หนังสือ "คำสอนเซน
ภาค เซนในสายเลือด ปรมาจารย์ตั๊กม้อ"ครูสอนเซน
อาจารย์ราเชนทร์ สิมะสุนทรบทที่ 3 ปรมาจารย์ตั๊กม้อท่านโพธิธรรมหรือปรมาจารย์ตั๊กม้อ ท่านถือกำเนิดเมื่อปี พุทธศักราช 440 ณ เมืองคันธารราช (Kanchi) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของดินแดนปัลลวะ อันเป็นที่อยู่ของชาวพื้นเมืองกลุ่มใหญ่ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย ท่านเกิดในวรรณะกษัตริย์ โดยเป็นราชโอรสองค์ที่ 3 ของพระเจ้าสิงหวรมัน ซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินของแคว้นคันธารราช ก็ครั้งเมื่อพระองค์มีพระชนมายุวัยเยาว์ ท่านมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ท่านมีความแตกฉานในคัมภีร์ไตรเภท ของศาสนาพราหมณ์ที่ท่านเคยนับถือมาแต่เดิม เพราะพระบิดาได้ส่งท่านไปเรียนในสำนักตักศิลา ในฐานะราชบุตรที่จะได้ขึ้นปกครองมีอำนาจสืบต่อความเป็นกษัตริย์ แทนพระบิดาท่านต่อไปในภายภาคหน้า
แต่เมื่อท่านเติบโตเป็นหนุ่มวัยฉกรรจ์ ท่านได้มีความศรัทธาหันมานับถือพระพุทธศาสนา เหตุเพราะในครั้งนั้นพระบิดาของท่าน ได้อาราธนา
ท่านพระอาจารย์ปรัชญาตาระเถระ (Prajnatara) ซึ่งเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา ผู้มีความแตกฉานในคัมภีร์ต่างๆและมีลูกศิษย์มากมาย และเป็นภิกษุที่อาศัยอยู่ในแคว้นมคธ ดินแดนแห่งพุทธธรรมที่ยังคงฝังรากลึกอยู่ที่นั่นในเวลานั้น ให้ท่านเข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในเมืองคันธารราช เพื่อที่จะให้คำสอนอันคือธรรมชาตินี้ ได้เผยแผ่ไปทั่วดินแดนแห่งปัลลวะของท่าน
ก็เพราะด้วยคำสอนที่ตรงต่อความเป็นจริงตามธรรมชาติ จึงเป็นเหตุให้ท่านโพธิธรรมซึ่งเป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ ที่นับถือศาสนาพราหมณ์มาโดยเคร่งครัด ได้ละทิ้งทิฐิเดิมของตนหันหน้ามานับถือศาสนาพุทธอย่างจริงจัง ด้วยความมีศรัทธาอันแรงกล้าต่อคำสอนที่แท้จริงของตถาคตเจ้า ครั้งเมื่อพระบิดาของท่านได้เสด็จสิ้นพระชนม์ ก็เกิดการแย่งชิงบัลลังก์ระหว่างรัชทายาทเพื่อขึ้นปกครองเป็นกษัตริย์ ท่านโพธิธรรมหามีความปรารถนาต้องการ จะยื้อแย่งชิงมายาแห่งสมบัติเลือดนั้นไม่
ท่านจึงตัดสินใจหลบหนีภยันตรายอันใหญ่หลวงนี้ ไปหลบลี้ภัยและฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อศึกษาธรรมอย่างแท้จริง กับพระอาจารย์ปรัชญาตาระเถระผู้ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของพระบิดาท่าน และพระอาจารย์ปรัชญาตาระเถระนี้เอง เป็นภิกษุผู้รับสืบทอดวิถีธรรมอันคือธรรมชาติซึ่งเป็นธรรมอันแท้จริง มาจากสังฆปรินายกองค์ก่อนๆแห่งนิกายเซน ซึ่งเป็นการสืบทอดด้วยการถ่ายทอดธรรมแก่กันและกันเป็นรุ่นๆ สืบต่อกันมาตลอดโดยไม่ขาดสาย ซึ่งท่านพระอาจารย์ปรัชญาตาระเถระนั้น นับว่าท่านเป็นสังฆปรินายก องค์ที่ 27
ต่อมาเมื่อท่านโพธิธรรมได้บรรลุธรรมอันคือ ธรรมชาติ ที่มันมีแต่ความว่างเปล่า ไร้ความหมายแห่งความเป็นตัวเป็นตนอยู่อย่างนั้น ด้วยอุบายการคุ้ยเขี่ยธรรมให้ตรงต่อความเป็นจริง ซึ่งเกิดจากการชี้แนะสั่งสอนของพระอาจารย์ปรัชญาตาระ เมื่อท่านรู้แจ้งเห็นจริงในธรรมชาติอันยิ่งใหญ่นี้แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจอุปสมบทเป็นภิกษุในบวรพระพุทธศาสนา เป็นการบวชที่ถึงพร้อมไปด้วยการตระหนักชัดแจ้ง และรู้แจ้งในความเป็นจริง และท่านก็ได้สำเร็จลุล่วงในความเป็นธรรมแห่งอภิญญา ตามบุญวาสนาของท่านในธรรมชาติแห่งฌานชั้นสูงนั่นเอง ท่านจึงเป็นพระภิกษุผู้บรรลุอรหันต์ และสำเร็จอภิญญามีฤทธิ์นานาประการ ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ท่านจะเดินทางมาสู่ประเทศจีนแล้ว
ด้วยเส้นทางบุญบารมีของท่านโพธิธรรม ที่ลงมาทำหน้าที่แห่งตนในฐานะโพธิสัตว์ ผู้ที่ผูกใจซึ่งเปี่ยมไปด้วยความศรัทธาของตนไว้ต่อตถาคตเจ้า และได้อธิษฐานต่อหน้าองค์พระพักตร์แห่งพระศาสดาเจ้า ครั้งเมื่อพระพุทธองค์ได้เสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ ใต้ต้นสาละคู่นั้นแห่งเมืองกุสินารา ว่าตนจะลงมาทำหน้าที่เผยแผ่ธรรมคำสั่งสอนอันแท้จริงนี้ ตามวาระกรรมแห่งบุญวาสนาที่เคยได้สั่งสมมาไว้
เมื่อกิจคือหน้าที่ที่ตนต้องชำระความมัวหมองแห่งใจตน ได้สำเร็จลุล่วงแล้ว พระอาจารย์ปรัชญาตาระเถระจึงได้ทำการ "มอบบาตรและจีวรของตถาคตเจ้า" ที่ได้สืบทอดรับมอบต่อกันมาเป็นช่วงๆ มาตั้งแต่รุ่นที่หนึ่งคือ พระมหากัสสปะเถระ ที่ท่านได้รับมอบบาตรและจีวรนี้ "มาโดยตรง" จากองค์พระศาสดาตถาคต พระโพธิธรรมหรือปรมาจารย์ตั๊กม้อจึงถูกนับเข้าเป็น พระสังฆปรินายกองค์ที่ 28 แห่งนิกายเซน และท่านเองก็ได้รับหน้าที่ ให้เผยแผ่พระธรรมคำสอนที่แท้จริงตามธรรมชาตินี้ ให้คงอยู่ต่อสืบไปอย่างไม่มีวันที่ขาดสายลงไปได้
เมื่อท่านโพธิธรรมได้เดินทางมาเมืองจีนแล้ว ชาวจีนได้เรียกท่านด้วยความเคารพว่า "ปรมาจารย์ตั๊กม้อ" และถึงแม้ว่าคำสอนของท่านยังไม่เป็นที่เข้าใจแพร่หลาย และท่านก็มีลูกศิษย์เป็นจำนวนน้อยมาก แต่การสืบทอดคำสอนของท่าน ก็ยังคงดำเนินต่อไปโดยอยู่ภายใต้ "เงื่อนไข" ในกรรมวิสัย แห่งโพธิสัตว์รุ่นหลังทั้งหลาย ที่จะลงมาเกิดและเข้ามารับธรรม เพื่อสืบต่อไปเป็นรุ่นๆจนถึงรุ่นที่หก ก็ในคราวนั้นท่านเว่ยหล่างหรือฮุ่ยเหนิง ซึ่งเป็นโพธิสัตว์ผู้ที่มีปัญญามากและมีบริวารมากเช่นเดียวกัน ก็จะลงมาเกิดเพื่อทำหน้าที่แห่งตน
และในคราวนั้น คำสอนอันคือหลักธรรมชาติแห่งนิกายเซนนี้ จะถูกแพร่ขยายสืบต่อไปตามสายธารธรรมแห่งลูกศิษย์ท่าน และจะเป็นที่ยอมรับนับถือกันไปอย่างกว้างขวาง ทั่วทุกหนทุกแห่งในผืนแผ่นดินจีน และก็เป็นเหตุเป็นปัจจัยสืบต่อกันไป จนเป็นศาสนาประจำชาติหยั่งรากลึกลงถึงอย่างมั่นคงในประเทศญี่ปุ่นสืบต่อไปในภายภาคหน้า เมื่อคำสอนแห่งนิกายเซนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ด้วยบุญบารมีแห่งท่านเว่ยหล่าง จึงมีการจัดลำดับ "คณาจารย์" ผู้ที่ได้รับสืบทอดคำสอนที่แท้จริงอันคือธรรมชาตินี้ และได้รับบาตรและจีวรแห่งตถาคตเจ้าสืบมา โดยที่ท่านโพธิธรรมหรือปรมาจารย์ตั๊กม้อ เป็นผู้ที่ได้รับสืบทอดเป็นองค์ที่ 28 และทางคณาจารย์ทั้งหลายแห่งเซนในประเทศจีน ได้ยกย่องให้ท่านเป็น สังฆปรินายก องค์ที่ 1 แห่งนิกายเซนประเทศจีน
การจัดลำดับคณาจารย์ ผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดธรรมเพื่อสืบทอดธรรมอันคือธรรมชาตินี้ ให้อยู่ตลอดสายอย่างถาวรในความเป็นเซน จนกว่าจะสิ้นอายุแห่งบวรพระพุทธศาสนา เมื่อครบ 5,000 ปี นับแต่พระพุทธองค์ได้ได้เสด็จดับขันธปรินิพพาน จึงมีดังนี้
พระพุทธเจ้า ได้ถ่ายทอดธรรมชาตินี้มาสู่
พระสังฆนายกที่ 1 พระอารยะ มหากัสสปะ
พระสังฆนายกที่ 2 พระอารยะ อานนท์
พระสังฆนายกที่ 3 พระอารยะ สันวสะ
พระสังฆนายกที่ 4 พระอารยะ อุปคุปต
พระสังฆนายกที่ 5 พระอารยะ ธริตกะ
พระสังฆนายกที่ 6 พระอารยะ มิฉกะ
พระสังฆนายกที่ 7 พระอารยะ วสุมิตร
พระสังฆนายกที่ 8 พระอารยะ พุทธนันทิ
พระสังฆนายกที่ 9 พระอารยะ พุทธมิตร
พระสังฆนายกที่ 10 พระอารยะ ปาสวะ
พระสังฆนายกที่ 11 พระอารยะ ปุนยยสัส
พระสังฆนายกที่ 12 พระโพธิสัตว์ อัศวโฆษ
พระสังฆนายกที่ 13 พระอารยะ กปิมละ
พระสังฆนายกที่ 14 พระโพธิสัตว์ นาคารชุน
พระสังฆนายกที่ 15 พระอารยะ คนเทว
พระสังฆนายกที่ 16 พระอารยะ ราหุลตะ
พระสังฆนายกที่ 17 พระอารยะ สังฆนันทิ
พระสังฆนายกที่ 18 พระอารยะ สังฆยสัส
พระสังฆนายกที่ 19 พระอารยะ กุมารตะ
พระสังฆนายกที่ 20 พระอารยะ ขยตะ
พระสังฆนายกที่ 21 พระอารยะ วสุพันธุ
พระสังฆนายกที่ 22 พระอารยะ มนูระ
พระสังฆนายกที่ 23 พระอารยะ อักเลนยสัส
พระสังฆนายกที่ 24 พระอารยะ สินหะ
พระสังฆนายกที่ 25 พระอารยะ วิสอสิต
พระสังฆนายกที่ 26 พระอารยะ ปุนยมิตร
พระสังฆนายกที่ 27 พระอารยะ ปรัชญาตาระ
พระสังฆนายกที่ 28 พระอารยะ โพธิธรรม (พระสังฆนายกองค์ที่ 1 ของจีน ปรมาจารย์ตั๊กม้อ)พระสังฆนายกที่ 29 พระอาจารย์ เว่ยโห (พระสังฆนายกองค์ที่ 2 ของจีน)
พระสังฆนายกที่ 30 พระอาจารย์ ซังซาน (พระสังฆนายกองค์ที่ 3 ของจีน)
พระสังฆนายกที่ 31 พระอาจารย์ ตูชุน (พระสังฆนายกองค์ที่ 4 ของจีน)
พระสังฆนายกที่ 32 พระอาจารย์ ฮวางยาน (พระสังฆนายกองค์ที่ 5 ของจีน)
พระสังฆนายกที่ 33 พระอาจารย์เว่ยหล่าง (พระสังฆนายกองค์ที่ 6 ของจีน)
>>> : F/B นิกายเซน หนังสือใจต่อใจในการฝึกตน29 มกราคม 2527