ผู้เขียน หัวข้อ: ชมรมพระวังหน้า เพื่อพระวังหน้าและงานบุญต่างๆ  (อ่าน 356394 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 13 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 5 พระองค์
พระบรมสารีริกธาตุ องค์พระปัจเจกพุทธเจ้า
พระธาตุ พระอรหันต์ สมัยพุทธกาล

บางส่วนที่อยู่ที่บ้านผมครับ

(รูป ผมขอสงวนลิขสิทธิ์ ครับ)
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่าเรื่องพระเจ้าตากสินมหาราช

https://www.youtube.com/watch?v=M8nc2DkweR0
-https://www.youtube.com/watch?v=M8nc2DkweR0-


.

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
หลวงพ่อฤาษีลิงดำพูดถึงวัดธรรมกาย


https://www.youtube.com/watch?v=2P-G38-9NoM
-https://www.youtube.com/watch?v=2P-G38-9NoM-

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
.

เป็นพระวังหน้า ธรรมดาๆ ครับ



---------------------------------------------------------------------------

สมเด็จวัดระฆังพิมพ์เล็บมือพิมพ์โบราณพิมพ์หลังเบี้ย
สมเด็จวัดระฆังพิมพ์เล็บมือพิมพ์โบราณ พิมพ์ขอบกระด้ง พิมพ์หลังเบี้ย : พระองค์ครู เรื่องและภาพโดยไตรเทพ ไกรงู

-http://www.komchadluek.net/detail/20150515/206299.html-

            "หนังสือพระสมเด็จฯ" เป็นหนังสือที่เรียบเรียงโดย ตรียัมปวาย หรือ พันเอกผจญ กิตติประวัติ หรือ อ.ตรียัมปวาย ผู้บัญญัติศัพท์ เบญจภาคี อันโด่งดัง เป็นหนังสือเชิงวิชาการรวบรวมชีวประวัติของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) และตำนานการสร้างพระสมเด็จฯ โดยได้กล่าวไว้ทั้งสามวัดอย่างละเอียด พร้อมด้วยรูปภาพประกอบ (ขาว-ดำ)

            ผู้แกะพิมพ์พระสมเด็จ ถวายคือ "หลวงวิจารณ์เจียรนัย" ช่างทองในราชสำนัก" ถูกจำแนกออกไปเป็น ๕ พิมพ์ใหญ่ด้วยกัน คือ ๑.พิมพ์พระประธาน หรือพิมพ์ใหญ่ ๒.พิมพ์ทรงเจดีย์ ๓.พิมพ์เกศบัวตูม ๔.พิมพ์ฐานแซม และ ๕.พิมพ์ปรกโพธิ์ สำหรับพระพิมพ์นี้มีให้พบน้อยมาก ภายหลังจึงไม่ค่อยจะมีผู้กล่าวถึง

            ในกรณีของสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์เล็บมือ ซึ่งมีชื่อเรียกอยู่หลายชื่อ คือ พิมพ์โบราณ พิมพ์ขอบกระด้ง รวมทั้งหลังเบี้ย ก็เช่นกัน เมื่อพบน้อยมาก ภายหลังจึงไม่ค่อยจะมีผู้กล่าวถึง การเรียกชื่อสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์เล็บมือ คือลักษณะคล้ายเล็บมือหรือขอบกระด้งนั่นเอง แรกเริ่มของการสร้างพระสมเด็จนั้น ท่านสร้างเป็นพิมพ์เล็บมือหลังเบี้ยนี้ขึ้นมาก่อนเเต่เนื่องจากรูปแบบที่ไม่สวยงามหรือประเด็นอื่นก็ไม่ทราบได้ก็เลยยกเลิกไป
 
            "พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม" สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) เริ่มสร้างขึ้นมาเมื่อ พ.ศ.๒๔๐๙ ภายหลังจากโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็นพระสมเด็จพุฒาจารย์ จึงเรียกขานพระเครื่องที่สร้างขึ้นว่า "พระสมเด็จ" และได้สร้างเรื่อยมาจนถึง พ.ศ. ๒๔๑๕ โดยได้แจกจ่ายแก่บรรดาญาติโยมที่มาเยี่ยมเยียน และเมื่อครั้งออกบิณฑบาตในตอนเช้า ครั้นหมดก็สร้างใหม่

            เมื่อท่านออกไปบิณฑบาตท่านก็จะเอาติดตัวไป ญาติโยมที่ใส่บาตรท่าน ท่านจะแจกพระให้คนละองค์ และมักจะพูดว่าเก็บเอาไว้ให้ดีนะจ๊ะ ต่อไปจะหายาก โดยไม่บรรยายสรรพคุณให้ทราบแต่อย่างใด แต่ก็เป็นที่ทราบกันอยู่ในยุคสมัยนั้นแล้วว่า พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ โด่งดังทางโภคทรัพย์และเมตตามหานิยม

            นอกจากนั้นแล้วยังสันนิษฐานกันว่า มวลสารที่ใช้สร้างพระที่สำคัญ คือ ท่านยังเอาข้าวก้นบาตรและอาหารหวานคาวที่ท่านฉันอยู่ถ้าคำไหนอร่อยท่านจะไม่ฉัน จะคายออกมาแล้วตากให้แห้งเพื่อนำไปบดตำสร้างพระสมเด็จของท่าน ซึ่งถูกต้องตามวิธีการสร้างพระอาหารของชาวรามัญ

            ส่วนตัวประสาน หรือตัวยึดเกาะนั้น ที่เราทราบๆ กันอย่างเด่นชัดก็คือ น้ำมันตังอิ๊ว น้ำอ้อย น้ำผึ้ง กล้วย และที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ เยื่อกระดาษ ได้จากการที่เอากระดาษฟางหรือกระดาษสามาแช่น้ำข้ามวันข้ามคืน จนกระดาษละลายเป็นเมือกดีแล้ว จึงนำเอามากรองเพื่อเอาเยื่อกระดาษมาผสมผสานบดตำลงไป เชื่อกันว่าตัวเยื่อกระดาษนี้เป็นตัวหนึ่งที่ทำให้พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม มีความหนึกนุ่ม เนื้อจึงไม่แห้งและกระด้าง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนผสมที่เป็นประเภทพืช เช่น ข้าว อาหาร กล้วย อ้อย เป็นต้น ก็มีส่วนที่ทำให้เนื้อพระมีความหนึกนุ่มอีกเช่นกัน

            สำหรับภาพพระองค์ครูฉบับนี้เป็น "สมเด็จวัดระฆัง พิมพ์เล็บมือ" ในความครอบครองของนายสุขธรรม ปานศรี หรือที่คนในวงการรถยนต์รู้จักในชื่อ “เฮียกุ่ย” และเจ้าของ WWW.SOONPRARATCHADA.COM" ซึ่งปัจจุบันนี้ถือว่า เฮียกุ่ยเป็นเจ้าของพระรังใหญ่ของวงการพระเครื่อง โดยเฉพาะพระหลวงปู่ทวดชุดทองคำ
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
คุณหนุ่ม คุณน้องหนู , ผม (หมายถึงพี่ท่านนึง) และเพื่อนผม จะได้นำพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ พระเครื่องต่างๆร่วมบรรจุที่ตำแหน่งพระหทัยของพระประธานองค์นี้ครับ

วัดอยู่ ต.เวียงแหง อ. เชียงดาว จ.เชียงใหม่ชื่อวัดป่าธาราภิรมณ์เป็น สาขาของหลวงตาม้าวัดถ้ำเมืองนะครับ เพื่อนผม(พี่ท่านนึง) เป็นคนปั้น

รูปสงวนลิขสิทธิ์
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
เรื่องของพระวังหน้า และ พระวังหลวง
กรุวัดพระแก้ว

ในการศึกษาเรื่องของพระวังหน้า และ พระวังหลวง ในการศึกษาเรียนรู้
ว่า ใช่หรือไม่ใช่ ผมเรียนรู้จาก
"รูป" (เนื้อหาทรงพิมพ์)
และ
"นาม" (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต)

ไม่ว่าจะเป็นรูปพระพิมพ์ต่างๆ รูปหล่อลอยองค์ ที่ผมได้นำมาลงให้ชมกัน
และผมได้แจ้งว่า เป็นพระของวังหน้า หรือ วังหลวง  องค์ที่ผมลงให้ชมนั้น
หลวงปู่องค์ไหน  เป็นองค์อธิษฐานจิต 
และหากผมไม่ทราบ  ผมจะแจ้งว่า ผมไม่ทราบองค์ผู้อธิษฐานจิต

ส่วนในเรื่องที่ผมเคยแจ้งไป เรื่องพระพิมพ์ต่างๆที่ติดพลอย หรือวัสดุต่างๆ
เช่นกระจกอัด หรืออื่นๆ ที่เป็นของพระวังหลวง ที่สร้างในปี 2451
เป็นเรื่องที่ผมได้เรียนรู้มา 

พระที่สร้างเลียนแบบพระวังหน้า หรือ พระวังหลวง
มีการสร้างกันมานานแล้ว
ผมถึงบอกว่า ต้องศึกษาทั้ง"รูป" และ "นาม"

การเรียนรู้เรื่อง "นาม"  ท่านผู้ที่ทราบว่า หลวงปู่องค์ไหนท่านอธิษฐานจิต
อย่างน้อยที่สุด ท่านต้องปฎิบัติธรรมมาได้ระดับหนึ่ง
อย่างน้อยได้ "ฌาณ"
ดังนั้น ให้ระมัดระวังในเรื่องของ "การปรามาสผู้มีธรรม" ด้วย
เรียนให้ทุกๆท่านทราบ ด้วยความห่วงใย

ส่วนตัวผมเอง ไม่มีฌาณ หรือ ญาณใดๆ

หากท่านใดสนใจก็ติดตามอ่านในโพสที่ผมลง 
แต่ท่านใดไม่สนใจก็ไม่ต้องติดตามอ่าน
ผมเองไม่เคยสนใจว่า  ใครจะเชื่อหรือไม่ 
เพราะตัวท่านเอง เป็นผู้ที่รับผลในการเชื่อในสิ่งนั้นๆเอง
ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวท่าน
ผมไม่เคยบังคับใครให้เชื่อตามที่ผมบอก
ท่านจะเชื่อเรื่องไหน  อย่างไร  เป็นสิทธิของท่านเอง
ท่านเป็นผู้เลือกหนทางเดินด้วยตัวของท่านเอง

แต่หากว่า สิ่งที่ผมลงเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวกับพระวังหน้า หรือพระวังหลวง
แล้วไปกระทบกับความรู้สึกของท่านใด
หรือไปกระทบกับผลประโยชน์ของท่านใด
ผมขอโทษและขออภัยมา ณ ที่นี้
และผมขอความกรุณา ไม่ต้องอ่านในโพสที่ผมได้ลงไป
เดี๋ยวจะไปกระทบกับท่านอีก

หมายเหตุ  ที่ผมเรียกพลังขององค์ผู้อธิษฐานจิต ว่า "พลังอิทธิคุณ"
แทนคำว่า "พลังพุทธคุณ" นั้น
เนื่องจาก พุทธคุณ หมายถึง คุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่พระองค์ท่านมีพระเมตตาเผยแพร่ความรู้ในเรื่องพระพุทธศาสนา
ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับ พระเครื่อง แต่อย่างใด


ผมเองเคยลงบทความนี้  เมื่อ 11 ก.ค.2550 ในเว็บฯแห่งหนึ่ง ตามนี้

การสร้างพระพิมพ์ทั้งวังหน้า  ,วังหลวง  และวังหลังนั้น 
การสร้างที่สร้างเป็นจำนวนมากๆนั้น 
วังหน้าและวังหลวงจะเป็นผู้ที่มีบทบาทมากที่สุด 
ซึ่งพร้อมด้วยกำลังคนที่มีความสามารถมาก 
อีกทั้งกำลังทรัพย์ที่มีมากเช่นกัน 
ผมจะขอพูดถึงแต่การสร้างพระของวังหน้าเท่านั้นครับ 
รายได้ส่วนหนึ่งของวังหน้านั้น  เป็นการเดินทางไปค้าขายกับประเทศจีน 
โดยท่านเจ้าพระยาภานุวงศ์โกษาธิบดี(ท้วม  บุนนาค) 
ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นทูตและทำหน้าที่เจรจาการค้าขายกับประเทศจีน 
มีหลายสิ่งที่ท่านเจ้าพระยาภานุวงศ์โกษาธิบดี(ท้วม  บุนนาค) 
ได้ซื้อจากประเทศจีนเข้ามา  ในจำนวนสิ่งที่ซื้อมานั้น  ก็มีปูนเพชร  ,รักของประเทศจีน  ,เตาสำหรับทำเครื่องเบญจรงค์  ,สีที่ใช้ทาเครื่องเบญจรงค์ 
สิ่งเหล่านี้ก็กลายเป็นวัตถุที่นำมาสร้างพระพิมพ์ขึ้น 
ผู้ที่สร้างพระพิมพ์นั้นก็คือช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า 
แต่ช่างสิบหมู่แห่งวังหน้าก็ได้รับพระบัณฑูรย์จากกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ (อุปราชวังหน้าองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์จักรี) 
ให้สร้างพระพิมพ์ขึ้น  บางพิมพ์นั้นสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว 
ทรงพระราชทานแบบพระพิมพ์ให้ก็มี 
แต่โดยส่วนใหญ่ท่านเจ้า(กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ 
ทรงพระราชทานแบบพระพิมพ์ให้  การสร้างพระพิมพ์ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย 
แต่ก็ไม่ยากสำหรับฝีพระหัตถ์กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ 
และไม่ยากสำหรับฝีมือช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า 
การตำผงนั้น  1  ครกต้องใช้ระยะเวลาตำถึง 4 ชั่วโมง 
เนื้อพระพิมพ์จึงแกร่งเข้าที่  แต่บางครกผู้ตำผงก็อาจจะมีการขี้เกียจบ้าง 
อาจตำแค่ 2-3 ชั่วโมง  เนื้อพระพิมพ์ที่ได้ออกมาก็จะแตกต่างกัน 
แต่ก็มีบางพิมพ์อีกเช่นกันไม่ได้ใช้การตำผง 
แต่เป็นการนำผงมาใส่ในภาชนะแล้วใช้มือคลุกเคล้าจนเนื้อเข้ากันก็มี 
เช่นสมเด็จเจ้าฟ้าหรือสมเด็จอัศนี เป็นต้น 

นอกจากปูนเพชรที่เป็นองค์ประกอบหลักแล้ว  ก็จะมีเศษทองคำ 
ซึ่งได้จากหน่วยสุวรรณกิจ (เป็นหน่วยที่ทำทองในพระราชวัง)  บ
างส่วนก็ได้มาจากเจ้าสัวที่เยาวราช 
พอรู้ว่าท่านเจ้า(กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ)  ทรงสร้างพระพิมพ์ 
ก็ได้นำทองคำและเศษทองคำมาถวายแด่ท่านเจ้า(กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) 
เพื่อเป็นมวลสารประเภทหนึ่งในการสร้างพระร่วมกับพระองค์ท่าน 
นอกจากเศษทองคำแล้ว  ยังมีเศษเพชร  ,เศษพลอย 
, หรือวัตถุที่เป็นมงคลอื่นๆเช่น  พระธาตุ  ,เหล็กไหล  ,จ้าวน้ำเงิน 
,ลูกปัดทราวดี  ,พระพิมพ์ในสมัยโบราณบางพิมพ์เช่น 
พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า  ฯลฯ  ส่วนวิธีการในการนำวัตถุมงคลมานั้น 
บางเรื่องราวจะเป็นเรื่องที่อจินไตย  ผมไม่ขอนำมาลงนะครับ

พระพิมพ์ที่สร้างขึ้นที่วังหน้านั้น  เป็นพระพิมพ์ที่ไม่มีการประดับพลอยหรือ
อัญมณีอื่นๆ   แต่จะเป็นการลงรัก  รักที่ใช้นั้นจะมีอยู่ 3 ประเภทคือ 
รักไทย(สีดำ)  ,รักจีน(สีแดง)  และรักพม่าหรือรักสมุ(สีน้ำเงิน) 
หรือเป็นการลงรักปิดทองก็มี  หรือบางพิมพ์ใช้แผ่นทองคำ(แท้)....
เป็นอักษรแล้วติดด้านหลังพระพิมพ์ หรือฐานพระ(ลอยองค์) 

พระพิมพ์ที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ก็จะนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกหลวง
ที่พระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส(ปัจจุบันอยู่ในวิทยาลัยนาฏศิลป์)   
ถ้าก่อนปี พ.ศ.2415  จะเชิญหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 
ซึ่งหลวงปู่ท่านมาเป็นกายธรรม(กายเนื้อ) 
(แล้วแต่ท่านเจ้า(กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ)ท่านเป็นผู้ที่นิมนต์) 
และนิมนต์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต  พรหมรังสี 
มาเป็นองค์ผู้อธิษฐานจิตพระพิมพ์ 
แต่ถ้าหลังจากปี พ.ศ.2415  จนถึงปี พ.ศ.2428
(เป็นปีที่ท่านเจ้า(กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) ท่านทิวงคต(ตามประวัติศาสตร์)) 
ท่านเจ้า(กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ)ท่านจะเชิญหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 
มาเป็นองค์ผู้อธิษฐานจิตให้

เมื่อพระพิมพ์ที่เข้าพิธีพุทธาภิเษกแล้ว 
ท่านเจ้า(กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) 
ท่านก็ได้นำพระพิมพ์บรรจุตามสถานที่ต่างๆในวังหน้า 
เช่นเจดีย์พระธาตุพนมจำลอง 
(ซึ่งอยู่ด้านข้างพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส) 
,ตามพระที่นั่งต่างๆ  ฯลฯ 

นอกจากพระพิมพ์แล้ว  ในสมัยนั้นยังนิยมเครื่องเบญจรงค์เป็นอย่างมาก 
นิยมมากจนถึงขนาดมีการจัดการประกวดการสร้างเครื่องเบญจรงค์กัน   
ในวังหน้านั้นมีเตาเผาเครื่องเบญจรงค์ที่ได้นำเข้ามาจากประเทศจีน 

ดังนั้น  การดูถูกดูหมิ่น  และการปรามาสพระวังหน้านั้น 
นอกจากจะดูถูกดูหมิ่นช่างสิบหมู่(ซึ่งเป็นบรรพบุรุธของตนเอง)แล้ว 
ยังมีการปรามาสองค์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 
(ซึ่งหลวงปู่ได้อธิษฐานจิตพระพิมพ์ให้) 
มีการปรามาสสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว 
,มีการปรามาสท่านเจ้า(กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) 
และยังปรามาส............
(ผมขอสงวนสิทธิ์แจ้งไว้แต่เพียงเท่านี้ 
ในส่วนอื่นๆผมขอไม่แจ้งให้ทราบ)............. 
ท่านผู้อ่านลองตรึกตรองดูนะครับ 
ผมเองได้ถือว่าผมได้เตือนในเรื่องนี้แล้ว 
ผมได้ทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุดแล้ว  ก็จะอยู่ที่ท่านผู้อ่านเองว่า 
จะเลือกเดินไปในทางไหนเท่านั้น

ผมพอแค่นี้นะครับ  คุยกันเป็นน้ำจิ้ม 
พอหอมปากหอมคอกัน  ขอบคุณและโมทนาสาธุครับ

 
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
เรียน ทุกๆท่าน

สำหรับท่านใด ที่แจ้งมาขอเป็นเพื่อนกับผม
ซึ่งมีหลายๆท่าน

ผมต้องขอโทษทุกๆท่าน ที่ผมไม่ได้รับท่านเป็นเพื่อน

ผมรับเป็นเพื่อนเฉพาะที่ผมรู้จักเป็นการส่วนตัวครับ

ขอโทษอีกครั้งครับ
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
"เก๊สนิท ศิษย์ส่ายหน้า"

ตอน พิมพ์พระสมเด็จ พิมพ์พิเศษ ลั่นล้า
(ชื่อตอนนี้ จะมีการลงหลายครั้ง แต่จะเปลี่ยนพิมพ์ไปเรื่อยๆ)

ขอเก็บคำพูดไว้ครับ
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)