ประชาสัมพันธ์ > โครตเกรียนล้างโลก - ลงชักโครกซะ !
เหล่านักปฏิบัติจ๋าา มามะ มา ลวกน้ำร้อนขูดขน เอ๊ย มาคนค้นคน ชำแหละ .....
บัวผ่อง:
ข้อ3. กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี ฯ
งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
แหม ? คือว่า เป็นสาวเป็นนาง อ่ะค่ะ
เรย ม่ะค่อยอยากจะพูดถึง ศีลข้อนี้เยยย
เด๋ว พลั้งเผลอ หลุดปาก อะไรไป โดยไม่ระวัง
กลัวมันจะไม่งามมมมมมม :'(
แต่พูดแล้วจาหาว่าคุย นะเจ้าคะ
พี่ที่ทำงานด้วย บอกว่า ถ้าอยู่ที่กำแพงเพชร
อิฉันจะได้รับสิทธิพิเศษ ให้ ไปกวนข้าวทิพย์ อ่ะค่ะ
แต่ ถึง จะไม่ได้อยู่ กำแพงเพชร
คนในโรงบาล ก็ มักจะขอร้องให้
ไปปักตะไคร้ อยู่บ่อย ๆ เวลาฝนตก ง่ะ งิงิ
แต่อิฉัน ม่ะยอมใจอ่อนทำตามที่พวกมันขอร้องหรอกนะ
เพราะ ด๋ว ฟ้าผ่าขึ้น มา มันจะเสียเครดิต ว่ะ เอิ๊ก ๆ
เอาล่ะ สรุปก็คือ ว่า ถึงแม้ศีลข้ออื่น ๆ
จะเคยขาดยับ จนเยินแล้วเยินอีกยังไง
แต่ สำหรับ ศีลข้อ 3 นั้น ก็ทู้ซ้รักษามันมาได้อย่างไร้รอยขีดข่วน
ไม่เคยทำ ศีลข้อนี้ ขาดเลย สักครั้งเลยอ่ะ
ถึงแม้อิฉันจะชอบทำไก่หยอกหมา
แหย่ กะชาวบ้านชาวช่องเป็นกิจวัตร
ทว่า ก็ไม่เคยแม้แต่จะคิดหาเรื่อง
ไปปีนต้นงิ้วเล่น เป็นงานอดิเรก ซะทีนะ
แบ่บว่า ...
ถึงจะ แยกจิต ออกจากขันธ์ 5 ไม่ได้
แต่ก็มี วิจารณญาณ เพียงพอ
ที่จะโยนิโสฯ แยกแยะ ออก ว่า
คนไหน คือ...ผัวชาวบ้านเขา อ่ะค่ะ
บัวผ่อง:
ข้อ 4. มุสาวาทา เวรมณีฯ
งดเว้นจากการกล่าวเท็จ
สำหรับศีล ข้อ 4 นี้ อิฉันก็ทำได้ ไม่ยากส์ อ่ะ
สำหรับตอนนี้ ก็ เซ็นชื่อเข้าทำงาน ตามเวลาจริง
หลีกเลี่ยงการร่วมงานเลี้ยงสังสรรน์ ต่าง ๆ ในโรงพยาบาล
ทั้งงานเลี้ยงรับ-เลี้ยงส่ง งานกินเลี้ยงปีใหม่
หรือแม้กระทั่ง การไปเที่ยว OD ฯลฯ ด้วย
เพราะการเข้าร่วมงานพวกนี้
มัน มีอะไรที่ไม่ตรงไปตรงมา แฝงเร้น อยู่น่ะ
ถ้าใครอยู่ในแวดวงข้าราชการ ก็น่าจะพอเข้าใจอยู่
เป็นไปไม่ได้หรอก ที่ หลวงเขาจะอนุญาต
ให้เราเอางบประมาณมาผลาญเล่น
กับ ความรื่นรมย์ส่วนตัว น่ะ
ส่วนใหญ่ งานเลี้ยงสังสรรน์ทั้งหลาย
ก็ล้วนแล้วแต่ เขียนโครงการแบบซิกแซก
แล้ว อาศัย เอารายเซ็นผู้เข้าร่วมงาน
ไปใช้ เบิกเป็นค่าใช้จ่ายในการ ดำเนินการ ทั้งนั้น แหล่ะ
ตอนแรก อิฉันก็ไม่รู้หรอกนะ
มาเอะใจ ตอนที่ กำลังเซ็นชื่อ เข้างานกินเลี้ยงปีใหม่มั้ง
พอไปอ่าน หัวกระดาษใบเซ็นชื่อ ผ่านตา
ปรากฏว่า เฮ้ยยย มันกลับเป็นประมาณว่า
โครงการอบรมพัฒนาศักยภาพบุคลากร อะไรก็ไม่รู้
( นั่งร้องเพลง กินเหล้า กันเนี่ยนะ
มันพัฒนาศักยภาพตรงไหนเนี่ย ? )
ไม่เห็นจะเกี่ยวกับ งานเลี้ยงเลย
แถม ตรูกินเลี้ยงตอน กลางคืนแท้ ๆ
แต่ ทำไมกลับต้องให้เซ็นชื่อ
ว่าเข้าร่วมกิจกรรม ทั้ง เช้า และ บ่าย ฟระ?
พอจับต้นชนปลาย เห็นความไม่โปร่งใสในการดำเนินการ
ก็เลยไม่อยากจะร่วมสังฆกรรม ในวงจรกรรม ด้วยน่ะ
ไอ้ครั้นจะเห็นแก่กิน แล้วทำมึนไปนั่งสังสรรน์
รับประทานดินเนอร์ ร่วมกันเฉย ๆ โดยไม่ไปเซ็นชื่อเข้างาน
ก็รู้สึกว่า มันตะขิดตะขวงใจ เหมือน เกลียดตัวกินไข่
เกลียดปลาไหล แต่กินน้ำแกง ยังไงก็ไม่รู้
สุดท้ายก็เลยตัดสินใจ หลีกเลี่ยงที่ จะเข้าไป
เป็นส่วนหนึ่งใน วงจรกรรม ร่วมกับคนพวกนี้น่ะ
เออ มีเรื่องจะเม้าส์โตย
ปกติจะเป็นคนที่มีลางสังหรณ์
เรื่อง จับสลากแจกรางวัล น่ะ
คือ เมื่อไรก็ตามที่เกิดความรู้สึก นี้ ขึ้นมาแว๊บ ๆ
อิฉันก็มักจะ ได้ รางวัลนั้น ๆ ตามที่รู้สึก เสมอน่ะ
เท่าที่สังเกตดูเจอมาบ่อย เหมือนกัน
ตานี้ วันที่ ตัดสินใจจะเลิก ไปกินเลี้ยงสังสรรน์
งานกินเลี้ยงปีใหม่ นั่นน่ะ ไอ้ ลางสังหรณ์ ตรงนี้ มันเกิดว่ะ
คือ มันรู้สึกมั่นใจว่า ถ้า เราอยู่ ร่วมในงานเลี้ยงครั้งนี้อ่ะนะ
เราจะได้รางวัล เป็น สร้อยคอทองคำหนัก 1 สลึง แหง๋ ๆ เลย
แต่ก็กัดฟัน ไม่อยู่ร่วม ด้วยหรอกนะ ทั้ง ๆ ที่รู้สึกเสียดายตะหงิด ๆ
กับ โชค ที่ กำลังจะได้รับ ( ตามลางสังหรณ์ ) เหมือนกัน
สุดท้าย แล้ว คนที่ได้รางวัลก็เป็น น้องคนที่อยู่ห้องยา เหมือนกัน
นี่ ยังคิดเล่น ๆ เลยนะ ว่า
ถ้าวันนั้นตัดสินใจ อยู่ร่วมงาน
แล้วนั่งลุ้น การจับฉลากชิงทอง ด้วย
บางที คนที่จะได้รางวัล มีโอกาสเป็น อิฉัน ค่อนข้างมาก เลยนะ
เพราะว่า ตอนเข้าไปในงาน ตอนจะเซ็นชื่อ เข้างาน
อิฉัน เข้าไปพร้อมไอ้น้องคนนั้น
หมายเลขเบอร์ฉลากที่ได้ ก็จะเป็นเบอร์ไล่เลี่ยกัน
แล้ว ตอนนั้น น้องมันต่อคิวเซ็นชื่อเข้างานต่อจากอิฉัน ซะด้วย
เพียงแต่ ตอนนั้น อิฉัน สละสิทธิ ไม่เซ็นชื่อ
และ ตัดใจไม่เข้าร่วมงานไง
น้องมันเลยได้หมายเลขลำดับของอิฉันไป
เฮ้ออ เสียด๊ายยยยยยยยยยยย ว่ะ
แต่ถ้าให้ย้อนเวลากลับไปได้
ก็คงทำเหมือนเดิม นั่นแหล่ะ
คงจะไม่ยอมให้ ศีลข้อ 4 ของตัวเอง
ต้องมาแปดเปื้อนเพราะทอง 1 สลึง นั่นหรอกจร้าา
บัวผ่อง:
อืม...เดี๋ยวนี้ ถ้าจะว่า ไป ในเรื่องของ ศีล ข้อ 4 นี้
อิฉันลงลึก ไปถึง ระดับ สัจจะ ด้วยซ้ำ
สมัยเด็ก อิตาหมาน ( พ่ออะฮั้น )
เคยเสี้ยมสอนเสมอนะ ว่า
เสียชีพ อย่าเสียสัตย์ เสียเข็มขัด อย่าเสียกางเกงใน !
อิฉันก็เรยเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับสัจจะ ค่อนข้างมากนะ
ประมาณว่า ถ้าพูดแร้วทำไม่ได้ มรึงก็อย่าเสือกพูด ! เอิ๊ก ๆ
ยิ่งเมื่อนึกครึ้ม มาถือศีลเล่นเป็นงานอดิเรก อ่ะนะ
อะโหย สัจจะ มันยิ่งโดนสแกนไวรัส
ชนิด สามเวลาหลังอาหารเรยมั้ง
จะยกตัวอย่างเรื่อง สัจจะ เล็ก ๆ น้อย ๆ
ที่เกิดกับตัวเองให้ฟังนะ
เพราะ เคยตกปากสัญญาไว้กับแม่ค้า
ว่า ตอนเย็นจะไปซื้อขนมหวาน ร้านเขา
เย็นวันนั้น อิฉันเลยต้องถ่อสังขาร
ขี่มอเตอร์ไซด์ปุเลง ๆ ออกไป ทั้งที่ฝนตกพรำ ๆ
เพียง เพื่อไปซื้อ หนมหวาน ร้านนั้น
เนื่อง ด้วยไม่อยากกลืนน้ำลายตัวเอง
(และขี้เกียจมานั่งต่อศีล ข้อ 4 )
แต่ ปรากฏว่า พอไปถึงร้านนั้น จิง ๆ
แม่ค้า ดันปิด ร้านหนี อิฉันว่ะ
เฮ้อออ อดกินหนมหวานเรยอ่ะ
เพราะ พลั้งปาก ไปว่า ถ้าถูกเจี๋ยนอมยิ้ม
จะไม่ขโมย บัตร ปชช. ชาวบ้าน
มาสมัครล็อคอินใหม่ที่พันธ์ทิป
สุดท้าย ถึงตอนนี้ อิฉัน ก็เรย ม่ะสามารถ
มี อมยิ้มใหม่ ไว้โพส กาทู้แถวนั้นได้
ต้องอาศัย ร่างทรง ตล๊อด
ทั้ง ๆ ที่ ถ้าจะซิกแซก เลี่ยงบาลี จิง ๆ
อิฉันมีคนที่พร้อมจะให้ยื้มบัตร ปชช. ไปสมัครเสมอนะ
น่าเสียดาย ที่สัจจะ มันค้ำคอ
( เฮ้ออ ไม่น่าฟอร์มมากเรยตรู )
และอีกเรื่อง เกี่ยวกับ สัจจะ
ไปสั่งซื้อ ต้มยำกุ้ง กับแม่ค้า ในตลาด
แร้วลืมไปเอา พอขี่รถกลับโรงบาล
มาได้ หลายกิโล (เลยครึ่งทาง แระ )
เพิ่งนึกได้ ว่า เออ กรูลืมไปจ่ายเงิน+เอาแกงที่สั่งแม่ค้าไว้
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ตอน ยังไม่ได้ ถือศีล
อิฉันก็คงจะ ทำไม่รู้ไม่ชี้ ขี่รถกลับโรงบาล
โดย ไม่เสียเวลา ย้อนกลับไปเอา แกงถุงละแค่ 30 บาท หรอกนะ
แต่ พอ แบกศีลไว้แร้ว ก็กลับทำไม่ได้แฮะ
มันจะเห็น ฟาม มักง่าย ของตัวเอง โผล่หางแพลม ๆ
เวลา ไม่รักษาสัญญิงสัญญา ที่ให้ไว้กับชาวบ้านน่ะ
รู้สึกว่า เฮ้ย เมิงกะลัง เบียดเบียนแม่ค้าเค้านะ
ถ้า ไม่รักษาคำพูด ไม่ไปเอาแกงถุงนั้น
อิคนมักง่าย แว้ด ๆ ฉอด ๆ ฯลฯ
พอโดน อิเจ้หิ(ริโอตตัปปะ ) มัน บ่นแว้ด ๆ หนัก ๆ เข้า
ก็เรยชักรำคาญ ต้องยอมรักษาฟอร์มนักปฏิบัติ
ด้วยการย้อนกลับไปเอาแกงถุงนั้น
( ไม่คุ้มค่าน้ำมันรถเล๊ยยย พับผ่า )
แต่ ก็ไม่ได้ รู้สึกว่า ขาดทุน อะไร หรอกนะ
อย่างน้อย บทเรียนอันมีค่า ที่อิฉันได้ จาก เรื่องนี้ ก็คือ
อิฉันได้ฝึกการรักษาสัจจะ ฝึกละทิ้ง ความมักง่ายแห่งตน
อันเป็นการปูพื้นฐานที่มั่นคงในการเป็นนักปฏิบัตินะ
ไม่รู้ดิ คน มานะจัด อย่างอิฉัน คิดเสมอ ว่า
ถ้าริจะเป็นนักปฏิบัติ กะอีแค่ รักษา วาจาสัตย์ ตัวเองไม่ได้
ก็อย่า ทะลึ่งเรียกตัวเอง ว่านักปฏิบัติ เรยว่ะ
เด๋วจะพาล ขายขี้หน้า ไปถึงคูบาอาจานซะเปล่า ๆ อิอิ
บัวผ่อง:
เออ มีเรื่องขำ ๆ เกี่ยวกับ ศีล ข้อ 4 อีกเรื่อง
มาเม้าส์ให้ฟังโตย พอถือศีลข้อนี้ละเอียดขึ้น
เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง คนไข้ มาถามจะขอเปลี่ยน
เอา ยาแก้ปวดยี่ห้อเดิมที่เคยกินแล้วติดใจ
แล้ว ไอ้เรา ไม่ชัวร์ ว่า ตอนนั้นในห้องยา
ยังมี ยาแก้ปวด ยี่ห้อนั้น อยู่ไหม
แต่ตอนนั้นมันขี้เกียจเสียเวลา เดินไปดูที่หลังห้อง
ก็เลย บอกปัดไปว่า ตอนนี้ ในห้องยาไม่มี ยายี่ห้อนี้ แล้ว
( แต่จริง ๆ ไม่แน่ใจหรอกว่า ยังมี ยายี่ห้อนั้นหรือไม่ )
จากนั้น ก็ แนะนำ ให้ คนไข้หันไปใช้ยี่ห้อใหม่
ที่เราจ่ายให้ไปให้ไป เพราะตัวยามันเหมือนกัน
ซึ่งพอคนไข้รับยาเสร็จ แล้วเดินกลับออกไป
ไอ้เรากลับยังรู้สึกคาใจไงก็ไม่รู้น่ะ
ที่ทำตัวมักง่าย พูดจาอะไรออกไป
โดยที่ไม่แน่ใจแบบนั้น
ก็เลยต้องย้อนไปเชคยา ที่อยู่ หลังห้องอีกครั้ง
ปรากฏว่า ไปเจอ ยายี่ห้อเดิม ที่ป้าอยากได้ พอดี
ทีนี้ ทำไงล่ะ ? จะเฉย ๆ ทำไม่รู้ไม่ชี้ก็ได้นะ
เพราะ ไง ก่อนหน้านี้ เราก็ไม่ได้โกหก อะไรนิ
เก๊าะเราเองก็ไม่แน่ใจ ว่าจะมียายี่ห้อนี้ หรือไม่ ? นี่นะ
แต่ ถึงงั้นก็ยังรู้สึก ตะขิดตะขวงใจอยู่ดี
ก็เลยต้อง ถ่อสังขารเดินแถ่ด ๆๆๆ
ออกไปตาม คนไข้ แล้ว เอา ยายี่ห้อนั้น
ไปเปลี่ยนให้เขา อีกหน
อิอิ คนไข้มันคงจะงง มากมายอ่ะ
ว่าทำไม อิหมอคนนี้ มันถึงได้ ใส่ใจเอายามาเปลี่ยนให้
ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ มันเป็นแค่เรื่อง เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น
เฮ้ออ แต่พอทำงี้ แล้ว ค่อยรู้สึกว่ามันหมดจด
และรู้สึกว่า สบายใจขึ้นมาหน่อยนะ ว่า..
บัวผ่อง:
ถึงเราจะมักง่าย เผลอทำอะไร
ที่มันก้าวล่วงศีลไปแล้ว
เราก็ยังมีจิตคิดพยาม
ที่จะปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาดนั้น
และ แสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ แล้ว
แต่ถึงจะค่อนข้างมั่นใจ ในศีลข้อ 4 ของตน
แต่ก็ยังมีเรื่องให้รู้สึกว่าเป็น หนามยอกใจ
เกี่ยวกับ ศีลข้อ นี้ แบบ ตกกระไดพลอยโจนเหมือนกันนะ
อืม...จะยกตัวอย่าง ให้ อ่านเล่น ๆ เป็น อุทาหรณ์ แระกัน
อย่างเรื่อง เซ็นเอกสารทางราชการไง
โรงบาลจ้างคนมาทำความสะอาดแฟลต
โดยมีเงื่อนไขว่า ให้ต้องเป็น คนนอกเท่านั้น ห้ามคนในโรงบาลทำ
( เพื่อป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง )
แต่ พอถึงเวลาจริง ๆ ผู้รับผิดชอบก็เห็นแก่พวกพ้อง ( มั้ง )
เรย หาทาง ซิกแซก ให้ลูกจ้างในโรงบาล เป็นคนรับงานนี้ไปทำจนได้
แต่หั้ย สามีของเค้า (ที่เป็นคนนอก) เป็นคนเซ็นปฏิบัติงาน+รับเงิน แทน
เฮ้ออ การเห็นแก่พวกพ้อง มันก็เป็นเรื่องที่พบเห็นกันได้โดยทั่ว ๆ ไป นั่นแหล่ะ
เห็นจนชินแระ แต่ที่มันทำหั้ยรู้สึก อิหลักอิเหลื่อ และ ตะขิด ตะขวงใจ ก็คือ
ตัวอิฉันเอง ต้องโดนลากเข้าไปเป็น ฟันเฟือง ในวงจรกรรมนั้นด้วยไง
เงื่อนไขการ ตรวจรับงานทำความสะอาดแฟลต
จะต้องให้ ข้าราชการที่อยู่ในแฟลต นั้น
เป็นคนเซ็นตรวจรับ เพื่อความสมเหตุสมผล
แล้วบังเอิญตอนนั้น ในแฟลตก็มี แต่ลูกจ้าง อ่ะ
มีข้าราชการแค่ สองพระหน่อ คือ
น้องหมอฟันคนนึง ก๊ะ อิฉัน อีกหนึ่ง
ทางฝ่ายบริหารก็เรยโบ๊ย มาให้อิฉันเซ็น
เพราะเห็นว่า อิฉันนั้น มีอาวุโสกว่า ( แปลว่าแก่ ):'(
และ ที่สำคัญ ห้องยาอยู่ใกล้ ฝ่ายบริหาร
เดินเอาเอกสารมาหั้ยเซ็นง่ายดี
ตอนแรกที่ต้องเซ็นตรวจรับ
ก็ทำใจลำบากเหมือนกันนะ
เพราะรู้เรยว่า ต้องก้าวล่วงศีล ข้อ 4 อีกแระ ตรู
ก็รู้ก็เห็นกันอยู่ ว่า จิง ๆ แล้ว ใครกันแน่
ที่ไปเช็ดถูปัดกวาดที่แฟลตเหย็ง ๆ
แต่ก็ต้องรู้เห็นเป็นใจ กับชาวบ้าน
ช่วยกันโกหกหลอกลวง หลวง
ว่า อีกคนเป็นคนทำความสะอาด
อืม...จิง ๆ จะปฏิเสธ ไม่เป็นผู้เซ็นตรวจรับก็ได้นะ
การพูดจาแบ่บบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น
เพื่อ หลีกเลี่ยงการทำหั้ยศีลถลอก
แบบดูดีมีหลักการนั้น มันง่ายนิดเดียว
ถ้าเราไม่เซ็นซะอย่าง เด๋วฝ่ายบริหาร
มันก็ วิ่งไปขอหั้ย น้องหมอฟันอีกคน
มาเป็นคนเซ็นตรวจรับแทนก็ได้
ซึ่งน้องเองมันก็คงไม่รู้สึกรู้สา
หรือวิตกจริตเดือดร้อนอะไร กับเรื่องแค่นี้หรอกนะ
เพราะมัน ม่ะได้ถือศีล 5 ในฮาเร็ม เหมือนเรานี่หว่า
ตอนแรกก็ว่าจะทำงั้นนะ
แต่ พอจะทำจิง ๆ อิเจ้หิฯ ก็ดันเสือก
มีอาการ ตะขิดตะขวงใจขึ้นมาอีกแระ
มันบอกว่า นี่แหน่ะนังนู๋บี
การลอยตัวอยู่เหนือปัญหา
ราวกับ แม่ดอกบัวผ่องเป็นยองเป็นใยงี้
มันก็เหมือนการป้ายขรี้หั้ยคนอื่น ไงไม่รู้ว่ะ
สุดท้ายก็เรยได้แต่กัดฟันบอกตัวเองว่า
กรูทำไม่ลงว่ะ
แล้วก็ก้มหน้าก้มตาเซ็นชื่อตรวจรับในเอกสารซะเอง
โดยทำใจที่จะยอม ก้มหน้ารับกรรม ที่ทำลงไปนั้น
พร้อมกับปลอบใจ อิเจ้หิฯ ไป พลาง ประมาณว่า
เหอะน่า ขนาด พระเยซู
ยังยอมรับ บาป แทนมนุษยชาติได้เรย
เธอว์ก็หลับหูรับตาช่วงแบ่งเบา
ภารกิจอันยิ่งใหญ่ของพระบุตรซะมั่งสิวะ
ผิดศีลแค่นี้ไม่ถึงกับถูกธรณีสูบหรอกย่ะเธอว์
อย่างมากก็แค่ได้มีโอกาสไปออนเซ็น
นอนแช่น้ำอุ่นเล่นในกะทะทองแดง แค่ ชาติ สองชาติ เอ๊ง
ที่สำคัญ ขืน ผลักภาระ ให้อิน้องหมอฟัน
มันไปสร้างเวรสร้างกรรมแทนเรา
น้องมันคงจะต้อง ไป ทนทุกข์
ในกะทะทองแดง แทนเราอ่า
แถม อินู๋นี่ มัน ก็ม่ะได้เป็นนักปฏิบัติ
ไม่รู้จักเจริญสติปัฏฐานเหมียนเราซะด้วย
มันจะถึก เอ๊ย ทนมือทนตรีนทั่นยมบาลได้ เร๊อออ
ดังนั้น ตรูยอม ซรวยแทนมันก็ได้ฟระ เอิ๊ก ๆ
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version