นชายเหนือชาย
 (เหนือจริง ๆ ประมาณว่า เป็นปราชญ์ เป็นผู้นำ น่ะ)

หากเป็นหญิง ก็ยิ่งไม่กล้าคบ (ว่ะ) รู้มาก ก็ปานนั้น ฉลาดก็ขนาดน้าน มีหวังเดินไปด้วยกัน. โดนเขกหัวมั่ง โดนแพ่นหลังบ้าง โดนโน้มคอ มาตีเข่าบ้าง. ฯลฯ.

อายเค้าตายหอง เรย. 55555

แต่ยอมรับว่า ความฉลาด นั้น หาคนเทียบคุณได้ยาก ... เท่าที่เคยพบมา ก็มีไม่กี่คน



อ้างถึง
To : ตั๋งโต๊ะ [22:00 น. 12 ธันวาคม 2555]

อิอิ แท้งกิ๋วคร้าาา คุณป๋า สำหรับคำเยินยอ
เกี่ยวกับคุณภาพซีรีบรัม ของอิฉัน
เนี่ย น้อง ด. เด็กในฮาเร็ม ก็ เคยทำท่าคับอกคับใจ
เอ่ยเตือน อิฉันไว้ เหมือนกัน น้าาาาาา

ประมาณว่า พี่บี แกล้งโง่ บ้างก็ได้นะคับ
พวกผู้ชายเค้าไม่ค่อยชอบ ผู้หญิง
ที่ รู้ทัน เค้าไปหมดทุกเรื่อง หรอก นะคับ
เฮ้ออ สงสัย วันหลัง อิฉันคงต้องหัดแกล้งโง่ ซะมั่งแระมั้ง
วิบากกรรมทั้งหลาย มันจะได้ บรรเทาเบาบาง
ไม่ส่งผล ให้... กลายเป็น เดอะ ทึนทึก ผู้เฉาตาย แบ่บ อินู๋ยิ้ม มันน่ะ อิอิ


และ หากฉัน เป็น ผู้ชาย จิง ๆ อ่ะนะ
อิฉัน ก็คิดว่า ก่อนจะได้ เป็น ชายเหนือชาย
อิฉันคง เป็น เอดส์ตาย ซะก่อนล่ะมั้ง 555
เฮ่ย พูดจิง บ่ได้ ล้อเล่น พิณาจากนิสัย ตัวเอง แล้ว
ดูท่าจะ มีชะตากรรม งั้น ว่ะ
คิดดูดิ ขนาดเป็นผู้หญิง
ยังอ้อล้อต่อกระซิก ซะขนาดนี้


ถ้าเป็น ผู้ชายที่ไม่มี มดลูกมาเป็นข้อจำกัดอ่ะนะ
สงสัย คง ก่อกรรมทำเข็ญ
จนมีเจ้ากรรมนายเวรมาทวงหนี้ร้ากกกเป็นฝูง
ทำให้ตัวเองลำบาก มากกว่านี้ แหง๋ ๆ เรยว่ะ
อิอิ นี่ดีนะเนี่ย ที่ อัลเลาะห์ เมตตา ทรงบรรดาลให้เกิดมาเป็นหญิง


เฮ้ออ แต่พูดก็พูดเหอะนะ
นี่อิฉัน ยังกุ้มอกกุ้มใจ อยู่เรยอ่ะ คุณป๋า
กลัวว่า ถ้าตอนนี้ ตรูถือศีลข้อ 3 ได้แหล่มขนาดนี้
ถ้า อานิสงค์นี้ มันหนุนนำทำให้ชาติหน้า
อิฉันต้องเกิดเป็น ผู้ชาย จะทำไงดี วะเนี่ย
แบ่บว่า อิฉัน ม่ะอยากเกิดเป็นผู้ชาย
แต่ ปรารถนาจะเกิดเป็น กระเทย มากกว่าอ่ะ เอิ๊ก ๆ


เฮ่ย พูดจริง จริ๊งงงงงงง คิดดูดิ ถ้าเป็น กระเทย อ่ะนะ
ก็ สามารถ มีจริตจกร้าน ปั่นหัว เอ๊ย หว่านเสน่ห์ใส่หนุ่ม ๆ ได้
แถม ยัง ไม่ต้องมาลำบากเป็น เมนส์ ทุกเดือน
ให้ต้องควักกระเป๋า ซื้อ โกเต้กส์ อีกด้วย
โอ๊ย คิดแล้ว อยากจะเป็นกระเทยจังว้อยย 5555



เออ ว่าแต่ ไง๋ คุณป๋า ยกธงขาวยอมแพ้กันง่าย ๆ งี้ฟระ
แหม ๆ ขงเบ้ง ไม่เคยสอนคุณป๋า ไว้หรือไงกัน ว่า

สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพตะหาน นะเธอว์
เหอ...เหอ...นี่แหนะ ทั่นตั๋งโต๊ะ เจ้าขราาาาา
ไย ผู้กล้า ที่ยอมถูกสาปแช่งทั้ง 10 ทิศเยี่ยง ท่าน
จึง ทำตัว ขี้ขลาดตาขาว เฉกเช่น กระต่ายตื่นตูม
แบ่บ ไอ้เจ้าสุมาอี้ ล่ะคะ ?

แหม๊ ? แค่เห็น อิเฒ่าเทียวเสี้ยมมันแอ๊บเนียน
นั่งตีขืมบนกำแพง เลียนแบบขงเบ้ง แค่นี้
ถึงกลับถอดใจ ยอมยกธงขาวเชียวหรือ ?
แหม ๆ ศักดิ์ศรี ลูกผู้ชาย นี่
มัน ฆ่าได้ อายไม่ได้ ขนาดนั้น เชียวหรือ ?


อิอิ นี่ ๆ คุณป๋าควรถือคติว่า
ศัตรู ที่มีปัญญา ย่อมดีกว่ามิตรที่โง่ทึบเขลา น้าาาา
นี่คือคติ ที่ควรน้อมนำมาใส่ใจ มิใช่หรือ ?

ดังนั้น หากพวกเราเป็น อริ กัน แล้ว
ก็ควรรบไปพลาง แลกเปลี่ยนธรรมะกันไปพลาง
ไม่จำเป็นต้องคำนึงให้มาก ว่า
แพ้ หรือ ชนะ อับอาย หรือว่า ขายขี้หน้า ? ไม่ใช่ หรอ

ก้อ คุณป๋า เคยเลคเชอร์ ไว้หน้าบอร์ด เองนิ
ว่า จะตกอยู่ในสภาวะใด มันก็เท่านั้น
สิ่งสำคัญ คือ ความรู้สึกในใจ

"ระหว่างที่รบกัน และแลกธรรมะกันไปพลางนั้น" ต่างหาก
ที่ ควรค่าแก่ การชื่นชม และใส่ใจ

แล้ว ' ไม คุถณป๋า ถึงได้ แสร้ง ทำเป็น ใจเสาะ
รีบมาเปลี่ยนเปลี่ยนท่าที ดริฟ รถ หนี กะทันหันงี้ล่ะ เจ้าคะ
ในการเล่นหมากรุกนะ ถ้าเราถอดใจ ยอมแพ้ตั้งแต่ในมุ้งแบบนี้
แล้วต่อไป เราจะกล้า ไปขอท้า ประลองยุทธ กะใครได้ ล่ะ
หมากรุกน่ะ ถ้ามัวแต่กลัวว่าจะ อับอายพ่ายแพ้ แล้ว ขายขี้หน้า
เลยเอาแต่ ตั้งหน้าตั้งตา นั่งโขกหมาก ฝึกฝีมือ อยู่คนเดียวน่ะ นะ
แล้ว เมื่อไร ถึงจะได้ เป็น เซียนหมากกระดาน กับเขา ซะที ละเจ้าคะ ?
มิต่อยตี ฤา จะรู้ฝีมือ มิใช่หรือ เจ้าคะ ? อิอิ


เอาล่ะ งั้น เพื่อเป็นการ เยียวยา อัตตา
และ ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายชาติอาชไนยของ ทั่นตั๋งโต๊ะ
อิฉัน จะแอบกระซิบข้างหูคุณป๋า
เพื่อบอกความลับ ให้ฟัง นะเจ้าคะ


ว่า ก่อนหน้านี้ ตอนที่เห็น คุณป๋า ไปเห่าโฮ่ง ๆ แฮ่
ละเลงน้ำลายในมหากาพย์ ดราม่าแข่งแปลบาลี
ตบจูบ ๆ ก๊ะ บรรดาหญิงผู้มาเป็นหมู่คณะ ในห้องศาสดา นั้นน่ะ


อิฉัน ก็นึก ยังครั่นคร้าม ฝีปากคุณป๋า ขึ้นมา ตะหงิด ๆ หมือนกันว่ะ
ประมาณว่า ผู้ชาย 5 อะไรฟระ แมร่ง ! ปากจัดอิ๊บอ๋ายเรยวุ้ย
ตอนนั้น ยังคิด ๆ อยู่เล๊ยยย ว่า ถ้า ตรูเป็นคู่กรณี
ที่ต้องจับพลัดจับพลูเผลอ ไป ปะทะคารม ก๊ะ ไอ้เวงนี่
ตรูจะโดนมัน กระโดดรี่เข้ามาขย้ำคอหอยไหมเนี่ย ?
เกิด สะแหล๋นแจ๋น กระโดด หย๋อง ๆ มาขวางทาง รถ เข้า
โดย ไม่ดู ทิศทางลม เกิด ไอ้หมอนี่ หน้ามืดขึ้นมา
ตรู มิต้อง แบนแต๋ดแต๋ ติดอยู่กับพื้นถนน
ร้อง แอ่บ ๆ เป็น คางคก เคราะห์ร้าย หรอกหรือ - - "
นึกแล้วก็ เสียวว้อยยยยยยยยยยยยย แหะๆ


และ พูดก็พูดเหอะนะ ถึง ตอนนี้ คุณป๋าจะเริ่มรู้สึก ขยาด
ก๊ะ บัณเฑาะห์ เอ๊ย บัณฑิต ผู้เป็น นักปาด อย่างอิฉัน แล้ว
แต่ถึงไง จนถึงวันนี้ คุณป๋า ก็ยังคงเป็น ไอดอล ในดวงใจ
ที่ อิฉัน ขอให้สัญญา ต่อหน้าหมอดู อีที
ว่า อิฉัน จะ ให้ความ เอ็นดู
และ ให้ความ เคารบนบน้อม คุณป๋า
(เหมือนเป็นเช่น ลูกฟุตบอล ) เช่นนี้
ตลอดไป ตราบชั่วกาลปวสาน
จะขออนุยาด เหยียบ เฉพาะ ในที่ ที่ควรเหยียบ เท่าน้านน 555

ฉะนั้น อย่ากลัวเลยคร้าาาา
ว่าอิฉันจะแอบ จับคุณป๋า ไปลวกน้ำร้อนขูดขน
แล้ว ชำแหล่ะ หาเนื้อนาบุญ อ่ะ
แหม๊ อิฉัน ไม่ได้ เป็น พวกเล่นบทโหด
แบ่บ ไอ้ก้วยยี้ มันซะหน่อย หุหุ


เอาล่ะ ที่แพล่ม มาทั้งหมดนี่
ก็เพื่อ จะตะล่อม เอ๊ย ชักแม่น้ำทั้ง 5
มาหว่านล้อม ให้ คุณป๋าคลายความปริวิตกกังวล อ่ะคร้าาาา อิอิ


เนี่ยจะว่าไป อิฉันเอง
ก็ชอบปะทะคารม กับชาวบ้านร้านตลาดนะ
อารมณ์คงเหมือนเวลาที่ คุณป๋า รู้สึกสนุก จนอะดินารีล หลั่งไปทั่วร่าง
ยามที่ได้มานั่งโขกหมากรุกกับ คู่ต่อสู้ที่สูสี ล่ะมั้ง ฟิล ประมาณนี้แหล่ะอิอิ

อีกอย่าง กมันเหมือนกับการได้ ดีเบต กันแบบสด ๆ อ่ะ
แหม๊ ได้ฝึกเชาว์ปัญญา ปะทะคารมแบบชิงไหวชิงพริบ บ่อย ๆอ่ะนะ
มันก็ช่วยทำให้ อิฉันได้ฝึกฝนทักษะ การใช้ภาษา
และพัฒนาคุณภาพฝีปาก( ในการด่าชาวบ้าน ) ได้มากทีเดียวเชียวล่ะ

แต่พอเห็นคุณป้า ยกธงขาวยอมแพ้ ตั้งแต่ในมุ้ง งี้
อิฉันรู้สึก ผิดหวัง มากมายเรยอ่ะ ที่ คุณป๋า มัวแต่ รันอิน
อ่อยอิ่งทิงนองนอย งี้น่ะ เฮ้ออ นี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ
ว่า ไม ไอ้พวกผู้ชายอกสามศอก ในห้องศาสดา
ถึง ได้ หวาดกลัว อิเจ้ดอกบัวผุด กันนักน้าาาา
เฮ้ออ บ่ เข้าใจ๋ ไอ้พวกผู้ชาย พายเรือ จิง ๆ เรย เหอ...เหอ...


อ้อ จิงดิ เพื่อตอบแทน ที่ คุณป๋า ก็ อุส่า เยินยอ อิฉัน ไว้ซะมากมาย
( ซึ่งผิด ปกติวิสัย ของ ผู้ชายปากหมา อย่าง คุณป๋า 5555 )
ฉะนั้น เด๋ว อิฉันจะ บอกกลเม็ดเคล็ดลับ ให้ ก็แระกัน ว่า
ต้องไป ก่อกรรมทำเข็ญ อะรัยไว้
ถึงจะได้ มีความรู้ รอบโต๊ะ เป็น แก้วรอบโลก งี้น่ะ


คือว่า เกิดมาโชคดี มี พ่อที่เข้าอกเข้าใจ อย่าง ป๊ะป๋าหมาน
ผู้ซึ่งรู้จัก มองการณ์ไกล มีความคิดกว้างขวาง อ่ะคร้าาาาาาาาา
เนี่ย สมัยเป็นเด็กตัวกระเปี๊ยก อ่ะน้าาาาาาาาาาาาาาาา
ป๊ะป๋าหมานของอิฉัน ไม่เคย ทำตัวเป็น พวกเผด็จการขวางโลก
ชอบเอาระบบ พ่อปกครองลูก มาลำเลิก แล้วใช้อำนาจบาตรใหญ่
เที่ยวไป ประกาศกฏอัยการศึก ห้ามไม่ให้ ลูกสาว ดู ละครน้ำเน่า หลังข่าว อ่ะคร้าาา


น้องนู๋บี อยากจะดู ละครเรื่องอะไร ดึกดื่นแค่ไหน ป๊ะป๋าก็ไม่คยว่าสักคำ
ป๊ะป๋า ทำเพียงแค่ ไม่ยอมควักกระเป๋า
ซื้อ ทีวี มาไว้ที่บ้าน อ่ะคร้าาาาาาาาา T 0 T
จากนั้น ป๋า แกก็ พย๊าม พูดกรอกหู นู๋บี เสมอ ประมาณว่า
นู๋บีจ๋า การอ่านหนังสือ มันจะทำให้ เรา อัพเกรดตัวเอง
กลาย เป็นคนรอบรู้ ที่ ฉลาดเท่าทันคนอื่น ได้นะลูก
ดังนั้นนู๋ต้องอ่านหนังสือให้มาก ๆ นะลูก
จะได้ ไม่โง่ โดน ไอ้หนุ่มบางกอก ที่ไหน
มันหลอกเจาะไข่แดง เหมือนไน ละครน้ำเน่า ไงจ๊ะ


อนึ่งเนื่องจาก คำชี้โพรงให้กระรอก ของป๊ะป๋าหมานนี่เอง
ที่ทำให้ อิฉัน มองเห็น สัจธรรม เลย อ่านแหลก
ตั้งแต่ กระดาษห่อผักชียัน หนังสือ โป๊ เรยคร้าาาาา 555
ครั้นพอโตขึ้นมา แทนที่จะเป็นฝ่านโดนผู้ชายมันหลอก
ก็เรยกลายเป็นว่า นู๋บีเป็นฝ่าย ไปหลอกจับตรูดไอ้หนุมมันคร้าา หุห


เนี่ย ถ้าทั่นตั่งโต๊ะ จะ หยิบยื้ม
แทคติกของ ป๊ะป๋าหมาน ไปใช้ สอนลูกสาว มั่ง ก็ได้น้าา
อิฉัน ไม่คิดค่าลิขสิทธิ์ คร้าาาาาาาาา
โตขึ้นมา อินู๋มันจะได้ มีสารพัดพิษเป็นชาติตระกูล
รู้เท่าทัน เล่ห์ กะเท่ห์ ของไอ้พวกชายหื่นหมื่นกาม ไงคร้าาาาาาา
อ้อ แล้วก็อย่าลืม สอนให้ อินู๋มัน รู้จัก แกล้งโง่ ด้วยล่ะ
ม่ะงั้น เด๋วจาซรวย กลายเป็น เดอะ ทึนทึก แบบอิฉัน อ่ะ อิอิ

เอ้า เอา ลิ้งค์นี้ มาฝากโตยคร้าาา

"http://board.palungjit.com/f181/โพสเรื่อยเปื่อย-เมื่อยก็พัก-^-0-^-322353-11.html#post7119187" (http://board.palungjit.com/f181/โพสเรื่อยเปื่อย-เมื่อยก็พัก-^-0-^-322353-11.html#post7119187)




อ้างถึง

From : ตั๋งโต๊ะ [12 ธันวาคม 2555 23:46]

   ไปอ่านแล้ว แต่ยังไม่ได้ตามไปลิ้งค์อื่น ๆ ทุกลิ้งค์ (แค่ลิ้งเดียวตูก็แทบเดี้ยงแระ พักนี้ ต้องกินผักสีเหลืองเกือบทุกวัน สายตราเริ่มแย่แล้ว)

สำนวนเหลือเกินจริงๆ ฟ่ะ ....อ่านไป เผลอหัวเราะไปด้วย ก็หลายครั้ง....เข้าใจเอาคำพูดแสบๆ ของผม มาพูดให้ "แสบกว่า" แบบ สเตอริโอเซอร์ราวด์เลยเชียว
ไอ้เรื่องรันอิน... เรื่องเหยียบคันเร่ง (เอ๊ะ หรือว่าเหยียบคางคก ว๊ะ) ก็เอามาผสมผสานซะจนขำก๊ากกกก เลย...

ที่จริง ไม่อยากยอมแพ้ง่าย ๆ หรอกนะ แต่ขอยอมรับว่า ช่วงนี้มีเวลาเข้ามาน้อย....เลยไม่ค่อยได้ติดตามก็เลยดูเหงา ๆเหมือนแมวนอนหวด ไปหน่อย
แต่จะพยายามเข้ามาบ่อยๆ เดี๋ยวก็คงได้ขโยก กันมั่งแหล่ะน่ะ


อ้างถึง
To : ตั๋งโต๊ะ [14 ธันวาคม 2555 00:38]
   1
อิอิ ขออภัยเจ้าค่ะ คุณป๋าเจ้าขราาาาาา
ที่ ตัวหนังสือ ที่ อิฉันปรุงแต่ง เป็นเหตุปัจจัย
ทำหั้ย สายตาของคุณป๋า เริ่มจะเดี้ยง ซะแระ


ว่าแต่ คุณป๋า เคย อ่าน เรื่องฆาตกรรมที่ก้นครัว
ของ มรว. คึกฤทธิ์ หรือป่ะ เจ้าคะ ?
ม่ะอยากบอกเรยว่า อิฉัน ประทับใจ คุณนาย องุ่น มากมาย
ซะจนอยากเจริญรอยตาม เรย ว่ะ เหอ...เหอ...


และ ถึงแม้จะไม่มี ฝีมือปรุงอาหาร ขั้นเทพ แบบ อินังคุณนายนั่น
แต่ ตัวหนังสือที่ปรุงแต่ง ของ อิฉัน มันก็มี เสน่ห์ขั้นเมพ
อล แซ่บอิหลี สูสี ก๊ะ เสน่ห์ปลายจวัก ของ คุณนายองุ่น เรยนะนั้น
นี่ก็หมายมั่นปั้นมือ ว่า สักวัน คงทำให้ คนบางคนแถวนี้
เพลิดเพลินเจริญใจกับการไล่ตามอ่านตัวหนังสือของอิฉัน
จน ตาบอดตายหน้าจอคอมพ์ ไปเล๊ยยยยยยยย
จะได้ ฝากชื่อไว้ให้โลกรู้ว่า นี่คือ ฆาตรกรรมที่หน้าคอม ไงค๊ะ หุหุ
   
   
   2
ช่วย ไม่ได้อ่ะ มันเป็นการ เอาคืนเจ้าค่ะ อิอิ
เพราะ คุณป๋า เป็น ต้นเหตุ ทำให้ อิฉัน โดนอิพวกมอด
มัน บล็อกไม่ให้โพส หน้าไมค์ นิ หว่า
ก็เรยต้อง แก้แค้น กันหน่อย เอิ๊ก ๆ
แหม๊ ? นี่ ถ้า คุณป๋า ไม่โพสคำว่า "ต่ำช้าเลวทราม" ในกระทู้ดราม่านั่น
จนทำให้ อิฉันอ่านแล้วบังเกิดความประทับใจ แล้ว หลอยถ้อยคำนี้ ไปใช้ อ่ะนะ
ป่านฉะนี้ อิฉัน คงไม่โดน อิพวกมอด จับมาขังคุกขี้ไก่
จนแทบจะเฉาตาย เพระไปแร่ด หน้าบอร์ดไม่ได้ งี้หร็อก อะซิก ๆ


เออ ว่าแต่ ฉงฉัย อ่ะค่ะ ว่า ที่คุณป๋าเคยโพส
เกี่ยวกับการแก้อาถรรพณ์หมอดู ในกาทู้ ที่พันติ๊ป


มันใช้ แทคติก อะรัย หรือเจ้าคะ
อยากรู้มากมายเรยคร้าาาาาาาาา
เนี่ย ถ้าคุณป๋าพอจะมีเวลาว่าง
พอจะ ลัดคิวเหล่าแควนขับ ของคุณป๋า
ช่วยมาเล่าสู่กันฟังเป็น วิทยาทาน มั่งสิเจ้าคะ


เผื่อว่า วันหน้าวันหลัง
มีโอกาสเป็นได้เป็น ลูกสะใภ้คุณป๋า
แล้วโดน หมอดูอีทีใส่ไคล้
อิฉันจะได้ งัดเอา แทคติก นี้ มาใช้มั่ง แหะ ๆ



อ้างถึง
From : ตั๋งโต๊ะ [14 ธันวาคม 2555 00:58] 

   เรื่องที่ปรนเปรอจนผัวด้วยอาหารอร่อย จนไขมันอุดเส้นเลือดตาย หรืออ้วนตาย นั้น เคยอ่าน แต่นั่นมัน สามสิบปีแล้วนะ ลืมชื่อเรื่องแล้วด้วย. ตกลงว่า ชื่อฆาตกรรมก้นครัว ใช่ไหม?

ส่วนเรื่องเทคนิค การแก้อาถรรพ์หมอดูนั้น ไม่ใช่เรื่อยากหรอกครับ. บอกใบ้ว่า มันต้องใช้นักแสดงที่เนียน ๆ หน่อย โดยเฉพาะ ต้องขอความช่วยเหลือคนในครอบครัว เช่น พี่สาว น้องสาว หรือ น้าสาว อะไรประมาณนั้น แต่หากไม่มีบุคคลตามที่เอ่ยมา ก็เลือกคนนอกก็ได้. มาเป็นตัวละครประกอบฉาก

เรื่องนี้หนุกหนานมาก. ...

ไม่ลองพยายามเดาดูก่อนรึครับ ???


อ้างถึง
To : ตั๋งโต๊ะ [15 ธันวาคม 2555 00:18] 
   1

อืม...ไอ้เรื่องเทคนิค การแก้อาถรรพ์หมอดูนั้นน่ะ
ถ้าฟังจากคำบอกใบ้ ของ คุณป๋า
ผู้ที่ อิฉัน มองว่า เป็น โคลนนิ่ง ของตัวเอง อ่ะนะ
อิฉันคงม่ะต้องพยาม ด้นเดา เอาแระ คร้าาาาา
เพราะโบราณว่า โจร ย่อม เห็นโจร ด้วยกัน 5555


เฮ้ออออ ก็พอจะ ใช้วิปัสนึกตรึกธรรม
และ มองเห็น คอนเซ็ปท์ ของ กุศโลบาย นี้ได้ ราง ๆ แระ อ่า
มันก็คงคล้าย ๆ กับการสร้างสถานะการณ์ มา ดิสเครดิต
ทำให้ กลุ่มเป้าหมาย เกิดความสับสน ลังเล สงสัย
และ ไม่มั่นใจ ที่จะดำเนินการตามแผนเดิม ที่วางไว้
ตามที่ตนนั้นเคยเชื่อมั่นศรัทธา อยู่ ล่ะมั้ง


แต่ถึงงั้น ก็อยากจะ ฟัง แทคติก
ในส่วนของรายละเอียดปลีกย่อยของ เรื่องนี้
จาก คุณป๋า มากกว่า อ่ะ อยากรู้จังเยยยย
ว่า เรื่องราวมันจะ หนุกหนานแค่ไหน ?
วานคุณป๋าช่วยมาเล่านิทานหลอกเด็ก
และ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย เพื่อเป็นวิทยาทาน
ให้ลูก ๆ หลาน ๆ ฟังมั่ง บ่ ได้หรือ เจ้าคะ
   
   
   2
แบบว่า อยากจะรู้ อ่ะ ว่า อุบายใน การยุทธนี้
มันจะชิงไหวชิงพริบ ตบตีกันได้มันส์หยด
สูสี ก๊ะ ตอนที่ขงเบ้ง ใช้กลศึก ยืมซากมาคืนชีพ
ไปแหกตา สุมาอี้ไหมล่ะหว่า ?
(ข้าน้อยชักฉงฉัยขึ้นมาตะหงิด ๆ อีกแระ อิอิ )


เออ นี่ ๆ ว่าแต่ว่า ๆ ไอ้เจ้า แทคติกแบ่บนี้ น่ะนะ
แนะนำแล้วมันม่ะเข้าข่าย ทำหั้ย ศีลข้อ 4 ของเรา ถลอก ดอกหรือ ? หุหุ


ปอลิง

อ้อเห็น คุณป๋า บ่นถึง คุณนายองุ่น
เรยขออนุยาดพา คุณนายองุ่น มาเข้าหา ทั่นเจ้คุณ อ่ะ อิอิ


http://roikamhom.blogspot.com/2008/10/blog-post_1017.html (http://roikamhom.blogspot.com/2008/10/blog-post_1017.html)


แต่พูดก็พูดเกอะนะ ในบรรดา เรื่องสั้นทั้งหมดของ ป๋าคึกฤทธิ์
อิฉันชอบ เรื่อ'นี้ มากที่ซู๊ดดดดด เรยคร้าาาา หุหุ

http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=reflection&topic=1271 (http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=reflection&topic=1271)




อ้างถึง
From : ตั๋งโต๊ะ [15 ธันวาคม 2555 01:19] 


   คิดอยู่เหมือนกันว่า "ทิโส ทิสํ ....โจโร โจรํ" โจร ย่อมเห็น (เห็นอะไรวะ) ของโจร ด้วยกัน 555
และเชื่อว่า วิธีแก้อาภรรพเวทย์นั้น คุณอาจจะมีเทคนิค ที่ดีและหนุกหนาน กว่าของผมแน่ๆ. ดังนั้น ก็คงไม่ต้องบอก นะจ๊ะ นะจ๊ะ

ก็แหม ! อย่าว่า งี้ งั้น โง้น งู่น งี่ (เง่า) ฯลฯ เลยนะ เพราะหากขืนบอก คุณก็เอาไปสาธก ยกประจาน หน้าบอร์ด ลั่นไปทั้งบาง ทั้งคุ้ง แบบนั้น ความก็แตกกระจาย ซิคร๊าบบบบ... กโลบาย ใด ๆ ก็จะใช้ไม่ได้ผล กับผู้ใดเลย หากเขารู้ความจริง กันซะแร้ว (ดูมายากล ไม่มีทางสนุกหรอก หากเรารู้วิธีเล่นกล ซะเอง...ผมนะ สมัยเป็นนักศึกษาหนุ่ม ๆ ผมเสกทั้งนก เสกทั้งงู ให้คนอื่นดู. ผมเลยกลายเป็นคนที่ดูมายากล ไม่สนุกเลย)

ตอนนี้ มีทางเดียวเท่านั้น ที่จะบอกคุณได้ นั่นก็คือ. "เอาเบอร์โทรมา"

55555 นับเป็นการ แอบเนียน ขอเบอร์โทรสาว ที่น่าเกลียด ที่ซู๊ดดดด เลย (ว่ะ)

เพราะเรื่องนี้ ผมจัดเข้าเป็น อาภรรพเวท เป็นอุปนิษัท ที่จำต้อง "กระซิบ". และ กระซาบกันเป็นการภายใน เท่านั้น

เริ่ม ๆ ได้กลิ่นหนุ่มหล่อ วรรณะพราหมณ์ แล้วใช่มะ. 5555




อ้างถึง

To : ตั๋งโต๊ะ [16 ธันวาคม 2555 00:49]
0
อะโหยยยย รู้สึกว่า ทั่นตั๋งโต๊ะ ผู้โดนสาปแช่งทั้งสิบทิศ
ก๊ะ ทั่น ขงเบ้งผู้หยั่งรู้ดินฟ้า มหาสมุทร นี่ ...
ถ้าจะ ใจตรงกัน วุ้ย  ( แต่ว่า ทั่นตั๋งโต๊ะ มักจะช้ากว่า หนึ่งก้าวเสมอ 555 )
เนี่ย คราวก่อน ก็ถามเรื่อง ขึ้นเวร ทีนึงแระ คราวนี้ เรื่อง เบอร์โทร อีก อิอิ
แต่ก็นับว่า ยังดี ที่ไม่ไวไฟเหมือน ทั่นสุมาอี้ อ่ะนะ
ขานั้นน่ะ จู่ ๆ ก็โพล่งทะลุขึ้นมากลางปล้อง ขอให้ส่งรูปถ่ายปัจจุบันหน้าตรง ไปให้ดูซะงั้น
แหม๊ ทำเอานึกสงสัยตะหงิด ๆ เลยว่า
ลุงแก เป็น กรรมการกองประกวด นส.ไทย เลยว่ะ เอิ๊ก ๆ

1
อืม...นี่ ๆ คุณป๋าเจ้าขราาาา รู้ไหมว่า
ตั้งแต่เกิดมา อิฉันไม่เคยมีเบอร์มือถือ
ไว้ในครอบครอง เป็นการถาวรเรยอ่ะ
ที่แฟลตก็ไม่ได้ ต่อ สายโทรศัพท์ ซะด้วยดิ
อิอ คุณป๋า เชื่อป่ะ ? เนี่ย อิฉันถือศีลอยู่น้าาา
โกหก บ่ได้ ดอก ยังเคยบอกเล่าเรื่องนี้ไว้ให้ชาวบ้านฟัง
ใน ลิ้งค์นี้ เลย อ่ะ 555

"https://palungjit.org/threads/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89-%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%9D%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0-%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B9%86-%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B0.354258/page-2#post-6579863" (https://palungjit.org/threads/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89-%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%9D%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0-%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B9%86-%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B0.354258/page-2#post-6579863)



แต่ ว้าาาา น่าเสียดายจังอ่ะ  พอม่ะมี เบอร์มือถืองี้
เรยอดมี หนุ่มหล่อ วรรณะพราหมณ์มา "กระซิบกระซาบ"
อาถรรพเวท อันเป็นอุปนิษัท ที่มหัศจรรย์พันลึก
ให้ฟังแบ่บสองต่อสอง เยยย อะซิก...อ่ะซิก...

2
เฮ้อออ แต่คิดอีกที ไอ้เรื่อง เทคนิคอาถรรพณ์ของหมอดูนี่
คุณป๋า ไม่เอามาเปิดเผยให้รู้ ก็ดีแระล่ะ
เพราะ ตอนแรก ก็กะว่า จะหลอกถามไอ้หนุมพรามณ์
เพื่อสูบความรู้ เพราะความอยากรู้อยากเห็น ตามประสาผู้หญิงเฉย ๆ อ่ะ
เนื่องจาก ป๊ะป๋าหมาน สอนไว้ เสมอว่า รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบก ฯ
เผื่อว่า เจอคนรอบข้างมีปัญหาทำนองนี้ จะได้ แนะนำช่วยเหลือเขาไปบ้าง


แต่คิดอีกที คุณป๋า อย่ามาบอกอิฉันดีกว่าว่ะ
เนื่องจาก ดูไปดูมา ไอ้เทคนิคพวกนี้ ของคุณป๋าน่ะ
แนะนำแล้วมันก็สุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ ศีลข้อ สี่ ถลอกว่ะ เอิ๊ก ๆ
นี่แหล่ะ เรื่องน่ารำคาญเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับ พวกที่ถือศีลปฏิบัติธรรมล่ะ
ถ้ารู้แล้ว แนะนำ ก็ผิดศีล  แต่ถ้ารู้แล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมแนะนำไปตามกาล ก็ผิดธรรม 
สรุปก็คือ ยังไง๊ ตรูก็ผิดทั้งขึ้นทั้งล่อง สู้อยู่เฉย ๆ เป็นหัวหลักหัวตอ แบ่บตอแห่งวัฏฏะ ดีกว่า ว่ะ
เผื่อว่า อนาคตจะ ได้ดิบได้ดี ได้ไปเกิดเป็น พรหมลูกฟักก๊ะเขามั่ง
ฉะนั้น คุณป๋าอย่าได้นึกครึ้มมา กระซิบกระซาบ
บอกวิธีแก้ อาถรรพเวท อันมหัศจรรย์พันลึก พรรณนี้ เรยฮ่ะ 55555

3

อ้อ แล้วไอ้เรื่อง เอาหลังไมค์ ไปสาธกยกประจาน ที่หน้าบอร์ด อ่ะนะ
มันเป็น สันดาน เอ๊ย รสนิยมอันวิไล ส่วนตัว ของ อิฉัน อ่ะคร้าาาา แหะ ๆ
แบ่บว่า บังเอิญ เกิดความประทับใจ เกี่ยวกับ สาส์นสมเด็จ
ที่ พระองค์เจ้านริศนรานุวัติวงศ์ ทรงเขียนจดหมาย
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นคุยกับ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
แล้วมีคน เอามาเผยแพร่ให้ชาวบ้านรับรู้เป็น วิทยาทาน มั้ง



เวลาอ่านเจออะไร ที่รู้สึกว่า ดีมีประโยชน์( ทั้งต่อตัวเอง และ ผู้อื่น )
อาทิเช่น จะพูดจาไก่หยอกหมา ปะทะคารม ก๊ะ ไอ้พวกเฒ่าหัวงูยังไง ให้มันได้มรรคผล ฯลฯ
ก็อยากจะแบ่บปันความรู้เหล่านี้ให้ สาธารณชน ได้ทราบ
เป็น ฮาว ทู  เลียนแบบสมเด็จทั้งสองทั่นมั่ง อ่ะ



4
เพราะ อิฉัน เชื่อเสมอ ว่า หากตัวหนังสือของใคร
เขียนขึ้นมาด้วยความบริสุทธิใจ อ่ะนะ
ไม่ว่า จะถูกหยิบยกไปแฉแต่เช้า เอ๊ย เอาไปป่าวประกาศที่ไหน
ก็หาได้ ระคายผิว เฉกเช่น ทองแท้ ย่อมไม่แพ้ไฟ อิอิ


แต่ถึงงั้น อิฉันก็เลือก ประจาน...เอ๊ย...พรีเซนต์ เฉพาะในส่วนที่ควร พรีเซนต์
และ เลือกที่จะ เหยียบ เอาไว้ ในส่วนที่สมควรจะเหยียบน้าาา
ไม่ใช่ว่า จะทำตัว เป็น อิเมี้ยนปากไม่มีหูรูดสักแต่ว่าพูดแพล่มไปเรื่อย
แบบที่ ไอ้ก้วยยี้ มันชอบค่อนแคะ  หรอกคร้าาา
ไอ้โซ๊ยตี๋ มันก็วิตกจริต ชอบโวยวายเป็นเจ๊กตื่นไฟ ระแวงอาเหล่าม่าของมันไปงั้นเอง
(  อาเหล่าม่า ก็แค่นึกเอ็นดู เลย แกล้งจับตรูดเด็ก  เล่น ๆ ไปงั้นเอง  แหะ ๆ )



เออ แล้ว เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่า สมัยละอ่อน คุณป๋าหัดเล่นมายากล ไว้โชว์สาวด้วย
แปลกจัง ไม่น่าเชื่อแฮะ  คุณป๋านึกไงถึง หัดเล่นมายากลล่ะหว่า ?
แหม ? นี่ถ้าบอกว่า หัดดูลายมือ ไว้หลอกจับมือสาวๆ แบบอิเฒ่าสุมาอี้
นี่ยังฟัง ดูมีเหตุมีผล ที่เข้าใจได้ง่ายกว่ากันแยะ อิอิ

5
อ้อ แล้วจะแนะนำให้นะ ถ้าคุณป๋า ดูมายากลไม่สนุก อ่ะนะ
เวลาไปดู มายากล คุณป๋าก็อย่าไปดูแบบ ตาสีตาสา
ที่วี้ดว้ายกระตู้วู้ กับ กลแหกตา ดิ
ระดับ ทั่นเจ้าคุณ ของอินู๋ยิ้ม เนี่ย เขาต้องดูแบบผู้ทรงภูมิ
ประมาณว่า ตรูเนี่ย เป็นกรรมการให้คะแนนการประกวดมายากล ว้อยยย
ดูแล้ว ต้องรู้ลึกระดับ คนแสดง เล่นได้เนียนไหม
ยังมีข้อบกพร่อง และ จุดบอดตรงไหน
และ ถ้าเป็นเรา เราจะปรับแก้ ไง ให้ แจ่มเจ๋งกว่ามัน ฯลฯ 555



แล้ว ไอ้เรื่อง "ทิโส ทิสํ ....โจโร โจรํ" อิฉันก็ไม่ชัวร์ อ่ะนะ
ว่า  ถ้าพวกเราเป็นขุนโจร เนี่ย ใครจะเป็น เสือดำ ใครจะเป็นเสือมเหศวร เอิ๊ก ๆ
แต่ หลังจาก อ่านไอ้กาทู้ดราม่า มหากาพย์ แปลบาลี ที่เป็นเรื่องเป็นราวกัน ตอนนั้นน่ะ
รู้ป่ะ อิฉัน เห็น อะไร ในตัวคุณป๋า อิฉันเห็น ภาคอวตารของตัวเอง
ในรูปลักษณ์ ของเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ที่กำลังวิ่งซุกซน
พยายามเล่นเกมส์ เอาน้ำหวานมาหยด ล่อมดให้ออกจาก รู
แล้วปั่นหัวให้มัน วิ่งกรู ไปตาม รอยน้ำหวานที่เรา ขีดไว้
จนกระทั่ง มัน ตกลงไปตาย ในถ้วยน้ำหวาน เองอ่ะ


6
อิฉัน สัมผัสได้ถึง ความสนุก และ คึกคะนอง
ของการเล่นเกมส์ลูกแมวไล่ตะครุบหนูที่ไม่มีทางสู้
ได้แบบชัด ๆ แจ่ม ๆ  จนเผลอ รู้สึกเพลิดเพลินร่วมไปด้วย เลยทีเดียวล่ะ
น่าเสียดาย ที่เจ้าลูกแมวตัวนั้น ใจอ่อน ไปหน่อย
น่าเสียดายที่เด็กชายคนนั้น ประมาทเลินเล่อ
เผลอ ทำน้ำหวานหกใส่ตัวเอง โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
มดมันก็เลยหันมาเปลี่ยนทิศทางเดิน
แล้วแว้งกัดไอ้เด็กนั้น จนคันคะเยอ ยิบ ๆ
แทนที่ จะรีบเดินลงไปตายคาถ้วยน้ำหวาน



อิอิ แต่รู้ป่ะ ว่าหลังจากที่อ่าน กาทู้เจ้าปัญหา นั่น
อะไร คือ สิ่งที่ อิฉัน อยากรู้ มากที่สุด ?
ไม่ใช่ เรื่องที่ว่า  คุณป๋ารถสังข์ จะแปลบาลีได้จิงอ๊ะปล่าว
หรือว่า อยากจะเห็น ใบจองคอนโดฯ ให้ลูกสาว ของคุณป๋า หรอกน้าาาาา
แต่ อิฉัน กลับอยากจะเห็นหน้า ฮูหยินของทั่นตั๋งโต๊ะ ว่ะ 5555
ก็อย่างที่ บอกอ่ะ ว่า  อ่าน มุมมองความคิด
และ ทัศนคติของคุณป๋า ผ่าน ตัวหนังสือ แล้ว
อิฉันรู้สึกว่า คุณป๋า เป็นเหมือนโคลนนิ่ง ของอิฉัน ในภาคผู้ชายว่ะ


7
ฉะนั้น อิฉันเรยสงสัยว่า ถ้าตรูเป็นผู้ชายพายเรือ แล้วไซร้
หากมี ผู้หญิงยิงเรือ ที่ไหน มาหว่านเสน่ห์ใส่
ผู้หญิง คนนั้น จะต้อง สวย แจ่ม เจ๋ง ขนาดไหน
จึง สามารถ ทำให้ เปอร์เฟคชั่นนิสต์ อย่างอิฉัน
เกิดโมหะไหลหลง ยอมตกลงปลงใจไปติดบ่วงติดแร้ว มี ราหุล ชาตะ มา พันธนะ
ให้แบกไว้เป็น ขันธ์ ใบที่ 10  และ 15  ได้น่ะ ?


ยิ่งได้เห็นทั่นตั๋งโต๊ะ พูดถึงแง่มุมเล็กๆน้อยๆ
เกี่ยวกับฮูหยินของตัวเอง ในที่ห้องศาสดา อ่ะนะ
อิฉัน ยิ่งรู้สึกว่า ตั๋งฮูหยิน ช่างเป็น สตรีที่มี positive  thinking มากมายเรยอ่ะ
เรยชักจะตกหลุมร้ากกกก และ ยิ่งอยากจะเห็นหน้า เข้าไปหญ่ 55555
อ๊ะ ๆ แต่ ทั่นตั๋งโต๊ะ อย่าได้แม้แต่จะคิด รีดทรัพย์
เรียกค่าดูตัว ตั๋งฮูหยิน เป็นมูลค่า 5 % ของสินสอด เรยน้าาาา
อิฉัน แค่อยากรู้อยากเห็นไปตามประสา เฉย ๆ
แต่ม่ะชอบ ควักกระเป๋าเสียทรัพย์ อ่ะ กับเรื่องที่ อยากจะรู้ คร้าาาา
คือว่า เทียวเสี้ยม คนนี้ นิยมชมของฟรี
ที่ไม่ต้องเสียกะตังค์ แบบ เมียงู แหะ...แหะ....
ฝากคุณป๋าช่วยเอา ข้อความนี้ ไป กระซิบข้าหู
บอก ทั่นตั๋งฮูหยิน แทนอิฉันทีน้าา อิอิ (http://www.pantip.com/cafe/toy/image/wink.gif)


(http://cs315227.userapi.com/v315227283/2726/rMRRjZZyxlo.jpg)
หัวข้อ: คติธรรม ประจำใจ อิอิ...
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ ธันวาคม 24, 2012, 11:32:59 pm
คติธรรม ประจำใจ อิอิ...

ถ้าพวกเมิง...เอ๊ย... เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ลุง ๆป้า ๆ น้า ๆ อา ๆ
ทนอ่าน ตัวหนังสือ ของกรู...เอ๊ย.... ของนู๋บี มิได้...(http://www.tairomdham.net/Smileys/default/30.gif)

นู๋บี จา กลั้นใจตาย ( จิง ๆ น๊ะ ) อ่ะซิก ...อ่ะซิก.....(http://www.tairomdham.net/Smileys/default/26.gif)


(http://benjismith.com/wp-content/uploads/2007/10/crying-monkey.jpg)

หัวข้อ: Re: บ่นเรื่อยเปื่อย...เมื่อยก็พัก...ตามประสา นักปฏิบัติไม่เอาไหน ฯ ( Episode 4 )
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน ที่ ธันวาคม 25, 2012, 12:11:53 am
 :06: :13: ดอกไม้ 1 ดอกครับ
ลมหนาวมาแล้ว นี่ผมยังอายุไม่มาก ยังปวดข้อมือข้อเท้าเลยครับ
คุณแม่ก็รักษาสุขภาพนะครับ ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ
หัวข้อ: Re: บ่นเรื่อยเปื่อย...เมื่อยก็พัก...ตามประสา นักปฏิบัติไม่เอาไหน ฯ ( Episode 4 )
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ ธันวาคม 25, 2012, 10:43:53 pm
:06: :13: ดอกไม้ 1 ดอกครับ
ลมหนาวมาแล้ว นี่ผมยังอายุไม่มาก ยังปวดข้อมือข้อเท้าเลยครับ
คุณแม่ก็รักษาสุขภาพนะครับ ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ

เอ้า ! คุณแม่หอบเอา ตัวหนังสือ ข้างล่างนี้ มาฝาก อ่ะ
มอบหั้ยเป็นพิเศษ แด่พ่อหนุ่มน้อยขี้โรค แอนด์ แควนขับ อ่ะจร้าาา
เมอรี่ คริสมาสต์ น้าาาาาาาาาาาาาาาาาา อิอิ  :12:

(http://3.bp.blogspot.com/-Q1_rRdZlzrY/UKm0h5S1XVI/AAAAAAAADtI/pnFXUK8_Ka0/s1600/Christmas+monkey.jpg)
หัวข้อ: หลวงปู่-หลวงตา ทั่น ทนทาน ต่อ เวทนา เวลาทำสมาธิ ได้ไงกันน๊อออ ?
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ ธันวาคม 25, 2012, 10:51:31 pm
อืม...ไหน ๆ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ที่ เวบ พลังบิด
ก็ อุ้มตัวหนังสือ ตรู ไปทิ้งทะเล หมด แย้ววววว
เรย โคลนนิ่ง มาแปะไว้ดูเล่น เป้น คอลเลคชั่นสะสม ที่นี่ก็ได้ฟระ :36:


หลวงปู่-หลวงตา แล คูบาอาจารย์ ทั้งหลาย
ทั่น ทนทาน ต่อ เวทนา เวลาทำสมาธิ ได้ไงกันน๊อออ ?



อ้างถึง

ปุจฉาาาาาา

สับสน!ว่า...

..ตรงปะเด็นเลยนะครับ..ผมถาม หลวงตา หลวงปู่ ..หลายองค์
ท่านนั่งสมาธิได้ตลอดรุ่ง..แบบมีสติ..(ไม่ใช่หินทับหญ้า)
 ท่านทนเวทนาความเจ็บปวดทางกายได้อย่างไร....
ท่านฝึกอย่างไร วิธีไหนครับ.. จึงไม่เจ็บหรือทนเจ็บได้ครับ


วิสัชนา...

K.kwan ( อวตารของ อิตั้วเจ้นู๋บี )ว่า....

อืม... ช่วงนี้ว่าง ๆ ม่ะมีคนไข้
จะแอบ ฉ้อราษฏร์ เอาเวลาหลวง มาตอบให้ก็ได้ อ่ะ
ในฐานะ ที่ผูกเสี่ยว เป็น กัลยา ณ มิตร กันมาแต่นานนม อิอิ
อันนี้ พูดจากประสบการณ์ ที่เคยถูกเวทนาทางกาย
( เย็น ร้อน อ่อน แข็ง เจ็บ ปวด ฯลฯ มากระทบ ) อ่ะนะ


ไอ้เรื่อง ทนเวทนาความเจ็บปวดทางกายได้อย่างไร เนี่ย
มัน กระจอกจะตายชัก ไม่เห็นต้องฝึกอะไรเรยนี่หว่า
แค่ ...หัดแยกเวทนาทางกาย ออกจากเวทนา ทางใจ ให้ได้
มันก็จะ ชิล ๆ ไม่ต้อง ทน อะไรแระ นี่หว่า


ถามว่า เจ็บ ไหม ปวด ไหม มันก็ เจ็บ ก็ปวด อะนะ
แต่ มันก็ เป็น แค่เวทนา เป็น แค่ ลักษณะ อาการ ของ ผัสสะ อย่างหนึ่ง
เหมือน เจ็บปวด กับ ผ่อน คลาย   ้เหมือน เหม็น กับ หอม 
ก็แค่อาการ ก็แค่กลิ่น ไม่ปรุงต่อ เป็น พอใจ ไม่พอใจ มันก็จบ
วงปฏิจฯ มันก็ไม่ครบวง มันก็ไม่ทุกข์
หรือ ไม่งั้น ถ้า มี มานะแรงส์ ๆ ซะหน่อย
มันก็ มีลูกฮึด อึด ทนทะยาด ได้ทั้งนั้นแหล่ะ


เฮ่ย ถ้า ริจะเป็น นักเลงปฏิเวธ น่ะ
กะอีแค่ เวทนา ระดับ อนุบาล
ประมาณ การสะสม เลเวล ขันติบารมี
เพื่อ ดับ เวทนาทางกาย งี้ อ่ะนะ
เขา ไม่เอามาใส่ใจกันแระย่ะ
โน่น เขาไปเน้น การ ดับเวทนาทางใจ
ปฏิฆะ ทิฏฐิ มานะ  กันแร้วว้อย
อิพวก เวทนาเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้
ปล่อยให้ อิพวก นักปฏิบัติ ระดับลูกกระจ๊อก
มันฝึก หย็อง ๆ แหยง ๆ ไปเต๊อะ เอิ๊กส์ ๆ  :10:




อ้างถึง

ปุจฉาาาาาา

สับสน!ว่า...


สมมุติ..หากเรานั่งสมาธิได้ 1 ชั่วโมงแบบมีสติ..มีสตินะครับ
..เวทนาความเจ็บปวดจะกวนใจเราไหมครับ..หากเวทนากวนใจ..สติคุณอยู่ที่ไหนครับ..คุณเอาสติไปทำอะไร ตรงไหน เพื่ออะไร มาสนทนาแบบเจาะลึกกันเลยครับ สาธุ อิอิ!
(เอากรณี..ไม่ยอมหนีสภาวะทุกข์-เวทนาตรงนี้ไปนะครับ..สู้ๆๆ)

อ้างถึง
นัง เขียวมะเหงก..
เคยนั่งสมาธิแบบเจ็บเหมือนตายแต่ทนจนหายเจ็บไหมนั่น..ครั้งที่1
ทนนั่งต่อไป จนเจ็บเกิดอีกครั้งที่2..กระดูกกระเดี้ย..เหมือนกะด้อกะเดี้ยไหมวะซั่น..อิอิ ทับแตกสลายยยยไหม อิอิ 
 ไม่ได้โม้เว้ยยยส์..ของจริง อิอิ:@:'(



วิสัชนา...

K.kwan ( อวตารของ อิตั้วเจ้นู๋บี )ว่า....

ไม่เคยว่ะ ขี้เกียจนัก ชั้นก็เลิกนั่ง 55555
ทำไม่ได้ เลย ไม่ทำ  ก๊ะ ทำได้ แต่ ขี้เกียจ ทำ  น่ะ มันต่างกันนะยะ 
แล้ว หล่อน คิดว่า สวย แจ่ม เจ๋ง
แถมยัง อัตตาจ๋า และ มานะจัด อย่างช้าน น่ะ
มันเป็น แบ่บไหน ล่ะ  ? โฮ่ ๆ



อพิโถ ๆๆ กะอีแค่ ทนทรมานสังขาร นั่งมาธิ ได้แค่นี้
หล่อน ก็ทำมาเป็น คุยโว โม้เหม็น เชียวหรือ ?
ทำเป็น เด็ก อนุบาล เห่อ ท่อง ก.เอ๋ย ก.ไก่ ไป ได้


แล้ว ไอ้เรื่อง นั่งมาธิ มาราธอน เนี่ย
ถ้า นึกครึ้ม ๆ อยากจะทำจริง ๆ อ่ะนะ มีหรือ จะทำไม่ได้ 
หากมีแรงจูงใจดี ๆ  อ่ะนะ ใครมันก็ ทำได้ทั้งนั้นแหล่ะ
ไม่เชื่อ หล่อน ลองไปท้า คุณชายเล่าจัง ดิ
ว่า  ถ้ามัน นั่ง มาธิ มาราธอน ข้ามวันข้ามคืน ได้โดยไม่หลับไม่นอน
ปู่สับสน จะยกลูกสาวทั้ง 2 คนให้
(แถมด้วยหนังสือ ท.เลียง พิบูลย์ ด้วยนะจ๊ะ )


เนี่ยไม่แน่นะ  ทั่นเล่าจัง ฟังแร้ว อาจจะ รีบนั่ง มาธิ
โชว์ออฟ ให้หล่อนดู 7 วัน 7 คืน ไปเลยก็ได้ ว่ะ 5555


ส่วน ชั้นน่ะไม่สนใจจะทำอะไร คิกขุโนเนะ งั้นหรอกจร้าาา
(ยกเว้น เสียแต่ว่า หล่อนมี ลูกชายหน้าตาดี แบบ พี่เคน ธีรเดช อิอิ )


เฮ้ออ ไอ้เรื่องจะให้ นั่ง'มาธิ มาราธอน เนี่ย 
มันก็ น่าขำพอ ๆ ก๊ะการให้ ชั้นไปนั่งแหกปาก
ท่องก.เอ๋ย ก.ไก่ แข่ง ก๊ะ เด็กอนุบาล ว่ะ
ไม่เห็นจะ น่าสนุก หรือว่า ท้าทายความสามารถ
ช่วยให้ เจริญสติ และ เพิ่มพูนปัญญา ที่ตรงไหน


สิงห์สนามซ้อม อ่ะนะ มักจะ เป็น หมูสนามแข่ง ซาเหมอ ว่ะ

เห็นมานักต่อนักแระ นั่งสมาธิได้ทนทะยาดแค่ไหน
พอ เวลาเจอ ผัสสะ มากระทบ ในชีวิตจริง อ่ะนะ
เก๊าะเห็น มันร้อง หงิง ๆ เป็น สิงห์ฟันหัก แทบทุกราย เอิ๊กส์ ๆ 


อ้างถึง

ปุจฉาาาาาา

Bull_psi ว่า...

k.kwan อ้าวเจ๊หวัดดีงับ เปงหมอหรอคับ

มีปริศนาธรรมมาให้คนเก่งแก้คับ ผลข้างซ้าย-> เหตุข้างขวาดับเป็นต่อๆ
เวทนา-> ผัสสะ->  อายตนะ->  นามรูป->  วิญญาณ-> สังขาร-> อวิชชา
เจ๊ช่วยบันลือสีหนาทตอบปริศนาธรรมอันแก้ได้ยากประหนึ่งทำของที่คว่ำให้หงายด้วยเถิด

ปริศนาคือผู้ดับอวิชชาอุปทานแล้วมีรูปนามหรือไม่มีรูปนาม

เจ๊มาช่วงใกล้วันโลกแตกอะ21/12/21 55:boo:



วิสัชนา...

K.kwan ( อวตารของ อิตั้วเจ้นู๋บี )ว่า....

เอ่อ....คือว่า เจ้ ไม่ใช่ k.kwan อ่ะจ้ะ
แล้ว ก็ ไม่ได้ เป็น หมอ (นวด )ด้วย นะจ๊ะ
เจ้ เป็น หมอ-ยา ปลอมตัวมา เล่นเนต
แล้ว แอบ ยื้ม ล็อกอิน อิเจ้รองสันขวาน มาใช้อ่ะจร้าาาาาา ( ทายซิครายเอ่ย ? อิอิ )
ฉะนั้น หนึ่งเดียวเขียวมะกอก อย่างเจ้ เรยมี ยึดคติ ที่ว่า


ภายใต้ดวงอาทิตย์ ไม่มีอะรัย ที่ สาวเภสัชทำไม่ได้
( ยกเว้น การตีปริศนาแห่งวงปฏิจ 
และ การตอบข้อสอบฟาร์มาโคฯ ! :'( )


อิทัปปัจจยตา ด้วยเหตุฉะนี้ หนึ่งเกียวเขียวมะเหงก ตัวเล็ก ๆ อย่างเจ้
ขอ อนุยาด ยก ปริศนาธรรม อันแก้ยากส์เช่นนี้
ให้ คนเก่ง แห่ง ห้อง อพินยา สมาธิ
อาทิเช่น คุณพี่ เล่าจัง (กิ๊กเก่า ของเจ้ k.kwan )ฯลฯ
มาเกาสะดือ ....เอ๊ย ...บันลือสีหนาท แทน น่าจะเวิร์ค กว่าว่ะ หุหุ


อ้างถึง
ปุจฉาาาาาา

Bull_psi ว่า...

อ้าวยังออกไปจากรูปนามk.kwanอีกหรอคับนี่
วันนี้กรุงเทพ35องศา ไม่รู้ว่าร้อน จับสัมผัสไม่รู้สึกสักกระทู้ เบื่อเลย

ไม่ต้องให้ลูกพี่ตอบคำถามหรอกครับ

ผมหมายใจว่าจะให้คุณk.kwan
แสดงธรรมไพเราะอีกสักครั้งเท่านั้นแหละครับ:boo:


วิสัชนา...

ลูกบัวผัน ( อวตารของ อิตั้วเจ้นู๋บี )ว่า....

ชิส์ ! ยังไม่ออก ง่าย ๆ หรอกย่ะ
ต่อ หั้ยเจอ ข้าวสารเสก สิบกระสอบ
น้ำมนต์อีก ร้อย แกลลอน ก็ ม่ะออกว้อยยย
อนึ่ง เม่าไทย ไม่ยอม ออกจากตลาดหุ้น ฉันใด
อิป้าบัวผ่อง ก็ต้อง สิงร่าง อิเจ้ k.kwan
และ ลูกบัวผัน ตราบจนสิ้นกาลปวสานนนน


เพราะ เว่ยหล่าง เคยกล่าวไว้ ว่า


ไม่มีต้นโพธิ์
ทั้งไม่มีกระจกเงาอันใสสะอาด
เมื่อทุกสิ่งว่างเปล่าแล้ว
ฝุ่นจะลงจับกับอะไร



แต่ ป้าผ่อง ก็อยากจะบอก ทั่นผู้อ่าน ทั้งหลาย
และ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ว่า

ต่อหั้ย ไม่มี k.kwan อีกทั้งยังไม่มี ลูกบัวผัน
เมื่อทุกล็อกอิน ถูกส่ง เข้าสู่ สูญญตาสมาบัติ ไปแล้ว
ป้าบัวผ่อง ก็จะยังคงอวตารลงมา
ไล่จับตรูดหนุ่ม ๆ แถว ๆ นี้ อยู่ดีนั่นแหล่ะ เหอ...เหอ...
:boo:

(http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/11/Y12926336/Y12926336-21.jpg)


อ้าว เฮ้ยยย ไม่ใช่ รูปนู้น
รูปนี้ ตะหาก อิอิ


(http://www.taimk.net/center/homework0068.jpg)



อ้างถึง

ปุจฉาาาาาา

สับสน!ว่า...

..จริงๆแล้ว..การสร้างขันตินั้น..ต้องเริ่มจาก
 การเตรียมกายให้พร้อมก่อนครับ..
เช่น การอดนอน ผ่อนอาหาร เป็นต้น..สติจะเด่น
และสามารถ รองรับเวทนาได้นาน
จากการเจ็บปวดอันเกิดจากการนั่งสมาธิ
หรือเดินจงกลมได้นานๆ หรือง่วงนอน
หากไม่รับประทานอาหารมากเกินไป
 ..ตรงนี้สำคัญมากหากคนเคยผ่านประสบการณ์จริงจะรู้ซึ้งครับ..

ทนเวทนาทำไมเพื่ออะไร..สติอยู่ตรงไหน ใครโม้มาก็จับได้หมด
และ ..ไม่ใช่นั่งแบบขาดสติ พ่อค้า แม่ค้า
เขานั่งได้ทั้งวัน เก่งกว่าเราเยอะหากจะนั่งแบบนั้น



..เพราะฉนั้น คนรูปร่างอ้วน..
จะเห็นตั้งแต่ กาม เวทนา โทสะ มหาศาลในตัวคนอ้วน
นี่พูดถึงสภาวะสัจจะในธาตุดิน ที่อ้วนท้วมนะคัรบ ..
คนอ้วนจึงทนต่อสภาวะทุกข์ทางกายเป็นไปได้ยากมาก
ต้องใช้กำลังจิตมหาศาล เหมือนคนชราที่มีกำลังแต่ไม่แกร่งเหมือนตอนหนุ่มๆ..



   สรุป การสร้างขันตินั้น ต้องเตรียมกายให้พร้อมต่อการฝึก
จะทำให้ผู้ฝึกอยู่ในสมาธิได้นาน ใคร่ครวญธรรมได้นาน
หากมีสติจิตจึงเกิดโอกาส รวม ได้สูงกว่าคนที่ไม่เตรียมความพร้อม
ในร่างกาย ไม่ฉลาดต่อกายตนเองครับ

เพราะหากคุณผู้ฝึกมีสติ นั่งสมาธิได้เป็นวันๆอะไรจะเกิดขึ้นครับ..
คุณจะเอาสติไปไหน นี่แหละครับ  ธรรมชาติ สภาวะเขาจะดึงท่านเองให้ค้น คิด ธรรม หรือแยกขันธ์5 เอาเองก็มีโอกาสสูง หากคุณธรรมพื้นฐานเรามีครบแล้วครับ สาธุ


วิสัชนา...

K.kwan ( อวตารของ อิตั้วเจ้นู๋บี )ว่า....

อิอิ...แวะ มาเม้าส์มอย ในกาทู้ เจ้ากัลยา ณ มิตรคิดม่ะซื่อ
อีกสักดอกส์ สองดอกส์ ดีกว่า วุ้ย เพื่อเป็นการฉลอง
ที่ ตะคืน ยังไม่ตายตกตามกัน ในวันสิ้นโลกเอิ๊ก ๆ


อืม...ไอ้ตี๋บุญพิลึก มันเคยแพล่ม
บอก ชาวบ้านชาวช่อง ไว้ ที่ ลานธรรมจก ประมาณ ว่า
แชมเปี้ยนโลก เจ้าของฉายา หมัดซ้ายทะลวงไส้ อย่าง เขาทราย กาแลคซี่
บางที ก็ไม่จำเป็นต้อง ซ้อม เตะกระสอบทราย วันละ 500 ครั้ง ทุกวี่ทุกวัน หรอกนะ
เพราะ ทักษะต่าง ๆ ที่เขาเคยฝึกปรือจนเชี่ยว
มันได้ ซึมซับ เข้าสู่ กมลสันดาน แร้ววววส์
และ เมื่อไร ก็ตาม ที่ จำเป็นต้อง งัดเอา หมัดซ้ายทะลวงไส้ มาใช้
เขาทรายก็ สามารถ หยิบเอามาใช้ ได้ ทันที
โดยดึง มาจากสัญชาตญาณ ในส่วนที่หมกเม็ดอยู่ตรง สไปนอล คอร์ด มั้ง


อิอิ...อ่านที่ ไอ้โซ้ยตี๋ มันเขียน แล้วก็ อมยิ้ม ขำ นะ
ก็ไม่รู้ เหมือนกันว่า คนอื่น อ่านที่มันแพล่ม แล้ว
จะ เก็ทสะเทือน กับสิ่งที่มัน ต้องการ อธิบายไหม
แต่ที่รู้ ๆ อย่างน้อยก็มี อิตั้วเจ้ของมัน คนนึง ล่ะวะ
ที่เข้าใจกับสิ่งที่ ไอ้ตี๋โฮฮับ มันโม้เหม็น อ่ะ 5555


เฮ้อออ ถ้าใครก็ตาม ที่ ฝึกปฏิบัติ มาจนถึง ระดับหนึ่งแล้ว
เขาจะไม่ใช้ คำว่า ( ฝืน )ทน กับ สภาวะที่เกิดจากการฝึกปฏิบัติ หรอกนะ
แต่ เขาจะเห็น การปฏิบัติ เป็นเหมือน สัณทนาการ งานอดิเรก
เป็น เครื่องอยู่ ประมาณ ถักนิตติ้ง อ่านการ์ตูน
หรือ เล่นเกมส์คอมพ์ แก้หง่อม อะไรทำนองนั้นมากกว่า มั้ง 


เคยเห็น เด็ก ที่มันติดเกมส์ เล่นได้แบบข้ามวันข้ามคืน
 โดยที่ไม่กินไม่นอน ไม่ลุกไปขี้ไปเยี่ยวไหมล่ะ
อาการ เหล่านี้ มันก็คล้าย ๆก๊ะ เวลาที่ คูบาอาจาน
เค้านั่งสมาธิ เดินจงกรม กันแบบข้ามวันข้ามคืน ล่ะมั้ง
ก็แค่เปลี่ยน เครื่องอยู่ จาก เกมส์คอมพ์ เป็น กรรมฐาน เท่านั้นเอ๊งงง
ไม่เห็นมันจะ วิเศษวิโส ถึง ขนาดต้องเอามาคุยโวโอ้อวด อะไรนิ อิอิ


ที่พูดมานี่ เพราะเคยสัมผัส กับสภาวะแบบนั้น มาบ้างแล้วไง
อาทิเช่น ตอนเดินจงกรมรอบโรงบาลอ่ะ  วันนั้นนึกครึ้มมั้ง
เลย เดินไปประมาณ 7 รอบอ่ะ ( รอบนึง ก็ ประมาณ 2 สนามฟุตบอลเหนาะ ๆ )
มันก็ไม่เห็นจะเหนื่อย จะเมื่อยเรยอ่ะ ติดจะ หนุบ ๆ หนับ ๆ  รู้สึกดีมากมายเรยด้วยซ้ำ
ประมาณว่า เฮ้ย หนุกดีว่ะ เพลิน ๆ มันส์ ๆ งี้
ให้กรู เดินงี้ 7 วัน 7 คืน กรูก็ทำได้ สบายมว๊ากกก



ส่วนนั่ง มาธิ นี่ก็เหมือนกัน พอผ่านช่วง นรกแตก ช่วงแรก ๆที่เริ่มนั่งใหม่ ๆ ไปได้
ไอ้อาการ อึดอัดจะเป็นจะตาย เหมือน สัตว์ป่าที่ ถูกจับขังคุก
แล้ว พยามดิ้นรนกระเสือกกระสนหนีออกจากตะแลงแกง  มันก็หายไปเองอ่ะ
หลัง ๆ มานี่ เวลานึกครึ้ม ๆ จะนั่งมาธิ จิตมันรวมเร็ว ไวมากกกก
มันแนบไปกลับลมหายใจได้แบบเนียน ๆ ลุ่มลึก ๆ ไงบอกไม่ถูกนะ
เหลือ ไว้ เพียงแต่ อาการเพลิดเพลินกับการตามดูลม
เป็นความนิ่ง และ ความว่างที่น่ายินดีอ่ะ
มันสงบและแสนสุข จนถ้า วัดคลื่นสมอง ณ ตอนนั้น
คงจะ นิ่งและเรียบ สม่ำเสมอ คล้ายเวลาที่เราหลับลึก ๆ น่ะ
ซึ่ง ถ้าใครเคยนอนหลับลึก ๆ แล้วตื่น ขึ้นมา หรือ ออกจากสมาธิ ในช่วงนี้
หัวมันจะโปร๊ง โปร่ง แจ่มเจรียง พิลึก เลยล่ะ
สุดท้าย ก็กลับเห็น การทำสมาธิ เป็นของเล่น เหมือน เกมส์คอมพ์ไปซะงั้น
เป็น สันทนาการ ที่ มันส์ดีว่ะ นั่ง ตามลมหายใจ เข้า ๆ ออก ๆ ก็เพลิ๊น เพลิน อิอิ



เพราะงี้ไง ถึงได้บอกว่า ไอ้เรื่องการ นั่งมาธิ หรือ เดินจงกรมมาราธอน เนี่ย
พอทำไปจนเชี่ยว จนเก๋า มันจะกลายเป็นเรื่องสนุก ไปเลย
จากที่ เมื่อก่อน เคยแปลกใจ เหมือน ไอ้เจ้าฉับฉน
ว่า ทำไม คนเป็นนักปฏิบัติ มันถึงได้เป็น มาราธอนแมน
นั่ง มาธิ ได้ข้ามวันข้ามคืน เดินจงกรมได้ทนโคตร ๆ นักวะ
มาถึงตอนนี้ ก็ เข้าใจหมดแระ  อิเรื่องพรรณนี้ มันก็แค่ เครื่องอยู่
ก็ แค่ ของเล่น กิ๊กก๊อก เอาไว้เล่นแก่หง่อม สำหรับคนเป็น นักปฏิบัติ ว่ะ
ถึงได้ บอกไง ว่า ไอ้การจะเป็นนักเลงปฏิเวธตัวจริง
เจ๋ง ไม่เจ๋ง เขาวัดกันที่ ทักษะการตอบสนองต่อสิ่งเร้า
เมื่อมี ผัสสะ มากระทบ ณ ปัจจุบันขณะ
ไม่ใช่วัดกันที่ ความถึกในการทำกรรมฐาน
ว่าใครจะนั่งได้นานกว่ากัน


ต่อให้นั่งมาธิ ได้นานเป็นชาติ เดินจงกรมได้วันละห้าสิบรอบ
แต่ถ้า พอมาเปิดเนต อ่านตัวหนังสือ ใน สนามอารมณ์... เอ๊ย ...เวบบอร์ดเสวนาธรรม
แล้วยังปรี๊ดแตกยังฟิวส์ขาดอาการ ไมเกรนกำเริบอยู่ทุกบ่อย อ่ะนะ
อิแบ่บนั้น เขาเรียก สิงห์สนามซ้อม หมูสนามจริง ว่ะ เอิ๊กส์ ๆ


อ้อ แล้วที่ หล่อน ทำมาเป็นพูดเสี้ยม เอ๊ย สาธกยกตัวอย่าง เรื่องคนอ้วน มาน่ะ
อันนี้ มี นัยยะ อยากจะ ต้มมาม่า อะรัย หรือเปล่าเอ่ย ? ชั้นจะได้ช่วยชง ! หุหุ
อืม...ในฐานะที่ เป็น ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง สุกขวิปัสโก อ่ะนะ
ขอบอกว่า ไอ้เรื่อง ทนทุกข์ แล้วเกิด ปัญญา หรือ สโลแกน ไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นธรรม เนี่ย
เขาเอาไว้ให้ พวก วาสนาน้อย ด้อยปัญญา มันฝึกกันว่ะ
ส่วนพวกที่เค้า มีบุญเก่า เยอะ ประมาณว่า
ฉลาด จิตสูง บุญมาก ญาณแกร่ง ภูมิกึ๋นแยะ อ่ะนะ
ฝึกยังไง๊ยังไง มันก็ไม่เห็นทุกข์ หรอกจร้าาาาา


หรือ ถ้า ทุกข์ มันก็ ทุกข์ แป๊บ ๆ อ่ะ
แล้ว คนพวกนี้ อะนะ เขาจะมีศักยภาพของจิตที่มีประสิทธิภาพมาก
เวลาเขาทุกข์ มันจะมี กลไกแบบออโต้ ฯ
มาบริหารจัดการความทุกข์ ณ ปัจจุบันขณะ ว่ะ
พอเจอ สภาวะทุกขังกาละมัง ปุ๊บ จิตมันก็เหมือน นกรู้
มันก็หาเรื่อง แยกเวทนาทางกาย ออกจากเวทนาทางใจ เองเรยอ่ะ
แล้วมันจะเอาเวลาที่ไหน ไปนั่ง พิณา ความทุกข์ ได้ฟระ
ก็คนมันสวยแจ่ม เจ๋ง ความทุกข์ เรย ไม่กล้าเจอหน้า
จึงต้องมาไว เคลมไว รีบชิ่งหนีเราไปเอง นี่หว่า
บางที กะลังจะนั่ง ดูความเมื่อยขา ตอนนั่ง มาธิอยู่ หลัด ๆ
อ้าวเฮ้ยยยย ตรูยัง พิณา ไตรลักษณ์ ได้ไม่ครบ ลูป เยยย
กะลัง ดู เกิดขึ้น อยู่ดี ๆ ยังไม่ทันได้ดู ตั้งอยู่ ไอ้ตัวเมื่อยมันก็ หายวับ ดับไป เฉย
มันก็เป็นของมันเช่นนั้นเองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง อิอิ



อืม...ยกตัวอย่าง เรื่อง ศีลข้อ หก ฉันมื้อเดว ของชั้น แระกันนะ
ตั้งแต่ถือศีลข้อนี้มา ปีกว่า ๆ นี่ ก็เกิดทุกขังกาละมัง เพราะ ศีลข้อนี้ แค่แป๊บ ๆ เองมั้ง
แถม หลัง ๆ มานี่ เก๋ามากขึ้น ยังนึกครึ้มชอบ ตามใจกิเลส
หาเรื่อง แหกศีลข้อหก เป็น ว่า เล่น ซะอีกแหน่ะ
แต่ก็ไม่ วิตกจริตอะไรนะ เพราะ คิดว่า
ตัวเอง เป็น เขาทราย กาแลคซี่ เจ้าของฉายา หมัดซ้ายทะลวงไส้มั้ง 5555
คือ พอถือศีลข้อนี้ นานเข้า ๆ จนเชี่ยว มันจะเข้าสู่สภาวะ ยังไงก็ได้ อะไรก็ได้ว่ะ
จะแหกศีล ไป เอนจอยอีทติ้ง ก็ได้ ไม่ทุกข์อะรัย
หรือจะไม่กิน เพื่อ รักษาศีลข้อ วิกาลโภชนา ต่อก็ได้ แบ่บชิล ๆ อ่ะ
สรุปก็คือ ไม่ว่า ตรูจะเลือกเดินทางไหน บนทางสองแพร่งนี้ ก็ไม่ทุกข์ทั้งนั้น อ่ะ
ก็เลย ตามใจกิเลสมันเล่น จิ๊ดนุงส์ เพราะเมื่อก่อนเล่นบทโหดลงแส้มันมาแยะแระ
ขนาด จะ จิบน้ำปานะ รอบบ่าย ยังไปห้าม ไม่ให้มันซดเลยว่ะ เอิ๊กส์ ๆ



นี่แหล่ะ ข้อดีของการเป็น ฆราวาส ที่ ต่างจาก สมณะ ล่ะ
ตราบใดที่คุณ ไม่ก้าวล่วง ศีล 5  และ มี สัมมาอาชีวะ
ถึงคุณจะ ไปกินข้าวต้ม รอบดึก ที่ไหน ก็ไม่ถือว่า เป็น โลกวัชชะ 
เพราะคุณไม่ได้เที่ยวเดินไปบิณฑบาตรขอข้าวใครกิน
และ ไม่สำคัญหรอกว่า ณ ปัจจุบันขณะนั้น
คุณจะมีวาสนา ได้ รับประทานข้ามต้มรอบดึก เป็นมื้อดินเนอร์ไหม
แต่ ไม่ว่า คุณจะต้องรับมือ กับ สถานะการณ์ ไหน  อิ่ม หรือ อด
คุณก็ต้อง ทำใจยอมรับ ยถาสภาวะนั้น ๆ ได้ โดยที่ ไม่ต้อง ฝืนทน นะ



ขันติ น่ะ มันเป็น ธรรมะ ระดับ อนุบาล นะจ๊ะ ทูนหัวววว
ริจะเป็น นักปฏิบัติตัวพ่อตัวแม่ น่ะ
โน่น เขาต้อง ไปฝึก เรื่อง อนิจจังลงใจ ตถตาลงใจกันแล้วว้อยย :@

ที่มา:

"http://board.palungjit.com/f4/ขันติ-จะสร้างยังไง-ใครมีวิธีทำครับ-401864.htm" (http://board.palungjit.com/f4/ขันติ-จะสร้างยังไง-ใครมีวิธีทำครับ-401864.html)

(http://www.bloggang.com/data/j/joker-master/picture/1329890709.jpg)

หัวข้อ: สติตัวจริง- สติไอ้โม่ง ?
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ ธันวาคม 25, 2012, 11:04:51 pm
สติตัวจริง- สติไอ้โม่ง ?


อ้างจาก:

ปุจฉาาาาาา

สับสน!ว่า...

ใครมี..พระสูตเรื่องการแบ่งประเภทสติตัวจริง- สติไอ้โม่ง-หรือสติชายชุดดำ..
ช่วยสงเคราะห์เอามาให้ผมอ่านเอาบุญหน่อยครับ
มันจะไปกันใหญ่ ไม่เคยพบครับ ผมสับสน อยากรู้ครับ..อิอิ:'(:'(:@


โจรงัดบ้าน โขมยทรัพย์สิน มีสติไหม(โลภ)
โจร ข่มขืน หญิง มีสติไหม(หลง)
ข้าหลอกเอ็งที่ไหน พูดไม่คิด อิอิ:'(


ไม่มีสติ..มันงัดบ้านถูกหลังได้รึ
โขมยของเลือกแต่มีค่าถูกรึ ข่มขืนถูกรึ..ไอ้ตัดแปะ .. อิอิ:@




วิสัชนา...

K.kwan ( อวตารของ อิตั้วเจ้นู๋บี )ว่า....

อืม... สมแร้ว ที่ ไอ้สับฯ มันเกิดเป็นบ่างฯ เอ๊ย เกิดเป็นคนโคตรสับสน
ไม่รู้ทำไม มันถึงได้ชอบ พื้นฝอยหาตะเข็บสงสัย ยิบ ๆ ย่อย ๆ นักฟระ
ชอบนักล่ะ ไอ้เรื่องเปิดประเด็น แปรยติ 
และ ตีความ เกี่ยวกับ ศัพท์บัญญัติ โดยสมมุติเนี่ย
หรือ หล่อนกลัวว่า แชร์นิพพาน มัน จะล้มเหมือน  แชร์แม่ชม้อย ล่ะยะ
ถึงได้ มาโยนหินถามทาง แกว่างปากหาเท้างี้น่ะ อิอิ


เอ้า จะ สอนไอ้เข้ ว่ายน้ำซะหน่อยก็ได้ ย่ะ
ก็ไม่มี ใบลานสามตะกร้า มาโชว์หรา
ให้ หล่อนได้มีวาสนาดูเป็น reference  หรอกนะ ( ขี้เกียจปีนกะไดไปคุ้ย )
แต่ ในความคิด ของชั้น นะ สติมัน ก็แค่ การระลึกรู้  ว่ะ

ฉะนั้น การที่โจร มันล็อคสเปค
เลือกเหยื่อสาว ขาว ๆ สวย ๆมาฆ่าข่มขืน
ได้ถูกคน จนเสร็จมอารมณ์หมายตามที่ตั้งใจไว้

และ การ ที่ ขโมยมันฉลาด รู้จักเลิอกขโมยของ
ได้ถูกบ้าน ถูกที่ และ ถูกเวลา แล้ว สามารถหลอย ของมีค่าที่ถูกใจ
หนีลอยนวลไปได้ โดย ไม่ถูกจับ น่ะนะ


ชั้นก็ถือว่า พวกมันมีสติ ได้แจ่ม ดีเหมือนกันนะ
เพียงแต่ อีแบบนี้ มันเรียกว่า มีแต่สติ ขาดซึ่งสัมปชัญญะ
ไม่รู้จักใช้ ปัญญา มาโยนิโสฯ ว้อย


สติ มันก็เหมือน น้ำ มั้ง H2O น่ะ รู้จักไหม ?
ถ้ามันมี โมเลกุลของ H2O เป็นองคประกอบ
มันก็คือ น้ำ เหมือนกันนั่นแหล่ะ จร้าาาาาา

ไม่มี น้ำตัวจริง น้ำตัวปลอม หรอกย่ะ

เพียงแต่ว่า คุณค่าของ น้ำแต่ละชนิดที่เราเห็นนั้น
มัน ก็แตกต่างกันไป ตาม ส่วนผสมอื่น ๆ
ที่เอามาใส่เติมเพิ่มลงไปในน้ำนั้น ๆ ตะหากอ่ะ
ซึ่ง ก็ประเมินค่าของน้ำเหล่านั้น ได้
จาก สมมุติบัญญัติ ที่เราเอามาใช้เป็นมาตรวัดนั่นแหล่ะ


ดังนั้น จะ น้ำหวาน น้ำเกลือ น้ำฝนเดือนห้า น้ำเน่า  น้ำคร่ำ หรือ น้ำอสุจิ

ถ้า ถามว่า มันเป็นน้ำตัวจริง หรือ น้ำตัวปลอม
ก็ย่อมต้อง ตอบว่า  มันก็เป็น น้ำ ครือกัน ( มี H2O เหมือน ๆ กัน อ่ะ ) อิอิ


เฮ้ออ คนบางคนเขาก็แค่ อยากจะ บัญญัติศัพท์แสลงหวือหวาขึ้นมา
เพื่อเอาไว้สอนอิพวกธรรมานุบาล เท่านั้นแหล่ะมั้ง
จะได้ ช่วย อธิบาย และ ช่วยให้ อิอ่อนสอนขันพวกนั้น
มันสามารถประเมิน ตีค่า และ แยกแยะ ออกว่า
ควรมีสติ สไตล์ไหน ? การปฏิบติมันถึงจะก้าวหน้า


แหม๊ ? ปากเปียกปากแฉะอธิบายให้ฟังถึงขนาดนี้ แล้ว
หวังว่า ไอ้ลาเฒ่าหัวดื้อ เจ้ากัลยา ณ มิตร คิดไม่ซื่อของช้าน
มัน จะเลิกสับสน หายสงสัย และ เก็ทสะเทือน ขึ้นมาได้มั่งนะยะ :@



อ้างถึง

ปุจฉาาาาาา

สับสน!ว่า...

 นัง นู๋บี..มาเอากะทงไปอธิฐาน ชาติหน้าจะได้มีบุญ
เห็นหน้าสับสน..มาเป็นคู่กับสับสน..
(ป้าบัวผ่อง-ยกให้แล้ว แถมเงินด้วยแต่สับสนยังไม่ไปเอามา) 
อิอิ ไม่เสียค่าสินสอดด้วยน๊า อิอิ:@


..อ้อ..นังK ขวาน ไปเอาเมี่ยงเขามาอมทำไม อิอิ
เดือนตุลาคมรึ..ดูไปสำนวนก็ไม่คล้ายกันจริงๆนะ



วิสัชนา...

K.kwan ( อวตารของ อิตั้วเจ้นู๋บี )ว่า....

เก๊าะ อมเมี่ยงชาวบ้าน มัน เท่ห์ และ ดูดี มีเครดิต
มากกว่า ไป สมัครล็อกอินใหม่เองนิหว่า
ที่สำคัญ อมเมี่ยงชาวบ้าน เนี่ย
มันก็เข้าท่า กว่า การ เลี้ยงต้อยนักศึกษาสาว นะเฟร้ย
ไม่ต้องเกิด ทุกขังกาละมัง โดนอินาง หลอกให้อยาก
แล้วเก๊าะ จากไปก๊ะชายอื่น ด้วย ชะเอิงเอย (http://www.tairomdham.net/Smileys/default/25.gif)


อ้อ แร้ว วันนี้ ช้านขึ้นเวรบ่ายว้อย
เลยไม่ได้แจกบัตรคิว ไปลอยกระทงก๊ะหนุ่ม ๆ
แต่ถึง ได้ไปลอยกระทงหลงทาง จิง ๆ
เก๊าะ คงไม่คิดอธิษฐานขอพรจากเจ้าแม่กาลี
ให้ชาติหน้ามีคู่ตุนาหงัน เป็น ลาเฒ่า หัวดื้อ หรอกย่ะ(http://www.tairomdham.net/Smileys/default/30.gif)


ยี้ ๆๆๆๆ เรือพ่วงผุ ๆ แบบ นั้น อ่ะน่ะ   
ป้าบัวผ่องบอกว่า  ไอ้หมอนี่ น่ะนะ
มันก็เป็นได้แค่..อิพวกกิ๊กพวกกากส์ 
เป็นตัวสำรองในทีมฟุตบอล อ่า
หรือถ้าเปรียบเป็นสติ มันก็คงเป็นได้แค่...

สติตัวปลอม (เป็น ไอ้โม่ง ) ว่ะ


ถ้าเจอ  หนุ่มใหญ่ ใจดี สปอร์ต กทม. ที่เป็น ตัวจริง เมื่อไร 
ป้าผ่อง แกก็พร้อมที่จะ ฉีก สัญญา เมื่อสายัณต์
มะคิด จะยกลูกสาว (แบ่บแถมตังค์) ให้มันแระอ่า อิอิ (http://www.tairomdham.net/Smileys/default/12.gif)


ปอลิง

เออเฮ้ยยย นี่ ๆ ป้าผ่อง ฝากมา ขอคำปรึกษา
วาน หนุ่ม ๆ ในห้อง อพินยา มาเป็น ศิราณี
มาชี้ทางสว่าง ช่วย อิป้ามัน ตัดสินใจ ให้เด็ดขาดทีว่ะ
ว่า ไอ้บ่าวเฒ่าซือหม่าอี้ ใน กาทู้เนี๊ยะ (http://"http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/11/Y12926336/Y12926336.html#5") น่ะนะมันสมควรที่จะเป็น....

ลูกเขย ตัวจริง หรือ ตัวปลอม ของป้าบัวผ่อง ดีล่ะหว่า  ? หุหุ(http://www.tairomdham.net/Smileys/default/36.gif)


เออ จิงดิ ครายมี ล็อกอิน ที่ พันติ๊ป
ให้ อิป้าบัวผ่อง หยิบยืมมั่งคร้าาาาาา
ช่วงนี้ อิป้า มัน โดนคุณหญิงแม่ ใจร้าย
จับขังคุกขี้ไก่คร้าาาา (http://www.tairomdham.net/Smileys/default/26.gif)
เรยอยากจาวอนขอ หนุ่ม ๆ ใจดี แถวนี้
มาเป็น นอมินีหั้ยหน่อยอ่า


เนี่ย ถ้า ไอ้หนุ่มคนไหน
ยอมพลีกาย มาเป็นร่างทรง ให้ อิป้า มันน้าา
อิป้าผ่อง มัน บอกว่า จะยก น้องนู๋บีให้ เป็น เมียน้อย คร้าาา (http://www.tairomdham.net/Smileys/default/08.gif)


อ้างถึง


ปุจฉาาาาาา

jittinon ว่า....

^หวยล็อคนี่นา เข้ากะกาทู้ปู่จิงๆปลอมๆ
หากของจีจีต้องmod2-6



ไอ้ตี๋จิกตรีน นี่มัน.... ปากพระร่วงจิง ๆ เรยวุ้ย(http://www.tairomdham.net/Smileys/default/27.gif)


"http://board.palungjt.com/f138/ทำผิดกฏ-ใบแดง-สำหรับ-คุณ-k-kwan-เนื้อหาไม่เหมาะสม-388303.html" (http://board.palungjit.com/f138/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%8F-%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87-%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93-k-kwan-%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%A1-388303.html)

(http://www.tairomdham.net/Smileys/default/26.gif) (http://www.tairomdham.net/Smileys/default/26.gif) (http://www.tairomdham.net/Smileys/default/26.gif)


อ้างถึง

ปุจฉาาาาาา

Bull_psi ว่า...

เพื่อนชวนคุย ทำไมวีกิจไม่รู้
มุนินทร์คนละคนกะมุตตา บุคลิกต่างแต่มาหน้าเดียวกัน

- ก็คงจะรู้ว่าไม่ใช่ แต่แอบหวังลึกๆว่าขอให้ใช่ทีเถอะ
ละเอียดอ่อนนะความรู้สึก:cool:ก็คนมันรักจะทำอย่างไรก็รัก

เพื่อนธรรมสังเวชกันไปเลย ^^ :boo:


วิสัชนา...

K.kwan ( อวตารของ อิตั้วเจ้นู๋บี )ว่า....


ขอ อนุยาด ใส่ รูปปลากรอบ อิอิ (http://www.tairomdham.net/Smileys/default/12.gif)


(http://static.you2play.com/cache/images/artist/6e9d79af133ad188324343f4c7daab46-305x305.)

(http://sphotos-b.xx.fbcdn.net/hphotos-snc6/c0.0.403.403/p403x403/270429_534809209864022_212199868_n.jpg)



เอ ? แล้ว ยัยมุนินทร์ หรือว่า มุตตา ล่ะหว่า ?
ที่เป็น สติตัวจริงกระทิงแดงงงงงงงงง
  :27:


(http://distilleryimage3.s3.amazonaws.com/6092be8e17a611e2ac9b22000a1fb864_7.jpg)



อ้างถึง

วิสัชนา

หลบภัย ว่า...
 
สติตัวจริงนะเหรอคะ ต้องคุณแจงจิตค่ะ 
เพราะเขาเตือนสองคนนี้ตลอดอย่าทำอะไรที่ผิดศีล
ควรจะมีสติในชีวิตประำจำไปเรื่อย ๆ ไม่งั้นพวกหล่อนจะลำบาก



K.kwan ( อวตารของ อิตั้วเจ้นู๋บี )ว่า....


จัดหั้ยจร้าาาาาาาาาาาา :cool:
แหม๊ เจ้ล่ะอยากจะขอพรจากเจ้าแม่กาลี
ให้ ไอ้สับปรับ มันเข้าใจซะที ว่า

สติตัวจริง ที่ไม่พึ่งพิง กระทิงแดง เนี่ยยยย
มันเก๊าะเป็น ยังงี้นี่เองงงงง  :12:

(http://sphotos-b.xx.fbcdn.net/hphotos-prn1/s480x480/66351_286090024839082_1951603225_n.jpg)


อ้างถึง

ปุจฉาาาาาา

Bull_psi ว่า ...

วิบากนี้ไปเกิดเป็นพวกร่างทรงนะ
ทำกุศล, อกุศลภายใต้แบรนด์คนอื่นอะ
พวกOEM พวกแฟรนไชร์ ไม่ตั้งตนเป็นอิสระ
ไม่มีตนเป็นที่พึงตนเอง เป็นลูกกระจ๊อกเทพ ลูกกระจ๊อกผีอะ
เอาหรอคับป้า(พยายามขู่แล้วนะ55)

เอาเจ้K.Kwanคืนมา :boo:


(http://www.prasong.com/wp-content/uploads/2012/11/ranggnow.jpg)


วิสัชนา...

ลูกบัวผัน ( อวตารของ อิตั้วเจ้นู๋บี )ว่า....

แหม๊ ! ขู่จริงว้อย เนี่ย ป้ากลัวจนตัวสั่นงันงก
จิตตก ซ้าจนเจริญสติปัฏฐาน 4 มิได้เรยนะเนี่ย  อะซิก ๆ (http://www.tairomdham.net/Smileys/default/26.gif)


อ่ะ เพื่อเห็นแก่ความเป็นห่วงเป็นใย ของพ่อสัตว์หน้าขน
ช่วงนี้ ป้า ออกจากร้าง อิเจ้รองสันขวานก็ได้ฟระ
กลับไปสิงร่าง ลูกสาวป้าบัวผัน (http://ลูกสาวป้าบัวผัน) แทน ก้อด้ายยยย หุหุ (http://www.tairomdham.net/Smileys/default/12.gif)



(http://itplaza.co.th/imgadmins/news/big/22260_101349.jpg)


(http://sphotos-b.xx.fbcdn.net/hphotos-ash3/s480x480/550377_424636470935227_1269004029_n.jpg)


ที่มา :

"http://board.palungjit.com/f4/เอาเข้าไป-สติตัวจริง-กับสติตัวปลอม-สติไอ้โม่ง-อิอิ-384629.html" (http://board.palungjit.com/f4/เอาเข้าไป-สติตัวจริง-กับสติตัวปลอม-สติไอ้โม่ง-อิอิ-384629.html)
หัวข้อ: หอบกาทู้และตัวหนังสือที่ดับสูญ ที่พันติ๊ป มาโพส จร้าาา
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ มกราคม 09, 2013, 07:35:00 pm
ปกาศิต จาก คุณญิ๋งแม่ ถึง น้องพจมาน

เวอร์ชั่น  ป๋าวรพจน์

อ้างถึง

เรียน คุณ หม่ามี๊แก้ว เว็บพันทิปขอขอบคุณ
ที่ท่านได้กรุณาเลือกใช้บริการของเรา
และต้องขออภัยที่ไม่สามารถให้บริการกับท่านต่อไปได้
เนื่องจากท่านไม่สามารถปฏิบัติตามกติกา
และข้อตกลงการโพสต์กระทู้แสดงความคิดเห็น
โดยใช้คำหยาบคายก้าวร้าวที่ท่านได้เคยยืนยันรับทราบกับทางทีมงานไว้

ครั้งที่ 1 วันที่ 12/11/2012 กระทู้ 12909430#10

ครั้งที่ 2 วันที่ 04/01/2013 กระทู้12954538#2

ครั้งที่ 3 วันที่ 07/01/2013 กระทู้30024374

" เพื่อน ๆ เชื่อหรือไม่เจ้าคะ ว่า สมณะโคดม นั้นหนา คือ " ตัวเงินตัวทอง" กลับชาติมาเกิด ? รบกวน เพื่อน ๆ ในห้อง ต่าง ๆ ของพันติ๊ป ได้โปรดร่วมด้วยช่วยคิด และ ช่วยมาสุมหัว Brainstorming เพื่อเป็น วิทยาทาน ด้วยเถิดเจ้าค่ะ " ขอบคุณค่ะ








เวอร์ชั่น คุณจ่าพิชิต

นี่แหน่ะ ! แม่พจมานจ๊ะ ชั้นก็รู้สึกขอบใจเหมือนกันนะยะ
ที่หล่อนอุส่า หิ้วชะลอมใส่มะม่วง เอามาฝากหญิงแม่ และ เล็ก
ถึงในบ้านทรายทองอันเรืองรองผ่องอำไพแห่งนี้


แต่ ญิ๋งแม่ ทนไม่ไหวแล้วนะที่ หล่อน แอบซุก มาม่า
แฝงพวง มะม่วง ยัดใส่ชะลอมมาด้วยน่่ะ
หนำซ้ำ ยังเจื๋อก ทะลึ่งมาสาระแนแม่ยิ้ม
แอบ เลี้ยง ตัวเอี้ย เอาไว้คอย งาบ ลูกแกะที่ไร้เดียงสา ของญิ๋งแม่  อี๊ก


ฉะนั้น เพื่อความสงบสุข แห่ง บ้านทรายทอง
ญิ๋งแม่ คงต้อง ขออนุยาด เฉดหัว หล่อน
หั้ยไปอยู่ที่ กระท่อมน้อยปลายนา แล้วล่ะ ชิ้ว ๆ





+++++++++++++



เพื่อน ๆ เชื่อหรือไม่เจ้าคะ ว่า สมณะโคดม นั้นหนา
คือ " ตัวเงินตัวทอง" กลับชาติมาเกิด ?



รบกวน เพื่อน ๆ ในห้อง ต่าง ๆ
ได้โปรดร่วมด้วยช่วยคิด
และ ช่วยมาสุมหัว Brainstorming 
เพื่อเป็น วิทยาทาน ด้วยเถิดเจ้าค่ะ (http://f.ptcdn.info/988/000/000/1357569244-27-o.gif)

(http://f.ptcdn.info/847/000/000/1357231514-monkeyWEB-o.jpg)


ปอลิง 1

เอาเหล้าเก่า มาเขย่าใหม่ หาเรื่องแจม
เนื่องในโอกาสเกิดกรณีพิพาท แท็กอลวนป่วนพี่พันฯ อ่ะค่ะ


http://board.palungjit.com/f181/%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%81-%5E-0-%5E-322353-7.html#post6865267 (http://board.palungjit.com/f181/%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%81-%5E-0-%5E-322353-7.html#post6865267)


(http://f.ptcdn.info/988/000/000/1357569731-000805sJap-o.jpg)


ปอลิง 2

อ้อ แล้ว ในกรณี ที่ เราต้องการ พิสูจน์ ทฤษฎี
ตามที่อ่านเจอ ใน ตะกร้า 3 ใบ ที่ว่าไว้ ว่า

สมณะโคดม นั้นหนา ....คือ " ตัวเงินตัวทอง" กลับชาติมาเกิด ?


เราควรจะ ออกแบบการทดลอง
กำหนด ตัวแปลต้น ตัวแปลตาม
และ ตัวแปลควบคุม ยังไงดีคร้าาาา
ถึงจะ สามารถ พิสูจน์ทฤษฎีนี้ ได้ แม่น ราวกับ จับวาง
เหมือน อย่างที่ ทั่นกาลิเลโอ ได้เคยกระทำ
เพื่อ พิสูจน์ ทฤษฎี ที่บอกว่า โลกกลม !

(http://f.ptcdn.info/988/000/000/1357569337-o.jpg)




ปอลิง 3

อ้อ ในฐานะ จขกท. ขอ อนุยาด ตัดริบบิ้น
โหวตโพล โดย เลือก ข้อ 3 อื่น ๆ
( ตรูม่ะตอบ เพราะว่า ตรูม่ายลู้  ! ) นะเจ้าคะ หุหุ


(http://f.ptcdn.info/989/000/000/1357569889-7302-o.gif)



ผลโพล ( ก่อนโดนลบ)



4 - เชื่อ  :12:
5 - ไม่เชื่อ  :30:
4 - อื่น ๆ โปรดระบุ ( อาทิเช่น ตรูไม่ตอบ เพราะตรูไม่รู้ ! )  :25:

อ้างถึง
ติดแท็ก
สัตว์เลื้อยคลาน   ชีวประวัตบุคคลสำคัญ  ศาสนาพุทธ  เรื่องลึกลับ  ปัญหาสังคม


ส่วนข้างล่างนี้ ความเห็น บางส่วนในกาทู้ (จากทั้งหมด 25 เม้นต์)
เท่าที่พอจะระลึกชาติได้อ่ะนะ เพราะ ไอ้ที่เซฟไว้กันเหนียว นั้นน่ะ
มันผิดพลาดทางเทคนิคดับสูญไปหมดเยยย เฮ้ออออ เสียดายเป็นบ้า
( โดยเฉพาะ ตัวหนังสือยาว ๆๆๆ ที่ หลาย ๆ ทั่น มาอุส่าจิ้มดีดร่วมแจม อ่ะนะ )


อ้างถึง

คุณ ก. ว่า....

จขกท. ต้องการจะสื่อถึงอะไรครับ



อ้างถึง
ป้าบัวป่องว่า...

สื่อ ถึงอันนี้มั้ง อิอิ

(http://favimages.com/wp-content/uploads/2012/10/galileo-galilei-quotes-sayings-meaningful-deep-wise-short.jpg)


(http://favimages.com/wp-content/uploads/2012/10/galileo-galilei-quotes-sayings-meaningful-brainy-truth.jpg)



อ้างถึง
คุณ ข. ว่า...
บาป


อ้างถึง
.
ป้าบัวป่อง ว่า...

ตามหลักไวยกรณ์ ภาษาปะกิต บาป เป็น verb
แล้ว ใคร ล่ะหว่า ? ที่ขันอาสา จะมาเป็น Subject
อิทัปปัจจยตา สิ่งนู้นมี สิ่งนี้จึงมี อิอิ ?

(http://f.ptcdn.info/847/000/000/1357231368-Y129042442-o.jpg)





อ้างถึง
.
คุณ miryone ว่า....

ผมไม่รู้ครับป้าบัวป่อง เพราะผมไม่ได้มี จุตูปปาตญาณ
ป้าพอจะสอนผมได้ไหมล่ะ ?

ป้าบัวป่องว่า..

ป้า ถนัด แต่การสอนวิชาการปรุงมาม่า ก๊ะ การทำยาเบื่ออ่ะ
สนใจใจจะมาขึ้นครู ให้สอนหั้ยไหมล่ะไอ้นู๋  ? หุหุ

(http://f.ptcdn.info/993/000/000/1357576368-galileogal-o.jpg)

อ่ะ ป้าบัวเกรียน แวะเอา มาม่า มาฝากกกกก  นะจ๊ะ หุหุ

นี่ ๆ เหล่าพุทธมามกะจ๋าาาาาา ถ้าตำนานเรื่อง พุทธอวตาร มันเป็นเรื่องจริง
จะทำยังไงดีเอ่ย ?{แตกประเด็นจาก Y12785076}

http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/10/Y12789559/Y12789559.html#47 (http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/10/Y12789559/Y12789559.html#47)



รบกวน ท่านผู้ใจดี ในห้องหว้ากอ ช่วยออกแบบการทดลอง
เพื่อพิสูจน์ ความจริงเรื่องนี้ ให้ทีค่ะ ^ - ^ [ย้ายจาก : วิทยาศาสตร์]

http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2012/10/X12803455/X12803455.html (http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2012/10/X12803455/X12803455.html)

ปอลิง

เฮ้ยยย นี่ ๆ สำนวนป้า ซาดิสม์ สูสี ก๊ะ ป้าเซร่า อ๊ะปล่าววว อิอิ [:อมยิ้ม16:]


อ้างถึง
.
เฮีย Up_To_You ว่า...

เล่นอะไรคึกคะนอง แบบนี้
ต้องมีปมอะไรในใจแน่ๆ
ถึงเขียนออกมาไม่สร้างสรรน์
ในอนาคตต่อไปก็คงจะได้รับผลกรรมตามทัน
ในแบบที่เจ้าตัวได้ทำไว้ ณ ตอนนี้
โดยต้องไปอยู่กับสัตว์ที่ จขกท.พูดถึง



อ้างถึง
.
ป้าบัวป่องว่า

ขอบคุณทุกคห.เจ้าค่ะ
โดยเฉพาะ เฮีย Up_To_You   
ตามสบายเลยจ้ะ จะมองอิฉันเป็นยังไงหรืออะไรก็ไม่แปลก
ก็คนมันไม่มี Possitive  thinking นี่ 555

อ่านคห.ของเฮียแล้วก็ขำดี ^^
เอาเป็นว่าก็ขอให้มีความสุขกับความเชื่อ
และความศรัทธาของตนเองนะ
ไม่ว่าจะมีหนึ่งศาสนา มีหลายศาสนา หรือไม่มีศาสนาก็ตาม
ขอให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ไม่เบียดเบียนกัน
ทางกาย ทางวาจา เป็นใช้ได้ เจ้าค่ะ
อุ๊ยต๊ายยยย ธรรมมะติดคอ อะแค๊ก...อ่ะแค้ก....
55555555555555+


หมายเหตุ
ก๊อปสำนวนนี้ มาจาก เม๊นต์ ใน ลิ้งค์นี้ นะเจ้าคะ

http://pantip.com/topic/30013372/comment48 (http://pantip.com/topic/30013372/comment48)

แบ่บว่า เคยอ่านแร้ว ซาบซึ้ง...
จนน้ำตาไหลพรากกก อ่ะซิก...อ่ะซิก.. (http://f.ptcdn.info/988/000/000/1357569000-26-o.gif)



(http://f.ptcdn.info/994/000/000/1357577815-1288724510-o.jpg)


โอ๊ะโอ๋... ดูดูให้ดี มีอะรัยหั้ยดู



* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะ



(http://f.ptcdn.info/993/000/000/1357576840-Y127895594-o.jpg)

เอ้าาาา ใครเผลอ พลัดหลงเข้ามา ในกาทู้นี้
ได้โปรด ยืนไว้อาลัย 1 นาที หั้ยกับ กาลามสูตรที่ดับสูญ
และ บุรุษผู้เกิดก่อนกาล อย่างทั่น กาลิเลโอ ด้วยจร้าาา


(http://f.ptcdn.info/994/000/000/1357578546-galileogal-o.jpg)


หัวข้อ: Re: หอบกาทู้และตัวหนังสือที่ดับสูญ ที่พันติ๊ป มาโพส จร้าาา
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ มกราคม 09, 2013, 07:55:35 pm
*ถึงชาวหว้ากอ ศุภฯ ศาสนา ห้องแป้ง ก้นครัว - ขอ 3 คำ ให้กับพันทิปโฉมใหม่ครับ
(ติดแท็ก อาหาร ความงาม ปฏิบัติธรรม พรีเมียร์ลีก วิทยาศาสตร์ )



อ้างถึง

ไม่มีตรรกะ มีแต่กระว่า...


R V P เอ๊ย ไม่ใช่.. "เรียนรู้ แบ่งปัน สนุกสนาน" ตามสโลแกนของพันทิปเลยครับ

พร้อมกับสอบถามความคิดเห็นของเพื่อนๆว่าตั้งกระทู้แล้วแท็กแบบนี้ผิดกฎหรือไม่ อย่างไร

ส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่ผิด (ขอชี้นำนิดนึงเพราะเชื่อว่าคนส่วนใหญ่คิดว่าแท็กแบบนี้ผิด)
สมมุติว่าผมไปตั้งที่ห้องศุภฯ โดยถามคำถามเดียวกันว่า ถึงชาวศุภชลาศัย - ขอ 3 คำ ให้กับพันทิปโฉมใหม่ครับ
แบบนี้ไม่ผิดใช่ไหม ถ้าไม่ผิด ผมก็สามารถที่จะแท็กไปยัง 5 ห้องได้

ทำไมผมต้องไปโพสถึง 5 ห้อง 5 ครั้ง

- ถึงชาวก้นครัว - ขอ 3 คำ ให้กับพันทิปโฉมใหม่ครับ
- ถึงชาวห้องแป้ง - ขอ 3 คำ ให้กับพันทิปโฉมใหม่ครับ
- ถึงชาวหว้ากอ - ขอ 3 คำ ให้กับพันทิปโฉมใหม่ครับ
- ถึงชาวศุภฯ - ขอ 3 คำ ให้กับพันทิปโฉมใหม่ครับ
- ถึงชาวศาสนา - ขอ 3 คำ ให้กับพันทิปโฉมใหม่ครับ

แบบนี้ผิดหรือไม่

ทั้งๆที่ผมสามารถโพสได้ในครั้งเดียว และคำตอบก็อยู่ในกระทู้เดียว ไม่ต้องไปเปิด 5 กระทู้
ที่สำคัญที่สุดคือ เพื่อนๆจะได้สื่อถึงกันได้หมด

แต่ต้องเป็นคำถามปลายเปิดนะครับ อย่างคำถามในกระทู้นี้ ซึ่งผมเชื่อว่าสามารถแท็กแบบที่ผมกำลังแท็กอยู่ได้
หรือ อย่างเช่น "เพื่อนๆ ชอบอะไรในพันทิปใหม่นี้บ้างครับ ช่วยบอกมาคนละ 1 อย่าง" ก็สามารถแท็กไปห้องต่างๆได้
หรือจะให้ผมบอก "เพื่อนๆห้องแป้ง ชอบอะไรในพันทิปใหม่นี้บ้างครับ ช่วยบอกมาคนละ 1 อย่าง"
แล้วก็ต้องไปโพสถึง 5 ห้อง แต่ย้ำนะครับ ว่าต้องเป็นคำถามปลายเปิด ไม่ใช่ถามเรื่องเจ้าหนูของตัวเอง
แล้วแท็กไป อาวุธยุทโธปกรณ์ หรือ สัตว์เลื้อยคลาน แท็กแบบนี้มั่วครับ

ขอบคุณในความคิดเห็นล่วงหน้าครับ

แมนยูจงเจริญ เอ๊ยย พันทิปจงเจริญ ครับ อมยิ้ม16


วันจันทร์ เวลา 13:13 น.

++++++++++++++++++++++
ผลโพล
15 -ผิด เพราะแท็กมีไว้สำหรับเรื่องที่เกี่ยวข้องกันเท่านั้น ไม่มีข้อยกเว้น
20 -ไม่ผิด เพราะคำถามนี้สามารถถามได้ทุกห้อง กฎทุกกฎย่อมมีข้อยกเว้น



อ้างถึง

ความคิดเห็นที่ 31 คุณ  karaviko ว่า....

ถ้าเป็นคำถามแบบถามไปทั่ว เช่น ชอบ/เกลียดพันทิปใหม่ตรงไหน?
แบบนี้ คุณแท็กไปทุกห้องได้ครับ

แต่ถ้าคำถามของคุณเกี่ยวกับอาหารการกิน เช่น ไข่เจียวทอดยังไงไม่ให้ไหม้ ?  ^^
ถ้าแท็กห้องก้นครัว ก็ถูกต้องครับ

แต่ถ้าคุณเผื่อแผ่แท็กไปที่  ห้องแป้ง  ชาวหว้ากอ  ชาวศุภฯ  ชาวศาสนา ด้วยล่ะก็
แบบนี้ก็ผิดครับ กลายเป็นมั่วทันที แล้วเครดิตคุณจะเสียด้วย ต่อไปยากที่จะมีใครคุยดีๆ กับคุณ ถ้าคุณมั่วบ่อยนะ


จะแท็กห้องไหน ก็ดูด้วยว่า "คำถามมันเกี่ยวกับแท็กห้องนั้นไหม" ก็แค่นั้นครับ


อ้างถึง

ป้าบัวป่องว่า ...

ถึงชาวหว้ากอ ศุภฯ ศาสนา ห้องแป้ง ก้นครัว -
ขอ 3 คำ ให้กับพันทิปโฉมใหม่ครับ

อ่ะ กล้ามาขอ ก็ จัดหั้ย จร้าาาา นี่ คือ 3 คำสั้น ๆ ที่ มอบแด่ พี่พัน

ช่าง - แมง - มัน


อ้อ ถ้า อ่านแร้ว มึนตึ้บ จะเพิ่มหั้ยอีก เป็น 7  คำ ก็ได้

(http://f.ptcdn.info/982/000/000/1357559753-o.gif)


แต่ ถ้ายังไม่ เก็ทสะเทือน ก็จง เลื่อนไป คลิ๊กดู ที่ สะปอย ข้างล่างนี้ ก็แระกัน
คาดว่า ถ้าได้ คลิ๊กอ่าน ไร้สาระนุกรม ฉบับ คุณบัววเกรียน แร้ว
น่าจะ เกิด ซาโตริ ก๊ะ คำว่า ช่าง...แมง...มัน... จนเข้าถึงซึ่ง ดวงตาธรรม หุหุ


ไร้สาระนุกรม ฉบับ คุณบัววเกรียน  (http://board.palungjit.com/f181/นู๋บี-เด็กดี-ของป๋าวีฯ-อะแค้ก-อะแค้ก-230250.html#post3099455)


อ้อ แล้ว ก้อ เห็นด้วย ก๊ะ จขกท. และ คห. 31 ของคุณ karavikoมากมายอ่า
อืม...อิฉัน ชอบระบบ แท็ก คร้าาา เห็นแล้วก็ ขำ ๆ นะ
เวลาเจอกับการ แท็กเรื่อยเปื่อยเมื่อยก็พัก น่ะ [:อมยิ้ม16:]


แต่ ที่ เสียดาย คือ  ที่ระบบแท็กนี้
มันทำให้ มีการตั้งกาทู้เยอะ เหมือน ฟลัด กาทู้ จนรกบอร์ดอ่ะ
แล้วก็ทำให้ กาทู้ที่เราสนใจ หายไปจากหน้าจอไวโคตร
ยิ่ง ระบบการเลือก บุ๊ค มาร์ค ยัง ทำไม่ได้ อ่ะนะ
หา กาทู้ที่ เราสนใจจะติดตามจากหน้าจอ ยากส์ อิ๊บอ๋ายยยย เรยยย

 (http://f.ptcdn.info/846/000/000/1357230991-6676701314-o.gif)


ที่มา
http://pantip.com/topic/30022462/comment37 (http://pantip.com/topic/30022462/comment37)
หัวข้อ: Re: หอบ file ตัวหนังสือที่ดับสูญ ที่พันติ๊ป มาโพส จร้าาา
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ มกราคม 09, 2013, 08:13:07 pm
อ่ะ หอบไฟล์ตัวหนังสือที่ดับสูญ ที่พันติ๊ป มาโพส จร้าาา

อ่ะ ทำเป็น Attachment  file  เอาไว้ข้างล่าง
หั้ย แควน ๆ คลิ๊กไปอ่านเองแระกัน
เพื่อ อรรถรสในการอ่าน หุหุ   :12:
หัวข้อ: Re: หอบ file ตัวหนังสือที่ดับสูญ ที่พันติ๊ป มาโพส จร้าาา
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ มกราคม 09, 2013, 08:15:30 pm
 :25:  :25:  :25:
หัวข้อ: ปาฏิหาริย์ ซะละมั้ง ?
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ มกราคม 09, 2013, 10:26:12 pm
ปาฏิหาริย์  ซะละมั้ง ?

(http://2.bp.blogspot.com/_I4PjsLyIz-M/TRqgy6QOcyI/AAAAAAAABxo/PCZMAd8vwgA/s400/31-monk.jpg)

อ้าวเฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ตะกี้ หลังจาก น้องพจมาน
มัน ถลกหนังหัว...เอ๊ย แอบเอา ญิ๋งแม่
มานินทาในนี้ อยู่แหม่บ ๆ แท้ ๆ


ไง๋ ไป ๆ มาๆ นึกครึ้ม ๆ
พอลองเอาล็อกอินป๊ะป๋าหมาน มาใช้

http://pantip.com/profile/677710 (http://pantip.com/profile/677710)


พี่พัน ดันใจอ่อน ยอมหั้ยเข้าได้ฟระ หรือว่า เกิด บั๊ค ? อีกรอบ
จำได้ว่า ตอนวันปีใหม่ ทั้ง ล็อกอินของ ป๊ะป๋าหมาน  และ  หม่ามี๊แก้ว
ก็เข้าไปเพ่นพ่าน ใน พันติ๊ปเวอร์ชั่นแท็ก ได้ ทั้ง 2 ล็อกอินนี่
แต่ พอตอนที่ ล็อกอิน หม่ามี๊แก้ว โดนแบน เมื่อสองคืนก่อน
ก็พลอยเข้า ล็อกอินป๊ะป๋าหมาน ไม่ได้ไปด้วยนี่หว่า ?


แล้วไง๋ วันนี้ ถึงได้เข้าได้เฉยเรยวะ ( เกิดอะรัยขึ้นเนี่ย ?)
หรือว่า ปาฏิหาริย์ มีจริง พี่พันฯ เรย เสก อมยิ้ม หั้ยน้องพจมาน 
เป็นของขวัญวันเด็ก ล่วงหน้า ( เพื่อ ปลอบขวัญที่โดนน้องเค้าญิ๋งแม่รังแก หุหุ  :25: )


(http://opontodemutacao.blog.com/files/2012/06/Nova-Imagem-31.jpg)


ปอลิง

เออ เฮ้ยยย คิดไปคิดมา ชีวิต น้องพจมาน
มันก็คล้าย ๆ ก๊ะ ดราม่าเรื่องนี้เหมือนกันวุ้ย อิอิ

 
:29:  :29:  :29:


(http://ho.files-media.com/ud/variety/imgs/1/11/31805/n2-c-490x282.jpg)

(http://ho.files-media.com/ud/variety/imgs/1/11/31805/148909_534179406607195_105539354_n.jpg)


(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/kanistha/News/yinglak_1.jpg)

(http://chaoprayanews.com/blog/ramaindra/files/2013/01/630.jpg)

หัวข้อ: กาทู้ฉบับรากหญ้า ว่าด้วยเรื่อง ผังผืดพรหมจรรย์ !
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2013, 03:38:16 pm
(http://www.bloggang.com/data/i/itoursab/picture/1304750917.jpg)

อ่ะ เอามาฝาก  โพสไว้ตอนเที่ยง ๆ
พอ บ่าย แก่ ๆเก๊าะ ได้รับประทานแบรนด์  ก่อนมื้อดินเนอร์ เหอ...เหอ...
แหม๊ ? ทำสถิติ รับประทานแบรนด์แบบสายฟ้าแล่บเป็นประวัติการ
ภายใน 1 ชม. เชียวนะ  ( เจ๋ง ป่ะ เธอว์ ) หุหุ  :29:


+++++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีค่ะคุณ สมาชิกหมายเลข 717192

เนื่องจากทีมงานพบว่าการโพสต์ของคุณในกระทู้ เช่น 30146176 30146166 30146163 ฯลฯ

" ? ??. . .เยื่อพรหมจารีย์ ของ เหล่าอิสตรี นี่มันมีความสำคัญในสายตาของท่านผู้อ่าน แค่ไหนกันหนอ ?. . .? ??"

นั้นเป็นการโพสต์กระทู้ที่มีเนื้อหาเข้าข่ายล่อเป้า/บลั๊ฟ/เกรียน/ชวนทะเลาะ ในหน้าบอร์ดหลักเป็นการรบกวนการใช้งานของเพื่อนสมาชิกซึ่งถือว่าผิดกติกาจึงมีความจำเป็นต้องระงับการโพสต์ของท่านชั่วคราวเพื่อทำการแจ้งให้ท่านรับทราบเงื่อนไขในการใช้งานของเว็บพันทิปเสียก่อน

ทั้งนี้ทีมงานขอความกรุณาท่านสมาชิกตอบกลับมายัง contact.pantip.com เพื่อแจ้งเหตุผลในการโพสต์ข้อ ความลักษณะดังกล่าวค่ะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


กาทู้ฉบับรากหญ้า

. . .เยื่อพรหมจารีย์ ของ เหล่าอิสตรี นี่มันมีความสำคัญในสายตาของท่านผู้อ่าน แค่ไหนกันหนอ ?



1.เยื่อพรหมจารีย์ ของ เหล่าอิสตรี  นี่มันมีความสำคัญ
ในสายตาของท่านผู้อ่าน แค่ไหนกันหนอ ?

2.แล้วถ้าเลือกได้ คุณจะขอเลือกมีสิ่งใดไว้ในครอบครองเจ้าคะ
ระหว่าง พรหมจารีย์ กับ พรมเช็ดเท้า ?

รบกวน สอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้จาก ท่านผู้อ่าน
ทั้งใน ห้อง ปรัชญา /ศาสนา /ปัญหาชีวิต /ความรักวัยรุ่น
เพื่อขอความเห็นที่หลากหลาย เจ้าคะ


ปล.1

โพสที่ห้อง ปรัชญา
เพราะ ต้องการความเห็น เกี่ยวกับ
การให้คุณค่ากับ เยื่อพรหมจารีย์ในมุมมองเชิง ปรัชญา


โพสที่ห้อง ศาสนา
เพราะ ต้องการความเห็น เกี่ยวกับ
การให้คุณค่าของ เยื่อพรหมจรรย์ ในมุมมองเชิง ศาสนา
เนื่องจาก คำว่า เยื่อพรหมจารีย์ มันเกี่ยวข้องกับหลักคำสอน
เรื่องการรักนวลสงวนตัว ที่มีบัญญัติไว้ในศาสนาต่าง ๆ


โพสที่ห้องปัญหาชีวิต / ความรักวัยรุ่น
ต้องการความเห็น เกี่ยวกับคุณค่าของ เยื่อพรหมจรรย์
ในมุมมองของสังคมและวัยรุ่น
อีกทั้ง เรื่อง การสูญเสียบริสุทธิของผู้หญิง
มันก็เป็นปัญหาชีวิต ที่เกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ ในวัยรุ่น /สังคมไทย



ปล.2
ที่แยกโพส เป็นรายห้อง
โดยไม่แตะต้อง ระบบแท็ก
เพราะเคยตั้งกระทู้ ทำนองนี้
พอแท็กห้อง ปรัชญา /ศาสนา /ปัญหาชีวิต /ความรักวัยรุ่น
แล้ว โดน ญิ๋งเล็ก แจ้งบล็อก กาทู้

โดยบอกประมาณว่า อิฉันแท็กมั่วซั่ว
ถามอะไรในประเด็นต้องห้าม
สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดเกิดการกระทบกระทั่ง กัน ค่ะ 
อิฉัน จึง ขออนุญาต โพสกระทู้ซ้ำซาก
ทีละกระทู้ เป็นรายห้องนะเจ้าคะ


ปอลิง 3
ต้องขออภัย ด้วย ที่คราวนี้ ตั้งกระทู้ นี้
ด้วยภาษาแบบบ้าน ๆ ที่มีแต่ความตื้นเขิน
ไร้ซึ่ง ความลุ่มลึกเชิงปรัชญา ให้เอามาขบคิด
แถมยัง ขาด อรรถรส ในแง่ วรรณศิลป์ เช่นนี้
แต่ทำไงได้ล่ะ ก็คนไทยมันอ่านหนังสือ กัน ปีละไม่ถึง 8 บรรทัด นี่นะ
ขืน เขียนอะไร ในแนวโพสโมเดิร์น มากเกินไป
เดี๋ยวพวกหัวอนุรักษ์นิยม จะอ่านแล้วไม่สบอารมณ์
จะพลอยทำให้ อมยิ้มของอิฉันโดนเจี๋ยน อีกหน แหะ...แหะ...




หัวข้อ: กาทู้ฉบับโคตรเกรียนเซียนเหยียบเมฆ ว่าด้วยเรื่อง ผังผืดพรหมจรรย์ !
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2013, 03:43:34 pm
ถ้าเลือกได้ คุณจะเลือกเป็นผู้ครอบครอง สิ่งไหนดีคร้าาา ? พรหมจารีย์  หรือว่า ... ?


รบกวน ทั่นผู้อ่านช่วยโหวตเลือก
พร้อม กับ บอกเหตุผล ด้วยน้าา
ว่าทำไม คุณถึง ตัดสินใจเลือกเช่นนั้น ?


โหวต  V1

ถ้าคุณเลือกที่จะเป็นผู้ครอบครอง
เป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ไอ้เยื่อบาง ๆ กลางหว่างขา ของผู้หญิง
( หรือ ถ้า เรียกให้สั้น ๆ ว่า มัน คือ ผังผืดพรหมจรรย์  )

(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao28.png)



โหวต V2
ถ้าคุณเลือกที่จะเป็นผู้ครอบครอง
เป็นเจ้าข้าวเจ้าของ พรมเช็ดเท้า สักผืน
เอาไว้ใช้ประโยชน์ เพื่อใช้ ทำความสะอาด ซ่งติง ของคุณ

(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao08.png)




โหวต V3
อื่น ๆ โปรดระบุ ....
อาทิเช่น ตรูโลภมาก เอ๊ย รักพี่เสียดายน้อง
เลยอยากจะได้ ทั้ง ผังผืดพรหมจรรย์ และ พรมเช็ดเท้า
เอามาไว้ในครอบครองงงงงงงงงงงงงงงงง

(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao23.png)



ที่มาของกาทู้

อ้างถึง

" พรหมจารีย์ไม่เอา  เอาพรมเช็ดเท้า ! "

อืม.... เคยอ่านเจอข้อความนี้
ในหนังสือ มติชน ( สมัยอยู่ ม.ต้น )น่ะ
มันเป็น ความคิดเห็นหนึ่งที่ผู้อ่านส่งมา
เมื่อ บก. จุดประเด็นถกกันเรื่อง การรักนวลสงวนตัว
และ เยื่อพรหมจารีย์ของหญิงสาว
ซึ่งก็มีคนสำแดงความคิดเห็น ถกเถียงกันหลากหลายเลยทีเดียว

อ่านไป ก็ให้นึกสงสัยว่า ...ทำไม ผู้คนต้อง ยึดติด
แล้วเถียงกันจน หน้าดำคร่ำเครียด
กับ เยื่อบาง ๆ กลางหว่างขาของผู้หญิงด้วยนะ
เจ้าสิ่งนี้ มันต่างจาก ไส้ติ่ง ตรงไหน กันหนอ
ไม่เห็นมันจะมีประโยชน์อันใดกับร่างกายคน
เหมือนอวัยวะอื่น ๆ เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด เลย

ซึ่งพอ มาเจอ คำพูด " พรหมจารีย์ไม่เอา  เอาพรมเช็ดเท้า " เข้าให้
อ่านแล้วก็ขำก้าก แทบตกเก้าอี้เลยมั้ง
อืม....ประโยคสั้น ๆ สองประโยคนี่
มันบอกอะไรให้ รับรู้หลายอย่างนะ
ที่สำคัญ คำพูดนี้ มันมีส่วนช่วยหล่อหลอมความคิดและมุมมองในชีวิต
เกี่ยวกับ ศีล ข้อ 3 มาจนถึงทุกวันนี้


และ เมื่อได้เข้าเรียนในมหาลัย  ได้มีโอกาส อ่าน
บทความวิเคราะห์ เรื่อง พรหมจารีย์
ใน ฐานเศรษฐกิจสัปดาห์วิจารณ์ ฉบับหนึ่ง
จึงได้รู้ว่า  ในบางสังคม ถ้า เจ้าเยื่อบาง ๆ นี่ถูกทำลาย
เจ้าของก็กลุ้มใจจนแทบจะผูกคอตายเลยมั้ง


อ่านแล้ว ก็เกิดอาการกลัวขึ้นมาจับใจ
ถามตัวเองว่า ถ้าผังผืดพรหมจรรย์ ของตัวเองชำรุด
มันจะฉุดให้เยื่อหุ้มสมอง ของตรูอักเสบ
แบบผู้หญิงที่น่าสงสารนั่นไหมหนอ


และจากการอ่านครั้งนั้น ก็ทำให้ได้รู้อีกด้วยว่า
บางสังคม เจ้าเยื่อบาง ๆ อย่างเดียวกันนี้
กลับเป็นบาป เป็นสิ่งไร้ค่าที่ต้องถูกกำจัด
สมัยหนึ่งหญิงอินเดีย จะต้องทำลายเจ้าเยื่อบางๆ นี่ ให้ลูกสาว ตั้งแต่ยังเด็ก
มิฉะนั้น จะไม่มีผู้ชายคนไหนยอมแต่งงานกับลูกสาวของเธอ
แถมในบางพื้นที่ หญิงสาวทุกคนจะต้องเข้าพิธีทำลายเจ้าเยื่อบาง ๆ นั่น
โดยให้ ชนชั้นกษัตริย์ มาประกอบพิธีให้
สุดท้าย เมื่อมีผู้หญิงที่เข้าพิธีมีมาก ๆ
กษัตริย์ ทำไม่ไหว จึงมีการสร้างศิวลึงค์
มาช่วยในพิธีทำลายเยื่อพรหมจารีย์แทนกษัตริย์

อ่านข้อเท็จจริงเหล่านี้ แล้ว ก็ยิ่งแปลกใจ
และ เห็น ความ ไม่เที่ยง ของค่านิยมในสังคม หนักเข้าไปใหญ่
วัฒนธรรมทั้งหลายในโลกให้ความสำคัญและ ตีค่า
ไอ้เจ้า เยื่อบาง ๆ กลางหว่างขาของผู้หญิง ไม่เหมือนกันเลย...


อนึ่ง และ เนื่องจากวันนี้เห็นว่า 
เทศกาลเสียตัว...เอ๊ย...เทศกาลวาเลนไทน์ .
มัน ก็กำลังคืบคลาน ใกล้จะมาถึงแล้ว อ่ะค่ะ
เลย ขอ อนุยาด ทำดูเร็กซ์โพล...เอ๊ย...ทำประชาพิจารณ์
เพื่อ สำรวจความคิดเห็นกันหน่อย 
ว่า ส่วนใหญ่ ทั่นผู้อ่านทั้งหลาย

ให้ความสำคัญ กับ สิ่งไหน มากกว่ากัน ระหว่าง...

พรหมจารีย์  ก๊ะ พรมเช็ดเท้า !



+++++++++++++++++



และเช่นเคย ขอ ใช้สิทธิ ของการ เป็น จขกท.
โหวต เลือก ดังนี้ คร้าาาา

ถ้า อิฉัน เกิดมาเป็น ผู้ชาย อิฉันเลือก V1 อ่ะ เพราะว่า...

อ้างถึง
ผังผืดพรหมจรรย์ นั้นมันหายากส์
ต้อง ลำบากแทบตาย กว่าจะได้ ไอ้เจ้าสิ่งนี้ มาไว้ในครอบครอง
ส่วน พรมเช็ดเท้านั้น มันควักกระเป๋าจ่ายเงิน ซื้อเมื่อไร ก็ได้ อ่ะ

อีกอย่าง อิฉันชอบคำกล่าว ของใครคนหนึ่ง
ที่เคยไว้ พูดไว้น่ะ  เขาบอกว่า...

การที่ผู้หญิงสักคน สามารถรักษาไอ้เจ้าเยื่อบาง ๆ กลางหว่างขา เอาไว้
ให้รอดปากเหยี่ยวปากกา มาได้จนตลอดรอดฝั่ง
จนกระทั่งถึงวันที่ได้เป็นเจ้าสาวเนี่ย
แสดงว่า อย่างน้อย ผู้หญิงคนนั้น
ก็ต้องมี ใบการันตีคุณภาพ ( ในระดับหนึ่ง)

ว่า She ฉลาด และ ปฏิภาณไหวพริบมากพอ
จึงสามารถรักษาตัวให้รอดพ้นจากเสือสิงห์กะทิงแรด มาได้จวบจนถึงวันนี้
ที่สำคัญ คือ สามารถ มั่นใจ ได้  ว่า
ผู้หญิงคนนี้จะมี ยีนแห่งความยับยั้งชั่งใจ
และ มีความเข้มแข็งในดวงจิตเพียงพอ
ที่จะไม่หน้ามืดไหลไปตามกิเลสตัณหาและกามราคะ อ่ะ


ฉะนั้น ถ้าเลือก ผู้หญิงงี้ มาเป็นแม่ของลูก
อย่างน้อย ก็จะได้ สบายใจได้ระดับหนึ่ง
ว่า ลูกสาวที่เกิดมา จะไม่กลายเป็น ผู้หญิงที่อ่อนต่อโลก
และ อ่อนไหวไปตามกระแสแห่งกามอารมณ์ ( ภาษาชาวบ้านเรียก ใจง่าย )
จนถูกบรรดาไอ้กระรอกทั้งหลาย มันหลอกเจาะไข่แดง ฟันแล้วทิ้ง อ่ะค่ะ


อ้อ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อิฉันก็ไม่ได้ หมายความว่า
ผู้หญิงที่ ไร้ซึ่ง ผังผืดพรหมจรรย์ จะเป็น อิสาวใจง่ายทุกคนน้าา
ถ้าเป็น ผู้หญิงดี ๆ ที่โชคร้าย ที่ถูกไอ้ชายหื่นหมื่นกามมันข่มเหงกระทำชำเรา
( แบบ อิเจ้เซียวเหล่งนึ่ง หวานใจ ไอ้ตี๋ก้วยยี้ ในเรื่องมังกรหยก )
อันนี้ อิฉันก็พร้อม จะซูฮก รีบปูพรมแดง
ขอเชิญมาเป็น แม่ของลูก เหมือนกัน นะ
ต่อให้ เอา อินู๋ซิ๋ง ๆ  แบบ แม่นางก้วยเซียง สัก ร้อยคนมาแลก
ก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจจาก น้อง เล้งยี้ เด็ดขาดดดดดดดดดด



อ้อ แต่ถ้า อิฉัน เกิดมาเป็น ผู้หญิง อิฉันเลือก V2 อ่ะ เพราะว่า...

อ้างถึง
อิฉันมักจะมอง สิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัว
 จาก ประโยชน์ใช้สอย อ่ะค่ะ
ไม่ว่า จะเป็น คน สัตว์ สิ่งของ ผู้ชาย
หรือ แม้กระทั่ง ผังผืดพรหมจรรย์ เอิ๊กๆ


ซึ่ง เท่าที่ เปรียบเทียบดู ประโยชน์ ใช้สอยแล้ว
พรมเช็ดเท้า ย่อมมีประโยช์โภชผล ก๊ะ อิฉัน มากกว่า ผังผืดพรมจจรย์ อ่ะ
( เพราะว่า มันเอาไว้ ทำความสะอาด ซ่งติง ได้ไงคร้าาา อิอิ  )
ส่วน ไอ้เจ้า ผังผืดพรหมจรรย์ เนี่ย
มันเอาไปใช้สอยหาประโยชน์ อะรัยไม่ค่อยจะได้ เล๊ยย พับเผื่อย
นอกจากเอาไว้เป็นเครื่องรางของขลัง  ของชาวบ้านชาวช่อง
เวลาที่ พวกมันต้องการผู้หญิงสักคน มา ปักตะไคร้ไล่ฝน
หรือ หาคนไปเป็นแรงงานเถื่อน ช่วยกวนข้าวทิพย์ อ่ะค่ะ


ฉะนั้น ในสายตาของอิฉันแล้ว
พรมเช็ดเท้าย่อมมี คุณค่า
และสามารถเอาไปใช้สอยหาประโยชน์
ได้มากกว่า ไอ้เจ้าผังผืด พรหมจรรย์ อ่ะ
จึงขอเลือกที่จะเป็น เจ้าข้าวเจ้าของ
เลือกที่จะครอบครอง พรมเช็ดเท้า ดีกว่าคร้าาา


ส่วน ผังผืดพรหมจรรย์ นั้นน่ะ 
ถึงจะไม่มีมัน  อิฉันก็มั่นใจว่า
ตัวเองสามารถสร้างคุณค่า ให้ตัวเอง ได้
โดยไม่จำเป็น ต้อง กระเตง ไอ้เยื่อบาง ๆ พวกนี้
เอาไว้ ที่กลางหว่างขา ให้เกะกะ  อ่ะเจ้าค่ะ


อืม...แต่ จะว่าไป ถึงแม้  ไอ้เจ้าผังผืดพรหมจรรย์ เนี่ย
มันจะ มีคุณค่า สู้ พรมเช็ดเท้า ไม่ได้ ในสายตาของอิฉัน
แต่ มันก็ไม่ถึงกับ ไร้ประโยชน์ ซะทีเดียวหรอกนะจ๊ะ
เพราะ อย่างน้อยมันก็ทำให้ เราได้มีการละเล่นที่สนุก ๆ ทำ อ่ะค่ะ

อาทิเช่น ครึ้ม ๆ เราก็ งัดเอาผังผืดพรหมจรรย์ ออกไปอ่อย
ให้ ไอ้พวกไอ้เข้ไอ้โขง ทั้งหลาย มันน้ำลายหกเล่น ๆ
โดยที่ไม่ต้องรู้สึกสะทกสะท้าน เวลาโดน พวกมันก่นด่า
ครหาว่า เราเป็น อินังผู้หญิงหน้าโง่  ที่ ใจง่าย แรดได้ทุกสถานการณ์ ว่ะ 
เนี่ย เคยเจอมากะตัวเองแระ ขนาด โดนมันโพสด่า ประมาณ ว่า

บัวเหล่าที่ 5 อย่างอิฉันนั้น
มัน เป็น  อิพวกดอก(บัว)ทอง(คำ)

อิฉันยัง นั่งอ่านไป ขำไป
แล้วหัวเราะจนแทบตกเก้าอี้ เล๊ยยยยยย เอิ๊ก ๆ

เฮ้ออ จะว่า ไป ไอ้เจ้าผังผืดพรหมจรรย์ เนี่ย
มันก็ยังจะพอที่เอาไปใช้สอยประโยชน์ ได้บ้าง
ก็ตรงที่ ได้อาศัยมันไว้ เป็น ไม้กันหมา แบบนี้แหล่ะ 5555



(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao16.png)(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao16.png)(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao16.png)


หัวข้อ: กาทู้ฉบับร้องทุกข์ ว่าด้วยเรื่อง ผังผืดพรหมจรรย์ !
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2013, 03:46:23 pm

รบกวนสอบถามเรื่อง....


ถ้าเรามีปัญหาชีวิตให้ต้องขบคิด และต้องการคำตอบ
เลย ตั้งกาทู้สอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับ เรื่อง...
พรหมจารีย์และการรักนวลสงวนตัวของหญิงสาว
โดยอาศัยการเปรียบเทียบแบบตรรกะ เชิงสัญลักษณ์ ตามสไตล์ ปรัชญา ศาสนา
ด้วยการเอา พรหมจารีย์ ไปเปรียบเทียบ ประโยชน์ใช้สอยกับ พรมเช็ดเท้า
เพื่อโยนหินถามทาง ว่า ในสายตาของคนอ่าน สิ่งไหนมีความสำคัญ มากกว่ากัน แบบ กาทู้นี้


อ้างถึง

. . .ถ้าเลือกได้ คุณจะเลือกเป็นผู้ครอบครอง สิ่งไหนดีคร้าาา ? พรหมจารีย์ หรือว่า ... . . .

http://pantip.com/topic/30144366 (http://pantip.com/topic/30144366)


นี่มัน สามารถ แท็กในห้อง ปรัชญา /ศาสนา /ปัญหาชีวิต /ความรักวัยรุ่น
เพื่อขอความเห็นที่หลากหลาย จากท่านผู้อ่านได้หรือไม่เจ้าคะ ?
เฮ้ออ ? ชัก รู้สึกขาดความมั่นใจในการตั้งกาทู้อีกแล้ว เจ้าค่ะ T - T

(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao25.png)

หัวข้อ: Re: บ่นเรื่อยเปื่อย...เมื่อยก็พัก...ตามประสา นักปฏิบัติไม่เอาไหน ฯ ( Episode 4 )
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2013, 03:48:33 pm
 :45: สวัสดีวันแห่งความรักของฝาหรั่งครับคุณแม่


 :13: คุณแม่ยังดูมีพลังเหมือนเดิมนะครับ รักษาสุขภาพนะครับ
ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับผม
หัวข้อ: ถ้าไอ้หนุ่มที่คุณแอบชอบ มาชวนไปนอนด้วย...
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2013, 03:53:26 pm
:45: สวัสดีวันแห่งความรักของฝาหรั่งครับคุณแม่


 :13: คุณแม่ยังดูมีพลังเหมือนเดิมนะครับ รักษาสุขภาพนะครับ
ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับผม



สวัสดีวันเสียตัวของคนไทย...เอ๊ย...วันวาเลนไทน์ เช่นกันจร้าาคุณลูก
อ่ะ บทความข้างล่างนี้  คุณแม่ขราา โพส เอาไว้
ให้ คุณลูก และ น้อง ๆ นู๋ๆ ทั้งหลายได้อ่านเล่นๆ
เพื่อ เป็นของขวัญเนื่องในวาระ วันสุกดิบ
ก่อนที่จะถึง...เทศกาลเสียตัว เอ๊ย เทศกาลวาเลนไทน์ จร้าาา  :12:


ถ้าไอ้หนุ่มที่คุณแอบชอบ มาชวนไปนอนด้วย
คุณจะยอม โอเคนะคะ ก๊ะ มันไหมคร้าาาาาา ?



อ้างถึง

สมัยอยู่ ม.ปลาย เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง
เคยถามหนูบัวฯ เล่น ๆ ประมาณว่า ถ้าไอ้หนุ่มที่หนูบัวแอบชอบ
( อาทิเช่น พระเอกหนังสุดหล่อ ขวัญใจของเธอ )มาชวนไปนอนด้วย
หนูบัว จะยอม โอเคนะคะ ก๊ะ มันไหม?


หนูบัวฯยิ้ม ๆ แล้วตอบไปว่า
" ถ้าพอใจผู้ชายคนไหน
หนูบัวฯ ก็ชวนมันนอนด้วย ได้ทั้งนั้น
(โดยไม่คิดจะตั้งเงื่อนไขผูกมัด อะไรกับมันด้วย )
แต่บังเอิญ เธอรู้สึกว่ายังไม่มีผู้ชายคนไหนที่เห็นแล้ว
ทำให้เธอ พอใจ จนรู้สึกอยากจะนอนกับมัน ว่ะ "


เพื่อนฟังคำพูดของหนูบัวฯ แล้วตีหน้าทะแม้ง ๆ
ตั้งแต่นั้น มันก็เลิกถามเรื่องพรรณนี้กับเธออีกเลย
หนูปูเป้ รูมเมทรุ่นน้อง สมัยอยู่มหาลัย เคยนั่งถกกับหนูบัวฯ
เกี่ยวกับประเด็น เรื่อง การรักนวลสงวนตัว ของหญิงสาว
หนูบัวฯ ก็ตอบน้องมันไป  แบบเดียวกับที่เคยตอบเพื่อนนั่นแหล่ะ
แต่หนูปูเป้ ไม่ยักกับทำท่าแปลก ๆ
เธอมีสีหน้าครุ่นคิด และ ยังคงนั่งคุยเรื่องนี้กับหนูบัวฯ ต่อ


พอครึ้ม ๆ นึกเอ็นดูอีหนูมัน
หนูบัวฯก็เลย เลคเชอร์เรื่อง
เยื่อบาง ๆ กลางหว่างขาของผู้หญิง ให้ฟัง
พร้อมกับเตือนมันว่า
กรอบจำกัดของผู้หญิง
ไม่ใช่อยู่ที่เยื่อเหล่านั้นหรอกนะ ปูเป้
แต่ อยู่ที่การมีมดลูก ต่างหาก



ผู้หญิงมักใช้ เซ็กส์ เพื่อแลกกับความรัก
แต่ผู้ชายมักจะใช้ ความรัก แลกกับเซ็กส์
และไม่ว่า จะเป็นแบบไหน มันก็คือการแลกเปลี่ยน...
เกิดการตีค่า เกิดการสมมุติ และ เกิดการยึดติด ขึ้นมา
จนบางครั้ง ก็เกิดความสับสนระหว่างคำ สองคำ
... ความรัก กับ ความใคร่...

ดังนั้นเวลามีความรัก จงระวังให้มาก
เพราะเจ้าความรักมันมีเล่ห์กลสารพัด
ที่จะงัดมาใช้เพื่อล่อลวงทำให้คนตาบอด


ถ้าริจะมีความรัก เวลานึกอยากจะทำอะไรต้องอย่าประมาท
การมีเซ็กส์กับผู้ชาย ก่อนเวลาอันควร มันอันตรายมาก
แม้การรู้จักวิธีป้องกันตัวเองไม่ให้ท้อง มันจะทำให้ทุกอย่างดูค่อนข้างปลอดภัย
แต่การยอมนอนเตียงเดียวกับผู้ชายสักคน
มันก็เหมือนการยินยอมให้ผู้ชายคนนั้น มามีอิทธิพล เหนือชีวิตเรา
ถ้าไม่อยากสูญเสีย อิสรภาพของชีวิตที่สดใส จงอย่าคิดสั้นทำอะไรมักง่ายเด็ดขาด


ผู้ชายเป็นสัตว์โลกที่ไม่เคยเชื่อง
อย่าประมาทไปเล่นกับไฟ 
เมื่อไรที่มันได้ครอบครอง
แล้วเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
เรานั่นแหล่ะที่จะเดือดร้อน

เพราะถ้ามีรู้สึกว่า เข้ากันไม่ได้
เราไม่มีสิทธิ (ไม่แต่จะคิด )
ที่จะเขี่ยมันออกจากชีวิต
(นอกเสียจาก ว่า มันจะเบื่อ และ เขี่ยเราทิ้งเอง)
หนูบัวฯ ยกตัวอย่างให้ ปูเป้ฟัง
ถึง  เรื่อง พาดหัวข่าวตามหน้าหนังสือพิมพิ์
ประเภท ไอ้หนุมรักคุดเอาน้ำกรดสาดหน้าอีสาวคนรัก แล้วยิงตัวตาย

ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ปูเป้ มันจะคิดยังไงกับสิ่งที่เธอ พูด
เพราะ เห็นมันนั่งฟังตาแป๋ว แล้วทำท่าขยาดอย่างไรพิกล
สุดท้ายมันก็บ่นพึม " เจ๊ พูดซะ เค้าไม่อยากมีแฟนเลย "


ครั้งหนึ่งเจ้าพี่ชายนอกไส้ เคยสอนหนูบัวฯ ประมาณว่า


"จะผู้หญิง  หรือ ผู้ชาย ก็มี  ความต้องการ  เหมือน ๆ กัน
เพียงแต่ ความต้องการของผู้หญิง
มักจะถูกขัดขวางไว้โดยศีลธรรม


ปรัชญาฟันแล้วทิ้ง นั้น ผู้ชายที่ไหน ก็ทำได้ ง่ายจะตาย
แต่สิ่งที่ยากกว่านั้น...คือการไม่ทำต่างหาก
เพราะสัญชาตญาณของสัตว์ มันย่อมชอบสมสู่อยู่แล้ว
และการสมสู่ไม่เลือกนี่เอง
ที่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สังคมวุ่นวาย"


ฟังแล้ว บางครั้ง หนูบัวฯก็ขอบคุณกรรมเก่าแต่ปางก่อนนะ
ที่โน้มนำให้เธอมี โครโมโซมคู่ที่ 23 เป็น XX
เพราะหาก เป็น XY  คนที่นิยม ลัทธิ เสพสุข
และ มี ราคจริต เป็นเจ้าเรือน อย่างเธอคงเป็นเอดส์ตาย แน่ ๆ
นี่ไม่ได้พูดเล่นนะ บางครั้งขนบธรรมเนียม
จารีตประเพณีอันหยุมหยิมทั้งหลายแหล่ ที่จำกัดสิทธิของผู้หญิง
มันก็ช่วยเป็นเกราะป้องกันคุ้มครองหนูบัวฯ
ไม่ให้หลงระเริงกับกิเลสตัณหาได้มากขึ้นนะ


บางครั้ง น้องชายของหนูบัว ฯ เคยเลคเชอร์สอนเธอว่า

" จำไว้นะ ไอ้บัวฯ
ผู้หญิงน่ะมันก็แค่เล่นตัวนิด ๆ หน่อย ๆ
ตอนเริ่มจีบเท่านั้นแหล่ะ
แรก ๆ ก็ยอมทนตามใจนังพวกนี้มันไปก่อน
พอตกเป็นของเรา เมื่อไร
ขี้คร้านจะเดินตามเรา ต้อย ๆ
เรียกเรา คุณคะ คุณขาาาาาาาาาาา "


ต้อง ขอบคุณน้องมันนะ ที่ให้ข้อคิดสะกิดใจ
ทำให้  หนูบัวฯ ฟังแล้ว หวาดกลัว
ไม่อยากสติแตก ต้องตกเป็น
ผู้หญิงที่เดินตามใครต้อย ๆ
แล้วพูดว่า คุณคะ คุณขาาาาาาาาาาา


เฮ้อ ประสบการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต
และการได้ฟัง พี่ชายนอกไส้ และ น้องชายในไส้มันเลคเชอร์ ครั้งนั้น
มีผลกับ มุมมองความคิด ในเรื่องโลกีย์
( โดยเฉพาะในส่วนของ กาเม ) ของหนูบัวฯ อย่างมาก เลยนะ


ด้วยเหตุนี้ เลยทำให้ เธอ สามารถ รักษาศีลข้อ 3 นี้
ได้ค่อนข้างง่ายมาก (ถ้าพูดถึงในส่วน เฉพาะ กายกรรม )
อย่างน้อยเมื่อมีอารมณ์เกิดขึ้น 
ก็ไม่เคยคิดฉุดคร่า ผู้ชายคนไหน ไปข่มขืนสักทีนะ แหะ ๆ


(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao19.png)(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao19.png)(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao19.png)
หัวข้อ: ถ้าชาติหน้าปรารถนาจะเกิดเป็น กระเทย จะต้องทำ กรรม เช่นไร สะสมไว้ดีเจ้าคะ ?
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2013, 04:45:45 pm
ถ้าชาติหน้าปรารถนาจะเกิดเป็น กระเทย 
ชาตินี้ อิฉันจะต้องทำ กรรม เช่นไร สะสมไว้ดีเจ้าคะ ?



1.ถ้าชาติหน้ามีจริง แล้ว อิฉันปรารถนาจะเกิดเป็น กระเทย
ชาตินี้ อิฉันจะต้อง เร่งทำ กรรม เช่นไร สะสมไว้ดีเจ้าคะ ?

(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao28.png)(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao28.png)(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao28.png)


2.เคยได้ยินมาว่า ถ้าทำผิดศีล ข้อ 3 บ่อย ๆ
จะส่งผลให้เกิดเป็น เพศที่ 3
งั้นอิฉันจะต้องแอบลักลอบเล่นชู้
จู่จุ๊กกรู กับ สามีชาวบ้าน บ่อย ๆ ใช่ไหม คะ
ชาติหน้าถึงจะสามารถเกิดเป็น กระเทยสมใจ

(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao13.png)(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao13.png)(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao13.png)


3.และถ้าบังเอิญว่า เกิดมาชาติ นี้
ศีลข้อ 3 ของอิฉันก็ผุดผ่องเป็นยองใยไม่เคย แปดเปื้อนราคีคาว
ราวกับนางชีผู้บริสุทธิ์ แห่งสำนัก ง้อไบ๊ ยังสามารถปักตะไคร้ไล่ฝน ได้ งี้

อิฉันจะต้องทำยังไงดีเจ้าคะ
ถึงจะสามารถ ไปเกิดเป็นกระเทย ในชาติหน้า ได้
แบ่บว่า อยากเป็นกระเทย แต่ไม่อยาก ฝืนใจทำผิดศีลข้อ 3  อะค่ะ

(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao16.png)(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao16.png)(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao16.png)


ที่มา

คือว่า ชาตินี้ อิฉัน เกิดมา อาภัพอับโชค
เลยมี โครโมโซม เป็น 22+XX 
และ ก็มี มดลูก ก๊ะ รังไข่
เอาไว้ในครอบครอง อ่ะค่ะ


ซึ่ง ถ้า พูด กันตามจริง แล้ว
อิฉันไม่อยาก จะมีไอ้เจ้ามดลูก ก๊ะ รังไข่
มาเป็น อวัยวะ ถ่วงความเจริญ เลยเจ้าค่ะ
การต้องมา ลำบากลำบน
ทนเป็นประจำเดือน บ่อย ๆ
นี่มัน ไม่สนุก หรอกนะเจ้าคะ
( ขี้เกียจเปลืองเงินซื้อผ้า อนามัยด้วยค่ะ  T ^ T )


เก๊าะ เลยรู้สึกอยากจะเกิด เป็น ผู้ชาย  ที่มี โครโมโซม เป็น 22+XY
เพราะ รู้สึกว่า เพศชาย นี่มัน สะดวกสบายมากมาย
และ มีความได้เปรียบเชิงกลหลายอย่าง
ตลอดจน ความได้เปรียบทางสังคม
ที่มากกว่าเพศหญิง เยอะเลย อ่ะค่ะ


แต่ในขณะ ที่  ชาติหน้า นั้นอิฉัน อยาก เกิดมา
มี ความได้เปรียบทั้งหลายแหล่ แบบเพศชาย
ทว่า ก็ยังอยากจะ อ้อล้อต่อกระซิก ก๊ะหนุ่ม ๆ
มี จริตจกร้าน แพรวพรายอันเป็น วิสัยของ สตรีเพศ ได้ แบบในชาตินี้ ด้วย


อนึ่ง เมื่อ พิณา จาก คุณสมบัติ ตามสเปค ที่ต้องการแล้ว
อิฉัน จึง มีดำริว่า งั้น ถ้าชาติหน้ามีจริงก็จะขอ เกิดเป็น กระเทย ดีกว่า
ฉะนั้น ชาตินี้ อิฉันจะต้องทำ กรรม เช่นไร สะสมไว้ดีเจ้าคะ ?
ถึงจะ สามารถไปเกิดเป็น กระเทยได้ สมใจอยาก
โดย ไม่ต้อง กระทำการอันใด ให้ต้องละเมิด ศีลข้อ 3
จนศีลมันถลอกปอกเปิก อ่ะคะ

(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao19.png)(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao19.png)(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao19.png)



อืม...เท่าที่อ่านกระทู้มา รู้สึกว่า....

การอยากเป็น กระเทย นี่...
มันต่ำช้าเลวทราม มากนักหรือไงกันล่ะหว่า
อิฉัน คิดว่า มันก็เป็นแค่ รสนิยมทางเพศแบบหนึ่ง ก็เท่านั้นเอง
แล้วการที่อิฉัน อยากเกิดมา ตัวเป็นชาย ใจเป็นญิ๋ง ในชาติหน้า
นี่มันเป็น มิจฉาทิฏฐิ ตรงไหน เนี่ย



เหตุผล ก็ตรงไปตรงมาบอกไปชัดเจนแล้วนิ
ว่า อยากมีร่างกายเป็น ผู้ชาย
เพราะเหตุผลของ ความได้เปรียบเชิงกล
ประโยชน์ทางสรีระวิทยา ( อาทิเช่น ความแข็งแรง ฯลฯ )
และ ความได้เปรียบทางสังคม


จึงมาตั้งกระทู้ถาม ว่า จะสร้างกรรม ยัง ไง
ให้เกิด เป็น กระเทย โดย ไม่ก้าวล่วงศีล 5
ก็ไหน พุทธ บอกว่า กมฺมุนา  วตฺตตี โลโก กุ๊ก ๆ
สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม ที่ตนได้กระทำ ไง
ถ้าอยากเป็น อะรัย ก็ให้ ทำกรรม ให้เป็นเช่นนั้น นิ
ก็ในเมื่อ อิฉัน อยากเป็น กระเทย ( แต่ไม่อยาก ผิดศีลข้อ 3 )


แล้ว อิฉัน จะต้องทำฉันใด ปฏิบัติธรรมแนวไหน
เพื่อให้ ความฝันนั้น กลายเป็นจริง ในชาติหน้า ล่ะเจ้าคะ


แถวนี้ ไม่มี ผู้ทรงภูมิ  มาช่วย ชี้ทางสว่างให้ บ้างหรือไงกันนะ อะซิก...อ่ะซิก...:'(


ปอลิง
อ้อ แล้วที่มีคนกังขา เรื่อง สถานะทางเพศใน บัตร ปชช. อิฉันนั้นน่ะ
ก็ขอ เรียนให้ทราบ ว่า ใน บัตร ปชช. นี่ 
อิฉัน ใช้คำว่า นส. เจ้าค่ะ ส่วน โครโมโซม ก็ 22+XX 
และ มีความจำเป็นต้องใช้โกเต๊กซ์ ทุกเดือน( เพราะ เมนส์ยังไม่หมด )
อันนี้ พูดจิงจิ๊งงงงงง หาได้ โป้ปดมดเท็จ เรยน้าาา
ถือ ศีล 5 อยู๊ โกหก บ่ ได้ ดอก อิอิ


(http://hilight.kapook.com/img_cms/poy280.jpg)
หัวข้อ: Re: ถ้าชาติหน้าปรารถนาจะเกิดเป็น กระเทย จะต้องทำ กรรม เช่นไร สะสมไว้ดีเจ้าคะ ?
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2013, 04:48:14 pm
อืม....เคยไปโพส กาทู้นี้ ที่ พันดริฟท์

"http://pantip.com/topic/30159199" (http://pantip.com/topic/30159199)

( ทว่า ตัวหนังสือ เก๊าะ ถูกทำให้ถูกดับสูญ
ไปพร้อมกับล็อกอินแระ  แหะ...แหะ...)
แต่ ถึงงั้น ก็  ขอ นุยาด ไปขุดความเห็นของบางท่าน ที่เคยแจมกาทู้นู้น
มาแปะ ไว้ ใน กาทู้นี้ อีกครั้งนะเจ้าคะ
เนื่องจาก อ่าน เม้นต์ ของเขาแร้ว โดนใจ อย่างแรงส์  อิอิ


อ้างถึง

ความคิดเห็นที่ 17

จขกทอย่าไปหลงเชื่อเรื่องงมงายที่มีคนอ้างพระ อ้างตำรามาบอกว่าจะทำยังไงถึงจะเกิดมาเป็นกะเทยเลยครับ ชาติหน้ามีจริงหรือป่าวก็ไม่รู้ ถึงมีจริงจะเกิดมาเป็นอะไรก็ไม่รู้ได้อีก ค่อยไปคิดเอาตอนเกิดใหม่ก็แล้วกัน บางทีความคิด ความชอบก็อาจเปลี่ยนไปแล้วเพราะเป็นคนละคนกัน ทุกอย่างมีทั้งข้อดีข้อเสีย กะเทยก็เช่นกันไม่ได้มีแต่ข้อดีอย่างเดียว ข้อเสียยังมีอีกตั้งเยอะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเกิดมาเป็นแบบไหนก็ต้องพอใจและทำตัวให้มีความสุขให้ได้ครับ

Persimon



เฮ้ออ  ความเห็นของ คุณ Persimon เนี่ย
เป็น คำตอบใน ดวงใจ เรยนะเจ้าคะ
เพราะ ตะแต่ ปาหินข้างทาง..เอ๊ย โยนหินถามทางมา
ก็ เพิ่งจะมี  ตัวหนังสือที่เขาโพสนี่แหล่ะ 
ที่อ่านแร้วน้ำตาหยดติ๋ง ๆ อ่ะซิก.... อ่ะซิก...

อ่านแล้ว นึกถึง ตัวหนังสือ ของตัวเอง  ที่เคยเขียนไว้ ใน กระทู้

เหตุใด ในสังคมปัจจุบันนี้ มีเพศที่สามเยอะขึ้นมาก กว่าสมัยก่อน
เพราะเหตุใดต้องมาชดใช้กรรม ในเรื่องพรรคนี้ด้วย จัง อ่ะ

อ้างถึง
ความคิดเห็นที่ 14

คิดว่าการเกิดเป็นเพศที่ 3 เป็นเพราะ วิบาก นะ
แต่ไม่คิดว่า การเกิดเป็น เพศที่ 3 นั้น เป็นการชดใช้กรรม
การปรุงแต่งจริตของคุณต่อ เพศ ที่คุณถือครองอยู่ ต่างหาก
คือ การชดใช้กรรม ของจริงล่ะ

จะบอกให้นะ ว่า สมัยเรียนมหาลัย
เวลา ครึ้ม ๆ บางที ผู้หญิงทั้งแท่งอย่างอิฉัน
ก็ยังนึกอยากเกิดเป็น กระเทย เลยผับผ่า
นี่ไม่ได้พูดเล่นนะ รู้สึกงั้นจริง ๆ

เพราะรู้สึกว่า โดยสรีระ และค่านิยมทางสังคม มันสบายดี
ได้เป็น สัตว์เพศผู้ ที่มีอัณฑะ
ไม่ต้องมีมดลูก มาเกะกะ เป็นเครื่องถ่วงความเจริญ
แถม สะบัดสะบิ้งได้ตามใจชอบ ไม่ต้องเก๊กแบบผู้ชาย

จากคุณ : นู๋บี - บัวเหล่าที่ 5 - [ 3 มิ.ย. 52 19:27:17 ]



อ่ะอันนี้เคยโพสไว้ ที่ เวบลานธรรม
คิดว่าเกี่ยวกับเรื่องเพศในกระทู้นี้
เลยเอามาแปะ ให้อ่านเล่น ๆเผื่อจะได้ข้อคิด
และ มุมมอง ที่ หลากหลาย มากขึ้น ^ - ^


อ้างถึง

ระหว่างการได้เกิดเป็นหญิง กับ การได้เกิดเป็นชาย
คุณคิดว่าอย่างไหนจะยากกว่ากันครับ

เนื้อความ : (sssboun) อ้างอิง |

ผมสังเกตเห็นปัจจุบันนี้ส่วนมาก
มักจะคลอดลูกออกเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชายครับ
ดั่งนั้นผมขอตอบเป็นคนแรกเลยว่าเกิดเป็นชายนั้นย่อมจะยากกว่า
เพราะเหตุผลที่ว่าเกิดเป็นหญิงนั้น

จะมีความทุกข์มากกว่าฝ่ายชายอยู่หลายประการครับ
ส่วนคุณล่ะครับคิดว่าเป็นใครครับ

จากคุณ : sssboun [ ตอบ: 11 ต.ค. 51 15:36 ]



ความคิดเห็นที่ 10 : (บัวเหล่าที่ 5) อ้างอิง |
ถ้า อ่านใน "เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน" ของ ดังตฤณ
เค้าว่า เกิดเป็นชาย ยาก กว่า อ่ะ
แต่ อิฉันเลือก ข้อ 3 อื่น ๆ นะ

เพราะ อดีตเฟมินิสต์สุดขั้ว อย่างอิฉัน คิดว่า
ไม่ว่า จะเกิดมามีต่อมลูกหมาก หรือ ปากมดลูก
ก็เป็นเพียง สังขารที่สมมุติขึ้น มิใช่หรือ
ก็เป็นเพียง ที่ประชุม ของธาตุทั้งสี่ มิใช่หรือ
ก็เป็นเพียง เรือนพักชั่วคราว ให้ตัวเราได้อาศัย มิใช่หรือ


รู้เช่นนี้ แล้ว จะยึดติด กับ เจ้า โครโมโซม คู่ที่ 23 ไปไยให้ปวดหัว ?
มันสำคัญที่ว่าถ้าจำเป็นต้องเกิด...
เมื่อเกิดมาแล้ว คุณ... พอใจ... ในสิ่งที่ตัวเอง...เป็น...หรือเปล่า ? ต่างหาก
อันนี้แหล่ะ ยากกว่า เกิดเป็นหญิงเป็นชาย แยะ เลยแฮะ

เพราะถ้าทำใจกับ สิ่งที่ตน เป็น ไม่ได้
เจ้าตัวความทุกข์ มันจะรี่เข้ามาทักทายคุณ ทันที
อืม...ขอบคุณกรรมเก่าแต่ปางก่อน
ที่ทำให้ อิฉัน ...พอใจ... กับทุกสิ่ง
ที่...ปรุงแต่ง...เป็น... อัตตา... ของตัวเอง^ - ^


จากคุณ : บัวเหล่าที่ 5 [ ตอบ: 12 ต.ค. 51 17:38 ]


ความคิดเห็นที่ 12 : (TheBasic) อ้างอิง |
มันก็ยากทั้ง 2 อย่างแหละ
กว่าจะได้เกิดมาเป็น คน ยากเย็นนักหนา
จะได้ หญิง หรือ ชาย ก็ดีใจไว้เถอะ
อย่างน้อยก็ได้เป็นคนบรรลุธรรมได้ทั้ง 2 อย่าง
แล้วยังคิดอยู่ไหมว่า หญิงหรือชาย อันไหนดีกว่ากัน

สาธุกับ คุณบัวเหล่าที่ 5 ด้วยครับ กล่าวไว้ดีมาก

จากคุณ : TheBasic [ ตอบ: 12 ต.ค. 51 19:33 ]

(http://www.thegolfemag.com/UserFiles/image/star/1003/100328_gnet/100328_gnet01.jpg)



ส่วน ลิ้งค์เนี๊ยะ (http://board.palungjit.com/f181/%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B9%86-%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%88%E0%B9%8B%E0%B8%B2%E0%B8%B2%E0%B8%B2-%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%9A-%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B9%8B%E0%B8%9A%E0%B8%B5-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%8B%E0%B8%B4-%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B8%82%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%B2%E0%B8%B2%E0%B8%B2%E0%B8%B2%E0%B8%B2%E0%B8%B2%E0%B8%B2-209696-50.html#post4499999) เอามาฝาก ทั่นผู้อ่านทู๊กกกทั่น
ขอบคุณ ที่เข้ามาช่วยแจมคร้าาาาา อิอิ


(http://p2.s1sf.com/hi/0/wb/i/ui/187/936669/g-net-8288-8290-12_1304502272.jpg;r:width=350,height=496;static:p_s1sf_hi_0;file:ab8388.jpg)

หัวข้อ: ถ้าจำเป็น ต้องเลือก คุณจะเลือก กระทำ กรรม แบบไหน ? ระหว่าง....
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2013, 10:33:13 am

1. ถ้าจำเป็น ต้องเลือก คุณจะเลือก กระทำ กรรม แบบไหน ?
   ระหว่าง....


ก.เหยียบเท้าลูกหมาจนห้อเลือด
ข.เหยียบเท้าพระพุทธเจ้าจนห้อเลือด

2. แล้ว อะไรคือ เหตุผล ที่ทำให้ คุณการตัดสินใจ
เลือกกระทำ กรรม  ในข้อ ก. หรือ ข. ดังกล่าว

รบกวนสอบถามความคิดเห็นเจ้าค่ะ

ขอบคุณค่ะ

หมายเหตุ

อ้างถึง

- แท็ก ห้องจตุจักร
เพราะ อยากได้ มุมมองของผู้ที่มีรักและมีเมตตาต่อสัตว์
ว่า ท่านมีความคิดเห็น อย่างไร ใน สถานการณ์สมมุตินี้

-แท็ก ห้องศาสดา
เพราะ อยากได้ มุมมองของผู้ที่มีศรัทธาในพระพุทธเจ้า
และ มีความเชื่อสืบต่อกันมาในเรื่อง อนันตริยกรรม
ว่า ทั่นมีความคิดเห็น อย่างไร ใน สถานการณ์สมมุตินี้

- แท็ก ปรัชญา
เพราะ อยากได้ มุมมองของผู้ที่มีความรู้เรื่องเชิงปรัชญา
ว่า ท่านมีความคิดเห็น อย่างไร ใน สถานการณ์สมมุตินี้

อ้อ ส่วนศาสนิกชน ศาสนาอื่น ๆ  และ คนไม่มีศาสนา ทั้งหลาย ก็ มาแจม ได้นะเจ้าคะ
อิฉัน อยากได้ เรทติ้งแยะ ๆ...เอ๊ย.... ความ คิดเห็นที่ หลากหลาย แหะ...แหะ..


(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao27.png)
หัวข้อ: Re: บ่นเรื่อยเปื่อย...เมื่อยก็พัก...ตามประสา นักปฏิบัติไม่เอาไหน ฯ ( Episode 4 )
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2013, 02:46:34 pm
ขออนุญาต ตั้งกระทู้ถามไถ่ เพื่อระบายความในใจ กรณีที่ กระทู้ถูกอุ้ม เจ้าค่ะ T ^ T

* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะ

กระทู้คำถาม

ศาสนาพุทธ ปัญหาชีวิต


เมื่อ ตะกี้ ตั้งกระทู้

"ถ้าชาติหน้าปรารถนาจะเกิดเป็น กระเทย 
ชาตินี้ อิฉันจะต้องทำ กรรม เช่นไร สะสมไว้ดีเจ้าคะ ?"


ในกระทู้ ก็พูดคุยสรวลเสเฮฮาเสวนาธรรม กันตามประสา
หาได้มีกลิ่นอายของ ดราม่า  มาปนเปื้อนแต่อย่างใด เลย
แต่ ก็เหมือนเช่นเคยอ่ะ...กระทู้ โดนลบอีกแล้วเจ้าค่ะ
เฮ้อออออออออ รู้สึกเหนื่อยใจจังเน๊าะ
เพราะตั้งกระทู้กี่ที ๆ ก็ ไม่มีโอกาสได้อยู่เกินข้ามคืนเลย


อืม...ก็ไม่ได้ เสียดายที่ กระทู้ ตัวเองถูกลบหรอกนะ
เพราะว่า มันเป็น ปกติวิสัย ในการตั้งกระทู้ของอิฉัน
แต่มันก็อด เสียดาย เนื้อหา สาระดี ๆ ในกระทู้
ที่หลาย ๆ ท่าน สละเวลา มาช่วยกัน โพสถกประเด็น เป็น ธรรมทาน ไม่ได้ อ่ะ
ขอบคุณ สำหรับทุก ๆ ท่าน ที่มาช่วยกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
และ ขอโทษด้วยที่ อิฉัน ไม่สามารถ รักษากระทู้นั้น ไว้ได้


เฮ้อออ คงจะไม่ตัดพ้อต่อว่า อะรัย ใคร ให้มากความแระ หรอกนะ
เพียงแต่ ขอตั้งกระทู้ระบายความรู้สึกเฉย ๆ เท่านั้น
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า มันจะทำให้ ล็อกอินอิฉัน มัน ดับสูญ อีกไหมหนอ ?  T ^ T

สมาชิกหมายเลข 724649
19/2/2556

หัวข้อ: เหตุใด" การปฏิเสธในชาตินี้ชาติหน้า"ของพุทธทาส จึงจัดว่า เป็นมิจฉาทิฏฐิ
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ มีนาคม 14, 2013, 10:23:08 pm
เหตุใด " การปฏิเสธในเรื่องภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า" ของ ท่านพุทธทาส

จึง จัดว่า เป็น มิจฉาทิฏฐิ ?


(http://www.book-d.com/wp-content/uploads/2012/08/page22.png)

คือ โดยส่วนตัว จขกท. แม้ว่า ตอนนี้ ตัวเองจะไม่ได้นับถือศาสนาพุทธแล้ว
แต่ก็ ค่อนข้างจะชื่นชมท่านพุทธทาส อยู่มากเลยค่ะ
เพราะ รู้สึกว่า ข้อคิดและคำสอนต่าง ๆ ของท่าน ล้วนแล้วแต่ ให้อุทาหรณ์สอนใจ ได้ดีทีเดียว
แต่พอมาเห็น หลาย ๆ กระทู้ในห้องศาสนา ที่ระบุ ลงไปว่า

" การปฏิเสธในเรื่องภพภูมิชาตินี้ชาติหน้า" ของ ท่านพุทธทาส นั้น จัดว่า เป็น มิจฉาทิฏฐิ ? 

ก็เลยสงสัยน่ะค่ะ ว่า ทำไมถึงมี พุทธบริษัท 4 ออกมาพูดเช่นนี้


จริงอยู่ที่ เคยมีคนแย้งว่า การปฏิเสธเรื่องภพภูมิชาตินี้ชาติหน้า จัดเป็น มิจฉาทิฏฐิ ในทางพุทธศาสนา 
ซึ่งก็เหมือน ๆ  กับที่ ศาสนิกชนบางศาสนา บอกว่า ผู้ไม่ศรัทธาในพระเจ้า จัดเป็น ผู้มี มิจฉาทิฏฐิ ในศาสนาของเขา
แต่ สิ่งหนึ่ง ที่พวกคนพุทธ อย่างคุณ ต้องไม่ลืม ก็คือ
การที่คุณ มักจะบอก คนอื่น ว่า ศาสนาของคุณ เป็นศาสนาแห่งปัญญา
(ซึ่ง แตกต่างจากศาสนาอื่น ๆ ซึ่งเป็น ศานาแห่งศรัทธา)
เพราะว่า พวกคุณมี กาลามสูตร เป็นคำสอนที่บอกให้ใช้ ปัญญามาพิจารณา สิ่งต่าง ๆ  นะคะ


ฉะนั้น การที่จะบอกว่า หากไม่เชื่อเรื่อง ภพภูมิ  แล้ว มันจัดเป็น มิจฉาทิฏฐิ นั้น
พวกคุณ ได้ใช้คำสอนใน กาลามสูตร มาพิจารณา หรือยังคะ
และ ถึงแม้ว่า ตอนนี้ จขกท. จะ ไม่ได้มีสถานะเป็น พุทธมามกะ แล้ว
ก็ ขออนุญาต หยิบยืม หลักคำสอนในเรื่องกาลามสูตร ของพวกคุณ
มาลองใช้ เพื่อพิจารณา ข้อกล่าวหาในเรื่อง มิจฉา ของ ท่านพุทธทาส หน่อย นะคะ
เพราะถึงอย่างไร จขหท. ก็ถือว่า ท่านเป็น อริยสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ คนหนึ่ง
ซึ่ง องค์การ ยูเนสโก ยกย่องให้เป็น บุคคลต้นแบบ


อนึ่ง จาก คำสอนในกาลามสูตร  ที่ว่า

อ้างถึง

ดูกรกาลามชนทั้งหลาย มาเถอะท่านทั้งหลาย
ท่านทั้งหลายอย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา
อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่า สมณะนี้เป็นครูของเรา

เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า
ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อสุข
เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?book=1&bookZ=45&name=%E0%A1%CA%BB%D8%B5%B5%CA%D9%B5%C3 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?book=1&bookZ=45&name=%E0%A1%CA%BB%D8%B5%B5%CA%D9%B5%C3)


อนึ่ง เมื่อ จขกท.  นำมาสอบทวนดู  ก็พบข้อสังเกต ว่า
การปฏิเสธ ที่จะเชื่อ ในเรื่องการมีอยู่จริง ของ ภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า และ การเวียนว่ายตายเกิด นั้น
โดยตัวความเชื่อนั้น มันก็ยังไม่ได้เป็น อกุศล  ก่อให้เกิดโทษ
หรือ ทำให้ผู้รู้ ( ทั้งที่เป็นพุทธ และ ไม่ใช่พุทธ ) ต้องออกมาตำหนิติเตียน ที่ตรงไหน นี่คะ
( หรือ ถ้าหาก เพื่อน ๆ คนไหน เห็นว่า มันเป็น ความคิดอกุศล  ก่อให้เกิดโทษ
หรือ มี ผู้รู้ ( ทั้งที่เป็นพุทธ และ ไม่ใช่พุทธ ) ต้องออกมาตำหนิติเตียน
ก็รบกวนเพื่อน ๆ ช่วย อธิบายให้ฟัง หน่อยค่ะ ว่า มันเป็น อกุศล ที่ตรงจุดไหน )


เพราะ หากจะ บอกว่า ความเชื่อนี้เป็น อกุศล
ทำให้คนเลิกทำบุญสะสมความดี หันมาทำความชั่วตามใจตัวเองมากขึ้น
เรื่องนี้ จขกท. คิดว่า มันขึ้นอยู่กับ จิตสำนึกของแต่ละบุคคล มากกว่านะคะ
เพราะ ถ้าพิจารณาจากชีวประวัติบุคคลสำคัญที่โลกยกย่องว่าเป็น ผู้มี คุณธรรม
ไม่ว่าจะเป็น  แม่ชีเทเรซ่า / ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล  / วอเรนต์ บัฟเฟต ฯลฯ
ทุกท่านที่กล่าวมา ก็ล้วนแล้วแต่ ปฏิเสธ ที่จะเชื่อ ในเรื่องการมีอยู่จริง ของ ภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า และ การเวียนว่ายตายเกิด กันทั้งนั้น

ทว่าก็ไม่เห็น ความเชื่อพวกนี้ จะ มีโทษ อะไร  จนทำให้ท่านเหล่านี้
กระทำตนไหลลงสู่ที่ต่ำ แล้วเดินไปสู่ทางแห่งอบายเลยนี่คะ
และ ถ้าจะพูดกันตรง ๆ แล้ว ท่านเหล่านี้ มีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม มากกว่า บางท่านที่เชื่อเรื่องภพภูมิด้วยซ้ำ


แล้วเช่นนี้ การปฏิเสธ ที่จะเชื่อ ในเรื่องการมีอยู่จริง ของ ภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า และ การเวียนว่ายตายเกิด ของท่านเหล่านี้ จะเป็น อกุศล และ เป็น มิจฉาทิฏฐิ ได้อย่างไรกันคะ ?
รบกวนช่วยชี้แนะให้ผู้ที่มิได้ นับถือศาสนาแห่งปัญญา เหมือนท่าน ให้ได้รับรู้ เป็นวิทยาทาน ด้วยเถิดค่ะ (http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley17.png)


(http://sphotos-b.xx.fbcdn.net/hphotos-prn1/s480x480/554236_10151249167560535_1563013183_n.jpg)

(http://www.kasetporpeangclub.com/forums/attachments/%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94/670d1344311189t-%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B8%B8-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99-1190213735.jpg)

หัวข้อ: ถ้าเลือกได้ คุณจะเลือกมีชะตากรรม แบบ องคุลีมาล หรือ อยากเป็นเพียง ชาวบ้านธรรมดา.
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ เมษายน 05, 2013, 10:42:40 pm
ถ้าเลือกได้ คุณจะเลือกมีชะตากรรม แบบ องคุลีมาล
หรือ อยากเป็นเพียง ชาวบ้านธรรมดา ๆ


ถ้าเลือกได้ คุณจะเลือกมีชะตากรรม แบบ องคุลีมาล
คือ ถูก โมหะคติ ครอบงำ จนต้องไปก่อกรรมทำเข็ญเข่นฆ่า ผู้อื่น
จนผู้คนเหล่านั้น ต้อง พบกับความทุกข์ทรมาน
แต่ สุดท้าย คุณก็ กลับตัวได้ จนบรรลุอรหันต์
เข้าสู่มรรคผลนิพพาน พ้นทุกข์แบบถาวร
ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิด อีกต่อไป ( มืดมา สว่างไป )


หรือ ถ้าเลือกได้ คุณอยากเป็นเพียง ชาวบ้านธรรมดา ๆ
ที่ใช้ชีวิต เท้งเต้ง เรื่อยเปื่อย ลอยชายไปวัน ๆ  ความชั่วไม่มีความดีไม่ปรากฏ
แต่ก็ไม่เคยทำให้คนรอบข้างที่ไหนต้องเดือดร้อน เพราะการกระทำของคุณ
ชีวิตมีทั้ง สุข และ ทุกข์ ระคนกันไป  ซึ่งคุณก็กล้อมแกล้มรับมือ+ บริหารจัดการได้ ตาม ยถาสภาวะ
และ สุดท้าย ในบั้นปลาย ก็ ไม่ชัวร์ ว่า จะ ได้เห็นดวงตาธรรม พ้นทุกข์ถาวร หรือไม่
 ( ไม่ได้สว่าง มา  และ ก็ ไม่รู้ว่า จะได้ สว่างไป ได้หรือไม่ ? สุดแล้วแต่ ยถากรรมที่ทำไว้  )


ถ้าเลือกได้ คุณจะเลือกมีชะตากรรม แบบ องคุลีมาล
หรือ อยากเป็นเพียง ชาวบ้านธรรมดา ๆ ( ขอเหตุผล ด้วย )


(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao19.png)(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao19.png)(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao19.png)


อ้างถึง

เอ่อ... จขกท. นะคะ คือว่า หมายเลข 777019  โดน อุ้มไปแระอ่ะ  - - "
เลยต้อง ถอย หมายเลข 788287 มาสืบทอดวิญญณตะขาบ ต่ออ่ะ แหะ...แหะ... ^ ^
เฮ้อออ ...จริง ๆ คำถามในกระทู้นี้ ไม่มี อะไรผิด อะไรถูก หรอกนะ
แต่ ถ้า ท่านผู้อ่าน ลองย้อนกลับไป ทบทวน ถึง เหตุปัจจัย ตามหลัก อิทัปปจัยตา ให้ถ่องแท้
ท่านก็จะ สามารถ ตีแผ่ รากเหง้าของ กุศล- อกุศล ในอนุสัยของท่าน ได้
ว่า  อะไร คือ แรงขับเคลื่อนพฤติกรรม ที่ทำให้เกิดการเลือก ในครั้งนี้

ใช่... ภวตัณหา  คือ อยากให้ตัวเองได้พ้นทุกข์ ( อยากได้มรรคผลนิพพาน ) หรือไม่ ?

ใช่... วิภวตัณหา คือ ไม่อยากให้ตัวเองต้องตกเวียนว่ายอยู่ในห้วงทุกข์  หรือไม่ ?


และ การตัดสินใจเลือกในครั้งนี้  ลึก ๆ แล้ว มี  อคติ 4 มาเกี่ยวข้องด้วยไหม ?

อาทิเช่น
มี.... ฉันทาคติ   คือ ลำเอียงเพราะรัก ( เนื่องจากเห็น องคุลีมาร เป็น ไอดอลของตน ) ไหม ?
มี... โลภาคติ คือ ลำเอียงเพราะ ความอยากได้ใคร่มี ( เนื่องจากต้องการ มรรคผลนิพพาน ) ไหม ?


อืม...ป๊ะป๋าหมาน เคย เลคเชอร์ให้ฉันฟัง ก่อนที่ ท่านจะเป็น มะเร็งตาย 5 ว่า

"จง พอใจ ในสิ่งที่ตนมี  จง ยินดีในสิ่งที่ตนทำ"

ฉันจึง ขออนุญาต ถามท่านที่ตอบขอเลือกที่จะมีชะตากรรมแบบ องคุลีมาล
เมื่อ ท่าน พอใจ ที่จะมีชะตากรรมแบบ องคุลีมาล
ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอก  ว่า ชะตากรรมที่ท่านได้เลือกแล้วนั้น
มันนำมาซึ่ง ความทุกขัง กะละมัง ของชีวิตอื่น

เช่นนี้แสดงว่า ท่าน ยินดี  ที่จะ ก้าวล่วงศีลข้อ 1
โดย เต็มใจที่จะ เบียดเบียนประหัตประหาร เข่นฆ่า
นำความทุกข์มาสู่ ชีวิตอื่น ในเบื้องต้น
เพียงเพราะ ท่านมองเห็นโอกาส และ ช่องทาง
ที่ตนนั้นจะได้เข้าถึงซึ่ง มรรคผลนิพพาน ในบั้นปลาย ใช่หรือไม่ ?


และ ขออนุญาต ถามท่านที่ตอบขอเลือกที่จะมีชะตากรรมแบบ ชาวบ้านธรรมดา ๆ ด้วยว่า
คุณเคย ได้ยิน กลอนภาษาประกิต บทนี้ไหม

We may not be able to have all the thing that we want in life.
And we may not be able to do all the thing that we would like to do.
But we can always be the kind of person that we want to be.


และ หาก คุณ เลือกที่จะ ปฏิเสธ นิพานัง ปรมมัง สุขขัง
คุณมั่นใจว่า คุณ เป็น  the kind of person that we want to be. แล้วหรือยัง ?


อืม....ฉันเองก็ไม่เคยอยากมี ชะตากรรม เฉกเช่น องคุลีมาล เหมือนกันคร้าา
เฮ้ออ ฉัน ยินดี ที่จะเป็น ชาวบ้านธรรมดา  ๆ ที่ทุกข์มั่งสุขมั่งตามยถาสภาวะ
ดีกว่าที่จะ เหยียบย่ำ ซากศพของผู้คนนับพัน เพียง เพราะรู้ว่า เส้นทางสายนี้ วันหนึ่ง มันจะหักเห ทำให้ไปถึง ซึ่งนิพพาน นะ
นิพานัง ปรมัง สุขัง  ถ้ามันต้องแลกมาด้วย ทุกขัง กะละมัง ของผู้อื่น เช่นนั้น
ขืนเลือกไป ฉันก็ มิใช่  the kind of person that we want to be. ตามคอนเซปต์ตัวเอง อ่ะดิ
อ่ะโหยยยย ถ้าเป็นงี้ นะ ก็คง เข้าสู่ สุญตาสมาบัติ ด้วย ความตะขิดตะขวงใจพิลึก เรยอ่ะ
ประมาณว่า ถ้าเงยหน้าก็อายฟ้า  ก้มหน้าก็อายดิน ไหว้ตัวเองไม่ได้ ล่ะมั้ง อิอิ

(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao16.png)(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao16.png)(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao16.png)

หัวข้อ: ถามผู้ปรารถนาในนิพพาน ว่าท่านต้องการจะกลายเป็น"ก้อนหิน"จริง ๆหรือ
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ เมษายน 05, 2013, 10:49:12 pm
ถามผู้ที่ ปรารถนาในนิพพาน ว่า ...
ท่านต้องการจะ กลายสภาพ เป็น "ก้อนหิน" จริง ๆ หรือ ?



มีปรัชญาทางเซน เคยเปรียบเทียบเอาไว้ ประมาณว่า
สภาวะนิพพาน นั้น มันก็เหมือน ๆ กับ ก้อนหินนั่นแหล่ะ
คือ เป็น สภาวะที่จิตปราศจากการปรุงแต่งทางอารมณ์
( สิ้น ราคะ , โทสะ โมหะ. เมื่อมี ผัสสะ มากระทบ  )
เฉกเช่นเดียวกับ ก้อนหินที่ วางระเกะระกะ อยู่ข้างทาง
ยามเมื่อต้องเจอ ฝนตกแดดออก มันก็ไม่ได้รู้สึกรู้สา อะไร


ก็เลย อยากจะถามผู้ที่ ปรารถนาในนิพพาน ว่า
ท่านต้องการจะ กลายสภาพ เป็น "ก้อนหิน" จริง ๆ หรือ?
ไม่รู้สินะ เวลา เห็นหลาย ๆ คน โพส บอกว่า

" ตนนั้น ปรารถนาใน นิพาน มากมาย
จนถึงขั้น ที่ทุกครั้งเมื่อได้ทำบุญสร้างกุศล
ก็จะอธิษฐาน ขอให้ได้ สิ่งนี้ มา ครอบครอง"
[/i]


ฟังแล้ว รู้สึก ขบขันแกมเอ็นดู พิลึก น่ะ
 ครึ้ม ๆ ยังเกิดอารมณ์ ขันพิเรนทร์ แอบนึกเล่น ๆ  อยู่ในใจ อยู่ เลยว่า
ถ้า ปรารถนานิพพาน กันนัก ทำไม ไม่อธิษฐานขอ ไปเกิดเป็น ก้อนหิน เลยฟระ
จะได้เข้าถึงซึ่งนิพพาน แบบสมบูรณ์แบบ

[youtube]ก้อนหินก้อนนั้น - โรส ศิรินทิพย์ (http://www.youtube.com/watch?v=BjzhQEhr2Cw#)[/youtube]


อ้างถึง

นิพพานนั้นเป็นเรื่องของแต่ละคนเพราะเมื่อใดตรงต่อนิพพาน เมื่อนั้นวัฏฏะของคนๆนั้นก็จะหายไปทันที ไม่เป็นบุคคล เรา เขา ไม่เป็นมนุษย์ ไม่เป็นสัตว์ไม่เป็นจิตทันที ไม่ต่างอะไรกับก้อนหิน น้ำ และธาตุอื่นๆ ส่วนนิพพานนั้นก็คือสภาวะของธาตุทั่วๆไปที่ไม่มีความหมายในบัญญัติใดๆ ยกตัวอย่างเช่นก้อนหินก้อนนี้มันไม่มีความเห็นความหมายอะไรกับต้นไม้ต้นนั้น ดังนั้นมันจึงไม่มีต้นไม้อยู่จริง อย่างนี้แหละเรียกว่านิพพาน คือมันว่าง มันละจากอุปาทานในรู้นั่นเอง

ขอเถอะครับ หากใครบอกว่านิพพานเป็นสุขอย่างยิ่งน่ะ ไปไกลๆเลย
เพราะนิพพานมันพ้นไปแม้กระทั่งสุข สุขก็ไม่ใช่(โว๊ย)


Ref:

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=615809 (http://www.oknation.net/blog/print.php?id=615809)




ก้อนหินก็ไม่มี ราคะ โทสะ โมหะ ไม่เคยเดือดร้อนไม่ว่าใครอะไรจะไปทำอะไรกับมัน
ถามว่าคนที่ถึงซึ่งนิพพานมีสภาวะดีกว่าก้อนหินอย่างไรบ้างครับ


Ref :
http://2g.pantip.com/cafe/religious/topic/Y13035358/Y13035358.html (http://2g.pantip.com/cafe/religious/topic/Y13035358/Y13035358.html)


(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao27.png)



หัวข้อ: ทำไมปฏิบัติมาก็หลายปีอยู๊ แต่ก็ยังไม่มีความรู้สึกศรัทธา ในไตรสรณะเลย ?
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ เมษายน 18, 2013, 04:25:53 pm
ทำไมปฏิบัติมา ก็หลายปีอยู๊
แต่ก็ยัง ไม่มีความรู้สึก ศรัทธา ใน ไตรสรณะ เลย ?


* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะ

เห็นชาวบ้านชาวช่อง เขาปฏิบัติธรรม
แล้วก็ยิ่งเกิดศรัทธาใน ไตรสรณะ มากขึ้น ตามลำดับ
แต่ไง๋ พอถึงตา อิฉัน ปฏิบัติดูมั่ง กลับ ไม่ยัก กะเกิด ความรู้สึก พวกนี้ เลยก็ไม่รู้แฮะ
แต่ ปฏิบัติไปปฏิบัติมา กลับไพล่ไปมองเห็นความงดงาม ตามวิถีของศาสนาอื่น (อิสลาม) ขึ้นมาซะงั้น - -"


จะว่า ปฏิบัติ มาไม่ถูกทาง หรือ ก็ไม่น่าจะใช่นะ
เพราะ ถ้า สอบทวนสภาวะ เพื่อหาระดับ ภูมิธรรม ของตนแล้ว
ก็พบว่า รัก โลภ โกรธ หลง ในตัว มันก็ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญนะ
ก็ อยู่ในระดับที่ สามารถรักษาถือศีล 6 ได้อย่างชิล ๆ จนเป็นปกติ
เจริญสติปัฏฐาน 4 เล่นเป็นงานอดิเรกได้ แถม ยังเห็น การเกิดดับของไตรลักษณะ
แล้วก็ เกิด สภาวะ ตถตาลงใจ อยู่บ่อยครั้ง ด้วยอ่ะ


เฮ้ออออ แต่สิ่งที่ทำให้ อิฉัน รู้สึก นึกฉงนสนเท่ห์ ก็คือ
ทำไมยิ่งปฏิบัติธรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ อิฉัน กลับรู้สึก ว่า ในเรื่อง ธรรมมะ ก๊ะ อิสลาม นั้น
มันมี ปฏิปทาในการปฏิบัติ(ในแง่ของการฝึกตนเพื่อลดกิเลสตัณหา )
ที่มีความเชื่อมโยงและสอดคล้องต้องกัน มากเลยอ่ะ


เอ่อ...ไม่ทราบว่า มีใคร ปฏิบัติธรรม แล้ว เจอเคสแบบอิฉันมั่งเจ้าคะ
ถ้าปฏิบัติธรรม แล้วกลายเป็นงี้ ถือว่า อิฉันปฏิบัติมา ผิดที่ผิดทาง อ๊ะปล่าวคร้าาา



ความคิดเห็นที่ 1
"ทำไมปฏิบัติมา ก็หลายปีอยู๊ แต่ก็ยัง ไม่มีความรู้สึก ศรัทธา ใน ไตรสรณะ เลย"

chohokun said : อืม อันนั้นมันเรื่องของคุณ
 

chohokun
20 ชั่วโมงที่แล้ว
แมวเก้าแต้ม ถูกใจ, R-Flen ซึ้ง, bigjinbook ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 799026


ความคิดเห็นที่ 1-1
ใช่มันเรื่องของคุณ
คุณดันเกิดมาเป็นบัวใต้น้ำเอง
ตัวใครตัวมัน เค้าไปนิพพานก่อนละนะ


สมาชิกหมายเลข 747199
18 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799026 ซึ้ง



ความคิดเห็นที่ 2
ศาสนาพุทธ คุณต้องมีเจตนาวิรัต แต่ศาสนาอิสลาม เป็นภาคบังคับ ความรู้สึกมันคนละเรื่องกันเลย ระหว่างคนที่ถือศีลเพื่อปัญญากับ คนที่ถือศีลเพราะศรัทธา
   
Mateo2000
20 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799026 ขำกลิ้ง, พาระวี ถูกใจ


ความคิดเห็นที่ 3
ไม่เคยได้อ่านได้ยินมาก่อนเลยเคสแบบนี้
ขอฟังความเห็นท่านอื่นก่อนนะครับ
   

HeavenMoon
19 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 4
ไม่ทราบว่าจะ จะถามปัญหาการปฏิบัติพุทธศานา
หรือจะถามปัญหาการปฏิบัติอิสลาม
เเต่จะหา คนที่เหมือนคุณ ละ คงไม่ทราบ
แต่พบว่า รัก โลภ โกรธ หลง ในตัว มันก็ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ เเล้ว ก็ถือว่าไม่ผิดหรอกครับ
ผมไม่มีความรู้เรื่องศาสนาอิสลาม
เเต่สิ่งที่ผมว่าสำคัญที่สุด คือ ถึงจุด 1 คุณจะไปต่อยังไง มากกว่า
ส่วนความรู้สึก ศรัทธา ใน ไตรสรณะ นั้นขึ้นอยู่กับว่าคุณจะสามารถเข้าถึง ไตรสรณะ ได้มากน้อยเเค่ไหนมากกว่า
 

กรณี
19 ชั่วโมงที่แล้ว

พาระวี ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 799026 ทึ่ง


ความคิดเห็นที่ 5
ความรู้สึกที่ว่ามานั้น ก็เป็นความคิด เป็นนามธรรม เกิดขึ้นเองดับไปเองนี่ครับ ยิ้ม
   
Ph.D AEK
19 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799026 ซึ้ง



ความคิดเห็นที่ 6
อย่างนี้เรียกว่าวิปัสสนึกจนออกทะเล
   

Go2Better
19 ชั่วโมงที่แล้ว
แมวเก้าแต้ม ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 799026 ขำกลิ้ง



ความคิดเห็นที่ 7
แล้วเริ่มเข้ามาปฏิบัติเพราะอะไรครับ ลองกลับไปดูสิ่งนั้น 

สิ่งสำคัญคือสำรวจตัวเองอย่างซื่อตรง ว่าไม่มีกิเลสเพราะอะไร มันแอบซ่อนหรือชินชาหรือติดว่างสบาย ล่อมันออกมาเริ่มนับหนึ่งใหม่

ศรัทธาจะมีเพราะเห็นการเปลื่ยนแปลง จากความมืดบอดไม่รู้ทิศทาง ไปสู่ความสว่างขึ้นเรื่อยๆด้วยตัวเอง
   

lostman
19 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799026 ซึ้ง


ความคิดเห็นที่ 8
ลองพิจารณาคำว่า  ความจำ  กับ  ความจริง  ครับ 

ว่าสิ่งที่คุณเล่ามาทั้งหมดนั้นมันเป็นอันไหน  สั้น ๆ แค่นี้ล่ะครับ
   

สมาชิกหมายเลข 706667
19 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799026 ซึ้ง



ความคิดเห็นที่ 9
เมื่อก่อนเคยคิดชวน นู๋บี มาปฏิบัติตามแนวทางที่ผมศรัทธา 
แต่ตรองๆดูลักษณะอย่างนี้พอจะไปเองได้  ศึกษาไป ปฏิบัติไป 
และอีกอย่างในหมู่กลุ่มก็มีอย่างนี้พอควรแล้ว  ไม่ชวนน่าจะดีกว่า

แต่พอมาอ่านกระทู้นี้รู้สึกเปลี่ยนไป  ไม่ใช่รังเกียดอิสลาม
เพราะในกลุ่มเพื่อนบุญเราก็มีสมาชิกคนหนึ่งเป็นมุสลิมที่ดี
แต่เสียดาย  คิดว่าถ้าได้ปรับความเข้าใจอะไรบางอย่างได้  น่าจะก้าวหน้าไปอีกพอสมควร
   

P2wichai
18 ชั่วโมงที่แล้ว
bigjinbook สยอง, สมาชิกหมายเลข 799026 ซึ้ง


ความคิดเห็นที่ 9-1


ว้าาาาา ผิดหวังจังอ่ะ ทำไม เด๋วนี้ คุณป๋ากามนิต อ่านกระทู้ ของคุณหลาน วาสิฏฐี แล้ว ...
เหตุใด ไยไม่เข้าใจ ภาษาดอกไม้ (ที่ปลายปืน ) ของคุณหลานวาสิฏฐี เลยล่ะเจ้าคะ อ่ะซิก...อ่ะซิก...

เม่าโศกเม่าโศกเม่าโศก

แก้ไขข้อความเมื่อ 18 ชั่วโมงที่แล้ว


สมาชิกหมายเลข 799026

18 ชั่วโมงที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 9-2
แล้วถ้าคห.9 เปลี่ยนเป็นแบบนี้ละ
ความคิดเห็นที่ 9
เมื่อก่อนเคยคิดชวน นู๋บี มาปฏิบัติตามแนวทางที่ผมศรัทธา 
แต่ตรองๆดูลักษณะอย่างนี้พอจะไปเองได้  ศึกษาไป ปฏิบัติไป 
และอีกอย่างในหมู่กลุ่มก็มีอย่างนี้พอควรแล้ว  ไม่ชวนน่าจะดีกว่า

แต่พอมาอ่านกระทู้นี้รู้สึกอยากจะชวนมาฟังหรืออ่านหนังสืออย่างเราบ้าง
อาจจะเจอไม้เหมาะๆไว้เขี่ยเศษผงที่ขวางทางน้ำออก น้ำจะได้ไหลสดวกขึ้นแรงขึ้น

พอจะใกล้เคียงไม้


P2wichai
16 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799026 ซึ้ง



ความคิดเห็นที่ 9-3
อืม...deep meaning จริง ๆ ของกระทู้นี้
มี ความเห็นที่ 14 เป็น บทสรุปสุดท้าย เจ้าค่ะ

เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์


สมาชิกหมายเลข 799026
16 ชั่วโมงที่แล้ว 


ความคิดเห็นที่ 9-4
อ้อ . อย่างนั้น รึ         ความคิดเรานี่ช้า ลงไปมาก  แล้วก็ไม่กว้างอีกตะหาก 

ใช่    ใช่ ไม่ผิด      เมื่อเห็น(รู้-เห็น)อะไร ตามความเป็นจริงแล้ว  มันก็ยิ่งกว่าศรัทธา

แต่เมื่อเริ่ม  มันต้องเริ่มที่ศรัทธาก่อน     เชื่อถือ  เชื่อว่าใช่ ว่าจริง  แต่ยังไม่แรงพอที่จะทำตาม

ต่อเมื่อศรัทธาเพิ่มขึ้น จนมากพอที่จะปฏิบัติตาม ก็เชื่อฟังและปฏิบัติตาม แม้จะยาก จะมีอุปสรรค์ ก็จะพยายามทำให้ได้

และเมื่อทำไปๆๆๆจนเกิดผล สำเร็จ  ทำอีกกี่ครั้งๆๆๆ็เกิดผลสำเร็จไม่แปรเปลี่ยน  จึงเชื่อมั่น

เมื่อเห็น(รู้-เห็น)ว่าสิ่งที่เราทำนั้นดีจริง   เราทำได้จริง     ความศรัทธาก็ไม่จำเป็นอีก


P2wichai
16 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799026 ซึ้ง



ความคิดเห็นที่ 10
อืม...นี่อ่ะเจ้าค่ะ เหตุปัจจัยที่ทำให้อิฉัน หน้ามืด
เปลี่ยน ฮาเร็ม เป็น โรงชี แล้วเข้ามาสู่ วิถีแห่งการปฏิบัติธรรม



เมื่อ " จิตวิญญาณ " ของเจ้าแม่ฮาเร็ม ( ในตัวอิฉัน ) เริ่ม สึกกร่อน ?...เพราะเจอ....

http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2009/03/W7583668/W7583668.html (http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2009/03/W7583668/W7583668.html)

เม่าฝึกจิตเม่าฝึกจิตเม่าฝึกจิต


เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์
 

สมาชิกหมายเลข 799026
18 ชั่วโมงที่แล้ว 



ความคิดเห็นที่ 11
คุณยังปฏิบัติไม่เพียงพอ หรือขาดครูอาจารย์ดีๆ
แนะนำให้ไปวัดป่า หาอาจารย์ดีๆ ปฏิบัติให้ได้มากที่สุด
หรือจะบวชชีเลยก็ได้ สักวันคุณจะเข้าถึงรสพระธรรมแน่นอน
 

สมาชิกหมายเลข 747199
18 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799026 ซึ้ง




ความคิดเห็นที่ 12
เจริญสติปัฏฐาน 4 เล่นเป็นงานอดิเรกได้ แถม ยังเห็น การเกิดดับของไตรลักษณะ

ที่คุณเห็น อาจจะเห็นจริง แต่ที่เห็นอาจจะไม่จริง(ไม่ใช่เกิดดับ)  และ

ถ้าเห็นเกิดดับของไตรลักษณ์ สงสัยจะมั่วมาแล้ว

เอวัง
 

นายพยายาม
18 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799026 ขำกลิ้ง



ความคิดเห็นที่ 12-1
อ่ะ เอามาฝาก ลองอ่านดูแระกัน จะได้รู้ว่า
บัวเหล่าที่ 5 นั้นน่ะั มัน ชัวร์ หรือ มั่วนิ่ม อิอิ

http://board.palungjit.com/f4/the-letter-%E0%B8%88-%E0%B8%A1-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B8%81-%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%8A-330944.html (http://board.palungjit.com/f4/the-letter-%E0%B8%88-%E0%B8%A1-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B8%81-%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%8A-330944.html)

แก้ไขข้อความเมื่อ 18 ชั่วโมงที่แล้ว


สมาชิกหมายเลข 799026
18 ชั่วโมงที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 13
น่าสนใจครับ

แต่ผมไม่รู้จักศีล 6 มันเป็นยังไงครับ


สมาชิกหมายเลข 778626
18 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 13-1
ศีล 5 + ศีลข้อ วิกาลโภชนาฯ ( ฉันมื้อเดว ) = ศีล 6

เอ้า เอา เดอะลิง มาฝากอ่ะจร้าาาาา

http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/10/Y12756853/Y12756853.html (http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/10/Y12756853/Y12756853.html)

เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์


สมาชิกหมายเลข 799026
17 ชั่วโมงที่แล้ว 


ความคิดเห็นที่ 13-2
ครับ


สมาชิกหมายเลข 778626
17 ชั่วโมงที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 14
อืม...คำพูดนึง ในไบเบิ้ล ที่ อิฉันประทับใจ
และ รู้สึกได้ ว่า มันเป็น สัมมาทิฏฐิ อย่างยิ่ง คือ คำพูดที่ว่า....


ผู้เห็นความจริง... ศรัทธาย่อมไม่จำเป็น... !



เม่าหอยทาก
แก้ไขข้อความเมื่อ 17 ชั่วโมงที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 799026
17 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]



ความคิดเห็นที่ 15
แปลกดีครับ จขกท คงไปปฏิบัติธรรมเหมือนไปเล่นโยคะแน่ๆ  คือทำไปอย่างนั้นเอง

คงยังไม่ถึงเวลาที่จะเห็นมังครับ  แต่ก็เป็นเหตุปัจจัยให้บรรลุธรรมในภพถัดๆไปในกาลข้างหน้า
   

x-philes
17 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799026 ซึ้ง




ความคิดเห็นที่ 16
อืม....ถ้าจะจริงแฮะ  คุณพูดถูก
อิฉัน มัน พวก ปฏิบัติธรรมเล่น ๆ เป็นงานอดิเรก เจ้าค่ะ
ประมาณ ถักนิตติ้ง หรือ เล่น ป๊อกเด้ง แก้หง่อม อะไรเทือกนั้น อ่ะคร้าาาา
อิฉัน เรยมิลู้จะปฏิบัติธรรม เพื่อสอพลอ เอ๊ย บูชาตถาคตทำ 'ติ้ง อะไร นิจ๊ะ
แบ่บว่า ตอนนี้ อิฉัน ปฏิบัติธรรม เพื่อ บูชา เฉพาะตัณหา และ อัตตา ตัวเองฮ่ะ ฮิฮิ

แก้ไขข้อความเมื่อ 17 ชั่วโมงที่แล้ว




สมาชิกหมายเลข 799026
17 ชั่วโมงที่แล้ว 



ความคิดเห็นที่ 17
* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะ

เม่าโศกเม่าโศกเม่าโศก


สมาชิกหมายเลข 799026
17 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]


ความคิดเห็นที่ 17-1
โสน้าหน้า 5+


คนัคเกิ้ล
17 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 17-2
ก็ยังดีกว่าหายไปเลยอย่างกระทู้น้ำปานะ


P2wichai
16 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799026 ซึ้ง



ความคิดเห็นที่ 18

จำเลยรัก- สวลี ผกาพันธุ์ (http://www.youtube.com/watch?v=D8u1tta7Bt4#)

สมาชิกหมายเลข 799026
16 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]




ความคิดเห็นที่ 19
จากที่ผมได้อ่านมาคร่าว ๆ (ก็เกือบทั้งหมด) เป็นเพราะว่าคุณปฏิบัติไม่จริงจัง  เลยไม่ได้เห็นของจริง

แล้วศรัทธาคุณก็เลยเสื่อม

หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า  อินทรีย์ทั้ง 5 ของคุณยังอ่อน  เพราะ....(ขอไล่จากตัวล่าง ๆ ก่อนนะครับ)

ปัญญา  ไม่เกิด  เพราะคุณทำแค่เล่น ๆ ไม่จริงจัง ตามคห.16

สมาธิ   ไม่เกิด  เพราะคุณไม่หนักแน่นพอที่จะปฏิบัติ (ยังไม่หนักแน่นในพระพุทธศาสนา  เห็นได้จากที่คุณไม่ได้พูดถึง ศาสนาพุทธอย่างเดียว)

สติ       ไม่มี  เพราะคุณไม่ได้กำหนดตามความคิดเลย (คุณปล่อยให้ความคิดของคุณไหลไปเรื่อยโดยไม่ได้พิจารณาย้อนเข้ามาหาตัวเอง
                   เลยมัวแต่ไปดูผู้อื่นอยู่)

วิริยะ     มีบ้างแต่พอโรยหน้าให้คนอื่นได้เห็นเท่านั้น  ตามคห.16

ศรัทธา   จึงตกเพราะ......ตามที่ผมเล่ามานั่นล่ะครับ

ขออภัยที่อาจจะตรงไปนิด(หรือทั้งหมดก็ไม่รู้ล่ะ)  ผมมันอ้อมไม่ค่อยเป็นครับ

สมาชิกหมายเลข 706667
6 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799026 ขำกลิ้ง



ความคิดเห็นที่ 20
แหม๊?...แปลกใจจัง กระทู้นี้ ไม่ยักโดนอุ้มไปนั่งยาง แบบกระทู้น้ำปานะ วุ้ย
( มิน่าล่ะ ฝนถึงได้ตกช่วง สงกรานต์ อิอิ อมยิ้ม16 )
เฮ้ออ แม้ กระทู้นี้จะโดน ญิ๋งเล็กใจร้าย เอาไปฟ้องญิ๋งแม่
ทำให้ถูก อัปเปหิ เฉดหัวออกนอกวงโคจร มาอยู่ใต้ดินแล้ว
แต่กระทู้ก็ยังอยู่ดีมีสุข เรทติ้ง ยังวิ่งได้อยู๊งี้
งั้น อิฉัน แวะมาตัดริบบิ้น ปิดกระทู้ ซะหน่อยดีกว่าแฮะ


อืม....เหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดกระทู้นี้
มันเกิดจากอารมณ์ขันพิเรนทร์ของ อิฉัน กระมัง
ไม่รู้สินะ เวลา อ่านกระทู้แล้วเจอ ชาวบ้านชาวช่อง มันร้องบอกว่า
ยิ่งปฏิบัติ ก็ยิ่งซาบซึ้งในรสพระธรรม และ ยิ่งศรัทธา ในไตรสรณะมากมาย เนี่ย
มัน รู้สึก ขบขัน แกม เอ็นดู ยังไง บอกไม่ถูก อ่ะนะ
เพราะว่า ตัวเองไม่เคยเกิดอารมณ์โรแมนติกดราม่า
ประมาณว่า ตกหลุมรักแรกพบ  ทำนองนี้เลยว่ะ เอิ๊ก ๆ


ครั้นพอครึ้ม ๆ ก็เลย งัดเอา ประสบการณ์จริง
ที่พบเห็นและเป็นอยู่ในการปฏิบัติของตัวเอง
มาโพสกวนซ่งติง ชาวบ้านเล่น ๆ น่ะ อิอิ
ก็แค่อยากจะให้ หลาย ๆ คนสำเหนียกไว้บ้างว่า


อะไรกันแน่ คือ เข็มมุ่ง และ ดัชนีชี้วัด ที่สำคัญที่สุด ในการปฏิบัติ
ใช่ ความรู้สึกศรัทธาใน ไตรสรณะ ที่เพิ่มขึ้นทวีคูณ หรือไม่ ?
ที่สำคัญ ศรัทธาพละ และ ศรัทธินทรีย์ ในพละ 5 และ อินทรีย์ 5 นั้น
มันเป็น ปัจจัย ที่จำเป็นอย่างยิ่งยวด สำหรับ นักปฏิบัติทุกคน จริงหรือ ?
เพราะ หากเอาคนที่ไม่มี ศรัทธาจริตโดยสิ้นเชิงอย่าง อิฉัน มาชำแหละ หาเนื้อนาบุญดูแล้ว
ไป ๆ มา ๆ ภูมิรู้ ภูมิศีล และ ภูมิธรรม ในการปฏิบัติของอิฉัน
มันจะก้าวหน้า กว่า บรรดาศรัทธาจริตจ๋า ด้วยซ้ำ


" อะไร " คือสิ่งที่ ทำให้เกิด ความแตกต่างณ จุดนี้
แล้ว  บัวผ่าเหล่าผ่ากอ ที่ ไม่เคยรู้สึก ศรัทธา ในไตรสรณะเลย อย่าง อิฉัน
ทำไม มันถึงได้ดีมีวาสนา ก้าวหน้าในการปฏิบัติ เกินหน้าเกินตา บรรดาพุทธมามกะจ๋า นักล่ะ ?
" อะไร" คือ สิ่งที่เป็น เสมือน เข็มทิศนำทาง เป็นเหมือนหางเสือเรือ
ที่ช่วยประคับประคอง ให้ พวกนอกรีต อย่างอิฉัน สามารถ รักษา สมดุลโลก สมดุลธรรม สมดุลใจ
ไม่มืดบอด จนหลงทางจนเตลิดเปิดเปิง ได้ล่ะ ?


บางที ถ้าพวกคนพุทธ อ่านกระทู้นี้ โดยมีสัมมาทิฏฐิ
ปราศจาก ฉันทาคติ และ เคารพ ในความเป็นปัจเจก ของบุคคล แล้ว
ถ้าโชคดี เขาอาจจะรู้ก็ได้ ว่า "อะไร"  คือ สิ่งที่ อิฉันต้องการจะบอกในกระทู้นี้


เออจริงดิ ได้ยินคุณป๋ากามนิต
พูดถึง เรื่องความสำคัญของศรัทธา ใน  ความคิดเห็นที่ 9-4
แถมมีคนมาวิพากษ์วิจารณ์ พละ5และอินทรีย์ 5  ของ อิฉัน
ให้ฟังไปแหม่บ ๆ ในความเห็นที่ 19

ฟังแล้ว ก็ให้นึกถึง คำพูดของ คนบางคน ใน ลิ้งค์เนี๊ยะ จัง อ่ะ อิอิ อมยิ้ม16

http://pantip.com/topic/30307892/comment26-1 (http://pantip.com/topic/30307892/comment26-1)


เฮ้ออ ถ้าตัวหนังสือ ทั้งหลายแหล่ของคุณหลานวาสิฏฐีนั้น
มันทำให้ คุณป๋ากามนิต นึกถึง ท่าไม้ตาย นางฟ้าเอ๋อเมาเหล้า ในนิยายกำลังภายใน
ตัวหนังสือที่คุณป๋าฯเอามาเม้าส์ในกระทู้นี้ ก็ทำให้ อิฉัน นึกถึงตำนานเล่าขาน
เกี่ยวกับการ ช่วงชิง ดอกปาริชาติ สวรรค์ ของ เหล่าเทพธิดา ทั้ง 4   สิริ - อาสา - ศรัทธา และ หิริ ล่ะมั้ง

เคยอ่าน ป่ะ ? อ่ะ เอามาให้อ่านเป็นควันหลงเทศกาล สงกรานต์จร้าา
( อิฉันเคยเขียนถึงเรื่องนี้เอาไว้ ให้เพื่อน ๆ อ่าน เมื่อนานมา แล้ว ^ ^ )


[spoiler]

สมัย เด็ก ๆ นู๋บัว อยาก เป็นนักเขียน มาก
ตอน ม.ต้น เธออยากเขียน นิยาย แนวดราม่า แฟนตาซี
โดยอาศัยตำนานเทพนิยาย ของ พราห์มฮินดู มาเป็น บริบท
เธอจึง ไป คุ้ยเอา หนังสือ เรื่อง กำเนิดเทวดา
ที่ ห้องสมุด ที่ โรงเรียนมานั่งอ่าน ไว้ เป็น วัตถุดิบ
ส่วน ตอน ม.ปลาย เธอ ก็ยังไม่ทิ้งความฝัน
ไป คุ้ยตู้ ที่บ้านคุณย่า แล้วเอา ..หนังสือเรียน
เล่มสีน้ำตาลทึม ๆเก่า ๆ สมัยพระเจ้าเหา
เรื่อง ศาสนาเปรียบเทียบ ? ( ม่ะแน่ใจชื่อ ) มานั่ง อ่าน
เพื่อ จะเก็บข้อมูลตุน ไว้เขียน นิยาย เรื่องนั้น


เชื่อไหม จนบัดนี้ ผ่านไป เป็น สิบปีแล้ว
นิยาย เจ็ดชั่วโคตร นั่น มันก็ยัง เขียน ไม่จบซ้ากกก ที
แต่ สิ่ง หนึ่ง ที่ นู๋บัว ได้มีโอกาส ซึมซับ มาจาก หนังสือที่คุ้ยอ่าน
คือ การเรียนรู้ ทฤษฏี ของ ฟรอยด์ เกี่ยวกับ รากเหง้า
การกำเนิด ของศาสนา ความเป็นมาของ สงครามทุเรศ เอ๊ย ครูเสด
สาเหตุ ที่ แถ ละวาด คว่ำบาตร ก๊ะ มหายาน
หรือ แม้ กระทั่ง การเล่าขานถึง ตำนาน พุทธอวตาร ของชาวฮินดู


อ่านแล้ว นู๋บัวฯ ก็ได้แต่ เกิดความกังขา ว่า
อัน ศรัทธา นั้น มันน่าชื่นชม นิยม ตรงไหน กันเนี่ย ?
ว่า แล้ว เธอ จัดการ เขี่ย เจ้าตัว ศรัทธา ออกไปจากชีวิตตัวเอง
แล้ว ก็ หันมา สถาปนา ตน เป็น คนไร้ซึ่งศรัทธา จริต โดย สิ้นเชิง


เฮ้ออออ น่าเสียดายนะ ที่ หนังสือเรียน เรื่องศาสนา
ของ กระทรวงศึกษา ตั้งแต่ รุ่นนู๋บัว มันมัวซัว มั่วซั่ว
ม่ะแจ่มชัด เท่า หนังสือแบบเรียนสมัยตาหมาน ยังหนุ่ม
เนื้อหา ที่ได้รับรู้ เรยมีแต่การยัด เรื่อง ฟาม ศรัทธา ไร้สาระ
ในตัวสมณะโคดม ให้แทรกซึมเข้าสู่หัว
ทั้งเรื่อง บารมีอันน่าขบขันของ เด็กชายที่มันเดินเจ็ดก้าว บนดอกบัว


หรือ แม้ แต่ เรื่อง อนันตริยกรรม ที่น่าขำ
หากทำ สมณะโคดม ซ่งติงห้อเลือด แล้วชาตินี้
จะหมดวาสนาอดสิทธิ ทะลุธรรม ?
สอนได้ โคตร สร้างสรร มว๊ากกกกกก
ฟังแล้ว อยากจะหัวเราะให้ฟันหัก
แต่หลักสูตรสไตล์นี้ มันก็เหมาะสมกันดี
กับ สติปัญญา ของพุทธแท้ แบบไทย ๆ อย่าง พวกคุณดีออกนะ


เฮ้ออออ ในประเทศไทยจะมี เด็ก ๆ สักกี่ คน กันล่ะ
ที่จะกล้า คิดค้าน ถามหา เหตุผล ที่บ้องตัน มาก กว่า คำตอบตื้นเขินที่ว่า
สิ่งเหล่านั้น เป็น บุญญาธิการ ของสัมมาสัมพุทธะ ?
เพราะ ทั่นเป็น ออระหัน จึงแตะต้องทำให้ระคายผิวไม่ได้ ?
ขืน ถามออกไป เป็น ได้โดน ขี้เถ้ายัดปาก ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด อ่ะจิค๊ะ หุหุ



เออจิงดิ ... นอกจาก หนังสือ แบบเรียนเล่มนั้น
ก็ ยังมี หนังสือ เรื่อง กำเนิดเทวดา ของ เจ้ มาลัย อีกเล่ม นะ
ที่ ปลูกฝัง ค่านิยม บางเรื่องให้หยั่งรากลึกในใจของนู๋บัวฯ
ค่านิยม ของการเป็น ปัจเจกผู้ ไร้ ซึ่ง ศรัทธาจริต อย่างสิ้นเชิง


อืม...ตอนอ่านหนังสือเล่มนั้น
นู๋บัว ได้ตื่นตาตื่นใจกับตำนานเล่าขาน
เกี่ยวกับการ ช่วงชิง ดอกปาริชาติ สวรรค์
ของ เหล่าเทพธิดา ทั้ง 4 สิริ - อาสา - ศรัทธา และ หิริ
โดยมีเงื่อนไขว่า พระนารทดาบส จะ มอบดอกไม้นี้
ให้แก่ นางที่สามารถ ไปขอ สุธาโภชน์จาก กสิยดาบส มาได้ เท่านั้น
แต่ ปัญหาก็คือ กสิยดาบส จะยินยอม ให้ สุธาโภชน์
แก่เฉพาะ สตรีผู้ที่มีความประเสริฐที่สุด เพียงนางเดียว เท่านั้น


เมื่อ นางสิริ เดินทางเข้าไป ขอ สุธาโภชน์นั้น
นางแนะนำ ตัว กับ พระฤาษี ว่า


นางคือ สิริเทวี เป็นผู้คุ้มครองมนุษย์ผู้มีสิริ
เป็นผู้ที่หมู่มนุษย์บูชาแล้วทุกเมื่อ
เป็นผู้มีคุณสมบัติตามวัตรของท่าน จงมอบสุธาโภชน์ แก่นางเถิด


แต่ โกสิยดาบส กลับปฏิเสธ โดยบอกแก่นางว่า
แม้นางได้ตามรักษาคนผู้มีสิริ ให้สมบูรณ์
ด้วยชาติ โภคทรัพย์ และความสุข
แต่คนมีสิริบางคนก็ปราศจากซึ่งความเพียร
ความประพฤติดี ความรู้ดี การงานดี
และปราศจากสัจจะ เทพธิดาเช่นนาง
ย่อมยังมิใช่ ผู้ที่ ประเสริฐที่สุด ที่ควรจะได้ สุธาโภชน์ หรอก



เมื่อ นางอาสา เดินทางเข้าไป ขอ สุธาโภชน์นั้น
นางแนะนำ ตัว กับ พระฤาษี ว่า
นาง คือ อาสาเทวี เป็นผู้คุ้มครองอินทรีย์ตนเอง
และคุ้มครองมนุษย์ผู้มีความหวัง
เป็นผู้มีคุณสมบัติตามวัตรของท่านดาบส
ขอท่านจงแบ่งสุธาโภชน์นั้นให้นางเถิด

แต่ โกสิยดาบส ก็ยังปฏิเสธ ไป
ด้วยเหตุผลว่า ดูก่อนเทพธิดาอาสา
ชนผู้มีความหวังย่อมมีความเพียรทำการงานของตน
บางพวกก็อิ่มเอิบประสบความสำเร็จ
แต่บางพวกก็เสื่อมโทรมไม่สำเร็จ
บางคนทำความหวังในทางที่ผิด ละทิ้งหมู่ญาติ
ทำความเพียรอันเศร้าหมอง
เทพธิดาเช่นเธอย่อมยังไม่ประเสริฐเพียงพอ
ที่จะได้ สุธาโภชน์ ไปจากเรา


ต่อมา นางศรัทธาเข้าไปหาพระดาบสบ้าง
นางกล่าวว่า นางคือ ศรัทธาเทวี
เป็นผู้คุ้มครองอินทรีย์ตนเอง
และคุ้มครองมนุษย์ผู้มีผู้มีศรัทธาความเชื่อ
เป็นผู้ที่มนุษย์บูชาแล้วทุกเมื่อ
ขอท่านจงแบ่งสุธาโภชน์นั้นให้นางเถิด

แต่ โกสิยดาบส ยังปฏิเสธ อยู่
ด้วยเหตุผลที่ว่า ดูก่อนเทพธิดาศรัทธา
ศรัทธาคือมีความเชื่อเมื่อมีแล้ว
ย่อมทำให้ผู้มีศรัทธาเป็นผู้ให้บ้าง
ฝึกฝนบ้าง บริจาคบ้าง สำรวมบ้าง
แต่ความศรัทธาบางเรื่องก็ไม่ดี
เช่น ศรัทธาในการทำโจรกรรมบ้าง
พูดเท็จบ้าง ล่อลวงบ้าง พูดส่อเสียดบ้าง คบชู้บ้าง

เทพธิดาเช่นเธอย่อมยังไม่ถึงพร้อมในประเสริฐ
พอที่จะได้ สุธาโภชน์ ไปจากเรา ขอจงไปเสียเถิด


หลังจาก เทพธิดา ทั้ง 3 นาง ผิดหวังกลับไปมือเปล่า
นางหิรี จึงได้เข้าไปหาพระดาบส บ้าง
แต่ นางกลับ ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากขอ สุธาโภชน์ จาก พระดาบส
นางจึง กล่าวว่า แนะนำตัวกับ พระดาบสว่า
นาง คือ หิรีเทวี เป็นผู้คุ้มครองอินทรีย์
ให้มีความละอายต่อความชั่ว
นางไม่อาจกล่าวขอสุธาโภชน์จากท่านดาบสได้
เพราะการขอของหญิง ดูเหมือนจะเป็นของน่าละอาย


เมื่อ นางหิริ กล่าวจบ โกสิยดาบสกลับเอ่ยปากว่า
ดูก่อนหิรีเทพธิดา ความละอายนั้น
เป็นเหมือนทำนบที่กั้นกระแสน้ำเชี่ยว
ผู้มีความละอายย่อมห้ามกันจิต
ไม่ให้คิดทำความชั่วได้ ผู้มีความละอายจึงประเสริฐสุด
เราขอเชื้อเชิญท่านผู้มิได้ขอ เข้าไปในอาศรมของเรา
เราจะบูชาท่านด้วยสุธาโภชน์ ครั้นบูชาท่านแล้วเราจึงจักบริโภค


ด้วยเหตนี้เอง หิริเทวี จึงถูกยกย่อง
ให้เป็น เทพธิดา ผู้ประเสริฐที่สุด ในบรรดา เทพธดาทั้ง 4


อืม...จำได้ว่า ตอนนั้น อ่าน ตำนานเรื่องนี้จบแล้ว...
นู๋บัว เก๊าะ ตกหลุมรัก แม่นางหิริ เข้าอย่างจัง
ประดุจดัง โกโบริ ตกหลุมร้ากกก อังศุมาลิน ตั้งแต่แรกเห็นเรยอ่ะ
ไม่รู้เหมือนกันนะ ว่า ทำไม แม่เทพธิดานางนี้
ถึง มานั่งจุมปุ๊กสถิตอยู่ ณ กลางหัวใจ หนูบัวฯได้


รู้แต่ว่า ถ้า อินังศรัทธา นี่....
เป็น เทพธิดาที่ นู๋บัว หมั่นไส้ ที่สุด แล้วล่ะก็
เจ้หิฯ ก็เป็น เทพธิดาที่น่าเอ็นดู ที่สุด ในสายตา นู๋บัวง่ะ
ตอนนั้นก็เลยนึกครึ้ม กระเตง มัน ไปไหน มาไหน ด้วยบ่อย ๆ
หลายครั้งเหมือนกันนะ ที่ เจ้หิฯ คอยช่วยฉุดรั้ง
ไม่ให้ นู๋บัวถลำลึกลงสู่ ทางแห่งอบาย
ตามกระแส ของ โทสะ โมหะ และ โลภะ
ที่เกิด ๆ ดับ ๆ เป็น ระยะ ๆ



เฮ้ออออ นี่ยิ่งมาหลวมตัว ถือศีล เนี่ยนะ
เจ้หิฯ มัน เก๊าะเปลี่ยนชื่อ ใหม่ ให้เข้ากับยุคสมัย เป็น แม่นางคิตตี้
แร้วตีขลุม สถาปนา ตัวเอง เป็น ผจก. คอยจัดคิว ให้นู๋บัว เฉยเรยว่ะ
แม้ง ทุกวันนี้ อีนังนี่ มัน เกาะหนึบ ติดหัว อย่างก๊ะผีชัตเตอร์ เยยยยอ่ะ


อืม...ถ้าใคร ยังมีใจอาลัยรัก ในตัวบุคคล
ละทิ้ง เมียหลวง อย่างแม่นางศรัทธา มิได้
ก็ลอง ไป หา อินัง คิตตี้ มาเป็น อนุภรรยา เด่ะ
เผื่อว่า จะเกิด สมดุล ธรรม สมดุลใจ
และ อยู่ใน โลกเบี้ยว ๆ ที่ไม่สมดุล นี้ได้
โดยไม่ต้องหาทางไปทำลาย ศรัทธาของใคร !




ที่มา

ความเห็นที่ 71 ใน ลิ้งค์นี้อ่ะ

http://board.palungjit.com/f181/%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%81-%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B2-%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%B0-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99-285890-4.html#post4664023 (http://board.palungjit.com/f181/%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%81-%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B2-%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%B0-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99-285890-4.html#post4664023)


[/spoiler]


เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์


แก้ไขข้อความเมื่อ 1 ชั่วโมงที่แล้ว
 

สมาชิกหมายเลข 799026
1 ชั่วโมงที่แล้ว


(http://f.ptcdn.info/085/001/000/1357822634-1232451-o.gif)

หัวข้อ: ผู้ใดจะมีวาสนา เข้าถึง ซึ่ง มรรคผลนิพพาน มากกว่ากันเจ้าคะ ?
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ เมษายน 18, 2013, 04:39:18 pm

ผู้ใดจะมีสัมมาทิฏฐิ และ มีวาสนา
เข้าถึง ซึ่ง มรรคผลนิพพาน มากกว่ากันเจ้าคะ ? ระหว่าง...


* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะ


อืม...ตะกี้อิฉันไปโพสแพล่ม ๆ แจมในกระทู้ที่ตัวเองตั้งไว้ เมื่อตะวานอ่ะค่ะ
แพล่มไปแพล่มมา ก็นึกครึ้ม เลย ตั้ง กระทู้ นี้ ขึ้นมาถามไถ่ เจ้าค่ะ
แบบว่า อยากรู้จังเลยคร้าาา ว่า....

ผู้ใดจะมีสัมมาทิฏฐิ และ มีวาสนา เข้าถึง ซึ่ง มรรคผลนิพพาน มากกว่ากันเจ้าคะ ? ระหว่าง...


A  ผู้ศรัทธา ใน ไตรสรณะ มากล้น แต่ขัดสนซึ่ง หิริโอตตัปปะ
 
อาทิเช่น พุทธบริษัท 4 ผู้มีศรัทธาในบวรพุทธศาสนามากล้น
จนถึงขั้น ยอมสละชีพเพื่อ ปกป้องพระรัตนตรัย ได้โดยไม่หวั่นเกรงภยันอันตราย
แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกตะขิดตะขวงใจเลย ในเวลาที่ตนนั้นต้องก้าวล่วงศีล 5
( ภูมิศีลต่ำ-ภูมิธรรมด้อย-ภูมิรู้น้อย  แต่มี ศรัทธาพละมาก )



B. เป็น ผู้มีหิริโอตตัปปะ มากล้น แต่ ขัดสน ซึ่งศรัทธา ใน ไตรสรณะ โดยสิ้นเชิง

อาทิเช่น ปัจเจกชนคนไร้ศาสนา ผู้ไม่เคยมีศรัทธาในไตรสรณะเลย
แต่เขาก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจ ในเวลาที่ตนนั้นต้องก้าวล่วงศีล 5
และ มีปฏิปทาในการปฏิบัติ เกี่ยวกับการเจริญสติปัฏฐาน 4 อยู่เสมอเพื่อ รักษา ดุลยภาพของใจ
( ภูมิศีลสูง  ภูมิธรรมมาก ภูมิรู้เยอะ  แต่ไร้ซึ่งศรัทธาพละโดยสิ้นเชิง )


A ก๊ะ B ผู้ใดจะมีสัมมาทิฏฐิ และ มีวาสนา
เข้าถึง ซึ่ง มรรคผลนิพพาน มากกว่ากันเจ้าคะ ?
แล้ว หาก 2 คนนี้ ไปหา กสิยดาบส คุณคิดว่า .....

ใครจะได้รับ สุธาโภชน์ มาไว้ในครอบครอง
และ ได้ เป็นเจ้าของ ดอกปาริชาติสวรรค์ ต่อจาก พระนารทดาบส เจ้าคะ ?


เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์
แก้ไขข้อความเมื่อ 6 ชั่วโมงที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 799026
6 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 1
ใครก็ได้ที่มีดวงตาเห็นธรรมแล้ว
   

What am I?
6 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799026 ซึ้ง


ความคิดเห็นที่ 2
แล้ว ทั่นว๊อทฯ คิดว่า....
ใครจะมี วาสนาได้เห็น ดวงตาธรรม ได้ก่อนกันล่ะ


A  or  B ?

แก้ไขข้อความเมื่อ 6 ชั่วโมงที่แล้ว
 
สมาชิกหมายเลข 799026
6 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]


ความคิดเห็นที่ 3
อาตมาว่า ผู้ใดมีศรัทธาในพระรัตนตรัย ย่อมมีโอกาสมากกว่า พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
    .......ลำดับนั้น เขา (๑) ปลูกฝัง ศรัทธา ลงไป ในภิกษุนั้น ครั้นมี
สัทธาเกิดแล้ว (๒) ย่อม เข้าไปหา ครั้นเข้าไปหาแล้ว (๓) ย่อม เข้าไปนั่งใกล้
ครั้นเข้าไปนั่งใกล้แล้ว (๔) ย่อม เงี่ยโสตลง ครั้นเงี่ยโสตลง (๕) ย่อม ฟัง
ซึ่งธรรม ครั้นฟังซึ่งธรรมแล้ว (๖) ย่อม ทรงไว้ซึ่งธรรม (๗) ย่อม ใคร่ครวญ
ซึ่งเนื้อความแห่งธรรมทั้งหลาย อันตนทรงไว้แล้ว เมื่อใคร่ครวญซึ่งเนื้อความแห่ง
ธรรมอยู่ (๘) ธรรมทั้งหลายย่อมทนต่อความเพ่งพินิจ, เมื่อการทนต่อการเพ่ง
พินิจของธรรมมีอยู่ (๙) ฉันทะย่อมเกิดขึ้น ผู้มีฉันทะเกิดขึ้นแล้ว (๑๐) ย่อม
มีอุสสาหะ ครั้นมีอุสสาหะแล้ว (๑๑) ย่อม พิจรณาหาความสมดุลย์แห่งธรรม
ครั้นมีความสมดุลย์แห่งธรรมแล้ว (๑๒) ย่อม ตั้งตนไว้ในธรรมนั้น; เขาผู้มี
ตนส่งไปแล้วอย่างนี้อยู่ ย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งปรมัตถสัจจะ ด้วยนามกาย ด้วย,
ย่อม แทงตลอดซึ่งธรรมนั้น แล้วเห็นอยู่ด้วยปัญญา ด้วย. ภารท์วาชะ ! การตาม
รู้ซึ่งความจริง ย่อมมี ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้, บุคคลชื่อว่าย่อมตามรู้ซึ่งความจริง
ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้, และเราบัญญัติการตามรู้ซึ่งความจริง ด้วยการกระทำ
เพียงเท่านี้; แต่ว่า นั่นยังไม่เป็นการตามบรรลุถึงซึ่งความจริง.......ต่อจากนั้นก็เป็นส่วนของการปฎิบัติ
ถ้า  A เคารพพระรัตนตรัยจริง การกระทำแบบที่กล่าวถึงบนนั้นก็จะตามมา แค่หิริโอตตัปปะ เรื่องเล็กมาก เจริญพร
   
สมาชิกหมายเลข 794326
5 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799026 สยอง


ความคิดเห็นที่ 4
หลวงพี่ จะมาตอบ พวกนี้ทำไม  ปล่อยเขาไป ไม่มีใครสนใจ เดี๋ยวก็เหี่ยวตายไปเอง
 

สมาชิกหมายเลข 723908
5 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799026 ซึ้ง


ความคิดเห็นที่ 5
อืม...ใจจริงก็อยากให้ พวกคนพุทธ ลง พรหมทัณฑ์ กรวดน้ำคว่ำขัน ก๊ะ อิฉันซะที เหมือนกันนะ
ไม่รู้ มีใจเสน่หา หน้ามืด มาหลงรัก อะไร อิฉัน กันนักกันหนา
ขนาด ที่ว่า หลัง ๆ มานี่ อิฉัน หันไปตั้งกระทู้พูดคุยกระหนุงกระหนิง ก๊ะ เพื่อน ๆ มุสลิม ในบอร์ดนี้
พวกคนพุทธก็ยังไม่วาย เสียมารยาทตามมาหึงหวง เอ๊ย ตามมาราวีจนกระทู้โดนอุ้ม เลยอ่ะ T^T
ด้วยเหตุนี้อิฉัน ก็เลยยังลังเลอยู่เลยนะ ว่า จะ โพสกระทู้

"เมื่ออิฉันเริ่มเห็นความงดงามตามวิถีอิสลาม เมื่อเปลี่ยนใจหันไปปฏิบัติธรรม"

มาให้ กัลยาณมิตร ในนี้ ได้อ่าน ดีไหม ?
ถึงแม้ว่า จะมั่นใจ ว่า สิ่งที่ ตัวเองจะโพสนั้น มันคือ ความจริง ที่อิฉันได้ประสบและพบเจอ
แต่ อิฉันก็กลัวว่า ความ อิจฉาริษยา  และ ฉันทาคติอันมืดบอดของพวกพุทธมามกะหลาย ๆ คน
มันจะ ทำให้ กระทู้ดี ๆ ที่อิฉันสู้อุส่าจะบรรจงเขียนขึ้นมา มันถูกทำให้ดับสูญไป
เพราะ พวกคนพุทธหลาย ๆ คน  ทนที่จะยอมรับ ความเป็นจริง ที่เกิดขึ้น ในสังคม ไม่ได้ อ่ะดิ

แก้ไขข้อความเมื่อ 5 ชั่วโมงที่แล้ว


สมาชิกหมายเลข 799026
5 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]



ความคิดเห็นที่ 6
ถ้าไม่มีศรัทธาในพระรัตนไตร. ก็ไม่มี หิริ โอตตัปปะ

เพราะ หิริโอตตัปปะ. การละอายเกรงกลัวต่อบาป. เกิดจากการรู้ว่าสิ่งใดเป็นบาป จากพระธรรมของพระพุทธเจ้า. ครับ
   


กระบี่นางฟ้า
4 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799026 สยอง



ความคิดเห็นที่ 7
อ้าง

ความคิดเห็นที่ 6
ถ้าไม่มีศรัทธาในพระรัตนไตร. ก็ไม่มี หิริ โอตตัปปะ

เพราะ หิริโอตตัปปะ. การละอายเกรงกลัวต่อบาป. เกิดจากการรู้ว่าสิ่งใดเป็นบาป จากพระธรรมของพระพุทธเจ้า. ครับ


ปุจฉา !


ท่านนบีฯ ทั้งหลาย มีศรัทธาในพระรัตนตรัย หรือไม่ 
แล้ว คุณคิดว่า ท่านมี หิริ โอตตัปปะ ไหม ?


แม่ชีเทเรซ่า มีศรัทธาในพระรัตนตรัย หรือไม่ 
แล้ว คุณคิดว่า ท่านมี หิริโอตตัปปะ ไหม ?


มหาตมะ คานธี มีศรัทธาในพระรัตนตรัย หรือไม่ 
แล้ว คุณคิดว่า ท่านมี หิริ โอตตัปปะ ไหม ?

มาร์ติน ลูเธอร์ คิง มีศรัทธาในพระรัตนตรัย หรือไม่ 
แล้ว คุณคิดว่า ท่านมี หิริ โอตตัปปะ ไหม ?


อัลเฟรด โนเบล  มีศรัทธาในพระรัตนตรัย หรือไม่ 
แล้ว คุณคิดว่า ท่านมี หิริ โอตตัปปะ ไหม ?


แก้ไขข้อความเมื่อ 4 ชั่วโมงที่แล้ว



สมาชิกหมายเลข 799026
4 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]



ความคิดเห็นที่ 8
คิดว่าคำถามมันค่อนข้างขัดกันในตัวเองนะครับ

นกไม่สามารถบินขึ้นสูงได้โดยขาดปีกฉันใด มนุษย์ก็จะขึ้นสู่จุดสูงสุดโดยไม่มีครูบาอาจารย์หรือคำสอนเลย ก็ฉันนั้น

การที่คุณอ่านตำราหรือฟังมาแล้วลองปฎิบัติแล้วได้ผล (ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดี) แต่ทำไมกลับไม่ยอมรับหรือเคารพในตัวอาจารย์ผู้ให้ความรู้หละครับ

เจตนาของเจ้าของกระทู้ผมว่า เหมือน "นกโลก" คือรับประทานคำด่า อาการดิ้น ความโกรธของมนุษย์ เป็นอาหาร

(งดให้อาหารนกโลกเถอะครับ)


คนัคเกิ้ล
4 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799026 ซึ้ง


ความคิดเห็นที่ 8-1
แล้วในอนาคตกาล ชะตากรรมของ อิตาเถรเทวทัต นั้นเป็นไฉน ?
การจะได้เป็น ปัจเจกพุทธะ  ( ในชาตินั้น  ๆ ) จำเป็นจะต้องมี อาจารย์ที่ไหน
มาสอนทั่น เรื่อง อริยมรรค ( ในชาตินั้น ๆ ) หรือไม่ ?
อิตาเถรเทวทัต ต่างจาก พระ อริยะสาวก อย่างไร ?
ได้โปรดช่วยตอบให้อิฉันได้ เห็นดวงตาธรรม หน่อย เถิดเจ้าคะ

ว่า ศาสนาแห่งปัญญา ที่ทั่นภาคภูมิใจ นักหนา
จนต้อง เอาไปใช้ ยกตนข่มท่าน กับ ใคร ๆ อยู่เสมอ ๆ นั้น
มันต่างจาก ศาสนาแห่งศรัทธา   ของ ศาสนิกชนอื่น ๆ อย่างไร ?

แก้ไขข้อความเมื่อ 4 ชั่วโมงที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 799026
4 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]



ความคิดเห็นที่ 8-2
ถ้าคุณบอกว่าเกิดมา คุณไม่เคยหยิบหนังสือเกี่ยวกับการปฎิบัติธรรม หรือไม่เคยฟังธรรมะข้อใดๆมาเลย

แล้วก็สามารถเริ่มปฎิบัติได้เลย แบบว่ารู้เอง คุณต้องเป็นพระปัจเจกในอนาคตแน่ๆ ยิ้ม

(อ่อ หลวงพี่เทวทัตก็จะบรรลุเช่นเดียวกับที่ผมกล่าวนั้นแหละครับ)

ป.ล.ผมให้ความเคารพกับศาสนาอื่นเสมอ ไม่เคยว่า ไม่เคยติเตียนเลย ช่วยแยกแยะหน่อยนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ 3 ชั่วโมงที่แล้ว


คนัคเกิ้ล
3 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 8-3
อืม...ไอ้หนังสือธรรมะสารพัด นั่นน่ะ ทำไมจะไม่เคยอ่านล่ะ
คุณก็รู้นี่หน่า ว่า เมืองไทยนั้นหนา เป็น เมืองพุทธ
สมัยเรียนมัธยม อิฉัน เลยถูกอาจารย์ทั้งหลาย
พยาม ยัดเยียด ตถาคตโพธิสัทธา ให้  เป็นประจำ
เหมิอนกับ เด็กนักเรียนทั้งหลาย อยู่แล้วนิ
ยังได้ ท็อป วิชา พุทธศาสนาอยู่ตลอด ๆ
ก็ท่องจำแบบนกแก้วนกขุนทอง นั่นแหล่ะ 5555


แต่ว่า กายานุปัสนา และ เวทนานุปัสนา นั้นน่ะ
อิฉัน ทำเป็น ก่อนที่จะรู้ว่า มันคือ สติปัฏฐาน 4 ด้วยซ้ำ
ส่วน จิตตานุปัสนา และ ธรรมมานุปัสนา เนี่ย
พอถือศีล 5 เพราะ เวทนา สัตว์โลกตาดำ ๆ บ่อย ๆ เข้า
เรื่องพวกนี้ มันก็ เรียนรู้ได้ ด้วยตัวเอง ตามเหตุปัจจัย
โดยที่ไม่ได้ไปให้ คูบาอาจานที่ไหน มาสอน นิ

เอ ? งั้นต่อไป อิฉัน ก็สวมรอยว่า .... อิฉันจะได้เป็น ปัจเจกพุทธะ ได้น่ะสิ ?
แก้ไขข้อความเมื่อ 3 ชั่วโมงที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 799026
3 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]



ความคิดเห็นที่ 9
ไม่รู้นะ แต่ผมมองว่ามันขัดๆกันนะ
คนที่ศรัทธามาก แต่ขาอความกลัวบาป ผมว่ามันเป็นไปไม่ได้ คืออย่างน้อยมันต้องมีบ้าง ถ้าเขาไม่ได้หลงผิด ศรัทธาผิด เหมือนองคุลีมาลในตอนแรกๆที่ตัดนิ้วมนุษย์ เลยหลงเชื่ออาจารย์ ต่อมาพระองคุลีมาลมีศรัทธาในพระพุทธเจ้าก็บรรลุอรหัตผลได้

ส่วนคนที่เกรงกลัวต่อบาป ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลยที่เขาจะไม่ศรัทธาสิ่งใด ยิ่งเป็นชาวพุทธด้วยแล้ว ถ้าลองได้รู้จักศีลห้า และกลังบาป นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ศรัทธาต่อพุทธศาสนา ยิ่งกลัวบาปมากยิ่งศรัทธามากเรียกได้ว่ามีความสัมพันธ์กันในทางบวก
แก้ไขข้อความเมื่อ 4 ชั่วโมงที่แล้ว


ธรรมสถิต
4 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799026 ขำกลิ้ง



ความคิดเห็นที่ 10
ก็อดีต พุทธ (ตามโคตรพ่อโคตรแม่ ) อย่าง อิฉัน ไงจ๊ะ
ที่ ยอม เขี่ย สถานะ พุทธมามกะ ออกจากบัตร ปชช.
เพียงเพราะ ไม่ต้องการ ให้ ศีล ข้อ 4 ว่าด้วย วจีมุสา ต้องมา ถลอกปอกเปิก
เนื่องจาก ต้องทน โกหกคนทั้งโลก ว่า ตนนั้นเป็นคนพุทธ
ทั้ง ๆ ที่ ไม่เคยรู้สึก ศรัทธาในไตรสรณะ สักกระผีก เลย



สมาชิกหมายเลข 799026
3 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]



ความคิดเห็นที่ 11



           ศรัทธา ใน ไตรสรณะ มากล้น แต่ขัดสนซึ่ง หิริโอตตัปปะ
กับ       มีหิริโอตตัปปะ มากล้น แต่ ขัดสน ซึ่งศรัทธา ใน ไตรสรณะ
ไม่เคยเปรียบเทียบอย่างนี้    เคยได้ยินแต่เขา เปรียบ  เจโต กับ ปัญญา  ลองๆเปรียบในแนวทางนี้ดู

เอาอย่างนี้  คือมีนักยิงธนูสองคน  คนหนึ่งกำลัง ดี   ยิงได้แรง  แต่ไม่แม่น     อีกคนยิงได้แม่น  แต่ไม่แรง
มิหนำไอ้คนที่ยิงไม่แม่น กลับชอบจะไปยิงในสิ่งที่ไม่สมควรยิง  ไม่ยิงในสิ่งที่ควรอีก

คงจะยากที่ทั้งสองจะบรรลุเป้าหมาย    ถ้าผู้ไดรู้ข้อบกพร่องของตน  พยายามฝึกฝนแก้ใข
คนที่ยิงไม่แม่น ก็ฝึกยิงให้แม่น  และกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน  ยิงในสิ่งที่ควร
คนยิงไม่แรงก็ไปฝึกยิงให้แรง  เมื่อรู้เป็าหมายชัดแล้ว ศึกษาวิธีเพิ่ม พละกำลัง ให้ยิงถึงเป้าให้ได้

>>        เคยได้ยินมา ว่า   ปัญญาบรรลุช้ากว่าเจโต เพราะรู้ัมากสงสัยมากกำลังเลยอ่อน
             ส่วนพวกเจโต ถ้าไม่เหลาะแหละ อาจารย์เล็งให้แล้ว ยิงให้สุดกำลัง ก็อาจบรรลุได้

>>        แต่เมื่อบรรลุ แล้วจะไปต่อ พวกปัญญาจะไปได้เร็วกว่าพวกเจโตมาก   เพราะเมื่อปัญญาสัมมาทิฐิแล้วเพิ่มเจโตได้ไม่ยาก
             พวกเจโตเมื่อจะเพิ่มปัญญา ก็ต้องสะสมเรียนรู้มาก  แต่สุดท้ายทั้งสองพวกต้องมีเจโต+ปัญญาพอ ดี
             จึงจะได้   เป็นเจ้าของ ดอกปาริชาติสวรรค์ ต่อจาก พระนารทดาบส
 

P2wichai
3 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799026 ทึ่ง


ความคิดเห็นที่ 12
ไม่มีฌาน. ย่อมไม่มีญาณ


กระบี่นางฟ้า
2 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799026 ซึ้ง


ความคิดเห็นที่ 12-1
รู้จักคุณกระบี่ จากความเห็นในกระทู้แค่ด้านเดียว(นิดเดียว) อยากรู้จักมากกว่านั้น
>>           อยากให้ลองอธิบาย ขยายความ  ไม่มีฌาน. ย่อมไม่มีญาณ  ให้อ่านสักหน่อย จะขอบคุณมาก


P2wichai
2 ชั่วโมงที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 12-2
อืม...ระหว่างที่คุณป๋า รอ คุณกระบี่ฯ มารำไพ่
อ่านไอ้นี่ไปพลาง ๆ ก่อนป่ะ อิอิ


ฌาณ ไม่เอา ! นู๋จะเอา ชาน( อ้อย ) อิอิ


http://board.palungjit.com/f181/%E0%B8%8C%E0%B8%B2%E0%B8%93-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B2-%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B9%8B%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B2-%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2-%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AD%E0%B8%B4-225986.html (http://board.palungjit.com/f181/%E0%B8%8C%E0%B8%B2%E0%B8%93-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B2-%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B9%8B%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B2-%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2-%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AD%E0%B8%B4-225986.html)

แก้ไขข้อความเมื่อ 1 ชั่วโมงที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 799026
1 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]



ความคิดเห็นที่ 13
ว้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
กระทู้นู๋บี โดน ญิ๋งแม่ เฉดหัว มาอยู่ กระท่อมน้อยปลายนา อีกแระ อะซิก...อะซิก...

[Spoil] คลิกเพื่อซ่อนข้อความ

* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะ


สมาชิกหมายเลข 799026
1 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]



ความคิดเห็นที่ 14
ถึง แควนขับ ทุกทั่น

อืม...จริง ๆ ประเด็นของ กระทู้นี้นั้นน่ะ
ก็ไม่ได้ต้องการจะเปรียบเทียบ เจโตวิมุต กับ ปัญญาวิมุต หรอกน้าาาา
แต่ อิฉัน ต้องการ จะ ปาหินข้างทาง เพื่อ ถามชาวบ้านชาวช่องว่า

อัน ศรัทธา หรือว่า หิริฯ นั้น สิ่งใดกันแน่หนอ ?
ที่นำมาซึ่ง สัมมาทิฏฐิ ในระดับ สากล
อันเป็นหนทางเริ่มต้นแห่งมรรคผล
และสิ่งใดกันแน่หนอ ที่ ประเสริฐกว่ากัน ?
ที่สำคัญ อันตรายของ การมี ศรัทธามากล้นเกินปัญญา  นั้น
มันจะพาให้เข้ารกเข้าพง ได้อย่างไร ?


เฮ้อออ...จริง ๆ ก็เคยมีคนที่กล่าวเอาไว้ ในใบลาน 3  ตะกร้า แล้ว นิ  อิอิ


[spoiler]

อาสา ศรัทธา สิริ และหิริ อย่างไหนประเสริฐสุด?

 
    ในอดีตกาลนานมาแล้ว เมื่อพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นท้าวสักกเทวราช
    ในครั้งนั้น ท้าวสักกเทวราชทรงมีพระธิดา ๔ นาง คือ นางอาสา นางศรัทธา นางสิริ และนางหิริ ท้าวสักกะทรงให้พรเทพธิดาทั้งสี่ให้สามารถท่องเที่ยวไปในไตรภพได้โดยปลอดภัย

    ครั้งหนึ่ง เทพธิดาทั้งสี่ไปเที่ยวป่าหิมพานต์ ลงเล่นน้ำในสระอโนดาต แล้วไปนั่งพักบนพื้นมโนศิลาบนเขาคันธมาทน์ ขณะนั้น ดาบสผู้หนึ่งชื่อ นารทะ ถือศีลบำเพ็ญฌานอยู่ในถ้ำกาญจนคูหาในป่าหิมพานต์ ท่านได้ใช้ฤทธิ์อภิญญาไปพักผ่อนในดาวดึงส์สวรรค์ ขากลับท่านได้เก็บดอกปาริฉัตตก์มาด้วยดอกหนึ่งเพื่อใช้บังร่มเงา
เทพธิดาทั้งสี่สรงน้ำมาใหม่ๆ พอเห็นดอกปาริฉัตตก์ในมือดาบสจึงอยากได้มาประดับกาย เข้าไปหากล่าวว่า ข้าแต่พระมหามุนีผู้ประเสริฐ ถ้าดอกปาริฉัตตกะนี้พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว ก็จงให้แก่พวกดิฉันเถิด

    นารทดาบสเห็นนางเทพธิดาทั้งสี่มาขอดอกไม้จึงตอบว่า
    " ดูก่อนเทพธิดา เราไม่ได้ใช้ประโยชน์ดอกไม้นี้แล้ว แต่ดอกไม้มีดอกเดียว เราจะให้แก่เทพธิดาที่ประเสริฐสุด เจริญสุด ในหมู่พวกเธอ "

    เทพนารีทั้งสี่จึงกล่าวว่า ข้าแต่ท่านดาบส ท่านนั่นแลจงดูพวกดิฉัน และพิจารณาว่าจะให้ดอกไม้แก่ผู้ใด
    นารทดาบสตอบว่า ดูก่อนแม่เทพธิดา กิจในการตัดสินไม่พึงเกิดขึ้นเพราะนักบวช เพราะหากเราตัดสินว่าใครเป็นผู้ประเสริฐในหมู่พวกเธอ นางที่เหลือก็จะกลายเป็นคนเลว แล้วเกิดการทะเลาะวิวาทกัน พวกเธอจงกลับไปทูลถามท้าวสักกะบิดาของเธอนั่นแหละจึงจะควร

    เทพธิดาทั้งสี่ฟังท่านดาบสแล้วจึงกลับไปเฝ้าท้าว สักกเทวราช ทูลขอให้พระบิดาทรงตัดสินว่าใครคือผู้ประเสริฐสุดในหมู่เทพธิดาทั้งสี่ แต่ท้าวสักกเทวราชดำริว่า นางทั้งสี่ล้วนเป็นธิดาของเรา ถ้าเราตัดสินว่าใครประเสริฐกว่า นางที่เหลือก็จะโกรธและวิวาทกัน เรื่องนี้เราจะไม่ตัดสินเอง ดำริแล้วท้าวสักกะจึงตรัสบอกเทพธิดาทั้งสี่ว่า ดูก่อนเทพธิดาทั้งสี่ ในป่าใหญ่ริมแม่น้ำคงคาทางด้านทักษิณโน้นมีดาบสอีกรูปหนึ่งชื่อ โกสิยดาบส ท่านบำเพ็ญเพียรเป็นมหามุนี เป็นผู้มีใจรักการให้ทาน วันใดหากท่านยังไม่ได้ให้ทาน วันนั้นท่านดาบสก็จะไม่ฉัน พวกเธอจงไปให้ดาบสนั้นช่วยตัดสินเถิด
    ท้าวสักกเทวราชตรัสแล้วให้เรียกมาตลีเทพบุตรมารับ สั่งว่า ท่านจงพาธิดาของเราไปหาโกสิยดาบส แต่โกสิยดาบสนั้นมีน้ำดื่มและโภชนะหาได้ยาก ท่านจงนำสุธาโภชน์ไปถวายท่านด้วย มาตลีเทพบุตรรับพระบัญชาแล้วจึงพาเทพธิดาทั้งสี่ขึ้นรถเทียมม้าพันตัวไปหาโก สิยดาบสพร้อมด้วยสุธาโภชน์ทิพย์

    มาตลีเทพบุตรนำสุธาโภชน์เข้าไปถวายดาบสโดยวางถาดสุธาโภชน์ไว้บนฝ่ามือ แต่ไม่ได้ปรากฏกายให้เห็น
    โกสิยดาบสลืมตาเห็นมีถาดอาหารทิพย์อยู่ในมือ กล่าวว่า สุธาโภชน์อันวิเศษนี้ขาวสะอาดประดุจสังข์ขาว น่าดูยิ่งกว่าปุยนุ่น และมีกลิ่นหอมเช่นนี้เราไม่เคยเห็นมาก่อน เทวดาองค์ไหนหนอมาวางไว้ในฝ่ามือของเรา
    มาตลีเทพบุตรกล่าวตอบพระดาบสว่า ข้าแต่มหามุนี ข้าพเจ้าคือมาตลีเทพบุตร ได้รับบัญชาจากท้าวสักกเทวราชให้นำสุธาโภชน์นี้มาถวายท่าน เมื่อท่านบริโภคแล้วจะได้ประโยชน์ละธรรมลามกได้ ๑๒ ประการ คือ ความหิว ๑ ความกระหาย ๑ ความกระสัน ๑ ความกระวนกระวาย ๑ ความเหน็ดเหนื่อย ๑ ความโกรธ ๑ ความเข้าไปผูกโกรธ ๑ ความวิวาท ๑ ความส่อเสียด ๑ ความหนาว ๑ ความร้อน ๑ ความเกียจคร้าน ๑

    โกสิยดาบสสดับคำมาตลีเทพบุตรแล้วกล่าวว่า
    ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราถือวัตรว่าหากเรายังไม่ได้ให้ทานก่อน เราจะไม่บริโภคแม้เพียงน้ำ เพราะความตระหนี่เป็นธรรมเลวทราม พระอริยเจ้าทั้งหลายไม่สรรเสริญ เราจึงสมาทานวัตรนี้เพื่อทำลายความตระหนี่ลงให้ได้ แต่การให้ทานของเราจะให้เฉพาะแก่คนที่ผู้รู้สรรเสริญแล้ว ผู้ที่มีศรัทธา ปราศจากความตระหนี่ และเป็นผู้มีความสัตย์เท่านั้น

    มาตลีเทพบุตรสดับคำโกสิยดาบสแล้วจึงแสดงกายให้ ปรากฏพร้อมกับเทพธิดาทั้งสี่ โกสิยดาบสรู้นามมาตลีเทพบุตรแล้ว แต่ยังไม่รู้จักเทพธิดาทั้งสี่ จึงถามว่าพวกเธอเป็นใครกัน

    นางสิริตอบพระดาบสเป็นคนแรกว่า ดิฉันคือ สิริเทวี เป็นผู้คุ้มครองมนุษย์ผู้มีสิริ เป็นผู้ที่หมู่มนุษย์บูชาแล้วทุกเมื่อ เป็นผู้มีคุณสมบัติตามวัตรของท่านดาบส ขอท่านจงแบ่งสุธาโภชน์นั้นให้ดิฉันเถิด
    โกสิยดาบสกล่าวว่า ดูก่อนเทพธิดาสิริ แม้เธอได้ตามรักษาคนผู้มีสิริ ให้สมบูรณ์ด้วยชาติ โภคทรัพย์ และความสุข แต่คนมีสิริบางคนก็ปราศจากซึ่งความเพียร ความประพฤติดี ความรู้ดี การงานดี และปราศจากสัจจะ เทพธิดาเช่นเธอย่อมไม่ชอบใจแก่เรา เธอจงไปเสียเถิด

    นางอาสาตอบพระดาบสเป็นคนต่อไปว่า ดิฉันคือ อาสาเทวี เป็นผู้คุ้มครองอินทรีย์ตนเองและคุ้มครองมนุษย์ผู้มีความหวัง เป็นผู้มีคุณสมบัติตามวัตรของท่านดาบส ขอท่านจงแบ่งสุธาโภชน์นั้นให้ดิฉันเถิด
    โกสิยดาบสกล่าวว่า ดูก่อนเทพธิดาอาสา ชนผู้มีความหวังย่อมมีความเพียรทำการงานของตน บางพวกก็อิ่มเอิบประสบความสำเร็จ แต่บางพวกก็เสื่อมโทรมไม่สำเร็จ บางคนทำความหวังในทางที่ผิด ละทิ้งหมู่ญาติ ทำความเพียรอันเศร้าหมอง เทพธิดาเช่นเธอย่อมไม่ชอบใจแก่เรา เธอจงไปเสียเถิด

    นางศรัทธาเข้าไปหาพระดาบสบ้าง กล่าวว่า ดิฉันคือ ศรัทธาเทวี เป็นผู้คุ้มครองอินทรีย์ตนเองและคุ้มครองมนุษย์ผู้มีผู้มีศรัทธาความเชื่อ เป็นผู้ที่มนุษย์บูชาแล้วทุกเมื่อ ขอท่านจงแบ่งสุธาโภชน์นั้นให้ดิฉันเถิด
    โกสิยดาบสกล่าวว่า ดูก่อนเทพธิดาศรัทธา ศรัทธาคือมีความเชื่อเมื่อมีแล้ว ย่อมทำให้ผู้มีศรัทธาเป็นผู้ให้บ้าง ฝึกฝนบ้าง บริจาคบ้าง สำรวมบ้าง แต่ความศรัทธาบางเรื่องก็ไม่ดี เช่น ศรัทธาในการทำโจรกรรมบ้าง พูดเท็จบ้าง ล่อลวงบ้าง พูดส่อเสียดบ้าง คบชู้บ้าง เทพธิดาเช่นเธอย่อมไม่ชอบใจแก่เรา เธอจงไปเสียเถิด

    ลำดับนั้นนางหิรีได้กล่าวกับพระดาบสบ้างว่า ดิฉันคือ หิรีเทวี เป็นผู้คุ้มครองอินทรีย์ให้มีความละอายต่อความชั่ว ดิฉันไม่อาจกล่าวขอสุธาโภชน์จากท่านดาบสได้ เพราะการขอของหญิง ดูเหมือนจะเป็นของน่าละอาย
    โกสิยดาบสกล่าวว่า ดูก่อนหิรีเทพธิดา ความละอายนั้นเป็นเหมือนทำนบที่กั้นกระแสน้ำเชี่ยว ผู้มีความละอายย่อมห้ามกันจิตไม่ให้คิดทำความชั่วได้ ผู้มีความละอายจึงประเสริฐสุด เราขอเชื้อเชิญท่านผู้มิได้ขอเข้าไปในอาศรมของเรา เราจะบูชาท่านด้วยสุธาโภชน์ ครั้นบูชาท่านแล้วเราจึงจักบริโภค

    หิรีเทพธิดารับคำเชิญของท่านดาบสแล้วจึงเข้าไปใน อาศรม นั่งบนอาสนะรับสุธาโภชน์จากท่านดาบสแล้วกลับไปเฝ้าท้าวสักกเทวราช
    ท้าวสักกเทวราชและหมู่เทวดาเห็นเทพธิดาหิรีได้รับ สุธาโภชน์จากโกสิยดาบสกลับมา จึงพากันสรรเสริญว่านางเป็นเทพธิดาที่ประเสริฐสุด เชิญให้นั่งบนตั่งทองคำ ประนมมือไหว้ และนำดอกปาริฉัตตก์มาบูชา

    ในขณะนั้นเอง โกสิยดาบสได้ถึงอายุขัยทำกาละ บังเกิดเป็นเทพบุตร มาตลีเทพบุตรจึงได้รับโกสิยเทพบุตรไปสู่เทวโลกไปเฝ้าท้าวสักกเทวราช ท้าวสักกะต้อนรับโกสิยเทพบุตรด้วยความยินดี และยกเทพธิดาหิรีให้เป็นพระชายา

ชาดกนี้มีประชุมชาดกว่า
    เทพธิดาหิรี มาเกิดเป็น พระอุบลวรรณาเถรี
    โกสิยดาบส มาเกิดเป็น ภิกษุรูปหนึ่งผู้ยินดีในการให้ทาน
    มาตลีเทพบุตร มาเกิดเป็น พระอานนท์
    นารทดาบส มาเกิดเป็น พระสารีบุตร
    ท้าวสักกเทวราช เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ที่มา
- สุธาโภชนโภชชาดกและอรรถกถาสุธาโภชนโภชชาดก

https://groups.google.com/forum/?fromgroups=# (https://groups.google.com/forum/?fromgroups=#)!msg/saradham/dNve_Kx7nCc/kSRfq3QpETQJ


[/spoiler]

แต่ดูเหมือน ว่า พอ อิพวกพุทธมามกะจ๋า มันได้ยิน ว่า....
ผู้มีหิริฯ นั้น ไร้ซึ่ง ศรัทธาในไตรสรณะ เฉกเช่นเดียวกับตนมีศรัทธา
มันก็โดนความอิจฉาริษยา กับ ฉันทาคติมา บังตาจนมืดบอด
แล้ว ตะแบง เถียงอยู่นั่นแหล่ะ ว่า มันเป็นไปม่ายด้ายยยยยยยยยยยยยย
ต้องศรัทธาในไตรสรณะเท่าน้านนน จึงจะมีโอกาส เข้าถึง มรรคผลนิพพาน


ปั๊ดโธ่เอ๊ยยย ขนาด อุส่า ยกเคสของตัวเอง มาให้เห็น เป็นเคสสตั๊ดดี้ แล้วแท้ ๆ
ก็ไม่เคยสำเหนียก ไม่เคยรู้จักใช้ สไปนอล คอร์ด มาโยนิโส กันเล๊ยยยยยยยยยย
แล้วงี้ ยังจะมีหน้ามาร้อง บอก ชาวบ้าน อยู่ได้
ว่า ศาสนาของตัวเองนั้น เป็น ศาสนาแห่ง ปัญญา


แต่ เท่าที่เห็น ๆ มา สาวกแต่ละคน ก็ล้วนแล้วแต่...
มี ศรัทธามากล้น จนหาปัญญา ไม่ค่อยจะได้ ด้วยกันทั้งนั้น
เฮ้อออ จะว่าไป บุคคล เช่น นาย A ( ภูมิศีลต่ำ  ภูมิธรรมด้อย  ภูมิรู้น้อย )
นี่ มันก็มีอยู่ดาษดื่นทั่วไป ในห้อง ศาสดา แห่งนี้ นั่นแหล่ะ

แก้ไขข้อความเมื่อ 12 นาทีที่แล้ว
 

สมาชิกหมายเลข 799026
52 นาทีที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]
คนัคเกิ้ล ถูกใจ



ความคิดเห็นที่ 14-1
จากที่อ่านๆ มาผมว่าคุณเป็นคนเก่งนะ เข้าใจในอะไรหลายๆอย่าง น่าจะละๆวางๆบ้างนะครับ

อย่างไหนที่คุณคิดว่าดีคุณก็ทำไป คุณมีความคิดยังไง ก็ไม่มีใครเดือดร้อนเลย

แต่จากคำพูดที่คุณใช้ มันเหมือนเด็กล้อชื่อพ่อแม่กันมากกว่า ยั่วยุให้อีกฝ่ายโกรธแล้วก็หัวเราะชอบใจ ไม่ดีเลยนะ เค้าล้อเล่น

คนัคเกิ้ล
13 นาทีที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799026 ขำกลิ้ง


ความคิดเห็นที่ 15
เอ้า เอา เดอะลิง 2 ตัว มาฝากอ่ะจร้าาา หุหุ อมยิ้ม16

http://pantip.com/topic/30171758/comment10 (http://pantip.com/topic/30171758/comment10)

http://pantip.com/topic/30178276 (http://pantip.com/topic/30178276)


สมาชิกหมายเลข 799026
13 วินาทีที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]


(http://f.ptcdn.info/847/000/000/1357231368-Y129042442-o.jpg)
หัวข้อ: จม. จากญิ๋งแม่
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ เมษายน 18, 2013, 05:29:59 pm
จม.จากญิ๋งแม่

สวัสดีค่ะคุณ สมาชิกหมายเลข 799026

เนื่องจากทีมงานพบว่าการโพสต์ของคุณในกระทู้

http://pantip.com/topic/30373259/comment14 (http://pantip.com/topic/30373259/comment14)

อ้างถึง
"เอ่อ...โดยสรุป จาก ข้อมูล ในกระทู้นี้ ตกลงว่า เนื้อหาใน ใบลาน 3 ตะกร้านั้นน่ะ เราสามารถเอามา ลวกน้ำร้อนขูดขน แล้ว ชำแหละหาเนื้อนาบุญได้ไหม เจ้าคะ ว่า มันมี สาระ สักกี่กิโลขีด ? หรือว่า ถ้า อะไร ที่ขึ้นชื่อ ว่าเป็น ไตร ๆ ไม่ว่าจะ ไตรสรณะ หรือ ว่า ไตรปิฎก ก็ล้วนแล้วแต่ แตะต้อง มิได้ ถึงแม้ สิ่งที่เอามาพูดวิพากษ์วิจารณ์นั้น ก็ล้วนแล้วแต่ อ้างอิงตาม fact ที่มีพยานหลักฐานเชิงประจักษ์ ที่ยอมรับได้ในระดับสากล ก็ตาม เฮ้อออ ถ้าเป็นงั้น คำว่า ทองแท้ย่อมไม่แพ้ไฟ ก็เอามาใช้ไม่ได้กับ สาวกสมณะโคดม งั้นสิ อิอิ แหม ? ว่าง ๆ ก็อย่าลืม ไปตั้งกระทู้ ถอนคำพูดด้วยนะ ที่บอกว่า ศาสนาพุทธ เป็น ศาสนาแห่งปัญญา อ่ะ เพราะเท่าที่ สังเกตดูแล้ว สาวกสมณะโคดมส่วนใหญ่ ภูมิศีลต่ำ ภูมิธรรมด้อย ภูมิรู้น้อยกันทั้งนั้นเยยยยยย นี่ ก็ยังสงสัยอยู่ เลย ไม่รู้เหมือนกันว่า ศาสดาของพวกคุณ ไม่ได้สั่งได้สอนกันมาหรืออย่างไร ทำไม สาวกของ ศาสนาแห่งปัญญา ถึงกลายเป็นงี้ไปได้นะ ช่างน่าอายขายขี้หน้า แทน คนเป็นศาสดา จริงจริ๊งงงงง เอิ๊ก ๆ

(http://f.ptcdn.info/847/000/000/1357231368-Y129042442-o.jpg)


นั้นเป็นการโพสต์กระทู้ที่มีเนื้อหาเข้าข่ายล่อเป้า/บลั๊ฟ/เกรียน/ชวนทะเลาะ ในหน้าบอร์ดหลักเป็นการรบกวนการใช้งานของเพื่อนสมาชิกซึ่งถือว่าผิดกติกาจึงมีความจำเป็นต้องระงับการโพสต์ของท่านชั่วคราวเพื่อทำการแจ้งให้ท่านรับทราบเงื่อนไขในการใช้งานของเว็บพันทิปเสียก่อน

ทั้งนี้ทีมงานขอความกรุณาท่านสมาชิกตอบกลับมายัง contact.pantip.com เพื่อแจ้งเหตุผลในการโพสต์ข้อ ความลักษณะดังกล่าวค่ะ

(http://f.ptcdn.info/057/001/000/1357741940-1-o.jpg)
หัวข้อ: "อยู่ก่อนแต่ง" หญิง ชาย คิดยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ เมษายน 18, 2013, 05:33:39 pm
ส่วนอันนี้ แถม

"อยู่ก่อนแต่ง" หญิง ชาย คิดยังไง ?

http://pantip.com/topic/30374205 (http://pantip.com/topic/30374205)

อุส่า ไปแจมไว้ใน คห. 17 แต่ดั๊น โดนอุ้ม ซะนี่
เลย เอามาแปะไว้ในอ่านเล่น ๆ

+++++++++++++++++++++++++++


"อยู่ก่อนแต่ง" หญิง ชาย คิดยังไง ?

ขออนุญาตยกความคิดเห็นคุณ 12478B13 มาสานต่อนะครับ จากกระทู้
จะดีมั้ยถ้าจะคบกันจริงๆ ถึงขั้นแต่งงาน ควรรู้จักกันให้หมดเปลือกก่อน
http://pantip.com/topic/30368568 (http://pantip.com/topic/30368568)


ถ้ารู้จักกันไปจนถึงระดับครอบครัวและวงศาคณาญาติ ชีวิตจะง่ายขึ้นนะเราว่า หลาย ๆ คู่มักมีปัญหาครอบครัวเดิมของแต่ละฝ่าย หรืออย่างปัญหาแม่ผัว-ลูกสะใภ้ ถ้าเลือกผู้หญิงที่เข้ากับแม่ได้ ปัญหาก็ไม่เกิดนะ
เราเป็นพวกสนับสนุนให้อยู่ก่อนแต่ง กล่าวคือ หมั้นหมายกันให้เป็นเรืองเป็นราว แล้วทดลองอยู่ด้วยกัน . . ผ่านไปสักปี ถ้าไปรอดก็ค่อยแต่ง เพราะการหมั้นจะทำให้เราสนิทกับครอบครัวของเขามากขึ้นด้วยนะ

เห็นด้วยกับความคิดนี้ แต่คนไทยมักมองเป็นการเอาเปรียบฝ่ายหญิง

ก็มีของหมั้นประกันเอาไว้อยู่แล้ว . . เราไม่คิดว่าเป็นการเอาเปรียบหรอกนะ เพราะสมัยก่อน ก็มีพิธีหมั้นก่อนพิธีแต่งอยู่แล้ว เพียงแต่คนสมัยนี้ตีความหมายของการหมั้นผิดไปจากเดิมมาก
สำหรับเราแล้ว . .การหมั้นและการอยู่ก่อนแต่งสำคัญมากนะ เพราะมันจะทำให้เราเข้าใจและรู้จักครอบครัวของอีกฝ่ายอย่างจริงจัง เพราะมันแตกต่างจากการเข้าตามตรอก - ออกตามประตูในช่วงเป็นแฟนกันอย่างมาก จริง ๆ แล้วอาจพูดได้ว่าเป็นการแต่งงานกันไปแล้วครึ่งตัวน่ะ ถ้าได้ทดลองอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวก่อนแต่งจริง ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง . . มันก็ดีด้วยกันทั้งสองฝ่ายในระยะยาว เราคิดแบบนี้นะ และครอบครัวเราก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ( พ่อบอก )
แบ่บว่า . .
ช่วงที่หมั้นกันอยู่นี้ ต้องไม่ปล่อยให้มีลูกออกมาระหว่างนี้นะ ไม่งั้นจะยิ่งเป็นการเพิ่มปัญหาให้ยุ่งยากขึ้นไปอีก หากอยู่ด้วยกันแล้วมันไม่ลงตัวตามที่ได้วางแผนกันเอาไว้น่ะ

หญิง ชาย รู้สึกไง ? คิดยังไง ? ไม่จำกัดความเห็นครับ โสด ไม่โสด
* เจ้าของความคิดนี้ เค้าจะโกรธผมมั้ย ก๊อบมาหมดเลย เครดิตคุณ 12478B13


อ้างถึง
ความคิดเห็นที่ 17

อืม...โดยหลักการ ก็ โอ อยู่นะ
แต่ โดยเทคนิค แล้วการหอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่ด้วยกันก่อนงี้
มันก็เป็นการลงทุน ที่ค่อนข้างเสี่ยงสำหรับ ฝ่ายหญิง อยู่มากนะ


ถ้า ไปด้วยกันได้ มันก็ จบแบบแฮ่ปปรี้เอนดิ้ง
แต่ ถ้าไป ด้วยกันไม่ได้ ต้องทางใครทางมัน
ฝ่ายหญิง นั่นแหล่ะ ที่จะซรวย
การถูกตีตราว่า เป็นผู้หญิงมือสอง นี่
มันจะทำให้ มูลค่าเพิ่มของคุณถูกลดทอน ลงไปมากมายเลยนะ
ก็คง คล้าย ๆ กับ รถมือ 2 นั่นละมั้ง


อย่าลืมนะ ว่า ในสังคมไทย ไม่เหมือน สังคมฝรั่ง
สังคมไทยค่อนข้างให้ความสำคัญ
กับ คุณค่าผังผืดพรหมจรรย์ ของ ฝ่ายหญิง
มากกว่า เส้นสอง สลึง ของฝ่ายชาย แยะ อ่ะ


ไอ้ครั้น จะกันเหนียว โดยการ ทดลองอยู่ก่อนแต่ง ด้วยกันเฉย ๆ
โดย ตกลงที่จะ ไม่มี Sex ด้วยกัน แบบ ในนิยายน้ำเน่านี่
คงจะทำได้ยากส์นะ เพราะว่า ความหน้ามืด มันไม่เข้าใครออกใคร อิอิ


ฉะนั้น อิฉัน แนะนำว่า เก็บไอ้เจ้า ผังผืด อันนี้ เอาไว้ ล่อเสือล่อไอ้เข้
ให้มัน น้ำลายหกเล่น ๆ น่าจะได้มรรคผล มากกว่า เอามันใส่พาน แล้วไปประเคน
ให้กับผู้ชายที่เรา ยังไม่มั่นใจ 100 % ว่า ไอ้หมอนั่นมันจะมีคุณภาพดี พอที่จะเอา พ่อของลูก เราได้ไหมอ่ะ ?


สรุป

ถ้า เป็นตัวเอง คงไม่อยู่ก่อนแต่ง แหง๋ ๆ
แหม๊ ? อุส่าถือไพ่เหนือกว่าแล้ว
เรื่องไร จะ ยอมเป็น ของตาย
หงายไพ่ให้ ผู้ชายมันดู หมดหน้าตัก
แบบแบบเบอร์ ล่ะคร้าาาาาา

สันดานผู้ชาย อ่ะนะ อะไรที่ได้มาง่าย ๆ มักจะไม่มีค่า เสมอ โดยเฉพาะ ของตาย

ปอลิง




อ้อ แต่ ถ้า อยู่ก่อนแต่ง แล้ว ได้ ปั๋วรวย แบบ อินู๋ตั๊ก บงกช นี่ก็ไม่แน่นะจ๊ะ
อันนี้ ก็อาจจะต้อง พิณา อีกที ( ของงี้ มันอยู่ที่ ผู้ชาย คนนั้น น่าจับเอามาเป็น พ่อของลูกแค่ไหน หุหุ )

(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao16.png)4
หัวข้อ: เหตุใดการปฏิเสธในเรื่องชาตินี้ชาติหน้า ของพุทธทาส จึงเป็น มิจฉาทิฏฐิ
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ เมษายน 19, 2013, 12:12:28 pm
เหตุใด " การปฏิเสธในเรื่องภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า" ของ ท่านพุทธทาส

จึง จัดว่า เป็น มิจฉาทิฏฐิ ?


อนึ่ง เมื่อ จขกท.  นำมาสอบทวนดู  ก็พบข้อสังเกต ว่า
การปฏิเสธ ที่จะเชื่อ ในเรื่องการมีอยู่จริง ของ ภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า และ การเวียนว่ายตายเกิด นั้น
โดยตัวความเชื่อนั้น มันก็ยังไม่ได้เป็น อกุศล  ก่อให้เกิดโทษ
หรือ ทำให้ผู้รู้ ( ทั้งที่เป็นพุทธ และ ไม่ใช่พุทธ ) ต้องออกมาตำหนิติเตียน ที่ตรงไหน นี่คะ
( หรือ ถ้าหาก เพื่อน ๆ คนไหน เห็นว่า มันเป็น ความคิดอกุศล  ก่อให้เกิดโทษ
หรือ มี ผู้รู้ ( ทั้งที่เป็นพุทธ และ ไม่ใช่พุทธ ) ต้องออกมาตำหนิติเตียน
ก็รบกวนเพื่อน ๆ ช่วย อธิบายให้ฟัง หน่อยค่ะ ว่า มันเป็น อกุศล ที่ตรงจุดไหน ? )





เพราะ หากจะ บอกว่า ความเชื่อนี้เป็น อกุศล
ทำให้คนเลิกทำบุญสะสมความดี หันมาทำความชั่วตามใจตัวเองมากขึ้น
เรื่องนี้ จขกท. คิดว่า มันขึ้นอยู่กับ จิตสำนึกของแต่ละบุคคล มากกว่านะคะ
เพราะ ถ้าพิจารณาจากชีวประวัติบุคคลสำคัญที่โลกยกย่องว่าเป็น ผู้มี คุณธรรม
ไม่ว่าจะเป็น  แม่ชีเทเรซ่า / ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล  / วอเรนต์ บัฟเฟต ฯลฯ
ทุกท่านที่กล่าวมา ก็ล้วนแล้วแต่ ปฏิเสธ ที่จะเชื่อ ในเรื่องการมีอยู่จริง ของ ภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า และ การเวียนว่ายตายเกิด กันทั้งนั้น

ทว่าก็ไม่เห็น ความเชื่อพวกนี้ จะ มีโทษ อะไร  จนทำให้ท่านเหล่านี้
กระทำตนไหลลงสู่ที่ต่ำ แล้วเดินไปสู่ทางแห่งอบายเลยนี่คะ
และ ถ้าจะพูดกันตรง ๆ แล้ว ท่านเหล่านี้ มีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม มากกว่า บางท่านที่เชื่อเรื่องภพภูมิด้วยซ้ำ


แล้วเช่นนี้ การปฏิเสธ ที่จะเชื่อ ในเรื่องการมีอยู่จริง ของ ภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า และ การเวียนว่ายตายเกิด ของท่านเหล่านี้ จะเป็น อกุศล และ เป็น มิจฉาทิฏฐิ ได้อย่างไรกันคะ ?
รบกวนช่วยชี้แนะให้ผู้ที่มิได้ นับถือศาสนาแห่งปัญญา เหมือนท่าน ให้ได้รับรู้ เป็นวิทยาทาน ด้วยเถิดค่ะ [:อมยิ้ม17:]

ที่มา

www.tairomdham.net/index.php/topic,7725.60.html (http://www.tairomdham.net/index.php/topic,7725.60.html)


ความคิดเห็นที่ 1
ตอนเราไปงานวันล้ออายุท่านพุทธทาส
เขาเปิดให้ฟังท่านพุทธทาสเทศน์
ท่านไม่ได้ปฏิเสธนะคะ
บอกแค่ว่าอย่าไปสนใจ
แค่ให้อยู่กับปัจจุบัน

(คร่าวๆ นะคะ)
 
Fernfriend
3 ชั่วโมงที่แล้ว
metteyya ถูกใจ



ความคิดเห็นที่ 2
ยูเนสโก เกี่ยวอะไรกับพุทธศาสนานิกายเถรวาทครับ?

นิกายเถรวาทยึดมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้าคือพระไตรปิฏกครั้งปฐมสังคายนา

พุทธทาสจะมีความเห็นอย่างไรก็เรื่องของพุทธทาส
แต่ตราบใดที่พุทธทาสหรือสาวกพุทธทาสยังอาศัยร่มเงาของพุทธศาสนานิกายเถรวาท
อาศัยศรัทธาของฆราวาสที่มีต่อนิกายเถรวาทให้ทั้งที่อยู่ที่กินที่หลับนอนที่สร้างสมชื่อเสียง
ตราบนั้นพุทธทาสและสาวก ควรเคารพต่อคำสอนตามนิกายเถรวาทครับ

ถ้าแยกนิกายไปแล้ว อยากทำอะไรก็ทำ

cantona_z
3 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 2-1
ท่านพุทธทาสไม่เคยกล่าวว่าเป็นพระอรหันต์

แต่

บางสำนัก

เป็นอรหันต์ตั้งแต่ยังเป็นฆาราวาส

ก็แยกนิกายไป

อย่างนั้นอยากทำอะไรก็ทำ
แก้ไขข้อความเมื่อ 1 ชั่วโมงที่แล้ว

metteyya
2 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 2-2
ใครรึ?

cantona_z
56 นาทีที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 3
ถ้างั้น ขออนุญาต เป็น ตัวแทน ของ ผู้ ไม่ได้นับถือพุทธ
ถามปัญหาที่ค้างคาใจมานานแล้ว เป็น การเพิ่มเติม ว่า


ทำไม พวกคนพุทธอย่างคุณ ถึงต้อง มาทำเป็น เนียนมายกตนข่มท่าน ด้วยการ กล่าวหา ว่า   
การที่ อิฉัน และ ศาสนิกชนศาสนาอื่น ๆ  ไม่เชื่อ ในเรื่องภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า  นั้น จึงจัดว่า เป็น พวกมิจฉาทิฏฐิ ด้วยคะ ?
รบกวน ขอคำ อธิบาย ตามวิสัย ผู้นับถือศาสนาแห่งปัญญา ที่มี สามัญสำนึกเฉกเช่น วิญญูชน พึงมี ด้วยค่ะ  !


แก้ไขข้อความเมื่อ 3 ชั่วโมงที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 799934
3 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]


ความคิดเห็นที่ 3-1
สัมมาทิฏฐิ คือความเห็นตามอย่างถูกต้องที่ยังมีกิเลสหมักหมมที่ต้องทำการกำจัดกิเลสนั้น เพื่อให้เป็นส่วนแห่งบุญเป็นผลแก่ขันธ์ (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ) โดยมีความเห็นที่ถูกตรงดังนี้
  ( จากมหาสติปัฏฐานสูตรเล่ม ๑๒ นั้นชี้ชัดว่า สัมมาทิฏฐิคือความเห็นว่าชีวิตนี้เป็นก้อนแห่งทุกข์ เพราะมีสาเหตุแห่งทุกข์ มีสภาวะที่ไม่มีทุกข์อยู่ และสุดท้ายก็มีวิธีการที่จะดำเนินการให้พ้นทุกข์นั่นเอง อันคือมรรคมี องค์ ๘ นั่นเอง )
๑. ทานที่ทานแล้วมีผล (อัตถิทินนัง ) คือการทานสิ่งของหรือธรรมทาน ที่มีผลต่อจิตใจให้เกิดการละ หรือลดความโลภแล้วเห็นผลทานนั้นเกิดขึ้นกับจิตใจของตนเองว่า การทานนั้นทำให้เราสุขใจที่เห็นคนที่รับการทานนั้นเป็นสุขตามสภาวะนั้นอย่าง แท้จริง เพราะเพื่อให้เราลดความยึดติดในทรัพย์ภายนอกที่ทำให้เราเกิดทุกข์อย่างไม่ รู้จบสิ้นนั่นเอง
๒. ยัญพิธีที่บูชาแล้วมีผล (อัตถิยิฏฐัง ) ตือการกระทำพิธีการใดๆ หรือพิธีการใดๆ เพื่อให้เราเดินทางอย่างถูกตรง เพื่อให้เราพ้นจากทุกข์แห่งชีวิตนั่นเอง เช่นการทานส่ิงของข้อที่ ๑ หรือการรักษาศีลทุกข้อแห่งพุทธ ก็คือพิธีการ หรือยิฏฐังนั่นเอง
๓. สังเวยที่บวงสรวงแล้ว มีผล (อัตถิหุตัง )คือการกระทำการใดๆทั้งสิ้น เพราะหมายความว่าการกระทำการใดๆอันมีผลให้เราได้เดินทางออกจากความทุกข์แห่ง ชีวิตได้นั่นเอง นั่นย่อมหมายความว่า  ๓ ข้อนี้มีความเกี่ยวข้องกัน คือ ระหว่างการทานหรือการสละออก เพราะเราเป็นทุกข์นั้นก็เพราะอุปาทานเอาไว้กับชีวิต กับจิตเรานั่นเอง  หรือข้อ ๒ คือวิธีการหรือพิธีการต่างเพื่อเดินทางออกจากทุกข์นั่นแหละคือการบวงสรวง หรือวิธีการ หรือพิธีการ เพื่อให้เราลดการยึดติด เพื่อเดินทางออกจากทุกข์เป็นหมวดแรก
๔. ผลของวิบากกรรมที่ทำดีทำชั่ว มีผล (อัตถิสุกตทุกกฎานัง กัมมานัง ผลัง วิปาโก ) สำหรับข้อนี้เราผู้เป็นพุทธย่อมเชื่อว่าการทำดีทำชั่วย่อมสั่งสมผลลงสู่จิต ของเราอยู่ทั้งสิ้น เพราะเราเชื่อในกรรม ๕ ของพุทธศาสนาอย่างแน่นอน เช่น ฆ่าสัตว์ก็คือฆ่าสัตว์ ถ้าสัตว์โกรธ อาฆาต พยาบาท ก็ย่อมพยาบาทอาฆาตเราผู้ฆ่านี่เอง เราเองก็ต้องรับการอาฆาตพยาบาท จองเวรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นเอง เอาให้ใครรับแทนก็ไม่ได้ เมื่อทำดีก็ย่อมรับผลดีเช่นเดียวกัน
๕.โลกนี้มี (อัตถิ อยัง โลโก)โลกนี้มีถ้าจากการอธิบายคงไม่ยาก เพราะโลกนี้ก็คือโลกที่เราอยู่อาศัย หรือมีชีวิตอยู่นี้  แต่ในส่วนที่ต้องเดินทางออกจากทุกข์ก็เพราะ โลกเก่าที่พระพุทธเจ้าหมายถึงก็คือโลกที่เป็นทุกข์นั่นเอง และ
๖.โลกหน้ามี (อัตถิ ปโรโลโก )โลกหน้ามี ถ้าต้องอธิบายก็คือโลกหน้าในที่นี้ก็คือโลกที่เราพ้นออกมาจากความทุกข์แล้ว มามีสถานะใหม่ หรืออยู่โลกใหม่ที่เกิดหลังจากปฏิบัติธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วนั่นเอง ซึ่ง ข้อ ๔ ,๕,และ๖นี้คือความเกี่ยวข้องกันในการปฏิบัติ คือถ้าทำชีวิตอยู่เท่าเดิมก็ได้อยู่โลกเก่า ถ้าทำชีวิตแบบปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าก็จะได้อยู่โลกใหม่นั่นเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าตายจากชาตินี้แล้วไปอยู่โลกใบใหม่หรอก เพราะพระพุทธเจ้าท่านเองท่านก็ปรินิพพานตอนสุดท้ายท่านก็ไม่ได้ไปสร้างโลก ใหม่รอเราหรอก แต่ท่านบอกให้เราออกจากโลกของความทุกข์มาอยู่โลกที่เป็นสุขในชาตินี้นี่เอง ต้องดู ๓ ข้อต่อไป
๗. มารดามี (อัตถิมาตา )ข้อนี้อธิบายเอาไว้ว่าแม่ในการเกิดมีชีวิตนี้ พระพุทธเจ้าท่านว่าสัตว์แต่ละตัวนั้นเกิดแล้วตายกระดูกกองรวมกันเท่าภูเขา เวปุลบรรพต แต่ก็ไม่สามารถออกจากทุกข์ได้ เพราะฉะนั้นเราเองต้องตามไปดูความลึกซึ้งของคำสอนว่าแม่ในที่นี้ก็คือแม่ที่ ทำให้เราเกิดใหม่นั่นเอง
๘.บิดามี (อัตถิปิตา)ข้อนี้ก็คงเช่นเดียวกันกับข้อที่ ๗ เพราะธรรมดาสัตว์ หรือพืชย่อมอาศัยความเป็นแม่กับพ่อเป็นที่อาศัยเกิด หรือทำให้เกิด เราก็เห็นๆอยู่โดยความรู้ทั่วไป หรือพระพุทธเจ้าไม่สอนเราก็รู้ว่าพ่อแม่นั้นมีอยู่จริง แต่พ่อแม่ทางธรรมนี้คือคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเองที่จะทำให้เราเกิดใหม่ ไปดูข้อต่อไป คือ
๙.สัตว์ที่เป็นโอปปาติกะ มี (อัตถิสัตตาโอปปาติกา ) จากข้อเกิดนี้จะเห็นว่าพระพุทธเจ้านั้นสอนเรื่องการเกิด ๔ อย่างเอาไว้ชัด และข้อที่ ๔ ท่านก็ว่าการเกิดแบบสัตตาโอปปาติกะนี่เอง คือการผุดเกิดขึ้นของสัตว์ หรือจิต และการเกิดการตายอย่างนี้เกิดตายอย่างไม่มีซากไม่ต้องฝังศพ หรือเผาผี แต่ผุดเกิดเป็นสัตว์ใหม่เลย ก็คือข้อที่ ๙นี่เอง
  ก็เพราะท่านได้อ้างเอาไว้ว่าสัมมาทิฏฐิ คือการเห็นอย่างถูกต้องใน ทุกข์ ในสมุทัย ในนิโรธ ในมรรค ก็คือ เราเห็นตามท่านว่าชีวิตของเรานี้กองแห่งทุกข์ และมีสาเหตุคือกิเลส ตัณหา อุปปาทานนั่นเอง และเราจะหมายเอานิโรธ เราเองก็ต้องปฏิบัติตามมรรค หรือทางที่จะปฏิบัตินั่นเอง และเพื่อการเดินทางออกจากทุกข์ก็คือการเห็นอย่างถูกต้อง หรือสัมมาทิฏฐิ ตามทางมาเป็นลำดับ เป็นปริวัตตมาเรื่อยๆนั่นเอง และโดยเฉพาะข้อต่อไปเป็นข้อที่
  ๑๐.คือ สมณพราหมณ์ทั้งหลายที่ดำเนินถูกต้อง ปฏิบัติถูกตรงซึ่งประกาศโลกนี้ โลกหน้า เพราะรู้ด้วยตนเอง ในโลกนี้มีอยู่ (อัตถิโลเกสมณพราหมณา สัมมัคตา สัมมาปฏิปันนา เยอิมัญจโลกัง ปรัญจโลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ ) ข้อนี้ล่ะคือความสำคัญ ถ้าเราไม่รู้ไม่เห็นผู้รู้ในข้อที่๑๐ นี้ เราเองจะไม่มีโอกาสรู้ว่าข้อที่ ๑ ถึงข้อที่ ๙ นั้นมีลำดับการปฏิบัติอย่างไรจึงจะถูกตรงนั่นเอง เราต้องหาให้เจอ และตรวจสอบโดยทฤษฎีของพุทธศาสนาให้ได้ เพื่อเราจะได้ไม่เสียโอกาสในการเกิดเป้นคน และเป็นคนที่อยู่ในช่วงของพุทธศาสนา ที่ตั้งใจจะศรัทธา ที่ตั้งใจจะปฏิบัติตาม ตั้งใจที่จะรับผลแห่งการเรียนรู้ การปฏิบัติอย่างถูกตรง อย่างเห็นได้เป็นปัจจัตตังให้ได้นั่น ก็ควรจะเปิดจิตเพื่อรับความรู้แห่งพุทธนี้ตามบุญบารมีของเราให้ได้
    ด้วยศรัทธาแห่งพุทธ ข้าพเจ้าขอแสดงสัมมาทิฏฐิแห่งพุทธดังนี้
หลักฐานอ้างอิงคือ มหาจัตตารีสกสูตร เล่ม ๑๔ ข้อ ๒๕๗
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%8F%E0%B8%90%E0%B8%B4 (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%8F%E0%B8%90%E0%B8%B4)

Mateo2000
1 ชั่วโมงที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 4
โปรดอย่ายกอ้างลอยๆ ครับ... ท่านพุทธทาสมิได้ปฏิเสธเรื่องชาตินี้ชาติหน้า... หากมีโปรดคัดลอกและอ้างอิงมาคุยกัน... ผมเคยได้อ่านแต่ตอนที่ท่านอธิบายวงจรปฏิจจสมุปบาทว่า หากวงจรนี้เกี่ยวข้องเฉพาะชาติก่อน ชาตินี้ ชาติหน้า เมื่อท่านทบทวนไปมาในคืนตรัสรู้ถึงสายดับ พระพุทธเจ้าท่านน่าจะสิ้นพระชนม์ไป ณ ตอนนั้นแล้ว

การคุยกันโดยไม่มีหลักฐานสนับสนุนอ้างอิงอย่างหนักแน่น ก็คือการใส่ร้ายดีๆ นี่เอง.. ไม่สนับสนุนครับ

กอไก่ออกไข่
3 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 5
โอเค ๆ  งั้น ถ้า ประเด็นเรื่อง ท่านพุทธทาส
ปฏิเสธเรื่องชาตินี้ชาติหน้า นั้น ยังไม่มีความชัดเจน
งั้น ขอ อนุญาต เปลี่ยนประเด็น มาย้ำคำถามที่ คับข้องใจ ใน คห. 3 อีกครั้ง ว่า

ถ้างั้น ขออนุญาต เป็น ตัวแทน ของ ผู้ ไม่ได้นับถือพุทธ
ถามปัญหาที่ค้างคาใจมานานแล้ว เป็น การเพิ่มเติม ว่า


ทำไม พวกคนพุทธอย่างคุณ ถึงต้อง มาทำเป็น เนียน มายกตนข่มท่าน ด้วยการ กล่าวหา ว่า 
การที่ อิฉัน และ ศาสนิกชนศาสนาอื่น ๆ 
ไม่เชื่อ ในเรื่องภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า  นั้น
จึงจัดว่า เป็น พวกมิจฉาทิฏฐิ ด้วยคะ ?

รบกวน ขอคำ อธิบาย ตามวิสัย ผู้นับถือศาสนาแห่งปัญญา
ที่มี สามัญสำนึกเฉกเช่น วิญญูชน พึงมี ด้วยค่ะ  !
 
สมาชิกหมายเลข 799934
2 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]
metteyya ถูกใจ


ความคิดเห็นที่ 5-1
แล้วทำไมคุณถึงจัดคำพูด มิจฉาทิฐิ เป็นการยกตนข่มท่านล่ะ
หากคนพูดเป็นพระอรหันต์ จะถือว่า เป็นการยกตนข่มท่านหรือไม่

มอสคุงอะครับ
2 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 5-2
ใครละเป็นอรหันต์

metteyya
2 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 5-3
เอาให้ตรงประเด็นนะกับความเห็น 5 นะครับ ผมถามว่า หากคนพูดซึ่งเป็นพระอรหันต์เช่นพระพุทธเจ้า จัดคนนั้นคนนี้เป็น มิจฉาทิฐิ ถือว่า ยกตนข่มท่านหรือไม่

คุณ metteyya ใจเย็นๆนะครับ

มอสคุงอะครับ
2 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 5-4
ครับ

metteyya
2 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 5-5
ดูกรกาลามชนทั้งหลาย มาเถอะท่านทั้งหลาย
ท่านทั้งหลายอย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา
อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่า สมณะนี้เป็นครูของเรา

เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า

ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อสุข
เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?book=1&bookZ=45&name=%E0%A1%CA%BB%D8%B5%B5%CA%D9%B5%C3 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?book=1&bookZ=45&name=%E0%A1%CA%BB%D8%B5%B5%CA%D9%B5%C3)


แก้ไขข้อความเมื่อ 1 ชั่วโมงที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 799934
1 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]



ความคิดเห็นที่ 6
ชีวิตมันมี 2 ภาคครับ คือ การกับจิต
ในเรื่องภพภูมิ นรก  สวรรค์ ชาตินี้ชาติหน้า ตายแล้วเกิด
อันนี้เป็นไปในส่วนจิตครับ ชาวพุทธที่แท้จริงย่อมรู้ดี 

บางคนรู้มากจนเลยเถิดไปก็มีอยู่ไม่น้อย หาว่า
การเกิดการตายจากท้องแม่ก็มีได้ดุจเดียวกัน...

อิ อิ อิ

สมาชิกหมายเลข 702687
2 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 7
สมมุติ ว่า มีตึกอยู่ ๔ ชั้น เราอยู่ชั้นที่ ๑ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า คนที่อยู่บนชั้นที่ ๒ ๓ ๔ มีใครบ้าง?
คำตอบก็คือ เราก็ต้องไปอยู่ชั้นนั้นเหมือนกันถึงจะบอกได้ว่ามีใครบ้างอยู่ในชั้นนั้น

การที่จะหยั่งรู้ภูมิของแต่ท่านที่ได้มรรคผลเหมือนกัน มันก็ต้องได้ขั้นเดียวกันถึงจะตอบได้

สมาชิกหมายเลข 701193
2 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 58.9.75.154]


ความคิดเห็นที่ 7-1
ต้องถามพวกทียกตนข่มท่าน

metteyya
2 ชั่วโมงที่แล้ว
หัวข้อ: Re: เหตุใดการปฏิเสธในเรื่องชาตินี้ชาติหน้า ของพุทธทาส จึงเป็น มิจฉาทิฏฐิ
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ เมษายน 19, 2013, 12:16:04 pm
ความคิดเห็นที่ 8
ทำไม พวกคนพุทธอย่างคุณ ถึงต้อง มาทำเป็น เนียน มายกตนข่มท่าน ด้วยการ กล่าวหา ว่า   
การที่ อิฉัน และ ศาสนิกชนศาสนาอื่น ๆ 
ไม่เชื่อ ในเรื่องภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า  นั้น
จึงจัดว่า เป็น พวกมิจฉาทิฏฐิ ด้วยคะ ?

รบกวน ขอคำ อธิบาย ตามวิสัย ผู้นับถือศาสนาแห่งปัญญา
ที่มี สามัญสำนึกเฉกเช่น วิญญูชน พึงมี ด้วยค่ะ  !
ทำไมต้องใช้คำว่า "พวก" ด้วยล่ะ ครับ
 

สมาชิกหมายเลข 789903
2 ชั่วโมงที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 9
เอ่อ....อิฉัน ไม่ได้ สนใจว่า การเวียนว่ายตายเกิด มีจริง หรือไม่

แต่ อิฉัน สนใจ ใน ประเด็นที่ว่า

ทำไม พวกคนพุทธอย่างคุณ ถึงต้อง มาทำเป็น เนียน
มายกตนข่มท่าน ด้วยการ กล่าวหา ว่า 
การที่ อิฉัน และ ศาสนิกชนศาสนาอื่น ๆ 
ไม่เชื่อ ในเรื่องภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า  นั้น

จึงจัดว่า เป็น พวกมิจฉาทิฏฐิ ด้วยคะ ?

รบกวน ขอคำ อธิบาย ตามวิสัย ผู้นับถือศาสนาแห่งปัญญา
ที่มี สามัญสำนึกเฉกเช่น วิญญูชน พึงมี ด้วยค่ะ  !


บอกตรง ๆ อิฉันเชื่อว่า มี ศาสนิกชนอื่น ๆ อีกหลาย ๆ คนรู้สึกไม่ดี มานานแล้ว
กับการ ที่ พวกคนพุทธอย่างพวกคุณชอบแอ๊บเนียน มายกตนข่มท่าน
อวดอ้าง ว่า ความเชื่อของตน นั้น มันเป็นสัมมาทิฏฐิ  เป็นศาสนาแห่งปัญญา
ถ้าใครไม่เชื่อเหมือนตน คนนั้นคือ พวกมิจฉา  ที่นับถือแค่ ศานาแห่งศรัทธา
ไหน ลอง สำแดง ความเป็นศาสนาแห่งปัญา มาอธิบาย ข้อกังขา ให้อิฉัน ฟังหน่อยสิ


อ้อ แต่ถ้า พวกคนพุทธอย่างคุณ ไม่สามารถจะโยนิโสฯ ตามวิถีของศาสนาแห่งปัญญา
มา ตอบให้ ผู้ไม่นับถือ ศาสนาพุทธ อย่าง พวกอิฉัน ให้รู้สึกเคลียร์ได้
พวกคุณ จะ หนีปัญหา ด้วยการแจ้งลบกระทู้ ก็ได้ค่ะ !



แก้ไขข้อความเมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 799934
2 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]
metteyya ถูกใจ


ความคิดเห็นที่ 10
พวก
พวก  น. คน สัตว์ หรือสิ่งต่าง ๆ ที่รวมกันเข้าเป็นกลุ่มเป็นหมู่ตามอาชีพหรือชนิดเป็นต้น เช่น พวกนักเรียน พวกพ่อค้า พวกกรรมกร พวกนก พวกกา พวกเครื่องมือ พวกเครื่องเขียน.
 
metteyya
2 ชั่วโมงที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 11
ศาสนาเรา สอนให้ไม่"ระราน" ครับ

สมาชิกหมายเลข 789903
2 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 11-1
บอกเฉลิมศักดิ์

metteyya
2 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 799934 ขำกลิ้ง



ความคิดเห็นที่ 12
ถาม คนพุทธ ว่า เชื่อว่าไม่มี ชาติหน้า เป็น มิฉฉาทิฏฐิ  หรือไง

ผม คนพุทธ ครับ ขอตอบแบบผม นะครับ ไม่แน่ใจว่า ตรงคำถามไหมนะครับ
-----------------------------------------
ตามหลัก พุทธศาสนา ทุกคน ต่างยอมรับว่า "เราไม่มี" หรือ ก็ คือ หลัก อนัตตา
แล้ว ก็ เชื่อว่า ชีวิต ยังมีอยู่ต่อไป แบบ มีลูกมีหลาน สืบต่อไป เรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด

แต่ ต่างก็ไม่สามารถ อธิบายได้ว่า ชาตหน้า มีจริง หรือไม่ เพราะ
ถ้ามีจริง แล้ว อะไร ที่ไปเกิดในชาติหน้า ต่างก็บอกว่า ไม่มีอะไรไปเกิด
มีเพียงเหตุปัจจัยเท่านั้นที่ยังดำเนินไป แต่ก็ ยังกังขาว่า
ถ้าไม่มีชาติหน้า แล้ว ใครจะเป็นผู้รับกรรมที่ทำไว้ในตอนนี้ที่ยังไม่ส่งผล(คิดว่า ชาตินี้ใช้กรรมไม่หมด)

สำหรับผม ผมคิดว่า ไม่มี ชาติหน้า ของ a235  มีเพียง เหตุคือ นาย a235 เท่านั้น ส่วน วิบาก จะเป็นอะไร
ผมไม่อาจรู้ได้ ครับ เพราะ ผมว่า ใครๆ ต่างก็ ยอมรับว่า
"ไม่มี อะไรๆ ที่เป็น นายa235 ไปเกิดอีก" ครับ
หรือ ใคร จะบอกว่า นายa235 หลังจากตายเพราะกายแตกแล้ว ยังมี นายa235 อยู่ ครับ

a235
2 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 13
ถ้าหากว่า ท่านพุทธทาศพูดจริง สอนจริงผมว่า เป็นมิจฉาทิฏฐิแน่นอนครับ เพราะว่ามีเหตุผลดังต่อไปนี้
ท่านพูทธทาศ ไม่ใช่ผู้ฝึกใหม่ ท่านเรียนรู้จนเป็นผู้สอนแล้ว ท่านพูดไปแสดงว่าท่านสอน อยู่ในระดับอาจารย์ไม่ใช่ระดับ ผู้เรียนเพื่อตัดสินใจว่าจะเชื่อใคร การที่ท่านได้พูดประเด็นนี้ออกมาก็แสดง ว่าท่านฟันธงแล้วแน่นอนว่าท่านเชื่ออย่างนั้นจริงๆ และก่อนที่ท่านจะเชื่อท่านต้องผ่านการพิสูจน์แล้วเพราะท่านก็เป็นหนึ่งใน บรรดาผู้ที่มีปัญญา แต่ถ้าหากว่าาท่านไม่ได้พูดจริง ก็ถือว่าเป็นการใส่ความกันครับ แต่ที่แน่ๆ ผมรู้มาอย่างก็คือ ท่านสอนลูกศิษย์ ทั่วประเทศเชื่อกันนักหนาว่า พระพุทธเจ้าดับสูญแล้ว แค่นี้ผมก็นับว่าท่านเป็น อุจเฉททิฏฐิ แล้วละครับ เพราะถ้าพระพุทธเจ้าดับสูญไปแล้ว ผมคงไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปกราบไปไหวพระพุทธเจ้าอีกต่อไป เพราะไม่มีพระพุทธเจ้าแล้ว  ความคิดแบบนี้ กำลังจะบอกผมว่า พระพุทธเจ้า มีค่าเท่ากับต้นมะขามต้นมะเขือข้างบ้านที่ผมตัดทิ้งไปเมื่อเช้านี้ พอผมเผามันไป ต้นมะขามก็ไม่ได้ไปเกิดใหม่ที่ใหนอีก แสดงว่ามันนิพพานแล้ว  แล้วแบบนี้ทำไมไม่สอนให้ผมกราบต้นมะเขือ ด้วยซะละครับ ความเชื่อนี้ลามไปจนกระทั่ง ท่านที่มีปัญญามากในยุค เขียนหนังสือหน้งหามีลูกศิษย์เยอะแยะก็เชื่อตามท่านไปด้วย.



konmeedee
2 ชั่วโมงที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 14
ขอย้ำ deep  meaning ของกระทู้ถามนี้ เป็น ครั้งที่ 500 ว่า

ถ้าพิจารณาจากชีวประวัติบุคคลสำคัญที่โลกยกย่องว่าเป็น ผู้มี คุณธรรม
ไม่ว่าจะเป็น  แม่ชีเทเรซ่า / ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล  / วอเรนต์ บัฟเฟต ฯลฯ
ทุกท่านที่กล่าวมา ก็ล้วนแล้วแต่ ปฏิเสธ ที่จะเชื่อ ในเรื่องการมีอยู่จริง ของ ภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า และ การเวียนว่ายตายเกิด กันทั้งนั้น

ทว่าก็ไม่เห็น ความเชื่อพวกนี้ จะ มีโทษ อะไร  จนทำให้ท่านเหล่านี้
กระทำตนไหลลงสู่ที่ต่ำ แล้วเดินไปสู่ทางแห่งอบายเลยนี่คะ
และ ถ้าจะพูดกันตรง ๆ แล้ว ท่านเหล่านี้ มีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม มากกว่า บางท่านที่เชื่อเรื่องภพภูมิด้วยซ้ำ



แล้วเช่นนี้ การปฏิเสธ ที่จะเชื่อ ในเรื่องการมีอยู่จริง ของ ภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า และ การเวียนว่ายตายเกิด ของท่านเหล่านี้ จะเป็น อกุศล และ เป็น มิจฉาทิฏฐิ ได้อย่างไรกันคะ ?


แก้ไขข้อความเมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 799934
2 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]


ความคิดเห็นที่ 14-1
"มิจฉาทิฐิ แปลว่าความเห็นผิด"

ผมถามคุณอย่างนี้นะว่า คุณเห็นว่าชาตินี้ ชาติหน้า ผลแห่งกรรมดี กรรมชั่วไม่มี คุณย่อมเห็นว่าความเห็นคุณถูกต้องใช่มั้ย
เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องเห็นว่า คนที่เชื่อตรงข้ามกับคุณ ไม่ใช่ความเห็นถูกต้อง

กลับกัน มีคนเห็นว่าชาตินี้ ชาติหน้า ผลแห่งกรรมดี กรรมชั่วมี เขาเห็นว่าความเห็นเขาถูกต้อง
เพราะฉะนั้นคนที่เห็นตรงข้ามกับเขา ก็ไม่ใช่ความเห็นถูกต้อง

เป็นอย่างนี้ คุณเข้าใจที่ผมจะสื่อไหม?
ส่วนเรื่องที่คุณกล่าวหาว่า เขายกตนข่มท่าน ผมถามอย่างนี้ว่า ในเมื่อคุณเชื่อว่าความเห็นคุณถูกต้อง ความเห็นอื่นย่อมผิด
เมื่อคุณเห็นว่าความเห็นอื่นผิด ผมถามว่าคุณยกตนข่มท่านหรือไม่
แก้ไขข้อความเมื่อ 1 ชั่วโมงที่แล้ว

มอสคุงอะครับ
1 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 14-2
ความเชื่อ (ทิฏฐิ) กับ ความจริง (สัจธรรม) มันต่างกันนะ

และ ทิฏฐิหนึ่งที่ อิฉันเชื่อมั่น เสมอว่า มันเป็นสัมมาฯ ก็คือ....


ในโลกนี้ ไม่มี อะไรถูก อะไรผิด 
จะมีก็แต่ ความคิด ที่ทำให้มันเป็น


อนึ่ง อิฉัน คิดว่า บัณฑิตทุกท่าน ไม่ว่าจะนับถือ ศาสนาอะไร ก็ตาม
หากพวกมี สามัญสำนึกเฉกเช่น วิญญูชนพึงมี แล้วล่ะก็
พวกเขาเหล่านั้น ต่างต้อง เห็นพ้องต้องกันกับความเชื่อนี้ แน่ ๆ เลย

แก้ไขข้อความเมื่อ 54 นาทีที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 799934
57 นาทีที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]



ความคิดเห็นที่ 14-3

ในโลกนี้ ไม่มี อะไรถูก อะไรผิด  จะมีก็แต่ ความคิด ที่ทำให้มันเป็น


ไม่เสมอไปครับ สิ่งนั้นๆสิ่งไหนๆ ย่อมมีอยู่หรือไม่มีอยู่ ไม่ว่าเราจะเอาความคิดไปปรุงแต่งหรือไม่ก็ตาม

มอสคุงอะครับ
39 นาทีที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 15
พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว แปลว่าอะไรครับ ผมเข้าใจว่า ดับสนิทไปแล้วเสียอีก ส่วนคุณkonmeedee จะไม่ไหว้พระพุทธเจ้าเพราะ ดับสนิทไปแล้วก็ต้องแล้วแต่ การตีความหมายการเคารพด้วยการไหว้ของคุณเองแล้วล่ะครับ  คนเราไห ว้ต้นไม้ ได้นะครับ ถ้าคุณคิดว่ามันมีบุญคุณ ให้ประโยชน์แก่คุณ คนเราไหว้ธรรมชาติมาตั้งแต่อดีต
       
        คุณสมาชิกหมายเลข 799934 ครับ ผมไม่รู้ว่าคุณนับถือศาสนาอะไรนะครับ แต่ พูดแบบเปรียบเทียบให้ฟังว่า ถ้าศาสนาคุณคิดว่ามี พระเจ้า แล้ว ผมบอกว่า ไม่มีพระเจ้า คุณจะคิดว่า ผมคิดไม่ถูกตามความเป็นจริงหรือเปล่า   ส่วนที่บอกว่า ยกตนข่มท่านเนี่ย ดูอารมณ์เป็น ชนกลุ่มน้อย นะครับ คงต้องขึ้นกับบริบทแล้วล่ะ ว่าทำไมการคิดไม่เหมือนกันถึงเป็นการยกตนข่มท่าน

จัมบาลา
1 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 15-1
อืม....ฉัน เขี่ย สถานะ พุทธมามกะ ออกจาก บัตร ปชช มาได้ 2 ปี แล้วมั้ง ^^


จริงอยู่ที่ เคยมีคนแย้งว่า การปฏิเสธเรื่องภพภูมิชาตินี้ชาติหน้า จัดเป็น มิจฉาทิฏฐิ ในทางพุทธศาสนา 
ซึ่งก็เหมือน ๆ  กับที่ ศาสนิกชนบางศาสนา บอกว่า ผู้ไม่ศรัทธาในพระเจ้า จัดเป็น ผู้มี มิจฉาทิฏฐิ ในศาสนาของเขา
แต่ สิ่งหนึ่ง ที่พวกคนพุทธ อย่างคุณ ต้องไม่ลืม ก็คือ
การที่คุณ มักจะบอก คนอื่น ว่า ศาสนาของคุณ เป็นศาสนาแห่งปัญญา
(ซึ่ง แตกต่างจากศาสนาอื่น ๆ ซึ่งเป็น ศานาแห่งศรัทธา)
เพราะว่า พวกคุณมี กาลามสูตร เป็นคำสอนที่บอกให้ใช้ ปัญญามาพิจารณา สิ่งต่าง ๆ  นะคะ


ฉะนั้น การที่จะบอกว่า หากไม่เชื่อเรื่อง ภพภูมิ  แล้ว มันจัดเป็น มิจฉาทิฏฐิ นั้น
พวกคุณ ได้ใช้คำสอนใน กาลามสูตร มาพิจารณา หรือยังคะ


และ ถึงแม้ว่า ตอนนี้ จขกท. จะ ไม่ได้มีสถานะเป็น พุทธมามกะ แล้ว
ก็ ขออนุญาต หยิบยืม หลักคำสอนในเรื่องกาลามสูตร ของพวกคุณ
มาโพสให้อ่าน เผื่ออ่านแล้วจะใช้ สไปนอลคอร์ด แยกแยะได้มั่งว่า


สิ่งใดคือ สัมมาฯ สิ่งใดคือ มิจฉา ?


[spoiler]

ดูกรกาลามชนทั้งหลาย มาเถอะท่านทั้งหลาย
ท่านทั้งหลายอย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา
อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่า สมณะนี้เป็นครูของเรา

เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า
ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อสุข
เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?book=1&bookZ=45&name=%E0%A1%CA%BB%D8%B5%B5%CA%D9%B5%C3 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?book=1&bookZ=45&name=%E0%A1%CA%BB%D8%B5%B5%CA%D9%B5%C3)


[/spoiler]



แก้ไขข้อความเมื่อ 40 นาทีที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 799934
50 นาทีที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]


ความคิดเห็นที่ 16
คุณkonmeedee

  มีคำเปรียบเทียบใน มิลินทปัญหา เรื่อง การสืบเนื่องของกรรม จากนามรูปนี้ถึงนามรูปนั้น แต่ไม่ว่าเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว มันก็ทุกข์นี่ครับ เมื่อสิ้น       อาลัย  หลุดจากกรรม ก็นิพพาน


ผมไม่ได้ยืนยันว่า ด้านบนทั้งหมดคือ จริง นะครับ ผม ชอบ  น่ะ

จัมบาลา
1 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 17
ผมเชื่อเรื่องชาติที่แล้ว
เพราะผมระลึกได้ตอนนั่งวิปัสสนา(หลังจากใช้เวลาเป็น10ปี)
แต่คนที่ไม่เคยเห็นไม่เชื่อก็ได้
เพราะกรรมมันตามกันทันในชาตินี้
ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

สมาชิกหมายเลข 785964
1 ชั่วโมงที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 18
คุณ หมายเลข 799934

มันมีในข้อ สัมมาทิฏฐิ กับ มิจฉาทิฏฐิ แสดงอยู่ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ 1 ชั่วโมงที่แล้ว

Go2Better
1 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 19
อ่ะ ขอ อนุยาด แดจาวู ยู้ฮู เจ้าค่ะ

สัมมาทิฏฐิ-มิจฉาทิฏฐิ ตามความเข้าใจของท่าน นั้น มันคืออะไร แล้วทำไม........?

http://pantip.com/topic/30224650 (http://pantip.com/topic/30224650)



ท่านมีความเชื่อในเรื่อง นรก-สวรรค์-การเวียนว่ายตายเกิด-ชาตินี้-ชาติหน้า หรือไม่ ? เพราะเหตุใด ?

http://pantip.com/topic/30221587 (http://pantip.com/topic/30221587)


สมาชิกหมายเลข 799934
1 ชั่วโมงที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]


ความคิดเห็นที่ 20
นอกเรื่องนิ๊ดดด นะคะ  เจ่เจ้

ขำตรงนี้อ่ะค่ะ   ==>   IP: 110.77.138.136      อมยิ้ม36
   เลือกคำตอบนี้

Smiling-girl
1 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 20-1
อืม...แม่นางไซซีเอย....นึกไง ดอดเข้ามา หม่ำ มาม่า ใน กระทู้ เจ้ ได้ล่ะจ้ะ
เจ้ ไม่ใจดี ชอบ แจกโปร แบบ คุณจ่า พิชิต น้าาาาา [:อมยิ้ม16:]


เฮ้อออ ใครก็ไม่รู้ เคยกล่าวเอาไว้ ในกระทู้

ถ้าเราไม่เชื่อ ในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดและภพภูมิ นี่ ถือว่าเป็น มิจฉาทิฏฐิ เพราะอะไร หรือคะ ?

ของเจ่เจ้ ว่า....

[spoiler]


ความคิดเห็นที่ 29

เป็นมิจฉาทิฎฐิในทางพระพุทธศาสนา ค่ะ

ทีนี้ จขกท. มิได้นับถือพุทธ  ก็ไม่ควรจะสนใจหรือรู้สึกอะไรๆ กับคำกล่าวนี้หรอกค่ะ

ขอยกตัวอย่างเราเองนะคะ 
เราเป็นพุทธที่เข้าโบสถ์  เราบริจาคทรัพย์ให้กับ โบสถ์   แต่เราไม่กินปัง  ไม่ดื่มพระโลหิต  และเราไม่เชื่อใน พระเจ้า !
ซึ่งในทางคริสต์อาจจะพิจารณาว่าเราเป็น "ซาตาน" หรือเปล่า  อันนี้เราก็ไม่ทราบได้
และถึงแม้ว่าเราจะเป็นซาตานในสายตาของชาวคริสต์  เราก็ไม่รู้สึกใดๆ เลยล่ะค่ะ  อันนี้พูดจริงนะคะ
เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นความเชื่อที่มาจากศาสนา จากคำของพระศาสดา

ต่างศาสนากัน  มุมมอง  ย่อมต่างกันอยู่ แล้ว  และคำสอนนั้นๆ ก็มีไว้สำหรับศาสนิกชนของศาสนานั้นๆ ค่ะ 
อย่าหวั่นไหวกับสิ่งที่เราไม่นับถือเลยค่ะ  เสียอารมณ์เปล่าๆ


[/spoiler]


อนึ่ง และ ข้อความ ข้างล่างนี้ ก็คือ สิ่งที่ เจ่เจ้ อยากจะ บอก แม่น้องน้อย ของ เจ้ นะจ๊ะ

[spoiler]

จริงอยู่ที่ เคยมีคนแย้งว่า การปฏิเสธเรื่องภพภูมิชาตินี้ชาติหน้า จัดเป็น มิจฉาทิฏฐิ ในทางพุทธศาสนา 
ซึ่งก็เหมือน ๆ  กับที่ ศาสนิกชนบางศาสนา บอกว่า ผู้ไม่ศรัทธาในพระเจ้า จัดเป็น ผู้มี มิจฉาทิฏฐิ ในศาสนาของเขา
แต่ สิ่งหนึ่ง ที่พวกคนพุทธ อย่างคุณ ต้องไม่ลืม ก็คือ
การที่คุณ มักจะบอก คนอื่น ว่า ศาสนาของคุณ เป็นศาสนาแห่งปัญญา
(ซึ่ง แตกต่างจากศาสนาอื่น ๆ ซึ่งเป็น ศานาแห่งศรัทธา)
เพราะว่า พวกคุณมี กาลามสูตร เป็นคำสอนที่บอกให้ใช้ ปัญญามาพิจารณา สิ่งต่าง ๆ  นะคะ


ฉะนั้น การที่จะบอกว่า หากไม่เชื่อเรื่อง ภพภูมิ  แล้ว มันจัดเป็น มิจฉาทิฏฐิ นั้น
พวกคุณ ได้ใช้คำสอนใน กาลามสูตร มาพิจารณา หรือยังคะ


และ ถึงแม้ว่า ตอนนี้ จขกท. จะ ไม่ได้มีสถานะเป็น พุทธมามกะ แล้ว
ก็ ขออนุญาต หยิบยืม หลักคำสอนในเรื่องกาลามสูตร ของพวกคุณ
มาโพสให้อ่าน เผื่ออ่านแล้วจะใช้ สไปนอลคอร์ด แยกแยะได้มั่งว่า

สิ่งใดคือ สัมมาฯ สิ่งใดคือ มิจฉา ?


[spoiler]

ดูกรกาลามชนทั้งหลาย มาเถอะท่านทั้งหลาย
ท่านทั้งหลายอย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา
อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่า สมณะนี้เป็นครูของเรา

เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า
ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อสุข
เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?book=1&bookZ=45&name=%E0%A1%CA%BB%D8%B5%B5%CA%D9%B5%C3 (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?book=1&bookZ=45&name=%E0%A1%CA%BB%D8%B5%B5%CA%D9%B5%C3)

[/spoiler]

[/spoiler]

(http://f.ptcdn.info/250/001/000/1358249947-200160-o.jpg)

สมาชิกหมายเลข 799934
2 นาทีที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]


ความคิดเห็นที่ 21
เข้ามาดู เดิมผมอยู่ประจำห้องซอร์ฟแวร์ เบื่อๆ เห็นว่าเริ่มมีคนใหม่ๆเข้ามาช่วยตอบกันเยอะขึ้น
ก็เลยหันมาเข้าห้องศาสนา หันหน้าเข้าสู่พระธรรม(ธรรมชาติ)  เพราะตัวเองแทบไม่เคยเข้าวัด
ไม่เคยเข้าโบสถ์หรือมัสยิด ดูๆไปก็รู้สึกเหมือนเป็นคนไม่มีศาสนา เห็นว่าในห้องนี้ก็มีคน
หลายเชื้อชาติและศาสนา เป็นพระหรือนักบวชก็มี ผมเพิ่งเข้ามาเพียงไม่กี่วัน มิได้ประจำห้องนี้
จึงมีสภาพเหมือนขับรถผ่านทาง อาจมีมุมมองที่แตกต่างไปบ้างตามสภาพแวดล้อมที่แปลกแยก
และจำเป็นต้องสังเกตดูเส้นทางทั้งสองข้าง ซึ่งผมคงจะผ่านจุดนี้ไปในไม่ช้า เพราะว่าโดยส่วนตัว
เป็นคนชอบสันโดดและชอบที่จะอยู่กับตัวเองมากกว่าสังคม จึงมีสภาพเหมือนอยู่คนเดียวบนโลก
กับคอมพิวเตอร์หนึ่งตัวเป็นเพื่อนมาหลายสิบปีแล้ว จึงไม่พยายามออกความเห็นที่เกี่ยวกับสิ่งที่เป็น
นามธรรมหรือยังไม่สามารถค้นหาคำตอบได้อย่างตรงๆและถูกต้องเหมือนกระบวนการของคอมพิวเตอร์
เนื่องจากเชื่อว่าภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาใดๆในโลกนี้ก็ตาม ไม่สามารถสื่อความรู้สึกจากใจที่จะตอบ
ออกมาให้ตรงตามคำพูดได้ คล้ายๆกับภาษาทุกภาษามีข้อจำกัดของมันอยู่ในตัว มีหลายครั้งที่ผม
ต้องการพูดอธิบายความเข้าใจของตัวเองออกมาให้เพื่อนหรือใครก็ตามได้เข้าใจความคิด แต่พอพูด
ออกมาแล้ว กลับทำให้รู้สึกเศร้าเสียใจในภายหลัง ที่ทำไมผมจึงพูดออกมาได้อย่างนั้น ยิ่งการกล่าวถึง
สิ่งที่เราไม่อาจสัมผัสจับต้องได้เช่น ชาตินี้ชาติหน้า อรหันต์  นิพพาน ของศาสนาพุทธ ซึ่งไม่เหมือนกับ
กระบวนการหรือหลักการของคอมพิวเตอร์ ที่เรากลับสามารถสร้างสรรจินตนาจากความรู้สึกและความ
เข้าใจของเราเองออกมาให้เป็นภาพและเสียงรวมถึงการเคลื่อนไหวต่างๆได้ ทั้งๆที่มันก็เป็นเรื่องที่เรา
ไม่อาจสัมผัสจับต้องได้เช่นกัน กล่าวคือผมมองว่ากระบวนการของคอมพิวเตอร์และธรรมของทุกศาสนา
คือมายาที่ไม่อาจสัมผัสจับต้องได้เช่นวัตถุ จึงอาจจำเป็นต้องเพ่งมองด้วยใจของเราเอง ผ่านข้อคิดเห็น
หรือข้อเท็จจริงจากหลายๆท่านมาประกอบ แม้บางเรื่องเราไม่อาจค้นหาคำตอบใดๆได้เลยก็ตาม ดังนั้น
การพูดหรือพิมพ์ข้อคิดเห็นลงในกระทู้ของผู้รู้บางท่าน บางครั้งก็ให้ความรู้สึกกับผู้อ่านว่าเป็นการ
ยกตนข่มท่าน รวมถึงข้อความที่ผมพิมพ์ออกมาดังที่ท่านอ่านอยู่นี้ ก็ทำให้ผมเองยังรู้สึกว่าตัวเอง
กำลังยกตนข่มท่านอื่นอยู่นัยๆ นั่นเป็นเพราะภาษาไม่อาจสื่อความหมายจากใจได้นั่นเองครับ.


willium lai
58 นาทีที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 22
คหสต. เป้าหมายของศาสนาพุทธคือนิพพาน. เป็นสัมมาทิฏฐิ. แน่นอนสำหรับเป้าหมายของศาสนาพุทธ
หากเรายังคงยึดติดกลับโลก. ไม่มีเป้าหมายนิพพานเป็นที่ตั้ง. ยังคงอยากเวียนว่ายตายเกิดในสังขานวัฎ
นั้นคือสิ่งที่ตรงกันข้ามกับนิพพาน.  มันคือมิจฉาทิฎฐิ. ในศาสนาพุทธครับ.
และตัวผมเองเนี่ยแหละมี. มิจฉาทิฏฐิ. เพราะไม่ได้ตั้งใจที่จะมุ่งสู่นิพพานเลยในตอนนี้.
ยังคงมีความคิดที่ยังติดอยู่ในโลก ในโลกียะ. มีเรื่องการเกิด การสร้างภพต่อ.  และผมก็รู้พอใจที่จะเกิดใหม่อีกครั้ง.
แต่ก็ยังมีความกลัว คือกลัวว่าภพหน้าจะไม่ได้เกิดเป็นคนเหมือนภพนี้. แต่ถ้าไปเกิดเป็นเทวดาก็พอรับได้อมยิ้ม01
แก้ไขข้อความเมื่อ 39 นาทีที่แล้ว
 
Ch_Chang
42 นาทีที่แล้ว

หัวข้อ: Re: เหตุใดการปฏิเสธในเรื่องชาตินี้ชาติหน้า ของพุทธทาส จึงเป็น มิจฉาทิฏฐิ
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ เมษายน 19, 2013, 12:16:38 pm
ความคิดเห็นที่ 23
ขอ อนุยาด แดจาวู ยู้ฮู แบบ ซ้ำๆซาก ๆ ด้วย ตัวหนังสือ ที่เคยเขียนไว้ ....

[spoiler]

ขออนุญาต สรุปประเด็นคำถาม ของกระทู้ นะคะ

1. จขกท. ไม่ได้ ต้องการ จะ ให้ ใครมา เถียงกันว่า ความเชื่อของใคร เป็น สัจธรรม เป็นของจริง  แต่ ต้องการเหตุผลที่เป็น ยอมรับได้ ด้วย จิตสำนึกเยี่ยงวิญญูชนพึงมี น่ะค่ะ ว่า
ทำไม ท่านที่นับถือ พุทธ จึงบอกว่า การไม่เชื่อเรื่องภพภูมิ และ การเวียนว่ายตาย เกิด ของ จขกท. นั้นมันจึงเป็น มิจฉาทิฏฐิ ( โดนพวกท่าน มากล่าวหาว่าร้ายเป็นนัย ๆ โดยไร้เหตุผลที่ยอมรับได้ตามหลักสากล แบบนี้ มันรู้สึกไม่ดีเลยค่ะ

[spoiler]

แล้วมันมีเหตุผลที่ สามารถใช้ปัญญามาโยนิโส
ได้ มากกว่า คำว่า "มันเป็นกฏข้อกำหนด( ที่ศาสดาของพวกคุณบัญญัติไว้)"
และ "ใครไม่เชื่อคำสอนของศาสดาก็เห็นผิตทั้งนั้น" ไหมคะ
เพราะ รู้สึกว่า ถ้าพวกคุณตอบแบบนี้ มันไม่ตรงไปตรงมา และ ดูไม่มีจิตสำนึก เยี่ยง ผู้นับถือศาสนาแห่งปัญญา ที่ มี กาลามสูตร เป็นไม้กันหมา เลยอ่ะค่ะ


ขอ อนุญาต ยกตัวอย่าง เพื่อเปรียบเทียบ นะคะ

นาย ก. เชื่อว่า พญานาค มีจริง
นาย ข. เชื่อว่า พญานาค ไม่มีจริง

ความเชื่อ ของใคร เป็น สัมมาทิฏฐิ  ? หรือว่า ความเชื่อ ของ ทั้ง 2 คน เป็นแค่ ทฤษฎีความเชื่อ ในเรื่องเกี่ยวกับ พญานาค( ที่รอการพิสูจน์หลักฐาน ) ?
ฉะนั้น ทฤษฎีเหล่านี้ จึง ไม่ใช่ทั้ง สัมมา และ มิจฉา มันเนเพียงแค่ ทฤษฏฎี ที่รอการพิสูจน์ทราบ และ หลังจากทราบแล้ว จะทำเช่นไรต่อไป อันนี้ขอ ละไว้ ในฐานที่ ไม่ใช่ประเด็นของคำถามในกระทู้นี้


และ โดย ตรรกะ เดียวกัน ก็พอจะ อนุมาน ได้ว่า ถ้า

นาย ก. เชื่อว่า ภพภูมิการเวียนว่ายตายเกิด ( แบบในนิยายเรื่อง มณีสวาท ) มีจริง

นาย ข. เชื่อว่า ภพภูมิการเวียนว่ายตายเกิด ( แบบในนิยายเรื่อง มณีสวาท ) ไม่มีจริง

ทฤษฎีความเชื่อ ในเรื่องเกี่ยวกับ ภพภูมิและการเวียนว่ายตายเกิด นี้
จึง ไม่ใช่ทั้ง สัมมา และ มิจฉา มันเป็นเพียงแค่ ทฤษฏฎี ที่รอการพิสูจน์ทราบ เช่นกัน ที่สำคัญ ไม่ว่า ผลการพิสูจน์ จะออก มาเช่นไร สิ่งที่รู้ มันก็เป็น แค่ข้อเท็จจริง ( fact ) เท่านั้น  เป็นเพียง ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ในการ กระทำ สิ่งต่าง ๆ ซึ่งโดยที่ ตัวของ ทฤฎีเอง เพียว ๆ นั้น  ไม่ได้ทำให้ เกิดผลกระทบ ( เกิด คุณ-โทษ ) อะไรต่อ ใครเลย

[/spoiler]



2.และถึงจะไม่ได้นับถือศาสนาแห่งปัญญา เหมือน คนพุทธ
แต่  จขกท. ก็พอจะมีความรู้ในเรื่อง เกี่ยวกับ กาลามสูตร แบบ งู ๆ ปลา ๆ อยู่บ้าง ตามสมควร จึง รบกวน สอบถาม เพิ่มเติม ว่า

อันทฤษฎีความเชื่อ ที่ว่า ภพภูมิและ การเวียนว่ายตายเกิด มันไม่มีจริง นั้น
โดยตัว ทฤษฎีและความเชื่อนี้ ( แบบเพียว ๆ ) ซึ่งยังไม่ได้นำเอาไปใช้ขยายผลอะไร ต่อนั้น

มันเป็น อกุศล  ที่ตรงไหน ?  มันมีโทษ ที่ตรงไหน ?
และ วิญญูชนทั้งโลก ( ไม่เฉพาะคนพุทธ ) กล่าวติเตียน ทฤษฎีนี้ หรือไม่ เพราะ เหตุใด 



ถ้า พวกคนพุทธอย่างคุณ มีความบริสุทธิ ใจในการตอบคำถาม จริง
รบกวน ช่วยให้ความรู้ แก่ จขกท. เป็น วิทยาทานด้วย ค่ะ
แต่ ถ้า พวกคุณไม่คิดที่จะตอบคำถามพวกนี้ อย่างตรงไปตรงมา
หรือ ไม่สามารถตอบคำถามนี้ ได้โดยใช้เหตุผล ด้วย จิตสำนึกเยี่ยงวิญญูชนพึงมี
ก็ช่วย ออกมาแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการขอโทษ และ ถอนคำพูด ที่พวกคุณ บอกว่า 

" การไม่เชื่อ ในเรื่องภพภูมินั้น เป็น มิจฉาทิฏฐิ "  ด้วยค่ะ

เพราะสิ่งที่คุณได้ทำลงไปนั้น มันเป็นการ จงใจให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ต่อสาธารณชน
ที่ทำให้ จขกท. และ ศาสนิกชนอื่น ๆ ต้องทนถูกพวกคุณมาดูหมิ่นเหยียดหยาม มาเนิ่นนาน แล้วนะคะ

ขอบคุณค่ะ !

อ้อ รบกวนเพื่อน ๆ ศาสนิกชน( ที่ไม่ใช่คนพุทธ ) ช่วยเซฟกระทู้นี้ เก็บไว้เป็นเพื่อ หลักฐานด้วยนะคะ เผื่อว่า กระทู้มันโดนลบ แล้ว ต่อไป มี คนพุทธคนไหน
มาบอกว่า การไม่เชื่อ ในเรื่องภพภูมิ นั้น เป็น มิจฉาทิฏฐิ  มาทำให้เรารู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจ พวกเราจะได้ยกคำถามในกระทู้นี้ ไปให้ พวกเขา ช่วยตอบ ค่ะ


[/spoiler]


(http://f.ptcdn.info/847/000/000/1357231186-monkeysfun-o.jpg)




แก้ไขข้อความเมื่อ 20 นาทีที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 799934
20 นาทีที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]


ความคิดเห็นที่ 24

ปุจฉาาาาา


อันทฤษฎีความเชื่อ ที่ว่า ภพภูมิและ การเวียนว่ายตายเกิด มันไม่มีจริง นั้น
โดยตัว ทฤษฎีและความเชื่อนี้ ( แบบเพียว ๆ ) ซึ่งยังไม่ได้นำเอาไปใช้ขยายผลอะไร ต่อนั้น


มันเป็น อกุศล  ที่ตรงไหน ?  มันมีโทษ ที่ตรงไหน ?
และ วิญญูชนทั้งโลก ( ไม่เฉพาะคนพุทธ ) กล่าวติเตียน ทฤษฎีนี้ หรือไม่ เพราะ เหตุใด  ?




แก้ไขข้อความเมื่อ 17 นาทีที่แล้ว


สมาชิกหมายเลข 799934
18 นาทีที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]



ความคิดเห็นที่ 25
อะไร ที่เชื่อแล้ว ทำให้เกิด กุศล ละ อกุศล สิ่งนั้นควรเชื่อ

สิ่งใด ที่เชื่อแล้ว ทำให้เกิด อกุศล ห่างจาก กุศล สิ่งนั้นไม่ควรเชื่อ

---------------------------------------------------------
ตกลง ควรเชื่อ หรือไม่ว่า นรก สวรรค์ มีจรืง

- ควรเชื่อ เพราะจะได้มีเหตุปัจจัยในการทำดี
- ไม่ควรเชื่อ เพราะเชื่อแล้วก็ต่อว่าใครต่อใครที่ไม่เชื่อ

ผมมีเหตุผลแค่นี้ มั้ง
 

a235
17 นาทีที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 26


ถ้าพิจารณาจากชีวประวัติบุคคลสำคัญที่โลกยกย่องว่าเป็น ผู้มี คุณธรรม
ไม่ว่าจะเป็น  แม่ชีเทเรซ่า / ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล  / วอเรนต์ บัฟเฟต ฯลฯ
ทุกท่านที่กล่าวมา ก็ล้วนแล้วแต่ ปฏิเสธ ที่จะเชื่อ ในเรื่องการมีอยู่จริง ของ ภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า และ การเวียนว่ายตายเกิด กันทั้งนั้น

ทว่าก็ไม่เห็น ความเชื่อพวกนี้ จะ มีโทษ อะไร  จนทำให้ท่านเหล่านี้
กระทำตนไหลลงสู่ที่ต่ำ แล้วเดินไปสู่ทางแห่งอบายเลยนี่คะ
และ ถ้าจะพูดกันตรง ๆ แล้ว ท่านเหล่านี้ มีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม มากกว่า บางท่านที่เชื่อเรื่องภพภูมิด้วยซ้ำ


แล้วเช่นนี้ การปฏิเสธ ที่จะเชื่อ ในเรื่องการมีอยู่จริง ของ ภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า และ การเวียนว่ายตายเกิด ของท่านเหล่านี้ จะเป็น อกุศล และ เป็น มิจฉาทิฏฐิ ได้อย่างไรกันคะ ?

(http://f.ptcdn.info/158/001/000/1358005732-monkeyfrie-o.jpg)


แก้ไขข้อความเมื่อ 14 นาทีที่แล้ว


สมาชิกหมายเลข 799934
14 นาทีที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]


ความคิดเห็นที่ 27
ท่านเจ้าของกระทู้คงได้พบเจอกับคนที่เป็นชาวพุทธแต่เพียงใบสํามะโนครัว หรือเปลือกชาวพุทธ

เพราะชาวพุทธที่เข้าถึงแก่นธรรมแล้วจะไม่มีอาการอย่างที่ท่านกล่าวมาเลย

ชาวพุทธแท้หรือผู้ที่เข้าถึงแก่นธรรมแล้วจะไม่มีการรังเกียจคนที่นับถือศาสนาอื่นหรือที่มีความเชื่อแตกต่างออกไปนะครับ


swinger
12 นาทีที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 28
ทำไม พวกคนพุทธอย่างคุณ ถึงต้อง มาทำเป็น เนียน
มายกตนข่มท่าน ด้วยการ กล่าวหา ว่า 
การที่ อิฉัน และ ศาสนิกชนศาสนาอื่น ๆ 
ไม่เชื่อ ในเรื่องภพภูมิ ชาตินี้ชาติหน้า  นั้น

จึงจัดว่า เป็น พวกมิจฉาทิฏฐิ ด้วยคะ ?

รบกวน ขอคำ อธิบาย ตามวิสัย ผู้นับถือศาสนาแห่งปัญญา
ที่มี สามัญสำนึกเฉกเช่น วิญญูชน พึงมี ด้วยค่ะ  !

ตอบ
ผมเป็นพุทธ โดยส่วนตัวผมไม่เรียกน่ะและเพื่อนผมหลายคนก็ไม่เรียก มีบางคนเรียกบ้าง
แต่ไม่ใช้คนพุทธทุกคนจะเรียกคนที่นับถือศาสนาอื่นว่า เดียรถีย์หรือพวกมิจฉาทิฏฐิ
และไม่ได้อวดว่ามีปัญญา

ผมยอมรับสิทธิและเสรีภาพของคนอื่นที่เลือกจะเชื่อ ถ้าถามผมๆจะไม่บอกว่าคนอื่นเป็น มิจฉาทิฏฐิ แต่จะตอบว่ามีความเห็นไม่เหมือนผมเท่านั้น

ส่วนที่ตอบแบบนี้เพราะคำสอนของพระพุทธองค์(ศาสนาอื่นและปราชญ์หลายคนก็สอนแต่ผมอ่านจากพุทธ)
 

ฌลา
10 นาทีที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 29
ผมก็แวะมา เริ่มจากห้องมืถือ
ผมคนพุทธ มีความรู้บ้าง
ผมคิดว่า พุทธ สอนให้คนพ้นทุกข์ เท่านั้นแล โดยไม่ทำให้ผู้อื่นทุกข์จากการพ้นทุก์ ของตนเอง
และสิ่งที่ศาสนาพุทธเห็นและสอนเรา ผมคิดว่ามันเป็นระบบการจัดการของคนทั้งโลก ทั้งๆที่ยังมีชีวิตอยู่และหลังจากตายไปแล้ว โดยไม่จำเป็นว่าคนๆนั้นจะเชื่อเรื่องพุทธหรือไม่ก็ตาม
รู้สึกแปลกใจไหมครับ คำว่า หมอดู  ดูอดีตเห็นชัดแป๊ะ แต่อนาคตเลือนลาง
CP ดูดวงคนก่อนเข้าทำงาน ฝรั่งห้ามผูกไทในวันปล่อยจรวด
...
วันพรุ่งนี้ยังมี ชาติหน้าไม่มีได้อย่างไร
...
ลองอ่านดูครับ
http://www.gmwebsite.com/webboard/Topic.asp?TopicID=Topic-090407092137386 (http://www.gmwebsite.com/webboard/Topic.asp?TopicID=Topic-090407092137386)



สมาชิกหมายเลข 723969
2 นาทีที่แล้ว
หัวข้อ: ศาสนาพุทธ เป็น ศาสนาแห่งปัญญา จริง ๆ หรือ ? แล้วทำไม .....
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ เมษายน 19, 2013, 12:23:46 pm
ศาสนาพุทธ เป็น ศาสนาแห่งปัญญา จริง ๆ หรือ ? แล้วทำไม .....

ทำไม เวลาที่มีการตั้ง กระทู้ เรียกร้องขอความเป็นธรรม
และ ขอคำอธิบายที่สมเหตุสมผล ( จากการโยนิโสโดยแยบคายของพวกคุณ )
เพื่อให้เกิดความกระจ่างกับ ผู้คนที่ มีความเชื่อ-ความศรัทธา ต่างจาก พวกคนพุทธอย่างคุณ

[spoiler]
ยกตัวอย่าง เช่น

เวลามีคนตั้งกระทู้เป็นปากเป็นเสียง
แทนของเพื่อน ๆ มุสลิม - เพื่อน ๆ คริสเตียน
ที่มาถูก พวกคนพุทธอย่างพวกคุณ ตราหน้า ว่า...

การปฏิเสธความเชื่อเรื่องภพภูมิการเวียนว่ายตายเกิดของพวกเขานั้น
มันเป็น ความเชื่อสีดำ (มิจฉาทิฏฐิ )

ส่วน การยอมรับความเชื่อเรื่องภพภูมิการเวียนว่ายตายเกิดของพวกคุณนั้น
มันเป็น ความเชื่อสีขาว ( สัมมาทิฏฐิ )

[/spoiler]


ทำไมพวกคนพุทธ อย่างพวกคุณ
ถึงไม่ยอม ตอบคำถาม อย่างตรงไปตรงมาล่ะคะ
เหตุใดใยต้อง หนีปัญหา ด้วยการแจ้งลบกระทู้ ทิ้งด้วย
หรือ...นี่คือ วิธีโต้ตอบด้วยปัญญา ที่ ศาสดาของคุณ ได้ สอนเอาไว้ เจ้าคะ ?

[spoiler]

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนเหล่าอื่นอาจกล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์ ท่านทั้งหลายไม่พึงผูกอาฆาต ขุ่นเคือง ไม่พอใจในบุคคลเหล่านั้น เพราะถ้าท่านทั้งหลายโกรธเคือง หรือไม่พอใจในบุคคลที่กล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์นั้น, อันตรายเพราะความโกรธเคืองนั้น ก็จะพึงเป็นของท่านทั้งหลายเอง ถ้าท่านทั้งหลายโกรธเคือง หรือไม่พอใจในบุคคลที่กล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์ จะรู้ได้ละหรือว่า คำกล่าวของคนเหล่าอื่นนั้น เป็นคำกล่าวที่ดี หรือไม่ดี ?

"ไม่ทราบ พระเจ้าข้า."

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายพึงชี้แจง เรื่องที่ไม่เป็นจริง ให้เห็นว่าไม่เป็นจริง ในข้อที่คนเหล่าอื่นกล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์ ให้เขาเห็นว่าข้อนั้นไม่จริง ข้อนั้นไม่แท้ ข้อนั้นไม่มีในพวกเรา ข้อนั้นไม่ปรากฏในพวกเรา ดังนี้


พุทธวจน
พรหมชาลสูตร 9/3-4

ที่มา

http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/10/Y12754306/Y12754306.html (http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/10/Y12754306/Y12754306.html)

[/spoiler]

(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao19.png)


ความคิดเห็นที่ 1
ต่างคนต่างอยู่ สงบ สันติกว่าเชื่อเหอะ

Fernfriend
11 นาทีที่แล้ว



ความคิดเห็นที่ 2
ปฎิบัติเยอะๆแล้วจะได้คำตอบ บางทีสามารถติดต่อพระพุทธเจ้าได้เลย
   เลือกคำตอบนี้


สมาชิกหมายเลข 785964
5 นาทีที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 3
มันอยู่ที่คนนับถือจะตีความค่ะ
ไม่ได้อยู่ที่ศาสนา


Little Spam
3 นาทีที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 4

งั้นวันหลังก่อนที่ พวกคนพุทธอย่างคุณ จะ อวดอ้าง สิ่งใด
กรุณา สำเหนียก  สำนึก  และ ระลึกไว้ ด้วย ว่า ...
ตนนั้น มี คุณสมบัติ คู่ควรที่จะ เป็น สาวกผู้ นับถือ ศาสนาแห่งปัญญาหรือไม่ ?
ถ้าใครมี ภูมิศีลต่ำ ภูมิธรรมด้อย และ ภูมิรู้น้อย
ก็ กรุณา อย่ามาเอ่ยอ้าง ว่า ตนเป็นผู้นับถือศาสนาแห่งปัญญา
แล้ว แสร้งเนียน แอบเหยียบหัว ศาสนิกชนอื่น  ๆ  เขา

ด้วยการบอกว่า ตนนับถือศาสนาแห่งปัญญา ส่วน ผู้อื่น เป็นแค่ ผู้นับถือศาสนาแห่งศรัทธา
ทิฏฐิของตน เท่านั้นที่เป็น สัมมาฯ  ถ้าใครเห็นต่างจากตน ต้องเป็น มิจฉาฯ !

(http://f.ptcdn.info/847/000/000/1357231368-Y129042442-o.jpg)


แก้ไขข้อความเมื่อ 1 วินาทีที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 799947


หัวข้อ: เคยมีงานวิจัยเกี่ยวกับ การวัดระดับ ภูมิธรรม บ้างไหมเจ้าคะ
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ เมษายน 24, 2013, 11:37:12 pm
เคยมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์
เกี่ยวกับ การวัดระดับ ภูมิธรรม  หรือ SQ (Spiritual Quotient) บ้างไหมเจ้าคะ ?


อนึ่ง จากเรื่อง ของ 6Q ใน ลิงค์เหล่านี้นั้น

http://whateverzone.fix.gs/index.php?topic=439.0;wap2 (http://whateverzone.fix.gs/index.php?topic=439.0;wap2)

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=182683 (http://www.oknation.net/blog/print.php?id=182683)

เท่าที่เคยเห็นผ่าน ๆ มา เคยมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์
เกี่ยวกับ การวัดระดับ เชาว์ปัญญา หรือ IQ (Intelligence Quotient)
แล้วก็มี แบบทดสอบ ไอคิว ที่เป็น กิจลักษณะ ด้วย

ก็ เลยสงสัยว่า แล้ว เชาว์ด้านจิตวิญญาณ หรือ SQ (Spiritual Quotient)
ซึ่งเป็น ความสามารถในการรักษาดุลยภาพทางจิตวิญญาณ /การรักษาสมดุลใจ
หรือ พอจะ อนุมาน เป็น ภาษาพระ ได้ว่า มันคือ ภูมิธรรม
นั้นน่ะ มันเคยมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์
เกี่ยวกับ การวัดระดับ ภูมิธรรม  เหล่านี้ไหมเจ้าคะ ?


แล้วมี แบบทดสอบ ที่เป็นกิจลักษณะ คล้าย ๆ การวัดไอคิว ไหมคะ
ที่สำคัญ ระดับความน่าเชื่อ ถือ ของแบบทดสอบนี้
มันมีความน่าเชื่อถือที่มีนัยยะสำคัญ หรือไม่


ถ้าใคร พอจะมีขอมูล หรือ แบบ ทดสอบ SQ ดังกล่าว
รบกวนช่วยโพสบอก เป็น วิทยาทานทีได้ไหมเจ้าค่ะ
 ถ้ามีโอกาส อิฉันจะได้ เอา แบบทดสอบนี้ มา ลองทำดูบ้าง
และ หากแบบทดสอบยดังกล่าว มันเวิร์ค มากมาย
จะได้ ลองเอาไปแจก ให้เพื่อน ๆ นักปฏิบัติ ในห้องศาสดา ลองทำดูด้วย
เผื่อจะได้ สามารถ ทราบถึง ระดับภูมิธรรม ของตนได้โดยไม่ต้อง ถ่อสังขาร ขึ้นเขาลงห้วย
ไปรบกวน บรรดาครูบาอาจารย์ ทั้งหลาย ให้มาทดสอบภูมิธรรมให้อ่ะค่ะ [:อมยิ้ม16:]

ขอบคุณค่ะ

(http://f.ptcdn.info/151/001/000/1357995663-Silenceoft-o.jpg)


ความคิดเห็นที่ 1
เอาง่ายๆ คุณสามารถเคารพตัวเองได้อย่างสนิทใจแล้วหรือยัง ตัวคุณเองรู้ดี ไม่สามรถหลอกตัวเองได้ หากคุณประพฤตดีทั้งกายใจ คุณจะรู้ดีว่าสามารถเคารพตัวคุณเองได้อย่างสนิทใจ ไม่ต้องให้ใครหรือแบบทดสอบ มาบอกว่าคุณเป็นคนดีหรือไม่ดีเพราะเขาอาจโกหกก็ได้ พระพุทธเจ้าสอนให้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่มีใครจะสามารถพาเราพ้นทุกข์ได้นอกจากตัวเราเอง พระพุทธเจ้าเป็นเพียงผู้บอกทาง ถ้าหวังแต่พึ่งผู้อื่นมาสอบอารมย์เมื่อไหร่จะรู้ตัวเอง เมื่อไหร่จะได้ใช้ปัญญา เมื่อไหร่จะพึ่งตนเองได้  หากมีปัญหาก็เรียนถามครูอาจารย์ได้ เพื่อขอความกระจ่างเป็นครั้งคราว แต่ตนเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งของตัวเอง

tonsv
1 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 804971 ซึ้ง


ความคิดเห็นที่ 2
วิทยาศาสตร์ เรื่องราวเกี่ยวกับกายภาพ วัตถุ สสาร หรือ คือสิ่งที่พิสูจน์ + ทดลอง ได้ด้วยสัมผัสทั้ง 5
ศาสนา(ตัดประเด็นเรื่องศรัทธาที่แตกต่างกัน)จะเน้นหนักในเรื่องจิตวิญญาน หลักการรับผิดชอบ ดี-ชั่ว ตามแต่มาตรฐานของแต่ละศาสนา

จะเห็นได้ว่าทั้งศาสนาและวิทยาศาสตร์จะต่างกันเพราะทั้งสองนั้นมีจุดประสงค์ในตัวมันเอง
ดังนั้นมนุษย์ควรที่จะต้องมีทั้งสองอย่างควบคู่กันไปเพราะเราปฎิเสธไม่ได้ เลยว่าชีวิตคนเรานั้นมีทั้งร่างกายและจิตวิญญาน+เจตนารมณ์เสรี
 
Sleeping
1 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 718209 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 804971 ซึ้ง



ความคิดเห็นที่ 3
ลองอ่าน  อีคิวโลกุตระ

http://ebookasoke.blogspot.com/2012/05/blog-post_6578.html (http://ebookasoke.blogspot.com/2012/05/blog-post_6578.html)

หรือถ้าชอบอ่านเป็น อีบุค อีคิวโลุตระ

http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/book014/page01.html (http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/book014/page01.html)

ไม่ใช่งานวิจัยแต่น่าอ่าน   บางทีอาจได้เข้าใจอะไรๆใหม่ๆบ้าง(ปรโตโฆสะ)

P2wichai
1 ชั่วโมงที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 804971 ทึ่ง


ความคิดเห็นที่ 3-1
หรือจะชอบอ่านแบบ Pdf  อีคิวโลกุตระ Pdf

http://www.asoke.info/pdf_book/058_asoke.pdf (http://www.asoke.info/pdf_book/058_asoke.pdf)

เป็นเล่มหนังสือก็มี  ถ้าต้องการอ่านจะส่งให้


P2wichai
44 นาทีที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 804971 ซึ้ง



ความคิดเห็นที่ 3-2
แท้งกิ๋ว เจ้าค่ะ  แหม๊ ? ไม่รู้ชาติก่อน นี่...
คุณหลานวาสิฏฐี สร้างเหตุปัจจัย ทำบุญด้วยอะรัยมาน๊อออ
ชาตินี้ ถึงได้ เกิดมาอยู่ใน สถานที่ สัปปายะ อยู่ในสังคมที่ดี 
แถมยังมี กัลยาณมิตร ที่เปี่ยมล้น ไปด้วยน้ำใจ แบบคุณป๋ากามนิต อีกด้วยอ่ะ อิอิ อมยิ้ม16

ปอลิง

เซอร์ไพร๊ซ์ มากเลย นะเนี่ย ที่ กระทู้ก่อน ได้รู้ว่า
คุณป๋ากามนิต ก็ มีนโยบาย ไม่สนับสนุน การแจกซองบอกบุญ เหมือนกัน
เฮ้ออ สัตว์ทั้งหลายย่อมคบค้าสมาคมกันโดยธาตุ จิง ๆ ด้วย ^ ^


(http://f.ptcdn.info/090/001/000/1357830701-cozyanimal-o.jpg)


สมาชิกหมายเลข 804971
3 นาทีที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]



ความคิดเห็นที่ 4
SQ ยังไม่ค่อยได้อ่านเท่าไร  ส่วนใหญ่อ่านแต่งานทางด้าน Moral Quotient : MQ ซึ่งก็ิคิดว่า น่าจะเกี่ยวพันกับ SQ อยู่
ที่เห็นมาก็มีแบบวัดทางด้าน moral ค่ะ  มักถูกนำมาใช้ในงานวิจัยทางด้านที่เกี่ยวข้องกับคุณธรรมและจริยธรรม
ส่วนทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับ moral ที่ดังๆ มีพัฒนาการทางจริยธรรมของโคลเบริ์กค่ะ ก็มักจะถูกนำมาใช้ทบทวนวรรณกรรมในงานวิจัยน่ะ

เรื่อง Spiritual Quotient เรามองว่า คงไม่ใช่แค่เรื่องภูมิธรรม หรือ การรู้ลึกละเอียดในเรื่องทางศาสนาเท่านั้นน่ะ 
พึ่งกลับจากดูงานที่เกาหลี  ที่นั่นเองคนไม่ไ้ด้นับถือศาสนาก็มีอยู่มากทีเดียว น่าจะครึ่งๆได้ของประชากรทั้งหมด
แต่จากการดูงานหลายๆแห่ง เห็นว่า เขาเล่นเรื่องสร้าง Spiritual Quotient มากทีเดียว
อย่างเท็ดดี้แบร์ เขามีการนำเอานิทานต้นกำเนิดมาใช้ โดยกำหนดว่า ชาวเกาหลีมาจากหมี ซึ่งเป็นตัวแทนของความอดทน
พอมาเรื่องคลองชองเกซอน เขาก็ปลูกฝังในสปิริตทางด้านความหวัง มีการตั้งชื่อ seed of hope และสปิริตในการมีส่วนร่วมของสังคม
แล้วพอทางด้านของพิพิธภัณฑ์เด็ก เขาก็ปลูกฝังในเรื่องความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ทางด้าน ICT ก็พยายามสร้าง warm digital
รู้สึกเลยว่า ทางเกาหลีเขาเล่นกับเรื่องของ Spiritual Quotient อยู่ โดยที่แทบไม่ได้เชื่อมโยงไปกับทางศาสนาเลยน่ะ

แก้ไขข้อความเมื่อ 51 นาทีที่แล้ว


ขี้เหงา...เอาแต่ใจ
58 นาทีที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 804971 ทึ่ง


ความคิดเห็นที่ 5
ความสามารถในการรักษาดุลยภาพทางจิตวิญญาณ /การรักษาสมดุลใจ
หรือ พอจะ อนุมาน เป็น ภาษาพระ ได้ว่า มันคือ ภูมิธรรม

เป็นอย่างไร ไม่รู้จัก


สมาชิกหมายเลข 724321
52 นาทีที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 804971 ขำกลิ้ง


ความคิดเห็นที่ 6
อืม....ภูมิธรรม (เชาว์ด้านจิตวิญญาณ /Spiritual Quotient )
ตามความคิดของอิฉัน น่าจะหมายถึง
ความสามารถในการ บริหารจัดการ ความทุกข์ตาม ยถาสภาวะ ณ ปัจจุบันขณะ มั้ง
ประมาณว่า เป็นความสามารถ ในการ ปรับสภาพตัวเอง ให้เกิด สมดุลโลก สมดุลธรรม และ สมดุลใจอ่ะ

สรุปสั้น ๆ ก็คือ เมื่อมีสิ่งเร้ามากระทบใจ
อาทิเช่น สาวขาวสวยหมวยอึ๋ม , เจ้ากรรมนายเวรแต่ชาติปางก่อน , สิ่งที่เราเกลียด ฯลฯ
คุณก็สามารถ ปล่อยวาง มันได้ โดยไม่เกิดกิเลสตัณหา ( รัก โลภ โกรธ หลง ) จนเกิด ทุกขังกะลามัง อ่ะ
หรือ ถ้าเกิด รัก โลภ โกรธ หลง  ก็สามารถ ปรับให้มัน ลดเลเวล และ ดับได้ ในที่สุด

(http://f.ptcdn.info/847/000/000/1357231368-Y129042442-o.jpg)


สมาชิกหมายเลข 804971


จม.ปิดผนึกจากญิ๋งแม่ !


 :26: :26: :26:

อ้างถึง

สวัสดีค่ะคุณ สมาชิกหมายเลข 804971

เนื่องจากทีมงานพบว่าการโพสต์ของคุณในกระทู้ 30406108#6

" อืม....ภูมิธรรม (เชาว์ด้านจิตวิญญาณ /Spiritual Quotient ) ตามความคิดของอิฉัน น่าจะหมายถึง ความสามารถในการ บริหารจัดการ ความทุกข์ตาม ยถาสภาวะ ณ ปัจจุบันขณะ มั้ง ประมาณว่า เป็นความสามารถ ในการ ปรับสภาพตัวเอง ให้เกิด สมดุลโลก สมดุลธรรม และ สมดุลใจอ่ะ สรุปสั้น ๆ ก็คือ เมื่อมีสิ่งเร้ามากระทบใจ อาทิเช่น สาวขาวสวยหมวยอึ๋ม , เจ้ากรรมนายเวรแต่ชาติปางก่อน , สิ่งที่เราเกลียด ฯลฯ คุณก็สามารถ ปล่อยวาง มันได้ โดยไม่เกิดกิเลสตัณหา ( รัก โลภ โกรธ หลง ) จนเกิด ทุกขังกะลามัง อ่ะ หรือ ถ้าเกิด รัก โลภ โกรธ หลง ก็สามารถ ปรับให้มัน ลดเลเวล และ ดับได้ ในที่สุด // ภาพประกอบ "

นั้นเป็นการโพสต์กระทู้ที่มีเนื้อหาเข้าข่ายล่อเป้า/บลั๊ฟ/เกรียน/ชวนทะเลาะ ในหน้าบอร์ดหลักเป็นการรบกวนการใช้งานของเพื่อนสมาชิกซึ่งถือว่าผิดกติกาจึงมีความจำเป็นต้องระงับการโพสต์ของท่านชั่วคราวเพื่อทำการแจ้งให้ท่านรับทราบเงื่อนไขในการใช้งานของเว็บพันทิปเสียก่อน

ทั้งนี้ทีมงานขอความกรุณาท่านสมาชิกตอบกลับมายัง contact.pantip.com เพื่อแจ้งเหตุผลในการโพสต์ข้อ ความลักษณะดังกล่าวค่ะ

หัวข้อ: เพื่อน ๆ เห็น รูปนี้ แล้ว รู้สึก ยังไงบ้างคะ ?
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ เมษายน 24, 2013, 11:38:25 pm
เพื่อน ๆ เห็น รูปนี้ แล้ว รู้สึก ยังไงบ้างคะ ?

(http://f.ptcdn.info/847/000/000/1357231368-Y129042442-o.jpg)


ความคิดเห็นที่ 1
ผมช่วยแปะ

(http://f.ptcdn.info/847/000/000/1357231368-Y129042442-o.jpg)

นายพยายาม
30 นาทีที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 809570 ซึ้ง


ความคิดเห็นที่ 2
แล้วคนเผยแพร่ภาพตั้งใจจะสื่ออะไรเหรอ

เสียงจากบ้านนา
21 นาทีที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 809570 ทึ่ง


ความคิดเห็นที่ 2-1

สื่อว่า ....

[Spoiler]


ต่อให้เป็น เดรัจฉาน แต่ถ้าเราเห็นว่า
เรา มี ภูมิศีลต่ำ ภูมิธรรมด้อย ภูมิรู้น้อยกว่า มัน
เราก็ สามารถ ยกมือไหว้มันได้ โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ มั้ง [:อมยิ้ม16:]

(http://f.ptcdn.info/150/001/000/1357993328-galileogal-o.jpg)

[/Spoiler]


(http://ptcdn.info/emoticons/mao_investor/mao16.png)

สมาชิกหมายเลข 809570
13 นาทีที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]


ความคิดเห็นที่ 3
รู้สึกไร้สาระ และไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ
 

โจรดอกบ๊วย
19 นาทีที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 809570 ซึ้ง


ความคิดเห็นที่ 4
รู้สึกว่าแปลกดี และคนที่ทำภาพนี้ดูจะไม่ค่อยเกรงกลัวบาปซักเท่าไหร่ ล้อเล่นจนเกินพอดี


เครือข่ายไร้สาย
15 นาทีที่แล้ว
เจ้าหญิงนอกนิยาย ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 809570 ขำกลิ้ง


ความคิดเห็นที่ 5
เฉยๆหว่ะั นู๋บี(ป๊ะป๋าหมาน) กระเทยแขก โกหกว่าเป็นพุทธ
เรียกพระพุทธเจ้าว่า สมณโคดม ชอบเอามาลงเป็นประจำ


สมาชิกหมายเลข 741784
12 นาทีที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 809570 ทึ่ง


ความคิดเห็นที่ 5-1
อ้าว กระเทียมรึ มิน่าล่ะ


cantona_z
6 นาทีที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 809570 ขำกลิ้ง



ความคิดเห็นที่ 6
สงสารเณรท่าน ที่ถูกนำมาทำภาพตัดต่อค่ะ
ถ้าไม่นับเรื่องกรรมหรืออะไรคือ เรานึกถึงความรู้สึกของเณรเหล่านั้นมากกว่า


อาณาจักรสีเขียว
9 นาทีที่แล้ว
สมาชิกหมายเลข 809570 ซึ้ง


ความคิดเห็นที่ 7
เห็นแล้วรู้สึกเฉยๆ......

เพราะความจริง....ไม่มีอย่างในรูปนี้

และในรูปนี้......ก็ไม่ใช่ความจริง


พุทธศาสนิกชนแท้จริง.........มิได้ให้ความสำคัญ หรือจะเป็นจะตายกับรูปที่มีคนทำขึ้นมาอย่างนี้ดอก


8 นาทีที่แล้ว
คนซ่อมเรือ ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 809570 ซึ้ง



ความคิดเห็นที่ 8
เหมือนไม่ให้เกียรติ ลบหลู่มาก ๆ  เหมือนจะบอกว่า ไม่ว่าใครก็ตาม ทั้งที่ไม่ใช่คน ที่มีการห่มผ้าเหลือง ก็กราบไหว้ได้หมด

เราเข้าใจแบบนี้นะคะ

ปล. คนที่ทำรูปนี้ขึ้นมา เหมือนกะให้คนตลก ขำ แต่ชาวพุทธแบบเราคนนึง ไม่ขำและไม่ตลกสักนิดเดียว


เจ้าหญิงนอกนิยาย
8 นาทีที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 9
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
 
นายพยายาม



จม.ปิดผนึกจากญิ๋งแม่ !


 :26: :26: :26:
อ้างถึง

สวัสดีค่ะคุณ สมาชิกหมายเลข 809570

เนื่องจากทีมงานพบว่าการโพสต์ของคุณในกระทู้ 30406926 ประเภทกระทู้คำถาม tag: ปรัชญา/ศาสนา/ปัญหาชีวิต/ศิลปะ

" เพื่อน ๆ เห็น รูปนี้ แล้ว รู้สึก ยังไงกันบ้างคะ ? // ภาพประกอบ"

นั้นเป็นการโพสต์กระทู้ที่มีเนื้อหาเข้าข่ายล่อเป้า/บลั๊ฟ/เกรียน/ชวนทะเลาะ ในหน้าบอร์ดหลักเป็นการรบกวนการใช้งานของเพื่อนสมาชิกซึ่งถือว่าผิดกติกาจึงมีความจำเป็นต้องระงับการโพสต์ของท่านชั่วคราวเพื่อทำการแจ้งให้ท่านรับทราบเงื่อนไขในการใช้งานของเว็บพันทิปเสียก่อน

ทั้งนี้ทีมงานขอความกรุณาท่านสมาชิกตอบกลับมายัง contact.pantip.com เพื่อแจ้งเหตุผลในการโพสต์ข้อ ความลักษณะดังกล่าวค่ะ

หัวข้อ: ทัศนคติแบบผม ควรเริ่มศึกษาจากพระพุทธศาสนาอย่างไร ?
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ เมษายน 24, 2013, 11:39:01 pm
ทัศนคติแบบผม ควรเริ่มศึกษาจากพระพุทธศาสนาอย่างไร เริ่มปฏิบัติตรงไหนดีครับ

ทัศนคติผมเป็นเช่นนี้
-ไม่เชื่อบุญ-บาป และนรก-สวรรค์ อย่างที่คนอื่นเชื่อกันอย่างงมงายโดยไม่พิจารณาตามหลักกาลามสูตร
-ไม่เชื่ออิทธฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ เพราะมองว่าชวนให้คนงมงาย ไม่ใช่ทางที่เป็นไปเพื่อความสิ้นกิเลส
-เชื่อว่าทุกๆสรรพสิ่งมีพระคุณต่อเราทั้งนั้น เราควรมอบความรัก ความเมตตาให้กับทุกสรรพสิ่ง ทั้งที่มีชีวิต และไม่มีชีวิต
หากพ่อ-แม่มีพระคุณต่อเราในแง่การให้ชีวิต ออกซิเจนก็มีพระคุณต่อเราเหมือนกัน
-จะเชื่อต่อมาปรากฎกับใจตัวเองเท่านั้น เช่นกฎแห่งกรรม  หิว กินข้าว อิ่ม หรืออย่างการมีสติอยู่กับปัจจุบันขณะ มีสติอยู่กับตัว ก่อให้เกิดความ สงบ
-ผมไม่ทำบุญ แต่ผมทำกุศล เช่น ใส่บาตรเพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนา ให้อาหารหมาเพื่อให้หมาแม่ลูกอ่อนที่หิวโซได้อิ่มท้อง ไม่หวังอะไร    นอกจากนั้น เช่น ชาติหน้าขอให้ดีอย่างนู้น ให้เลิศอย่างนี้ ผมไม่ขอครับ ถ้าจะขอ ขออย่างเดียว ขอหมดกิเลส

ผมอยากศึกษาตามคำสอนพระอาจารย์ที่สอนให้ใช้ปัญญานำ ไม่ใช่ศรัทธานำ ผมควรศึกษาของท่านใดครับ

***แก้คำผิด กามสูตร เป็น กาลามสูตร
แก้ไขข้อความเมื่อ 9 ชั่วโมงที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 782933


ความคิดเห็นที่ 11

แนะนำ พุทธทาสสไตล์ อ่ะเจ้าค่ะ
อ้อ แต่ เด๋วก่อน คุณต้องมั่นใจชัวร์ ๆ นะจ๊ะว่า ตนนั้น เป็น พวก พุทธจริต จริง ๆ
มิใช่ พวกศรัทธาจริตอันมืดบอด ที่ชอบกอดนรกสวรรค์ แทนหมอนข้าง
แล้ว ก็ อวดอ้าง กาลามสูตร เป็นไม้กันหมา

เพราะ วิถีแห่ง พุทธทาสสไตล์ นั้นน่ะ  มันไม่เหมาะกับพวกบัวใต้น้ำ ชั้นรากหญ้า
ที่มี เลเวลต่ำ ๆ ชอบนั่งจุมปุ๊ก คอยชะเง้อคอรอฟัง นิทานชาดก อยู่ที่ตรงฐานของ ปิรามิด อ่ะจร้าาา

[:เม่าบัลเล่ต์:][:เม่าบัลเล่ต์:][:เม่าบัลเล่ต์:]

ความคิดเห็นที่ 11-1

อ้อ ต่ออีกนิด จริง ๆ อยาก แนะนำให้เริ่มที่ สัมมัปทาน 4 อ่ะนะ
แต่ ดูแล้ว มันอาจจะยากเกินไป เพราะ คนที่จะ ปฏิบัติ ลงลึกกถึงเรื่องนี้ได้
เขาจะต้องมี ปัญญาสัมมาทิฏฐิ สามารถวิเคราะห์เจาะลึก ได้ในระดับ รากเหง้าของการกระทำของตน

รู้ว่า สิ่งใดเป็น กุศล สิ่งใดเป็น อกุศล 
ที่สำคัญ ต้องมีความ ซื่อสัตย์ต่อ กิเลสตัณหาและ อัตตาตัวเอง
พร้อมทั้งยอมรับรากเหง้าของ อคติ 4 ได้โดยไม่แอ๊บ ด้วย

แต่ถ้า ฟังแล้วมึนตื้บ เริ่มที่ ศีล 5 ก่อนก็ได้
อิฉันเอง แรกสุด ก็เริ่มจาก ศีล นี่แหล่ะ
แล้วสุดท้ายมันก็ ต่อยอด จนขึ้น ธรรมานุสปัสนา ได้เอง ตามเหตุปัจจัย


มีครูบาอาจารย์ ในสายปฏิบัติหลายคน เคยกล่าว เอาไว้ว่า

ศีล คือ บาทฐานของ วิปัสสนา อ่ะนะ

ฉะนั้น ถ้า ศีล 5 กระจอก ๆ ยังไม่มีปัญญาจะรักษาไว้
ก็อย่าแค่นจะเดินไปในเส้นทางสายปฏิบัติ เลย อ่ะ เด๋วจะเสียของ อิอิ

[:เม่าฝึกจิต:][:เม่าฝึกจิต:][:เม่าฝึกจิต:]



ความคิดเห็นที่ 20
"มิใช่ พวกศรัทธาจริตอันมืดบอด ที่ชอบกอดนรกสวรรค์ แทนหมอนข้าง"


ในที่สุดก็พบผู้รู้       ท่าน 804971  รู้แล้วว่า นรก สวรรค์นั้นไม่มีจริง ใช่ไม๊ครับ.

สมาชิกหมายเลข 778626
5 ชั่วโมงที่แล้ว


ความคิดเห็นที่ 20-1
อืม....อะฮั้น ก็ไม่รู้ว่ะ แหะ ...แหะ....
อ่ะ เอามาฝากจร้าาาาาา

http://pantip.com/topic/30221587 (http://pantip.com/topic/30221587)

เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์



ความคิดเห็นที่ 20-2

ไม่รู้...  อ้าว !

ผมไม่เข้าใจครับ ในเมื่อท่าน ก็ไม่รู้ว่า นรก สวรรค์ มีหรือเปล่า แล้วท่านไปเรียก พวกที่เชื่อ ใน นรก สวรรค์ ว่าพวกศรัทธาจริตอันมืดบอดได้ ยังไง ????

คือสำนวน มันบ่งอยู่ชัดๆ ว่า ท่านรู้แล้ว มั่นใจแล้ว ว่แบบนั้นมันงมงาย มันไม่ใช่   งั้น คำพูดของท่าน  มันก็ไปไกลเกินกว่า เอ่อ........เกินความรู้ เกินสติปัญญา ของท่านเอง น่ะสิครับ.



ความคิดเห็นที่ 22
อ้าว  คห.คุณ 804971 ถูกลบหมดแล้ว งั้นผมก็คุยอยู่กับคนบ้าน่ะสิ   เวรกรรม.
ตอบกลับ



ความคิดเห็นที่ 22-1


(http://f.ptcdn.info/181/001/000/1358074128-6vd6sa4j3b-o.jpg)

อิอิ ก็คงงั้นมั้ง แต่คงไม่มี อิบร้าที่ไหน มันยอมรับ หรอกนะ
ว่า ตัวเอง เป็นคนบร้าาา 55555555555


เอ้า เอามาฝาก

[spoiler]

อืม...ไอ้เรื่องสำบัดสำนวน ของ อิฉันนั้นน่ะ
deep meanning มันไม่ได้อยู่ที่ประเด็น  นรกสวรรค์ มีอยู่จริงหรือไม่
แต่มันอยู่ที่ การยึดมั่นถือมั่นใน ทิฏฐิ ของตน ทั้ง ๆ ที่ ตัวเองก็ยังไม่รู้
แถมยัง พิสูจน์ ใน คนทั้งโลกเห็น ไม่ได้ ตะหาก

ยิ่งไปกว่านั้น คือ การ ไม่ยอมรับ ความเห็นต่าง
ขาดความเคารพ ในความเป็น ปัจเจกบุคคล
จนต้อง ไปประนามหยามเหยียด
ตั้งข้อ รังเกียจ ว่า ผู้เห็นต่าง ( ไม่เชื่อในนรก สวรรค์ )เป็น พวก มิจฉาทิฏฐิ ไง
นั่นแหล่ะ คือ เหตุปัจจัย ที่ทำให้ อิฉัน เรียก คนพวกนี้ว่า
พวก เป็น ศรัทธาจริตอันมืดบอด ที่ชอบกอดนรกสวรรค์ แทนหมอนข้าง อ่ะ

[/spoiler]



(http://f.ptcdn.info/218/001/000/1358169138-PerryGalil-o.jpg)


แก้ไขข้อความเมื่อ 39 นาทีที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 809570
39 นาทีที่แล้ว  [IP: 110.77.138.136]

ความคิดเห็นที่ 23
ถึงตรงนี้ ผมชักไม่แน่ใจว่า จริงๆแล้ว ศาสนาพุทธสอนอะไรกันแน่  หวังว่าจะมีเหตุผล ที่เราไม่ควรคิดว่านี่คือตัวอย่างของผลอันเกิดจากการปฏิบัติธรรมนะครับ.

สมาชิกหมายเลข 778626


ความคิดเห็นที่ 25
อ้าว.....เฮ้อ...... ทู้นี้ อ้าว.. บ่อยเหลือเกิน เมื่อไหร่จะเลิกเซอร์ไพส์ซะที

เพื่อแสดงว่าผมยังไม่ได้ปลงใจเชื่อว่าคุณบ้าจริง งั้น ต่อเลยก็แล้วกันก่อนจะโดนลบทิ้ง


ผมคิดว่าเหตุผลของคุณได้ไม่คุ้มเสีย มันทำให้คุณกลายเป็นคนไม่มีเหตุผล และจะนำคุณไปสู่ความเห็นผิดแบบอื่นๆอีกต่อไป  เพราะกลายเป็นว่า คุณใช้อคติในการตัดสินคน และเอาเรื่องที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลกันและกัน มาใช้ในคนละเรื่องกัน คุณหมั่นใส้ที่เขาเหยียดหยาม (ไม่ถูกเลย  ที่จริง กรณีนี้ คำที่ถูกต้อง ต้อง  โคตรโง่ นะครับ) คุณปฏิบัติธรรมอยู่ไม่ใช่หรือ มีใครในโลกนี้ไม่โดนดูถูกบ้างครับ แต่ทำไมคุณไม่ดูเนื้อแท้ของคำพูด คำนี้ ผมก็พูดได้ เพราะ มีที่มา จากพระไตรปิฎกเอง ใครไม่เชื่อ ชาตินี้ ชาติหน้า ท่านจัดให้เป็นมิจฉาทิฐิ ถ้าจะโกรธ ต้องไปโกรธใคร ผมไม่รู้ อยากจะบอกว่า ต้องไปโกรธพระพุทธเจ้า แต่ผมไม่ได้มีภูมิรู้อะไร ขนาดนั้น ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วใครพูด แต่งเติมกันภายหลังหรือเปล่า  เบื้องต้น รู้แต่ว่าไม่ได้พูดกันเองแน่นอน มีอยู่ในพระไตรปิฎก.


สรุป คือ คำตอบคุณ ฟังไม่ขึ้น นี่คือตัวอย่างการเลือกตัดสินใจของคุณ คุณเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เอาสิ่งมีค่า คือ วิจารณญาน ไปแลกกับอคติ  แล้ว คุณยังจะหวังอะไรกับ วิจารณญานที่คุณสูญเสียไปแล้ว ผลการปฏิบัติธรรมทั้งหมดของคุณ จะมีค่าอะไร ใครจะเชื่อถือ แม้แต่ตัวคุณ คุณยังจะเชื่อตัวคุณอยู่อีกหรือ.


สมาชิกหมายเลข 778626


ที่มา

http://pantip.com/topic/30404272 (http://pantip.com/topic/30404272)

หัวข้อ: ว่าด้วยเรื่องของ พวกศรัทธาจริต อันมืดบอด ที่ชอบกอด นรก สวรรค์แทนหมอนข้าง ?
เริ่มหัวข้อโดย: บัวผ่อง ที่ เมษายน 25, 2013, 06:41:13 pm
ว่าด้วยเรื่องของ พวกศรัทธาจริต อันมืดบอด
ที่ชอบกอด นรก สวรรค์แทนหมอนข้าง ?



อนึ่ง จาก หลังจากที่ ตะคืน ได้ ถก กับ  คุณ สมาชิกหมายเลข 778626
ในประเด็น ว่าด้วยเรื่องของ พวกศรัทธาจริต อันมืดบอด
ที่ชอบกอด นรก สวรรค์แทนหมอนข้าง ?

ดัง รายละเอียดใน ลิงค์ ข้างล่างนี้

www.tairomdham.net/index.php/topic,7725.msg33528.html#msg33528 (http://www.tairomdham.net/index.php/topic,7725.msg33528.html#msg33528)

ขออนุญาต แตกประเด็น ตั้งกระทู้ถามนี้ ขึ้นมาใหม่ เพื่อ ถกกัน เป็น ธรรมวิจัยยะ
เผื่อว่า จะช่วยให้ พวกบัวใต้น้ำทั้งหลาย ได้สำเหนียก สำนึก และ ระลึก อะไร ขึ้นมาได้มั่ง
 

เรียน คุณ สมาชิกหมายเลข 778626

อืม...หลังจาก ฟังคุณ พล่าม มาเป็นวรรคเป็นเวร แล้ว
ก็ขอ อนุญาต ลำดับ เหตุการณ์ แล้ว กระทู้ ถาม กลับ เป็นข้อ ๆ บ้าง ดังนี้

1. หลังจากที่ คุณ เกิดข้อกังขา  แล้วโพสถาม อิฉันมาว่า

อิฉัน ไปเรียก พวกที่เชื่อ ใน นรก สวรรค์
ว่าพวกศรัทธาจริตอันมืดบอดได้ ยังไง ????


ตกลง ถึงตอนนี้ คุณพอจะอ่านภาษาไทยได้แตกฉาน บ้างหรือยัง ว่า

" พวกศรัทธาจริต อันมืดบอด ที่ชอบกอด นรก สวรรค์แทนหมอนข้าง "

ที่ อิฉัน อ้างถึงนั้น  อิฉัน หมายถึงใคร  ก. หรือ ข. ?

ก. พวกที่เชื่อ ใน นรก สวรรค์ ตามพระไตรปิฏกเฉย ๆ
(อย่างที่ คุณ ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียด หรือไม่ )

ข. บุคคลจำพวกที่ หลับหูหลับตาเชื่อ ใน นรก สวรรค์
ตามพระไตรปิฏก ตามสมณะโคดม แล้วยึดมั่นถือมั่นใน ทิฏฐิ ของตน
ว่าถูกต้องที่สุดใน สามโลก (ทั้ง ๆ ที่ ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่า ทฤษฎีนี้เป็นจริงหรือไม่)

แถมเขาก็ยัง พิสูจน์ ใน คนทั้งโลกเห็น ไม่ได้ 
ยิ่งไปกว่านั้น คือ คนพวกนี้ไม่ยอมรับ ความเห็นต่าง
ขาดความเคารพ ในความเป็น ปัจเจกบุคคล
จนต้อง ไปประนามหยามเหยียดตั้งข้อ รังเกียจ
ว่า ผู้เห็นต่าง ( ไม่เชื่อในนรก สวรรค์ )เป็น พวก มิจฉาทิฏฐิ




2. และ เมื่อ อิฉัน อธิบาย นิยามของคำว่า
" พวกศรัทธาจริต อันมืดบอด ที่ชอบกอด นรก สวรรค์แทนหมอนข้าง "

ในความหมายของอิฉันไปแล้ว

คุณจะยอมรับ หรือไม่ ว่า ข. มีคุณสมบัติ อันครบถ้วน ที่จะเป็น

" พวกศรัทธาจริต อันมืดบอด ที่ชอบกอด นรก สวรรค์แทนหมอนข้าง "




3. แล้วจาก ข้อ ความ ที่ คุณ บอกว่า

ผมคิดว่าเหตุผลของคุณได้ไม่คุ้มเสีย มันทำให้คุณกลายเป็นคนไม่มีเหตุผล และจะนำคุณไปสู่ความเห็นผิดแบบอื่นๆอีกต่อไป  เพราะกลายเป็นว่า คุณใช้อคติในการตัดสินคน

รบกวน สอบถามเพิ่มเติม ถึงรายละเอียด ด้วยว่า
การที่ อิฉัน อธิบาย ในเรื่อง ลักษณะ ของ ผู้ที่เป็น

" พวกศรัทธาจริต อันมืดบอด ที่ชอบกอด นรก สวรรค์แทนหมอนข้าง "  ตาม ข้อ ข. นั้น

มันเป็นการใช้ อคติ ในการตัดสิน คนที่ตรงไหน ?
จัดเป็น โทสาคติ/ โมหาคติ /โลภคติ หรือว่า ฉันทาคติ
และ สิ่งที่อิฉันกล่าวถึง ในข้อ ข.  เหล่านี้ 
มันจะนำอิฉัน ไปสู่ความเห็น ผิด ในเรื่องใดบ้าง


ในเมื่อ สิ่งที่ อิฉัน บอกไปในข้อ ข. นั้น
มันแสดงถึงการมีเจตนาไม่เห็นด้วยกับการประณาม
เหยียดเหยาม ทิฏฐิผู้อื่น ว่าเป็น มิจฉา ฯ
ทั้ง ๆ ที่ บางที คนที่เป็นผู้ใส่ความ ก็ ไม่เคยรู้เลยว่า
ความเชื่อของตนนั้น มันเป็น จริง แค่ไหน
สักแต่ว่า เชื่อตามกันมา เชื่อเพราะเป็นศาสดา
เชื่อ เพราะ มีอยู่ใน ใบลาน 3 ตะกร้า




4.แล้วจาก ข้อ ความ ที่ คุณ บอกว่า

ทำไมอิฉันไม่ดูเนื้อแท้ของคำพูด คำนี้
คุณก็พูดได้ เพราะ มีที่มา จากพระไตรปิฎกเอง
ใครไม่เชื่อ ชาตินี้ ชาติหน้า ท่านจัดให้เป็นมิจฉาทิฐิ
[/u]

ถ้าจะโกรธ ต้องไปโกรธใคร  คุณไม่รู้
อยากจะบอกว่า ต้องไปโกรธพระพุทธเจ้า
แต่คุณไม่ได้มีภูมิรู้อะไร ขนาดนั้น ไม่รู้ว่า
จริงๆแล้วใครพูด แต่งเติมกันภายหลังหรือเปล่า 
เบื้องต้น รู้แต่ว่าไม่ได้พูดกันเองแน่นอน มีอยู่ในพระไตรปิฎก.


แสดงว่า ถ้า สมณะโคดม และ ใบลาน 3 ตระกร้า
ระบุว่า การไม่เชื่อเรื่อง นรกสวรรค์ จัดเป็น มิจฉาทิฏฐิ
( แปลแบบบ้าน ๆ ว่า เป็นความเชื่อที่ชั่วร้ายเลวทราม )
คุณก็พร้อมที่จะ โยนิโสโดยใช้ปัญญา เชื่อตามศาสดา เชื่อตามตำรา
แล้วไป กล่าวหาว่า ผู้ที่ มีความเชื่อต่างจากตน ( ไม่เชื่อในนรกสวรรค์ )นั้น
เป็น ผู้มีความเชื่อที่ที่ชั่วร้ายเลวทราม  ใช่หรือไม่

แล้ว การกระทำเช่นนี้ จัดเป็น กุศลที่ตรงไหน ?
และ วิญญูชนทั้งโลก ( ไม่เฉพาะคนพุทธ )
กล่าวติเตียน การกระทำนี้ หรือไม่ เพราะ เหตุใด  ?

ไหนลองใช้ สามัญสำนึก เฉกเช่น วิญญูชน พึงมี
มาตอบคำถามเหล่านี้ ให้ อิฉันได้ชื่นสะดือ หน่อย ดิ
จะได้รู้ดำรู้แดง กันเสียที ว่า ใครกันแน่ ที่ใช้ วิจารณญาณ  ไปแลกกับอคติ 
เพราะถึงแม้ว่า ที่ผ่าน อิฉันจะพูดจา ส่อเสียด ใคร ยังไง
อิฉันก็ พูดมัน โดย อ้างอิง พื้นฐานที่เกิดขึ้นจริงในสังคม
ที่คนทั้งโลก ก็ยอมรับว่า มันเป็นเรื่องจริง และ พบเห็นได้ทั่วไป
อิฉัน ไม่เคยพูดอะไร หรือ พูดจากล่าวหาใคร ในเรื่องที่ อิฉันไม่รู้จริง
และ ไม่มีวันจะ ไปประณามหยามเหยียด คนที่ไม่เชื่อในเรื่องนรกสวรรค์ด้วย ว่าเป็น มิจฉาทิฏฐิ

แต่ สำหรับ คุณแล้ว การที่คุณ เที่ยวไป โพทนา บอกว่า
ใครไม่เชื่อในเรื่อง นรกสวรรค์ จัดเป็นผู้มีมิจฉาทิฏฐิ
โดยอ้าง ศาสดา อ้าง ใบลาน 3 ตะกร้า เขาบอกมานั้น

คุณมั่นใจได้อย่างไร ว่า ทฤษฎี ที่คุณเชื่อนั้น มันเป็นเรื่องจริง
ในเมื่อ คุณเองก็ยังไม่เคยเห็น และ ถึงเห็นแล้ว
คุณก็พิสูจน์ให้คนอื่นเห็นตาม ไม่ได้ 100 %
แล้วไอ้ พระไตรปิฏก นี่ มันน่าเชื่อถือ
จนสามารถเอาไปใช้ เป็น Reference  ในระดับสากลได้หรือ

ถามหน่อยเถิด เวลาที่ คุณเปิดปาก
บอกว่า ผู้ไม่เชื่อ ในนรกสวรรค์ เป็นผู้ที่มี มิจฉาทิฏฐิ นั้น
คุณไม่รู้สึก กระดาก ปาก บ้างหรือ ไร ?


(http://f.ptcdn.info/150/001/000/1357993328-galileogal-o.jpg)



ปอลิง

[spoiler]

ถึง ญิ๋งเล็ก

กระทู้นี้ ขอ อนุญาต สงวนสิทธิ ให้ หมายเลข 778626
แจ้งลบกระทู้นี้ แต่เพียงผู้เดียวก็แล้วกันนะ จ๊ะ
อย่าได้เสียมารยาท เข้ามาขัดขวางการ เสวนาธรรม เลยอ่ะ
ช่วย มาร่วมพิธี มาเป็นแค่ สักขีพยาน มุงดู กระทู้ เฉย ๆ ก็พอ
เพราะ หากมีการแจ้งลบกระทู้ขึ้นมาแบบปัจจุบันทันด่วน
เด๋ว คนเขาจะเข้าใจผิดได้น้าาา ว่า สาวกสมณะโคดม อย่าง หมายเลข 778626
ชอบ หนีปัญหา ด้วยการ แจ้งลบกระทู้ ทิ้ง เฉกเช่นวิสัยของ ผู้นับถือศาสนาแห่งปัญญามักจะทำบ่อย ๆ (http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)


[/spoiler]



ที่มา

http://pantip.com/topic/30410254 (http://pantip.com/topic/30410254)

(http://f.ptcdn.info/993/000/000/1357576368-galileogal-o.jpg)