๓.๗
อะไรคืออาหารของมนุษย์
เมื่อวันก่อนเจ้าหน้าที่จากสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคมาเยี่ยม และขอให้ผมพูดอะไรเกี่ยวกับรสชาติของอาหารธรรมชาติ เราสนทนากัน จากนั้นผมขอให้เขาลองเปรียบเทียบไข่จากไก่ที่เลี้ยงในกรงข้างล่าง กับไก่ที่ปล่อยให้วิ่งเล่นอย่างอิสระในสวน เขาพบว่าไข่แดงที่ได้จากไก่ที่เลี้ยงในกรงมีลักษณะอ่อนเหลวและมีสีเหลืองซีด เขาสังเกตเห็นว่าไข่แดงจากไก่ที่เลี้ยงอย่างอิสระบนภูเขาจะมีลักษณะแน่น และยืดหยุ่น ทั้งมีสีส้มสด เมื่อผู้เฒ่าเจ้าของภัตตาคารซูชิ (ข้าวปั้นห่อสาหร่าย) ในเมืองได้ลิ้มรสไข่จากธรรมชาติเหล่านี้เข้าไปฟองหนึ่ง ก็ถึงกับกล่าวว่า "นี่แหละไข่ไก่ที่แท้จริง" เหมือนกับเมื่อสมัยก่อน และก็รู้สึกยินดีราวกับว่ามันเป็นสมบัติที่มีค่าเสียเหลือเกิน
ในสวนส้มมีพืชผักหลายชนิดขึ้นปะปนกับวัชพืชและพืชคลุมดิน เช่นผักกาดหัว เบอร์ด๊อกซ์ แตงกวา และน้ำเต้า ถั่วลิสง เก๊กฮวย มันฝรั่ง หัวหอม ผักกาดเขียว กะหล่ำปลี และถั่วอีกหลายชนิด สมุนไพรหลายชนิดและพืชผักปลูกอยู่ในที่เดียวกัน บทสนทนาเปลี่ยนไปเป็นว่า ผักเหล่านี้ที่ปลูกในลักษณะผักป่าจะมีรสชาติดีกว่าผักที่ปลูกในสวนครัวหรืออาศัยปุ๋ยเคมีหรือไม่ เมื่อเราเปรียบเทียบกันก็พบว่ารสชาติมีความต่างกันโดยสิ้นเชิง และเราก็ตัดสินว่า "ผักป่า" มีรสชาติดีกว่า
ผมบอกผู้สื่อข่าวคนนั้นว่า ผักที่ปลูกในแปลงเพราะใช้ปุ๋ยเคมีที่มีส่วนผสมของในโตรเจน ฟอสฟอรัส และโปแตสเป็นตัวช่วย ส่วนผักที่ปลูกปะปนกับพืชคลุมดินที่ขึ้นตามธรรมชาติในดินที่อุดมด้วยอินทรีย์วัตถุ มันจะได้รับสารอาหารที่มีความสมดุลกว่า การที่มีวัชพืชและหญ้ามากมายหลายชนิดขึ้นในที่ดินย่อมแสดงว่าในดินมีสารอาหารที่สำคัญหลากหลายสำหรับผักด้วย พืชที่ปลูกในดินที่มีความสมดุลเช่นนั้น จะมีรสชาติที่ละเอียดสุขุมมากกว่า
สมุนไพรและผักป่าที่ปลูกบนภูเขาและในทุ่งหญ้า มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก และทั้งมีประโยชน์ในทางเภสัชอีกด้วย อาหารและยามิใช่สองสิ่งที่แตกต่างกัน มันเป็นสองด้านของสิ่งเดียวกัน ผักที่ปลูกด้วยสารเคมีอาจจะให้เป็นอาหารได้ แต่มันไม่สามารถใช้เป็นยาได้
เมื่อคุณเก็บสมุนไพร ๗ ชนิดในฤดูใบไม้ผลิ* มากิน มันจะช่วยให้จิตใจอ่อนโยน และถ้าคุณกินยอดผักกูด ออสมันด้า และเชพเพิดส์เพิส มันจะช่วยให้จิตใจสงบสุขุม การสงบความกระวนกระวาย ใจร้อน เชพเพิดส์เพิส จะช่วยได้ดีที่สุด กล่าวกันว่า ถ้าให้เด็กกินเชพเพิดส์เพิส ดอกตูมของวิลโล่ว์ หรือแมลงที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้ จะช่วยแก้อาการหงุดหงิดร้องไห้โยเยได้ ในสมัยก่อนพ่อแม่มักจะทำให้เด็ก ๆ กินเสมอ ไดกอน (หัวไชเท้าญี่ปุ่น) มีต้นตระกูลมาจากนาซูนา และคำว่านาซูนา มีรากศัพท์เดียวกับคำว่า นาโกมู ซึ่งหมายถึงการทำให้อ่อนละมุน อ่อนโยน ไดกอน ก็คือ "สมุนไพรที่ช่วยสงบจิตใจและอารมณ์"
ในบรรดาอาหารป่า แมลงมักจะถูกมองข้ามไป ในระหว่างสงคราม เมื่อผมทำงานอยู่กับสถานีวิจัย ผมได้รับมอบหมายให้ศึกษาว่าแมลงชนิดใดบ้างในเอเชียตะวันออกเฉึยงใต้ที่สามารถกินได้ เมื่อผมศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมเกิดความรู้สึกประหลาดใจมากที่พบว่า แมลงเกือบทุกชนิดล้วนกินได้
ยกตัวอย่างเช่น คงไม่มีใครคิดว่าตัวเหา และตัวหมัด สามารถเอาไปทำประโยชน์อะไรได้ แต่ตัวเหาเมื่อนำมาบดและกินกับธัญพืชฤดูหนาวเป็นยารักษาโรคลมบ้าหมู และตัวหมัด เป็นยารักษาแผลจากหิมะกัด ตัวอ่อนของแมลงเกือบทุกชนิดกินได้ แต่ต้องยังมีชีวิตอยู่ ผมอ่านพบจากตำราเก่า เกี่ยวกับการทำ "ของอร่อย" ซึ่งเตรียมจากตัวอ่อนของแมลง และรสชาติของหนอนไหมที่เราคุ้นเคย ถือกันว่ามีความวิเศษยอดเยี่ยมเกินกว่าที่เปรียบเทียบได้ แม้แต่ตัวมอธก็มีรสชาติอร่อยมาก แต่เราต้องเขย่าให้ฝุ่นที่ปีกหลุดออกเสียก่อน
ด้งนั้นอาหารหลายชนิดที่คนรู้สึกรังเกียจ ไม่ว่าจะพิจารณาจากแง่ของรสชาติหรือแง่ของสุขภาพ ล้วนมีรสชาติที่อร่อยดีทีเดียว ทั้งยังมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์อีกด้วย
พืชผักที่ยิ่งมีความใกล้เคียงทางชีววิทยากับต้นตระกูลที่เป็นผักป่ามากเท่าไหร่ ก็จะมีรสชาติและคุณค่าทางอาหารดีและมากขึ้นเท่านั้น ตัวอย่างเช่นผักที่อยู่ในวงศ์ลิลลี่ (ซึ่งรวมถึง นิรา กระเทียม กระเทียมต้น ต้นหอม หอมเล็กและหอมใหญ่) เช่น นิรา และ กระเทียมต้น มีคุณค่าอาหารสูงที่สุด ทั้งยังมีคุณค่าเป็นยาสมุนไพร และมีประโยชน์เป็นยาบำรุงสุขภาพโดยทั่วไป อย่างไรก็ตาม สำหรับคนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าพืชผักที่มีความเป็นผักบ้าน เป็น ต้นหอมและหอมใหญ่ มีรสชาติดีที่สุด คนสมัยปัจจุบันมักจะชอบรสชาติของพืชผักที่ห่างไกลจากสภาพความเป็นผักป่าของมัน
ความพึงพอใจในรสชาติอาหารดังกล่าว ก็เป็นกับเนื้อสัตว์ด้ายเช่นกัน นกป่ามีคุณค่าต่อร่างกายดีกว่าสัตว์เลี้ยงพวกไก่และเป็ด แต่กระนั้นสัตว์ปีกพวกหลังซึ่งถูกเลี้ยงดูในสภาพแวดล้อมที่ห่างไกลจากสภาพตามธรรมชาติของมันก็ถือกันว่ามีรสชาติดีและขายในราคาแพง นมแพะมีคุณค่าอาหารสูงกว่านมวัว แต่นมวัวกลับเป็นที่ต้องการมากกว่า
อาหารที่ห่างไกลจากสภาพดั้งเดิมของมัน และผลิตโดยอาศัยสารเคมี หรือผลิตขึ้นภายใต้สภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นใหม่หมด จะทำให้สารเคมีภายในร่างกายเสียสมดุล ยิ่งร่างกายสูญเสียสมดุลมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งต้องการอาหารที่ไม่เป็นธรรมชาติมากขึ้นเท่านั้น สภาพการณ์เช่นนี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
การพูดว่าสิ่งที่เรากินเป็นเพียงความชอบ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น เป็นการหลอกลวง เพราะว่าอาหารที่ไม่เป็นธรรมชาติหรือมาจากต่างประเทศจะก่อความยุ่งยากให้กับเกษตรกร และชาวประมงด้วย ผมรู้ดีกว่ายิ่งคนเรามีความต้องการมากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ต้องทำงานสนองความต้องการของตนมากขึ้นเท่านั้น ปลาบางชนิด เช่นปลาโอและปลากะพงแดงที่คนนิยม ต้องออกไปจับยังน่านน้ำไกล ๆ ส่วนปลาซาร์ดีน ปลาอีคุด ปลาใบขนุนและปลาเล็ก ๆ อื่น ๆ สามารถจับได้จำนวนมาก ๆ ในทะเลใน พูดตามหลักโภชนาการ สัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดเช่นในแม่น้ำ และลำธาร เช่น ปลาใน หอยทากน้ำจืด กุ้งน้ำจืดปูน้ำจืด และอื่น ๆ มีคุณค่าต่อร่างกายมากกว่าสัตว์น้ำเค็ม ถัดมาก็เป็นปลาจากทะเลน้ำตื้น และสุดท้ายคือปลาจากทะเลลึกและจากน่านน้ำไกล ๆ อาหารที่ได้จากที่ใกล้ ๆ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์ แต่สิ่งที่เขาต้องต่อสู้เพื่อให้ใด้มากลับเป็นสิ่งที่มีคุณประโยชน์น้อยที่สุด
นั่นก็คือ ถ้าคนเรายอมรับสิ่งที่อยู่ใกล้มือ ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี ถ้าเกษตรกรที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ กินแต่อาหารที่สามารถปลูกได้หรือหาได้ในบริเวณนี้ ก็จะไม่มีโทษภัยอะไรเกิดขึ้น เช่นเดียวกับกลุ่มคนหนุ่มสาวที่อาศัยในกระท่อมในสวนนี้ พวกเขากินข้าวกล้อง และข้าวบาร์เลย์ ข้าวมิลเล็ท และข้าวบั๊ควีทที่ไม่ขัดขาว กับพืชตามฤดูกาลและผักป่า ทุกคนก็จะมีอาหารดีที่สุดกิน อาหารเหล่านั้นมีรสอร่อย และมีคุณค่าต่อร่างกาย
ถ้าที่ดินขนาด ? เอเคอร์ (๐.๖ ไร่) ให้ผลผลิตข้าวเจ้าและธัญพืชฤดูหนาวอย่างละ ๒๒ บูเชล (๕๙๐.๙ กิโลกรัม) เหมือนที่นี่ ที่ดินขนาดนี้จะสามารถเลี้ยงคนได้ ๕-๑๐ คนโดยแต่ละคนลงแรงทำงานกันเฉลี่ยคนละไม่ถึง ๑ ชั่วโมงต่อวัน แต่ถ้าทุ่งนาถูกเปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้า หรือธัญพืชถูกนำไปเลี้ยงวัว ที่ดิน ? เอเคอร์ ก็จะเลี้ยงดูคนได้เพียงคนเดียว เนื้อสัตว์กลายเป็นอาหารฟุ่มเฟือย* เนื่องจากการเลี้ยงสัตว์นั้นต้องอาศัยที่ดิน ซึ่งสามารถผลิตอาหารตอบสนองความจำเป็นของมนุษย์ได้โดยตรง ดังที่ได้ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนและแน่นอน แต่ละคนควรจะใคร่ครวญอย่างจริงจังว่า ตนต้องประสบความยากลำบากเพียงไร ในการหมกมุ่นตามใจตัวเกี่ยวกับอาหารที่ผลิตขึ้นด้วยราคาแพง
เนื้อและอาหารนำเข้าเป็นของฟุ่มเฟือย เพราะว่ามันต้องใช้พลังงานและทรัพยากรมากกว่าผักพื้นบ้านและธัญพืชที่ผลิตได้ในท้องถิ่น คนที่จำกัดตัวเองให้บริโภคแต่อาหารในท้องถิ่นจะทำงานน้อยลง และใช้ที่ดินน้อยลงกว่าพวกที่อยากในอาหารฟุ่มเฟือย
ถ้าประชาชนยังคงกินเนื้อและอาหารที่นำเข้าจากต่างประเทศ ภายใน ๑๐ ปี ญี่ปุ่นต้องประสบปัญหาวิกฤตการณ์ทางอาหารอย่างแน่นอน และภายใน ๓๐ ปี จะประสบกับความขาดแคลนอย่างรุนแรง มีความคิดที่เหลวไหลไร้สาระซึ่งมาจากที่ใดที่หนึ่ง ที่เชื่อว่า การเปลี่ยนจากการกินข้าวมากินขนมปังแทนแสดงถึงพัฒนาการในชีวิตปะจำวันของชาวญี่ปุ่น ที่จริงแล้วมันมิได้เป็นเช่นนั้น ข้าวกล้องและพืชผักอาจจะดูเป็นอาหารหยาบที่ไม่วิจิตรพิศดาร แต่เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการดีที่สุด และช่วยให้มนุษย์มีชีวิตอย่างเรียบง่าย และตรงไปตรงมา
หากว่าเราต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ทางอาหาร นั่นย่อมไม่ใช่เพราะความขาดแคลนทางพลังการผลิตของธรรมชาติ หากทว่าเพราะความต้องการอันฟุ่มเฟือยไม่จบสิ้นของมนุษย์นั่นเอง
--------------------------------------------------------------------------------
* ผักกาดน้ำ เชพเพิดส์เพิส ผักกาดหัวป่า คอททอนวีด บัควีด หัวไชเท้าป่า บี เนทเทิล
** แม้ว่าเนื้อสัตว์ส่วนใหญ่ในอเมริกาเหนือจะได้จากสัตว์ที่เลี้ยงด้วยธัญพืชต่าง ๆ เช่น ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโพด และถั่วเหลือง ก็ยังมีที่ดินขนาดใหญ่ที่ใช้ประโยชน์ได้ดีเมื่อหมุนเวียนใช้เป็นทุ่งหญาเลี้ยงสัตว์บ้างเป็นครั้งคราว ในญี่ปุ่นไม่มีที่ดินเช่นนี้เหลืออยู่ เนื้อสัตว์เกือบทั้งหมดต้องสั่งเข้ามาจากต่างประเทศ